ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บันทึกเรื่องราวเมื่อวันวาน (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2 รูมเมท

    • อัปเดตล่าสุด 3 ม.ค. 53



    ตอนที่ 2 รูมเมท

    กระดาษสีขาวที่เคยว่างเปล่า
    กลับเริ่มมีรอยขีดเขียนสิ่งในใจ
    ของความรู้สึกที่เริ่มก่อตัว
    ........
    ทุกอย่างที่เขียนต่อแต่นี้
    มั น คื อ ค ว า ม ลั บ



    วาโยTalk
     
     
    สวัสดีครับผมชื่อ วาโย คุณานนต์ หรือเรียกง่ายๆ ว่า โย นะแระ วันนี้ก็คงเป็นวันที่นักศึกษาใหม่ๆ หลายคนดีใจที่สอบติดมหาลัยที่อยากเข้า ผมอีกคนก็ดีใจไม่แพ้กัน เพราะผมเองก็สอบติด มหาลัยที่อยากเข้าเหมือนกัน ก็มหาลัยเดียวกันกับพี่ชายผมนะแระครับ เฮียวายุทั้งฉลาดทั้งเรียนเก่ง แต่น้อยกว่าผมหน่อยนึง (หลงตัวเองจริงโย:เซต, พูดมากน่ารีบๆ แต่งต่อไปเลย:โย) วันนี้ก็ไม่มีไรมาก ผมก็แค่ต้องมารายงานตัว แล้วก็ขนของเข้าหอพัก เพราะปี 1 ถูกบังคับให้ต้องอยู่หอของทางมหาลัยที่จัดไว้ให้ ผมก็เลยเซ็งๆ เบื่อๆ ไม่รู้จะเข้ากับรูมเมทของตัวเองได้มากแค่ไหน ผมยิ่งเป็นคนปากหมาอยู่ด้วยสิ
     

    นี่โย เดี๋ยวแกไปยื่นเอกสารตรงนั้นนะ เฮียวายุเรียกผมที่เอาแต่มองไปรอบๆ ของตึกอย่างเพลินๆ ก่อนจะหันไปมองตามเสียงเรียกของเฮีย นั้นไงจะดุกูอีกล่ะสิรู้ทันหรอกน่าเฮียวายุ ผมเลยรีบพูดแทรกก่อน ที่เฮียจะบ่นผม
     
    อ้าว แล้วป๊ากับม๊าล่ะ เฮีย ผมถามถึงป๊ากับม๊าที่อยู่ๆ ก็เดินหายไปไหนไม่รู้ทั้งๆ ที่ตอนแรกก็เดินเข้าตึกมาด้วยกันแท้ๆ
     
    ป๊ากับม๊า ไปซื้อชุดนักศึกษากับของอย่างอื่นให้แกไง ไปได้แล้วเดี๋ยวคนก็เยอะหรอก เสร็จแล้วไปเดี๋ยวไปเจอเฮียตรงนั้นนะ เฮียจะไปคุยกับเพื่อนเรื่องรับน้องหน่อย เฮียวายุพูดจบก็เดินไปที่โต๊ะของคณะบริหารทีนที เฮียวายุชอบพูดเร็วๆ แล้วก็จากไป ถึงเฮียจะชอบดุผมแต่เฮียก็รักน้องๆ ยิ่งยัยวาริน น้องสาวผม ผมกับเฮียวายุนี่หวงยิ่งกว่าไข่ในหินสักอีก  ตอนนี้ผมเลยรีบเดินไปที่โต๊ะคณะวิศว แล้วรีบยื่นเอกสารต่างๆ ทั้งใบจบม.6 ใบเกรด สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประชาชน อะไรต่อมิอะไรเยอะแยะมากมาย จนผมเซ็ง นี่กะเอาให้รู้ประวัติละเอียดยิบไปเลยใช่ไหมเนี่ย 

    เรียบร้อยแล้วน้องพี่ที่รับเอกสารพูดพลางยิ้มหวานให้ผม ผมเลยแค่พยักตอบไม่ได้พูดไรกว่าจะยื่นเอกสารเสร็จ กว่าจะเซ็นโน้นเซ็นนี่ กว่าตรวจเอกสารให้ครบทุกอย่าง ก็เล่นเอาผมตาลายเลย ไม่น่าลืมแว่นเลยกู ความจริงผมสายตาสั้นครับ แต่ก็ไม่ได้สั้นไรมากมายหรอก เพราะถึงไม่ใส่แว่นก็ยังมองเห็นอยู่ดี พอยื่นเอกสารเสร็จผมก็เดินไปหาเฮียที่ยืนคุยอยู่กับเพื่อนฝรั่งที่สูงพอๆ กับเฮีย
     
    เฮียวายุ เสร็จแล้ว เฮียหันมามองผมเฉยๆ แล้วลากผมให้มายืมใกล้ๆ ทำไรของเฮียฟ่ะ
     
    แอนดี้...นี่น้องชายกู ชื่อ วาโย เรียนวิศวเหมือนน้องมรึงอ่ะ เฮียวายุแนะนำผมให้เพื่อนฝรั่งรู้จัก ผมยกมือไหว้เพื่อนเฮีย เฮียบอกว่าไรนะ ชื่อพี่แอนดี้ ใช่ไหม อืม หน้าออกฝรั่งจ๋าขนาดนั้นฟังภาษาไทยรู้เรื่องเปล่าว่ะ แต่ยอมรับเลยครับว่าหล่อพอๆ กับพี่ชายผมเลย แต่หล่อกันคนละแบบ เฮียผมจะหล่อออกแนวตี๋อีนเตอร์ เพราะครอบครัวผมมีเชื้อจีน ส่วนพี่แอนดี้จะหล่อแบบฝรั่งๆ ที่สาวๆ ชอบกริ๊ดกันอ่ะครับ
     
    น้องมรึงหรอว่ะ วายุ ถึงว่าตาปิดๆ เหมือนมรึงเลยฮ่า ฮ่า ฮ่าพี่แอนดี้พูดแล้วหัวเราะครับ ตาปิดๆ ไรของพี่แกว่ะ จะบอกว่าตาเล็กก็พูดมาดิ เฮียวายุแกเลยขำตามครับ เออ...เอาเข้าไป พอๆกันเลย สมเป็นเพื่อนกันจริงๆ ว่าแต่พี่แอนดี้นี่ เป็นฝรั่งแต่พูดไทยชัดเลยแฮะ ดูเหมือนเฮียวายุจะอ่านสายตาผมออก
     
    ไม่ต้องแปลกใจหรอกว่าทำไมมันพูดภาษไทยชัดน่ะ แอนดี้มันเป็นลูกครึ่งไทย อังกฤษ แล้วมันก็เลี้ยงหมาไว้ในปากเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว เฮียวายุพูดจบ พี่แอนดี้หันไปมองเฮียวายุทันทีเลย แล้วก็ยิ้มที่มุมปากอย่างเท่ๆ หันไปมองเฮียวายุก็ยิ้มที่มุมปากอย่างเท่ๆ เหมือนกัน ถ้าสาวๆ มาเห็นคงกริ๊ดกันสลบ แต่ผมว่ามันชักขนลุกไงไม่รู้ ชักอย่างไงๆ แล้วนะ ยังไม่ทันที่ผมจะหาหลุมหลบภัย สงครามน้ำลายระหว่างเฮียวายุกับพี่แอนดี้ก็เริ่มขึ้น
     
    เฮ้อ...กูก็กลุ้มนะที่ไม่สามารถเลี้ยงหมาไว้ในปากให้มันเป็นฟาร์มได้แบบมรึงอ่า คุณวายุ พอฟังพี่แอนดี้พูดจบ ผมก็อยากจะหัวเราะออกมาดังๆ เลยครับ แต่ก็ทำได้แค่กลั้นหัวเราะไว้เท่านั้นแระ เพราะเฮียวายุหันมาส่งสายตาเหมือนจะงับหัวผมเข้าให้ ผมเลยทำได้แค่กลั้นเอาไว้ครับ สงสัยจะมีคนฝีปากเก่งพอๆ กับเฮียวายุสักแล้ว
     
    พูดงี้มรึงมาต่อยกับกูเลยดีกว่า สาดดด ไอ้แอนดี้ ไอ้ฝรั่งขี้นก
     
    อ้าว มรึงปล่อยหมาออกมากัดไม่ได้ ก็อย่าพาลสิครับ พี่แอนดี้พูดพลางยักคิ้วให้เฮียวายุข้างหนึ่ง ในสายตาผม มันกวนตีนมากครับ นี่ถ้าคนที่ยืนอยู่เป็นผมไม่ใช่เฮียวายุ สงสัยผมคงมีเรื่องชกต่อยกับพี่แอนดี้ไปแล้วเรียบร้อยแน่ๆ แต่นี่เฮียผมมันหัวเราะครับ พี่แอนดี้เลยหัวเราะตาม ผมยังคิดเลยครับ เพราะนิสัยคล้อยๆ กันสินะ ถึงเป็นเพื่อนกันได้ แล้วเฮียวายุกับพี่แอนดี้ก็คุยกันต่อโดยไม่สนใจผมอีกเลย จนผมเห็นคนๆ หนึ่งกำลังเดินมาที่พวกเรา 3 คน อืม...หน้าขาวๆ แก้มแดงๆ ปากก็แดง จมูกก็โด่งสงสัยมีเชื้อฝรั่งมาแน่เลย
     
     
    “พี่แอนดี้ แด๊ดกับแม่เรียกบอกว่าจะพาองศาไปหอแล้ว” เกือบแล้วครับ เกือบจะชมว่าน่ารักแล้วครับ ถ้าเจ้าตัวไม่มีเสียงพูดออกมาก่อน ผมก็คงจะไม่รู้ว่านี่เป็นผู้ชาย แต่จะว่าไปเจ้านี่ก็แต่งชุดนักเรียนชายนี่หว่า เฮียวายุกับพี่แอนดี้หยุดคุยกัน แล้วพี่แอนดี้ก็ขยี้หัวเจ้านั้น เจ้านั้นก็ยิ้มหวาน เน้นครับว่า หวาน (มาก) ให้พี่แอนดี้อย่างน่ารัก เวนครับ ไปชมมันว่าน่ารักจนได้  
     
    “องศา นี่เพื่อนพี่ชื่อ วายุ เรียนบริหารเหมือนพี่รู้จักไว้สิเผื่อมีเรื่องไรจะปรึกษาก็ได้” พี่แอนดี้แนะนำเฮียวายุให้ เจ้านั้นรู้จัก แล้วเจ้านั้นก็ไหว้เฮียวายุ (โยคุง เขาชื่อ องศา ไม่ใช่เจ้านั้นสักหน่อย: เซต,เออ...น่า ก็อยากเรียกงี้มีปัญหารึไง: โย, แหะๆๆ ไม่มีจ๊ะ ไม่มี: เซต) เจ้านั้นรู้สึกจะชื่อ องศา มั้ง คนไรฟ่ะชื่อองศา อย่างกับตัววัดอุณหภูมิงั้นแระ (เรียกชื่อก็ได้ฟ่ะ: โย)
     
    “แล้วนี่ วาโย น้องชายวายุ เรียนวิศวเหมือนเราแหละรู้จักกันไว้สิ เผลอๆ อาจได้พักหอห้องเดียวกันก็ได้ จะได้เป็นเพื่อนกัน” พี่แอนดี้พูดแนะนำผม เหมือนกับพึงนึกขึ้นได้ว่าผมก็ยังอยู่ตรงนี้อีกคน พี่แอนดี้ก็พูดอย่างกับว่าโลกมันกลมมากงั้นแระ เด็กวิศวมีตั้งเยอะผมคงไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันกับองศาหรอก แต่ผมก็แอบเห็นนะ ว่าองศาเกือบจะไหว้ผมแล้ว ผมเกือบจะหลุดขำเลยรีบทำหน้าบึ้งๆ เข้าไว้ ยิ่งเห็นเจ้าตัวหันมายิ้มให้ ก็ยิ่งหน้าบึ้งเข้าไปอีกไม่รู้ว่าเป็นเพราะ หน้าเจ้านั้นตลกดีหรือเพราะอะไร แต่ก็ช่างเถอะ
     
    “น้องชายมรึงหรอไอ้แอนดี้ กูคิดว่าเป็นน้องสาว” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเสียงใคร ถ้าไม่ใช่เฮียวายุ พี่ชายคนโตของผมเอง
     
    “อ้าว มรึงไมพูดจาหมาๆ งี้ว่ะ” พี่แอนดี้รีบหันมามองหน้าเฮียวายุ แล้วกระชากคอเสื้อเฮียวายุเตรียมจะชกทีนที
     
    “เอ้ยๆ กูแค่ล้อเล่น มรึงก็จริงจังไปได้” เฮียวายุ รีบร้องบอกพี่แอนดี้ใหญ่ แล้วหันมามองผมเหมือนกับจะขอความช่วยเหลือ ผมเลยหันไปมองทางอื่น ไม่รู้ไม่เห็นครับไม่อยากยุ่งด้วย เฮียผมมันปากหมาเองช่วยไม่ได้ ผมแอบหันไปมองตัวต้นเหตุ ก็เห็นเจ้าตัวยิ้มแบบสะใจอยู่
     
    “คนที่เคยพูดจาแบบมรึงเนี่ย โดนองศาส่งไปหยอดน้ำข้าวต้มหลายคนแหละมรึงรู้เปล่า กูกลัวมรึงจะโดนแบบนั้นด้วยอีกคนว่ะ เลยรีบออกตัวแทนก่อน ไม่งั้นมรึงโดนองศาเสยคางแน่ไอ้วายุ หึหึ” พี่แอนดี้ พูดแล้วหัวเราะ หึหึ ได้น่ากลัวมากครับ แต่ผมไม่ยักเห็นเฮียวายุกลัวเลย ผมหันไปมอง องศา ตอนนี้เจ้าตัวทำหน้าเซ็งพี่ชายตัวเอง เหมือนโดนขัดใจ แล้วเดินกระเทือกส้นไปหา ชายหญิงคู่หนึ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นพ่อกับแม่ เพราะผู้ชายเป็นฝรั่งแท้ๆ เลยครับ
     
    เอ้ย เดี๋ยวกูไปก่อนนะ วายุ
     
    เออๆๆ.......รีบๆ ไปง้อน้องชายสุดรักมรึงไป เฮียวายุพูดจบพี่แอนดี้ก็หัวเราะ แล้วก็รีบเดินไปหาครอบครัวพี่แก ผมยืมมององศาเอาหน้าซุกกับแขนผู้ชายที่เป็นฝรั่งที่คาดว่าน่าจะเป็นพ่อ ส่วนพี่แอนดี้ก็ดูเหมือนจะโดนดุ แต่พอผู้หญิงที่คาดว่าน่าจะเป็นแม่พูดอะไรก็ไม่รู้ ผมก็เห็นองศาเดินลิ่วๆ นำหน้าออกนอกตึกไปเลย
     
    นิสัยคล้อยรินไม่มีผิด สมกับเป็นน้องคนสุดท้องจริงๆเราก็ไปกันได้แล้วเดี๋ยวต้องขนของขึ้นหออีกไม่ใช่หรอ เฮียวายุพูดแล้วผลักผมให้เดินไปที่รถ ซึ่งป๊ากับม๊าผมรออยู่แล้ว พอเดินไปถึงรถป๊าก็ขยี้หัวผมทันที น้องคนเล็กงั้นหรอ มิน่าดูแล้วนิสัยคงเอาแต่ใจน่าดู ผิดกับผมที่ไม่ค่อยจะชอบแคร์ใครสักเท่าไร ถ้าอยู่ด้วยกันนะมีหวังคงทะเลาะกันตาย เหมือนกับตอนที่ผมชอบกัดกับน้องสาว แต่ผมก็เป็นห่วงน้องสาวนะ มีน้องสาวคนเดียวหนิทำไงได้ล่ะครับ เลยต้องทำหน้าเป็นพี่ชายที่หวงน้องเป็นธรรมดา ถึงจะชอบแกล้งชอบพูดกัดมันก็เถอะ
     
     
     
    เฮียวายุขับรถวนรอบมหาลัย เพื่อแนะนำสถานที่ต่างๆ ให้ผมรู้จัก ซึ่งผมก็พอจะจำได้อยู่บ้างว่าตึกไหนเป็นของคณะไหน ตึกนี้เป็นของคณะอะไร ว่าแต่ไหนเฮียวายุบอกให้รีบๆ ขนของไปหอเร็วๆ ไงฟ่ะ พอพาผมสำรวจรอบมหาลัยเสร็จ เฮียก็ขับรถมาจอดที่ลานจอดรถของหอพัก ผมลงมาขนของที่ท้ายรถ ตามมาด้วยป๊ากับม๊า แล้วก็เฮียวายุ ขนทีเดียวรอบเดียวจบ เพราะของ ของผมก็ไม่ค่อยมีไรมาก เพราะส่วนใหญ่ก็เอาไปไว้ที่หมู่บ้านที่ป๊ากับม๊าซื้อบ้านให้เฮียวายุอยู่ เพราะเดียวพอขึ้นปี 2 ผมก็จะย้ายมาอยู่บ้านหลังนั้นกับเฮียวายุ
     
    โย เช็คของทุกอย่างครบแล้วนะลูก ก่อนปิดรถแม่ก็หันมาถามผม แล้วหอบชุดนักศึกษาข้าวของต่างๆ ที่พึงซื้อมาวันนี้เตรียมขนขึ้นไปบนหอ
     
    ไม่ลืมแล้วครับมีแค่งี้แหละม๊า ผมหันไปตอบม๊า แล้วเดินนำขึ้นไปบนหอพัก ห้อง 217 อยู่ตรง ไหนหว่า อ่ะเจอแล้ว ริมสุดเลยแฮะ ดีเหมือนกันเวลาเปิดเพลงดังๆ จะได้ไม่รบกวนใครมาก จริงๆ ผมก็ไม่ได้แคร์ไรใครหรอกครับ แต่ขี้เกลียดฟังพวกข้างห้องมันบ่น ผมไขประตูห้องเข้าไป ดูเหมือนว่ารูมเมทผมจะมาก่อนแล้ว เพราะผมก็ได้ยินเสียงน้ำจากในห้องน้ำนี่ครับ แถมยังจัดของเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย ผมมองเตียงคู่ ที่หอพักจัดไว้ให้ กำลังจะวางของลงที่เตียงที่ติดอยู่ข้างหน้าต่างก็เห็นว่า มีเสื้อผ้าถอดกองไว้อยู่ก่อนแล้ว สงสัยผมคงต้องไปนอนเตียงที่ติดกับประตูแล้วมั้ง ต้องโทษเฮียวายุ ที่มั่วแต่ขับรถวนอยู่ได้

    โย รักษาเนื้อรักษาตัวนะลูกเดี๋ยววันนี้ม๊ากับป๊าจะกลับเชียงใหม่เลย ว่าจะกลับไปดูไร่สตรอเบอรี่สักหน่อย ม๊าบอกแล้วเดินเข้ามากอดผม เฮ้อ ป๊ากับม๊าจะกลับแล้ว ชักเริ่มเหงาๆ ขึ้นมาเลยแฮะ
     
    มาให้ป๊ากอดมั้งมา ป๊าเดินมากอดผมพร้อมกับกอดม๊าไปด้วย
     
    ทำตัวเป็นเด็กๆ ไปได้โยปิดเทอมเดี๋ยวก็ได้กลับบ้าน เฮียวายุพูดขำๆ แล้วเดินมาโอบทั้งป๊าทั้งม๊าแล้วก็ผม โถ่เอ้ย ว่าแต่คนอื่นตัวเองก็พอกันล่ะว่ะเฮียวายุ สักพักก็พากันคลายกอดกันออกหลังจากที่กอดกันจนพอใจแล้ว
     
     
    หลังจากนั้น ป๊ากับม๊า ก็ลากลับ ส่วนเฮียวายุจากตอนแรกที่ว่าจะอยู่ช่วยจัดของ ก็ต้องรีบกลับไปเพราะเพื่อนพี่แกเรียกให้ไปดูแลน้องใหม่ที่พึงเข้าคณะ ผมเลยต้องจัดของคนเดียว นี่จนป๊ากับม๊ากลับไปแล้ว รูมเมทผมนี่อาบน้ำนานชะมัด หลังจากที่เฮียวายุ ปิดประตูห้อง ผมก็ได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดพอดี แต่ผมก็ยังหันหลังให้รูมเมทแล้วจัดห้องต่อไป
     
     
    หวัดดี นาย พึงมาหรอ รูมเมทผมร้องทัก กว่าจะเสด็จออกจากห้องน้ำ ผมเกือบจะไปจุดธูปอัญเชิญให้ออกจากห้องน้ำแล้ว ว่าแต่เสียงมันคุ้นๆ เหมือนเคยได้ที่ไหน ผมค่อยๆ หันหน้าไปมองรูมเมทว่าใช่คนที่คิดอยู่หรือเปล่า พอหันหน้าไปเท่านั้นแระ ว่าแล้วโลกมันจริงด้วยแฮะ หึหึ
     
    “อ้าว เอ้ย นะ...นายอยู่ห้องนี้หรอ” ดูหน้าเจ้านั้นสิ ตลกดี ทำหน้าซะตกใจอย่างเห็นได้ชัดเลย ขำชะมัดแต่มีเสียงไม่ได้เดี๋ยวเสียฟอร์มกันพอดี แล้วอีกอย่างตอนนี้เจ้าตัวก็อยู่ในผ้าเช็ดตัวผืนเดียวด้วย แถมยังมีน้ำเกาะอยู่ตามตัวอีก จะว่าไปตัวเจ้านี่ก็ขาวดีด้วยสิ
     
    “แล้วเห็นว่าอยู่ในห้องหรือเปล่าล่ะ” นั้นไงปากผม ว่าจะพูดดีๆ แต่ปากมันไปแล้วครับ
     
    “แล้วนายเข้ามาได้ไง” องศาเดินไปหยิบกางเกงมาใส่
     
    “นายโง่หรือเปล่าเนี่ย มีกุญแจก็ไขเข้ามาสิ”
     
    “อ้าวคุณมรึงว่าใครโง่ครับ ถ้าคุณกูโง่คงสอบเข้าที่นี่ไม่ได้หรอกครับ”
     
    อ้าว หลังๆ สรรพนามเริ่มเปลี่ยนแล้วครับ แถมมีกวนกลับด้วยสิครับ สงสัยจากที่ว่าเหงาคงไม่เหงาแล้วมั้งครับ นานๆ ทีจะเจอคนเถียงกลับได้ครับ สนุกดีเหมือนกัน เกือบจะหลุดยิ้มแล้วครับ เลยต้องรีบทำหน้าบึ้งหนักกว่าเก่า
     
    “ก็ไม่ได้จะว่าไรขนาดนั้นสักหน่อย ทำเป็นร้อนตัวไปได้” เหอๆ เอาเข้าไปครับปากหนอปาก แล้วจะหาเพื่อนได้ไหมว่ะเนี่ย ไอ้วาโย
     
    “ช่างเถอะ กูขี้เกลียดเถียงกับมรึงแล้ว มรึงจะจัดของก็จัดไป กูจะนอน” เจ้าตัวพูดจบ ก็ไม่รอให้ผมพูดอะไรแถมยังรีบปีนขึ้นเตียงห่มผ้าลงนอนเรียบร้อยเลย สักพักก็มีลมหายใจสม่ำเสมอ แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวคงหลับไปแล้วเรียบร้อย ผมเลยหันไปจัดของต่อ       
     
     
    กว่าจะจัดของเสร็จหมด ก็เล่นเอาผมแทบจะสลบคาที่นอน วันนี้เหนื่อยสุดๆ ผมยกนาฬิกาขึ้นมาดูก็ปาไปเกือบทุ่มนึงแล้ว ถึงว่าหิวข้าวชะมัด หันไปหารูมเมทของผมก็ยังนอนอยู่เลยครับ ผมคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำชำระล้างร่างกายให้หายร้อน พออาบเสร็จก็รีบแต่งตัวแล้วเดินไปที่ประตู แต่ก็ต้องหยุดชะงักแล้วหันกลับมามองเพื่อนร่วมห้องอีกคน อย่างไงดีว่ะ ถ้าไม่ปลุกเดี๋ยวจะหาว่าไม่มีน้ำใจ ตัดสินใจอยู่สักพัก ก็เดินไปที่เตียงของเจ้าตัว
     
    องศา ตื่นๆๆ ผมเขย่าตัวคนที่นอนหลับอยู่
     
    อืม....... เจ้าตัวแค่งัวเงีย แล้วเงียบไป คราวนี้ผมเลยจัดการเขย่าแรงๆ
     
    องศา ตื่นๆๆๆๆ ไปหิวข้าวจะหลับไปถึงไหนว่ะ ได้ผลครับองศาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองผม แล้วก็ลุกขึ้นนั่ง มือก็ควานหาอะไรสักอย่าง แต่หาไม่เจอสักทีเลยหันมามองหน้าผม มันจะกัดกูไหมเนี่ย แล้วฉีดยายังว่ะ กูกลัวพิษหมาบ้านะมรึง ยิ่งเป็นมรึงด้วยแล้วอยากจะรีบพาไปโรงบาลสัตว์ด่วนเลย
     
    กี่โมงแล้ว
     
    จะทุ่มนึงแล้ว
     
    เวน แล้วไม่รีบปลุกกูว่ะ ถึงว่าหิวข้าวชิบหาย พูดแค่นั้นเจ้าตัวก็รีบเดินเข้าไปในห้องน้ำล้างหน้าล้างตา ทำธุระ สักพักก็เดินออกมาใส่เสื้อสรุปกูผิดใช่ไหมเนี่ยที่ไม่ปลุกมรึงอ่ะ ไอ้องศา
     
    ไปๆๆ ยืนบื้อไหมว่ะ หิวข้าว ยังไม่พอเดินมาลากผมไปอีก เยื่ยมให้มันได้อย่างงี้สิ สรุปก็คือ อย่างน้อยผมก็ยังมีเพื่อนใช่ไหม ดีที่ตัดสินใจปลุกมันขึ้นแล้วผมก็ปล่อยให้มันลากผมออกไปนอกห้องทั้งอย่างนั้นโดยที่ผมก็ไม่ได้พูดอะไร
     
     
    อ้าว นั้นองศานี่ ขณะที่ผมกำลังจัดการล็อกห้องอยู่ ก็มีเสียงประตูห้องข้างๆ เปิดออกพร้อมกับมีเสียงร้องทักองศามาองศาเลยหันไปมองแล้วก็กระโดดกอดไอ้แฝดสองคนนั้นทันทีเลยครับ ผมก็เลย งง ใหญ่ อะไรของมันว่ะ
     
    เอ้ย รินกับคินนี่หว่า คิดถึงจังโว้ยยยยย องศากระโดดกอดไม่พอ สองคนนั้นก็พายิกแก้มองศากันใหญ่ แล้วก็พากันหัวเราะคิกคัก
     
    เออ....กูเกือบลืมนี่เพื่อนกูชื่อ โย คิดว่าจะลืมผมที่ยังยืนอยู่ตรงแล้วสักอีก แต่ก็แอบดีใจล่ะครับที่องศาเห็นผมเป็นเพื่อนกับเขาด้วย
     
    ส่วนนี่ก็ รินกับคิน เป็นเพื่อนกูตั้งแต่ประถม เห็นหน้าเหมือนๆ กันเนี่ยมันเป็นฝาแฝดกัน องศาแนะนำเพื่อนให้ผมรู้จักเรียบร้อยเลยครับ แฝดสองคนหันมามองผมแล้วเดินวนรอบตัวผม สองคนนี้คงสูงเกือบ 180 มั้งคับเพราะดูแล้ว เตี้ยกว่าผมหน่อยนึง
     
    พวกมรึงนี่ หยุดเลยกูหิวแล้วไปกินข้าวกัน องศาเดินเข้ามาลากทั้งผม ทั้งแฝดสองคน ไปเลยครับไม่รอให้ใครพูดอะไร นี่คงเป็นนิสัยอีกอย่างของเจ้าตัวสินะ ผมเลยได้แต่อมยิ้มคนเดียวครับ แล้วก็ปล่อยตัวไปตามแรงของคนลาก  



    .............................................................
    *****ตามาติดๆ สำหรับตอนที่ 2 ตอนนี้ต่อได้เลยต้องรีบต่อ เพราะเดี๋ยวอาทิตย์หน้าจะไม่อยู่ทั้งอาทิตย์
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×