ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ch@pter 4 : ยมทูตฟีตัส
   
“เจ้าได้ยินไม่ผิดหรอก ข้าบอกว่าอรุณสวัสดิ์เจ้ามนุษย์”    เสียงแหบๆทุ้มลึกดังขึ้นในห้องนอนของฉัน
                  ฉันหันมองไปรอบๆ  ไม่มีใครอยู่ในห้องนอกจากจะแอบอยู่ในตู้เสื้อผ้าหรือใต้เตียง 
ฉันจึงก้มลงมองใต้เตียงด้วยใจที่สั่นรัวแต่ไม่พบใคร  เสียงนั้นฟังดูเหมือนผู้ชายอายุราวๆ 45 ปี 
แต่ทว่าถ้ามีผู้ชายอายุราวๆนั้นอยู่ในห้องของฉันก็มีความเป็นไปได้สูงที่ไม่ได้มีเจตนาดี 
ถึงกระนั้นฉันค่อยๆดึงผ้าห่มออกแล้วเคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้าไปยังตู้เสื้อผ้าที่ปิดอยู่
“ร๊อด ถ้านี่เป็นการเล่นสนุกล่ะก็ ขอเตือนไว้ก่อนว่าไม่สนุกเลยนะ”  ฉันโพล่งเบาๆ  แต่รู้ว่าคงไม่ใช่น้องชายของฉัน
“ปึ้ก!!”  ฉันผลักประตูตู้เสื้อผ้าออกกระแทกกับฝาด้านข้าง  ภายในนั้นไม่มีอะไรนอกจากชุดทำงานของฉันที่แขวนไว้
และกองผ้าที่ยังไม่ได้รีดอัดกันอยู่
“ก๊อกๆๆ!!”    ใครบางคนมาเคาะประตูที่หน้าห้อง    “เม๊ค เดี๋ยวไปทำงานสายนะจ๊ะ ยังไม่ตื่นเหรอ?”
แม่นั่นเอง!? 
“หนูตื่นแล้วค่ะแม่ แป๊บนึงค่ะ”  ฉันรวบผมด้วยหนังยางก่อนจะรี่เปิดประตู
“แม่เห็นลูกตื่นสายกว่าปกติก็เลยขึ้นมาดูน่ะจ้ะ ทุกอย่างปกติดีไม๊?”  แม่ถาม
“ค่ะ ไม่มีอะไรค่ะ”  ฉันบอกพลางเกาศีรษะตัวเอง
“รีบอาบน้ำแล้วไปทำงานนะจ๊ะลูก”  ฉันปิดประตูกลับเข้ามาเช่นเดิม  “ปึง!”
    คิดมากไปใหญ่แล้วเรา?  บางทีฉันควรจะไปหาหมอสักหน่อย  เพราะสองสามวันที่ผ่านมานี้ฉันมักจะหูแว่วหรือตาฝาดบ่อยๆ 
คงจะทำงานหนักมากไปเลยสะสมความเครียด
“เจ้ามนุษย์ จงหยุดและฟังข้า”      เท้าของฉันหยุดชะงัก  ยืนนิ่งไม่ไหวติง  มาอีกแล้ว?!  เสียงแว่วนั้น?
“เจ้าไม่ได้หูแว่ว ข้ากำลังพูดกับเจ้า”  เสียงทุ้มลึกตอบกลับมาอีกครั้งราวกับรู้ถึงความคิดในสมอง
“ตลกน่า แสดงตัวออกมาเถอะ อย่าหลบๆซ่อนๆอีกเลย”  ฉันโพล่งออกไปอย่างฉุนเฉียว
“ ..”    ทุกอย่างเงียบไปในทันใด
“เฮ้อ!”    ฉันถอนหายใจอย่างรู้สึกไม่ค่อยดี  รีบเดินไปหยิบชุดทำงานในตู้เสื้อผ้า
“ฟังข้านะเจ้ามนุษย์ นี่คือเสียงของยมทูตฟีตัส  บุตรแห่งนรกภูมิ”    เสียงนั้นเหมือนกับดังขึ้นในหัวของฉันเอง 
ทำเอาฉันหยุดชะงักอีกหน  ในมือกำเสื้อทำงานแน่นด้วยความกังวลผสมกับหวาดกลัว    นรกงั้นเหรอ?
นี่มันเรื่องตลกอะไรกันแน่?! 
“นี่ไม่ใช่เรื่องตลก ข้าคือยมทูตฟีตัส ข้าต้องการที่จะสื่อสารกับเจ้า”  เสียงทุ้มหนักนั้นฟังดูน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง 
เสียงนั้นมันให้ความรู้สึกเหมือนมีคนพูดให้ฉันได้ยินจากหูฟังซาวด์อเบาท์ 
“หมายความว่าไง?”  ฉันเอ่ยปากถามเสียงนั้นดู
“เจ้าไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากถามข้า เพียงเจ้าคิดอะไร  ข้าก็จะตอบสิ่งที่เจ้าต้องการโดยที่ไม่มีใครได้ยินการสื่อสารนี้” 
เสียงนั้นตอบกลับมาจริงๆด้วย  หรือว่านี่จะเป็นเรื่องจริง!?  แต่มันก็ออกจะทำใจให้เชื่อยากสักหน่อย
ยมทูตงั้นเหรอ?
“ใช่! ข้าคือยมทูตฟีตัส  บุตรแห่งนรกภูมิ ส่วนเจ้าเป็นมนุษย์ที่ข้าเลือก” 
เป็นอย่างที่มันบอกจริงๆ  เพียงแค่ฉันนึกสงสัย  เสียงนั้นก็ตอบขึ้นในโสตประสาทของฉัน
เลือกอะไรกัน?
“ข้าต้องการใช้เจ้าเป็นเครื่องมือ”  เสียงนั้นยังคงตอบคำถามของฉัน  ฉันถอยเท้าเข้าพิงกับผนังห้องด้วยความรู้สึกไม่ปลอดภัย
เครื่องมือ?
“เครื่องมือสำหรับโปรเจคที่ซับซ้อนอันยากจะอธิบายให้กับเจ้ามนุษย์ฟัง”  เสียงนั้นบอก
โปรเจคอะไรกัน?  บ้ากันไปใหญ่แล้ว   ฉันต้องกำลังฝันอยู่แน่ๆ!!  ตื่นสิ  ตื่น!!
“ข้าจะอธิบายถึงสิ่งที่เจ้าต้องปฏิบัติเพื่อข้า” ยมทูตกล่าว
ทำอะไร?
“เจ้ามนุษย์ เจ้าจะต้องฆ่าคนที่ข้าต้องการจนกว่าข้าจะสั่งให้เจ้าหยุด”  ยมทูตบอก
ทำไมฉันต้องทำตามที่แกสั่งด้วยล่ะ?  ฉันไม่ใช่คนที่ยอมให้ใครบงการหรอกนะ?!?
“เจ้าต้องทำแน่ๆ เพราะถ้าเจ้าไม่ทำ แม่ของเจ้า  น้องชายของเจ้าทั้งสองคน  จะต้องตายไปทีละคน”
มันเล่นบ้าอะไรของมัน!!  ฉันไม่มีวันทำแบบนั้นเด็ดขาด  ยมทูตอะไรกัน?! มีจริงซะที่ไหน!
อีกอย่างมันจะฆ่าแม่และน้องของฉันได้ยังไงกัน!?!
“ทำได้สิ! ถ้าเจ้าลองมองออกไปนอกหน้าต่าง”  เสียงยมทูตฟีตัสเอ่ยขึ้นในหูอีก
ทำไมต้องมองออกไปที่หน้าต่างด้วย?    ฉันก้าวขาช้าๆไปที่หน้าต่างพลางเปิดม่านโปร่งสีชมพูออก 
“นั่นไง ดูเจ้ามนุษย์คนนั้นไว้ให้ดี” 
ฉันมองตามที่มันบอก  คนๆเดียวที่สามารถมองเห็นได้คือ  เกรย์  เพื่อนบ้านของฉันคนเดียวเท่านั้น 
ดูเหมือนเขากำลังเตรียมตัวจะขับรถออกไปที่ไหนสักแห่ง    แล้วไง? 
“ดูให้ดีล่ะเจ้ามนุษย์” 
  เกรย์สตาร์ทรถอยู่เป็นเวลานาน  จากนั้นเขาคงจะสตาร์ทไม่ติด  จึงเปิดประตูลงจากรถ
แต่ทันทีที่เขาลงจากรถ  รถสิบล้อคันหนึ่งก็พุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยเฉี่ยวกระชากพาร่างของเขาหายไปด้วย 
เหลือทิ้งไว้เพียงสะเก็ดเลือดติดอยู่ที่ประตูรถ
“โอ!  พระเจ้า!!”  ฉันปิดปากอย่างสยดสยอง
“ยังก่อน ดูให้ดีสิเจ้ามนุษย์”    ยมทูตบ้าบอนั่นบอกฉัน  ฉันมองตามรถสิบล้อคันนั้นไปด้วยใจที่สั่นไม่เป็นจังหวะ 
สักพักรถสิบล้อคันนั้นก็ราวกับหายไปในโพรงอากาศ  มันล่องหนหายไปในพริบตาก่อนที่ศพของเกรย์จะร่วงตกบนพื้นถนน
ห่างจากบ้านของฉันประมาณห้าร้อยเมตรในสภาพแหลกเหลว
“โอ! ไม่ ”      ฉันร้องไห้ไม่หยุด  สักพักเสียงคนก็จอแจตื่นตกใจกันที่ข้างนอก
“เจ้าจะเชื่อข้าได้หรือยังเจ้ามนุษย์ รถคันนั้นเป็นรถที่ข้าสร้างภาพขึ้นเพื่อกำจัดเจ้ามนุษย์คนนั้น
ข้าสามารถฆ่าเจ้ามนุษย์ได้อย่างไม่เหลือร่องรอยในเวลาอันสั้น”  ยมทูตกล่าว
“แล้วถ้า ถ้า ถ้าแกฆ่าคนได้เอง แล้ว แล้วทำไมจะต้องมาใช้ฉันฆ่าคนด้วยล่ะ”  ฉันถาม
“นั่นก็เพราะ ข้าต้องการเห็นมนุษย์ฆ่ามนุษย์ด้วยกันเอง...มันเป็นผลการทดสอบที่ซับซ้อน และข้าต้องการเข้าถึงมัน” 
ยมทูตฟีตัสเอ่ย
“ถ้าฉันไม่ทำตามที่แกสั่ง แม่กับน้องก็จะ ”
“ใช่ เป็นแบบเจ้ามนุษย์คนนั้น”  เสียงทุ้มลึกพูดอย่างมีชัย
“แกทำเพื่ออะไรกันแน่?”  ฉันชักเกลียดไอ้ยมทูตนิสัยเสียตนนี้ขึ้นทุกที
“ก๊อกๆๆๆๆ!!!”  ใครบางคนมาเคาะประตูเรียก  ฉันปาดน้ำตาออกด้วยแขนเสื้อก่อนจะเดินไปเปิดประตู
“ลูกยังไม่แต่งตัวอีกเหรอ!?”    ฉันเห็นหน้าของแม่แล้วก็อดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่  ฉันรู้ว่าถึงบอกแม่ไปเรื่องมียมทูตอยู่ในหัวของฉัน 
ก็คงไม่มีใครเชื่อ  และถ้าฉันต้องเป็นฆาตกรโดยคำสั่งของสิ่งที่ไม่มีใครเชื่อ  ฉันก็คงหมดอนาคต
“คือ หนูเพลียมากเลยเผลอหลับไปอีกงีบนึงน่ะค่ะ”  ฉันแก้ตัวไป
“หยุดงานสักวันก็ได้นะลูก จะให้แม่โทรศัพท์ไปบอกโรงเรียนไม๊จ๊ะ?”  แม่ฉันถามด้วยแววตาห่วงใย
“อ๋อ..ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูสบายดี จริงๆค่ะแม่”  ฉันบอกแม่  แต่แม่มองมาอย่างไม่แน่ใจนัก
“รีบๆหน่อยละกันนะลูก เดี๋ยวรถจะติด”    ฉันพยักหน้าก่อนจะปิดประตู  “ปึง!!”
“เอาล่ะ เจ้ามนุษย์ ไปยังสถานที่ของเจ้า แล้วเริ่มปฏิบัติสิ่งที่ข้าจะสั่งเจ้า ต่อแต่นี้ไป เจ้าอยู่ในบัญชาของยมทูตฟีตัส” 
ฉันนั่งพิงประตูกุมหัวตัวเอง  ขณะที่เสียงทุ้มลึกนั้นบงการฉัน
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@=@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
“เจ้าได้ยินไม่ผิดหรอก ข้าบอกว่าอรุณสวัสดิ์เจ้ามนุษย์”    เสียงแหบๆทุ้มลึกดังขึ้นในห้องนอนของฉัน
                  ฉันหันมองไปรอบๆ  ไม่มีใครอยู่ในห้องนอกจากจะแอบอยู่ในตู้เสื้อผ้าหรือใต้เตียง 
ฉันจึงก้มลงมองใต้เตียงด้วยใจที่สั่นรัวแต่ไม่พบใคร  เสียงนั้นฟังดูเหมือนผู้ชายอายุราวๆ 45 ปี 
แต่ทว่าถ้ามีผู้ชายอายุราวๆนั้นอยู่ในห้องของฉันก็มีความเป็นไปได้สูงที่ไม่ได้มีเจตนาดี 
ถึงกระนั้นฉันค่อยๆดึงผ้าห่มออกแล้วเคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้าไปยังตู้เสื้อผ้าที่ปิดอยู่
“ร๊อด ถ้านี่เป็นการเล่นสนุกล่ะก็ ขอเตือนไว้ก่อนว่าไม่สนุกเลยนะ”  ฉันโพล่งเบาๆ  แต่รู้ว่าคงไม่ใช่น้องชายของฉัน
“ปึ้ก!!”  ฉันผลักประตูตู้เสื้อผ้าออกกระแทกกับฝาด้านข้าง  ภายในนั้นไม่มีอะไรนอกจากชุดทำงานของฉันที่แขวนไว้
และกองผ้าที่ยังไม่ได้รีดอัดกันอยู่
“ก๊อกๆๆ!!”    ใครบางคนมาเคาะประตูที่หน้าห้อง    “เม๊ค เดี๋ยวไปทำงานสายนะจ๊ะ ยังไม่ตื่นเหรอ?”
แม่นั่นเอง!? 
“หนูตื่นแล้วค่ะแม่ แป๊บนึงค่ะ”  ฉันรวบผมด้วยหนังยางก่อนจะรี่เปิดประตู
“แม่เห็นลูกตื่นสายกว่าปกติก็เลยขึ้นมาดูน่ะจ้ะ ทุกอย่างปกติดีไม๊?”  แม่ถาม
“ค่ะ ไม่มีอะไรค่ะ”  ฉันบอกพลางเกาศีรษะตัวเอง
“รีบอาบน้ำแล้วไปทำงานนะจ๊ะลูก”  ฉันปิดประตูกลับเข้ามาเช่นเดิม  “ปึง!”
    คิดมากไปใหญ่แล้วเรา?  บางทีฉันควรจะไปหาหมอสักหน่อย  เพราะสองสามวันที่ผ่านมานี้ฉันมักจะหูแว่วหรือตาฝาดบ่อยๆ 
คงจะทำงานหนักมากไปเลยสะสมความเครียด
“เจ้ามนุษย์ จงหยุดและฟังข้า”      เท้าของฉันหยุดชะงัก  ยืนนิ่งไม่ไหวติง  มาอีกแล้ว?!  เสียงแว่วนั้น?
“เจ้าไม่ได้หูแว่ว ข้ากำลังพูดกับเจ้า”  เสียงทุ้มลึกตอบกลับมาอีกครั้งราวกับรู้ถึงความคิดในสมอง
“ตลกน่า แสดงตัวออกมาเถอะ อย่าหลบๆซ่อนๆอีกเลย”  ฉันโพล่งออกไปอย่างฉุนเฉียว
“ ..”    ทุกอย่างเงียบไปในทันใด
“เฮ้อ!”    ฉันถอนหายใจอย่างรู้สึกไม่ค่อยดี  รีบเดินไปหยิบชุดทำงานในตู้เสื้อผ้า
“ฟังข้านะเจ้ามนุษย์ นี่คือเสียงของยมทูตฟีตัส  บุตรแห่งนรกภูมิ”    เสียงนั้นเหมือนกับดังขึ้นในหัวของฉันเอง 
ทำเอาฉันหยุดชะงักอีกหน  ในมือกำเสื้อทำงานแน่นด้วยความกังวลผสมกับหวาดกลัว    นรกงั้นเหรอ?
นี่มันเรื่องตลกอะไรกันแน่?! 
“นี่ไม่ใช่เรื่องตลก ข้าคือยมทูตฟีตัส ข้าต้องการที่จะสื่อสารกับเจ้า”  เสียงทุ้มหนักนั้นฟังดูน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง 
เสียงนั้นมันให้ความรู้สึกเหมือนมีคนพูดให้ฉันได้ยินจากหูฟังซาวด์อเบาท์ 
“หมายความว่าไง?”  ฉันเอ่ยปากถามเสียงนั้นดู
“เจ้าไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากถามข้า เพียงเจ้าคิดอะไร  ข้าก็จะตอบสิ่งที่เจ้าต้องการโดยที่ไม่มีใครได้ยินการสื่อสารนี้” 
เสียงนั้นตอบกลับมาจริงๆด้วย  หรือว่านี่จะเป็นเรื่องจริง!?  แต่มันก็ออกจะทำใจให้เชื่อยากสักหน่อย
ยมทูตงั้นเหรอ?
“ใช่! ข้าคือยมทูตฟีตัส  บุตรแห่งนรกภูมิ ส่วนเจ้าเป็นมนุษย์ที่ข้าเลือก” 
เป็นอย่างที่มันบอกจริงๆ  เพียงแค่ฉันนึกสงสัย  เสียงนั้นก็ตอบขึ้นในโสตประสาทของฉัน
เลือกอะไรกัน?
“ข้าต้องการใช้เจ้าเป็นเครื่องมือ”  เสียงนั้นยังคงตอบคำถามของฉัน  ฉันถอยเท้าเข้าพิงกับผนังห้องด้วยความรู้สึกไม่ปลอดภัย
เครื่องมือ?
“เครื่องมือสำหรับโปรเจคที่ซับซ้อนอันยากจะอธิบายให้กับเจ้ามนุษย์ฟัง”  เสียงนั้นบอก
โปรเจคอะไรกัน?  บ้ากันไปใหญ่แล้ว   ฉันต้องกำลังฝันอยู่แน่ๆ!!  ตื่นสิ  ตื่น!!
“ข้าจะอธิบายถึงสิ่งที่เจ้าต้องปฏิบัติเพื่อข้า” ยมทูตกล่าว
ทำอะไร?
“เจ้ามนุษย์ เจ้าจะต้องฆ่าคนที่ข้าต้องการจนกว่าข้าจะสั่งให้เจ้าหยุด”  ยมทูตบอก
ทำไมฉันต้องทำตามที่แกสั่งด้วยล่ะ?  ฉันไม่ใช่คนที่ยอมให้ใครบงการหรอกนะ?!?
“เจ้าต้องทำแน่ๆ เพราะถ้าเจ้าไม่ทำ แม่ของเจ้า  น้องชายของเจ้าทั้งสองคน  จะต้องตายไปทีละคน”
มันเล่นบ้าอะไรของมัน!!  ฉันไม่มีวันทำแบบนั้นเด็ดขาด  ยมทูตอะไรกัน?! มีจริงซะที่ไหน!
อีกอย่างมันจะฆ่าแม่และน้องของฉันได้ยังไงกัน!?!
“ทำได้สิ! ถ้าเจ้าลองมองออกไปนอกหน้าต่าง”  เสียงยมทูตฟีตัสเอ่ยขึ้นในหูอีก
ทำไมต้องมองออกไปที่หน้าต่างด้วย?    ฉันก้าวขาช้าๆไปที่หน้าต่างพลางเปิดม่านโปร่งสีชมพูออก 
“นั่นไง ดูเจ้ามนุษย์คนนั้นไว้ให้ดี” 
ฉันมองตามที่มันบอก  คนๆเดียวที่สามารถมองเห็นได้คือ  เกรย์  เพื่อนบ้านของฉันคนเดียวเท่านั้น 
ดูเหมือนเขากำลังเตรียมตัวจะขับรถออกไปที่ไหนสักแห่ง    แล้วไง? 
“ดูให้ดีล่ะเจ้ามนุษย์” 
  เกรย์สตาร์ทรถอยู่เป็นเวลานาน  จากนั้นเขาคงจะสตาร์ทไม่ติด  จึงเปิดประตูลงจากรถ
แต่ทันทีที่เขาลงจากรถ  รถสิบล้อคันหนึ่งก็พุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยเฉี่ยวกระชากพาร่างของเขาหายไปด้วย 
เหลือทิ้งไว้เพียงสะเก็ดเลือดติดอยู่ที่ประตูรถ
“โอ!  พระเจ้า!!”  ฉันปิดปากอย่างสยดสยอง
“ยังก่อน ดูให้ดีสิเจ้ามนุษย์”    ยมทูตบ้าบอนั่นบอกฉัน  ฉันมองตามรถสิบล้อคันนั้นไปด้วยใจที่สั่นไม่เป็นจังหวะ 
สักพักรถสิบล้อคันนั้นก็ราวกับหายไปในโพรงอากาศ  มันล่องหนหายไปในพริบตาก่อนที่ศพของเกรย์จะร่วงตกบนพื้นถนน
ห่างจากบ้านของฉันประมาณห้าร้อยเมตรในสภาพแหลกเหลว
“โอ! ไม่ ”      ฉันร้องไห้ไม่หยุด  สักพักเสียงคนก็จอแจตื่นตกใจกันที่ข้างนอก
“เจ้าจะเชื่อข้าได้หรือยังเจ้ามนุษย์ รถคันนั้นเป็นรถที่ข้าสร้างภาพขึ้นเพื่อกำจัดเจ้ามนุษย์คนนั้น
ข้าสามารถฆ่าเจ้ามนุษย์ได้อย่างไม่เหลือร่องรอยในเวลาอันสั้น”  ยมทูตกล่าว
“แล้วถ้า ถ้า ถ้าแกฆ่าคนได้เอง แล้ว แล้วทำไมจะต้องมาใช้ฉันฆ่าคนด้วยล่ะ”  ฉันถาม
“นั่นก็เพราะ ข้าต้องการเห็นมนุษย์ฆ่ามนุษย์ด้วยกันเอง...มันเป็นผลการทดสอบที่ซับซ้อน และข้าต้องการเข้าถึงมัน” 
ยมทูตฟีตัสเอ่ย
“ถ้าฉันไม่ทำตามที่แกสั่ง แม่กับน้องก็จะ ”
“ใช่ เป็นแบบเจ้ามนุษย์คนนั้น”  เสียงทุ้มลึกพูดอย่างมีชัย
“แกทำเพื่ออะไรกันแน่?”  ฉันชักเกลียดไอ้ยมทูตนิสัยเสียตนนี้ขึ้นทุกที
“ก๊อกๆๆๆๆ!!!”  ใครบางคนมาเคาะประตูเรียก  ฉันปาดน้ำตาออกด้วยแขนเสื้อก่อนจะเดินไปเปิดประตู
“ลูกยังไม่แต่งตัวอีกเหรอ!?”    ฉันเห็นหน้าของแม่แล้วก็อดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่  ฉันรู้ว่าถึงบอกแม่ไปเรื่องมียมทูตอยู่ในหัวของฉัน 
ก็คงไม่มีใครเชื่อ  และถ้าฉันต้องเป็นฆาตกรโดยคำสั่งของสิ่งที่ไม่มีใครเชื่อ  ฉันก็คงหมดอนาคต
“คือ หนูเพลียมากเลยเผลอหลับไปอีกงีบนึงน่ะค่ะ”  ฉันแก้ตัวไป
“หยุดงานสักวันก็ได้นะลูก จะให้แม่โทรศัพท์ไปบอกโรงเรียนไม๊จ๊ะ?”  แม่ฉันถามด้วยแววตาห่วงใย
“อ๋อ..ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูสบายดี จริงๆค่ะแม่”  ฉันบอกแม่  แต่แม่มองมาอย่างไม่แน่ใจนัก
“รีบๆหน่อยละกันนะลูก เดี๋ยวรถจะติด”    ฉันพยักหน้าก่อนจะปิดประตู  “ปึง!!”
“เอาล่ะ เจ้ามนุษย์ ไปยังสถานที่ของเจ้า แล้วเริ่มปฏิบัติสิ่งที่ข้าจะสั่งเจ้า ต่อแต่นี้ไป เจ้าอยู่ในบัญชาของยมทูตฟีตัส” 
ฉันนั่งพิงประตูกุมหัวตัวเอง  ขณะที่เสียงทุ้มลึกนั้นบงการฉัน
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@=@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น