[Shot Fic] Heart Attack [Krislay] YAOI - [Shot Fic] Heart Attack [Krislay] YAOI นิยาย [Shot Fic] Heart Attack [Krislay] YAOI : Dek-D.com - Writer

    [Shot Fic] Heart Attack [Krislay] YAOI

    มันมากกว่าคำว่าถูกใจ ไม่ว่านายจะเป็นใคร..ฉันจะตามหานายให้เจอ

    ผู้เข้าชมรวม

    2,628

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    2.62K

    ความคิดเห็น


    23

    คนติดตาม


    46
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  5 ส.ค. 56 / 14:57 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Heart attack


      ห้องชุดสุดหรูย่านใจกลางเมืองยังคงเงียบสงบแม้เวลาจะล่วงเลยมาเกือบเที่ยง ในส่วนของห้องนอนยังมีชายหนุ่มร่างสูงนอนหลับคว่ำหน้าอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์ ใบหน้าหล่อคมซุกลงกับหมอนนุ่ม ร่างกายเปล่าเปลือยซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา สภาพของเตียง ไม่ต้องอธิบายก็รู้ว่าเคยมีกิจกรรมใดเกิดขึ้นเมื่อก่อนหน้า แขนยาววาดออกด้านข้างเมื่อรู้สึกว่าไออุ่นนุ่มหอมที่กกกอดร่วมค่อนคืนได้หายไป หวังจะคว้าเอวบางนั้นกลับมากอดให้หายหนาว..



      ..แต่ก็ผิดหวัง



      ที่ว่างด้านข้างนั้นว่างเปล่า ไม่ว่าฝ่ามือจะกวาดตบไปทางใดก็พบเพียงความเย็นเฉียบจากฟูกนอนที่ยับยู่ ชายหนุ่มดึงแขนตัวเองกลับมาก่อนดันตัวลุกนั่ง ตาคมดุกวาดมองไปทั่วแต่ก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตอื่นใดนอนจากตัวเองถึงกระนั้นก็ยังนึกเข้าข้างในตัวเองว่าเดี๋ยวก็คงเจอโน๊ทสักใบที่มีเบอร์โทรศัพท์รึข้อความนัดพบอะไรสักอย่างอยู่ที่ไหนสักแห่งในห้องของตน


      ระดับคริสอู๋ ไม่เคยต้องตามง้อใคร แค่กวาดสายตามองผ่านขี้คร้านจะมาต่อแถวเรียงรายให้เลือกทั้งชายและหญิง คิดได้ดังนั้นสองขาก็พาตัวเองเข้าห้องน้ำชำระร่างกาย จังหวะที่เดินผ่านกระจก สายตาก็สะดุดกับรอยข่วนเป็นทางยาวที่แผ่นหลัง อดทำให้นึกถึงค่ำคืนร้อนแรงที่พึ่งผ่านพ้นมาไม่ได้ ชายหนุ่มจุดยิ้มมุมปาก



      ยอมรับก็ได้ว่าติดใจ เมื่อคืนเลยจัดไปหลายยก


      "โดดเรียน นอนพักสักวันดีไหมนะ"



      ตอนนั่นเขายังไม่รู้ ว่าอีกไม่กี่นาทีต่อมาตัวเองจะต้องรีบขับรถออกไปยังมหาลัย



      .
      .
      .



      ทุกอย่างมันกลับตารปัดไปหมด ไม่มีโน๊ท ไม่มีข้อความ ไม่มีเบอร์โทรศัพท์หรือแม้แต่ของสักชิ้นที่แสดงตัวตนของหนุ่มหน้าหวานสวยเมื่อคืนถ้าไม่นับรอยข่วนรอยจิกบนผิวเนื้อ กับกลิ่นหอมๆและผิวนุ่มๆที่ตราตรึงติดอยู่ในความทรงจำของคริส ตอนแรกเผลอนึกไปว่าบางทีเขาอาจจะฝัน เพราะตอนนั้นเขาก็เมาพอสมควร บางทีอาจจะไม่มีหนุ่มหน้าหวานคนนั้นเข้ามาที่ห้องและเขาก็แค่จินตนาการคนในฝันไปเอง แต่หลักฐานตราตรึงอยู่บนร่างกายเขาขนาดนี้จะปฏิเสธก็คงไม่ไหว



      "อ้าว..กูนึกว่ามึงจะไม่มาเรียน" อีจงฮยอนเพื่อนสนิททักทายด้วยน้ำเสียงกวนอารมณ์ แต่คริสแค่ไหวไหล่


      "ไม่มีเหตุผลต้องโดด จะสอบอยู่แล้ว"


      "วู้วว.. มึงได้ยินป่ะลู่หาน คุณอู๋เขาพูดถึงเรื่องสอบว่ะ" จงฮยอนหันไปทำท่าทางตะลึงงันกับลู่หาน เพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่ม หนุ่มหน้าหวานนัยน์ตาสวยคลี่ยิ้มก่อนยักคิ้วตอบ


      "ฟ้าคงจะถล่ม ดินคงจะทลาย รึว่าคริสอู๋มาตามหาใครกันแน่" ซุ่มเสียงหวานเอ่ยเย้าจนคริสกวาดสายตาดุๆมอง


      "หมายความว่าไงเสี่ยวลู่" เสียงทุ้มต่ำถามกลับพร้อมเรียกชื่อที่ลู่หานเกลียด


      อ่อ..เว้นแต่ว่าไอ่เด็กหัวรุ้งชื่อโอเซฮุนจะเรียกน่ะ


      "ก็พูดไปเรื่อย ไปสะกิดโดนเรื่องจริงรึไง" คนหน้าหวานแต่นิสัยไม่หวานตอบกลับอย่างไม่กลัวเกรงจนจงจงฮยอนที่นั่งดูสองคนเถียงกันต้องแทรกขึ้น


      "โว้วๆๆ เดี๋ยวพวกนายคงจะไม่ลุกขึ้นมาต่อยกันนะ?" สองสายตาหันควับมาจ้องพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย สุดท้ายคนขัดเลยได้แต่หัวเราะแห้งๆไป


      "เออ.. พูดก็พูด เมื่อคืนพวกมึงเห็นกูกลับออกไปกับใครป่ะ?" สิ้นคำถามจงฮยอนก็ส่ายหน้าดิก ขณะที่ลู่หานแค่เลิกคิ้วมอง


      "สรุปว่ามาตามหาคนจริงๆ?" เพราะประโยคนั้นคริสเลยหันไปแยกเขี้ยวให้


      "ไม่เห็นจริงๆหรอวะ?"


      "พวกกูจะโกหกทำไม ..อ่อๆๆ เดี๋ยวๆๆ ตอนออกไปอะไม่รู้ แต่ครั้งสุดท้ายกูเห็นมึงยืนคุยกับใครสักคนไม่รู้ว่ะ ตัวบางๆ สูงแค่นี้" จงฮยอนทำไม้ทำมือประกอบ


      แค่นั้นก็เป็นอันว่าถูก เมื่อคืนคริสไม่ได้คิดไปเอง หลังจากปาร์ตี้เลี้ยงในคณะจบลงเขาออกไปกับหนุ่มร่างบางคนนั้นจริงๆ แต่ที่ยังไม่รู้ก็คือ คนๆนั้นเป็นใคร



      "เออกูไปละ ฝากเลคเชอร์ด้วย"อยู่ๆลู่หานก็เก็บโทรศัพท์แล้วบอกลาเพื่อนๆ


      "อ้าวมึง.. ไปไหนวะ?" คริสมองตามขณะที่จงฮยอนถาม


      "ไปดูแลน้องรหัส.. เห็นว่าป่วย"


      "โอเซฮุนน่ะเหรอ ป่วยนี่ป่วยกายรึป่วยใจ" จงฮยอนแหย่


      "ฮุนบนหน้ามึงสิ น้องรหัสที่เป็นสายฝากต่างหากเว่ย" ลู่หานว่าก่อนเดินออกไป


      ไม่รู้คิดไปเองรึปล่าว แต่ท้ายประโยคลู่หานหันมามองเขา คริสแค่ยักไหล่ก่อนจะครุ่นคิดเรื่องตัวเองต่อไป


      ก็แค่อยากเจออีกสักครั้ง


      ถึงแม้ว่าเมื่อคืนคริสจะเริ่มเมาเพราะแอลกอฮอร์ แต่มันก็ไม่ได้หนักหนาจนถึงขั้นจำอะไรไม่ได้ คริสรู้สึกถูกชะตากับคนๆนั้นมาก ไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง แต่รวมไปถึงอะไรหลายๆอย่าง ตั้งแต่ตอนแรกที่เจอและเข้าไปคุย ทั้งที่เป็นคนที่ดูนิ่งๆแต่แววตากลับทอประกายดึงดูดบางอย่างเหมือนคนตรงหน้ามีเรื่องให้ต้องค้นหาและเขาก็อยากจะค้นให้เจอ การวางตัวที่ไม่ได้เสนอหรือยั่วยวนเขาแม้แต่น้อย แถมบางช่วงยังดูขลาดเขินเสียด้วยซ้ำ ไหนจะโครงหน้าเรียวและรอยยิ้มพิมพ์ใจนั่นอีก พูดก็พูด เขาอดนึกไปถึงซุ่มเสียงหวานที่ลอดออกมาจากริมฝีปากอิ่มยามที่เขาลงแรงหนักๆกับส่วนล่างไม่ได้ กลิ่นกายหอมอ่อนๆแบบธรรมชาติที่ทำเขาหลงไหล และไหนจะยังผิวนุ่มลื่นมือ



      มันมากกว่าคำว่าถูกใจ


      ฉันจะต้องหานายให้เจอ..



      .
      .
      .



      "เป็นยังไงบ้าง?" ลู่หานนั่งลงข้างเตียงหลังจากที่เอาของที่ซื้อมาไปเก็บเรียบร้อยแล้ว ดวงตากลมโตทอดมองคนป่วยด้วยสีหน้าไม่ชอบใจนัก


      "ปวดหัวครับ.."


      "สมน้ำหน้า..ทำอะไรไม่คิด" ถึงปากจะว่าแบบนั้นแต่มือเรียวก็ยื่นมาแตะสัมผัสวัดไข้ให้ทั้งหน้าทั้งคอ เขาจะไม่ซ้ำเติมเลยถ้าไม่รู้ว่าสาเหตุที่อี้ชิงป่วยเป็นเพราะอะไร


      ไอ้เชี่ยคริส มันเมาจัดหรือมันเอาดะจนไม่รู้ว่าคนไหนยังซิง หรือคนไหนโชกโชนวะ


      "..พี่ครับ~ อย่าดุสิผมป่วยอยู่นะ"


      "ถ้านายไม่ใช่จางอี้ชิงฉันก็จะไม่ดุหรอก" เจ้าของชื่อในประโยคทำปากยื่น


      "ผมรู้ว่ามันดูโง่ แต่สาบานได้ว่าผมไม่ได้ตั้งใจให้ไปถึงขั้นนั้น ผมแค่อยากให้เพื่อนพี่มองผมบ้างสักครั้ง.." 


      ลู่หานเชื่อสนิทใจว่าอี้ชิงไม่ได้ตั้งใจจริงๆ แต่เพราะฤทธิ์น้ำเมามันดึงให้ความกล้ามันพุ่งสูงและสติที่มีก็เริ่มขาดหาย จางอี้ชิงน้องน้อยของเขาถึงได้กล้าทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวเองออกไป จะว่าไปความผิดส่วนหนึ่งก็อยู่ที่เขาที่ดันนึกสนุกอยากแปลงโฉมเด็กธรรมดาที่ไม่สนใจอะไรมากไปกว่าการเรียน..และเอ่อ ยกให้คริสอู๋อีกคน จริงๆหน้าตาอี้ชิงก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหล่ ออกจะน่ารักด้วยซ้ำ ติดที่ทรงผมกับการแต่งกายนี่ล่ะ


      อี้ชิงเป็นแค่เด็กต่างจังหวัดคนหนึ่ง จะว่าไปก็เป็นญาติห่างๆของลู่หานด้วย เพราะเหตุนี้พอติดอยู่คณะเดียวกันลู่หานถึงได้ไปขอเทคอี้ชิงเป็นน้องรหัส จางอี้ชิงคนซื่อ เป็นเด็กเรียบร้อยน่ารัก การเรียนดี แต่งตัวจืดๆกับแว่นสายตาอันใหญ่ ไม่แปลกที่คนอย่างคริสอู๋ไม่เคยจะเหลียวมอง ต่างจากอี้ชิงในคืนก่อนอย่างสิ้นเชิง งดงาม ดึงดูด และดูน่าค้นหา


      "อี้ชิง..ถ้าเรารักไอ่หมอนั่นมากขนาดนี้ ให้พี่แนะนำให้รู้จักตรงๆดีมั๊ย" คนฟังส่ายหัวดิก


      "มะ..ไม่เอานะครับ แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว มันพอแล้วสำหรับผม" พอแล้วสำหรับจางอี้ชิงคนธรรมดา เพราะให้ไปเจอกันตรงๆ พูดคุยกันตรงๆแบบไม่พึ่งแอลกอฮอร์ เขาคงหัวใจวายตาย จะพูดยังไง จะพูดเรื่องอะไร แล้วมือสองข้างที่ดูเกะกะนี่เขาควรเก็บไว้ที่ไหน เขาทำตัวไม่ถูกจริงๆนะ


      "แล้วนายก็จะแอบชอบมันแบบนี้ไปเรื่อยๆน่ะหรอ"


      "ก็ดีกว่าบอกไปให้เขารู้ตัวแล้วพาลไม่ชอบหน้าผมขึ้นมานี่ฮะ" ดวงตาสดใสดูหม่นลง อี้ชิงเม้มปากเป็นเส้นตรงเหมือนทุกครั้งที่ตัวเองต้องขบคิดตัดสินใจ


      "แต่คริสอู๋ถามถึงผู้ชายหน้าหวานคนเมื่อคืนนะ พี่ไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้" ก็จริง ปกติคริสไม่เป็นแบบนี้ หลังจากมีอะไรกันเช้ามามันก็นิ่งเฉย ตัดความสัมพันธ์เหมือนตัดกระดาษ มีบ้างที่ยังคุยอยู่เพราะถูกใจ เรียกว่าใครที่คิดจะจับเจ้าตัวด้วยความสัมพันธ์ทางกายนั้นเลิกคิดไปได้เลย ไม่เคยสำเร็จยกเว้นก็แต่อี้ชิงนี่ล่ะที่มันออกอาการแปลกกว่าคนอื่น


      "แต่ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ผม ไม่ใช่จางอี้ชิงเด็กผู้ชายธรรมดาๆ บ้าเรียนคนนี้"


      ลู่หานพรูลมหายใจ ยื่นมือไปลูบศีรษะคนเป็นน้อง เขารักอี้ชิงเหมือนน้องชายแท้ๆ เห็นน้องทุกข์เขาก็ไม่สบายใจ ก็จริงอย่างที่อี้ชิงว่า ต่อให้เจอกันอีกในตอนนี้ ตอนที่อี้ชิงเป็นอี้ชิงจริงๆคริสอู๋จะจำได้หรือไม่ว่าคนๆนี้คือคนเดียวกับหนุ่มหน้าหวานในงานเลี้ยง


      "นอนพักเถอะเรื่องอื่นไว้ค่อยคิดมัน เป็นการตัดสินใจของนาย ถ้าคิดดีแล้วพี่ก็จะไม่ห้าม" ลู่หานก้มลงจูบหน้าผากอี้ชิงก่อนเดินออกไปรอที่ห้องนั่งเล่นโดยไม่ลืมกำชับว่ามีอะไรให้เรียกเขาทันที รอจนน้องยอมตกลงถึงได้ออกไปอย่างที่ว่า


      คล้อยหลังพี่ชายคนตัวบางก็พรูลมหายใจ นึกโกรธตัวเองไม่น้อยที่เผลอตัวเผลอใจทำเรื่องแบบนั้น ร่องรอยของบทรักที่คริสอู๋ทำยังไม่จางหายไปจากผิวกาย ซ้ำร้ายยังฝากพิษไข้ให้นอนซมอยู่แบบนี้


      ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเดินสวนกันในคณะ รุ่นพี่รูปหล่อจะจำตัวเองได้มั๊ย แล้วถ้าจำได้อี้ชิงจะทำยังไงดี



      จางอี้ชิงคงลืมไปว่าคริสอู๋น่ะ เพลย์บอยตัวพ่อ ต่อให้จำได้แล้วมันยังไงล่ะ เขาจะมาสนใจใยดีหรืออย่างไร


      คิดอะไรไปมาให้วุ่นไปหมด สุดท้ายเปลือกตาบางก็ปรือปิดลงก่อนที่เจ้าตัวจะทันรู้ตัว


      .
      .
      .



      สองอาทิตย์แล้ว


      สองอาทิตย์แล้วที่คริสอู๋แลดูจะหงุดหงิดงุ่นง่าน ชวนไปดื่มก็ไปนะแต่ไม่เคยพาใครกลับห้องด้วยอย่างเคย มากสุดเคยเห็นเดินหายเข้าห้องน้ำไปกับสาวนานสองนานแต่อยู่ๆก็เดินหน้าบึ้งออกมาคว้าแก้วเหล้ากรอกน้ำเมาลงคออักๆอย่างกับน้ำเปล่า ถามอะไรก็ไม่ตอบ บอกตรงๆว่าเพื่อนสนิทอย่างอีจงฮยอนเครียดนะเห้ย


      "คริส ช่วงนี้มึงเป็นอะไรวะ ดูแปลกๆ" สิ้นคำถามไอ้ตัวดีก็ตวัดสายตามองฉับ


      "เป็นอะไร กูปล่าว" ตอบปฏิเสธแบบขอไปทีก่อนตาคมจะกวาดมองไปทั่วคณะ


      เนี่ยอีกอย่างที่แปลก ช่วงนี้คริสอู๋มาคณะบ่อยเว่อ แบบมาเฉยๆน่ะ ไม่มีเรียนก็มา ไม่รู้มาทำซากอะไร ปกติลากให้ตายคุณชายยังไม่อยากจะมา


      "สงสัยมันทำลูกแมวหายมั๊ง" ลู่หานเงยหน้าขึ้นมาจากไอแพดในมือแค่วินาทีเดียวก็ก้มลงไปต่อ


      "ลู่หาน กูถามจริง มึงรู้เรื่องอะไรใช่มะ?" จงฮยอนเป็นคนถามแต่คนที่ดูจะสนใจคำตอบมากกว่าคือคริสอู๋


      "รู้ห่าอะไรวันนั้นกูก็เมาอยู่กะพวกมึง"


      "เดี๋ยวนะ กูยังไม่ได้พูดสักคำที่เกี่ยวกับวันนั้นแล้วมึงรู้ได้ไง" คริสถามเสียงแข็ง ลู่หานนิ่งไป


      "เดี๋ยวๆๆนี่มึงพูดถึงวันไหนกันวะ" จงฮยอนมองหน้าทั้งสองคนสลับไปมา ก็มันมีตั้งหลายวันไม่ใช่เหรอที่ไอ้ลู่มันเมาอยู่ด้วยกันเนี่ย


      "ก็กูเห็นมึงเป็นแบบนี้ตั้งแต่หลังวันงานเลี้ยงคณะ กูก็แค่พูดไป" ลู่หานเป็นคนฉลาด อย่าคิดจะมาจับผิดง่ายๆเลย


      พอคริสอู่ได้ฟังก็หันกลับไปแม้ว่าในใจจะยังไม่เชื่อเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตาม ก่อนที่ใครจะทันได้พูดอะไรจงฮยอนก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน


      "เฮ้ยไอ้หาน นั่นมันน้องสายฝากมึงนี่" ลู่หานที่เห็นอยู่ก่อนแล้วแสร้งมองไปทางที่เพื่อนชี้ แต่จงใจโฟกัสเลยไป


      "ไหน จำผิดป่ะมึงไม่เห็นมี"


      "นั่นไงตาบอดป่ะวะ น้องยังมองมาทางนี้เลย ..ชื่อไรนะ อี้..อี้จิง อี้ชิงใช่ป้ะ ..น้องอี้ชิงง!!"


      คนโดนเรียกสะดุ้งเฮือก ไม่คิดว่ารุ่นพี่คนนั้นจะทัก ไม่สิไม่คิดว่าจะจำได้ด้วยซ้ำ เคยเจอกันครั้งสองครั้ง ครั้งล่าสุดก็เมื่อสองอาทิตย์ก่อนที่พี่ลู่หานฝากเอาสมุดเลคเชอร์เก่ามาให้ จะทำเป็นไม่ได้ยินก็ไม่ได้เพราะสายตาอี้ชิงจับจ้องมาทิศทางที่คนหน้าดุนั่งอยู่เต็มๆ ร่างเล็กพรูลมหายใจก่อนสาวเท้าเข้าไปหาอย่างกล้าๆกลัวๆ


      จางอี้ชิงอยู่ในสภาพเสื้อเชิ้ตสบายๆหนึ่งตัวกับกางเกงยีนขากระบอกธรรมดา มีแว่นสายตาอันโตบดบังใบหน้าไปกว่าครึ่ง ผมหน้าม้ายาวๆที่พี่ลู่หานจับไปตัดเมื่อสองสามอาทิตย์ถูกหวีเปิดเรียบๆ


      "สวัสดีครับรุ่นพี่" อี้ชิงโค้งให้จงฮยอนตามด้วยลู่หานและปิดท้ายด้วยคนตาดุที่จ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้วทำเอาอี้ชิงมือไม้สั่นไปหมด ได้แต่ส่งสายตาไปหาพี่ชายตัวเองอย่างทำตัวไม่ถูกซึ่งก็ได้เพียงรอยยิ้มแหยๆกลับมา



      พี่ช่วยนายแล้วนะจางอี้ชิง แต่ไอ้ห่าจงมันดันเรียกนายเองนี่นาง



      "มึงไม่เคยเจอใช่ป่ะคริส เนี่ยน้องชื่อจางอี้ชิง เป็นญาติห่างๆแล้วก็สายฝากของไอ้ลู่มัน เรียนอย่างเก่งอะมึง" ลู่หานไม่ต้องเปลืองน้ำลายในการแนะนำใดๆเพราะอีจงฮยอนจัดการให้ทุกอย่าง


      "ยินดีที่รู้จักครับ" อี้ชิงไม่รู้จะทำอย่างไรนอกจากกล่าวทักทายและคลี่ยิ้มให้บางๆ


      "..ลักยิ้ม"


      "ครับ?" อี้ชิงเอียงคอน้อยๆเมื่อได้ยินไม่ถนัด ลู่หานแอบขำในใจ บางทีคริสอู๋อาจจะจำอี้ชิงได้


      "นายอยู่ปีสองใช่มะ?" เสียงทุ้มถามเรียบๆ


      "ครับ..ใช่"


      "รู้จักใครที่สูงประมาณนาย หน้าหวานๆ ตัวเล็กๆขาวๆ แล้วก็มีลักยิ้มแบบนายป่ะ" คริสถามเสียงเรียบ ไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองด้วยซ้ำ


      อี้ชิงนิ่ง เม้มปากเป็นเส้นตรง คิดอยู่แล้วว่าคริสอู๋คงจำตัวเองในสภาพนี้ไม่ได้ และท่าทีที่แสดงออกไม่ว่าจะสายตาหรือการพูดคุยก็คงแตกต่างจากวันนั้น ทั้งที่เตรียมใจไว้แล้วแต่ก็อดเสียใจไม่ได้ คริสอู๋หลงก็แค่รูปกายที่ไม่ใช่จางอี้ชิงตัวจริง


      "ไม่ครับ.. ผม ผมไม่ค่อยชอบทำกิจกรรม ไม่ค่อยรู้จักใครหรอก อะ..ผม ผมจะสายแล้ว ขอตัวนะครับ" อี้ชิงบอกลาทุกคนก่อนจะโค้งตัวลงแล้วรีบสาวเท้าออกไปโดยไม่หันกลับมา



      อี้ชิงเลยไม่เห็นสายตาที่คริสอู๋ลอบมองผ่านแผ่นหลังบอบบางนั้นไป


      "มองอะไรน้องกู" ลู่หานปาขนมใส่ อดหมั่นไส้ไม่ได้กับท่าทางยโสโอหังของเพื่อนสนิท


      ถ้ามันเกิดจำได้จริงๆ สาบานเลยว่าจะไม่ช่วยมันเด็ดขาด


      "เปล่า"


      "มึงแน่ใจ"ลู่หานถามย้ำ คริสไม่ตอบ


      "เดี๋ยวนี้มึงเปลี่ยนรสนิยมเหรอ จากสาวอกภูเขากับหนุ่มหน้าหวานร้อนแรง เป็นเด็กเรียนธรรมดาบ้านๆหรอวะ?" จงฮยอนแซว พอได้รับสายตาดุจากลู่หานก็หุบปากฉับ


      ตายห่า..ลืมไปว่าพี่ชายเค้านั่งอยู่นี่


      "เปล่า..กูแค่สงสัยอะไรนิดหน่อย"


      .
      .
      .


      เวลาผ่านไปเร็วเหมือนโกหก ฤดูสอบที่ทุกคนเกลียดแสนเกลียดมาถึง อี้ชิงมองดูนาฬิกาข้อมือตัวเอง วันนี้พี่ลู่หานบอกว่าจะมาช่วยเก็งข้อสอบฟิสิกส์ให้ เลยเวลานัดมากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว พี่ชายตัวดีหายไปไหนกันนะ ราวกับฝั่งนู้นจะได้ยินคำบ่นของอี้ชิง ห้านาทีถัดมาเสียงเคาะประตูห้องพักก็ดังขึ้น


      อี้ชิงหยิบแว่นที่ถอดเพื่อพักสายตาเมื่อครู่ขึ้นมาสวมก่อนรีบสาวเท้าไปทางประตู ปากแดงยู่ลงอย่างแสนงอน


      "ไหนพี่ว่าจะมาเที่ยงไงนี่มันจะบ่ายละ..แล้ว" เสียงหวานแผ่วลงทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาแล้วพบว่าคนตรงหน้าไม่ใช่พี่ชายของตัวเอง


      "ลู่หานถูกอาจารย์ที่ปรึกษาเรียกไปคุยเรื่องงานเลยมาไม่ได้ วันนี้ฉันจะเป็นคนติวให้นายเอง"


      "ระ..รุ่นพี่" บ้าไปแล้วให้พี่คริสมาติวแทน อี้ชิงจะเอาสมาธิที่ไหนไปทำความเข้าใจโจทย์ แบบนี้อ่านเองจะดีกว่ามั๊ย


      "จะไม่ให้ฉันเข้าไปเหรอ?" เสียงทุ้มติดจะหงุดหงิดเล็กน้อย


      "มะ..ไม่ใช่ครับ ผมไม่อยากรบกวนรุ่นพี่ จริงๆผมอ่านเองก็ได้นะครับ คือ..ผมกลัวว่ารุ่นพี่จะเสียเวละ.."


      "ถ้าไม่อยากให้ฉันเสียเวลาก็รีบๆหลีกทางให้ฉันเข้าไปแล้วติวๆกันให้จบสักที" คริสออกคำสั่ง อี้ชิงเม้มปาก


      "คือ.."


      "หรือว่ากลัวอะไร? ..ไม่ต้องห่วงจืดชืดอย่างนายฉันไม่ปล้ำหรอก ..หลีกทางเร็วๆ" ราวกับถูกไม้ตีแสกหน้า รู้ตัวอีกทีอี้ชิงก็หลีกทางให้คนตัวสูงเข้ามาเสียแล้ว มือเรียวเล็กกำขากางเกงตัวเองแน่น ถูกคนที่ชอบพูดแบบนี้ใส่เจ็บไม่น้อยเลย แถมยังเป็นคนเดียวกับคนที่เมื่อสามอาทิตย์ก่อนเคยพร่ำเรียกเขาเสียงอ่อนอยู่ข้างหู


      จะโทษใคร จะว่าใครได้ทุกอย่างก็เลือกเองทั้งนั้น


      "คราวนี้เรียนถึงบทไหนนะ"คริสถามหลังจากที่อี้ชิงวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะให้


      "บทนี้ครับ.."


      คริสอู๋ตอนจริงจังไม่ได้ดูแตกต่างจากปกติมากนัก คำอธิบายต่างๆพรั่งพรูออกมาจากปากหยัก แรกๆอี้ชิงไม่มีสมาธิเลยแม้แต่น้อย หัวใจเจ้ากรรมเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมา หลายครั้งที่เหม่อมองแต่ใบหน้าคมจนเจ้าตัวเขาจ้องกลับมาถึงได้สติ ก่อนบทสุดท้ายจะมาถึงท้องฟ้าก็เปลี่ยนสีไปแล้ว


      "พักก่อนเถอะ สมองนายคงจะล้ามากแล้ว งีบสัก20 นาทีก็ได้เดี๋ยวฉันปลุก"


      "ผมยังไหวครับ รีบต่อให้เสร็จเถอะผมเกรงใจ" อี้ชิงว่าพลางเลื่อนหนังสือกลับไปที่เดิม


      "นายกำลังสั่งฉันเหรอ" คริสอู๋จ้องมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง


      "ปล่าวครับ"


      "งั้นก็พักซะ นายไหวแต่ฉันไม่ไหว ถ้านายไม่นอนอีก 20 นาทีปลุกด้วยแล้วกัน"


      พูดจบคนตัวสูงก็ฟุบลงกับโต๊ะ เร็วจนอี้ชิงเรียกไม่ทัน พอคนติวหลับอี้ชิงก็ไม่รู้จะทำอะไร เลยหยิบเอาเลคเชอร์อีกวิชาไปนั่งอ่านบนโซฟา ไม่ถึงสิบนาที คนดื้อก็หลับเอนหัวพิงขอบโซฟาทั้งที่ในมือยังกอดสมุดเลคเชอร์ไว้


      คริสลืมตาขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่าห้องเงียบผิดปกติ เสียงพลิกหน้ากระดาษที่นั่งฟังอยู่ร่วมสิบนาทีหยุดไป ร่างสูงก็ลุกขึ้นจากโต๊ะที่ใช้ติวไปหาเจ้าของห้องที่โซฟา จางอี้ชิงหลับตาพริ้มหายใจสม่ำเสมอ เป็นเวลากว่าสัปดาห์กว่าที่คริสแอบสังเกตพฤติกรรมคนตัวบางนี่โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว เขาเห็นว่าคนตรงหน้านี้หลบตาทุกครั้งที่เขาหันไปมอง และทุกครั้งที่ลู่หานอยู่กับเขาจางอี้ชิงจะไม่เคยเข้าไปทัก กลับกันเวลาที่เขาไม่ได้อยู่แถวนั้น อี้ชิงจะยิ้มแย้มเดินเข้าไปหาลู่หานทันที เมื่อกี้ตอนที่มาเขาก็เห็น จางอี้ชิงชอบเม้มปาก เวลาคิด เวลาทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะพูดอะไร เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ตัวถึงได้ทำบ่อยเสียจนคริสจับผิดได้


      ย้อนกลับไปคืนนั้น ถึงแม้จะกึ่มๆจากฤทธิ์เหล้าแต่คริสก็ยังมีสติอยู่มากกว่าเจ็ดสิบสิบเปอร์เซ็นต์ตอนที่ไปเจอเด็กปีสองคนนั้น เขารู้ว่าคนตรงหน้าหน้าตาเป็นอย่างไร มีตำหนิอยู่ที่ตรงไหน บอกตรงๆว่าคริสหลงรักรอยบุ๋มเสน่ห์ข้างแก้มนั้นตั้งแต่แรกเห็น ยิ่งยามที่เขาต้อนจนเจ้าตัวจนมุม ริมฝีปากแดงๆนั้นจะเม้มเข้าหากันอย่างไม่รู้จะตอบกลับอย่างไร หรือเวลาที่อีกคนยิ้มหรือหัวเราะ ทุกอย่างมันดูเป็นธรรมชาติ ดูสดใสไม่เสแสร้งแบบที่ตัวเขาเคยเจอจากคู่ควงคนอื่น เด็กคนนั้นไม่ได้เสนอตัว ไม่ได้ทำอะไร เป็นเขาเองเดินเดินเข้าไปติดกับดักนั้น มันเป็นแรงดึงดูดบางอย่างและบางทีมันอาจเป็นเรื่องไร้สาระแต่ในตอนนั้น เขาคิดว่าเขากำลังตกหลุมรัก


      ราชสีห์ตัวโตตกหลุมรักเจ้ากระต่ายสีขาวที่แสนสดใส และราชสีห์ก็ยังเป็นราชสีห์ เป็นพระราชาที่เวลาอยากได้อะไรก็ต้องได้ ถ้าไม่ได้คิดไปเองเขาก็คิดว่ากระต่ายน้อยตัวนั้นมีใจให้เขา


      ดังนั้นคริสจึงเริ่มมอมเหล้าเด็กหนุ่มทีละน้อย พอสติเริ่มจางหาย ความกล้าก็เริ่มเข้ามาควบคุมกระต่ายของเขา สุดท้ายเจ้ากระต่ายก็ใจกล้ายอมตามเข้าไปในถ้ำของราชสีห์ คืนนั้นคริสคิดเพียงแค่ว่า เขาจะใช้ร่างกายทำให้กระต่ายน้อยหมดแรงอยู่ในห้อมกอด ไม่ดิ้นหนีหลุดไปไหน เขาจะเสพทุกความหอมหวานจากเรือนกายงดงามนั้น ทั้งที่คิดว่าจัดการกับกระต่ายน้อยอยู่หมัดแล้ว แต่ก็ไม่


      กระต่ายก็ยังคงเป็นกระต่าย ขี้กลัว หวาดระแวง พอรู้ว่าตัวเองตื่นขึ้นมาในถ้ำของราชสีห์ ความคิดแรกคือต้องหนี แม้จะรักมากเพียงใดแต่ความกลัวในตัวตนของคริสอู๋ก็ยังคงอยู่ กลัวจะตื่นมาเจอกับสายตาว่างเปล่าและเรื่องเมื่อคืนก็เป็นเพียงเรื่องปกติของอีกคน



      "จางอี้ชิง.. นายกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่ใช่มั๊ย" 


      ร่างสูงโน้มตัวลง ท้าวแขนกับพนักพิงของโซฟา พิจารณาโครงหน้าคนหลับ มือเรียวถือวิสาสะปลดกิ๊บติดผมที่เจ้าตัวใช้อยู่ลง ผมหน้าม้าที่ซอยไล่ยาวลงมาปรกดวงหน้าซีกขวาสร้างความรู้สึกคุ้นเคยให้มากขึ้น หัวใจคริสเต้นรุนแรงอย่างไม่เคยเป็น มันถี่รัวจนหายใจลำบาก แว่นสายตาหนาๆที่บดบังใบโครงหน้าสวยถูกคริสถอดออกช้าๆ ทันทีที่ขาแว่นหลุดจากกรอบหน้า คริสอู๋ก็จ้องมองคนตรงหน้าไม่กระพริบตา มือเท้าชาไปหมด


      ใช่..ใช่นายจริงๆ คนที่คอยตามหา คนที่ยึดหัวใจของเขาไป คือจางอี้ชิงคนนี้ นึกถึงกลิ่นกาย นึกถึงรสสัมผัส รอยยิ้ม เสียงหวาน ทุกอย่างมันดูลงตัว เขาจะไม่ยอมให้อี้ชิงหนีไปอีก


      คิดอะไรกับตัวเองได้ไม่เท่าไหร่ คนหลับก็ได้ตื่นขึ้นจากนิทรา สองสายตาประสานกัน อี้ชิงดูงุนงงและยังไม่ค่อยเข้าใจ ระยะห่างที่ใกล้กว่าปกติทำเอาใจดวงน้อยเริ่มเต้นรัว


      "รุ่นพี่..อื้อ!!"


      เสียงหวานถูกกลืนหายไปกับจุมพิตร้อนแรง ฝ่ามืออุ่นประคองโครงหน้าหวานให้รับบทลงโทษอย่างเอาแต่ใจ อี้ชิงตกใจจนทำอะไรไม่ถูก สองมือที่ออกแรงดันอ้อมกอดคนตรงหน้าออกในตอนแรก ตอนนี้เปลี่ยนเป็นวางแปะไว้เฉยๆ รสจูบของคริสอู๋ช่วงชิงเรี่ยวแรงของอี้ชิงได้เสมอ คริสค่อยๆถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่งเมื่อรู้สีกได้ถึงความเปียกชื้นจากดวงหน้า


      "..ร้องไห้ทำไมกระต่ายน้อย" สรรพนามที่ใช้เรียกทำเอาอี้ชิงสะอึก พอเห็นว่าภาพตรงหน้าไม่ได้ชัดอย่างที่เป็นก็รู้ทันทีว่าแว่นสายตาถูกถอดออก


      "ระ..รุ่นพี่ ปล่อยผมเถอะครับ"


      "นายไม่ได้อยากให้ฉันปล่อยจริงๆหรอกจางอี้ชิง"


      "ฮึก.. รุ่นพี่พูดเรื่องอะไรครับ ผม..ไม่เข้าใจ"อี้ชิงกลืนก้อนสะอื้นลงไป ก่อนจะบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่น


      "ฉันต่างหากที่ไม่เข้าใจ.. ว่าทำไมนายถึงต้องหนีฉันไป ทำไมถึงต้องทำเป็นไม่รู้จักทั้งที่เรา.."


      "เราอะไรครับ.. กับคนอย่างรุ่นพี่น่ะ เรื่องคืนนั้นมันก็แค่เรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือไง ถ้าผมยังอยู่ เช้านั้นผมจะเจออะไรผมก็พอจะเดาออก" ไม่รู้ไปเอาความกล้ามาจากไหน อาจจะเป็นเพราะภาพที่พร่ามัวด้วยน้ำตาบวกกับสายตาที่สั้นของตัวเองภาพตรงหน้ามันเลยยิ่งฟุ้งๆเบลอๆ อี้ชิงถึงได้กล้าต่อล้อต่อเถียงกับคนที่ตัวเองชอบ


      "เจออะไร นายคิดว่านายจะเจออะไรอี้ชิง"


      "ผม..ฮึก ผมไม่อยากเห็นสายตาเย็นชาจากรุ่นพี่ ผมไม่อยากตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองนั้นไร้ค่า เป็นแค่คนที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ผมกลัว.. เพราะว่าผม.." ตากลมหลุบต่ำ ริมฝีปากเม้มเป็นเส้น


      "เพราะว่านายชอบฉัน นายรักฉันจางอี้ชิง" คริสจ้องมองดวงหน้าหวานอย่างไม่ลดละ แอบเห็นแววตาที่เลื่อนขึ้นมาสบตอบนั้นวูบไหวไปครู่หนึ่ง


      "..ผมไม่อาจเอื้อมหรอกครับ แค่คืนนั้นมีนก็เกินพอสำหรับคนธรรมดาอย่างผมแล้ว" ทำไมต้องมาตอกย้ำกันด้วยนะ คริสอู๋น่ะใจร้ายเกินไปแล้ว


      "นายคิดว่าฉันเป็นใครแล้วตัวเองเป็นใครจางอี้ชิง กล้าดียังไงมาดูถูกคนที่ฉันรักแบบนี้!" เสียงทุ้มต่ำนั้นดังก้องแต่ก็ใช่ว่าอี้ชิงจะยอม


      "รุ่นพี่ก็เป็นคุณคริสที่.. อ๊ะ!! เมื่อกี้รุ่นพี่ว่าไงนะครับ" คราวนี้อี้ชิงหุบปากฉับก่อนจะอ้าขึ้นคล้ายจะพูดแต่ก็ไม่มีเสียงใดเล็ดรอดออกมา หัวใจที่บีบรัดจนเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นเต้นถี่ขึ้นด้วยความตื่นเต้น


      "ฉันบอกว่าฉันรักนาย" ชัดเจน คริสอู๋พูดทุกคำย้ำๆชัดๆ ไม่รู้บ้างเลยว่าหัวใจของอี้ชิงแทบจะวาย


      "ไม่จริง" เสียงหวานพึมพำคล้ายคนไม่มีสติ


      "จริง" แต่คริสก็ตอกย้ำด้วยความหนักแน่น


      "ไม่จริง ผมต้องฝันอยู่แน่ๆ ผมต้องตื่น ตื่นเดี๋ยวนี้.. ไม่งั้นจะอ่านหนังสือไม่ทัน...อื้ออ!"


      อีกครั้งที่จุมพิตร้อนแรงปัดเอาทุกความคิดออกจากสมองของอี้ชิงจนขาวโพลน ลิ้นร้อนที่กวาดต้อนอยู่ในโพลงปากทำเอาเรี่ยวแรงเหือดหาย สองแขนเรียวจึงต้องยกขึ้นคล้องอยู่รอบคอคนตัวสูง เนิ่นนานกว่าที่สัมผัสที่ชวนให้เลือดสูบฉีดมากองบนใบหน้านั้นจะหยุดลง แต่คนรุกก็มิวายกดจูบซ้ำอีกหลายทีจนร่างบางร้องฮือในลำคอ


      "สอนไปคืนเดียวเก่งขึ้นตั้งเยอะนี่" คริสอู๋คนบ้า พูดเรื่องแบบนี้ได้ไม่อายปาก


      "สอนอะไรครับ.. อย่ามาพูดมั่วนะ"


      "ต้องให้ทำให้ดูอีกทีหรือไงถึงจะเข้าใจ" พูดจบก็โน้มใบหน้าลงมาจนชิด ดีที่อี้ชิงหันหลบทัน


      "พอแล้วครับ.." หัวใจผมจะวาย


      "ยอมรับได้หรือยังว่านายชอบฉัน" คริสถามย้ำ คราวนี้อี้ชิงหลบตา แก้มใสขึ้นสีเรื่ออย่างน่าเอ็นดู


      "ครับ..ผมชอบรุ่นพี่"


      "งั้นคบกันนะ" ห๊ะ.. ทำไมคริสอู๋ถึงมาขอกันง่ายๆแบบนี้ อี้ชิงเม้มปากก่อนหลบสายตารุ่นพี่คนหล่ออีกครา


      "..รุ่นพี่ไม่อายหรือครับ?"


      "อาย? อายอะไร" ถูกตอบกลับด้วยคำถาม อี้ชิงก็พรูลมหายใจ


      "รุ่นพี่จะมาคบกับคนธรรมดาจืดชืดอย่างผม ใครๆจะมองว่ายังไงครับ รุ่นพี่จะไม่อายหรือถ้ามีใครพูดว่ารุ่นพี่คบกับเด็กเฉิ่มๆเชยๆคนหนึ่ง"


      "ใครพูดแบบนั้นฉันจะเดินเข้าไปต่อย ใครว่าแฟนฉันเฉิ่มเชย จริงๆน่ะเด็ดสุดยอดเลยต่างหาก" พอประมวลผลคำพูดของรุ่นพี่ตัวสูงได้ อี้ชิงก็หน้าร้อนฉ่า ฟาดมือลงบนไหล่หนาแก้เขิน


      "ผมไม่ได้พูดเล่นนะครับ รุ่นพี่คิดดีแล้วจริงๆเหรอ วันนี้รุ่นพี่ยังชอบผม ยังถูกใจผม แต่ถ้าวันพรุ่งนี้ มะรืนนี้ล่ะ ถ้ารุ่นพี่เบื่อผม ผมจะต้องเป็นแบบคนพวกนั้นมั๊ย? รุ่นพี่จะทนรับคำนินทาจากทุกคนได้หรือครับ" เพราะผมคงทนไม่ได้หากรักรุ่นพี่มากกว่านี้ ผมคงหยุดตัวเองอีกไม่ได้แล้ว


      คริสพรูลมหายใจ ทิ้งตัวนั่งลงกับโซฟาโดยไม่ลืมรั้งร่างบางขึ้นมานั่งบนตัก กอดเอวบางไว้เสียแน่น ตาคมจ้องสบกับตาหวาน มือเรียวยกขึ้นปัดผมที่ตกลงมาปิดหน้าออก


      "ฉันไม่รู้หรอกอี้ชิงว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร มันอาจจะเป็นแบบที่นายพูดก็ได้ ฉันรับประกันอะไรไม่ได้ทั้งนั้น แต่ตอนนี้เท่าที่รู้คือฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใคร นายเป็นคนแรกนะอี้ชิงที่ฉันคิดถึงตลอดเวลาแม้ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ ฉันรู้สึกว่าขอแค่มีนาย ฉันก็พร้อมจะหยุด เชื่อใจฉันได้มั๊ยอี้ชิง" 


      อี้ชิงทบทวนคำพูดของคริสในหัวซ้ำไปซ้ำมา เนิ่นนานที่ความเงียบโอบล้อมผู้คนทั้งสอง มีเพียงเสียงเข็มนาฬิกากับเสียงเครื่องปรับอากาศเท่านั้น คริสเองก็เพียงแค่กอดคนตัวบางไว้แล้วรอคำตอบเงียบๆ


      "..สัญญาได้มั๊ยครับว่าจะมีแค่ผมระหว่างที่เราคบกัน" คริสคลี่ยิ้ม


      "ได้สิ เพราะตั้งแต่คืนนั้นก็ยังไม่มีใครแทนที่นายได้เลย จะอยู่กับใครหน้านายก็ลอยมาเต็มไปหมด"


      "ถ้างั้นก็..ตกลงครับ" อี้ชิงยิ้มหวานจนแก้มบุ๋มเลยถูกคนตัวโตฟัดไปเสียหลายที เล่นกันไปเล่นกันมา คริสก็จับคนตัวบางเอนทับลงมาบนร่างตัวเองเรียบร้อย


      "ตั้งแต่นี้ผมควรใส่คอนแทคเลนส์เหมือนวันนั้นมั๊ยครับ? อืมมผมนี่ก็ปล่อยลงมาแบบนี้ดีมั๊ย ใครๆจะได้ไม่มองว่ารุ่นพี่คบกับคนจืดๆ"


      "เอาผมลงมาก็ได้ แต่แว่นเนี่ยใส่เหมือนเดิม อยู่กับฉันค่อยถอด"คริสสั่งเสียงเรียบ


      "หืมม..ทำไมล่ะครับ พี่ลู่หานบอกว่าแว่นเนี่ยบังความหล่อของผมไปตั้งเจ็ดสิบเปอร์เซนต์นะ" อี้ชิงเถียง คนฟังขมวดคิ้วมุ่น


      "บอกว่าไม่ก็คือไม่สิอี้ชิง" ขืนให้ถอดแว่น อัพเกรดตัวเองซะน่ารักขนาดนั้น คนอื่นก็มองคนของเขาหมดสิ


      กระต่ายนี่หัวช้ารึไงนะ ไม่รู้หรือไงว่าหวง


      "ทำไมต้องดุผมด้วยเล่าก็แค่ถามดีๆเอง.."


      "เอาน่าทำตามที่บอกนะ..นี่อี้ชิง" เสียงทุ้มที่เปลี่ยนน้ำเสียงกระทันหันทำให้อี้ชิงต้องเลิกคิ้วมอง


      "ต่อไปนี้ไม่ต้องเรียกฉันว่ารุ่นพี่นะ เรียกพี่คริสก็พอ"


      "หืมม..? พี่คริส~" เรียกแล้วก็ยิ้มหวาน


      นี่แน่ใจนะว่าอี้ชิงเป็นแค่เด็กจืดชืดธรรมดาคนหนึ่ง ทำไมมันอ้อนได้น่าฟัด เอ้ย..น่ารักจังวะ


      "อยากโดนฟัดเหรอ"


      "ย่าห์! หยุดหื่นไปเลยนะ" มือเล็กฟาดลงอีกทีแต่คนตัวสูงไม่สะทกสะท้าน


      "บอกรักก่อนสิ"


      "ก็พูดไปแล้วไงครับ" แก้มใสเริ่มซับสี


      "เมื่อกี้นายพูดว่าชอบไม่ใช่รัก มันไม่เหมือนกันนี่"


      "..รัก" ยิ่งพูดยิ่งไม่กล้ามองหน้า


      "รักใคร..? เอาดีๆสิ"


      "..รักพี่คริสครับ.."


      "..พี่ก็รักอี้ชิง.."



      END



      "น้องมึงเป็นแฟนกูละนะ" เสียงทุ้มกล่าวอย่างภาคภูมิใจผ่านสายโทรศัพท์ สายตาก็เหลือบมองประตูห้องน้ำ เผื่อคนรักหมาดๆจะออกมา


      "เออ ถ้ามึงทิ้งกูจะเจื๋อนคริสน้อยมึงด้วยตัวกูเองเลย" ปลายสายตอบกลับมาเสียงดุ ไม่เห็นหน้าคริสอู๋ยังเดาสีหน้าออก


      "อย่าโหดดิวะเพื่อนกันนะ ..เออนี่ลู่หาน"


      "อะไร?"


      "..ขอบใจนะ" ถึงจะดูไม่เต็มเสียงแต่ลู่หานก็อมยิ้ม ก่อนจะย่นจมูกใส่สายโทรศัพท์

       

       

      ไอ้ปากหนัก หน้าโหด ไอ้หยิ่งเอ๊ย


      "ไม่ต้องมาขอบใจ กูไม่ได้ช่วยมึง" ลู่หานว่าก่อนต่อประโยคถัดมาในใจ


      กูช่วยน้องกูต่างหาก นี่ไม่ถือว่าผิดคำสาบานหรอกเนอะ

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      ได้ยินไอ้คริสหัวเราะหึหึกลับมาลู่หานก็กดวางสาย พอที่กับที่เอวของเขาถูกรั้งไปกอดจากเด็กตัวสูงข้างหลัง


      "เสี่ยวลู่ ไปกินชาไข่มุกได้ยัง"


      "โอเคๆ ไปแล้วๆ"

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      REAL END

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×