ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ม่านสีหม่น

    ลำดับตอนที่ #1 : สิ่งที่ต้องเผชิญ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 46
      1
      27 มิ.ย. 57

     

    ร่างขาวบางในชุดนักเรียนสีขาวสะอาดไล่สายตามองตัวอักษรข้างสันหนังสือบนชั้นวางไม้อัดสีครีม ก่อนเลือกหยิบหนังสือเล่มหนาสองเล่มใส่กระเป๋า หน้าต่างไม้ที่เปิดไว้พัดพาสายลมยามเช้าเข้าปะทะเรือนผมยาวสลวย เผยให้เห็นกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนที่เวลาปกติมักถูกบดบังด้วยผมสีดำสนิท

          "ฟิสิกส์...คณิต..." เธอพึมพำทวนชื่อรายวิชาที่ต้องเรียนวันนี้อีกครั้ง ก่อนนั่งแปะลงบนเตียงพร้อมระบายหายใจออกมาเบาๆ สำหรับเมริสาแล้วการเริ่มทำเรื่องใหม่ๆเป็นสิ่งที่น่าอึดอัดและลำบากใจเสมอ

          เธอหยิบกระเป๋าที่วางไว้เมื่อครู่ขึ้นสะพายก่อนเดินออกจากห้องเพื่อลงบันไดเป็นยังชั้นหนึ่งของบ้าน

          "ไปนะคะ ป้านงค์"หญิงสาวยกมือไหว้ผู้สูงอายุที่ยืนรดน้ำต้นเข็มหลากสีที่ต่างแข่งขันกันชูช่อออกดอก

           อนงค์ยิ้มอ่อนๆพร้อมพยักหน้าเบาๆ ให้ผู้ที่อ่อนกว่า

            เมริสาดันประตูรั้วให้ปิดลงก่อนมองไปเบื้องหน้าด้วยใจสั่นแปลกๆ อาจเป็นเพราะเธอกำลังตื่นเต้นที่ได้เจออะไรใหม่ๆ โลกกว้าง การต่อสู้และหลายๆสิ่งที่กำลังต้องเผชิญ

     

    โรงเรียนของเธอเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดขนาดใหญ่ ซึ่งมีชื่อเสียงมานาน การจะได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนนี้ทุกคนต้องผ่านการสอบเข้าทั้งนั้น รวมถึงเธอ แม้จะได้อยู่แขนงวิทย์คณิตด้วยคะแนนอันน่าหวาดเสียวก็ตาม

         ผู้คนในชุดเดียวกับเธอเดินขวักไขว่ด้วยอาการกระฉับกระเฉงกับวันแรกของการเปิดเทอม

         "เม" สาวร่างท้วมเคลือบผิวสีแทนตะโกนเรียกแต่ไกล

          "มุก" เธอโบกมือตอบมุทิตา เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวตอนมัธยมต้นที่ได้เรียนที่เดียวและห้องเดียวกับเธอที่นี่ กำลังเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มกว้าง 

          ครั้งหนึ่งเธอเคยยิ้มให้กับโชคชะตาที่อย่างน้อยก็ทำให้เธอก็ไม่จำเป็นต้องหาเพื่อนใหม่ที่นี่ การเรียนรู้ใครสักคนมันต้องใช้เวลาและการตัดสินใจ ชีวิตเธอที่ผ่านมารู้จักคนน้อยมาก และเพื่อนของเธอก็น้อยมากเช่นกัน

          "ชุดสาวมอปลายเนี่ย ทำเพื่อนฉันสวยเช้งจนแทบจำไม่ได้เลยนะเนี่ย" เพื่อนสาวจับมือเธอพร้อมเอ่ยชมด้วยเสียงตื่นเต้น

            เมริสายิ้ม รู้สึกเขินนิดหน่อย เธอไม่ค่อยชินกับการถูกชมนัก

            "ไปห้องเรียนเถอะ อีกเดี๋ยวคงมีคนประกาศให้ขึ้นไปฟังอาจารย์ประจำชั้นแนะแนว ว่าแต่ ห้องเรียนเราไปทางไหนเนี่ย..." 

             "...ถามพวกนั้นดีกว่า"  ว่าแล้วก็ดึงมือเธอเดินรี่เข้าไปยังกลุ่มของคน 'พวกนั้น'

             "นี่ พวกนาย ห้องสี่ทับสองไปทางไหน"

              ...หนึ่งในชายสองคนซึ่งน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเธอ หันมามองก่อนเบนกลับไปคุยกับชายอีกคนที่หันหลังอยู่อย่างไม่ใส่ใจ

             "นี่ พวกนาย ไม่ได้ยินที่ฉันถามรึไง" มุทิตาย้ำสียงเข้มเริ่มไม่สบอารมณ์ เมริสาจับข้อมือเพื่อนสาวแน่น

             คนที่หันมาคราวแรก หันมาอีกครั้ง เลิกคิ้วสูง "ได้ยิน แล้วทำไม"

             "หน็อย แก กวน ใช่ไหม" ร่างท้วมตัวสั่นด้วยความโกรธกรุ่น

              "มุก" เมริสารู้ดีว่าเพื่อนของเธอไม่กล้าทำอะไร นี่คือชีวิตจริง แม้มุทิตาจะไม่ได้บอบบาง แต่การเดินเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าหาเรื่องผู้ชายสองคนซึ่งตัวโตกว่า สูงกว่าไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเท่าไรนัก กระนั้นเธอก็ยังบีบมือของเพื่อนสาวไว้ 

              "ไปถามคนอื่นเถอะ"เมริสาไม่ได้โกรธแค้นกับความไร้น้ำใจของใคร บางทีสองคนนั้นอาจไม่รู้เหมือนที่พวกเธอไม่รู้ก็ได้ แต่เธอกำลังนึกตั้งแง่ชายอีกคนที่ไม่หันหน้ามาสักครั้งจนตลอดบทสนทนา

     

    เสียงออดดังขึ้นครั้งสุดท้าย ร่างบางในผมยาวรวบตัวนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆผู้เป็นเพื่อน มุทิตาคุยจ้อทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่หลายคนอย่างดูสนุกสนาน เมริสายิ้ม เพื่อนของเธอเป็นคนร่าเริง เข้ากับคนได้ง่าย จนบางทีเธอก็อิจฉาคุณสมบัติข้อนี้ของเพื่อนสาว 

            เมริสาย่นคิ้วเมื่อประตูห้องถูกเปิดพร้อมชายสองคนเดินเข้ามา เธอจำหน้าหนึ่งในสองคนนั้นได้ คนที่เกือบมีเรื่องกับมุทิตาข้างล่าง แต่อีกคน...ถึงจะไม่เห็นเคยหน้าแต่เธอก็จำเขาได้ ความสูง รูปร่าง และทรงผม เขาคือคนที่หันหลังให้พวกเมื่อครู่

             ร่างสูงผิวขาว ในเสื้อสีขาวสว่างติดเข็มกลัดที่หน้าอกข้างซ้ายแบบเดียวกับเธอ ผมหนารองทรงตัดรับใบหน้า คิ้วหนาดกดำ พาดตัวเหนือดวงตาดำขลับ ปากของเขาไม่ยิ้มหรือพูดใดๆ แต่ทุกอย่างที่อยู่บนตัวชายคนนี้ ทำให้เมริสาไม่ต่างจากผู้หญิงทั้งห้องที่มองไป ก่อนที่เธอจะระลึกได้และเสหน้าไปมองทางอื่น 

            "แหวะ หล่อตายชัก" มุทิตาหันมากระซิบกระซาบกับเธอเมื่อเพื่อนๆในห้องต่างให้ความสนใจและเข้าไปทำความรู้จักกับคนมาใหม่

            ร่างบางไม่ตอบรับหรือแสดงความคิดเห็นกับเพื่อนก่อนล้วงปากกาด้ามใหม่ขึ้นมาจากกระเป๋า ขีดเขียนลงบนโต๊ะไม้สีน้ำตาลอ่อนที่เคยปราศจากร่องรอย

            "ต๊าย ยายเม แอบดื้อนะยะ"

            เมริสาตอบเพื่อนด้วยรอยยิ้มมุมปากก่อนก้มหน้าลงวาดตัวการ์ตูนที่เธอนอนอ่านเมื่อคืน  ก็มันไม่มีอะไรทำนี่
     


    ร่างในผมยาวตวัดปลายปากกาสีน้ำเงินหัวแหลมลงที่ปกด้านในของหนังสือเล่มใหม่ที่ขาวสะอาด บางทีเธอก็ชอบอะไรที่ใหม่ๆ เพราะมันควรค่าแก่การทำให้สกปรก เมริสาหัวเราะในใจ กับสัตว์ประหลาดมากมายที่ถูกเธอแต่งแต้มจินตนาการตัวแล้วตัวเล่า

            เธอไม่ชอบเรียนศิลปะ วาดภาพก็ธรรมดา แต่ก็ยังดีกว่าการจดจ่อตั้งใจฟังกับสิ่งที่ที่ปรึกษากำลังพูดอยู่ แน่นอนมันเป็นเรื่องที่ล้วนมีประโยชน์กับตัวเธอ ไม่ว่าจะเป็น กฎระเบียบ การแต่งกาย รายละเอียดของวิชาเรียน สถานที่ แต่ใครจะสนเมื่อเธอเองมีมุทิตาอยู่ รายนั้นคงไม่พลาดซักคำพูดเดียว

             "...เลขที่สี่ กับ เลขที่ ยี่สิบหก"

             "อะไรน่ะ"เมริสาขมวดคิ้วหันไปถามสาวร่างอวบเมื่อได้ยินเสียงอาจารย์เรียกเลขที่ของเธอแวบเข้ามาในหู

             เพื่อนสาวมองเขม่น "บอกให้ฟังอาจารย์พูด เป็นไงล่ะ..."   ก่อนอธิบาย    "..ก็อาจารย์เค้ากำลังจับคู่บัดดี้ เป็นธรรมเนียมของทุกห้องที่ต้องมีการจับคู่เพื่อนชายหญิงไว้คอยช่วยเหลือกันเป็นพิเศษ ตั้งแต่มอสี่จนจบมอหก อาจารย์เค้าเชื่อว่า ถ้ามีเพื่อนสนิทส่วนใหญ่มันก็มีแต่ก็เป็นเพศเดียวกันทั้งนั้น แต่ถ้ามีต่างเพศบางที ผู้หญิงอาจมีนิสัยบางอย่างไว้คอยช่วยในสิ่งที่ผู้ชายไม่มี หรือผู้ชายอาจมีนิสัยบางอย่างไว้คอยช่วยในสิ่งที่ผู้หญิงไม่มี อะไรประมาณนี้มั้ง "

             ร่างบางพยักหน้าเบาๆ ก่อนถามผู้เป็นเพื่อนอีกครั้ง "ใครกันเลขที่สี่"

             สาวข้างกายในชุดเดียวกับเธอส่ายหน้า "ก็ไม่รู้สินะ ไปละ ตามหาเลขที่สิบสอง บัดดี้ฉันก่อน อาจารย์เค้าให้ทำความรู้จักกันน่ะ"

            เมริสากวาดตามองไปรอบๆห้อง ทุกคู่ต่างเริ่มแนะนำตัวดูราวสนิทกันมานาน บางคู่กลับหยอกล้อเล่นหัวกันกระหนุงกระหนิง

           "เธอใช่ไหม เลขที่ยี่สิบหก"เสียงเข้มของใครคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง ทำให้เธอต้องหันกลับไปมองยังต้นเสียง

            ผู้ชายคนนั้น!

           คิ้วหนาเข้มเลิกขึ้นเป็นเชิงถามซ้ำ 

           "...ใช่ " ร่างขาวบางเผลอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่อย่างลืมตัวก่อนถาม "นายคงไม่ได้..."

           "ฉันเลขที่สี่" ร่างสูงตอบ ก่อนเดินไปลากเก้าอี้ใกล้ตัวแล้วกลับมานั่งตรงหน้าหญิงสาว ในเวลาแบบนี้เมริสาไม่อยากเชื่อหูตัวเองเท่าไหร่เลย

           เขายิ้มให้เธอก่อนอย่างทำความรู้จัก มันไม่ใช่ยิ้มที่กว้างมากมาย แต่สำหรับเธอมันก็มากแล้วกับคนที่เอาแต่ทำตัวขรึมเป็นกาแฟรสขมมาตลอดทั้งเช้า นึกว่าหยิ่งซะอีก

           รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าเข้มนั่นมันดูแปลกไม่เหมือนรอยยิ้มของใคร 

           "จิ จิรวัฒน์ ถาวรวัฒนะ"

           "เม เมริสา" หญิงสาวแนะนำตัวและยิ้มตอบบางๆในแบบของเธอ

           "บนโต๊ะนั่น ฝีมือเธอเหรอ"ชายหนุ่มตั้งคำถาม

           เมริสาเหลือบมองผลงานบนโต๊ะของตัวเอง ครุ่นคิดคำตอบที่ลงตัว

           "มือบอนนะ"

            หญิงสาวตวัดสายตามองคนตรงหน้า

           "ล้อเล่น" ชายหนุ่มหัวเราะ "...ไปนะ"

            เมริสามองชายหนุ่มเดินกลับไปนั่งที่ของเขา ควักไม้บรรทัดเหล็กขนาดย่อมมาขูดร่องรอยแห่งงานศิลปะของตนออกอย่างไม่นึกเสียดาย  นึกค่อนในใจ 'คนปากบอน'

     

    "บ้าจริง ทำไมฉันถึงต้องคู่กับไอ้หน้ากวนนั่นด้วย" มุทิตาบ่นให้เธอฟังมาตลอดจนถึงตอนนี้ 

          'ไอ้หน้ากวน'ที่เพื่อนสาวของเธอได้คู่ด้วยคือ กร หรือ ณกร เพื่อนของจิรวัฒน์ที่พวกเธอเจอเมื่อเช้า

          ดูเป็นเรื่องน่าตลกที่เลขที่ผู้ชายในห้องมียี่สิบกว่าคน แต่ทำไมคนที่ไม่ค่อยถูกชะตากันกลับได้คู่ด้วยกัน ในแง่ของการสุ่มมันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้แต่ในแง่ของการทำงานแล้ว จะดีกว่าไหมถ้าเพื่อนร่วมงานเป็นคนที่น่าร่วมงานมากกว่านี้ นั่นหมายรวมถึงในกรณีของเธอด้วยเช่นกัน

           "ไปเรียนคาบต่อไปกันเถอะ"

           มุทิตาดูกระตือรือร้นกับคาบต่อไปเป็นพิเศษ 'คณิตศาสตร์' อันที่จริงเพื่อนสาวของเธอก็ดูตั้งใจกับทุกวิชา ผิดกับเธอที่เรียนอย่างเลื่อนๆลอยๆฟังบ้างไม่ฟังบ้างมาตลอดเช้า

     

    ร่างสมส่วนในชุดสตรีเข้ารูป ผมซอยสั้นตัดรับกับกรอบแว่นกลม เรียวขาสวยในรองเท้าส้นสูงเดินเนิบนาบมาหน้าชั้นเรียน

           "สวัสดีทุกคน ครูชื่อสุ สุวิชา จะมาสอนคณิตศาสตร์ให้กับพวกเธอ" หลังหัวหน้าห้องคนใหม่บอกทำความเคารพ อาจารย์สาวก็แนะนำตัวเองให้ลูกศิษย์ฟังอย่างชัดถ้อยชัดคำ 

            "ครูตั้งใจมาสอน หวังว่าทุกคนตั้งใจเรียนและมีความสุขไปกับคณิตศาสตร์นะคะ"

            "ดีนะครับที่อาจารย์แค่หวัง" เสียงเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งดังขึ้น ตามด้วยเสียงหัวเราะครื้นเครงสำทับ

            "ครูชอบนักเรียนแบบพวกเธอจัง"อาจารย์สาวยิ้มกว้างตอบ...กว้างจนเกินไป "...กฎของครูมีข้อเดียวที่ต้องตกลงในการเรียน ครูไม่รู้ว่าวิชาอื่นจัดที่นั่งยังไง แต่ในคาบของครูทุกคนต้องนั่งตามคู่บัดดี้ของตน ห้ามสลับ สับเปลี่ยน โยกย้าย เด็ดขาด"

           เสียงโห่ดังขึ้น เมริสาย่นคิ้วอย่างตั้งคำถาม หญิงสาวรู้สึกไม่เข้าใจกับความจำเป็นของกฎข้อนี้เท่าไหร่นัก คนอื่นๆก็คงคิดเช่นกันโดยเฉพาะมุทิตา 

            "อาจารย์คะหนูว่าการนั่งกับเพื่อนของตัวเองมันจะทำให้เราเรียนได้อย่างสบายใจมากกว่าการนั่งกับคนที่ไม่สนิทนะคะ" เพื่อนสาวของเมริสายกมือขึ้นแย้งอย่างไม่เห็นด้วย พลางแหล่ตาไปทางณกรที่นั่งกระดิกขาอย่างไม่รู้สึกรู้สา

             อาจารย์สาวระบายยิ้ม "ตอนนี้ทุกคนในห้องเป็นเพื่อนกันนะคะ ไม่ใช่คนไม่สนิทอีกต่อไป ขอให้ทุกปฏิบัติตามนั้น Just now"

             เสียงลุกและสอดเก้าอี้ฟังดูปึงปังมากกว่าปกติ ขณะเพื่อนๆในห้องต่างพากันสลับเปลี่ยนคู่ของตนด้วยใบหน้าบูดบึ้งอย่างจำใจ ถึงจะไม่ได้มีอคติต่อกันเหมือนคู่ของมุทิตาแต่ดูทุกคนคงอย่างนั่งกับเพื่อนสนิทของตนมากกว่า

              ร่างท้วมทำเสียงฟึดฟัดในลำคอ เมริสานึกขำเพื่อนในใจ ดูเหมือนมุทิตาคงผิดหวังกับคณิตศาสตร์ ผิดจากตอนก่อนขึ้นเรียนเป็นไหนๆ

              ณกรหิ้วระเป๋าเดินเข้าหาพวกเธอ ชายหนุ่มมองมาที่เมริสาก่อนเพยิดหน้าไปอีกทาง เป็นสัญญาณว่าคนร่างบางควรลุกจากที่ของเธอได้แล้ว

             "เชิญครับ"

             เมริสาสาวเท้าไปยังหลังห้องเรียนก่อนรวบตัวนั่งบนเก้าอี้ข้างๆจิรวัฒน์ ชายหนุ่มผงกหัวขึ้นจากโต๊ะ ท่าทางงัวเงีย ที่แขนมีปื้นแดงจากการนอนทับ น่าจะคงเพิ่งตื่น 

            เขายิ้มให้เธออย่างที่เขาเคยยิ้มให้ครั้งแรก "เจอกันอีกแล้วนะเม"

            "อื้อ"ร่างขาวบางตอบรับพร้อมพยักหน้าเบาๆ

            "ฝากด้วยนะ พอดีไม่ค่อยเก่งคณิตศาสตร์"

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×