คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [SF] Undertaker 1/2 Kris x Lay
Undertaker
.
.
.
บรรยากาศเศร้าสลดของผู้ร่วมงานที่ใส่ชุดดำ เสียงร่ำไห้อาลัยถึงผู้ที่ลาจากไปแสนไกล จมดิ่งสู่ห้วงนิทราลึกที่มิอาจตื่น ดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ถูกวางลงเหนือกล่องไม้ใบยักษ์ที่บรรจุร่างไร้วิญญาณ ก่อนที่กล่องใบนั้นจะถูกฝังกลบให้ร่างนั้นได้หลับพักไปตลอดการ
"ลาก่อน...ที่รัก"
ชายหนุ่มร่างสูงหน้าคม หลับตาลงให้หยาดน้ำอุ่นใสไหลอาบใบหน้า ล่ำลาหญิงสาวที่ตนรักสุดหัวใจซึ่งด่วนจากไปก่อนวัยอันควร
ผู้คนส่วนใหญ่เดินออกจากงานเกือบหมดแล้ว หากแต่ร่างสูงของอู๋อี้ฟานผู้เป็นเจ้าของดวงใจหญิงสาวที่บัดนี้ใร้ซึ่งชีวิตยังคงอยู่
ยืนอยู่ที่เดิม หน้าป้ายหินที่จารึกชื่อคนรัก
และภาพบรรยากาศทั้งหมดนั้นก็ตกอยู่ภายใต้สายตาของใครคนหนึ่งมาโดยตลอด ดวงตากลมโตกรีดขอบด้วยสีดำสนิท มุมปากสีสวยสดยกยิ้มอย่างพึงใจ นิ้วเรียวยกขึ้นสัมผัสลงบนจี้ไม้กางเขนสีดำสนิทที่กลางอกเผยให้เห็นเล็บรีที่ทาสีเดียวกับขอบตา เส้นผมสีปีกกาซอยสั้นถูกสวมทับด้วยหมวกทรงสูงที่กดปีกบดบังแววตาซุกซนที่ฉายแววขี้เล่นอยู่เสมอ
เจ้าของเรือนร่างบอบบางภายใต้ชุดสีดำสนิท เสื้อสีดำผ้ายืดแนบเนื้อถูกคลุมทับด้วยชุดคลุมตัวยาว กางเกงสีเข้มแนบสนิทเรียวขาคู่นั้นและสวมทับด้วยบูทหนังกลับสีดำที่ยาวขึ้นมาถึงหน้าแข้ง กำลังก้าวตรงไปยังเป้าหมาย หนุ่มแสนเศร้าคนนั้น
"อยู่คนเดียวในที่แบบนี้ไม่กลัวหรือ"สุ้มเสียงหวานหยดเอ่ยถาม หากแต่คนตรงหน้ากลับเงียบ ไม่แม้แต่จะชายตาขึ้นมอง
คนทักยิ้มมุมปาก
"รักมากก็ยากจะล่ำลา คนรักสินะที่จากไป"เสียงหวานยังกล่าวต่ออย่างไม่สนใจว่าคนฟังจะฟังหรือไม่
ขาเรียวภายใต้บูทหนังก้าววนเป็นครึ่งวงกลมไปทางด้านหลังหนุ่มร่างสูง
"นี่...คนตายน่ะกลับมาไม่ได้หรอกนะ"
เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังนิ่งเงียบ รอยยิ้มที่เคยประดับก็หายวาบ เจ้าของเรือนร่างที่ไม่บ่งบอกเพศใดจิ๊ปากขัดใจ
"ถ้าจะรักษามารยาทเสียบ้างคงดีนะ...อู๋อี้ฟาน"
คราวนี้ได้ผล เมื่อน้ำเสียงหวานนั้นเอ่ยนามของเขาออกมา
"ต้องการอะไร"เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามราบเรียบก่อนชายตามองคนแปลกหน้า
ลมหายใจสะดุดไปเล็กน้อยเมื่อสบกับดวงตากลมสวยและดวงหน้าขาวหวานหยด หากแต่ไม่ได้แสดงอาการใดออกมา
เวลานี้เขาเพียงคิดถึงคนรักที่จากไป
ไม่ใช่หวั่นไหวกับคนที่พึ่งเห็นหน้า
"คุณเป็นใครคือสิ่งที่นายควรจะถามมากกว่า ส่วนคำถามนั้นฉันต่างหากที่ควรถามว่านายต้องการอะไรคุณอู๋" เสียงหวานเจื้อยแจ้ว ปลายนิ้วชี้ยกแตะริมฝีปาก ก่อนจะละออกมาเมื่อเจ้าตัวหันมาสนใจปลายเล็บของตนเองมากกว่า
"ถ้าบอกสิ่งที่ต้องการแล้วคุณจะให้ผมได้หรอ" เจ้าของนามคุณอู๋ยิ้มเยาะ ถามกลับอย่างนิ่งเรียบเช่นเคย
"นั่นมันขึ้นอยู่กับว่าผู้เรียกฉันขึ้นมาขอสิ่งใด และตอนนี้นายคือคนที่เรียกฉันคุณอู๋"
"หึ...ตลกใหญ่แล้ว ผมไม่มีเวลาจะมาล้อเล่นกับคุณหรอกนะ ว่างๆก็ลองไปเช็คประสาทที่โรง’บาลก็ดี"
ดวงตาคมกวาดมองคนตรงหน้าหัวจรดเท้า นี่มันจีนนะไม่ใช่ยุโรปจะได้สวมหมวกทรงสูงแบบนั้น แถมยังการแต่งตัวที่ประหลาดสุดๆ
คนโดนว่าเพียงแค่มองตามแผ่นหลังของชายหนุ่มออกไป แววตาขี้เล่นยังฉายแววชัดและริมฝีปากได้รูปยังคงยกยิ้ม
"อีกเดี๋ยว...เราก็ต้องเจอกันอยู่ดี คริส"
.
.
.
"นี่ พี่ดื่มมากไปแล้วนะ เสี่ยวโหยวจากไปแล้ว...พี่ควรหักห้ามใจเสียบ้าง"
"พี่รู้เทาแต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ขอครั้งนี้ครั้งสุดท้าย แค่คืนนี้"
คนอายุมากกว่ายังคงกรอกของมึนเมาเข้าปากทั้งที่ปกติไม่เคยพิศวาสของพวกนี้เลย เจ้าของนามเทาแค่มองพี่ชายด้วยความสงสาร
ถ้าความรักจะทำให้คนๆนึงเป็นขนาดนี้
แล้วคนเราจะยังตามหารักเพื่ออะไร
ความรัก.....
เมื่อครอบครองก็ยิ่งต้องการ
หากเมื่อสูญเสียก็เหมือนแตกสลายทั้งกายและวิญญาณ
"นี่ได้ข่าวรึปล่าวฉันได้ยินมาว่า'เขา'กลับมาอีกแล้ว"
"ไม่จริงน่า..เรื่องของ'เขา'เป็นแค่ตำนานไม่ใช่หรอวะ คนบ้าอะไรหายไปตั้งเป็นร้อยปี"
"ไม่รู้เว่ย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อถ้า'เขา'ติดต่อกับวิญญาณได้ แค่เรื่องอายุจะแปลกอะไร"
"ไม่อยากจะเชื่อว่าUndertakerคนนั้นจะมีอยู่จริงๆ แถมปรากฎแถวหมู่บ้านเรา"
บทสนทนาสองสามประโยคที่ลอยผ่านมาหยุดการกระทำก่อนหน้าจนสิ้น เด็กหนุ่มมองหน้าพี่ชายที่ละจากการดื่มไปพลางขมวดคิ้ว
"พี่คงจะไม่ทำเรื่องงี่เง่านั่นใช่มั๊ย" จื่อเทาถามอย่างไม่แน่ใจ
"ไม่รู้สิ...มันก็น่าลองอยู่" คำตอบทำเอาฮวางจื่อเทาอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก
"อู๋อี้ฟาน!! พี่จะล้อเล่นกับพระเจ้าหรือไง"
"ถ้าพระเจ้าทำให้พี่เจอเสี่ยวโหยวไม่ได้ แต่เขาทำได้ต่อให้เป็นซาตานหรือพยามัจจุราช พี่ก็ยินดีจะไปพบ"
สิ้นคำตอบ อู๋อี้ฟานก็ก้าวขาฉับๆไปยังโต๊ะชองชายสองคนที่คุยเรื่องเหลือเชื่อเมื่อก่อนหน้าทันที
"ผมจะเจอเขาได้ที่ไหน Undertaker คนนั้น"
.
.
.
ร่างสูงหมุนตัวลงจากรถม้าที่นั่งมา กลับมาสู่ที่ๆพึ่งจากไปได้ไม่นาน สถานที่ที่ให้ผู้หลับใหลได้พักอย่างสงบ สถานที่ที่มีแต่ความโศกเศร้า
อี้ฟานก้าวไปตามทางเดินเล็กๆตัดกับป้ายหินจารึกจำนวนมากที่ตั้งเรียงรายเป็นแถว มุ่งตรงไปยังเป้าหมายให้เร็วทีสุด
ว่าก็ว่าเถอะ มีใครบ้างจะไม่กลัวยามที่ต้องมาเดินในสุสานมืดๆคนเดียวแบบนี้ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น คนที่เขาจะมาพบต่างหาก
นึกๆไป ใจก็สังหรณ์ประหลาดว่าคนที่กำลังจะไปเจอเนี่ยจะเป็นคนประเภทไหนถึงมาอาศัยในที่แบบนี้ แล้วภาพของคนที่เดินเข้ามาคุยเมื่อเย็นก็ลอยเข้ามา
แต่คงไม่ใช่หรอกมั๊ง
สุดท้ายก็มาถึง กระท่อมขนาดกลางเก่าๆที่ตั้งอยู่ส่วนลึกสุดของสุสานแห่งนี้ มือเรียวสวยยกขึ้นหมายจะเคาะหากแต่บานประตูไม้ผุๆนั้นก็เปิดอ้าออกเสียก่อน
อี้ฟานผลักประตูเข้าไป แสงไฟจากตะเกียงค่อยๆลุกติดราวกับใช้ระบบไฟฟ้า ชายหนุ่มยังคงย่างก้าวต่อไปอย่างระวังและก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงหวานที่ดังข้างหลัง
"มาไวกว่าที่คิดไว้อีกนะ"
"คุณ!!..." ชายหนุ่มชะงักค้าง มองหน้าคนประหลาดคนนั้นแล้วทำท่าเหมือนจะพูดแต่ก็พูดไม่ออก
"จางอี้ชิง...ถ้าอยากจะเรียกก็เรียกให้ถูกด้วย" ดวงตากลมโตสีนิลวาววับกลอกไปมาก่อนเจ้าตัวจะย่างเข้าหาชายหนุ่มช้าๆ
"ผมต้องการพบUndertaker" อี้ฟานยืนนิ่งพลางจ้อมองคนตรงหน้าที่ก้าวชิดเข้ามาอย่างไม่ไว้ใจ
เจ้าของเรือนร่างบอบบางหยุดเดินเมื่อตนอยู่ห่างจากชายหนุ่มเพียงคืบ มือเรียวขาวติดไปทางซีดยกขึ้นสัมผัสแก้มคนตรงหน้าที่อยู่ใกล้จนลมหายใจอุ่นๆแทบจะรดพวงแก้มใสหากแต่เจ้าตัวเองก็ไม่ได้สนใจ
วูบหนึ่งที่แววตาเจ้าเล่ห์ขี้เล่นไหววูบแปลกไปเพียงเสียววินาที ก่อนกลับคืนดังเดิมแบบไม่ให้ใครได้สังเกต ริมฝีปากสีสวยยกยิ้มอีกครั้งที่มุมปาก
"ทั่วทั้งจีนมี Undertaker ตั้งหลายคน อยู่ที่ว่าคุณอู๋ต้องการจะพบคนไหนเสียมากกว่า"เจ้าของเสียงหวานใสยังคงเอ่ยวาจากวนอารมณ์คนตรงหน้าได้ไม่หยุด มือเรียวปัดมือคนที่ยังเนียนแนบแก้มเขาอยู่ออก
"ผมรู้ว่าคุณรู้ว่าผมหมายถึงใคร"
"แล้วทำไมคุณอู๋ถึงคิดว่าอี้ชิงจะรู้ล่ะ" น้ำเสียงใสซื่อถูกหยิบขึ้นมาใช้หากแต่คนฟังกลับรู้ได้ทันทีว่านั่นคือการเสแสร้ง
ก็แววตานั่น ไม่ได้บอกเลยสักนิดว่าเจ้าตัวไม่รู้อย่างที่พูดจริงๆ
"ฉันต้องการพบคนที่สามารถดึงวิญญาณคนตายขึ้นมาได้น่ะชัดพอไหม" ความอดทนของอี้ฟานลดต่ำลงทุกที การเข้าประเด็นคือสิ่งที่ตนเลือกจะทำดีที่สุด
"โอ้ ใจเย็นๆคุณอู๋ นิสัยฉันก็เป็นแบบนี้แหละ...ว่าแต่มีธุระอะไรกับฉันกันล่ะ?"
.
.
.
สายตาคมกริบจ้องมองคนตรงหน้าไม่วางตา ด้วยคำพูดที่บอกว่าตนคือคนที่เขากำลังตามหาทำให้เขาจำต้องนั่งลงเจรจาอย่างไม่มีทางเลือก
"คุณบอกว่าคุณอยากให้ฉันนำชีวิตของคนรักคุณกลับมา ไม่ใช่แค่วิญญาณแต่ทั้งชีวิตน่ะนะ?" ครั้งแรกที่น้ำเสียงหวานๆนั้นจร่ิงจัง
"ก็ตามที่พูดนั่นล่ะ" และอี้ฟานก็ยังคงรักษาน้ำเสียงเย็นชาได้ไม่เปลี่ยน
"ฉันทำไม่ได้หรอกโทษที" ดวงตากลมหลบสายตา เบือนหน้าหนีอู๋อี้ฟานคนนั้น
"ก็ไหนใครๆก็บอกว่าคุณทำได้ บอกมาดีกว่าว่าคุณต้องการเท่าไหร่ ผมมีปัญญาจ่าย"
เจ้าของนามอี้ชิงหรือUndertakerผู้ลึกลับคนนั้นหันกลับมา ดวงตาวาวโรจน์ด้วยโทสะหากแต่เจ้าตัวก็พยายามข่มกด ไม่ช้าแววตากวนโทสะแบบเดิมก็กลับมา ถ้วยชาเย็นชืดถูกละเลย สุ้มเสียงหวานเริ่มพูดอีกครั้ง
"รู้ไหมว่าบนโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ"
"แน่นอนผมทราบ" เสียงทุ้มกล่าวตอบแทบในทันที
"แล้วคุณอู๋คิดว่าราคาชีวิตคนน่ะแลกด้วยเงินตราได้หรือไงกัน" พูดแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
"......."
"คุณจะแน่ใจได้ยังไงว่าเธอคนนั้นอยากกลับมาหาคุณ คุณไม่อยากให้เขาได้หลับอย่างสงบหรือ" ถ้อยคำที่พูดออกมาถูกฉาบด้วยรอยยิ้มหากแต่คู่สนทนาคงจะไม่เห็นแววตาภายใต้ปีกหมวกเป็นแน่ว่าเศร้าสร้อยเพียงไร
"ผมแน่ใจว่าเธอรักผมเหมือนที่ผมรักเธอ แล้วเธอจะไม่อยากตื่นขึ้นมาเพื่ออยู่กับผมได้อย่างไร" น้ำเสียงที่ตอบฟังดูเศร้าไม่แพ้แววตาของผู้ฟัง
อี้ชิงถอนหายใจเฮือกอีกครั้งเหมือนจะขับไล่ความรู้สึกบางอย่างออกไป มือเรียวขาวถอดหมวกที่สวมไว้อยู่ตลอดออก
"อย่าตัดสินอะไรแทนคนตายแบบนั้นสิคุณอู๋ ตอนยังมีชีวิตเขาอาจจะเห็นว่าคุณคือความสุขของเขาแต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกันหรอกนะ อย่าทำให้เธอต้องทรมาณเลย"
เป็นครั้งแรกที่อี้ฟานได้เห็นแววตาเศร้าสร้อยของจางอี้ชิงแบบนี้และมันทำให้หัวใจของเขากระตุกเต้นถี่รัวเสียด้วย
บ้าน่าอู๋อี้ฟาน คนรักพึ่งจะตายไปไม่ทันข้ามคืนจะมาใจเต้นแบบนี้ได้ไงกัน
"ผมไม่เชื่อว่าเธอจะทรมาน" หากแต่เจ้าตัวยังคงบังคับน้ำเสียงให้ราบเรียบได้
"เชื่อเถอะอี้ฟาน..เพราะว่าจะกี่ร้อยกี่พันปีนายก็ไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ"
น้ำเสียงหวานปนเศร้านั้นเอ่ยนามเขา หัวใจไม่รักดียิ่งเต้นแรง สุดท้ายอี้ฟานก็ลุกเต็มความสูงแล้วก้าวไปหาร่างบางของใครอีกคนที่นั่งอยู่แล้วคุกเข่าลงให้ความสูงอยู่ในระดับเดียวกัน
"หมายความว่ายังไง ผมเคยทำแบบนี้มาแล้วหรอ" ดวงตาสองคู่สบกันก่อนอี้ชิงจะเป็นฝ่ายหลบสายตาไป
"ปล่าว ไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น...สรุปนายจะเรียกเธอกลับมาให้ได้ใช่ไหม"
"อืม..ผมจะทำ"
"แล้วถ้าเธอกลับมาไม่ร้อยเปอร์เซ็นล่ะ ถ้าหากเธอกลายเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุด นายจะทำยังไง"
"หมายความว่าเธออาจไม่เหมือนเดิม?"
"มันคือการฝืนกฏธรรมชาตินะคุณอู๋ ฝืนกฎของพระเจ้า ฉันไม่ยืนยันอะไรทั้งนั้นล่ะ"
"ถ้างั้นเราจะหยุดเธอด้วยกัน"
"คุณพูดเองนะ...อ่อ ค่าใช้จ่ายที่คุณต้องใช้คือวิญญาณหนึ่งดวง"
"แล้วผมจะไปหาจากไหน"
"ไม่ต้อง...คุณต้องแลกด้วยวิญญานของคุณ"
ถึงตรงนี้อี้ฟานนิ่งไป มองอี้ชิงอย่างไม่วางตาดูเหมือนคนขี้เล่นคนนั้นจะไม่มีอีกแล้ว แล้วเขาควรจะเสี่ยงดึงเสี่ยวโหยวขึ้นมาไหม เธอจะทรมาณอย่างที่บอกจริงๆน่ะหรือ
"ตกลง" หากแต่คำตอบรับก็ยังคงเป็นเช่นเดิม
"อีกสองวันมาพบฉันที่นี่ตอนสี่ทุ่ม อย่าให้ใครรู้ ระหว่างนั้นก็คิดทบทวนให้ดี คุณมีเวลาเปลี่ยนใจจนถึงตอนนั้น"
พูดจบร่างบอบบางก็ลุกขึ้นทำท่าเหมือนจะเดินหายไปในสักมุมของห้องและท่าทางแบบนั้นทำให้อี้ฟานคว้าข้อมือเล็กนั้นอย่างรวดเร็วเท่าความคิด
กายบางปะทะอกแกร่งเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว ชั่วครู่ที่ปล่อยตัวเองให้อยู่แบบนั้นก่อนจะดึงเอาแววตาซุกซนเจ้าเล่ห์กับรอยยิ้มกวนอารมณ์ขึ้นมาใช้
"โอ๊ะ..ธุระของคุณยังไม่จบอีกหรือ"
"เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า" อีกครั้งที่ดวงตาคู่สวยนั้นวูบไหวเพียงเสี้ยวนาที
"เรื่องนั้นก็ถามตัวคุณเองซี่~"
อาจเพราะคราวนี้ท่าทีแบบนั้นไม่มีผลต่ออารมณ์ของอู๋อี้ฟานหรือเพราะสายตาที่จริงจังเกินไปกำลังมองมาอย่างใกล้ชิด มันเลยทำให้หน้ากากที่หยิบขึ้นมาสวมพังไม่เป็นท่า อีกครั้งที่จางอี้ชิงต้องหลบสายตาก่อนที่อะไรๆจะรั่วไหลจากปากของตน
"คุณมีอะไรปิดบังผมอยู่จางอี้ชิง และไม่ว่ามันเป็นอะไรผมต้องรู้ให้ได้"
"........." คราวนี้คนชอบกวนอารมณ์กลับโดนต้อนจนพูดไม่ออก
"บางทีคุณอาจมีเวทย์มนต์ไม่งั้นคนที่พึ่งเสียคนรักแบบผมคงไม่อยากจูบคุณมากขนาดนี้"
อู๋อี้ฟานพูดเหมือนคนเมา กลิ่นหอมอ่อนๆจากกายบางเหมือนยากล่อมประสาทชั้นดี เขาถึงได้ควบคุมตัวเองไม่ได้
ลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดพวงแก้ม กำลังโน้มเข้ามาใกล้ ดวงตาคมคู่นั้นจ้องอยู่ตรงหน้า หัวใจของคนปากดีเต้นรัวจนรู้สึกร้อนไปทั้งกาย ถูกต้อนจนมุมแบบนี้จางอี้ชิงก็ทำอะไรไม่ถูกอยู่เหมือนกัน
ริมฝีปากอุ่นๆนั้นแนบสนิทลงมา ข้อมือบางข้างที่ถูกกุมไว้ยังคงไม่เป็นอิสระจากมือเรียวสวยของอู๋อี้ฟาน มืออีกข้างจึงทำหน้าที่แทน ทั้งผลักทั้งดัน แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเมื่อเรี่ยวแรงในกายน้อยลงเกินจะปฏิเสธ
จะปฏิเสธความจริงได้อย่างไร เมื่อเวลาที่ผ่านมาก็โหยหาอู๋อี้ฟานคนนี้มาตลอด
จากผลักไสในตอนแรก ครานี้สองแขนนั้นกลับโอบล้อมรอบลำคอของคนตัวสูงกว่า ดวงตาปรือปิดรับสัมผัสแสนหวานของรสจูบที่แทบช่วงชิงลมหายใจ
ร่างสูงผละออกมาชั่วครู่ก่อนโอบเอวบางให้แนบชิดกว่าเก่า มืออีกข้างก็สอดเข้าใต้กลุ่มผมบริเวณท้ายทอย จับใบหน้าหวานให้รับจูบได้ถนัดยิ่งขึ้น
ไม่ใช่อี้ฟานไม่มีสติ ไม่ใช่ว่าไม่รู้ตัว ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกผิดแต่เขาห้ามตัวเองไม่ได้ หยุดตัวเองไม่ได้ อี้ชิงเหมือนยาเสพติด เหมือนสิ่งที่โหยหามานาน เหมือนสิ่งที่ลิ้มลองแล้วเลิกไม่ได้
จูบร้อนยังคงดำเนินต่อไป จูบแล้วจูบเล่าจนคนโดนจูบแทบไร้แรงยืน หากแต่ก็เป็นคนโดนจูบนั่นแหละที่ดึงสติกลับมาได้ก่อน แม้ก่อนหน้าจะพยายามผลักไสเพียงไรแต่สุดท้ายก็โอนอ่อนให้แต่คราวนี้คงต้องหยุดจริงๆเสียทีก่อนที่อะไรๆจะเกินเลยไปมากกว่านี้ สองแขนเลื่อนมาอยู่ที่อกแกร่งก่อนจะออกแรงผลักแรงๆจนคนที่ไม่ทันตั้งตัวเซออก
"กลับไปได้แล้ว เชิญ" อี้ชิงผายมือไปทางประตู และมันก็เปิดออกตามคำเชิญ
อู๋อี้ฟานไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเพียงแค่หมุนตัวหันหลังแล้วเดินออกไป
เพียงเท่านั้นสองขาที่เคยหยัดยืนก็ทรุดฮวบ ปล่อยน้ำใสๆให้ไหลลงมาจากตาคู่สวย กอดกายตัวเองร่ำไห้อย่างไม่กลัวใครจะได้ยิน
"ฮึก...เมื่อไหร่จะจบเสียที"
"ไม่น่าตื่นขึ้นมาเลย...ตั้งแต่ตอนนั้น ครั้งแรกที่คริสดึงกลับขึ้นมา ไม่น่าตื่นเลยจริงๆ"
"คนรักของนายไม่ได้มีเพียงหลี่เสี่ยวโหยวหรอกนะ คริส"
.
.
.
To be con.
ความคิดเห็น