ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บันทึกเรื่องราวเมื่อวันวาน (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 รายงานตัว + เข้าหอ

    • อัปเดตล่าสุด 3 ม.ค. 53



    ตอนที่ 1 รายงานตัว + เข้าหอ

    แผ่นกระดาษว่างเปล่า

    กับความรู้สึกมากมายในใจ

    จรดปลายดินสอนิ่งไว้

    ...........

    ทุกถ้อยคำต่อแต่นี้

    ฉั น จ ะ เ ขี ย น ใ ห้ เ ธ อ




    เคยเข้าใจกับสิ่งที่เรียกว่า “รัก” หรือเปล่า เคยรู้สึกถึงคำว่า “รัก” บ้างไหม เคยไหมที่จะรู้สึกว่าความรู้สึกของคนๆ หนึ่งจะสามารถทุ่มเทและยอมแลกหรือมอบชีวิต หรือแหมกระทั่งลมหายใจที่ใช้ดำรงชีวิตของตัวเองครึ่งหนึ่งให้กับอีกคนหนึ่งเพื่อให้คนๆ นั้นปกป้องและดูแลมันตลอดไป สิ่งนี้จะเรียกว่า “ความรัก” ได้หรือเปล่า ถ้ามันใช้ความรัก ก็อยากจะให้มันเป็นเพียงแค่ความฝันด้วยเถอะ ไม่อยากจะตื่นขึ้นมาพบกับความเจ็บปวด ซ้ำๆ ซากๆ ที่ไม่ว่าเมื่อไรก็ไม่เคยที่จะเยียวยาหรือรักษามันได้สักครั้ง ไม่ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ถูกเยียวยา ความเจ็บปวดก็มักจะกลับคืนมาเป็นเท่าตัว จนไม่รู้ว่ามันจะสามารถรักษาบาดแผลที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ที่เดิมได้อีกหรือเปล่า
     
     
     
    ณ หมู่บ้านข้างมหา’ลัย ชื่อดัง
     
    วันนี้เป็นวันที่ผมมารายงานตัวกับมหา’ลัยที่ผมสอบติดครับ ผมเป็นคนเชียงใหม่แต่มาสอบติดที่กรุงเทพ ไม่ใช่ว่าผมพึงมากรุงเทพเป็นครั้งแรกหรอกนะ เพราะปกติช่วงวันหยุดผมก็จะมาหาพี่ชายที่มาเรียนที่กรุงเทพเป็นประจำอยู่แล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจะต้องห่างไกลบ้านห่างไกลพ่อแม่เป็นเวลานานหลายๆ เดือน พูดเพลินไปหน่อยลืมแนะนำตัวเลย ผมชื่อ ทิวากร มิชเซอร์บิช ชื่อเล่น องศา ครับ ไม่ต้องแปลกใจหรอกทำไมนามสกุลผมถึงออกฝรั่ง ก็เพราะผมเป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษ แต่มาเกิดที่เมืองไทยครับก็ที่เชียงใหม่นะแระ แต่ตั้งแต่ผมเกิดมาก็เคยได้ไปเยียบอังกฤษบ้านเกิดของแด๊ดแค่ครั้งเดียวเอง
     
    ส่วนมหา’ลัยที่ผมสอบติดก็เป็นมหา’ลัยในฝันของใครหลายๆ คนที่อยากจะเข้า ก็เลยต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากทีเดียว แต่สำหรับผมถึงจะยากไปหน่อยแต่ผมก็สามารถที่จะผ่านมันไปได้ แต่สิ่งที่ผมดีใจที่สุดก็คือ ผมได้อยู่มหา’ลัยเดียวกับพี่ชายผมครับ แต่คนละคณะ พี่ผมเรียนคณะบริหาร ส่วนผมเรียนคณะวิศว พี่ผมชื่อ แอนดี้ มิชเซอร์บิช หรือ พี่แอนดี้ ชื่อผมกับพี่ชายมันไม่ค่อยจะคล้องจองกันสักเท่าไร เพราะแด๊ดเป็นคนตั้งชื่อพี่ชาย ส่วนแม่เป็นคนตั้งชื่อผม พี่แอนดี้มีรูปร่างสูงประมาณ 180 เกือบ 190 จมูกโด่งรับกับหน้าที่สมกับเป็นลูกครึ่ง มีร่างกายที่สมส่วน 
    พี่แอนดี้จะหน้าตาคล้ายแด๊ด โดยทั่วไปก็ถือว่าเป็นผู้ชายที่หล่อมากคนหนึ่ง เพราะแด๊ดก็เป็นคนหล่ออยู่แล้วด้วย ส่วนผมสูงประมาณ 175 จมูกก็โด่งเหมือนฝรั่งทั่วไปแระครับ ส่วนหน้าตา ผมจะออกไปทางแม่มากกว่า บางครั้งผมเลยนึกอิจฉาพี่ชายผมนิดๆ แต่ผมก็เป็นคนติดพี่ชายมาก เลยขอมาอยู่บ้านเดียวกับพี่แอนดี้เพราะมันใกล้มหา’ลัยด้วย แด๊ดกับแม่เลยเห็นด้วยให้มาอยู่บ้านที่ซื้อไว้ให้พี่แอนดี้ตอนมาเรียนใหม่ๆ
     
    “องศา ขนของลงหมดหรือยังลูก จะได้ไปมหา’ลัยต่อ อ้อ! แล้วก็เหลือเสื้อผ้าไว้สักกระเป๋านะลูก ปี 1 ต้องอยู่หอในมหา’ลัยไม่ใช่หรอ” แม่ผมตะโกนมาจากในบ้านพี่แอนดี้ ซึ่งพี่แอนดี้ก็กำลังขนลังหนังสือกับลังซีดีหนังต่างๆ ของผมเข้าไปในบ้าน
     
    “เดี๋ยวองศา ตรวจดูในรถอีกทีแม่” ผมตะโกนกลับไปด้วยความเซ็ง ทำไมปี 1 ต้องบังคับให้อยู่หอในมหา’ลัยด้วยก็ไม่รู้ ผมอยากอยู่บ้านกับพี่ชายมากกว่า ไม่ต้องแปลกใจหรอกครับว่าทำไม ผมกับแม่ถึงไม่พูดภาษาคำเมืองกัน จริงๆ แล้วแม่ผมเป็นคนกรุงเทพครับ ที่ย้ายไปอยู่เชียงใหม่เนี่ยก็เพราะแด๊ดชอบบรรยากาศของที่นั้น แด๊ดบอกว่าชอบอากาศหนาวๆ ของเชียงใหม่ ส่วนแม่ก็ไม่ขัดข้องอะไร เพราะคุณยายก็ชอบเหมือนกันเลยย้ายไปอยู่ด้วยกันแล้วก็แต่งงานกันที่โน้นเลย
     
    “เสร็จแล้วก็รีบไปแต่งตัวล่ะองศา เร็วๆ ด้วยเดี๋ยวไม่ทัน” พี่แอนดี้เร่งผมยิกๆ ผมเลยรีบตรวจดูของในรถว่าไม่ลืมอะไรแล้ว แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ต้องขนไปอยู่ในหอของมหา’ลัย พอตรวจของในรถเสร็จ ผมก็รีบเข้าไปเปลี่ยนเป็นชุดนักเรียน เพื่อไปรายงานตัวที่มหา’ลัย พร้อมกับซื้อชุดนักศึกษาและของอื่นๆ ที่ต้องใช้  
     
     
     
    แด๊ดขับรถไปจอดหน้าตึก C ซึ่งเป็นตึกที่ให้นักศึกษาที่พึงเข้าใหม่ไปรายงานและรับกุญแจของหอพักด้วย ผมเข้าไปรายงานตัวพร้อมทั้งยื่นเอกสารต่างๆ ที่โต๊ะของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่ผมสอบติด ระหว่างที่กำลังยื่นเอกสารอยู่ผมก็มองดูคนอื่นๆ ที่ยื่นเอกสารเหมือนผมพร้อมกับมองหาคนที่พอจะมาเป็นเพื่อนกับผมได้ แต่ก็ยังหาไม่ได้สักทีแล้วงี้พอเข้ามาอยู่ในหอผมจะมีเพื่อนไหมเนี่ย หลังจากยื่นเอกสารต่างๆ เสร็จแล้วผมก็เดินไปหาแด๊ดกับแม่ ซึ่งกำลังซื้อชุดนักศึกษาให้ผมอยู่ ผมเลยเดินไปช่วยแด๊ดกับแม่ถือขนของ
     
    “แด๊ด พี่แอนดี้ล่ะ” ผมหันไปถามหาพี่แอนดี้กับแด๊ด ตาก็คอยมองหาพี่แอนดี้ว่าอยู่ไหน
     
    “เห็นบอกจะไปหาเพื่อน นั้นไงอยู่ตรงนั้น” แด๊ดบอกผมพลางชี้ไปตรงที่พี่แอนดี้ยืนคุยกับเพื่อนอยู่ แปลกใจไหมว่าทำไมแด๊ดถึงพูดไทยชัด ไม่ต้องแปลกใจหรอก เพราะแด๊ดผมอยู่เมืองไทยมา 10 กว่าปีแล้ว ภาษาไทยเลยคล่องเป็นพิเศษ ใช่ว่าผมพูดอังกฤษไม่เป็น แต่ผมชอบฟังแด๊ดพูดภาษาไทยมากกว่ามันตลกดี ถึงแด๊ดจะพูดไม่ชัดมากแต่ก็ฟังรู้เรื่อง ผมยืนคุยกับแด๊ดสักพักแม่ผมก็เดินมาหาพอดี พร้อมกับของพะรุงพะรังแด๊ดเลยรีบเดินเข้าไปช่วยถือ  
     
    “องศา ไปตามพี่แอนดี้สิลูก จะได้ไปหอของลูกสักที” 

    “ครับ” ผมรับคำแม่ แล้วเดินไปหาพี่แอนดี้ที่กำลังยืนคุยกับเพื่อนอยู่ 

    “พี่แอนดี้ แด๊ดกับแม่เรียกบอกว่าจะพาองศาไปหอแล้ว” พี่แอนดี้หยุดคุยกับเพื่อนอีกสองคนแล้วหันมามองพลางขยี้หัวผมด้วยความเอ็นดู
     
     
    “องศา นี่เพื่อนพี่ชื่อ วายุ เรียนบริหารเหมือนพี่รู้จักไว้สิเผื่อมีเรื่องไรจะปรึกษาก็ได้” พี่แอนดี้แนะนำเพื่อนให้ผมรู้จัก ผมยกมือไหว้ฝากเนื้อฝากตัว อย่างน้อยก็ยังมีคนรู้จักนอกจากพี่แอนดี้ พี่วายุมองผมแล้วยิ้ม พี่วายุสูงพอๆ กับพี่แอนดี้ หน้าตาจัดถือว่าดีเป็นนายแบบได้เลย ผมยังคิดอยู่เลยว่าถ้าเป็นเด็กวิศวคงหาหน้าตาดีแบบนี้ยากชัว เพราะตอนที่ผมไปยื่นเอกสาร ผมเห็นรุ่นพี่แต่ละคนเถื่อนๆ ได้ใจกันทั้งนั้น
     
    “แล้วนี่ วาโย น้องชายวายุ เรียนวิศวเหมือนเราแหละรู้จักกันไว้สิ เผลอๆ อาจได้พักหอห้องเดียวกันก็ได้ จะได้เป็นเพื่อนกัน” พี่แอนดี้แนะนำอีกคนที่เกือบจะสูงพอๆ กันกับพี่แอนดี้และพี่วายุ ดีนะที่ผมไม่พนมมือไหว้สักก่อน ไม่อย่างงั้นคงหน้าแตกที่ไหว้รุ่นเดียวกันแน่ๆ วาโยมองมาที่ผมแล้วก็ทำท่าเฉยๆ เหมือนเบื่อๆ ผมเลยยิ้มเก้อเลยซะงั้น
     
    “น้องชายมรึงหรอไอ้แอนดี้ กูคิดว่าเป็นน้องสาว” พี่วายุพูดแล้วก็ยิ้มขำๆ อ้าวพูดงี้มาต่อยกันเลยดีกว่า อุตสาห์ชมว่าหล่อ ผมขอถอนคำพูดเลย
     
    “อ้าว มรึงไมพูดจาหมาๆ งี้ว่ะ” นั้นไงล่ะครับพี่แอนดี้ออกตัวแทนผมเรียบร้อยเหมือนตอนที่คนอื่นพูดแบบนี้กับผมทุกครั้งให้พี่แอนดี้ได้ยิน พี่แอนดี้กระชากคอเสื้อพี่วายุเตรียมจะชก 

    “เอ้ยๆ กูแค่ล้อเล่น มรึงก็จริงจังไปได้” พี่วายุรีบร้องบอก ก่อนจะโดนชกจริงๆ พี่แอนดี้เลยปล่อยมือจากคอเสื้อพี่วายุแล้วหันมายิ้มให้ผม ผมล่ะแอบเสียดายน่าจะชกไปเลย
     
    “คนที่เคยพูดจาแบบมรึงเนี่ย โดนองศาส่งไปหยอดน้ำข้าวต้มหลายคนแหละมรึงรู้เปล่า กูกลัวมรึงจะโดนแบบนั้นด้วยอีกคนว่ะ เลยรีบออกตัวแทนก่อน ไม่งั้นมรึงโดนองศาเสยคางแน่ไอ้วายุ หึหึ” พี่แอนดี้พูดแล้วหัวเราะ มันก็จริงอย่างที่พี่แอนดี้ว่าแระครับเพราะล่าสุดคนที่พูดกับผมแบบนี้ก็โดนผมส่งไปโรงพยาบาลเพื่อเข้าเฝือกที่แขนแล้วเรียบร้อย ความจริงผมก็ไม่ได้เก่งอะไรหรอกแค่เรียน ยูโด เทควันโด คาราเต้ แล้วก็กีฬาต่อสู้อื่นๆ ที่ผมชอบ แค่นั้นเองจริงๆ แต่ตอนนี้ผมล่ะเซ็งเลยครับทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้ พี่แอนดี้นะพี่แอนดี้ทำกันได้ ผมเลยเดินกลับไปหาแด๊ดกับแม่อย่างอารมณ์เสีย
     
     
    “อ้าว องศาเป็นไรหรอลูก หน้าบึ้งมาเชียวนะเราแล้วพี่แอนดี้ล่ะ” ผมมองหน้าแม่แล้วก็ยิ้ม แต่หน้าก็ต้องกลับมาบึ้งเหมือนเดิม เมื่อพี่แอนดี้เดินมาขยี้หัวผม ผมเลยปัดมือพี่แอนดี้ออก เซ็งครับ เซ็ง อยากต่อยคนด้วย
     
    “โดน แอนดี้แกล้งมาหรอ” แด๊ดถามผมพลางหันไปทำสายตาดุๆ ส่งให้พี่แอนดี้
     
    “แด๊ด อย่ามาทำตาดุๆ ใส่ผมเลย ผมยังไม่ได้แกล้งอะไรน้องเลย” พี่แอนดี้รีบแก้ตัวก่อนจะโดยแด๊ดคาดโทษ ผมเลยหันไปกอดแด๊ดแล้วเอาหน้าซุกกับแขนแด๊ดเหมือนจะร้องไห้ แด๊ดเลยจ้องหน้าพี่แอนดี้ใหญ่เลย พี่แอนดี้ก็แก้ตัวไม่หยุด ฮ่า ฮ่า ฮ่า สะใจผมล่ะครับทีนี้ ตีบทแตกกระจุย ได้ทีต้องรีบอ้อนแด๊ดไว้ก่อน
     
    “นี่คุณ พอแล้วล่ะค่ะคุณก็รู้นี่ค่ะว่า เวลาองศาขัดใจอะไรจะมาอ้อนคุณแบบนี้ทุกที แล้วคุณก็ชอบใจอ่อนทุกทีด้วยเหมือนกัน ไปได้แล้วล่ะค่ะเดี๋ยวก็ไม่ได้ไปส่งลูกที่หอกันพอดี” แม่หันมาพูดแล้วยิ้มหวานให้แด๊ดก่อนจะหันมายิ้มให้ผมอย่างเจ้าเล่ห์ นั้นไงแม่นะแม่รู้ทันผมไปหมดทุกอย่างเลย พี่แอนดี้ได้ทีเลยหัวเราะใหญ่ แด๊ดก็ดันเป็นไปกับเขาด้วย ไอ้องศาเลยเซ็งอีกรอบครับ
     
     
     
    แด๊ดขับรถเข้ามาจอดในบริเวณที่จอดรถของหอพัก พอรถจอดสนิทผมก็เลยรีบเปิดประตูลงไปขนของทันที แด๊ดกับแม่แล้วก็พี่แอนดี้เลยมองตามกันยกใหญ่ แล้วก็พากันส่ายหน้าไปมาให้กับความขี้งอนของผม ก็แหมทำไงได้ล่ะครับ ผมมันน้องคนสุดท้องนี่ครับคนในครอบครัวเลยโอ๋แล้วก็ตามใจกันใหญ่เพราะเป็นน้องคนเล็กของบ้าน
     
    “นี่ แอนดี้แม่ว่านะ ลูกคงต้องสอนน้องให้เป็นผู้ใหญ่ขึ้นได้แล้วล่ะ” ผู้เป็นมารดาพูดเสร็จก็หันไปยิ้มให้กับลูกชายคนรอง พลางขยิบตาให้ทีหนึ่ง ผู้เป็นลูกชายคนโตเลยยิ้มที่มุมปากกลับอย่างเจ้าเล่ห์ เห็นแม่ขยิบตาให้แบบนี้ ก็แสดงว่าคงให้ลูกชายคนรองอย่างเขาจัดการได้เลยสินะ
     
     
     
    ผมเดินขึ้นบันไดของหอมาได้สักพักก็ไม่เห็นว่าจะมีใครขนของตามผมมาเลย อย่าบอกนะว่าทั้งแด๊ดทั้งแม่และก็พี่แอนดี้จะโกรธผมที่ขี้งอนเกินไป เวนกำของไอ้องศาแท้ๆ ไม่น่างอนเกินเหตุเลย แต่ก่อนที่ผมจะคิดมากไปต่างๆ นานา พี่แอนดี้ก็ขนของตามขึ้นหยุดอยู่ข้างหลังผม
     
    “อ้าว องศามาหยุดตรงบันไดทำไมล่ะ หรือหาห้องไม่เจอ”
     
    “นั้นสิ แล้วห้อง 217 มันอยู่ตรงไหนล่ะเนี่ย” ผมหันไปถามพี่แอนดี้อย่างกวนๆ จริงๆ ก็รู้แระครับ แต่แกล้งไปงั้นแระ พี่แอนดี้เลยหรี่ตามองผมอย่างไม่เชื่อ ผมเลยลอยหน้าลอยตาแกล้งพี่แอนดี้ต่อไป รู้หรอกว่าถือของมาหนักแต่อยากแกล้ง ก่อนจะเดินขึ้นไปชั้น 2 อย่างช้าๆ จนมาถึงห้อง 217 ที่อยู่ริมสุดที่ผมต้องพักอยู่ ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงอย่างเชื่องช้า เพื่อคว้าหากุญแจห้อง  
     
    “อ้าว พ่อคุณ นี่จะรีบไขห้องได้รึยังล่ะนั้น รู้หรือเปล่าว่าแด๊ดกับแม่เนี่ยถือของมาหนักนะ ไอ้ตัวแสบ” ผมหันไปมองแด๊ดกับแม่ที่หอบของมาพะรุงพะรัง เลยทำให้ต้องยิ้มออกแล้วรีบไขกุญแจห้องทันที เพราะอีกอย่างก็เริ่มมีคนทยอยขนของมาเข้าหอกันเยอะขึ้นแล้วถ้าช้ากว่านี้คงวุ่นวายน่าดู ผมเปิดประตูเข้าไป ข้างในห้องจัดเป็นเตียงคู่ 2 เตียง มีโต๊ะเขียนหนังสือ และตู้เสื้อผ้า อย่างล่ะ 2 อย่าง แสดงว่าหอพักคงให้อยู่ห้องล่ะ 2 คนสินะ ดีเหมือนกัน
     
    “ทีงี้ละ รีบไขเชียวนะ ไม่แกล้งพี่ต่อแล้วหรือไงองศา” สิ้นเสียง ผมเลยหันไปมองค้อนให้พี่แอนดี้วงใหญ่ หมั่นไส้ครับ ถึงผมจะเป็นคนติดพี่ชายแล้วก็รักพี่ชายมากก็เถอะ แต่ผมก็ชอบแกล้งพี่แอนดี้เหมือนที่พี่แอนดี้ก็ชอบแกล้งผม
     
     
     
    หลังจากที่แด๊ดกับแม่แล้วก็พี่แอนดี้ช่วยกันขนของ ของผมเข้ามาในห้องพักของหอหมดแล้วก็พากันลาผมกลับกันหมด แด๊ดกับแม่บอกว่าต้องกลับเชียงใหม่วันนี้เลย เพราะยายบ่นว่าเหงา แล้วก็บอกว่าขี้เกลียดฟังยัยพี่แซนดี้บ่นด้วย ส่วนพี่แอนดี้ขอตัวไปดูแลน้องในคณะที่เข้ามาใหม่ก่อน พูดถึงพี่แซนดี้ก็คิดถึงเหมือนกันนะเนี่ย คิดถึงเสียงบ่นของพี่แก บ่นได้ตลอดไม่เว้นแหมกระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังสามารถหาเรื่องมาบ่นจนได้ พอไม่ได้ฟังเลยเหงาหูครับ พี่แซนดี้เป็นพี่สาวคนโตของผมที่ห่างกัน 5 ปีเองแระครับ พี่แซนดี้เรียนจบทางด้านบริหารธุรกิจ เพื่อที่จะมาดูแลไร่องุ่นกับรีสอร์ท ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวผมที่มีอยู่ในเมืองไทย จะว่าไปทั้งพี่ชายทั้งพี่สาวผมก็เรียนบริหารกันหมดเลย มีแต่ผมคนเดียวที่เรียนวิศวแถมยังเป็นวิศวคอมด้วยนี่สิ คิดแล้วก็ตลกดี ผมคิดถึงพี่แซนดี้ไป ก็นั่งจัดของไป กว่าจะจัดของเสร็จเล่นเอาผมทั้งเหนื่อยทั้งเมื่อยแล้วก็เหงื่อท่วมไปทั้งตัวเลย ผมเลยเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำ พอมาถึงตอนนี้ผมพึงนึกได้ว่ายังมีรูมเมทอีกคนที่ต้องมาอยู่ห้องนี้กับผม รูมเมทผมจะเป็นคนอย่างไรนะ จะเข้ากันได้หรือเปล่า
     
     
    คลิ๊ก (เสียงกุญแจไข)
     
     
    สงสัยผมคงอาบน้ำเพลินไปหน่อย เหมือนจะได้ยินเสียงคนไขประตูห้องเข้ามา หรือ รูมเมทผมจะมาแล้วนะ ผมเปิดประตูห้องน้ำออกมา ก็เห็นรูมเมทผมกำลังมั่วแต่หันหลังจัดของอยู่ ดูจากรูปร่างแล้วน่าจะสูงกว่าผมแน่ๆ เลย ว่าแต่คุ้นๆ แฮะ เหมือนเคยเจอที่ไหนหว่า
     
    “หวัดดี นาย พึงมาหรอ” ผมกล่าวทักทายเพื่อนร่วมห้องพลางเช็ดหัวไปด้วย รูมเมทผมค่อยๆ หันมามอง พอผมเห็นหน้าเท่านั้นแหละ อึ้งเลยครับโลกอะไรมันจะกลมได้ขนาดนี้
     
    “อ้าว เอ้ย นะ...นายอยู่ห้องนี้หรอ” จากความยินดีเลยกลายเป็นความเซ็งแทนเลยครับ ไม่คิดว่าจะต้องมาอยู่กับคนที่เจอกันครั้งแรกก็ไม่ค่อยจะเป็นมิตรกันแล้วอย่างมัน







    ******อยากรู้ล่ะสิ ว่าใครที่จะมาอยู่ห้องเดียวกับนาย องศา อย่างไงก็ต้องขอหุบไว้ก่อน ตอนหน้าก็ต้องได้รู้กันแน่
    ******อย่างไงก็ขอฝากนิยาย ที่นำมาลงเป็นครั้งแรกด้วยนะค่ะ ถึงจะแต่งทิ้งไว้หลายเรื่องก็เถอะ แต่ก็ไม่ได้มาลงสักที เพราะพอเอามาลงแล้วก็ไม่ค่อยมีคนอ่าน เลยแต่งเก็บใส่หีบไว้ซะงั้น 555+
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×