ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : chapter 2 เรื่องประหลาดกลางดึก
  “สวัสดียามดึกครับ  เผอิญเราเห็นพวกคุณเพิ่งมาพักที่นี่ เลยอยากเข้ามาทำความรู้จักด้วย  จะเป็นการรบกวนรึเปล่าครับ”
ชายคนหนึ่งดูมีอายุ  หนวดและผมสีขาวโพลน ถามซีนเทียร์ โดยมีผู้หญิงตัวผอมสูงและเด็กหญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลัง 
“เอ่อ . . . ไม่เป็นการรบกวนหรอกค่ะ”  ซีนเทียร์ตอบ แล้วหลีกทางให้ทั้งสามคนผู้มาเยือนเข้ามาในห้อง 
  “ผมชื่อ โรเจอร์    ดรูวส์ เพิ่งมาค้างที่นี่เมื่อตอนบ่าย  ผมอยู่ห้อง 219 ครับ  และนี่ - - ภรรยาผม  เอเวลีน” 
โรเจอร์พยักเพยิดไปทางภรรยาของเขา  จูเลียหันไปยิ้มให้เธอเล็กน้อย 
“นี่ลูกสาวผม - - เคลลี่”    โรเจอร์ชี้ไปยังเด็กหญิงตัวเล็ก  ที่ใส่ชุดนอนสีฟ้าอ่อน ผมสีเหลืองอมส้ม 
“สวัสดีค่ะ”  เคลลี่ทักทาย 
  “ครอบครัวผม วางแผนจะไปเที่ยวเกาะโรสไอแลนด์  แต่กลับหลงทางมาที่นี่  ซึ่งก่อนหน้าเรา  มีนักเขียนคนหนึ่ง
เขาชื่อ เอ่อ - - เอ่อ เขาชื่ออะไรนะ”  โรเจอร์หันไปถาม  เอเวลีน    “ลีโอนาโด!” ภรรยาของเขาตอบเบาๆ 
“อ้อ! ใช่ คนที่ชื่อลีโอนาโด พักอยู่ห้อง 216 น่ะ เขาไม่เคยออกไปไหนเลย  เอาแต่ขลุกอยู่ในห้องทั้งวัน
พวกเราไปเคาะประตูเขาก็ไม่ยอมเปิด  ยังดีที่พวกคุณเป็นพวกที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี  คุณรู้รึเปล่าว่าทั้งโรงแรมมีแต่
พวกเราเท่านั้นเอง”  โรเจอร์บอก 
“เอ่อ . . . ฉันพอรู้จากเจ้าของโรงแรมมาบ้างแล้วล่ะค่ะ” จูเลียบอก  เธอยังไม่สามารถสลัดความกลัวในตอนแรกนั้นออกไปได้
 
“ยายมากาเร็ตหัวหงอกนั่นน่ะเหรอ  พูดตามตรงผมไม่ค่อยจะชอบเธอสักเท่าไหร่ หรือพูดให้ตรงยิ่งกว่านั้นก็คือ ผมรู้สึกแปลกๆ
เหมือนกับว่าผมกลัวเธอมาก แต่ไม่รู้สาเหตุของมัน  เอ้อ - - แล้ว - - พวกคุณมากันกี่คนล่ะครับ”  โรเจอร์ถาม 
“หกคนครับ!”  แซมตอบ
“อ้าว! คุณเป็นผู้ชายคนเดียวในนี้นี่ โทษทีนะแต่ผมไม่ทันได้สังเกต  เอ่อ - - แต่จริงๆแล้วคุณไม่ควรจะมา - - แบบว่า
- -พักรวมกันกับพวกผู้หญิงไม่ใช่หรือ” โรเจอร์เลิกคิ้ว 
“คือ ผู้ชายอีกสองคนยังไม่กลับมาน่ะค่ะแล้วเราก็กำลังรอพวกเขาอยู่” จูเลียอธิบาย 
“อ้อ - - แต่ว่า  คุณกลัวอะไรหรือครับ - - คุณ ”    “แซม ครับ!”  แซมตอบเสียงฉาดฉาน
“เอ้อ - - คุณแซมผมคิดว่า - - คงไม่ใช่ผมคนเดียวซะล่ะมั้งที่รู้สึกแปลกๆกับสถานที่แห่งนี้” 
โรเจอร์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆแซม  จนเขาต้องผงะถอยหลัง
      รถคันหนึ่งจอดอยู่ระหว่างหมู่ต้นสน  ฝนหนาเม็ดและลมที่กระแทกเข้ามาทำให้ต้นสนพริ้วไหวในความมืดอย่างน่าขนลุก
บิลลี่วิ่งเข้าไปตรงจุดที่รถจอดอยู่  ภาพที่เห็นคือ  ประตูรถเปิดอ้าอยู่ - - กุญแจรถหล่นอยู่ที่พื้นโคลนเปียกแฉะ - -
และไม่ไกลกันนักมีเสื้อคลุมสีเทาของคีธตกอยู่ - - แต่ไม่มีคีธ!  บิลลี่มองไปรอบๆ  ถึงแม้คีธจะเป็นคนผิวดำแต่ยังไงก็น่า
จะมองเห็นได้ในความมืดเช่นนี้  อุปสรรคสำหรับงานนี้คือ ฝนที่ทวีความหนักขึ้นเรื่อยๆ  เขาตัดสินใจวิ่งไปดูในรถอีกครั้ง
เบาะเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนที่สาดเข้ามา
เขาตรวจดูที่หลังรถไม่พบอะไรเลย  จึงปิดประตูรถ  แต่ในเสี้ยววินาทีหนึ่งที่ประตูรถปิด ...
เขาได้ยินเสียงคนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด - -
                      บิลลี่ตกใจมาก  เขาพยายามควบคุมสติหันกลับไปมองในรถ  มีบางอย่างซ่อนอยู่ในความมืดด้านหลังรถ
บิลลี่เพ่งมองผ่านม่านน้ำฝนเข้าไป  และเขาก็ได้เห็น 
‘มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ที่เบาะหลังรถ!’  บิลลี่ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนกำลังเห็น 
เขาคิดว่าตรวจดูอย่างดีแล้วว่าไม่มีใครในรถก่อนที่จะปิดประตู  ขณะนี้หล่อนกรีดร้องเสียงดังจนบิลลี่ซึ่งอยู่ข้างนอกรถ
ยังได้ยินเสียงร้องของเธอ  ตอนนี้เขาเริ่มเก็บความหวาดกลัวที่มีอยู่ข้างในไว้แทบไม่ไหวแล้ว 
            แสงของดวงจันทร์อ่อนๆเริ่มทาทาบลงมาบนรถ  เผยให้เห็นตาโตแดงก่ำของเธอ และเหงื่อเม็ดหนาเท่าเม็ดส้ม
ประพรมอยู่ทั่วแผ่นหน้า เธอเอามือที่มีเล็บยาวแหลมจิกที่หนังศีรษะ  พร้อมกับกรีดร้องด้วยเสียงอันโหยหวน 
เธอก้มๆเงยๆอยู่พักหนึ่งอย่างบ้าคลั่งจึงหมดแรงล้มลง
                บิลลี่รวบรวมความกล้าทั้งหมดเท่าที่มีเหลืออยู่ เดินเข้าไปเปิดประตูรถ
  ฝนที่เปียกชุ่มตัวทำให้เขารู้สึกหนักตัว  เสียงฟ้าผ่าลงมาทำให้เขาสะดุ้ง! 
เขาพยายามใหม่  ในการเดินเข้าไป  เขาเหลือบเห็นหน้าต่างหลังรถแล้ว - -
ใกล้เข้าไป ใกล้เข้าไป และ - - ที่ที่ควรจะมีร่างของหญิงบ้าคลั่งนอนอยู่กลับเป็น...
“คีธ!”    บิลลี่รีบเข้าไปรวบตัวคีธเอาไว้  รู้สึกขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยให้เขาเจอคีธเสียที
            เขาไม่มีเวลาจะคิดถึงภาพเมื่อสักครู่นี้ได้ และไม่สามารถอธิบายได้ด้วย  ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะ
ไม่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อนๆฟัง  คีธน้ำหนักพอดีกันกับเขา จึงไม่ค่อยลำบากนักในการที่จะแบกตัวไป
เขาวิ่งฝ่าพายุฝนเข้าไป  ลมที่พัดแรงทำให้เขาถึงกับเซล้มลง
เข่าถลอกเป็นแผลยาว  เขาฝืนตัวสู้กับแรงลม ใช้แรงเกือบทั้งหมดที่มีพาร่างตัวเองและเพื่อนของเขาไป
  เมื่อถึงประตูโรงแรมที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เขาก็แทบจะทิ้งตัวเข้าไปข้างในด้วยความเหน็ดเหนื่อย 
ประตูปิดกลับเข้าไป พร้อมกับฝากเสียงเอี๊ยดอ๊าดไว้ให้ขนลุก..
                    ณ  ห้อง 222 ชั้นสี่  ทุกคนกำลังสนุกสนานกับการดื่มเบียร์ร่วมกัน
โรเจอร์เสนอให้ทุกคนผลัดกันเล่าเรื่องผี  ซึ่งทุกคนล้วนแต่แต่งเรื่องกันขึ้นมาทั้งนั้น
ที่มุมหนึ่งจูเลียยังนั่งรอคอยการกลับมาของบิลลี่และหวังว่าคงจะมีคีธกลับมากับเขาด้วย 
เธอเริ่มรู้สึกง่วงนอน จึงเงยหน้าดูนาฬิกา ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่ม ยี่สิบห้านาที
            เธอลุกไปหยิบโฟมล้างหน้าในกระเป๋า แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ  ทุกคนต่างเมามันกับการเล่าเรื่องสยองขวัญ 
โรเจอร์หน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์จากเบียร์สามกระป๋อง  เคลลี่คอยพยายามปิดหูเพื่อไม่ฟังเรื่องที่แอนนาแต่งขึ้น
เธอเล่าเกี่ยวกับเรื่องผีหัวขาดในโรงเรียนว่าเธอเจอหัวคนอยู่ในล็อกเกอร์  ซึ่งเธออดยิ้มไม่ได้ในระหว่างเล่าเพราะมัน
เป็นเรื่องที่เธอใช้เล่าหลอกเด็กมาตั้งแต่อยู่ชั้นป.4    แซมนั้นดูเหมือนต้องเรียกว่าดมกลิ่นของเบียร์มากกว่าการดื่มเบียร์
เพราะเขาได้แต่มองและทำท่าเหมือนกับกำลังจะดื่มแต่ก็ไม่ยอมดื่มมันสักที    เอเวลีน  นั่งกินมันฝรั่งทอดที่ซีนเทียร์ส่งให้ 
  ในขณะที่เอเวลีนยื่นมือหยิบมันฝรั่งทอดจากถุงมาใส่ปาก  แอนนาก็สังเกตเห็นแหวนสีแดงส่องประกายเจิดจ้าอยู่ที่นิ้วนางของเธอ 
“โอ - - มันสวยมากเลยค่ะ แหวนอะไรหรือคะเนี่ย”
                                        แอนนาอดสอดรู้สอดเห็นไม่ได้  เอเวลีนถอดแหวนออกแล้วยื่นส่งให้กับแอนนา
          “แหวนทับทิมจ้ะ ซื้อมาจาก วัตสันจีเวล  ฉันไม่ขอบอกราคาเธอหรอกนะเพราะเดี๋ยวเธอจะหัวใจวายเสียก่อน”
เอเวลีนกล่าวเสียงสูง
แอนนาชื่นชมมันอยู่พักหนึ่งจึงส่งแหวนวงนั้นคืนให้กับเอเวลีน   
      อย่างไรก็ตามระหว่างนั้น จูเลียก็กำลังมีความสุขกับการดูแลผิวหน้าของเธอภายในห้องอาบน้ำหรูหราของโรงแรม
แต่ใครจะนึกว่าขณะที่เธอกำลังใช้น้ำล้างโฟมออกจากผิวหน้าอันบอบบางของเธอนั้น
ไฟทั้งโรงแรมก็เกิดดับวูบลงอย่างกะทันหัน!
                  มืด - - มืด มืด  แล้วก็มืด  ไม่มีอะไรนอกจากความมืด  จูเลียได้ยินเสียงคนข้างนอกโวยวายดังลั่น
เสียงโรเจอร์ที่กำลังเมา  เสียงซีนเทียร์ร้องเรียกหาเธอ
เสียงแซมตะโกนว่า “อยู่รวมกลุ่มกันไว้”     
เสียงเคลลี่ร้องไห้ด้วยความกลัว และเสียงเอเวลีนปลอบลูกของเธอ
                แต่มีอีกเสียงที่ไม่น่าจะได้ยิน  แต่เธอเองก็ได้ยิน  เธอไม่แน่ใจว่ามันเป็นเสียงของอะไร
แต่มันอยู่ใกล้เธอเหลือเกิน เธอพยายามตั้งใจฟัง
                              เสียงลมจากช่องระบายอากาศนั่นเอง! 
                เธอคงคิดมากไปหน่อย - - เธอรีบเดินไปที่ประตูเพื่อจะออกไปรวมกับคนอื่นๆ  แต่ ประตูเปิดไม่ออก!
ทำไงดี? เธอเริ่มกระวนกระวายใจ  ความมืดโดยรอบเริ่มทำให้เธอรู้สึกกดดันมากขึ้น อยู่ดีๆ  อีกเสียงหนึ่งที่ทำให้เธอ
ขนลุกไปจนถึงปลายศีรษะ ก็คือ 
                            เสียงคนกดชักโครก....
                  “วิ้วววววว  ครอกกกกกก”  เสียงน้ำในชักโครกหมุนวนเป็นเกลียวลงไป 
จูเลียรู้แน่แล้วว่าเธอกำลังเผชิญหน้าอยู่กับอะไร  เธอพยายามจะกรีดร้องออกมาแต่ก็ร้องไม่ออก   
  เธอได้ยินเพียงเสียงหายใจแผ่วเบาจากปากของตัวเอง
        เสียงต่างๆเงียบไป ...
                จูเลียตัวสั่นงันงก    ทำไมเธอไม่ได้ยินเสียงคนข้างนอกเลย?  เธอเริ่มรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียว
ในช่วงวิกฤตแห่งความน่ากลัวนี้  เธอหลับตาปี๋ มือหยิกเนื้อตัวเองจนชาไปทั่วตัว  เธอลองเอื้อมมือไปหมุนลูกบิดประตูอีกครั้ง
  ไม่ออก!  และแล้วเสียงใหม่ก็เข้ามาแทนที่
                    เสียงน้ำจากฝักบัวไหลลงมากระทบพื้นห้องน้ำ “เปาะแปะเปาะแปะ เปาะแปะ”     
จูเลียรู้สึกเหมือนหัวใจจะวายด้วยอาการช็อก “หยุดสักที    ฉันไม่ไหวแล้ว  ไม่!  ไม่!  ไม่!  กรี๊ดดดดดดดดดดดดด”
               
                ใบหน้าแรกที่เธอเห็นคือ บิลลี่    “บิลลี่! คุณกลับมาแล้ว” เธอโผเข้ากอดเขาแน่น ร้องไห้อย่างรู้สึกปลดปล่อย 
“ฉันกลัว - - กลัวมาก - - คุณอย่าทิ้งฉันไปอีกนะ”
                        แอนนาเห็นท่าทีของจูเลียแล้วอดปากมากไม่ได้อีกตามเคย 
“กะอีแค่ไฟดับแค่นี้เนี่ยนะ    ทำอย่างกับจะเป็นจะตาย!” 
“มันไม่ใช่เรื่องนั้น  ที่นี่มีอาถรรพ์  ฉันได้ยินเสียงนั่น!”  แอนนายั่วโมโหจูเลียได้อีกตามเคย 
แอนนาทำเมินหน้านี้พลางทำสายตารังเกียจอย่างไม่เชื่อคำพูดของจูเลีย  เพราะเธอคิดว่าจูเลียถือโอกาสทำให้บิลลี่เห็นใจเธอ
และจะได้รักเธอมากขึ้น   
   
“เรื่องนั้นฉันเชื่อเธอ - -“  บิลลี่กล่าวช้าๆ และเบาราวเสียงกระซิบ
“อะไรนะ!” แอนนาพูดเสียงดัง          “ทำไม..”  เธอทำหน้างงงวย 
                “เพราะ - - เฮ้อ!  ฉันเองก็เจอเรื่องแปลกๆนี้มาเหมือนกัน  - - ตอนแรกฉันกะไว้ว่าจะไม่เล่าให้ใครฟัง
เพราะกลัวพวกนายไม่เชื่อ  แต่ในเมื่อ จูเลียเองก็เจอเหมือนกับฉัน  ฉันก็คิดว่ามันเป็นเครื่องยืนยันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ได้อย่างดี”  เขาเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟังเกี่ยวกับผู้หญิงหน้าตาน่ากลัวที่ร้องโหยหวนอยู่ในรถ
แล้วก็กลายมาเป็นคีธนอนอยู่ที่เบาะหลัง .
            เมื่อโรเจอร์และครอบครัวของเขากลับไปที่ห้อง  219 หลังจากนัดกับเด็กวัยรุ่นทั้งหกคนว่าพรุ่งนี้
หลังจากรับประทานอาหารเช้า จะไปเยี่ยมลีโอนาโด นักเขียนที่ห้อง 216      พร้อมกันก่อนที่จะเดินทางต่อ 
แล้วทุกคนต่างก็ไม่พูดอะไรกันอีกเลย  พวกผู้ชายย้ายกลับไปอยู่ที่ห้อง 221  เมื่อหัวถึงหมอนต่างก็ผล็อยหลับกันไป
แต่คีธ  บิลลี่  และจูเลีย ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งในกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่ได้เห็นเหตุการณ์ประหลาดกลางดึกที่แสนวุ่นวายนี้อย่างติดต่อกัน 
ยังคงนอนไม่หลับ  ส่วนอีกครึ่งหนึ่งคือ แอนนา  ซีนเทียร์ และ แซม ก็ยังไม่แน่ใจในสิ่งที่เกิดขึ้น  พวกเขาก็ได้แต่ภาวนา
ไม่ให้เกิดอะไรกับตัวเอง
    เสียงพายุฝนโหมกระหน่ำอยู่ที่ด้านนอกเป็นสัญญาณบอกถึงลางร้ายที่เริ่มต้นขึ้น ณ  สถานที่แห่งนี้ และลางร้ายนี้จะจบลง
ในลักษณะใดไม่มีใครอาจล่วงรู้ได้  แต่ที่แน่ๆ ในขณะที่พวกเขาหลับอย่างกระวนวายอยู่บนเตียงอันแข็งกระด้างในห้องสี่เหลี่ยม
ผืนผ้าของโรงแรมนั้น  มีบางสิ่งซ่อนตัวอยู่ในเงามืดและจ้องมองมาด้วยสายตาวิงวอน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น