คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 April Fool's Day
ความทรงจำวันซากุระโปรย
31 มีนาคม เวลา 23:56 น.
อีกไม่กี่นาทีก็จะถึงวันเกิดของผมแล้ว วันที่ 1 เมษายน มันเป็นวัน April Fool’s Day หรือเรียกง่ายๆว่า วันเมษาหน้าโง่ ถ้าถามว่าผมชอบฉายาวันเกิดของผมมั้ย บอกตรงๆว่าผมไม่ค่อยปลื้มมันเท่าไรหรอก ใครบ้างล่ะที่อยากจะเกิดในวันที่ทุกคนทั่วโลกตั้งฉายาว่าเป็นวันแห่งการหลอกลวง ในวันเกิดทุกปี ถึงแม้จะมีคนอวยพรวันเกิดให้ แต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าทุกคนกำลังโกหกอยู่หรือเปล่า? ผมมันแย่มากใช่มั้ยครับที่คิดแบบนี้ ทั้งๆที่ทุกคนตั้งใจอวยพรวันเกิดให้ผม แต่ผมกลับรู้สึกไม่มั่นคงกับความหวังดีเหล่านั้น
..... ก็คงใช่นั่นแหละ ผมมันแย่มาก ถ้าผมดีกว่านี้อีกสักหน่อยผมก็คงรักษาความรักของผมกับเขาไว้ได้แล้ว
1 เมษายน เวลา 12:23 น.
“ยามะจัง คิดอะไรอยู่เหรอ”
เสียงเพื่อนทักขึ้นทำให้เรียวสุเกะหลุดออกจากภวังค์ความคิด เขาหันไปมองเพื่อนแล้วยิ้มให้ ในช่วงเที่ยงวันของต้นเดือนเมษายนที่อากาศอบอุ่น ดอกซากุระที่ปลูกไว้หน้าร้านอาหารที่พวกเขานั่งทานข้าวกันอยู่โปรยกลีบสีขาวของมันร่วงโรยไปกับสายลม “เปล่าหรอกยูโตะคุง แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ”
“คิดถึงใครอยู่หรือเปล่า” ยูโตะถาม
“จะมีใครให้คิดถึงกันล่ะ” เรียวสุเกะตอบด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวแล้วหันไปสบตากับเพื่อน ถึงแม้ตัวเองจะพูดออกไปแบบนั้นแต่มีหรือที่เพื่อนสนิทที่คบกันมานานอย่างยูโตะจะไม่รู้ เรียวสุเกะหลุบตาลงต่ำไม่อยากให้เพื่อนจับสังเกตตัวเองไปมากกว่านี้
ยูโตะมองเพื่อนแล้วยิ้มเพียงเล็กน้อย “คิดถึงเคโตะอีกแล้วใช่มั้ย” เขาถามอย่างที่รู้ดี เรียวสุเกะถอนหายใจแล้วพยักหน้าแทนคำตอบ “นั่นสินะ” ยูโตะพูด “วันนี้เป็นวันเกิดของเจ้านั่นนี่นา”
“อย่าพูดถึงเขาได้มั้ยยูโตะคุง” เรียวสุเกะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบแกมข่มขู่
ยูโตะถอนหายใจ “เอาน่ายามะจัง จะคิดถึงก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน คนเคยรักกันชอบกันมันก็ต้องมีความผูกพันกันเป็นธรรมดาแหละน่า”
“ก็ฉันไม่อยากจำนี่” เรียวสุเกะจ้องหน้ายูโตะด้วยความไม่พอใจ “เจ้านั่นน่ะ ไม่รู้คิดอะไรถึงได้มาพูดแบบนั้น ถ้าจะเลิกก็บอกกันตรงๆสิ พูดแบบนั้นมันเจ็บยิ่งกว่าคำว่าเลิกกันซะอีก”
ยูโตะจับมือเรียวสุเกะเบาๆเป็นการปลอบโยน “ไม่เป็นไรนะยามะจัง เคโตะอาจจะมีเหตุผลของเขาอยู่ก็ได้”
เรียวสุเกะสะบัดหน้าด้วยความไม่พอใจ พูดถึงแฟนเก่าทีไรแล้วมันทำให้เขาโมโหจริงๆ “เหตุผลอะไร ตานั่นก็แค่อยากให้ฉันไปให้พ้นๆหน้าเท่านั้นแหละ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เก็บกั้นอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งตอกย้ำ เขามันไร้ค่าขนาดนั้นเลยเหรอถึงได้ทิ้งกันได้ ไม่ไว้ใจกันขนาดนั้นเลยเหรอถึงได้เดินหนีกันไปเฉยๆ
ยูโตะจ้องดวงตากลมโตที่กำลังเอ่อล้นด้วยน้ำตา ใบหน้าขาวเนียนแดงก่ำจากความรู้สึกที่เก็บกดอยู่ภายใน “นี่ยามะจัง” ยูโตะเรียก พยายามทำเสียงให้ร่าเริง “วันนี้ฉันได้ตั๋วละครเวทีจากพี่ชายข้างบ้านมา 2 ใบล่ะ พี่เขาติดธุระเลยไปไม่ได้ ฉันกำลังหาคนไปด้วยอยู่พอดีเลย นายไปกับฉันมั้ย”
เรียวสุเกะส่ายหน้าทันทีโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก “ไม่อ่ะ ไม่มีอารมณ์ไปหรอก”
“โธ่ ยามะจัง ไปนะ ไปเป็นเพื่อนฉันก็ได้ พอถึงโรงละครแล้วนายจะหลับหรือจะทำอะไรฉันไม่ว่าเลย แต่ฉันอยากดูเรื่องนี้จริงๆ นายไปกับฉันนะ” ยูโตะอ้อนวอน
เรียวสุเกะขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ “นายไม่รู้หรือไงว่าฉันกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่ ฉันไม่อยากไปทำอะไรแบบนั้นหรอก”
“ฉันก็แค่คิดว่ามันจะทำให้ยามะจังอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแค่นั้นเอง” ยูโตะพูดด้วยสีหน้าเศร้าสลด
เรียวสุเกะมองหน้าเพื่อนด้วยอารมณ์ขัดใจ เจ้านี่ใช้ไม้ตายอีกแล้ว ทำให้เขารู้สึกผิดอยู่เรื่อย “ก็ได้ๆ ไปก็ได้”
“จริงเหรอ?” ยูโตะโพล่งขึ้นด้วยความตื่นเต้น “ดีเลย งั้น 1 ทุ่มวันนี้ฉันจะไปรับนายที่บ้านนะ”
“อืม” เรียวสุเกะพยักหน้าให้แบบขอไปที “รีบกินได้แล้วจะได้ไปทำงานสักที เวลาพักใกล้หมดแล้วนะ” เขาต่อว่าแล้วก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้าของตัวเองต่อไป ทั้งๆที่มันจืดชืดหมดแล้ว
ยูโตะยิ้มหน้าบาน เขาก้มลงกินอาหารโดยไม่พูดอะไรอีก
เรียวสุเกะนั่งมองตัวเองอยู่ตรงหน้ากระจก อีกหน่อยยูโตะก็คงจะมารับเขาที่บ้าน ยูโตะเป็นคนดีและยิ้มแย้มอยู่เสมอ ตั้งแต่เด็กๆแล้ว ไม่ว่าจะเขาจะหัวเราะหรือร้องไห้ ยูโตะไม่เคยทิ้งเขาไปไหนเลย เรื่องที่จะไปดูละครเวทีกันวันนี้ แม้เขาจะรู้สึกไม่อยากไปแต่เขาก็ทำให้เพื่อนคนนี้เสียใจไม่ได้
เรียวสุเกะเหลียวมองปฏิทิน วันนี้เป็นวันเกิดของเคโตะสินะ ตั้งแต่ที่พวกเขาเลิกกันและเคโตะกลับโอซาก้าไป นี่ก็ผ่านไป 3 เดือนแล้ว เคโตะจะสบายดีอยู่หรือเปล่า เจ้านั่นยิ่งสุขภาพไม่ดีบ่อยๆ ตอนนี้ก็ฤดูใบไม้ผลิแล้ว อาการแพ้เกสรดอกไม้ของเขาจะทุเลาลงบ้างมั้ยนะ เป็นห่วงจัง
เรียวสุเกะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ปล่อยความคิดให้เลื่อนลอยออกไป ความทรงจำของเขากับเคโตะ ถ้าไม่นับรวมวันที่เคโตะบอกเลิกกับเขา ทุกอย่างมันทำให้เขามีความสุขจริงๆ เรียวสุเกะหลับตาลง ความทรงจำหลากหลายเวียนวนขึ้นมาห้วงความคิด คำนั้นที่เคโตะพูดกับเขา เขาอยากจะให้เคโตะพูดกับเขาในวันนี้เสียจริงๆ เขาอยากจะให้ทุกอย่างมันเป็นแค่การโกหกกันเล่นๆเท่านั้น แต่มันก็คงไม่ใช่ ในวันเกิดของตัวเอง วันที่เคโตะเคยบอกว่าเขาทั้งรักทั้งเกลียด ในตอนนี้เคโตะจะยังเกลียดวันนี้อยู่หรือเปล่า ...
---------------------------------------------------------------------------
3 เดือนก่อน
หิมะโปรยปรายลงมาราวกับปุยนุ่นที่หนาวเย็น มันบางเบาแต่ก็สร้างความหนาวจับใจแก่ผู้ที่สัมผัส ท่ามกลางต้นไม้ใบหญ้าและหิมะ สถานที่นี้ร้างไร้ผู้คน ความมืดกลืนกินทั่วทุกพื้นที่ แสงไฟจากโคมไฟข้างถนนส่องให้เห็นบริเวณที่ทั้งคู่อยู่เพียงลางเลือน อ้อมกอดอบอุ่นและน้ำตา เรียวสุเกะซุกหน้าลงในอ้อมกอดของคนรัก ปล่อยให้เสื้อของเขาดูดซับน้ำตาที่ไหลรินไม่ยอมหยุด
สัมผัสบางเบาลูบผมของเขาหวังเป็นการปลอบโยน แต่นี่จะช่วยอะไรได้ล่ะ ในเมื่อนับจากวินาทีนี้ไป พวกเขาทั้งสองจะกลายเป็นแค่คนรู้จัก ไม่อาจกอดกัน หอมแก้มกัน หรือแม้แต่จูบกันในฐานะคนรักได้อีกแล้ว นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย เขาอยากจะให้เรื่องพวกนี้มันเป็นแค่เรื่องโกหกจริงๆ
เคโตะคลายอ้อมกอดออกแล้วเช็ดน้ำตาให้คนรัก ริมฝีปากผุดรอยยิ้มเพียงเล็กน้อยพร้อมความเศร้าที่แฝงในแววตา ใบหน้าขาวซีดด้วยความหนาว “ขอโทษนะยามะจังที่ผมอยู่ดูแลคุณตลอดไปไม่ได้ เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ใช่มั้ย”
เรียวสุเกะกัดริมฝีปากแน่น น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลออกมาจากดวงตาแดงก่ำ ความรู้สึกอันหลากหลายเหมือนจะกำลังกดเขาให้จมดิน มือที่เขาเคยสัมผัสด้วยความรัก บัดนี้ดูราวกับค้อนที่กำลังทุบหัวใจของเขาให้แหลกสลาย เรียวสุเกะเงยหน้าสบตากับร่างสูง คำถามของเคโตะวนเวียนในหัวราวกับเสียงของน้ำฝนยามเมื่อมันกระทบหลังคา หนักแน่นและบาดลึกลงในความรู้สึก เรียวสุเกะพยักหน้านั่นคือคำตอบที่เขาฝืนใจให้ เขารักเคโตะ รักในแบบที่ไม่ใช่เพื่อน นั่นล่ะเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เขาร้องไห้ไม่ยอมหยุดอยู่อย่างนี้ “เราเลิกกันแล้วใช่มั้ย ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วใช่มั้ยเคโตะ”
เคโตะเช็ดน้ำตาให้ร่างเล็ก “ผมอยากให้เรามีเวลาทบทวนตัวเองดูสักระยะ เพราะผมยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอที่จะอยู่ดูแลคุณ ผมอยากจะให้คุณได้มีโอกาสเลือกทางที่ดีกว่าผม”
“แต่ฉันรักนายนะเคโตะ” เรียวสุเกะพูดขึ้น “ต่อให้ต้องเลือกใหม่อีกสักกี่ครั้ง ฉันก็จะเลือกนายแค่คนเดียว”
เคโตะยิ้มเศร้า เขาก้มลงไปจูบกับคนตรงหน้า เพียงสัมผัสแผ่วเบา อบอุ่นและเนิ่นนาน เคโตะถอนริมฝีปากออก จ้องมองอดีตคนรักด้วยความอาลัย “ผมรักคุณนะครับยามะจัง ลาก่อน”
---------------------------------------------------------------------------
เรียวสุเกะถอนหายใจด้วยความท้อแท้ ภาพในวันนั้น น้ำเสียงของเคโตะในวันนั้น สัมผัสของเคโตะในวันนั้น เขาจะไม่มีวันลืมตลอดไป เคโตะมีเหตุผลอะไรถึงได้บอกเลิกกับเขา แม้แต่ในตอนนี้มันก็ยังไม่ชัดเจน เรียวสุเกะขมวดคิ้วด้วยอารมณ์ขุ่นมัวทั้งความเศร้าที่เกิดขึ้น เขาก้มหน้าลงแล้วบ่นพึมพำอยู่คนเดียว “อิตาบ้าเคโตะ คนไม่มีเหตุผล”
เรียวสุเกะเอนตัวลงพิงพนักเก้าอี้อย่างเบื่อหน่าย ละครเวทีจะเริ่มแล้ว เขาไม่ได้ดูแม้กระทั่งว่าละครเวทีวันนี้แสดงเรื่องอะไรด้วยซ้ำ ยูโตะที่นั่งอยู่ข้างๆแสดงอารมณ์ตื่นเต้นจนเขานึกหมั่นไส้ เรียวสุเกะเมินหน้าหนีแล้วทำเป็นหลับตา ความคิดคำนึงถึงคนรักเก่าที่ยังไม่จางหายโดนรบกวนจนตะกอนฟุ้งขึ้นมาอีกครั้ง ‘เคโตะ ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนกันนะ?’
---------------------------------------------------------------------------
“เคโตะ ทำอะไรอยู่เหรอ” เรียวสุเกะนั่งลงข้างๆคนรักที่กำลังจดจ่ออยู่กับเปียโนและกระดาษตรงหน้า
เคโตะหันมายิ้มให้ “ผมกำลังแต่งเพลงน่ะ เพลงนี้ไง” เขายื่นกระดาษแผ่นหนึ่งเต็มไปด้วยโน้ตเพลงที่ยังแต่งไม่เสร็จให้ร่างเล็ก
เรียวสุเกะรับมามองตาแป๋ว เขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่ตัวเดียว “เล่นให้ฟังหน่อยสิ” เขาอ้อน
“แต่มันยังไม่จบเลยนะ”
“น่านะเคโตะ เล่นให้ฟังหน่อยสิ ดูแค่ตัวโน้ตแล้วฉันจินตนาการไม่ออกหรอก”
เคโตะยิ้มอ่อนโยนแล้วหยิบกระดาษแผ่นนั้นจากมือของเรียวสุเกะไป “ถ้างั้นก็ได้ ฟังนะ”
เคโตะวางนิ้วลงบนคีย์เปียโน เรียวสุเกะแทบกลั้นหายใจเมื่อเห็นว่าเคโตะจะเริ่มเล่นแล้ว ร่างสูงสูดหายใจเข้าเล็กน้อย นิ้วที่วางอยู่ลื่นไหลไปตามคีย์เปียโนแต่ละคีย์ เสียงดนตรีที่บรรเลงอยู่ฟังราวกับตัวโน้ตในกระดาษนั้นลอยออกมาจริงๆ เสียงดนตรีล่องลอยเข้าสู่โสตประสาท ฟังดูโรแมนติกและแสนเศร้าอย่างไรบอกไม่ถูก
เรียวสุเกะอมยิ้มรับฟังเพลงที่เคโตะกำลังเล่นอย่างมีความสุข แต่แล้วจู่ๆเคโตะก็หยุดเล่นไปเสียเฉยๆ ทำให้ความรู้สึกลื่นไหลนั้นกลายเป็นแข็งกระด้างขึ้นมาทันที ร่างสูงหันมายิ้มให้ด้วยความรู้สึกผิด “ขอโทษนะยามะจัง ผมยังแต่งไม่เสร็จเลย ไว้แต่งเสร็จเมื่อไรผมจะเล่นให้ยามะจังฟังนะ”
เรียวสุเกะยิ้มให้ เขาหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาอีกครั้ง “ทำไมถึงชื่อว่าความทรงจำวันซากุระโปรยล่ะ ฟังดูเศร้าๆนะ”
“บทละครน่ะ”
“เอ๊ะ!”
“ความทรงจำวันซากุระโปรย เป็นชื่อบทละครเรื่องหนึ่งที่จะแสดงในฤดูใบไม้ผลิ ผมแค่อยากจะลองแต่งเพลงที่เข้ากับเนื้อเรื่องสักหน่อย”
“แต่ฉันไม่เห็นเนื้อร้องสักคำเลยนะ”
“ความรู้สึก บางครั้งจำเป็นต้องมีสารสำหรับส่งไปให้ถึงก็จริง แต่สารเหล่านั้นมันก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคำพูดเสมอไปนี่นา” เคโตะยิ้ม เขาดึงร่างเล็กเข้ามาแล้วมอบจูบให้เพียงแผ่วเบา เรียวสุเกะหลับตาลงรับสัมผัส เคโตะถอนจูบออกมาแล้วมองหน้าคนรักด้วยความเสน่หา “เหมือนอย่างจูบเมื่อกี้ไง คุณเข้าใจความรู้สึกของผมหรือเปล่า”
เรียวสุเกะยิ้ม “ฉันเองก็หวังว่านายจะเข้าใจความรู้สึกของฉันเหมือนกันเคโตะ ฉันรักนาย”
เคโตะจับมือร่างเล็กไว้แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “ผมก็รักคุณครับ ยามะจัง”
---------------------------------------------------------------------------
เรียวสุเกะลืมตาเมื่อม่านเวทีเปิดออก เนื้อเรื่องของละครเวทีดำเนินไปอย่างน่าเบื่อหน่ายสำหรับเขา เรื่องราวความรักระหว่างคนสองคน ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะมาดูหรอกนะ
เรียวสุเกะจำใจดูจนไม่รู้ว่าเนื้อเรื่องมันเป็นยังไงบ้าง จนฉากสุดท้ายของละครมาถึง ต้นซากุระจำลองต้นใหญ่ถูกนำมาตั้งไว้กลางเวที คู่พระนางเดินออกมายืนใต้ต้นซากุระนี้แล้วพร่ำพรรณนาคำรักกันไม่หยุดหย่อน แต่เอ๊ะ! ไม่ใช่สิ นั่นมันไม่ใช่คำพรรณนาความรัก เรียวสุเกะเบิกตากว้าง เพิ่งจะเข้าใจเนื้อหาของเนื้อเรื่องทั้งหมดนี้นี่เอง
“ฉันต้องไปแล้วค่ะคาซูกิ หมดเวลาของฉันแล้ว” นางเอกของเรื่องในชุดราตรีสีขาวพริ้วไหวบอกกับคนรักของเธอ
“นานะจัง อย่าทิ้งผมไว้คนเดียวอีกเลยนะ ผมจะไม่ยอมเสียคุณไปอีกแล้ว” พระเอกอ้อนวอน
“ฉันตายแล้วนะคะคาซูกิ ฉันเป็นแค่วิญญาณ แต่คุณเป็นมนุษย์ เราอยู่ด้วยกันไม่ได้”
“แต่ผมรักคุณ ผมรักคุณนะครับนานะจัง ผมขอโทษที่ผมมาบอกรักคุณในเวลาแบบนี้ แต่ผมแค่อยากจะให้คุณรู้ว่าผมรักคุณ”
หญิงสาวคนนั้นยิ้มให้กับคนรักของเธอ ชายคนหนึ่งในชุดสีขาวลอยลงมาจากด้านบนของเวที
“หมดเวลาของเจ้าแล้วนานะ” ชายชุดขาวพูด
หญิงสาวยิ้มให้กับคนรักโดยไม่ตอบอะไรแก่ชายชุดขาวผู้นั้น “ความรู้สึกบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูด ตอนที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ แม้คุณจะไม่เคยบอกรักฉัน ฉันก็รู้ว่าคุณรักฉันค่ะคาซูกิ ลาก่อน”
เธอพูด แล้วผู้ชายใส่ชุดขาวคนนั้นก็พาเธอลอยขึ้นไปด้านบนของเวที ลาจากพระเอกผู้ที่กำลังเศร้าสร้อยให้จมดิ่งอยู่กับน้ำตา
เรียวสุเกะใจเต้นแรง เขาได้ยินเสียงคนที่นั่งข้างๆสะอื้นขึ้นมา หลายคนร้องไห้กับเนื้อเรื่องของละครเวที พระเอกผู้ที่ไม่เคยบอกรักนางเอกคนที่ตัวเองรัก จนเมื่อเธอตายไปถึงได้รู้ซึ้งถึงหัวใจของตัวเอง น่าเสียดายช่วงเวลาที่ผ่านมา อยากจะทำในสิ่งที่ยังไม่ได้ทำให้เสร็จสิ้น ไม่อยากมานึกเสียใจภายหลัง อยากจะทำให้ทุกวันมีความสุข เขาเองก็อยากจะทำอย่างนั้นเหมือนกัน
ม่านละครเวทีค่อยๆปิดลงอย่างเชื่องช้าพร้อมเพลงที่เปิดคลอเบาๆ เสียงเดี่ยวเปียโนดังล่องลอยอบอวลไปทั่วโรงละคร เสียงโน้ตดนตรีแล่นริ้วสะกดคนฟังให้เคลิบเคลิ้มและตกอยู่ในภวังค์แห่งความรู้สึก
เรียวสุเกะรับรู้ได้ถึงหยาดน้ำใสๆที่เอ่อขึ้นเต็มดวงตา ความคิดถึงที่ถูกกักเก็บไว้ในหัวใจล้นทะลักจนควบคุมไว้ไม่อยู่ เสียงเพลงนี้ โน้ตทำนองแบบนี้ ยิ่งทำให้ความคิดถึงของเขาเพิ่มกำลังมากขึ้น เขาอยากให้เคโตะอยู่ที่นี่ อยากเจอหน้า อยากจะบอกว่าเขารักเคโตะมากแค่ไหน เรียวสุเกะหยิบบัตรเข้าชมละครขึ้นมาดู เพิ่งจะได้เห็นชื่อเรื่องก็ตอนนี้
... ความทรงจำวันซากุระโปรย ...
เสียงดนตรีบรรเลงตอกย้ำลงไปทุกความรู้สึก แล้วมันก็จบลงด้วยความรู้สึกที่ยังอบอวลเต็มอิ่มในโรงละคร ความรู้สึกที่ส่งผ่านตัวโน้ตตัวสุดท้ายของเพลงนั้นยังค้างวนราวกับหมอกที่ยังไม่จาง เรียวสุเกะน้ำตาไหลพราก ในที่สุดเคโตะก็แต่งเพลงนี้จบจนได้ แม้จะเป็นแค่การเปิดจากแผ่นเสียง แต่เขาก็ได้ฟังเพลงที่เคโตะแต่งแล้ว เคโตะรักษาคำพูดของเขา
เรียวสุเกะรับรู้ได้ถึงมือข้างหนึ่งที่กุมมือเขาไว้ เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังบุคคลที่นั่งข้างๆ ยูโตะยิ้มแล้วเรียกเขาเบาๆ “ยามะจัง” เรียวสุเกะสบตากับเพื่อนรัก แววตาแบบนี้ของยูโตะมันหมายความว่ายังไงกันนะ?
To be con.
--------------------------------------------------------------------------
พาร์ทจบจะมาอัพตอนวันเกิดเคโตะคุงนะคะ
ความคิดเห็น