ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Special Fic [HSJ-OkaYama] ความทรงจำวันซากุระโปรย (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 April Fool's Day

    • อัปเดตล่าสุด 30 มี.ค. 56






    ความทรงจำวันซากุระโปรย



    31  มีนาคม     เวลา  23:56  น.

    อีกไม่กี่นาทีก็จะถึงวันเกิดของผมแล้ว  วันที่ 1 เมษายน  มันเป็นวัน  April Fool’s Day  หรือเรียกง่ายๆว่า  วันเมษาหน้าโง่  ถ้าถามว่าผมชอบฉายาวันเกิดของผมมั้ย  บอกตรงๆว่าผมไม่ค่อยปลื้มมันเท่าไรหรอก  ใครบ้างล่ะที่อยากจะเกิดในวันที่ทุกคนทั่วโลกตั้งฉายาว่าเป็นวันแห่งการหลอกลวง  ในวันเกิดทุกปี  ถึงแม้จะมีคนอวยพรวันเกิดให้  แต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าทุกคนกำลังโกหกอยู่หรือเปล่า?  ผมมันแย่มากใช่มั้ยครับที่คิดแบบนี้  ทั้งๆที่ทุกคนตั้งใจอวยพรวันเกิดให้ผม  แต่ผมกลับรู้สึกไม่มั่นคงกับความหวังดีเหล่านั้น

    ..... ก็คงใช่นั่นแหละ  ผมมันแย่มาก  ถ้าผมดีกว่านี้อีกสักหน่อยผมก็คงรักษาความรักของผมกับเขาไว้ได้แล้ว

     

     

    1 เมษายน     เวลา  12:23  น.

    “ยามะจัง  คิดอะไรอยู่เหรอ”

    เสียงเพื่อนทักขึ้นทำให้เรียวสุเกะหลุดออกจากภวังค์ความคิด  เขาหันไปมองเพื่อนแล้วยิ้มให้  ในช่วงเที่ยงวันของต้นเดือนเมษายนที่อากาศอบอุ่น  ดอกซากุระที่ปลูกไว้หน้าร้านอาหารที่พวกเขานั่งทานข้าวกันอยู่โปรยกลีบสีขาวของมันร่วงโรยไปกับสายลม  “เปล่าหรอกยูโตะคุง  แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ”

    “คิดถึงใครอยู่หรือเปล่า”  ยูโตะถาม

    “จะมีใครให้คิดถึงกันล่ะ”  เรียวสุเกะตอบด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวแล้วหันไปสบตากับเพื่อน  ถึงแม้ตัวเองจะพูดออกไปแบบนั้นแต่มีหรือที่เพื่อนสนิทที่คบกันมานานอย่างยูโตะจะไม่รู้  เรียวสุเกะหลุบตาลงต่ำไม่อยากให้เพื่อนจับสังเกตตัวเองไปมากกว่านี้

    ยูโตะมองเพื่อนแล้วยิ้มเพียงเล็กน้อย  “คิดถึงเคโตะอีกแล้วใช่มั้ย”  เขาถามอย่างที่รู้ดี  เรียวสุเกะถอนหายใจแล้วพยักหน้าแทนคำตอบ  “นั่นสินะ”  ยูโตะพูด  “วันนี้เป็นวันเกิดของเจ้านั่นนี่นา”

    “อย่าพูดถึงเขาได้มั้ยยูโตะคุง”  เรียวสุเกะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบแกมข่มขู่

    ยูโตะถอนหายใจ  “เอาน่ายามะจัง  จะคิดถึงก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน  คนเคยรักกันชอบกันมันก็ต้องมีความผูกพันกันเป็นธรรมดาแหละน่า”

    “ก็ฉันไม่อยากจำนี่”  เรียวสุเกะจ้องหน้ายูโตะด้วยความไม่พอใจ  “เจ้านั่นน่ะ  ไม่รู้คิดอะไรถึงได้มาพูดแบบนั้น  ถ้าจะเลิกก็บอกกันตรงๆสิ  พูดแบบนั้นมันเจ็บยิ่งกว่าคำว่าเลิกกันซะอีก”

    ยูโตะจับมือเรียวสุเกะเบาๆเป็นการปลอบโยน  “ไม่เป็นไรนะยามะจัง  เคโตะอาจจะมีเหตุผลของเขาอยู่ก็ได้”

    เรียวสุเกะสะบัดหน้าด้วยความไม่พอใจ  พูดถึงแฟนเก่าทีไรแล้วมันทำให้เขาโมโหจริงๆ  “เหตุผลอะไร  ตานั่นก็แค่อยากให้ฉันไปให้พ้นๆหน้าเท่านั้นแหละ”  เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เก็บกั้นอารมณ์ไว้ไม่อยู่  ยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งตอกย้ำ  เขามันไร้ค่าขนาดนั้นเลยเหรอถึงได้ทิ้งกันได้  ไม่ไว้ใจกันขนาดนั้นเลยเหรอถึงได้เดินหนีกันไปเฉยๆ

    ยูโตะจ้องดวงตากลมโตที่กำลังเอ่อล้นด้วยน้ำตา  ใบหน้าขาวเนียนแดงก่ำจากความรู้สึกที่เก็บกดอยู่ภายใน  “นี่ยามะจัง”  ยูโตะเรียก  พยายามทำเสียงให้ร่าเริง  “วันนี้ฉันได้ตั๋วละครเวทีจากพี่ชายข้างบ้านมา 2 ใบล่ะ  พี่เขาติดธุระเลยไปไม่ได้  ฉันกำลังหาคนไปด้วยอยู่พอดีเลย  นายไปกับฉันมั้ย”

    เรียวสุเกะส่ายหน้าทันทีโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก  “ไม่อ่ะ  ไม่มีอารมณ์ไปหรอก”

    “โธ่  ยามะจัง  ไปนะ  ไปเป็นเพื่อนฉันก็ได้  พอถึงโรงละครแล้วนายจะหลับหรือจะทำอะไรฉันไม่ว่าเลย  แต่ฉันอยากดูเรื่องนี้จริงๆ  นายไปกับฉันนะ”  ยูโตะอ้อนวอน

    เรียวสุเกะขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ  “นายไม่รู้หรือไงว่าฉันกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่  ฉันไม่อยากไปทำอะไรแบบนั้นหรอก”

    “ฉันก็แค่คิดว่ามันจะทำให้ยามะจังอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแค่นั้นเอง”  ยูโตะพูดด้วยสีหน้าเศร้าสลด

    เรียวสุเกะมองหน้าเพื่อนด้วยอารมณ์ขัดใจ  เจ้านี่ใช้ไม้ตายอีกแล้ว  ทำให้เขารู้สึกผิดอยู่เรื่อย  “ก็ได้ๆ  ไปก็ได้”

    “จริงเหรอ?”  ยูโตะโพล่งขึ้นด้วยความตื่นเต้น  “ดีเลย  งั้น 1 ทุ่มวันนี้ฉันจะไปรับนายที่บ้านนะ”

    “อืม”  เรียวสุเกะพยักหน้าให้แบบขอไปที  “รีบกินได้แล้วจะได้ไปทำงานสักที  เวลาพักใกล้หมดแล้วนะ”  เขาต่อว่าแล้วก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้าของตัวเองต่อไป  ทั้งๆที่มันจืดชืดหมดแล้ว

    ยูโตะยิ้มหน้าบาน  เขาก้มลงกินอาหารโดยไม่พูดอะไรอีก

     

     

    เรียวสุเกะนั่งมองตัวเองอยู่ตรงหน้ากระจก  อีกหน่อยยูโตะก็คงจะมารับเขาที่บ้าน  ยูโตะเป็นคนดีและยิ้มแย้มอยู่เสมอ  ตั้งแต่เด็กๆแล้ว  ไม่ว่าจะเขาจะหัวเราะหรือร้องไห้  ยูโตะไม่เคยทิ้งเขาไปไหนเลย  เรื่องที่จะไปดูละครเวทีกันวันนี้  แม้เขาจะรู้สึกไม่อยากไปแต่เขาก็ทำให้เพื่อนคนนี้เสียใจไม่ได้

    เรียวสุเกะเหลียวมองปฏิทิน  วันนี้เป็นวันเกิดของเคโตะสินะ  ตั้งแต่ที่พวกเขาเลิกกันและเคโตะกลับโอซาก้าไป  นี่ก็ผ่านไป 3 เดือนแล้ว  เคโตะจะสบายดีอยู่หรือเปล่า  เจ้านั่นยิ่งสุขภาพไม่ดีบ่อยๆ  ตอนนี้ก็ฤดูใบไม้ผลิแล้ว  อาการแพ้เกสรดอกไม้ของเขาจะทุเลาลงบ้างมั้ยนะ  เป็นห่วงจัง

    เรียวสุเกะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ปล่อยความคิดให้เลื่อนลอยออกไป  ความทรงจำของเขากับเคโตะ  ถ้าไม่นับรวมวันที่เคโตะบอกเลิกกับเขา  ทุกอย่างมันทำให้เขามีความสุขจริงๆ  เรียวสุเกะหลับตาลง  ความทรงจำหลากหลายเวียนวนขึ้นมาห้วงความคิด  คำนั้นที่เคโตะพูดกับเขา  เขาอยากจะให้เคโตะพูดกับเขาในวันนี้เสียจริงๆ  เขาอยากจะให้ทุกอย่างมันเป็นแค่การโกหกกันเล่นๆเท่านั้น  แต่มันก็คงไม่ใช่  ในวันเกิดของตัวเอง  วันที่เคโตะเคยบอกว่าเขาทั้งรักทั้งเกลียด  ในตอนนี้เคโตะจะยังเกลียดวันนี้อยู่หรือเปล่า ...

     
     

    ---------------------------------------------------------------------------

    3 เดือนก่อน

    หิมะโปรยปรายลงมาราวกับปุยนุ่นที่หนาวเย็น  มันบางเบาแต่ก็สร้างความหนาวจับใจแก่ผู้ที่สัมผัส  ท่ามกลางต้นไม้ใบหญ้าและหิมะ  สถานที่นี้ร้างไร้ผู้คน  ความมืดกลืนกินทั่วทุกพื้นที่  แสงไฟจากโคมไฟข้างถนนส่องให้เห็นบริเวณที่ทั้งคู่อยู่เพียงลางเลือน  อ้อมกอดอบอุ่นและน้ำตา  เรียวสุเกะซุกหน้าลงในอ้อมกอดของคนรัก  ปล่อยให้เสื้อของเขาดูดซับน้ำตาที่ไหลรินไม่ยอมหยุด

    สัมผัสบางเบาลูบผมของเขาหวังเป็นการปลอบโยน  แต่นี่จะช่วยอะไรได้ล่ะ  ในเมื่อนับจากวินาทีนี้ไป  พวกเขาทั้งสองจะกลายเป็นแค่คนรู้จัก  ไม่อาจกอดกัน  หอมแก้มกัน  หรือแม้แต่จูบกันในฐานะคนรักได้อีกแล้ว  นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย  เขาอยากจะให้เรื่องพวกนี้มันเป็นแค่เรื่องโกหกจริงๆ

    เคโตะคลายอ้อมกอดออกแล้วเช็ดน้ำตาให้คนรัก  ริมฝีปากผุดรอยยิ้มเพียงเล็กน้อยพร้อมความเศร้าที่แฝงในแววตา  ใบหน้าขาวซีดด้วยความหนาว  “ขอโทษนะยามะจังที่ผมอยู่ดูแลคุณตลอดไปไม่ได้  เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ใช่มั้ย”

    เรียวสุเกะกัดริมฝีปากแน่น  น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลออกมาจากดวงตาแดงก่ำ  ความรู้สึกอันหลากหลายเหมือนจะกำลังกดเขาให้จมดิน  มือที่เขาเคยสัมผัสด้วยความรัก  บัดนี้ดูราวกับค้อนที่กำลังทุบหัวใจของเขาให้แหลกสลาย  เรียวสุเกะเงยหน้าสบตากับร่างสูง  คำถามของเคโตะวนเวียนในหัวราวกับเสียงของน้ำฝนยามเมื่อมันกระทบหลังคา  หนักแน่นและบาดลึกลงในความรู้สึก  เรียวสุเกะพยักหน้านั่นคือคำตอบที่เขาฝืนใจให้  เขารักเคโตะ  รักในแบบที่ไม่ใช่เพื่อน  นั่นล่ะเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เขาร้องไห้ไม่ยอมหยุดอยู่อย่างนี้  “เราเลิกกันแล้วใช่มั้ย  ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วใช่มั้ยเคโตะ”

    เคโตะเช็ดน้ำตาให้ร่างเล็ก  “ผมอยากให้เรามีเวลาทบทวนตัวเองดูสักระยะ  เพราะผมยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอที่จะอยู่ดูแลคุณ  ผมอยากจะให้คุณได้มีโอกาสเลือกทางที่ดีกว่าผม”

    “แต่ฉันรักนายนะเคโตะ”  เรียวสุเกะพูดขึ้น  “ต่อให้ต้องเลือกใหม่อีกสักกี่ครั้ง  ฉันก็จะเลือกนายแค่คนเดียว”

    เคโตะยิ้มเศร้า  เขาก้มลงไปจูบกับคนตรงหน้า  เพียงสัมผัสแผ่วเบา  อบอุ่นและเนิ่นนาน  เคโตะถอนริมฝีปากออก  จ้องมองอดีตคนรักด้วยความอาลัย  “ผมรักคุณนะครับยามะจัง  ลาก่อน”

    ---------------------------------------------------------------------------

     
     

    เรียวสุเกะถอนหายใจด้วยความท้อแท้  ภาพในวันนั้น  น้ำเสียงของเคโตะในวันนั้น  สัมผัสของเคโตะในวันนั้น  เขาจะไม่มีวันลืมตลอดไป  เคโตะมีเหตุผลอะไรถึงได้บอกเลิกกับเขา  แม้แต่ในตอนนี้มันก็ยังไม่ชัดเจน  เรียวสุเกะขมวดคิ้วด้วยอารมณ์ขุ่นมัวทั้งความเศร้าที่เกิดขึ้น  เขาก้มหน้าลงแล้วบ่นพึมพำอยู่คนเดียว  “อิตาบ้าเคโตะ  คนไม่มีเหตุผล”

     

     

    เรียวสุเกะเอนตัวลงพิงพนักเก้าอี้อย่างเบื่อหน่าย  ละครเวทีจะเริ่มแล้ว  เขาไม่ได้ดูแม้กระทั่งว่าละครเวทีวันนี้แสดงเรื่องอะไรด้วยซ้ำ  ยูโตะที่นั่งอยู่ข้างๆแสดงอารมณ์ตื่นเต้นจนเขานึกหมั่นไส้  เรียวสุเกะเมินหน้าหนีแล้วทำเป็นหลับตา  ความคิดคำนึงถึงคนรักเก่าที่ยังไม่จางหายโดนรบกวนจนตะกอนฟุ้งขึ้นมาอีกครั้ง  เคโตะ  ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนกันนะ?

     
     

    ---------------------------------------------------------------------------

    “เคโตะ  ทำอะไรอยู่เหรอ”  เรียวสุเกะนั่งลงข้างๆคนรักที่กำลังจดจ่ออยู่กับเปียโนและกระดาษตรงหน้า

    เคโตะหันมายิ้มให้  “ผมกำลังแต่งเพลงน่ะ  เพลงนี้ไง”  เขายื่นกระดาษแผ่นหนึ่งเต็มไปด้วยโน้ตเพลงที่ยังแต่งไม่เสร็จให้ร่างเล็ก

    เรียวสุเกะรับมามองตาแป๋ว  เขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่ตัวเดียว  “เล่นให้ฟังหน่อยสิ”  เขาอ้อน

    “แต่มันยังไม่จบเลยนะ”

    “น่านะเคโตะ  เล่นให้ฟังหน่อยสิ  ดูแค่ตัวโน้ตแล้วฉันจินตนาการไม่ออกหรอก”

    เคโตะยิ้มอ่อนโยนแล้วหยิบกระดาษแผ่นนั้นจากมือของเรียวสุเกะไป  “ถ้างั้นก็ได้  ฟังนะ”

    เคโตะวางนิ้วลงบนคีย์เปียโน  เรียวสุเกะแทบกลั้นหายใจเมื่อเห็นว่าเคโตะจะเริ่มเล่นแล้ว  ร่างสูงสูดหายใจเข้าเล็กน้อย  นิ้วที่วางอยู่ลื่นไหลไปตามคีย์เปียโนแต่ละคีย์  เสียงดนตรีที่บรรเลงอยู่ฟังราวกับตัวโน้ตในกระดาษนั้นลอยออกมาจริงๆ  เสียงดนตรีล่องลอยเข้าสู่โสตประสาท  ฟังดูโรแมนติกและแสนเศร้าอย่างไรบอกไม่ถูก

    เรียวสุเกะอมยิ้มรับฟังเพลงที่เคโตะกำลังเล่นอย่างมีความสุข  แต่แล้วจู่ๆเคโตะก็หยุดเล่นไปเสียเฉยๆ  ทำให้ความรู้สึกลื่นไหลนั้นกลายเป็นแข็งกระด้างขึ้นมาทันที  ร่างสูงหันมายิ้มให้ด้วยความรู้สึกผิด  “ขอโทษนะยามะจัง  ผมยังแต่งไม่เสร็จเลย  ไว้แต่งเสร็จเมื่อไรผมจะเล่นให้ยามะจังฟังนะ”

    เรียวสุเกะยิ้มให้  เขาหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาอีกครั้ง  “ทำไมถึงชื่อว่าความทรงจำวันซากุระโปรยล่ะ  ฟังดูเศร้าๆนะ”

    “บทละครน่ะ”

    “เอ๊ะ!

    “ความทรงจำวันซากุระโปรย  เป็นชื่อบทละครเรื่องหนึ่งที่จะแสดงในฤดูใบไม้ผลิ  ผมแค่อยากจะลองแต่งเพลงที่เข้ากับเนื้อเรื่องสักหน่อย”

    “แต่ฉันไม่เห็นเนื้อร้องสักคำเลยนะ”

    “ความรู้สึก  บางครั้งจำเป็นต้องมีสารสำหรับส่งไปให้ถึงก็จริง  แต่สารเหล่านั้นมันก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคำพูดเสมอไปนี่นา”  เคโตะยิ้ม  เขาดึงร่างเล็กเข้ามาแล้วมอบจูบให้เพียงแผ่วเบา  เรียวสุเกะหลับตาลงรับสัมผัส  เคโตะถอนจูบออกมาแล้วมองหน้าคนรักด้วยความเสน่หา  “เหมือนอย่างจูบเมื่อกี้ไง  คุณเข้าใจความรู้สึกของผมหรือเปล่า”

    เรียวสุเกะยิ้ม  “ฉันเองก็หวังว่านายจะเข้าใจความรู้สึกของฉันเหมือนกันเคโตะ  ฉันรักนาย”

    เคโตะจับมือร่างเล็กไว้แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน  “ผมก็รักคุณครับ  ยามะจัง”

    ---------------------------------------------------------------------------

     
     

    เรียวสุเกะลืมตาเมื่อม่านเวทีเปิดออก  เนื้อเรื่องของละครเวทีดำเนินไปอย่างน่าเบื่อหน่ายสำหรับเขา  เรื่องราวความรักระหว่างคนสองคน  ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะมาดูหรอกนะ

    เรียวสุเกะจำใจดูจนไม่รู้ว่าเนื้อเรื่องมันเป็นยังไงบ้าง  จนฉากสุดท้ายของละครมาถึง  ต้นซากุระจำลองต้นใหญ่ถูกนำมาตั้งไว้กลางเวที  คู่พระนางเดินออกมายืนใต้ต้นซากุระนี้แล้วพร่ำพรรณนาคำรักกันไม่หยุดหย่อน  แต่เอ๊ะ!  ไม่ใช่สิ  นั่นมันไม่ใช่คำพรรณนาความรัก  เรียวสุเกะเบิกตากว้าง  เพิ่งจะเข้าใจเนื้อหาของเนื้อเรื่องทั้งหมดนี้นี่เอง

     

    “ฉันต้องไปแล้วค่ะคาซูกิ  หมดเวลาของฉันแล้ว”  นางเอกของเรื่องในชุดราตรีสีขาวพริ้วไหวบอกกับคนรักของเธอ

    “นานะจัง  อย่าทิ้งผมไว้คนเดียวอีกเลยนะ  ผมจะไม่ยอมเสียคุณไปอีกแล้ว”  พระเอกอ้อนวอน

    “ฉันตายแล้วนะคะคาซูกิ  ฉันเป็นแค่วิญญาณ  แต่คุณเป็นมนุษย์  เราอยู่ด้วยกันไม่ได้”

    “แต่ผมรักคุณ  ผมรักคุณนะครับนานะจัง  ผมขอโทษที่ผมมาบอกรักคุณในเวลาแบบนี้  แต่ผมแค่อยากจะให้คุณรู้ว่าผมรักคุณ”

    หญิงสาวคนนั้นยิ้มให้กับคนรักของเธอ  ชายคนหนึ่งในชุดสีขาวลอยลงมาจากด้านบนของเวที

    “หมดเวลาของเจ้าแล้วนานะ”  ชายชุดขาวพูด

    หญิงสาวยิ้มให้กับคนรักโดยไม่ตอบอะไรแก่ชายชุดขาวผู้นั้น  “ความรู้สึกบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูด  ตอนที่ฉันยังมีชีวิตอยู่  แม้คุณจะไม่เคยบอกรักฉัน  ฉันก็รู้ว่าคุณรักฉันค่ะคาซูกิ  ลาก่อน”

    เธอพูด  แล้วผู้ชายใส่ชุดขาวคนนั้นก็พาเธอลอยขึ้นไปด้านบนของเวที  ลาจากพระเอกผู้ที่กำลังเศร้าสร้อยให้จมดิ่งอยู่กับน้ำตา

     

    เรียวสุเกะใจเต้นแรง  เขาได้ยินเสียงคนที่นั่งข้างๆสะอื้นขึ้นมา  หลายคนร้องไห้กับเนื้อเรื่องของละครเวที  พระเอกผู้ที่ไม่เคยบอกรักนางเอกคนที่ตัวเองรัก  จนเมื่อเธอตายไปถึงได้รู้ซึ้งถึงหัวใจของตัวเอง  น่าเสียดายช่วงเวลาที่ผ่านมา  อยากจะทำในสิ่งที่ยังไม่ได้ทำให้เสร็จสิ้น  ไม่อยากมานึกเสียใจภายหลัง  อยากจะทำให้ทุกวันมีความสุข  เขาเองก็อยากจะทำอย่างนั้นเหมือนกัน

    ม่านละครเวทีค่อยๆปิดลงอย่างเชื่องช้าพร้อมเพลงที่เปิดคลอเบาๆ  เสียงเดี่ยวเปียโนดังล่องลอยอบอวลไปทั่วโรงละคร  เสียงโน้ตดนตรีแล่นริ้วสะกดคนฟังให้เคลิบเคลิ้มและตกอยู่ในภวังค์แห่งความรู้สึก

    เรียวสุเกะรับรู้ได้ถึงหยาดน้ำใสๆที่เอ่อขึ้นเต็มดวงตา  ความคิดถึงที่ถูกกักเก็บไว้ในหัวใจล้นทะลักจนควบคุมไว้ไม่อยู่  เสียงเพลงนี้  โน้ตทำนองแบบนี้  ยิ่งทำให้ความคิดถึงของเขาเพิ่มกำลังมากขึ้น  เขาอยากให้เคโตะอยู่ที่นี่  อยากเจอหน้า  อยากจะบอกว่าเขารักเคโตะมากแค่ไหน  เรียวสุเกะหยิบบัตรเข้าชมละครขึ้นมาดู  เพิ่งจะได้เห็นชื่อเรื่องก็ตอนนี้

    ... ความทรงจำวันซากุระโปรย ...

    เสียงดนตรีบรรเลงตอกย้ำลงไปทุกความรู้สึก  แล้วมันก็จบลงด้วยความรู้สึกที่ยังอบอวลเต็มอิ่มในโรงละคร  ความรู้สึกที่ส่งผ่านตัวโน้ตตัวสุดท้ายของเพลงนั้นยังค้างวนราวกับหมอกที่ยังไม่จาง  เรียวสุเกะน้ำตาไหลพราก  ในที่สุดเคโตะก็แต่งเพลงนี้จบจนได้  แม้จะเป็นแค่การเปิดจากแผ่นเสียง  แต่เขาก็ได้ฟังเพลงที่เคโตะแต่งแล้ว  เคโตะรักษาคำพูดของเขา

    เรียวสุเกะรับรู้ได้ถึงมือข้างหนึ่งที่กุมมือเขาไว้  เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังบุคคลที่นั่งข้างๆ  ยูโตะยิ้มแล้วเรียกเขาเบาๆ  “ยามะจัง”  เรียวสุเกะสบตากับเพื่อนรัก  แววตาแบบนี้ของยูโตะมันหมายความว่ายังไงกันนะ?

     

     

    To  be  con.

    --------------------------------------------------------------------------

    พาร์ทจบจะมาอัพตอนวันเกิดเคโตะคุงนะคะ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×