ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    DEV!L C@NTACT คำสั่งนรก

    ลำดับตอนที่ #4 : ch@pter 4 : ยมทูตฟีตัส

    • อัปเดตล่าสุด 24 ต.ค. 48


        

    “เจ้าได้ยินไม่ผิดหรอก…ข้าบอกว่าอรุณสวัสดิ์เจ้ามนุษย์”     เสียงแหบๆทุ้มลึกดังขึ้นในห้องนอนของฉัน



                       ฉันหันมองไปรอบๆ  ไม่มีใครอยู่ในห้องนอกจากจะแอบอยู่ในตู้เสื้อผ้าหรือใต้เตียง  

    ฉันจึงก้มลงมองใต้เตียงด้วยใจที่สั่นรัวแต่ไม่พบใคร  เสียงนั้นฟังดูเหมือนผู้ชายอายุราวๆ 45 ปี  

    แต่ทว่าถ้ามีผู้ชายอายุราวๆนั้นอยู่ในห้องของฉันก็มีความเป็นไปได้สูงที่ไม่ได้มีเจตนาดี  

    ถึงกระนั้นฉันค่อยๆดึงผ้าห่มออกแล้วเคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้าไปยังตู้เสื้อผ้าที่ปิดอยู่



    “ร๊อด…ถ้านี่เป็นการเล่นสนุกล่ะก็…ขอเตือนไว้ก่อนว่าไม่สนุกเลยนะ”   ฉันโพล่งเบาๆ  แต่รู้ว่าคงไม่ใช่น้องชายของฉัน



    “ปึ้ก!!”  ฉันผลักประตูตู้เสื้อผ้าออกกระแทกกับฝาด้านข้าง   ภายในนั้นไม่มีอะไรนอกจากชุดทำงานของฉันที่แขวนไว้

    และกองผ้าที่ยังไม่ได้รีดอัดกันอยู่



    “ก๊อกๆๆ!!”    ใครบางคนมาเคาะประตูที่หน้าห้อง    “เม๊ค…เดี๋ยวไปทำงานสายนะจ๊ะ…ยังไม่ตื่นเหรอ?”



    แม่นั่นเอง!?  



    “หนูตื่นแล้วค่ะแม่…แป๊บนึงค่ะ”  ฉันรวบผมด้วยหนังยางก่อนจะรี่เปิดประตู



    “แม่เห็นลูกตื่นสายกว่าปกติก็เลยขึ้นมาดูน่ะจ้ะ…ทุกอย่างปกติดีไม๊?”   แม่ถาม



    “ค่ะ…ไม่มีอะไรค่ะ”   ฉันบอกพลางเกาศีรษะตัวเอง



    “รีบอาบน้ำแล้วไปทำงานนะจ๊ะลูก”  ฉันปิดประตูกลับเข้ามาเช่นเดิม   “ปึง!”



         คิดมากไปใหญ่แล้วเรา?  บางทีฉันควรจะไปหาหมอสักหน่อย  เพราะสองสามวันที่ผ่านมานี้ฉันมักจะหูแว่วหรือตาฝาดบ่อยๆ  

    คงจะทำงานหนักมากไปเลยสะสมความเครียด



    “เจ้ามนุษย์…จงหยุดและฟังข้า”      เท้าของฉันหยุดชะงัก  ยืนนิ่งไม่ไหวติง   มาอีกแล้ว?!  เสียงแว่วนั้น?



    “เจ้าไม่ได้หูแว่ว…ข้ากำลังพูดกับเจ้า”   เสียงทุ้มลึกตอบกลับมาอีกครั้งราวกับรู้ถึงความคิดในสมอง



    “ตลกน่า…แสดงตัวออกมาเถอะ…อย่าหลบๆซ่อนๆอีกเลย”   ฉันโพล่งออกไปอย่างฉุนเฉียว



    “……………………………………..”    ทุกอย่างเงียบไปในทันใด



    “เฮ้อ!”    ฉันถอนหายใจอย่างรู้สึกไม่ค่อยดี   รีบเดินไปหยิบชุดทำงานในตู้เสื้อผ้า



    “ฟังข้านะเจ้ามนุษย์…นี่คือเสียงของยมทูตฟีตัส  บุตรแห่งนรกภูมิ”     เสียงนั้นเหมือนกับดังขึ้นในหัวของฉันเอง  

    ทำเอาฉันหยุดชะงักอีกหน   ในมือกำเสื้อทำงานแน่นด้วยความกังวลผสมกับหวาดกลัว    นรกงั้นเหรอ?

    นี่มันเรื่องตลกอะไรกันแน่?!  



    “นี่ไม่ใช่เรื่องตลก…ข้าคือยมทูตฟีตัส…ข้าต้องการที่จะสื่อสารกับเจ้า”   เสียงทุ้มหนักนั้นฟังดูน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง  

    เสียงนั้นมันให้ความรู้สึกเหมือนมีคนพูดให้ฉันได้ยินจากหูฟังซาวด์อเบาท์  



    “หมายความว่าไง?”  ฉันเอ่ยปากถามเสียงนั้นดู



    “เจ้าไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากถามข้า…เพียงเจ้าคิดอะไร  ข้าก็จะตอบสิ่งที่เจ้าต้องการโดยที่ไม่มีใครได้ยินการสื่อสารนี้”  

    เสียงนั้นตอบกลับมาจริงๆด้วย   หรือว่านี่จะเป็นเรื่องจริง!?   แต่มันก็ออกจะทำใจให้เชื่อยากสักหน่อย…



    ยมทูตงั้นเหรอ?



    “ใช่! ข้าคือยมทูตฟีตัส  บุตรแห่งนรกภูมิ…ส่วนเจ้าเป็นมนุษย์ที่ข้าเลือก”  

    เป็นอย่างที่มันบอกจริงๆ  เพียงแค่ฉันนึกสงสัย  เสียงนั้นก็ตอบขึ้นในโสตประสาทของฉัน



    เลือกอะไรกัน?



    “ข้าต้องการใช้เจ้าเป็นเครื่องมือ”  เสียงนั้นยังคงตอบคำถามของฉัน   ฉันถอยเท้าเข้าพิงกับผนังห้องด้วยความรู้สึกไม่ปลอดภัย



    เครื่องมือ?



    “เครื่องมือสำหรับโปรเจคที่ซับซ้อนอันยากจะอธิบายให้กับเจ้ามนุษย์ฟัง”  เสียงนั้นบอก



    โปรเจคอะไรกัน?  บ้ากันไปใหญ่แล้ว…  ฉันต้องกำลังฝันอยู่แน่ๆ!!  ตื่นสิ  ตื่น!!



    “ข้าจะอธิบายถึงสิ่งที่เจ้าต้องปฏิบัติเพื่อข้า” ยมทูตกล่าว



    ทำอะไร?



    “เจ้ามนุษย์…เจ้าจะต้องฆ่าคนที่ข้าต้องการจนกว่าข้าจะสั่งให้เจ้าหยุด”   ยมทูตบอก



    ทำไมฉันต้องทำตามที่แกสั่งด้วยล่ะ?  ฉันไม่ใช่คนที่ยอมให้ใครบงการหรอกนะ?!?

    “เจ้าต้องทำแน่ๆ…เพราะถ้าเจ้าไม่ทำ…แม่ของเจ้า  น้องชายของเจ้าทั้งสองคน  จะต้องตายไปทีละคน”



    มันเล่นบ้าอะไรของมัน!!  ฉันไม่มีวันทำแบบนั้นเด็ดขาด  ยมทูตอะไรกัน?! มีจริงซะที่ไหน!

    อีกอย่างมันจะฆ่าแม่และน้องของฉันได้ยังไงกัน!?!



    “ทำได้สิ!…ถ้าเจ้าลองมองออกไปนอกหน้าต่าง”   เสียงยมทูตฟีตัสเอ่ยขึ้นในหูอีก



    ทำไมต้องมองออกไปที่หน้าต่างด้วย?    ฉันก้าวขาช้าๆไปที่หน้าต่างพลางเปิดม่านโปร่งสีชมพูออก  



    “นั่นไง…ดูเจ้ามนุษย์คนนั้นไว้ให้ดี”  



    ฉันมองตามที่มันบอก  คนๆเดียวที่สามารถมองเห็นได้คือ  เกรย์  เพื่อนบ้านของฉันคนเดียวเท่านั้น  

    ดูเหมือนเขากำลังเตรียมตัวจะขับรถออกไปที่ไหนสักแห่ง    แล้วไง?  



    “ดูให้ดีล่ะเจ้ามนุษย์”  



      เกรย์สตาร์ทรถอยู่เป็นเวลานาน   จากนั้นเขาคงจะสตาร์ทไม่ติด  จึงเปิดประตูลงจากรถ

    แต่ทันทีที่เขาลงจากรถ  รถสิบล้อคันหนึ่งก็พุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยเฉี่ยวกระชากพาร่างของเขาหายไปด้วย  

    เหลือทิ้งไว้เพียงสะเก็ดเลือดติดอยู่ที่ประตูรถ



    “โอ!  พระเจ้า!!”   ฉันปิดปากอย่างสยดสยอง



    “ยังก่อน…ดูให้ดีสิเจ้ามนุษย์”    ยมทูตบ้าบอนั่นบอกฉัน   ฉันมองตามรถสิบล้อคันนั้นไปด้วยใจที่สั่นไม่เป็นจังหวะ  

    สักพักรถสิบล้อคันนั้นก็ราวกับหายไปในโพรงอากาศ  มันล่องหนหายไปในพริบตาก่อนที่ศพของเกรย์จะร่วงตกบนพื้นถนน

    ห่างจากบ้านของฉันประมาณห้าร้อยเมตรในสภาพแหลกเหลว



    “โอ! ไม่…”      ฉันร้องไห้ไม่หยุด   สักพักเสียงคนก็จอแจตื่นตกใจกันที่ข้างนอก



    “เจ้าจะเชื่อข้าได้หรือยังเจ้ามนุษย์…รถคันนั้นเป็นรถที่ข้าสร้างภาพขึ้นเพื่อกำจัดเจ้ามนุษย์คนนั้น

    …ข้าสามารถฆ่าเจ้ามนุษย์ได้อย่างไม่เหลือร่องรอยในเวลาอันสั้น”
      ยมทูตกล่าว



    “แล้วถ้า…ถ้า…ถ้าแกฆ่าคนได้เอง…แล้ว…แล้วทำไมจะต้องมาใช้ฉันฆ่าคนด้วยล่ะ”  ฉันถาม



    “นั่นก็เพราะ…ข้าต้องการเห็นมนุษย์ฆ่ามนุษย์ด้วยกันเอง...มันเป็นผลการทดสอบที่ซับซ้อน…และข้าต้องการเข้าถึงมัน”  

    ยมทูตฟีตัสเอ่ย



    “ถ้าฉันไม่ทำตามที่แกสั่ง…แม่กับน้องก็จะ…”



    “ใช่…เป็นแบบเจ้ามนุษย์คนนั้น”  เสียงทุ้มลึกพูดอย่างมีชัย



    “แกทำเพื่ออะไรกันแน่?”  ฉันชักเกลียดไอ้ยมทูตนิสัยเสียตนนี้ขึ้นทุกที



    “ก๊อกๆๆๆๆ!!!”   ใครบางคนมาเคาะประตูเรียก   ฉันปาดน้ำตาออกด้วยแขนเสื้อก่อนจะเดินไปเปิดประตู



    “ลูกยังไม่แต่งตัวอีกเหรอ!?”    ฉันเห็นหน้าของแม่แล้วก็อดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่   ฉันรู้ว่าถึงบอกแม่ไปเรื่องมียมทูตอยู่ในหัวของฉัน  

    ก็คงไม่มีใครเชื่อ  และถ้าฉันต้องเป็นฆาตกรโดยคำสั่งของสิ่งที่ไม่มีใครเชื่อ  ฉันก็คงหมดอนาคต



    “คือ…หนูเพลียมากเลยเผลอหลับไปอีกงีบนึงน่ะค่ะ”  ฉันแก้ตัวไป



    “หยุดงานสักวันก็ได้นะลูก…จะให้แม่โทรศัพท์ไปบอกโรงเรียนไม๊จ๊ะ?”   แม่ฉันถามด้วยแววตาห่วงใย



    “อ๋อ..ไม่ต้องหรอกค่ะ…หนูสบายดี…จริงๆค่ะแม่”  ฉันบอกแม่   แต่แม่มองมาอย่างไม่แน่ใจนัก



    “รีบๆหน่อยละกันนะลูก…เดี๋ยวรถจะติด”     ฉันพยักหน้าก่อนจะปิดประตู   “ปึง!!”



    “เอาล่ะ…เจ้ามนุษย์…ไปยังสถานที่ของเจ้า…แล้วเริ่มปฏิบัติสิ่งที่ข้าจะสั่งเจ้า…ต่อแต่นี้ไป…เจ้าอยู่ในบัญชาของยมทูตฟีตัส”  



    ฉันนั่งพิงประตูกุมหัวตัวเอง  ขณะที่เสียงทุ้มลึกนั้นบงการฉัน…





    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@=@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×