ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 ลางสังหรณ์
“ก๊อก ๆ ๆ”  ใครคนหนึ่งมาเคาะประตูห้องนอนของเรจิน่า  เธอหายใจเข้าลึกๆก่อนจะโผลุกขึ้นจากเตียงตรงไปที่หน้าประตู
“เรจิน่า เรจิน่าสายมากแล้วนะจ๊ะ!”  เสียงแม่เธอนั่นเอง และเธอเองก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันออกเดินทาง 
เนื่องจากว่าพ่อของเธอเป็นผู้บริหารบริษัทผลิตเครื่องอุปโภคบริโภครายใหญ่นานับชนิดที่มีกิจกรรมต้องสัมมนาปรึกษาเจรจาภาคี
กับคนมากหน้าหลายตาอยู่เสมอ  ซึ่งโอกาสนี้ก็เช่นกัน มันเป็นการประชุมเกี่ยวกับกลุ่มผู้บริหารทั่วทุกรัฐ
และเรจิน่าเองก็ต้องติดสอยห้อยตามผู้เป็นพ่อไปด้วยตามระเบียบ  แต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่ถูกใจเสียทีเดียว
เพราะสถานที่ๆประชุมนั้นจะอยู่บริเวณทะเลสาบที่สวยงามที่เธอเองใฝ่ฝันจะได้ไปชื่นชมสักครั้งหนึ่งในชีวิตอันสั้นนี้ 
ฉะนั้นเธอจึงไม่พลาดที่จะตื่นแต่เช้า เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการทัวร์ครั้งนี้ แม้ว่ามันจะไม่ใช่การทัวร์จริงๆก็ตาม
“รู้แล้วค่ะ  เดี๋ยวหนูจะตามลงไป”  เธอขานรับ 
เรจิน่าก็เหมือนกับเด็กผู้หญิงวัย 13 ปีทั่วๆไป ที่มีนิสัยรักสนุกและไม่ชอบฝันร้ายหรือเรื่องสยดสยองเช่นเมื่อคืน 
มันจะทำให้เธอกังวลใจอย่างมาก  อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะหมดอารมณ์ที่จะสนุกกับการท่องเที่ยว 
ไม่นานเธอก็อาบน้ำแต่งกายเสร็จ  ลงมาพบใบหน้าอันเปี่ยมยิ้มของแม่ที่เป็นเช่นทุกวัน
“ลูกจะทานอาหารเช้าที่นี่เลยหรือจะทานบนรถดี”  มารดาถาม
“เอ่อ ไม่ทานมื้อเช้าไม่ได้หรือคะ รอถึงทะเลสาบก่อนดีกว่า” เรจิน่าต่อรอง
“ก็ตามใจลูกละกันนะ ถ้าหิวขึ้นมาล่ะก็อย่าหาว่าแม่ไม่เตือนล่ะ เข้าใจไหม?”
แม่ทำเสียงประชดประชันแกมหัวเราะ
“เสร็จกันหรือยัง  แม่ลูกคู่นี้”  พ่อยื่นศีรษะอันใหญ่โตเข้ามาทางช่องประตูด้วยสีหน้าเร่งรัด
“เสร็จแล้วจ้า! คุณพ่อจอมระเบียบ”  เรจิน่าและแม่เอ่ยขึ้นพร้อมกัน
อันที่จริงแล้วพ่อของเธอก็ไม่ได้เจ้าระเบียบอะไรมากมาย  บางครั้งบางคราวก็มีอารมณ์ขันที่วิเศษทีเดียว 
เพียงแต่ครั้งนี้เป็นการประชุมใหญ่ติดต่อกันถึงห้าหกวันที่ทะเลสาบอาเชียน่า ซึ่งมีการจองโรงแรมที่หรูหราและใกล้ทะเลสาบที่สุด
ในละแวกนั้นสำหรับทุกคนที่เป็นผู้บริหารอย่างพ่อของเรจิน่าโดยเฉพาะ
ในเวลาต่อมาคนสามคนในรถแวนสีขาวก็ดำเนินไปบนถนนลาดยางสายยาว  มุ่งสู่ทะเลสาบอาเชียน่าที่เงียบสงบ
“พ่อว่า พอเราไปถึงที่นั่นจะให้ลูกดูอะไรบางอย่างนะ”
“อะไรหรือคะพ่อ”  เรจิน่าถามเสียงใส
“บอกตอนนี้ไม่ได้หรอกนะ มันเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์” 
“แต่พ่อบอกหนูอย่างนี้ ก็เท่ากับไม่น่าเซอร์ไพรส์แล้วสิคะ”
“เอ้อ!  มัน ก็จริงนะ  ฮ่ะๆ” พ่อหัวเราะ ขณะที่มือจับพวงมาลัยรถอย่างมั่นคง ด้วยความเร็วรถสม่ำเสมอ
จนกระทั่งผ่านทัศนียภาพของตึกสูงๆไปจนหมดสิ้น และเข้าสู่บรรยากาศของธรรมชาติอย่างแท้จริง 
สีเขียวชอุ่มของต้นไม้สองข้างทาง  ภาพแห่งความทรงพลังของหินผาที่สูงตระหง่านเสียดฟ้า 
แสงอาทิตย์สีเหลืองส้มอ่อนๆสบายตาฉายรังสีทาทาบมาบนถนนสายแคบที่มีเพียงรถไม่กี่คันวิ่งสวนกันไปมา 
กลิ่นของน้ำจากทะเลสาบโชยความสดชื่นจนสามารถสัมผัสได้ 
ภาพที่มองเห็นจากกระจกรถค่อยๆเคลื่อนผ่านไปในแต่ละตำแหน่งดูราวกับเป็นฉากในภาพยนตร์ที่มีแต่ความสุข 
เรจิน่าอดเหม่อมองบรรยากาศเหล่านั้นไม่ได้  เธอแทบจะเอาใบหน้าแนบกับกระจกรถอยู่แล้ว
 
แต่สิ่งหนึ่งลอยมาตามกระแสลมและติดอยู่บนกระจกตรงหน้าเธอ มันคือใบไม้สีน้ำตาลแก่
รูปดาวห้าแฉก  เรจิน่าอดนึกไม่ได้ว่าเธอเคยเห็นใบไม้ลักษณะแบบนี้ที่ใดมาก่อน แต่เธอก็นึกไม่ออก  ช่างเถอะ!  เรจิน่าคิด 
แล้วเธอก็หันมาสนใจกับความสวยงามรอบๆต่อ  เวลาผ่านไปราวๆสิบนาที 
ทะเลสาบที่เธอรอคอยมาทั้งชีวิตว่าจะได้มาพบสักครั้งก็เผยให้เห็น  มันดูนิ่งสงบ มันเหมือนสัญลักษณ์ของการเข้าถึงสวรรค์ 
ชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์สดใส  ทะเลสาบอาเชียน่า .
“เย้!  หนูขอวิ่งไปสำรอจรอบๆก่อนเลยได้ไหมคะ!!”  เรจิน่าตื่นเต้น
“ลูกจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่มีกฎข้อเดียวที่พ่อจะบอกลูก ก็คือ อย่าทำให้พ่อต้องขายหน้าผู้บริหารอื่นๆ  ทำได้ไหม?”
“หนูสัญญาค่ะ”  เรจิน่าเอ่ย
“ดี งั้นเดี๋ยวพ่อไปติดต่อกับโรงแรมก่อนนะ”  หลังจากนั้นเรจิน่าก็เดินแยกออกจากพ่อแม่ของเธอตรงไปยังริมทะเลสาบ
“เอ่อ มาติดต่อที่พักเรื่องประชุมผู้บริหารของรัฐน่ะครับ”  พ่อเอ่ย
“ได้ค่ะ!  คุณชื่ออะไรคะ” พนักงานในชุดสีน้ำเงินขาวแบบฟอร์มโรงแรมถาม
“โรนัลด์  เครสครับ” 
“กรุณาลงชื่อของคุณตรงนี้ แล้วขอบัตรรับรองด้วยค่ะ”    “ได้ครับ”
ทางด้านของเรจิน่า  เธอเดินเลาะริมฝั่งทะเลสาบไปเรื่อยเปื่ยราวกับคนไร้จิตวิญญาณ เธอรู้สึกสงบสุขยิ่งกว่าที่เคยรู้สึกมา
ไม่มีแม้แต่เสียงน้ำไหล  ไม่มีเสียงใดๆให้ได้ยินแม้แต่น้อย  เรจิน่าเดินมองเท้าตัวเองที่ย่างก้าวไปข้างหน้าตลอดเวลา
จนเธอไม่ทันมองว่ามีใครคนหนึ่งซึ่งกำลังทำแบบเธอเช่นกัน และกำลังตรงมาทางเธอด้วย .
“โอ๊ย!!!”  เรจิน่าชนเข้ากับเด็กชายคนหนึ่ง  เขาดูเป็นเด็กที่ผอมแห้งแรงน้อย ผมสีน้ำตาลอ่อนปรกหน้าผากและคิ้วทำให้ยิ่งดูแปลกตา
“อูย ขอโทษที เผอิญฉันไม่ได้มองข้างหน้าน่ะ”  เด็กชายตอบ
“ไม่เป็นไรหรอก  เพราะฉันก็มองแต่เท้าตัวเองเหมือนกัน”  เรจิน่าบอก
“เธอมากับพ่อแม่เหรอ?” เรจิน่าถาม
“ใช่!  แล้ว เอ่อ เธอล่ะ”  เด็กชายอึกอัก
“ฉันมากับพ่อแม่  พ่อฉันเป็นผู้บริหารน่ะ”  เรจิน่าตอบอย่างภาคภูมิ
“งั้นเหรอ?  พ่อฉันก็เป็นผู้บริหารเหมือนกัน เอ่อ ฉันชื่อ  โนอาร์”
เด็กชายบอกด้วยท่าทางเคอะเขินเล็กน้อย
“ฉันชื่อ  เรจิน่า”  เธอบอก  “เธอว่าที่นี่สวยงามไหม”
“ยิ่งกว่าสวยอีก ฉันว่ามันวิเศษสุดๆเลย”  โนอาร์บอกด้วยดวงตาฉายแววทึ่งใจ
“จริงด้วย ฉันนึกขึ้นได้ว่าเดี๋ยวจะมีจัดเลี้ยงมื้อเช้าในโรงแรม  เรารีบไปกันดีไหม”  โนอาร์เสนอความคิดเห็น
“ดีเหมือนกัน เพราะฉันก็เริ่มหิวซะแล้วสิ”  เรจิน่าบอก
ทั้งสองได้เข้าไปพบกับคนมากมายที่เริ่มทะยอยกันมาในงานประชุมสัมมนาครั้งนี้ 
บ้างก็กำลังรับประทานอาหารตามโต๊ะที่จัดไว้อย่างสะอาดสวยงามด้วยผ้าปูโต๊ะลูกไม้สีขาว ประดับประดาไปด้วยแจกันดอกไม้
ส่วนมากเป็นกุหลาบแดงและเหลือง อย่างไรก็ตามเรจิน่าและโนอาร์ก็คิดว่าอาหารของโรงแรมแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นอาหาร
ชั้นเลิศเลยก็ว่าได้
“ขอต้อนรับท่านคณะผู้บริหารของรัฐทุกท่านที่มาถึงนะคะ ทางโรงแรมควีนพาเลซ ของเรายินดีให้การรองรับที่เป็นกันเอง
หวังว่าจะประทับใจกับการบริการของโรงแรมค่ะ”  พนักงานในชุดแบบฟอร์มโรงแรมคนเดิมพูดประกาศทางไมโครโฟน
เมื่อแขกเริ่มหนาตาในห้องรับประทานอาหารมากขึ้น
“พ่อคะ หนูขอแนะนำค่ะ นี่โนอาร์  หนูเจอเขาตอนเดินเล่นอยู่ริมทะเลสาบค่ะ”  เรจิน่าขึ้นต้นบทสนทนา
“ยินดีที่รู้จัก ว่าแต่ พ่อเธอทำงานบริหารอะไรล่ะ?”  โรนัลด์ถาม
“เอ่อ เป็นกิจการส่งออกเครื่องนุ่งห่มน่ะครับ” 
“คงจะดีไม่น้อยเลยสิ แล้วกิจการดีไหมล่ะ”  นายโรนัลด์ซักไซ้มากขึ้น  ตามนิสัยนักบริหารธุรกิจที่อยากรู้และ
เปรียบเทียบผลงานกับคนอื่นๆอยู่เสมอ
“ถ้าอยากรู้อะไรก็ถามผมเองเลย  น่าจะดีกว่านะครับ” 
เสียงชายวัยกลางคนเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นจากเบื้องหลังของเรจิน่าที่กำลังนั่งสนใจกับการสนทนาในวงของเธออยู่
จนเธอต้องสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเหลียวหลังกลับไปมองเจ้าของเสียงแหบใหญ่นั้น  และพบกับชายหญิงคู่หนึ่งที่ดูมีภูมิฐานพอสมควร
“เอ่อ นี่พ่อผมครับ และนี่ก็แม่ครับ”  โนอาร์ผายมือไปทางบุคคลทั้งสอง
“เดี๋ยวนี้ลูกเที่ยวสนทนากับผู้บริหารอื่นแทนพ่อแล้วหรือนี่  ก้าวหน้าไม่เบานะ”
พ่อของโนอาร์พูดแกมประชดประชัน
“เอาน่าคุณก็!  ลูกเขาคงสนิทกับหนูน้อยคนนี้ล่ะสิใช่ไหม”  แม่ของโนอาร์ไกล่เกลี่ยไปในอีกแนวทาง
“เอ่อ ขอโทษที่ผมเผอิญเสียมารยาทไปหน่อยนะครับ ผมชื่อโรนัลด์เป็นเจ้าของกิจการผลิตเครื่องอุปโภคบริโภค
รายใหญ่ของรัฐครับ”
“ผมรู้เรื่องกิจการคุณดี และผมก็ไม่โทษคุณหรอก ถ้าคุณจะอยากถามถึงกิจการคนอื่นโดยผ่านทางลูกของคนๆนั้น
เพราะผมเองก็มีนิสัยแบบนั้นเหมือนกัน  ฮ่ะๆๆ ผมชื่อ ไอแซค  เคลียตัน เป็นเจ้าของบริษัทส่งออกเครื่องนุ่งห่ม และนี่
แครอไรด์ เป็นภรรยาผม”  นายไอแซคว่า
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ เชิญนั่งกับเราสิครับ”  นายโรนัลด์เอ่ยชักชวน  สองสามีภรรยาจึงค่อยๆนั่งลงร่วมโต๊ะด้วย
“เอ่อ พ่อคะ  แม่ล่ะคะ?”  เรจิน่าถาม เมื่อเธอเริ่มเบื่อกับการนั่งมองเศษอาหารบนจานที่มันแผลบตรงหน้าเธอ
“เห็นเค้าบอกว่ามีร้านขายเสื้อผ้าแล้วก็ของจุกจิกในโรงแรม แม่ก็เลย คงจะไปอยู่ที่ร้านพวกนั้นล่ะมั้ง”  พ่อบอก
“มีร้านแบบนั้นด้วยหรือคะ! ขอบคุณค่ะพ่อ โนอาร์?  เธอไปกับฉันไหม”  เรจิน่าเอ่ยชวน
“ก็ดีเหมือนกัน”  โนอาร์ขานรับพลางจัดแจงลุกขึ้นเดินไปพร้อมกัน
                เรจิน่ากับโนอาร์ถามพนักงานถึงร้านขายของในโรงแรม จากนั้นก็เที่ยวเดินซื้อของต่างๆที่น่ารักน่าสนใจ
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรจิน่าที่ซื้อของกระจุกกระจิก อย่างเช่น ตุ๊กตา  พวงกุญแจ  ลูกกวาด  ปากกา  กิ๊ฟติดผม  โบว์ และอีกสารพัด
ที่เด็กผู้หญิงชอบ  ทำเอาโนอาร์เดินไปมาด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
“อ๊ะ!  นั่นแม่นี่”  เรจิน่าร้องเบาๆ เมื่อพบแม่เธอกำลังเลือกซื้อเสื้อผ้าอยู่ในร้าน
“เอ้าลูก!  มาตั้งแต่เมื่อไหร่  มาดูนี่ซิ!  ลูกว่าชุดไหนสวยกว่ากัน”  แม่ของเธอถือชุดราตรีสีดำและสีแดงสองชุดให้ดู
“ผมว่าชุดสีแดงสวยมากกว่านะครับ”  โนอาร์โพล่งขึ้น
“เอ่อ นี่คือ”  แม่ของเธอทำสีหน้างงงันพลางหันไปมองหน้าลูกสาว
“อ๋อ!  นี่คือ  โนอาร์ค่ะ  เขาเป็นเพื่อนหนู  เราเจอกันตอนเดินเล่นที่อาเชียน่า”
“งั้นเหรอ อืม แล้วลูกว่าชุดไหนสวยล่ะ” 
“หนูก็คิดเหมือนโนอาร์ล่ะค่ะ”  เรจิน่าบอก
“โอเค แล้วลูกอยากได้ชุดใหม่สักชุดไหมล่ะ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ”  เธอพูดพร้อมกับชี้ให้ดูข้าวของมากมายที่เธอได้มากจากการช้อปปิ้งเล็กๆน้อยๆในมือโนอาร์
“งั้นแม่ไปจ่ายเงินก่อนนะ นี่ค่ะ” 
แม่ยื่นชุกราตรีสีแดงกุหลาบให้กับพนักงานขาย  เรจิน่ายืนรอพลางมองไปรอบๆร้านที่ตกแต่งแบบเรียบง่าย
เหมือนร้านขายเสื้อผ้าทั่วไป เพียงแต่ในนี้มีแต่ชุดราคาแพงๆที่หรูหราแหวกแนวมากมาย 
เธอสำรวจทุกๆอย่างในร้านที่มองเห็นนับตั้งแต่ราคาของเสื้อผ้าจนถึงป้ายชื่อของพนักงานขาย ที่มีชื่อว่า  “เกรซี่  โมลานี่”
เธอมีผมยาวดกดำเงาราวกับไข่มุกเคลือบเส้นผมไว้  แต่งกายด้วยชุดแบบฟอร์มของโรงแรม
“ทั้งหมดสามพันห้าร้อยเหรียญค่ะ  ขอบคุณมากค่ะ”  พนักงานเกรซี่กล่าว
ไม่นานทั้งหมดก็ออกจากแหล่งช้อปปิ้งของโรงแรมกลับมายังทะเลสาบอาเชียน่า ที่กำลังมีการตกปลากันอย่างสนุกสนาน
และเนืองแน่นไปด้วยผู้คน  เรจิน่ากลับไปที่ห้องอาหารคนเดียวเพื่อไปหาพ่อที่โต๊ะ  แต่ไม่มีใครอยู่ที่ห้องอาหารนอกจากพนักงาน   
เธอไปที่โต๊ะและพบว่ามีกระดาษโน้ตยับๆแผ่นหนึ่งวางสอดอยู่ใต้แจกันดอกไม้เขียนด้วยลายมือหวัดๆว่า
ไปรอพ่อตอนออกจากห้องประชุมสัมมนา 
            พ่อ
เธอเดินไปถามพนักงานโรงแรมว่าห้องประชุมอยู่ที่ไหน แล้วจึงมุ่งหน้าไปรอพ่อของเธอที่หน้าห้องประชุม 
ไม่นานนักก็จบการประชุม  ประตูเปิดออก
ผู้บริหารและนักธุรกิจพากันเดินออกมาพร้อมเอกสารหลายชุด  เรจิน่าพยายามมองหาพ่อของเธอ  แต่พ่อหาเธอพบก่อน
เมื่อเธอรู้สึกว่ามีใครบางคนสะกิดไหล่เธอ  “ตามพ่อมา”  เธอเดินตามพ่อไป โดยนึกแปลกใจไปด้วยเล็กน้อย
พ่อพาเธอมาที่อีกฝั่งหนึ่งของทะเลสาบอาเชียน่า  ลมยามบ่ายพัดอ่อนๆแทรกซึมเข้าสู่ผิวหน้า
“หลับตา”  พ่อบอก
เรจิน่าค่อยๆหลับตาลง สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของน้ำในทะเลสาบและเสียงลมพัดหวิวๆในช่องหู 
พ่อของเธอสวมบางอย่างให้เรจิน่าที่คอด้วยความนิ่มนวล
“เอาล่ะ สุขสันต์วันเกิดนะลูก”    ช่วงเวลานั้นเธอค่อยๆลืมตาขึ้นเห็นทัศนียภาพเบื้องหน้าประกอบกับความประทับใจ
ที่ตราตรึงในจิตของเธอขณะนี้ ไม่มีอะไรจะสุขมากไปกว่าช่วงเวลานี้อีกแล้ว  เวลาที่เธอได้อยู่กับพ่อของเธอในสถานที่สวยงามแห่งนี้   
แต่แล้วเธอกลับรู้สึกสังหรณ์แปลกๆขึ้นมาว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้อยู่กับพ่อของเธอก็เป็นได้
ในตอนค่ำเรจิน่ากลับมาที่ห้องพักคนเดียว ซึ่งครอบครัวเธอได้ห้อง  270  ส่วนครอบครัวโนอาร์นั้นบังเอิญพักห้องใกล้เคียง นั่นคือ
ห้อง 273 ที่อยู่ถัดไป  เธอมองสร้อยคอรูปใบเมเปิ้ลที่พ่อเธอให้  มันสลักจากเพชรแท้ที่เจิดจรัสท่ามกลางแสงไฟ 
“เรจิน่า!  เรจิน่า!”  โนอาร์ตะโกนเรียก 
“ฉันอยู่นี่”  เรจิน่าขาน เมื่อเปิดประตูออกไปพบใบหน้าผอมบางของเด็กชาย
“ฉันอยากให้เธอไปดูดาวกับฉันคืนนี้หน่อย เธอจะว่าไงล่ะ”  โนอาร์ชักชวน
“ทำไมฉันจะไม่ไปล่ะ  รอเดี๋ยวนะ” เรจิน่ารีบตอบรับคำชวน
  โนอาร์พาเรจิน่าเดินขึ้นบันไดหนีไฟซึ่งเป็นทางเดียวที่พาขึ้นไปถึงดาดฟ้าของโรงแรมแห่งนี้ได้  ทั้งสองหาที่เหมาะๆ
ท่ามกลางความมืดเพื่อนอนชมดาวที่เจิดจรัสเหมือนเพชรที่ประดับประดาอยู่ทั่วผืนฟ้าสีดำทมิฬ
“ฉันชอบมานอนดูดาวเสมอล่ะ  แล้วเธอล่ะ” โนอาร์ถาม
“ฉันไม่ค่อยได้ขึ้นมาทำอะไรอย่างนี้นักหรอก  แต่วันนี้ฉันมีความสุขมากเลย จริงๆนะ”  เรจิน่าพูดด้วยน้ำเสียงตื้นตันใจ
    ทั้งสองยังคงนอนดูดวงดาวบนท้องฟ้าอย่างเงียบๆ 
“กลับห้องพักกันเถอะ  ป่านนี้พ่อแม่ฉันคงมาที่ห้องแล้วล่ะ”  เรจิน่าเอ่ยขึ้นท่ามกลางราตรีแห่งความเงียบงัน 
แล้วทั้งสองก็เดินไปทางบันไดเพื่อลงจากดาดฟ้า แต่แล้ว
“กุกกักๆๆ”  เสียงบางอย่างทำลายความเงียบขึ้นมา ทำเอาทั้งคู่สะดุ้งพรวดอย่างไม่ทันตั้งตัว 
“นั่นมันเสียงอะไรน่ะ?”  โนอาร์ถามกล้าๆกลัวๆ
“ดูเหมือนจะดังมาจากห้องเก็บของนี้นะ”  เรจิน่าก้าวสั่นๆไปทางประตูห้องเก็บของที่เชื่อมต่ออยู่กับดาดฟ้า
และเปิดประตูเข้าไปด้วยความกล้าหาญ
ในห้องเก็บของนั้นเต็มไปด้วยของจริงๆ  มีทั้งของที่มีสภาพดีและของที่ดูไม่น่าจะนำกลับมาใช้งานได้อีกแล้วผสมปนเปกันไป 
เรจิน่าเดินนำเข้าไปถึงสุดห้องนั้น และพบว่ามีตู้เก็บของอะลูมิเนียมตู้หนึ่งตั้งอยู่ และเสียงกุกกักก็ดังมาจากตู้นั้นนั่นเอง
“กุกๆกักๆ”  เรจิน่าเอาหูแนบกับบานประตูตู้  “กุกๆกักๆ” เสียงนั้นยังคงดังตลอดเวลา ราวกับมีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ภายในนั้น
“ฟังนะโนอาร์!  พอฉันนับถึงสามแล้ว เธอเปิดประตูตู้ออกทันที  เข้าใจไหม”
เรจิน่าบอกกับโนอาร์ที่ทำหน้าเหมือนกับเด็กเป็นโรคอัลไซเมอร์กะทันหัน
“พร้อมนะ!”  เรจิน่าถาม
“เอ่อ พร้อม”  โนอาร์ตะกุกตะกัก
“หนึ่ง สอง สาม!!!!!!”
ประตูตู้เปิดออก เผยให้เห็นร่างเด็กชายคนหนึ่งที่ดูสะบักสะบอมและเนื้อตัวเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงข้นทั่วใบหน้า
และร่างกายหล่นตุ้บลงมาท่ามกลางสีหน้าแปลกประหลาดใจ ตกใจ และหวาดกลัวของเด็กทั้งสอง
NEXT>>>
“เรจิน่า เรจิน่าสายมากแล้วนะจ๊ะ!”  เสียงแม่เธอนั่นเอง และเธอเองก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันออกเดินทาง 
เนื่องจากว่าพ่อของเธอเป็นผู้บริหารบริษัทผลิตเครื่องอุปโภคบริโภครายใหญ่นานับชนิดที่มีกิจกรรมต้องสัมมนาปรึกษาเจรจาภาคี
กับคนมากหน้าหลายตาอยู่เสมอ  ซึ่งโอกาสนี้ก็เช่นกัน มันเป็นการประชุมเกี่ยวกับกลุ่มผู้บริหารทั่วทุกรัฐ
และเรจิน่าเองก็ต้องติดสอยห้อยตามผู้เป็นพ่อไปด้วยตามระเบียบ  แต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่ถูกใจเสียทีเดียว
เพราะสถานที่ๆประชุมนั้นจะอยู่บริเวณทะเลสาบที่สวยงามที่เธอเองใฝ่ฝันจะได้ไปชื่นชมสักครั้งหนึ่งในชีวิตอันสั้นนี้ 
ฉะนั้นเธอจึงไม่พลาดที่จะตื่นแต่เช้า เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการทัวร์ครั้งนี้ แม้ว่ามันจะไม่ใช่การทัวร์จริงๆก็ตาม
“รู้แล้วค่ะ  เดี๋ยวหนูจะตามลงไป”  เธอขานรับ 
เรจิน่าก็เหมือนกับเด็กผู้หญิงวัย 13 ปีทั่วๆไป ที่มีนิสัยรักสนุกและไม่ชอบฝันร้ายหรือเรื่องสยดสยองเช่นเมื่อคืน 
มันจะทำให้เธอกังวลใจอย่างมาก  อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะหมดอารมณ์ที่จะสนุกกับการท่องเที่ยว 
ไม่นานเธอก็อาบน้ำแต่งกายเสร็จ  ลงมาพบใบหน้าอันเปี่ยมยิ้มของแม่ที่เป็นเช่นทุกวัน
“ลูกจะทานอาหารเช้าที่นี่เลยหรือจะทานบนรถดี”  มารดาถาม
“เอ่อ ไม่ทานมื้อเช้าไม่ได้หรือคะ รอถึงทะเลสาบก่อนดีกว่า” เรจิน่าต่อรอง
“ก็ตามใจลูกละกันนะ ถ้าหิวขึ้นมาล่ะก็อย่าหาว่าแม่ไม่เตือนล่ะ เข้าใจไหม?”
แม่ทำเสียงประชดประชันแกมหัวเราะ
“เสร็จกันหรือยัง  แม่ลูกคู่นี้”  พ่อยื่นศีรษะอันใหญ่โตเข้ามาทางช่องประตูด้วยสีหน้าเร่งรัด
“เสร็จแล้วจ้า! คุณพ่อจอมระเบียบ”  เรจิน่าและแม่เอ่ยขึ้นพร้อมกัน
อันที่จริงแล้วพ่อของเธอก็ไม่ได้เจ้าระเบียบอะไรมากมาย  บางครั้งบางคราวก็มีอารมณ์ขันที่วิเศษทีเดียว 
เพียงแต่ครั้งนี้เป็นการประชุมใหญ่ติดต่อกันถึงห้าหกวันที่ทะเลสาบอาเชียน่า ซึ่งมีการจองโรงแรมที่หรูหราและใกล้ทะเลสาบที่สุด
ในละแวกนั้นสำหรับทุกคนที่เป็นผู้บริหารอย่างพ่อของเรจิน่าโดยเฉพาะ
ในเวลาต่อมาคนสามคนในรถแวนสีขาวก็ดำเนินไปบนถนนลาดยางสายยาว  มุ่งสู่ทะเลสาบอาเชียน่าที่เงียบสงบ
“พ่อว่า พอเราไปถึงที่นั่นจะให้ลูกดูอะไรบางอย่างนะ”
“อะไรหรือคะพ่อ”  เรจิน่าถามเสียงใส
“บอกตอนนี้ไม่ได้หรอกนะ มันเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์” 
“แต่พ่อบอกหนูอย่างนี้ ก็เท่ากับไม่น่าเซอร์ไพรส์แล้วสิคะ”
“เอ้อ!  มัน ก็จริงนะ  ฮ่ะๆ” พ่อหัวเราะ ขณะที่มือจับพวงมาลัยรถอย่างมั่นคง ด้วยความเร็วรถสม่ำเสมอ
จนกระทั่งผ่านทัศนียภาพของตึกสูงๆไปจนหมดสิ้น และเข้าสู่บรรยากาศของธรรมชาติอย่างแท้จริง 
สีเขียวชอุ่มของต้นไม้สองข้างทาง  ภาพแห่งความทรงพลังของหินผาที่สูงตระหง่านเสียดฟ้า 
แสงอาทิตย์สีเหลืองส้มอ่อนๆสบายตาฉายรังสีทาทาบมาบนถนนสายแคบที่มีเพียงรถไม่กี่คันวิ่งสวนกันไปมา 
กลิ่นของน้ำจากทะเลสาบโชยความสดชื่นจนสามารถสัมผัสได้ 
ภาพที่มองเห็นจากกระจกรถค่อยๆเคลื่อนผ่านไปในแต่ละตำแหน่งดูราวกับเป็นฉากในภาพยนตร์ที่มีแต่ความสุข 
เรจิน่าอดเหม่อมองบรรยากาศเหล่านั้นไม่ได้  เธอแทบจะเอาใบหน้าแนบกับกระจกรถอยู่แล้ว
 
แต่สิ่งหนึ่งลอยมาตามกระแสลมและติดอยู่บนกระจกตรงหน้าเธอ มันคือใบไม้สีน้ำตาลแก่
รูปดาวห้าแฉก  เรจิน่าอดนึกไม่ได้ว่าเธอเคยเห็นใบไม้ลักษณะแบบนี้ที่ใดมาก่อน แต่เธอก็นึกไม่ออก  ช่างเถอะ!  เรจิน่าคิด 
แล้วเธอก็หันมาสนใจกับความสวยงามรอบๆต่อ  เวลาผ่านไปราวๆสิบนาที 
ทะเลสาบที่เธอรอคอยมาทั้งชีวิตว่าจะได้มาพบสักครั้งก็เผยให้เห็น  มันดูนิ่งสงบ มันเหมือนสัญลักษณ์ของการเข้าถึงสวรรค์ 
ชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์สดใส  ทะเลสาบอาเชียน่า .
“เย้!  หนูขอวิ่งไปสำรอจรอบๆก่อนเลยได้ไหมคะ!!”  เรจิน่าตื่นเต้น
“ลูกจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่มีกฎข้อเดียวที่พ่อจะบอกลูก ก็คือ อย่าทำให้พ่อต้องขายหน้าผู้บริหารอื่นๆ  ทำได้ไหม?”
“หนูสัญญาค่ะ”  เรจิน่าเอ่ย
“ดี งั้นเดี๋ยวพ่อไปติดต่อกับโรงแรมก่อนนะ”  หลังจากนั้นเรจิน่าก็เดินแยกออกจากพ่อแม่ของเธอตรงไปยังริมทะเลสาบ
“เอ่อ มาติดต่อที่พักเรื่องประชุมผู้บริหารของรัฐน่ะครับ”  พ่อเอ่ย
“ได้ค่ะ!  คุณชื่ออะไรคะ” พนักงานในชุดสีน้ำเงินขาวแบบฟอร์มโรงแรมถาม
“โรนัลด์  เครสครับ” 
“กรุณาลงชื่อของคุณตรงนี้ แล้วขอบัตรรับรองด้วยค่ะ”    “ได้ครับ”
ทางด้านของเรจิน่า  เธอเดินเลาะริมฝั่งทะเลสาบไปเรื่อยเปื่ยราวกับคนไร้จิตวิญญาณ เธอรู้สึกสงบสุขยิ่งกว่าที่เคยรู้สึกมา
ไม่มีแม้แต่เสียงน้ำไหล  ไม่มีเสียงใดๆให้ได้ยินแม้แต่น้อย  เรจิน่าเดินมองเท้าตัวเองที่ย่างก้าวไปข้างหน้าตลอดเวลา
จนเธอไม่ทันมองว่ามีใครคนหนึ่งซึ่งกำลังทำแบบเธอเช่นกัน และกำลังตรงมาทางเธอด้วย .
“โอ๊ย!!!”  เรจิน่าชนเข้ากับเด็กชายคนหนึ่ง  เขาดูเป็นเด็กที่ผอมแห้งแรงน้อย ผมสีน้ำตาลอ่อนปรกหน้าผากและคิ้วทำให้ยิ่งดูแปลกตา
“อูย ขอโทษที เผอิญฉันไม่ได้มองข้างหน้าน่ะ”  เด็กชายตอบ
“ไม่เป็นไรหรอก  เพราะฉันก็มองแต่เท้าตัวเองเหมือนกัน”  เรจิน่าบอก
“เธอมากับพ่อแม่เหรอ?” เรจิน่าถาม
“ใช่!  แล้ว เอ่อ เธอล่ะ”  เด็กชายอึกอัก
“ฉันมากับพ่อแม่  พ่อฉันเป็นผู้บริหารน่ะ”  เรจิน่าตอบอย่างภาคภูมิ
“งั้นเหรอ?  พ่อฉันก็เป็นผู้บริหารเหมือนกัน เอ่อ ฉันชื่อ  โนอาร์”
เด็กชายบอกด้วยท่าทางเคอะเขินเล็กน้อย
“ฉันชื่อ  เรจิน่า”  เธอบอก  “เธอว่าที่นี่สวยงามไหม”
“ยิ่งกว่าสวยอีก ฉันว่ามันวิเศษสุดๆเลย”  โนอาร์บอกด้วยดวงตาฉายแววทึ่งใจ
“จริงด้วย ฉันนึกขึ้นได้ว่าเดี๋ยวจะมีจัดเลี้ยงมื้อเช้าในโรงแรม  เรารีบไปกันดีไหม”  โนอาร์เสนอความคิดเห็น
“ดีเหมือนกัน เพราะฉันก็เริ่มหิวซะแล้วสิ”  เรจิน่าบอก
ทั้งสองได้เข้าไปพบกับคนมากมายที่เริ่มทะยอยกันมาในงานประชุมสัมมนาครั้งนี้ 
บ้างก็กำลังรับประทานอาหารตามโต๊ะที่จัดไว้อย่างสะอาดสวยงามด้วยผ้าปูโต๊ะลูกไม้สีขาว ประดับประดาไปด้วยแจกันดอกไม้
ส่วนมากเป็นกุหลาบแดงและเหลือง อย่างไรก็ตามเรจิน่าและโนอาร์ก็คิดว่าอาหารของโรงแรมแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นอาหาร
ชั้นเลิศเลยก็ว่าได้
“ขอต้อนรับท่านคณะผู้บริหารของรัฐทุกท่านที่มาถึงนะคะ ทางโรงแรมควีนพาเลซ ของเรายินดีให้การรองรับที่เป็นกันเอง
หวังว่าจะประทับใจกับการบริการของโรงแรมค่ะ”  พนักงานในชุดแบบฟอร์มโรงแรมคนเดิมพูดประกาศทางไมโครโฟน
เมื่อแขกเริ่มหนาตาในห้องรับประทานอาหารมากขึ้น
“พ่อคะ หนูขอแนะนำค่ะ นี่โนอาร์  หนูเจอเขาตอนเดินเล่นอยู่ริมทะเลสาบค่ะ”  เรจิน่าขึ้นต้นบทสนทนา
“ยินดีที่รู้จัก ว่าแต่ พ่อเธอทำงานบริหารอะไรล่ะ?”  โรนัลด์ถาม
“เอ่อ เป็นกิจการส่งออกเครื่องนุ่งห่มน่ะครับ” 
“คงจะดีไม่น้อยเลยสิ แล้วกิจการดีไหมล่ะ”  นายโรนัลด์ซักไซ้มากขึ้น  ตามนิสัยนักบริหารธุรกิจที่อยากรู้และ
เปรียบเทียบผลงานกับคนอื่นๆอยู่เสมอ
“ถ้าอยากรู้อะไรก็ถามผมเองเลย  น่าจะดีกว่านะครับ” 
เสียงชายวัยกลางคนเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นจากเบื้องหลังของเรจิน่าที่กำลังนั่งสนใจกับการสนทนาในวงของเธออยู่
จนเธอต้องสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเหลียวหลังกลับไปมองเจ้าของเสียงแหบใหญ่นั้น  และพบกับชายหญิงคู่หนึ่งที่ดูมีภูมิฐานพอสมควร
“เอ่อ นี่พ่อผมครับ และนี่ก็แม่ครับ”  โนอาร์ผายมือไปทางบุคคลทั้งสอง
“เดี๋ยวนี้ลูกเที่ยวสนทนากับผู้บริหารอื่นแทนพ่อแล้วหรือนี่  ก้าวหน้าไม่เบานะ”
พ่อของโนอาร์พูดแกมประชดประชัน
“เอาน่าคุณก็!  ลูกเขาคงสนิทกับหนูน้อยคนนี้ล่ะสิใช่ไหม”  แม่ของโนอาร์ไกล่เกลี่ยไปในอีกแนวทาง
“เอ่อ ขอโทษที่ผมเผอิญเสียมารยาทไปหน่อยนะครับ ผมชื่อโรนัลด์เป็นเจ้าของกิจการผลิตเครื่องอุปโภคบริโภค
รายใหญ่ของรัฐครับ”
“ผมรู้เรื่องกิจการคุณดี และผมก็ไม่โทษคุณหรอก ถ้าคุณจะอยากถามถึงกิจการคนอื่นโดยผ่านทางลูกของคนๆนั้น
เพราะผมเองก็มีนิสัยแบบนั้นเหมือนกัน  ฮ่ะๆๆ ผมชื่อ ไอแซค  เคลียตัน เป็นเจ้าของบริษัทส่งออกเครื่องนุ่งห่ม และนี่
แครอไรด์ เป็นภรรยาผม”  นายไอแซคว่า
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ เชิญนั่งกับเราสิครับ”  นายโรนัลด์เอ่ยชักชวน  สองสามีภรรยาจึงค่อยๆนั่งลงร่วมโต๊ะด้วย
“เอ่อ พ่อคะ  แม่ล่ะคะ?”  เรจิน่าถาม เมื่อเธอเริ่มเบื่อกับการนั่งมองเศษอาหารบนจานที่มันแผลบตรงหน้าเธอ
“เห็นเค้าบอกว่ามีร้านขายเสื้อผ้าแล้วก็ของจุกจิกในโรงแรม แม่ก็เลย คงจะไปอยู่ที่ร้านพวกนั้นล่ะมั้ง”  พ่อบอก
“มีร้านแบบนั้นด้วยหรือคะ! ขอบคุณค่ะพ่อ โนอาร์?  เธอไปกับฉันไหม”  เรจิน่าเอ่ยชวน
“ก็ดีเหมือนกัน”  โนอาร์ขานรับพลางจัดแจงลุกขึ้นเดินไปพร้อมกัน
                เรจิน่ากับโนอาร์ถามพนักงานถึงร้านขายของในโรงแรม จากนั้นก็เที่ยวเดินซื้อของต่างๆที่น่ารักน่าสนใจ
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรจิน่าที่ซื้อของกระจุกกระจิก อย่างเช่น ตุ๊กตา  พวงกุญแจ  ลูกกวาด  ปากกา  กิ๊ฟติดผม  โบว์ และอีกสารพัด
ที่เด็กผู้หญิงชอบ  ทำเอาโนอาร์เดินไปมาด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
“อ๊ะ!  นั่นแม่นี่”  เรจิน่าร้องเบาๆ เมื่อพบแม่เธอกำลังเลือกซื้อเสื้อผ้าอยู่ในร้าน
“เอ้าลูก!  มาตั้งแต่เมื่อไหร่  มาดูนี่ซิ!  ลูกว่าชุดไหนสวยกว่ากัน”  แม่ของเธอถือชุดราตรีสีดำและสีแดงสองชุดให้ดู
“ผมว่าชุดสีแดงสวยมากกว่านะครับ”  โนอาร์โพล่งขึ้น
“เอ่อ นี่คือ”  แม่ของเธอทำสีหน้างงงันพลางหันไปมองหน้าลูกสาว
“อ๋อ!  นี่คือ  โนอาร์ค่ะ  เขาเป็นเพื่อนหนู  เราเจอกันตอนเดินเล่นที่อาเชียน่า”
“งั้นเหรอ อืม แล้วลูกว่าชุดไหนสวยล่ะ” 
“หนูก็คิดเหมือนโนอาร์ล่ะค่ะ”  เรจิน่าบอก
“โอเค แล้วลูกอยากได้ชุดใหม่สักชุดไหมล่ะ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ”  เธอพูดพร้อมกับชี้ให้ดูข้าวของมากมายที่เธอได้มากจากการช้อปปิ้งเล็กๆน้อยๆในมือโนอาร์
“งั้นแม่ไปจ่ายเงินก่อนนะ นี่ค่ะ” 
แม่ยื่นชุกราตรีสีแดงกุหลาบให้กับพนักงานขาย  เรจิน่ายืนรอพลางมองไปรอบๆร้านที่ตกแต่งแบบเรียบง่าย
เหมือนร้านขายเสื้อผ้าทั่วไป เพียงแต่ในนี้มีแต่ชุดราคาแพงๆที่หรูหราแหวกแนวมากมาย 
เธอสำรวจทุกๆอย่างในร้านที่มองเห็นนับตั้งแต่ราคาของเสื้อผ้าจนถึงป้ายชื่อของพนักงานขาย ที่มีชื่อว่า  “เกรซี่  โมลานี่”
เธอมีผมยาวดกดำเงาราวกับไข่มุกเคลือบเส้นผมไว้  แต่งกายด้วยชุดแบบฟอร์มของโรงแรม
“ทั้งหมดสามพันห้าร้อยเหรียญค่ะ  ขอบคุณมากค่ะ”  พนักงานเกรซี่กล่าว
ไม่นานทั้งหมดก็ออกจากแหล่งช้อปปิ้งของโรงแรมกลับมายังทะเลสาบอาเชียน่า ที่กำลังมีการตกปลากันอย่างสนุกสนาน
และเนืองแน่นไปด้วยผู้คน  เรจิน่ากลับไปที่ห้องอาหารคนเดียวเพื่อไปหาพ่อที่โต๊ะ  แต่ไม่มีใครอยู่ที่ห้องอาหารนอกจากพนักงาน   
เธอไปที่โต๊ะและพบว่ามีกระดาษโน้ตยับๆแผ่นหนึ่งวางสอดอยู่ใต้แจกันดอกไม้เขียนด้วยลายมือหวัดๆว่า
ไปรอพ่อตอนออกจากห้องประชุมสัมมนา 
            พ่อ
เธอเดินไปถามพนักงานโรงแรมว่าห้องประชุมอยู่ที่ไหน แล้วจึงมุ่งหน้าไปรอพ่อของเธอที่หน้าห้องประชุม 
ไม่นานนักก็จบการประชุม  ประตูเปิดออก
ผู้บริหารและนักธุรกิจพากันเดินออกมาพร้อมเอกสารหลายชุด  เรจิน่าพยายามมองหาพ่อของเธอ  แต่พ่อหาเธอพบก่อน
เมื่อเธอรู้สึกว่ามีใครบางคนสะกิดไหล่เธอ  “ตามพ่อมา”  เธอเดินตามพ่อไป โดยนึกแปลกใจไปด้วยเล็กน้อย
พ่อพาเธอมาที่อีกฝั่งหนึ่งของทะเลสาบอาเชียน่า  ลมยามบ่ายพัดอ่อนๆแทรกซึมเข้าสู่ผิวหน้า
“หลับตา”  พ่อบอก
เรจิน่าค่อยๆหลับตาลง สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของน้ำในทะเลสาบและเสียงลมพัดหวิวๆในช่องหู 
พ่อของเธอสวมบางอย่างให้เรจิน่าที่คอด้วยความนิ่มนวล
“เอาล่ะ สุขสันต์วันเกิดนะลูก”    ช่วงเวลานั้นเธอค่อยๆลืมตาขึ้นเห็นทัศนียภาพเบื้องหน้าประกอบกับความประทับใจ
ที่ตราตรึงในจิตของเธอขณะนี้ ไม่มีอะไรจะสุขมากไปกว่าช่วงเวลานี้อีกแล้ว  เวลาที่เธอได้อยู่กับพ่อของเธอในสถานที่สวยงามแห่งนี้   
แต่แล้วเธอกลับรู้สึกสังหรณ์แปลกๆขึ้นมาว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้อยู่กับพ่อของเธอก็เป็นได้
ในตอนค่ำเรจิน่ากลับมาที่ห้องพักคนเดียว ซึ่งครอบครัวเธอได้ห้อง  270  ส่วนครอบครัวโนอาร์นั้นบังเอิญพักห้องใกล้เคียง นั่นคือ
ห้อง 273 ที่อยู่ถัดไป  เธอมองสร้อยคอรูปใบเมเปิ้ลที่พ่อเธอให้  มันสลักจากเพชรแท้ที่เจิดจรัสท่ามกลางแสงไฟ 
“เรจิน่า!  เรจิน่า!”  โนอาร์ตะโกนเรียก 
“ฉันอยู่นี่”  เรจิน่าขาน เมื่อเปิดประตูออกไปพบใบหน้าผอมบางของเด็กชาย
“ฉันอยากให้เธอไปดูดาวกับฉันคืนนี้หน่อย เธอจะว่าไงล่ะ”  โนอาร์ชักชวน
“ทำไมฉันจะไม่ไปล่ะ  รอเดี๋ยวนะ” เรจิน่ารีบตอบรับคำชวน
  โนอาร์พาเรจิน่าเดินขึ้นบันไดหนีไฟซึ่งเป็นทางเดียวที่พาขึ้นไปถึงดาดฟ้าของโรงแรมแห่งนี้ได้  ทั้งสองหาที่เหมาะๆ
ท่ามกลางความมืดเพื่อนอนชมดาวที่เจิดจรัสเหมือนเพชรที่ประดับประดาอยู่ทั่วผืนฟ้าสีดำทมิฬ
“ฉันชอบมานอนดูดาวเสมอล่ะ  แล้วเธอล่ะ” โนอาร์ถาม
“ฉันไม่ค่อยได้ขึ้นมาทำอะไรอย่างนี้นักหรอก  แต่วันนี้ฉันมีความสุขมากเลย จริงๆนะ”  เรจิน่าพูดด้วยน้ำเสียงตื้นตันใจ
    ทั้งสองยังคงนอนดูดวงดาวบนท้องฟ้าอย่างเงียบๆ 
“กลับห้องพักกันเถอะ  ป่านนี้พ่อแม่ฉันคงมาที่ห้องแล้วล่ะ”  เรจิน่าเอ่ยขึ้นท่ามกลางราตรีแห่งความเงียบงัน 
แล้วทั้งสองก็เดินไปทางบันไดเพื่อลงจากดาดฟ้า แต่แล้ว
“กุกกักๆๆ”  เสียงบางอย่างทำลายความเงียบขึ้นมา ทำเอาทั้งคู่สะดุ้งพรวดอย่างไม่ทันตั้งตัว 
“นั่นมันเสียงอะไรน่ะ?”  โนอาร์ถามกล้าๆกลัวๆ
“ดูเหมือนจะดังมาจากห้องเก็บของนี้นะ”  เรจิน่าก้าวสั่นๆไปทางประตูห้องเก็บของที่เชื่อมต่ออยู่กับดาดฟ้า
และเปิดประตูเข้าไปด้วยความกล้าหาญ
ในห้องเก็บของนั้นเต็มไปด้วยของจริงๆ  มีทั้งของที่มีสภาพดีและของที่ดูไม่น่าจะนำกลับมาใช้งานได้อีกแล้วผสมปนเปกันไป 
เรจิน่าเดินนำเข้าไปถึงสุดห้องนั้น และพบว่ามีตู้เก็บของอะลูมิเนียมตู้หนึ่งตั้งอยู่ และเสียงกุกกักก็ดังมาจากตู้นั้นนั่นเอง
“กุกๆกักๆ”  เรจิน่าเอาหูแนบกับบานประตูตู้  “กุกๆกักๆ” เสียงนั้นยังคงดังตลอดเวลา ราวกับมีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ภายในนั้น
“ฟังนะโนอาร์!  พอฉันนับถึงสามแล้ว เธอเปิดประตูตู้ออกทันที  เข้าใจไหม”
เรจิน่าบอกกับโนอาร์ที่ทำหน้าเหมือนกับเด็กเป็นโรคอัลไซเมอร์กะทันหัน
“พร้อมนะ!”  เรจิน่าถาม
“เอ่อ พร้อม”  โนอาร์ตะกุกตะกัก
“หนึ่ง สอง สาม!!!!!!”
ประตูตู้เปิดออก เผยให้เห็นร่างเด็กชายคนหนึ่งที่ดูสะบักสะบอมและเนื้อตัวเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงข้นทั่วใบหน้า
และร่างกายหล่นตุ้บลงมาท่ามกลางสีหน้าแปลกประหลาดใจ ตกใจ และหวาดกลัวของเด็กทั้งสอง
NEXT>>>
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น