Shortfic [HSJ-NakaYama] สงคราม ความรัก ความทรงจำ (Yaoi) - Shortfic [HSJ-NakaYama] สงคราม ความรัก ความทรงจำ (Yaoi) นิยาย Shortfic [HSJ-NakaYama] สงคราม ความรัก ความทรงจำ (Yaoi) : Dek-D.com - Writer

    Shortfic [HSJ-NakaYama] สงคราม ความรัก ความทรงจำ (Yaoi)

    สงครามทำให้พวกเขาต้องพรากจาก บัดนี้ความทรงจำได้นำพาพวกเขากลับมาพบกันอีกครั้ง

    ผู้เข้าชมรวม

    687

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    9

    ผู้เข้าชมรวม


    687

    ความคิดเห็น


    12

    คนติดตาม


    3
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  14 พ.ค. 55 / 13:12 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

     

    Yuto  Nakajima




     
     

    Ryosuke  Yamada

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
       

       สงคราม ความรัก ความทรงจำ

       

      ฟ้ายามราตรีอันมืดมิดไร้แสงจันทร์อีกทั้งดวงดาราที่เคยพร่างพราวนั้นก็ลับหายไปประหนึ่งแสงแห่งความหวังและศรัทธากำลังจะดับสิ้น  เส้นทางแห่งความรักและความตายนั้นกำลังรอให้พวกเขาได้ไปเยือน  สองมือกุมกันแน่นขณะวิ่งไปสู่ทางที่พวกเขาได้เลือกไว้แล้ว  ทั้งเสียงจังรีดเรไรร้องระงม  ทั้งเสียงอื้ออึงที่ดังตามมาข้างหลัง  ไม่มีสิ่งใดจะยับยั้งพวกเขาไว้ได้อีกต่อไป

      ม้าตัวใหญ่วิ่งมาตัดหน้าพวกเขาให้หยุด  ชายในชุดนักรบชักกระบี่ออกมาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอันดัง  “เจ้าเป็นถึงองค์ชายแห่งอิทสึริ  เหตุใดถึงได้ทำตัวอัปยศเยี่ยงนี้  อ้ายคนนี้เป็นเพียงแค่บ่าวรับใช้อีกทั้งยังเป็นไส้ศึกให้แก่เมืองศัตรู  บังอาจปลอมตัวเป็นหญิงเพื่อสืบราชการแก่เจ้า  สมควรจะฆ่ามันเสีย”

      ยูโตะออกมายืนขวางไว้  “รัชทายาท  ท่านก็รู้ว่าข้าฆ่ายามาดะไม่ได้  ข้ารักเขา”

      “แต่เจ้าเป็นชาย  จะสมสู่กับชายด้วยกันนั้นมิได้  มันผิดประเพณีแต่เดิมและอ้ายนี่มันยังเป็นศัตรูแก่เมืองเรา”

      ยูโตะคุกเข่าลงกับพื้น  “เสด็จพี่ได้โปรดเถิดพะย่ะคะ  โปรดเห็นแก่ความเป็นพี่น้องของเราและความรักของพวกข้าทั้งสอง  ข้านั้นแม้นตายก็ไม่ยอมจะพรากจากยามาดะเป็นเด็ดขาด”

      “ยูโตะ!! เคโตะตะคอกด้วยความเกรี้ยวกราด

      ยูโตะก้มหน้าลงสำนึกผิด  “อภัยให้ข้าด้วยเถิดเสด็จพี่”

      เคโตะหันหน้าไปทางเรียวสุเกะ  “อ้ายยามาดะ  เจ้าทำการใดน้องข้าถึงได้เปลี่ยนไปเช่นนี้  ข้าจำต้องฆ่าเจ้าเสียเพื่อให้อิทสึริกลับมาปกติสุขดังเดิม”

      เรียวสุเกะคุกเข่าลงเคียงข้างคนรักแล้วกล่าวด้วยน้ำตานองหน้า  “ท่านจะฆ่าข้าเสียก็ตามแต่ใจท่านเถิด  ข้าหาได้กลัวความตายไม่  แต่ข้าขอเพียงสิ่งเดียวจากท่าน  ได้โปรดไว้ชีวิตองค์ชายยูโตะด้วย”

      “ถึงเจ้าไม่ขอร้องข้าก็มิฆ่าน้องของตัวเองดอก  หากเขายังมีสำนึกรักบ้านเมือง  แต่เจ้า!  อ้ายคนชั่ว  ข้าต้องฆ่าเจ้าเสียตอนนี้เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป”  เคโตะฟันกระบี่ไปที่เรียวสุเกะหวังจะปลิดชีพ

      เรียวสุเกะหลับตาลงพร้อมรับชะตากรรม  เขานึกถึงอ้อมกอดอันอบอุ่นของยูโตะที่โอบอุ้มเขาในยามที่ทุกข์ทรมาน  เขาเสียใจที่ไม่ได้เกิดเป็นชนชั้นสูง  ไม่ได้เกิดในดินแดนเดียวกับชายอันเป็นที่รัก  บัดนี้จำต้องมาตายเสียแล้ว  เรียวสุเกะได้ยินเสียงกระบี่ที่ฟันลงแต่เขามิได้รู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย  เขาลืมตาขึ้น  รอยยิ้มและอ้อมกอดที่คุ้นเคยได้โอบกอดเขาไว้อีกครั้ง

      เรียวสุเกะน้ำตาไหลพราก  หัวใจแตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อดวงตาแห่งชีวิตของยูโตะปิดลง  เขาประคองร่างไร้วิญญาณของคนรักที่รับคมกระบี่แทนเขาไว้แล้วร้องไห้ปานจะขาดใจ  มีเพียงรอยยิ้มของยูโตะเท่านั้นที่ยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำ

      ทหารคนสนิทลงจากม้ามาคุกเข่าให้เคโตะ  “รัชทายาท  บัดนี้องค์ชายยูโตะได้สิ้นพระชนม์แล้ว  พระองค์จะทำประการใดกับร่างขององค์ชายพะย่ะคะ”

      “เรารู้แล้ว”  เคโตะมองคนทั้งคู่ด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดาความคิด  เขาลงจากหลังม้าแล้วชี้กระบี่ที่เต็มไปด้วยเลือดไปยังเรียวสุเกะ  “การณ์เป็นเช่นนี้เหตุเพราะเจ้า  หนอนของอ้ายขบถชั่วช้า  โทษมิเพียงเป็นไส้ศึกแต่เจ้าเป็นเหตุให้องค์ชายของอิทสึริต้องสิ้นพระชนม์ไปหนึ่ง  เจ้าพร้อมจะรับโทษแล้วใช่หรือไม่”

      เรียวสุเกะสะอื้นแต่ไม่ตอบประการใด  เคโตะกระชับกระบี่ในมือแน่นแล้วใช้มันสังหารเรียวสุเกะขาดใจตาย ณ ที่นั้น  ร่างของเรียวสุเกะล้มลงเคียงข้างบุคคลอันเป็นที่รัก  เลือดไหลนองออกจากบาดแผลของคนทั้งคู่  ป่าทั้งป่าเงียบสนิทประหนึ่งไว้อาลัยแก่พวกเขาทั้งสอง

      เคโตะวางกระบี่และคุกเข่าลงข้างศพของยูโตะ  ความเสียใจก่อกำเนิดขึ้นในใจอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้  เขาเม้มปากแน่นน้ำตาไหล  “อภัยให้พี่ด้วยยูโตะ”

       

       

      ---------- หนึ่งพันปีล่วงผ่าน ----------

      “ด้วยเหตุนี้  หลังจากที่สมเด็จพระจักรพรรดิโอคาโมโตะหรือรัชทายาทเคโตะในอดีตทรงขึ้นเถลิงราชสมบัติแล้ว  ในช่วงท้ายรัชกาลจึงทรงโปรดให้มีการสร้างศาลยูเรียวขึ้นบริเวณที่คนทั้งคู่เสียชีวิตเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ความรักขององค์ชายยูโตะ  และ  ยามาดะ  เรียวสุเกะ”  ครูสาวกวาดสายตามองนักเรียนนับสามสิบคนของเธอที่ตั้งใจฟังเธอเล่าประวัติศาสตร์เกาะอิทสึริ  สถานที่ที่เธอเลือกพานักเรียนมาทัศนศึกษาในปีนี้

      นักเรียนชายคนหนึ่งยกมือขึ้น  “ที่รัชทายาทเคโตะทำแบบนี้เพราะสำนึกผิดที่ฆ่าน้องชายใช่มั้ยครับคุณครู”

      นักเรียนหญิงอีกคนยกมือขึ้นถาม  “ถ้างั้นแสดงว่าเกย์ก็มีมาตั้งแต่สมัยพันปีก่อนแล้วใช่มั้ยคะ”  นักเรียนทั้งห้องหัวเราะขึ้นพร้อมกันคงมีเพียงแค่นักเรียนชายคนเดียวเท่านั้นล่ะมั้งที่ไม่ได้นึกขำกับเรื่องนี้

      เรียวสุเกะยกมือขึ้น  “เรื่องที่อาจารย์เล่ามีหลักฐานหรือเปล่าครับ”

      ครูสาวยิ้มอย่างพอใจ  “ถามได้ดีจ้ะยามาดะคุง  ตามประวัติศาสตร์ของเกาะอิทสึริ  จักรพรรดิโอคาโมโตะและองค์ชายยูโตะเป็นบุคคลที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์  ส่วนยามาดะ  เรียวสุเกะ  หลังจากที่จักรพรรดิโอคาโมโตะมีชัยเหนือแคว้นมิซูโนะซึ่งเป็นบ้านเกิดของยามาดะแล้วได้เผาทำลายเมืองทำให้ประวัติศาสตร์ของเมืองนี้เสียหายเป็นอันมาก  อีกทั้งยามาดะก็เป็นเพียงแค่สามัญชนธรรมดาคงไม่มีการบันทึกชื่อลงในประวัติศาสตร์หรอกจ้ะ  เรื่องราวความรักของยามาดะและองค์ชายยูโตะจึงมีเหลือเพียงแค่ในวรรณกรรมโบราณที่เป็นพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระจักรพรรดิโอคาโมโตะเท่านั้น”

      “เฮ้ย!  นักเรียนหญิงคนหนึ่งร้องขึ้นอย่างตื่นเต้น  “ฉันรู้แล้วว่าใครเป็นผู้ให้กำเนิดฟิควาย”  คนทั้งห้องหัวเราะ

      นักเรียนหญิงคนหนึ่งตั้งข้อสงสัย  “ถ้างั้นก็เป็นเรื่องแหกตาสิคะคุณครู  จักรพรรดิโอคาโมโตะอาจจะแค่สร้างศาลขึ้นเพื่อให้คนเชื่อว่าวรรณกรรมของพระองค์เป็นเรื่องดีที่น่าจดจำก็ได้”

      “คุณครูครับ”  นักเรียนชายคนหนึ่งพูดขึ้น  “ไม่เห็นต้องไปตามหายามาดะ  เรียวสุเกะที่ไหนเลย  ห้องเราก็มียามาดะ  เรียวสุเกะอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ”  เพื่อนทั้งห้องส่งเสียงหัวเราะ  เรียวสุเกะขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ

      ครูสาวยังไม่คลายรอยยิ้มจากใบหน้า  “จริงหรือไม่ครูเองก็ไม่รู้นะ  แต่ครูเชื่อว่าคนที่ได้ฟังเรื่องนี้แล้วอาจฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าแค่ความรักอย่างเดียวไม่อาจทำให้ชีวิตคู่อยู่รอดได้”

      “อ้าว!!  นักเรียนทั้งห้องต่างโห่ร้อง  “นึกว่าจะให้ซาบซึ้งกับความรักของพวกเขาซะอีก”  นักเรียนหญิงคนหนึ่งพูดขึ้น

      ครูสาวหัวเราะ  “ไปดูที่อื่นต่อเถอะจ้ะเดี๋ยวจะค่ำซะก่อน”  เธอเดินนำนักเรียนไปอีกทางหนึ่งเพื่อศึกษาประวัติศาสตร์เกาะอิทสึริต่อไป

      เรียวสุเกะเดินตามเป็นคนสุดท้าย  เขามองไปยังที่ตั้งศาลยูเรียวอีกครั้ง  เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่นักอย่างกับว่าเคยอยู่มาก่อนอย่างนั้นแหละ  เรียวสุเกะส่ายหัวกับตัวเอง  “อาจจะคิดไปเองก็ได้”

       

       

      ตอนกลางคืนที่เกาะอิทสึริเงียบสงบนักแต่ถึงกระนั้นเรียวสุเกะก็ไม่อาจข่มตาหลับลงได้  เรื่องราวของศาลยูเรียวที่ครูเล่าให้ฟังเมื่อกลางวันยังค้างใจเขาอยู่  เรียวสุเกะลุกขึ้นสวมเสื้อคลุมและเดินตรงไปยังศาลยูเรียว  อะไรบางอย่างทำให้เขารู้สึกว่าต้องไปที่นั่นให้ได้

      บรรยากาศตอนกลางคืนนั้นขมุกขมัวไปด้วยหมอกที่ลงจัดแต่อากาศกลับอบอุ่นอย่างประหลาด  เรียวสุเกะรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในความฝัน  ชายคนหนึ่งในชุดคลุมเลื่อมทองตัวยาวยืนเหมือนกำลังรอเขาอยู่ที่หน้าศาลยูเรียว  เขาจำชายคนนั้นได้ทันทีราวกับว่าความทรงจำส่วนลึกที่เก็บไว้มานานนั้นได้เปิดเผยตัวออกมา  เรียวสุเกะได้แต่ยืนตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า  เขาพูดชื่อคนตรงหน้าออกมาอย่างแผ่วเบา  “องค์รัชทายาทเคโตะ”

      เคโตะยิ้ม  “ข้ารอพวกเจ้ามานานเหลือเกิน  บัดนี้ปมในใจข้าได้คลายออกแล้ว  ข้าจักได้เป็นอิสระเสียที”

      เรียวสุเกะไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้มากกว่านั้น  ร่างของเคโตะค่อยๆ เลือนหายไปจากสายตาของเขา  หมอกที่เคยหนาจัดก็เบาบางลง  เรียวสุเกะรู้สึกเหมือนตื่นจากความฝันแต่เขารู้ดีว่าเหตุการณ์เมื่อสักครู่นั้นเป็นเรื่องจริง  ยามาดะ  เรียวสุเกะ  ในอดีตเมื่อหนึ่งพันปีก่อนก็คือตัวเขานั่นเอง  เหตุการณ์ครั้งนั้นย้อนเข้ามาในความทรงจำ  เขาคิดถึงยูโตะเหลือเกิน

      “กลับเถอะยูโตะ  ฉันกลัวนะ”  เสียงของใครคนหนึ่งพูดขึ้น  เรียวสุเกะหันหลังกลับทันที

      “ฉันไม่กลับ  ถ้านายอยากกลับก็กลับไปเองสิ”  เสียงของเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งพูดแต่เรียวสุเกะยังไม่เห็นพวกเขา

      “นายจะบ้าเหรอ  คิดว่าตัวเองเป็นองค์ชายยูโตะหรือไง  แล้วเรื่องที่รัชทายาทเคโตะปรากฏตัวให้นายเห็นมันก็เป็นเรื่องโกหก  นายอาจจะแค่คิดไปเองก็ได้  กลับเถอะนะยูโตะ”

      “แต่ฉันต้องไป  ต้องตอนนี้เท่านั้น”

      “ถ้างั้นฉันกลับล่ะ  อยากไปก็ไปเองเลย”

      เรียวสุเกะยืนฟังด้วยหัวใจเต้นระส่ำ    เด็กหนุ่มคนนั้นเดินพ้นเงาของต้นไม้ออกมา  ช่วงขณะนั้นราวกับว่าเวลาได้หยุดไว้ชั่วกาลนาน  น้ำเสียงแบบนี้  แววตาแบบนี้  ความรู้สึกอบอุ่นแบบนี้  เขายังจำมันได้ดี

      ยูโตะสบตากับเรียวสุเกะ  เขาเผยรอยยิ้มออกมาด้วยความสุข  “ฉันรู้ว่านายต้องมา  ฉันกลับมาแล้วนะยามาดะ”

       

      ........  อันคำโบราณกล่าวไว้ “ความตายคือจุดเริ่มต้น” บัดนี้พวกเขาได้เริ่มใหม่อีกครั้ง ณ ที่  ที่พวกเขาเคยตาย  ……..

       

      ------------------------------ END ------------------------------

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×