ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : กำเนิด
       
    โลกยุคศตวรรษที่ 21  ความวุ่นวายต่างๆนาๆ พาให้คนไร้ศีลธรรมจรรยา  ทุกคนมีความโลภ ความอยาก ความรัก และความหลง  ความสิ้นหวังและท้อแท้มีให้เห็นอยู่ ความกลัว และความเศร้า ได้มีเด็ก 4 คนกำเนิดวันและเวลาเดียวกัน แต่ที่น่าแปลกคือที่รอบคอของเด็กทั้ง 4 มีรอยแผลเป็นราวกับถูกของมีคมบางอย่างบาด นอกจากนั้น ตรงกลางของรอยยังมี รอยแผล 2 คนเป็นรูปตะเกียง ส่วนอีก 2 เป็นรูปอะไรก็ไม่มีใครบอกได้ 4 คนนี้ ผู้เป็นบิดา มารดา ขนานนามให้ว่า ชัชวาล หรือ ชัช ชวาลา หรือ วา เมทินี หรือ เมย์ และ กาญจน์   
   
    โลก Elenment หมู่บ้านแฟนเธฮานา ที่หุบเขาวิญญาณ โซนการเวลา
“อ๊าก !! ช่วยด้วย !!”
เสียงร้องดังขึ้นทุกสารทิศจากสิ่งมีชีวิตที่เหนือจินตนาการ ตัวหลากสี ที่กำลังวิ่งหนีช่องว่างแห่งการเวลาอย่างไม่คิดชีวิต
“แฟงไปหลบในบ้าน แล้วไปที่ห้องใต้ดินนะ อย่าออกมาจนกว่าจะมีใครไปรับมานะ” แฟนธอมหนุ่มตัวสีน้ำตาล บอกกับลูกของตน
“แต่พ่อ ข้าอยากช่วยนี่ อย่างน้อยข้าก็มีพลังที่จะต่อต้านช่องว่างไม่ให้มันขยายขึ้นได้” แฟนธอมอีกตัวที่ดูเด็กกว่า และมีนามว่าแฟงว่าจากใจจริง
แฟนธอมที่เป็นพ่อมองลูกชายของตนอย่างลำบากใจ แต่แล้วก็มีเสียงร้องโหยหวนจากพรรคพวกที่โดนช่องว่างแห่งกาลเวลาดูดเข้าไป
“ไม่มีเวลาแล้วแฟง ไปซะไปหลบในห้องใต้ดิน เจ้าอยู่ไปก็เกะกะเปล่าๆ” ผู้เป็นพ่อไล่ให้ลูกไปซ่อน
“แต่แล้วพ่อหล่ะ พ่อ..............” แฟงว่าแต่ก่อนที่จะจบก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในห้องใต้ดิน
   
เมื่อเห็นลูกหายไปต่อหน้า  แฟนธอมหนุ่มตัวสีน้ำตาลเลยได้แต่รำพึง
“แฟง....พ่อหวังว่าเจ้าคงทำภารกิจของเจ้าได้สำเร็จ  และเมื่อถึงเวลานั้น  เราค่อยพบกันใหม่นะลูก”  เขาว่าพลางนึกถึงคำพูดของผู้ใหญ่บ้าน ตอนที่แฟงเกิด ที่ว่า *ลูกของเจ้ามีลักษณะของการเป็น *ลีด*ซักวันที่โลกเราตกอยู่ในอันตราย พวกเราคงหวังพึ่งลูกชายเจ้าได้*
   
กลิ่นเหม็นอับลอยเข้ามาเตะจมูก  แฟนธอมน้อยมองไปรอบๆด้วยความงงระคนตกใจ  ก่อนที่จะยันตัวขึ้นช้าๆ  แล้วเริ่มเดินสำรวจรอบๆ  พลางกวาดสายตาไปรอบห้อง กล่องเก่าคร่ำคราที่สลักด้วยอักษรโบราณวางเด่นเป็นสง่าอยู่บนโต๊ะไม้สักที่มีแต่รอยผุ ทำไมกันนะ ทำไมกัน  เขาถึงมีความรู้สึกที่เขาเองก็บอกไม่ถูกว่าเป็นยังไง  แฟงค่อยๆย่างเท้าเข้าไป
“แฟง!”เสียงหนึ่งก้องขึ้นในหัวของเขา
“เผ่าแฟนธอมของเราเป็นผู้กุมสร้อยคอ และจี้ของเหล่าผู้กล้าในอดีตมาตั้งแต่ที่ข้าทำหน้าที่นำทางผู้กล้าทั้ง 4 ในตำนาน  ช่วยคืนให้พวกเขาด้วยนะ” เสียงทุ้มและกังวาลบอกเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้น 
แฟนธอมน้อยมองรอบๆพลางงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น  ก่อนที่เสียงดนตรีอันไพเราะจะดังแว่วมา  สัตว์มายามองไปทางต้นเสียง  แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจ  เมื่อพบว่ามันมาจากกล่องใบเก่าที่เขาพบมันนั้นเอง
แฟงเดินเข้าไปใกล้ๆกล่องด้วยความฉงน  จี้ที่ทำจากผลึกสีขาว  ส่องแสงแวววาว ดูงามตายิ่งนัก  เขาค่อยๆยื่นมือเข้าไปใกล้ด้วยความตื่นเต้น  ก่อนที่จี้สีขาวอันหนึ่งจะลอยสูงขึ้นและบรรจงไปพันตัวเองรอบคอน้อยๆของแฟงธอม ก่อนจะเปลี่ยนตัวเองเป็นสีมรกต  ซี่งเป็นสีประจำตัวของเจ็น หรือผู้นำทางของเหล่าผู้กล้าในอดีต แฟงมองมันด้วยความงง ก่อนที่จะมีเสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น
“บอกแล้วไง ว่านี่ต้องเป็น *ลีด*ในปัจจุบันแน่”
แฟนธอมรีบหันหลังกลับ และมองหาคนพูดอย่างร้อนรน .............ภาพที่ปรากฎต่อหน้านั้นทำให้แฟนธอมน้อยหัวใจแทบหยุดเต้น  เมื่อผู้กล้าทั้ง 4 ในตำนานมาพร้อมกันที่ตรงหน้าของเขา
แฟนธอมมองซ้ายมองขวาอย่างลุกลี้ลุกลน เขาหยิกตัวเองหลายครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้แค่ฝันไป แต่แล้วเสียงอ่อนหวานก็ดังขึ้น
“ขอโทษด้วยนะ*ลีด* ที่ต้องเอาเจ้ามา  แต่หากไม่ทำเช่นนั้น อนาคตของโลกนี้อาจดับสูญ”
แฟงมองไปที่ต้นเสียงด้วยสีหน้าที่งงงวย ก่อนจะชี้ที่ตัวเอง
“หมายความว่ายังไงเหรอท่าน  ท่าน...คือ......ท่านอยากให้ข้าทำอะไรเหรอ”
“ฟังนะแฟง  หน้าที่ของเจ้าคือตามหาพวกเราในยุค 2010 ให้พบ” ชวาลกล่าวแล้ว
“ตามหาพวกท่าน!! แต่ว่าข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกท่านในยุค 2010 หน้าตาเป็นเช่นใด นอกจากนี้ข้ายังไม่แน่ใจเลยว่าข้าใช่คนที่พวกท่านต้องการรึเปล่า” แฟงแย้ง แต่เด็กหนุ่มผมดำนัยน์ตาเป็นประกายขี้เล่นกลับหัวเราะ ก่อนที่จะพูดว่า
“ทดสอบแล้วไม่ใช่เหรอ การที่สร้อยคอของเจ็นไปพันอยู่รอบคอเจ้านั่นไง มันคือข้อพิสูจน์  เพราะสร้อยมันจะเลือกเจ้าของเอง”
“ส่วนเรื่องตามหาพวกเรา..” เด็กสาวผมซอยสั้นว่าแล้วเดินเข้ามาจับไหล่แฟง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เจ้ามีความศรัทธาในการมีตัวตนของพวกเรารีเปล่า ฟังนะตราบใดที่เจ้ายังมี ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ความศรัทธาของเจ้าจะเป็นตัวนำทางเอง”
ว่าแล้วพายุหมุนจากที่ใดก็ไม่รู้พัดมา ทำให้แฟงต้องหลับตาเพื่อกันไม่ให้ฝุ่นเข้าตา แต่พอเขาลืมตามาอีกทีก็พบว่าตัวเองได้อยู่ในโลกที่ต่างออกไปแล้ว!!
“ที่นี่ที่ไหน?”
   
แฟงเดินไปตามทางปูกระเบื้องสีฟ้าอ่อนที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่เขาไม่เคยพบมาก่อน เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าที่ที่เขาเดินไปนั้นคือที่ไหน
“นี่เธอหลงทางเหรอ” เสียงหนึ่งร้องทัก
แฟนธอมรีบหมุนตัวกลับและพบว่าตนกำลังเผชิญหน้ากับเด็กสาวผมยาวสีน้ำตงแดงที่มัดเป็นแกละ 2 ข้างอยู่ด้านหลัง
“เจ้า ๆ มองเห็นข้าได้อย่างไร” แฟงพูดอย่างละล่ำละลัก เด็กสาวคนนั้นยักไหล่
“ก็ใช้ตามองไงถามได้” เธอตอบอย่างราบเรียบ
แต่เมื่อเธอเหยียดตัวขึ้นตรง แฟงสังเกตเห็นรอยแผลเป็นรอบคอของเด็กสาวซึ่งมองดูเป็นรูปตะเกียง  แฟนธอมมองดูรอยแผลนั้นอย่างใช้ความคิด  เพราะอะไรนะ มันถึงดูคุ้นตาอย่างน่าประหลาด แฟนธอมน้อยมองรอยแผลเป็นอยู่ครู่ใหญ่  ก่อนที่ภาพเหตุการณ์ที่เขาพึ่งพบมาจะปรากฏขึ้นในหัว 
“ท่านชไลเดน”เขาพึมพำอย่างอดไม่ได้  “ไม่จริงต้องไม่ใช่ท่านสิ นี่เราหาพบแล้วเหรอเนี่ย” แฟงว่างพลางจ้องคนตรงหน้าอย่างไม่กระพริบตา
“อะไรเหรอ หน้าเรามีอะไรติดเหรอ”คนตรงหน้าถามพลางแตะที่หน้าของตน
หากแต่ว่าสิ่งที่แฟนธอมน้อยมองอยู่กลับไม่ใช่หน้า แต่เป็นรอยแผลที่คอของเด็กสาวต่างหาก 
“ท่านๆ ไปได้รอยแผลนั่นมาจากไหน”  แฟงถามพลางชี้ที่คอของเด็กสาว
คนมัดแกละ 2 ข้างคลำที่คอแล้วยิ้ม 
“ไม่รู้สินะ แผลเป็นนี่เรามีมาตั้งแต่เกิด เออ......นี่ขออย่างได้ไหม เลิกเรียกเราว่าท่านซะที เรามีชื่อว่า *วา* นะ  แล้วเธอหล่ะ”
แฟงผงะเล็กน้อยและพยักหน้า
“ได้ครับท่านชไลเดน อุ๊บ.....”แฟนธอมรีบเอามือปิดปากเมื่อรู้สึกตัวว่าพูดอะไรออกไป
แต่คนที่โดนเรียกว่าท่านกลับหัวเราะก่อนที่จะเอี้ยวตัวหลบจากหมัดที่มาค้างไว้ด้านหลังของเธอ 
“รู้สึกตัวช้าไปนะวา”
วาหันไปหาต้นเสียงและพบกับเพื่อนผมสีดำประกายน้ำตาลซอยสั้น ผู้คลั้งไคล้และเก่งกาจในวิทยาศาสตร์ จนเพื่อนๆขนานนามให้ว่า *ไอสไตน์ ยุค 2010*
“อ้าวเมย์  แหะๆเอาน่าไม่ช้ามากหรอก” วาตอบอย่างสนิทสนม 
“อือ....ไม่ช้ามากหรอก  เราแค่เงื้อหมัดใส่เธอได้ประมาณนาทีกว่าเท่านั้นเอง”  เมย์ว่าเสียงราบเรียบ 
วาเลยได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ  แต่ดูเหมือนคนผมซอยจะไม่ใส่ใจ
“ว่าแต่......ทำไรอยู่เหรอ”คนมาใหม่ถาม 
“อ๋อ...คุยกับคนหลงทางหน่ะ” วาตอบด้วยความร่าเริง
แต่ดูเหมือนเมย์จะไม่ใส่ใจกับคำตอบนัก  เพราะเธอกำลังจ้องไปทางที่แฟงยืนอยู่ ราวกับรู้ถึงการมีตัวตนของสิ่งมีชีวิตที่มาจากอีกโลก แล้วเหยียดยิ้ม ส่วนตัวแฟงเองก็ไปจับจ้องอยู่ที่ต้นคอของเมย์ซึ่งมีรอยแผลเป็นเช่นเดียวกัน หากแต่ดูไม่ออกเท่านั้นว่ามันเป็นรูปอะไร แต่เพราะบางสิ่งในคนผมสั้นทำให้แฟนธอมน้อยรู้สึกกลัว......  เลยไปหลบหลังวา เด็กสาวผู้มัดผมเป็นแกละ 2 ข้างมองที่สัตว์มายาด้วยความงง
“แฟงเธอเป็นอะไรหน่ะ” วาถาม
“มันเป็นเงา มันเป็นคนเปิดช่องว่างแห่งเวลา มัน......” แฟนธอมเริ่มพรรณาพลางมองเมย์อย่างไม่ละสายตา
เด็กสาวผมยาวผู้มีรอยแผลเป็นรูปตะเกียงได้แต่มองแฟงด้วยความงง  แล้วเธอก็สังเกตเห็นสายตาเพื่อนของเธอจึงกระซิบ
“นี่เมย์ เธอมองเห็นด้วยเหรอ” 
เมธินีมองเธออย่างงงๆ
“เห็นอะไร?” เด็กสาวถามต่อ 
วามองซ้ายมองขวาแล้วยักไหล่ 
“ชั่งมันเหอะ ไม่มีอะไรหรอก” 
“เออ...และทีหลังหัดระวังหลังบ้างก็ดีนะ  ถ้าไม่มีอะไรแล้ว รีบๆไปที่ชมรมดนตรีด้วยหล่ะ หัวหน้าเขาสั่งให้มาตามหน่ะ  แล้วให้มาเตือนเธอว่าอย่าลืมนะว่าเธอต้องซ้อมเพื่อแสดง ”  เมย์ว่าและเดินออกไป
“จริงด้วย” วาร้องและทำท่าจะวิ่งออกไป หากไม่ใช่แขนเล็กๆของแฟงที่หยุดเธอไว้ “ท่านชไลเดน เมื่อกี้นี้ใครเหรอ” “เพื่อนเราเองแหละ หรือจะเรียกอีกชื่อว่า *ไอน์สไตน์ ยุค 2010*  ว่าแต่ว่านะเธอเราบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเรียกเราว่าท่าน เรียกแค่วาก็พอ เออนี่เราต้องไปซ้อมดนตรีแล้ว ไปก่อนนะ” เด็กสาวว่าและวิ่งออกไป
หากแต่เสียงเรียกของสัตว์มายาทำให้เธอต้องหยุดฝีเท้า
“ท่านชไลเดนพาข้าไปด้วยสิ ขอร้องเถอะ” แฟงคุกเข่าอ้อนวอน
ทำให้วาได้แต่ถอนใจ แล้วพูดอย่างใจดี
“ได้สิ ตราบใดที่เธอเลิกเรียกเราว่า *ท่าน* มาสิมาเร็วๆ”
แฟนธอมน้อยร้องอย่างดีใจ และวิ่งตามวาไปอย่างร่าเริง เด็กสาวเห็นสิ่งมีชีวิตมายาร่าเริงตามภาษาเด็ก ขนาดนั้นก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ แล้วเธอก็วิ่งไปที่ชมรมดนตรีพร้อมกับสัตว์มายาตัวนั้น โดยไม่รู้เลยว่า ใกล้ๆกันที่ชมรมวิทย์  หัวหน้าชมรมที่มีนามว่าเมธินีกำลังยิ้มพลางมองแฟนธอมที่เคลื่อนตัวผ่านเธอไป
   
“แฟง เธอมาจากไหนเหรอ?” วาถามเมื่อขณะเดินทางกลับบ้าน
“โลกที่มีชื่อว่า Elements” แฟนธอมน้อยตอบสั้นๆ
“Elements!! เอ....ชื่อคุ้นๆนะ เป็นโลกแบบไหนเหรอ” เด็กสาวถาม
“เป็นโลกที่เคยสงบสุข เพราะการปกป้องของวิญญาณของผู้กล้าทั้ง 4 แต่ตอนนี้กำลังโดนลุกลานโดยพวกมันได้ไปเปิดช่องว่างแห่งกาลเวลาดูดพวกเราทุกคนเข้าไปในยุคที่พวกมันรุ่งเรือง” แฟงพูดพลางทำหน้าเศร้า
“นี่แต่ถ้าผู้กล้ามีตัวตนจริงพวกเขาก็มาช่วยเธอได้นี่” วาว่าตามภาษาของคนไม่รู้เรื่องที่พยามจะปลอบใจ
“เฮ้อ.........ไม่มีใครตามหาพวกท่านพบหรอก เพราะหน้าที่ของข้าคือต้องมาตามหาพวกท่านผู้กล้าบนโลกยุค2010..... ” แฟนธอมว่าพลางถอนใจ 
แต่เขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้พร้อมเสียงร้องด้วยความยินดีของวา
“ยุค 2010 มันปีนี้นี่ แฟงถ้าเธอไม่รังเกียจนะ เราจะช่วยหาด้วยเอาไหม”
แฟงมองหน้าเด็กสาวด้วยความงงซักพัก ก่อนจะค่อยๆพยักหน้า
“ก็ได้”เขาตอบช้าๆ “แต่อือ........” สัตว์มายาหยุดคิด
“เอาน่าแฟง.....บอกวิธีการหามาสิ เดี๋ยวเราช่วยหา เห็นอย่างนี้เราเป็นคนกว้างขวางนะ” วาว่าอย่างอารมณ์ดี
แฟนธอมมองหน้าเด็กสาวอย่างลำบากใจ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาเองก็ไม่รู้วิธีที่จะตามหา  แต่พอเขามองลึกเข้าไปในดวงตาอันอ่อนโยนของวา  เขาก็รู้วิธีขึ้นมาอย่างน่าประหลาด  แฟงล้วงมือเข้าไปหยิบสร้อยสีเงินที่มีจี้รูปผลึกแก้วสีเขียวมรกต ขนมเปียกปูนออกมาแล้วยื่นให้เด็กสาว
“ผลึกแก้วนี้ ข้าได้มาจาก เออ......ชั่งมันเหอะ เอามันเป็นกุญแจสู่โลก Elements และเป็นเข็มทิศที่คอยจะชี้หาผู้กล้าในยุคที่ไม่ใช่ในโลกElements” เขาบรรยาย
วามองผลึกแก้วอย่างสนใจ เธอมีความรู้สึกคุ้ยเคยกับมันอย่างน่าประหลาด และเมื่อมันพ้นจากการเกาะกุมของมือของแฟนธอมน้อย จี้มรกตก็บรรจงชี้มาที่ วา พร้อมทั้งเปลี่ยนเป็นสีฟ้าของแซปไฟร์!! ซึ่งเป็นสีประจำตัวของ 1 ใน 4 ของผู้กล้าในตำนาน *ชไลเดน ท่านหญิงแห่งแสง*
    โลกยุคศตวรรษที่ 21  ความวุ่นวายต่างๆนาๆ พาให้คนไร้ศีลธรรมจรรยา  ทุกคนมีความโลภ ความอยาก ความรัก และความหลง  ความสิ้นหวังและท้อแท้มีให้เห็นอยู่ ความกลัว และความเศร้า ได้มีเด็ก 4 คนกำเนิดวันและเวลาเดียวกัน แต่ที่น่าแปลกคือที่รอบคอของเด็กทั้ง 4 มีรอยแผลเป็นราวกับถูกของมีคมบางอย่างบาด นอกจากนั้น ตรงกลางของรอยยังมี รอยแผล 2 คนเป็นรูปตะเกียง ส่วนอีก 2 เป็นรูปอะไรก็ไม่มีใครบอกได้ 4 คนนี้ ผู้เป็นบิดา มารดา ขนานนามให้ว่า ชัชวาล หรือ ชัช ชวาลา หรือ วา เมทินี หรือ เมย์ และ กาญจน์   
   
    โลก Elenment หมู่บ้านแฟนเธฮานา ที่หุบเขาวิญญาณ โซนการเวลา
“อ๊าก !! ช่วยด้วย !!”
เสียงร้องดังขึ้นทุกสารทิศจากสิ่งมีชีวิตที่เหนือจินตนาการ ตัวหลากสี ที่กำลังวิ่งหนีช่องว่างแห่งการเวลาอย่างไม่คิดชีวิต
“แฟงไปหลบในบ้าน แล้วไปที่ห้องใต้ดินนะ อย่าออกมาจนกว่าจะมีใครไปรับมานะ” แฟนธอมหนุ่มตัวสีน้ำตาล บอกกับลูกของตน
“แต่พ่อ ข้าอยากช่วยนี่ อย่างน้อยข้าก็มีพลังที่จะต่อต้านช่องว่างไม่ให้มันขยายขึ้นได้” แฟนธอมอีกตัวที่ดูเด็กกว่า และมีนามว่าแฟงว่าจากใจจริง
แฟนธอมที่เป็นพ่อมองลูกชายของตนอย่างลำบากใจ แต่แล้วก็มีเสียงร้องโหยหวนจากพรรคพวกที่โดนช่องว่างแห่งกาลเวลาดูดเข้าไป
“ไม่มีเวลาแล้วแฟง ไปซะไปหลบในห้องใต้ดิน เจ้าอยู่ไปก็เกะกะเปล่าๆ” ผู้เป็นพ่อไล่ให้ลูกไปซ่อน
“แต่แล้วพ่อหล่ะ พ่อ..............” แฟงว่าแต่ก่อนที่จะจบก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในห้องใต้ดิน
   
เมื่อเห็นลูกหายไปต่อหน้า  แฟนธอมหนุ่มตัวสีน้ำตาลเลยได้แต่รำพึง
“แฟง....พ่อหวังว่าเจ้าคงทำภารกิจของเจ้าได้สำเร็จ  และเมื่อถึงเวลานั้น  เราค่อยพบกันใหม่นะลูก”  เขาว่าพลางนึกถึงคำพูดของผู้ใหญ่บ้าน ตอนที่แฟงเกิด ที่ว่า *ลูกของเจ้ามีลักษณะของการเป็น *ลีด*ซักวันที่โลกเราตกอยู่ในอันตราย พวกเราคงหวังพึ่งลูกชายเจ้าได้*
   
กลิ่นเหม็นอับลอยเข้ามาเตะจมูก  แฟนธอมน้อยมองไปรอบๆด้วยความงงระคนตกใจ  ก่อนที่จะยันตัวขึ้นช้าๆ  แล้วเริ่มเดินสำรวจรอบๆ  พลางกวาดสายตาไปรอบห้อง กล่องเก่าคร่ำคราที่สลักด้วยอักษรโบราณวางเด่นเป็นสง่าอยู่บนโต๊ะไม้สักที่มีแต่รอยผุ ทำไมกันนะ ทำไมกัน  เขาถึงมีความรู้สึกที่เขาเองก็บอกไม่ถูกว่าเป็นยังไง  แฟงค่อยๆย่างเท้าเข้าไป
“แฟง!”เสียงหนึ่งก้องขึ้นในหัวของเขา
“เผ่าแฟนธอมของเราเป็นผู้กุมสร้อยคอ และจี้ของเหล่าผู้กล้าในอดีตมาตั้งแต่ที่ข้าทำหน้าที่นำทางผู้กล้าทั้ง 4 ในตำนาน  ช่วยคืนให้พวกเขาด้วยนะ” เสียงทุ้มและกังวาลบอกเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้น 
แฟนธอมน้อยมองรอบๆพลางงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น  ก่อนที่เสียงดนตรีอันไพเราะจะดังแว่วมา  สัตว์มายามองไปทางต้นเสียง  แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจ  เมื่อพบว่ามันมาจากกล่องใบเก่าที่เขาพบมันนั้นเอง
แฟงเดินเข้าไปใกล้ๆกล่องด้วยความฉงน  จี้ที่ทำจากผลึกสีขาว  ส่องแสงแวววาว ดูงามตายิ่งนัก  เขาค่อยๆยื่นมือเข้าไปใกล้ด้วยความตื่นเต้น  ก่อนที่จี้สีขาวอันหนึ่งจะลอยสูงขึ้นและบรรจงไปพันตัวเองรอบคอน้อยๆของแฟงธอม ก่อนจะเปลี่ยนตัวเองเป็นสีมรกต  ซี่งเป็นสีประจำตัวของเจ็น หรือผู้นำทางของเหล่าผู้กล้าในอดีต แฟงมองมันด้วยความงง ก่อนที่จะมีเสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น
“บอกแล้วไง ว่านี่ต้องเป็น *ลีด*ในปัจจุบันแน่”
แฟนธอมรีบหันหลังกลับ และมองหาคนพูดอย่างร้อนรน .............ภาพที่ปรากฎต่อหน้านั้นทำให้แฟนธอมน้อยหัวใจแทบหยุดเต้น  เมื่อผู้กล้าทั้ง 4 ในตำนานมาพร้อมกันที่ตรงหน้าของเขา
แฟนธอมมองซ้ายมองขวาอย่างลุกลี้ลุกลน เขาหยิกตัวเองหลายครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้แค่ฝันไป แต่แล้วเสียงอ่อนหวานก็ดังขึ้น
“ขอโทษด้วยนะ*ลีด* ที่ต้องเอาเจ้ามา  แต่หากไม่ทำเช่นนั้น อนาคตของโลกนี้อาจดับสูญ”
แฟงมองไปที่ต้นเสียงด้วยสีหน้าที่งงงวย ก่อนจะชี้ที่ตัวเอง
“หมายความว่ายังไงเหรอท่าน  ท่าน...คือ......ท่านอยากให้ข้าทำอะไรเหรอ”
“ฟังนะแฟง  หน้าที่ของเจ้าคือตามหาพวกเราในยุค 2010 ให้พบ” ชวาลกล่าวแล้ว
“ตามหาพวกท่าน!! แต่ว่าข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกท่านในยุค 2010 หน้าตาเป็นเช่นใด นอกจากนี้ข้ายังไม่แน่ใจเลยว่าข้าใช่คนที่พวกท่านต้องการรึเปล่า” แฟงแย้ง แต่เด็กหนุ่มผมดำนัยน์ตาเป็นประกายขี้เล่นกลับหัวเราะ ก่อนที่จะพูดว่า
“ทดสอบแล้วไม่ใช่เหรอ การที่สร้อยคอของเจ็นไปพันอยู่รอบคอเจ้านั่นไง มันคือข้อพิสูจน์  เพราะสร้อยมันจะเลือกเจ้าของเอง”
“ส่วนเรื่องตามหาพวกเรา..” เด็กสาวผมซอยสั้นว่าแล้วเดินเข้ามาจับไหล่แฟง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เจ้ามีความศรัทธาในการมีตัวตนของพวกเรารีเปล่า ฟังนะตราบใดที่เจ้ายังมี ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ความศรัทธาของเจ้าจะเป็นตัวนำทางเอง”
ว่าแล้วพายุหมุนจากที่ใดก็ไม่รู้พัดมา ทำให้แฟงต้องหลับตาเพื่อกันไม่ให้ฝุ่นเข้าตา แต่พอเขาลืมตามาอีกทีก็พบว่าตัวเองได้อยู่ในโลกที่ต่างออกไปแล้ว!!
“ที่นี่ที่ไหน?”
   
แฟงเดินไปตามทางปูกระเบื้องสีฟ้าอ่อนที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่เขาไม่เคยพบมาก่อน เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าที่ที่เขาเดินไปนั้นคือที่ไหน
“นี่เธอหลงทางเหรอ” เสียงหนึ่งร้องทัก
แฟนธอมรีบหมุนตัวกลับและพบว่าตนกำลังเผชิญหน้ากับเด็กสาวผมยาวสีน้ำตงแดงที่มัดเป็นแกละ 2 ข้างอยู่ด้านหลัง
“เจ้า ๆ มองเห็นข้าได้อย่างไร” แฟงพูดอย่างละล่ำละลัก เด็กสาวคนนั้นยักไหล่
“ก็ใช้ตามองไงถามได้” เธอตอบอย่างราบเรียบ
แต่เมื่อเธอเหยียดตัวขึ้นตรง แฟงสังเกตเห็นรอยแผลเป็นรอบคอของเด็กสาวซึ่งมองดูเป็นรูปตะเกียง  แฟนธอมมองดูรอยแผลนั้นอย่างใช้ความคิด  เพราะอะไรนะ มันถึงดูคุ้นตาอย่างน่าประหลาด แฟนธอมน้อยมองรอยแผลเป็นอยู่ครู่ใหญ่  ก่อนที่ภาพเหตุการณ์ที่เขาพึ่งพบมาจะปรากฏขึ้นในหัว 
“ท่านชไลเดน”เขาพึมพำอย่างอดไม่ได้  “ไม่จริงต้องไม่ใช่ท่านสิ นี่เราหาพบแล้วเหรอเนี่ย” แฟงว่างพลางจ้องคนตรงหน้าอย่างไม่กระพริบตา
“อะไรเหรอ หน้าเรามีอะไรติดเหรอ”คนตรงหน้าถามพลางแตะที่หน้าของตน
หากแต่ว่าสิ่งที่แฟนธอมน้อยมองอยู่กลับไม่ใช่หน้า แต่เป็นรอยแผลที่คอของเด็กสาวต่างหาก 
“ท่านๆ ไปได้รอยแผลนั่นมาจากไหน”  แฟงถามพลางชี้ที่คอของเด็กสาว
คนมัดแกละ 2 ข้างคลำที่คอแล้วยิ้ม 
“ไม่รู้สินะ แผลเป็นนี่เรามีมาตั้งแต่เกิด เออ......นี่ขออย่างได้ไหม เลิกเรียกเราว่าท่านซะที เรามีชื่อว่า *วา* นะ  แล้วเธอหล่ะ”
แฟงผงะเล็กน้อยและพยักหน้า
“ได้ครับท่านชไลเดน อุ๊บ.....”แฟนธอมรีบเอามือปิดปากเมื่อรู้สึกตัวว่าพูดอะไรออกไป
แต่คนที่โดนเรียกว่าท่านกลับหัวเราะก่อนที่จะเอี้ยวตัวหลบจากหมัดที่มาค้างไว้ด้านหลังของเธอ 
“รู้สึกตัวช้าไปนะวา”
วาหันไปหาต้นเสียงและพบกับเพื่อนผมสีดำประกายน้ำตาลซอยสั้น ผู้คลั้งไคล้และเก่งกาจในวิทยาศาสตร์ จนเพื่อนๆขนานนามให้ว่า *ไอสไตน์ ยุค 2010*
“อ้าวเมย์  แหะๆเอาน่าไม่ช้ามากหรอก” วาตอบอย่างสนิทสนม 
“อือ....ไม่ช้ามากหรอก  เราแค่เงื้อหมัดใส่เธอได้ประมาณนาทีกว่าเท่านั้นเอง”  เมย์ว่าเสียงราบเรียบ 
วาเลยได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ  แต่ดูเหมือนคนผมซอยจะไม่ใส่ใจ
“ว่าแต่......ทำไรอยู่เหรอ”คนมาใหม่ถาม 
“อ๋อ...คุยกับคนหลงทางหน่ะ” วาตอบด้วยความร่าเริง
แต่ดูเหมือนเมย์จะไม่ใส่ใจกับคำตอบนัก  เพราะเธอกำลังจ้องไปทางที่แฟงยืนอยู่ ราวกับรู้ถึงการมีตัวตนของสิ่งมีชีวิตที่มาจากอีกโลก แล้วเหยียดยิ้ม ส่วนตัวแฟงเองก็ไปจับจ้องอยู่ที่ต้นคอของเมย์ซึ่งมีรอยแผลเป็นเช่นเดียวกัน หากแต่ดูไม่ออกเท่านั้นว่ามันเป็นรูปอะไร แต่เพราะบางสิ่งในคนผมสั้นทำให้แฟนธอมน้อยรู้สึกกลัว......  เลยไปหลบหลังวา เด็กสาวผู้มัดผมเป็นแกละ 2 ข้างมองที่สัตว์มายาด้วยความงง
“แฟงเธอเป็นอะไรหน่ะ” วาถาม
“มันเป็นเงา มันเป็นคนเปิดช่องว่างแห่งเวลา มัน......” แฟนธอมเริ่มพรรณาพลางมองเมย์อย่างไม่ละสายตา
เด็กสาวผมยาวผู้มีรอยแผลเป็นรูปตะเกียงได้แต่มองแฟงด้วยความงง  แล้วเธอก็สังเกตเห็นสายตาเพื่อนของเธอจึงกระซิบ
“นี่เมย์ เธอมองเห็นด้วยเหรอ” 
เมธินีมองเธออย่างงงๆ
“เห็นอะไร?” เด็กสาวถามต่อ 
วามองซ้ายมองขวาแล้วยักไหล่ 
“ชั่งมันเหอะ ไม่มีอะไรหรอก” 
“เออ...และทีหลังหัดระวังหลังบ้างก็ดีนะ  ถ้าไม่มีอะไรแล้ว รีบๆไปที่ชมรมดนตรีด้วยหล่ะ หัวหน้าเขาสั่งให้มาตามหน่ะ  แล้วให้มาเตือนเธอว่าอย่าลืมนะว่าเธอต้องซ้อมเพื่อแสดง ”  เมย์ว่าและเดินออกไป
“จริงด้วย” วาร้องและทำท่าจะวิ่งออกไป หากไม่ใช่แขนเล็กๆของแฟงที่หยุดเธอไว้ “ท่านชไลเดน เมื่อกี้นี้ใครเหรอ” “เพื่อนเราเองแหละ หรือจะเรียกอีกชื่อว่า *ไอน์สไตน์ ยุค 2010*  ว่าแต่ว่านะเธอเราบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเรียกเราว่าท่าน เรียกแค่วาก็พอ เออนี่เราต้องไปซ้อมดนตรีแล้ว ไปก่อนนะ” เด็กสาวว่าและวิ่งออกไป
หากแต่เสียงเรียกของสัตว์มายาทำให้เธอต้องหยุดฝีเท้า
“ท่านชไลเดนพาข้าไปด้วยสิ ขอร้องเถอะ” แฟงคุกเข่าอ้อนวอน
ทำให้วาได้แต่ถอนใจ แล้วพูดอย่างใจดี
“ได้สิ ตราบใดที่เธอเลิกเรียกเราว่า *ท่าน* มาสิมาเร็วๆ”
แฟนธอมน้อยร้องอย่างดีใจ และวิ่งตามวาไปอย่างร่าเริง เด็กสาวเห็นสิ่งมีชีวิตมายาร่าเริงตามภาษาเด็ก ขนาดนั้นก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ แล้วเธอก็วิ่งไปที่ชมรมดนตรีพร้อมกับสัตว์มายาตัวนั้น โดยไม่รู้เลยว่า ใกล้ๆกันที่ชมรมวิทย์  หัวหน้าชมรมที่มีนามว่าเมธินีกำลังยิ้มพลางมองแฟนธอมที่เคลื่อนตัวผ่านเธอไป
   
“แฟง เธอมาจากไหนเหรอ?” วาถามเมื่อขณะเดินทางกลับบ้าน
“โลกที่มีชื่อว่า Elements” แฟนธอมน้อยตอบสั้นๆ
“Elements!! เอ....ชื่อคุ้นๆนะ เป็นโลกแบบไหนเหรอ” เด็กสาวถาม
“เป็นโลกที่เคยสงบสุข เพราะการปกป้องของวิญญาณของผู้กล้าทั้ง 4 แต่ตอนนี้กำลังโดนลุกลานโดยพวกมันได้ไปเปิดช่องว่างแห่งกาลเวลาดูดพวกเราทุกคนเข้าไปในยุคที่พวกมันรุ่งเรือง” แฟงพูดพลางทำหน้าเศร้า
“นี่แต่ถ้าผู้กล้ามีตัวตนจริงพวกเขาก็มาช่วยเธอได้นี่” วาว่าตามภาษาของคนไม่รู้เรื่องที่พยามจะปลอบใจ
“เฮ้อ.........ไม่มีใครตามหาพวกท่านพบหรอก เพราะหน้าที่ของข้าคือต้องมาตามหาพวกท่านผู้กล้าบนโลกยุค2010..... ” แฟนธอมว่าพลางถอนใจ 
แต่เขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้พร้อมเสียงร้องด้วยความยินดีของวา
“ยุค 2010 มันปีนี้นี่ แฟงถ้าเธอไม่รังเกียจนะ เราจะช่วยหาด้วยเอาไหม”
แฟงมองหน้าเด็กสาวด้วยความงงซักพัก ก่อนจะค่อยๆพยักหน้า
“ก็ได้”เขาตอบช้าๆ “แต่อือ........” สัตว์มายาหยุดคิด
“เอาน่าแฟง.....บอกวิธีการหามาสิ เดี๋ยวเราช่วยหา เห็นอย่างนี้เราเป็นคนกว้างขวางนะ” วาว่าอย่างอารมณ์ดี
แฟนธอมมองหน้าเด็กสาวอย่างลำบากใจ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาเองก็ไม่รู้วิธีที่จะตามหา  แต่พอเขามองลึกเข้าไปในดวงตาอันอ่อนโยนของวา  เขาก็รู้วิธีขึ้นมาอย่างน่าประหลาด  แฟงล้วงมือเข้าไปหยิบสร้อยสีเงินที่มีจี้รูปผลึกแก้วสีเขียวมรกต ขนมเปียกปูนออกมาแล้วยื่นให้เด็กสาว
“ผลึกแก้วนี้ ข้าได้มาจาก เออ......ชั่งมันเหอะ เอามันเป็นกุญแจสู่โลก Elements และเป็นเข็มทิศที่คอยจะชี้หาผู้กล้าในยุคที่ไม่ใช่ในโลกElements” เขาบรรยาย
วามองผลึกแก้วอย่างสนใจ เธอมีความรู้สึกคุ้ยเคยกับมันอย่างน่าประหลาด และเมื่อมันพ้นจากการเกาะกุมของมือของแฟนธอมน้อย จี้มรกตก็บรรจงชี้มาที่ วา พร้อมทั้งเปลี่ยนเป็นสีฟ้าของแซปไฟร์!! ซึ่งเป็นสีประจำตัวของ 1 ใน 4 ของผู้กล้าในตำนาน *ชไลเดน ท่านหญิงแห่งแสง*
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น