ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ผลึกทั้ง 5
 
“เดี๋ยวสิ งั้น....งั้นพวกเธอก็คือ 4 ผู้กล้าในตำนานงั้นเหรอ?” วาร้องขึ้นอย่างตกใจ
“เธอพูดอะไรของเธอหน่ะ ชไลเดน” เด็กหนุ่มที่วาเจอตอนแรกพูดอย่างราบเรียบ แต่น้ำเสียงแฝงไปด้วยความประหลาดใจอยู่ไม่น้อย
“4 ผู้กล้าในตำนานงั้นเหรอ คิดได้ไง ชื่อเท่ห์ไม่เบานะ แต่ตอนนี้คงเป็นได้แต่ไอ้งั่ง 4 คนที่ตามหาสิ่งที่ไม่รู้ว่าจะมีอยู่จริงรึเปล่าน่าจะถูกกว่านะ” เมออซว่าพลางหัวเราะในลำคอ
เด็กสาวผมแกละมองไปรอบๆอย่างงงๆ แล้วนับ “1...2........3 3คน.เอ๋มันต้องมี 4 สิถึงจะครบ” เธอพึมพำ
“งั้นพวกเราไปกันเถอะเสียเวลาที่นี่มามากแล้ว” เคออซ หรือเด็กหนุ่มที่วาเจอคนแรกบอกพลางยันตัวขึ้น
เขาเดินไปที่มุมหนึ่งของห้อง และสะกิดคนที่กำลังอ่านหนังสืออย่างชนิดที่ไม่สนใจอะไรในโลกนี้อีกแล้ว
“เฮ้...ชวาลไปกันได้แล้ว” เขาร้องบอก
แต่ไม่ทันที่คนโดนเรียกจะขยับตัว สัตว์มายาตัวหนึ่งก็โผล่เข้ามาในวงล้อม
“ขอโทษนะครับ ผมคิดว่าเรายังเดินทางต่อไม่ได้” วาหันไปมองทางต้นเสียง
และเธอก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อพบว่าสัตว์มายาตัวนั้นหน้าตาเหมือน
“แฟง!!” เด็กสาวร้องเรียก
สิ่งมีชีวิตที่เหนือจินตนาการหันมาหาเธอ และมองเธออย่างงงๆ
“เมื่อกี้เรียกข้าว่าอย่างไรนะครับท่านชไลเดน” แฟนธอมผู้มีผิวกายสีเขียวอ่อนถามอย่างสุภาพ
วาไม่รู้จะตอบอย่างไรเธอเลยได้แต่เงียบไว้
“นี่เจ็น.. เราก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ทำไมต้องเป็นพวกเราด้วยหล่ะที่เป็นคนตามหา และปลุกนักรบแห่งมวลธาตุขึ้นมา”เมออซถาม
สัตว์มายาถอนหายใจก่อนที่จะนั่งลงยองๆ “สงสัยข้าคงจะต้องเล่าให้ท่านฟังตั้งแต่กำเนิดของโลกนี้เลยกระมัง” แฟนธอมว่า
ทุกคนมองสิ่งมีชีวิตตรงหน้าเป็นตาเดียว แม้แต่คนที่อ่านหนังสืออยู่ก็เอาหนังสือลง
“เล่ามาเร็วๆสิ”เคออซเร่ง
สิ่งมีชีวิตเหนือจินตนาการมองคนนู้นทีคนนี้ทีแล้วถอนใจอีกครั้งก่อนจะเริ่มเล่า
“ตอนที่พระเจ้าสร้างโลกมนุษย์ขึ้นได้เกิดการผิดพลาดอย่างเล็กน้อยกับผลึกแร่ของธาตุ 5 ชนิดคือแซปไฟร์ สปิเนล อะเกต และโพแพซ และเอเมอรัลด์ ซึ่งนั่นก็คือผลึกแร่ที่เป็นองค์ประกอบหลักของจี้ของพวกท่าน.... ”
พอสัตว์มายาพูดถึงตรงนี้ แต่ละคนก็หยิบจี้ของตนขึ้นมาดู
“มันตกลงสู่มิติแห่งการเวลาที่ถูกเปิดไว้โดยบังเอิญ แต่ไม่มีใครใส่ใจนัก เพราะไม่มีใครรู้ว่าจี้ทั้ง 5 นี้มีพลังแอบแฝงอยู่ คือพลังที่จะใช้สร้างโลกแห่งใหม่ พลังที่จะให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตเช่นพวกเรา ..”
แต่พอมาถึงตรงนี้ก็มีคนร้องขึ้น
“งั้นสิ่งที่นายกำลังจะบอกคือสิ่งมีชีวิตอย่างพวกนายนี่เกิดมาจากหิน 5 ก้อนเนี่ยนะ ตามหลักทางวิทยาศาสตร์แล้วมันไม่น่าเป็นไปได้เลย”เมออซว่าพลางสั่นหัวแบบชนิดที่ว่า ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหนก็ไม่มีทางเชื่อแน่
วาหันไปมองคนผมซอยด้วยความทึ่ง “เมย์.............ในอดีตงั้นเหรอ?”เด็กสาวคิดกับตัวเอง
แฟนธอมถอนใจแล้วอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เรื่องนี้จริงเท็จอย่างไรไม่เป็นที่แน่ชัด เพราะมันเป็นเรื่องที่เขาเล่าสืบต่อกันมา เพราะงั้นข้าก็เล่าตามที่ข้าได้ยินมานั่นแหละ”
ทุกคนพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ และสัตว์มายาก็เล่าเรื่องต่อ
“จี้ทั้ง 5 นี้เป็นตัวรักษาสมดุลของโลก Elements  โดย ผลึกของแซปไฟร์จะเป็นตัวสร้างน้ำ และทอง สปิเนลสร้างดินและไม้ อะเกตสร้างไฟ
และโลหะ ส่วนโพแพซสร้างลมและไฟฟ้า และเอเมอรัลด์เป็นตัวควบคุมเวลา สรุปว่าเพราะมีธาตุทั้ง 5 อยู่โลก Elements เลยถูกสร้างขึ้น
อย่างช้าๆ แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ สิ่งมีชีวิตที่ธาตุทั้ง 5 ช่วยกันสร้างขึ้นมาจะแบ่งออกเป็น 2 พวก คือพวกเผ่าแสงและพวกเผ่ามืด ซึ่งตอนแรก
ทั้ง 2 เผ่าก็อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข หากแต่ว่า พลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในโลกที่มาพร้อมกับธาตุทั้ง 5 ตอนที่มันตกลงมาในมิติแห่ง
การเวลา พลังอำนาจที่ดูดกลืนความเศร้า และกิเลสของสิ่งมีชีวิต มันได้ค่อยๆเติบโตขึ้น จนกระทั่งในที่สุด มันก็เติบโตพอที่จะปรากฏตัวเพื่อ
ทำลาย เพื่อความเป็นอมตะของมัน *นกยักษ์ที่กางปีกดำทมิฬแหวกเข้าไปตามที่ต่างๆ ทำลายล้างซึ่งความสุข ทำลายล้างซึ่งความยินดี มีแต่
ความน่ากลัวไปทุกหน* พอเหตุการณ์มันเกิดขึ้น พวกเผ่าแสงเลยไปโทษเผ่ามืดว่าเป็นความผิดของพวกเขา เกิดความบาดหมาง สงครามรบ
พุ่งกันครั้งใหญ่ และอย่างที่เคยบอกไว้ ยิ่งมีความแค้น ความโกรธความเศร้าเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้สิ่งมีชีวิตที่ทำลายความสงบสุขแข็งแกร่ง
มากขึ้น ท่ามกลางความโกลาหลนั้น หลังท้องฟ้าใจกลางเมืองแห่งความว่างเปล่าได้มีแสงสีเรืองรองปรากฏให้เห็น.............ธาตุทั้ง 5ที่ไปรวม
ตัวกันที่นั่นบนศิลาหินควอต เปล่งแสงพร้อมเสียงเพลงที่ดังแว่วมา ได้สะกดทุกสายตา ให้จับจ้องกับความงามและเสียงเพลงที่ไพเราะที่ดังแว่ว
มาจากที่ไกลๆ พวกเราที่ถืออาวุธอยู่ถึงกับทำอาวุธตก และท่ามกลางแสงเรืองรองนั่น ได้ปรากฏร่างของนักรบที่สง่างามและน่าเกรงขาม
เกราะแวววาวทำด้วยสปิเนล ดาบเรืองรองทำด้วยผลึกของแซปไฟร์ โล่ที่ดูแข็งแกร่งถูกสร้างขึ้นจากอะเกต เสื้อเกราะที่อยู่ด้านในมาจากโพ
แทซ และสุดท้ายสายคล้องที่คอเป็นรูปตะเกียงที่ล้อมรอบด้วยวงล้อแห่งความมืดทำมาจากมรกต แต่ทั่วร่างของนักรบนี้กลับเป็นสีขาวทั้งๆที่
ทำจากธาตุหลากสีและไม่นาน นกทมิฬก็ต้องพ่ายให้กับนักรบแห่งมวลธาตุ และสลายตัวไป แต่เมื่อความมืดหายไป แสงก็ไม่มีความหมาย
นักรบแห่งมวลธาตุก็สลายตัวไปพร้อมที่ผลึกของธาตุทั้ง 5 กลับไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่ ทิ้งไว้ก็แต่สร้อยคอ 5 เส้นที่ทำมาจากธาตุแต่ละชนิด
พร้อมจี้ที่เป็นรูปตะเกียง 2 วงล้อแห่งความมืด 2 และ ตะเกียงที่โดนล้อมด้วยกงล้อแห่งความมืด 1 แต่ในวินาทีที่มันจะสัมผัสพื้น อยู่ดีๆความ
มืดก็ปกคลุมไปทั่ว ตามด้วยแสงที่สว่างเรืองรองขึ้นทันตา และเมื่อทุกอย่างสงบลง สร้อยทั้ง 5 ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ตอนนี้มันก็หวน
กลับมาสู่แผ่นดินของElements อีกครั้งในตอนนี้ สร้อยที่แขวนอยู่บนคอของพวกท่านนั่นแหละ” แฟนธอมเล่าจบและถอนใจ
วามองจี้สีแซปไฟร์ของเธออย่างไม่อยากเชื่อ แต่ก็มีมือมาสะกิดที่ไหล่ของเธอ
“ฉันว่าเธอรู้มากไปแล้วนะจ้ะวา กลับกันเถอะนะ” เสียงอ่อนหวานดังขึ้นในประสาทรับรู้ของเธอ
เด็กสาวตกใจรีบหันไปมองและพบกับใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเอเมอรัลด์
“จะกลับกันรึยังจ้ะ” คนงามถามต่อ
เด็กสาวพยักหน้าช้าๆ ผู้มีนามแห่งมรกตแย้มก่อนที่เธอจะแตะตัววาเบาๆ
“งั้นไปกันเถอะนะ” ว่าแล้วทั้ง 2 ก็หายไปจากบริเวณนั้น
“เอเมอรัลด์ ทำไมเธอถึงเข้าไปพาเราออกมาได้หล่ะ” วาถามเมื่อเท้าของเธอกลับมาสัมผัสทางสีขาวอีกครั้ง
“เพราะเราเป็นผู้ดูแลไง เลยสามารถเข้าออกได้ตามชอบใจ แต่ก็เฉพาะในเขตของเราเท่านั้นนะ ที่อื่นไม่ได้” ผู้มีนามแห่งมรกตกล่าวตอบ
เด็กสาวก้มหน้าพลางคิดเรื่องเรื่องที่ตนพึ่งไปสัมผัสมา มือยามเรียวของเธอนั้นกำจี้สีแซปไฟร์ไว้แน่นราวกับมันจะร่วงหลุดไปจากมือน้อยๆของเธอได้ทุกเมื่อ
“เอเมอรัลด์..”เธอเรียกคนตรงหน้า
“อะไรเหรอจ้ะ?”คนที่โดนเรียกขานรับ
“เราไม่แน่ใจกับสิ่งที่เราเจอเลย คือไงดีหล่ะ จะบอกว่าเราคือ1 ใน 4 ผู้กล้าในตำนานงั้นเหรอ คือเราไม่แน่ใจ เรา ..เอ่อคือเรา....................”วาพูดขึ้นอย่างอ้ำๆอึ้งๆ
“ความไม่แน่ใจ ความสับสน ความไม่มั่นใจเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นเป็นธรรมดาเมื่อเรารู้ว่า เรากุมความหวังของคนอื่นไว้ แต่จงรู้ไว้นะ ว่าไม่ว่าจะมี
ซักกี่คนที่มุ่งหวังในตัวเธอ แต่ไม่มีใครมาคอยต่อว่าเธอเมื่อทำไม่สำเร็จหรอกนะ มันขึ้นอยู่กับตัวเธอเองที่จะเลือกคิดว่าจะมามัวหมกมุ่นกับ
ความหวังของคนอื่น หรือจะก้าวเดินไปข้างหน้าและทำสิ่งที่ตนทำได้ให้ดีที่สุด เอาหล่ะ ข้ามาส่งเจ้าได้แค่นี้ลาก่อนนะ และจำคำที่ข้าพูดไว้ดีดีหล่ะ” เอเมอรัลด์พูดก่อนจะหายตัวไป
“เดี๋ยวสิ งั้น....งั้นพวกเธอก็คือ 4 ผู้กล้าในตำนานงั้นเหรอ?” วาร้องขึ้นอย่างตกใจ
“เธอพูดอะไรของเธอหน่ะ ชไลเดน” เด็กหนุ่มที่วาเจอตอนแรกพูดอย่างราบเรียบ แต่น้ำเสียงแฝงไปด้วยความประหลาดใจอยู่ไม่น้อย
“4 ผู้กล้าในตำนานงั้นเหรอ คิดได้ไง ชื่อเท่ห์ไม่เบานะ แต่ตอนนี้คงเป็นได้แต่ไอ้งั่ง 4 คนที่ตามหาสิ่งที่ไม่รู้ว่าจะมีอยู่จริงรึเปล่าน่าจะถูกกว่านะ” เมออซว่าพลางหัวเราะในลำคอ
เด็กสาวผมแกละมองไปรอบๆอย่างงงๆ แล้วนับ “1...2........3 3คน.เอ๋มันต้องมี 4 สิถึงจะครบ” เธอพึมพำ
“งั้นพวกเราไปกันเถอะเสียเวลาที่นี่มามากแล้ว” เคออซ หรือเด็กหนุ่มที่วาเจอคนแรกบอกพลางยันตัวขึ้น
เขาเดินไปที่มุมหนึ่งของห้อง และสะกิดคนที่กำลังอ่านหนังสืออย่างชนิดที่ไม่สนใจอะไรในโลกนี้อีกแล้ว
“เฮ้...ชวาลไปกันได้แล้ว” เขาร้องบอก
แต่ไม่ทันที่คนโดนเรียกจะขยับตัว สัตว์มายาตัวหนึ่งก็โผล่เข้ามาในวงล้อม
“ขอโทษนะครับ ผมคิดว่าเรายังเดินทางต่อไม่ได้” วาหันไปมองทางต้นเสียง
และเธอก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อพบว่าสัตว์มายาตัวนั้นหน้าตาเหมือน
“แฟง!!” เด็กสาวร้องเรียก
สิ่งมีชีวิตที่เหนือจินตนาการหันมาหาเธอ และมองเธออย่างงงๆ
“เมื่อกี้เรียกข้าว่าอย่างไรนะครับท่านชไลเดน” แฟนธอมผู้มีผิวกายสีเขียวอ่อนถามอย่างสุภาพ
วาไม่รู้จะตอบอย่างไรเธอเลยได้แต่เงียบไว้
“นี่เจ็น.. เราก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ทำไมต้องเป็นพวกเราด้วยหล่ะที่เป็นคนตามหา และปลุกนักรบแห่งมวลธาตุขึ้นมา”เมออซถาม
สัตว์มายาถอนหายใจก่อนที่จะนั่งลงยองๆ “สงสัยข้าคงจะต้องเล่าให้ท่านฟังตั้งแต่กำเนิดของโลกนี้เลยกระมัง” แฟนธอมว่า
ทุกคนมองสิ่งมีชีวิตตรงหน้าเป็นตาเดียว แม้แต่คนที่อ่านหนังสืออยู่ก็เอาหนังสือลง
“เล่ามาเร็วๆสิ”เคออซเร่ง
สิ่งมีชีวิตเหนือจินตนาการมองคนนู้นทีคนนี้ทีแล้วถอนใจอีกครั้งก่อนจะเริ่มเล่า
“ตอนที่พระเจ้าสร้างโลกมนุษย์ขึ้นได้เกิดการผิดพลาดอย่างเล็กน้อยกับผลึกแร่ของธาตุ 5 ชนิดคือแซปไฟร์ สปิเนล อะเกต และโพแพซ และเอเมอรัลด์ ซึ่งนั่นก็คือผลึกแร่ที่เป็นองค์ประกอบหลักของจี้ของพวกท่าน.... ”
พอสัตว์มายาพูดถึงตรงนี้ แต่ละคนก็หยิบจี้ของตนขึ้นมาดู
“มันตกลงสู่มิติแห่งการเวลาที่ถูกเปิดไว้โดยบังเอิญ แต่ไม่มีใครใส่ใจนัก เพราะไม่มีใครรู้ว่าจี้ทั้ง 5 นี้มีพลังแอบแฝงอยู่ คือพลังที่จะใช้สร้างโลกแห่งใหม่ พลังที่จะให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตเช่นพวกเรา ..”
แต่พอมาถึงตรงนี้ก็มีคนร้องขึ้น
“งั้นสิ่งที่นายกำลังจะบอกคือสิ่งมีชีวิตอย่างพวกนายนี่เกิดมาจากหิน 5 ก้อนเนี่ยนะ ตามหลักทางวิทยาศาสตร์แล้วมันไม่น่าเป็นไปได้เลย”เมออซว่าพลางสั่นหัวแบบชนิดที่ว่า ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหนก็ไม่มีทางเชื่อแน่
วาหันไปมองคนผมซอยด้วยความทึ่ง “เมย์.............ในอดีตงั้นเหรอ?”เด็กสาวคิดกับตัวเอง
แฟนธอมถอนใจแล้วอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เรื่องนี้จริงเท็จอย่างไรไม่เป็นที่แน่ชัด เพราะมันเป็นเรื่องที่เขาเล่าสืบต่อกันมา เพราะงั้นข้าก็เล่าตามที่ข้าได้ยินมานั่นแหละ”
ทุกคนพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ และสัตว์มายาก็เล่าเรื่องต่อ
“จี้ทั้ง 5 นี้เป็นตัวรักษาสมดุลของโลก Elements  โดย ผลึกของแซปไฟร์จะเป็นตัวสร้างน้ำ และทอง สปิเนลสร้างดินและไม้ อะเกตสร้างไฟ
และโลหะ ส่วนโพแพซสร้างลมและไฟฟ้า และเอเมอรัลด์เป็นตัวควบคุมเวลา สรุปว่าเพราะมีธาตุทั้ง 5 อยู่โลก Elements เลยถูกสร้างขึ้น
อย่างช้าๆ แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ สิ่งมีชีวิตที่ธาตุทั้ง 5 ช่วยกันสร้างขึ้นมาจะแบ่งออกเป็น 2 พวก คือพวกเผ่าแสงและพวกเผ่ามืด ซึ่งตอนแรก
ทั้ง 2 เผ่าก็อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข หากแต่ว่า พลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในโลกที่มาพร้อมกับธาตุทั้ง 5 ตอนที่มันตกลงมาในมิติแห่ง
การเวลา พลังอำนาจที่ดูดกลืนความเศร้า และกิเลสของสิ่งมีชีวิต มันได้ค่อยๆเติบโตขึ้น จนกระทั่งในที่สุด มันก็เติบโตพอที่จะปรากฏตัวเพื่อ
ทำลาย เพื่อความเป็นอมตะของมัน *นกยักษ์ที่กางปีกดำทมิฬแหวกเข้าไปตามที่ต่างๆ ทำลายล้างซึ่งความสุข ทำลายล้างซึ่งความยินดี มีแต่
ความน่ากลัวไปทุกหน* พอเหตุการณ์มันเกิดขึ้น พวกเผ่าแสงเลยไปโทษเผ่ามืดว่าเป็นความผิดของพวกเขา เกิดความบาดหมาง สงครามรบ
พุ่งกันครั้งใหญ่ และอย่างที่เคยบอกไว้ ยิ่งมีความแค้น ความโกรธความเศร้าเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้สิ่งมีชีวิตที่ทำลายความสงบสุขแข็งแกร่ง
มากขึ้น ท่ามกลางความโกลาหลนั้น หลังท้องฟ้าใจกลางเมืองแห่งความว่างเปล่าได้มีแสงสีเรืองรองปรากฏให้เห็น.............ธาตุทั้ง 5ที่ไปรวม
ตัวกันที่นั่นบนศิลาหินควอต เปล่งแสงพร้อมเสียงเพลงที่ดังแว่วมา ได้สะกดทุกสายตา ให้จับจ้องกับความงามและเสียงเพลงที่ไพเราะที่ดังแว่ว
มาจากที่ไกลๆ พวกเราที่ถืออาวุธอยู่ถึงกับทำอาวุธตก และท่ามกลางแสงเรืองรองนั่น ได้ปรากฏร่างของนักรบที่สง่างามและน่าเกรงขาม
เกราะแวววาวทำด้วยสปิเนล ดาบเรืองรองทำด้วยผลึกของแซปไฟร์ โล่ที่ดูแข็งแกร่งถูกสร้างขึ้นจากอะเกต เสื้อเกราะที่อยู่ด้านในมาจากโพ
แทซ และสุดท้ายสายคล้องที่คอเป็นรูปตะเกียงที่ล้อมรอบด้วยวงล้อแห่งความมืดทำมาจากมรกต แต่ทั่วร่างของนักรบนี้กลับเป็นสีขาวทั้งๆที่
ทำจากธาตุหลากสีและไม่นาน นกทมิฬก็ต้องพ่ายให้กับนักรบแห่งมวลธาตุ และสลายตัวไป แต่เมื่อความมืดหายไป แสงก็ไม่มีความหมาย
นักรบแห่งมวลธาตุก็สลายตัวไปพร้อมที่ผลึกของธาตุทั้ง 5 กลับไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่ ทิ้งไว้ก็แต่สร้อยคอ 5 เส้นที่ทำมาจากธาตุแต่ละชนิด
พร้อมจี้ที่เป็นรูปตะเกียง 2 วงล้อแห่งความมืด 2 และ ตะเกียงที่โดนล้อมด้วยกงล้อแห่งความมืด 1 แต่ในวินาทีที่มันจะสัมผัสพื้น อยู่ดีๆความ
มืดก็ปกคลุมไปทั่ว ตามด้วยแสงที่สว่างเรืองรองขึ้นทันตา และเมื่อทุกอย่างสงบลง สร้อยทั้ง 5 ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ตอนนี้มันก็หวน
กลับมาสู่แผ่นดินของElements อีกครั้งในตอนนี้ สร้อยที่แขวนอยู่บนคอของพวกท่านนั่นแหละ” แฟนธอมเล่าจบและถอนใจ
วามองจี้สีแซปไฟร์ของเธออย่างไม่อยากเชื่อ แต่ก็มีมือมาสะกิดที่ไหล่ของเธอ
“ฉันว่าเธอรู้มากไปแล้วนะจ้ะวา กลับกันเถอะนะ” เสียงอ่อนหวานดังขึ้นในประสาทรับรู้ของเธอ
เด็กสาวตกใจรีบหันไปมองและพบกับใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเอเมอรัลด์
“จะกลับกันรึยังจ้ะ” คนงามถามต่อ
เด็กสาวพยักหน้าช้าๆ ผู้มีนามแห่งมรกตแย้มก่อนที่เธอจะแตะตัววาเบาๆ
“งั้นไปกันเถอะนะ” ว่าแล้วทั้ง 2 ก็หายไปจากบริเวณนั้น
“เอเมอรัลด์ ทำไมเธอถึงเข้าไปพาเราออกมาได้หล่ะ” วาถามเมื่อเท้าของเธอกลับมาสัมผัสทางสีขาวอีกครั้ง
“เพราะเราเป็นผู้ดูแลไง เลยสามารถเข้าออกได้ตามชอบใจ แต่ก็เฉพาะในเขตของเราเท่านั้นนะ ที่อื่นไม่ได้” ผู้มีนามแห่งมรกตกล่าวตอบ
เด็กสาวก้มหน้าพลางคิดเรื่องเรื่องที่ตนพึ่งไปสัมผัสมา มือยามเรียวของเธอนั้นกำจี้สีแซปไฟร์ไว้แน่นราวกับมันจะร่วงหลุดไปจากมือน้อยๆของเธอได้ทุกเมื่อ
“เอเมอรัลด์..”เธอเรียกคนตรงหน้า
“อะไรเหรอจ้ะ?”คนที่โดนเรียกขานรับ
“เราไม่แน่ใจกับสิ่งที่เราเจอเลย คือไงดีหล่ะ จะบอกว่าเราคือ1 ใน 4 ผู้กล้าในตำนานงั้นเหรอ คือเราไม่แน่ใจ เรา ..เอ่อคือเรา....................”วาพูดขึ้นอย่างอ้ำๆอึ้งๆ
“ความไม่แน่ใจ ความสับสน ความไม่มั่นใจเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นเป็นธรรมดาเมื่อเรารู้ว่า เรากุมความหวังของคนอื่นไว้ แต่จงรู้ไว้นะ ว่าไม่ว่าจะมี
ซักกี่คนที่มุ่งหวังในตัวเธอ แต่ไม่มีใครมาคอยต่อว่าเธอเมื่อทำไม่สำเร็จหรอกนะ มันขึ้นอยู่กับตัวเธอเองที่จะเลือกคิดว่าจะมามัวหมกมุ่นกับ
ความหวังของคนอื่น หรือจะก้าวเดินไปข้างหน้าและทำสิ่งที่ตนทำได้ให้ดีที่สุด เอาหล่ะ ข้ามาส่งเจ้าได้แค่นี้ลาก่อนนะ และจำคำที่ข้าพูดไว้ดีดีหล่ะ” เอเมอรัลด์พูดก่อนจะหายตัวไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น