ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : เรายังใช้เวทย์ไม่เป็นเลยนะ
เสียงกระแอมดังขึ้นที่ประตูห้อง เด็กสาวรีบหมุนตัวกลับก่อนจะพบตนเองกำลังเผชิญหน้ากับ ท่านหญิงแห่งแสงสว่าง
“เอ่อ...ชะ..ชไลเดน” วาพูดเสียงติดขัดพลางก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิด
หญิงงามถอนใจก่อนที่จะเดินเข้ามาหาและตบไหล่เธอเบาๆ
“วันหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะวา เรื่องบางเรื่องเจ้าของบันทึกเขาไม่อยากให้คนอื่นรู้นะ” ท่านหญิงว่าด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
เด็กสาวค่อยๆเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตากลมโตเป็นประกายสีฟ้าอ่อนมีรอยบวมราวกับคนตรงหน้าพึ่งเสร็จจาการร้องไห้มา
“คะ..ค่ะ”เด็กสาวตอบรับ
แต่ยังคงจ้องดวงตาที่บวมจากการร้องไห้มา
“งั้นวันหลังอย่าทำอีกนะจ้ะ”
ชไลเดนว่าก่อนจะไล่วาไปนั่งที่เก้าอี้นวม
เด็กสาวทำตามที่หญิงงามบอกอย่างว่าง่าย เธอเดินไปยังเก้าอี้นวม ก่อนที่จะนั่งลงและทำเป็นหยิบเชลโล่ขึ้นมาพินิจพิเคราะห์ ขณะที่คอยสังเกตท่าทีของชไลเดนด้วย
หญิงงามนามชไลเดน ปิดบันทึกลงอย่างรวดเร็ว พลางปาดน้ำตาที่ค่อยไหลลงมา เธอหันหลังกลับมามองวา เห็นเด็กสาวกุลีกุจอดูสายเชลโล่อย่างสนใจ รอยยิ้มบางๆผุดขึ้นบนใบหน้าที่โศกเศร้า เธอเดินเข้าไปหาเด็กสาว ก่อนที่จะย่อตัวลงในระดับสายตาของวา
“เธอมีอะไรสงสัยรึเปล่าจ้ะวา” เธอถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
เด็กสาวมองเธออย่างตกใจ
“ระรู้ได้ไง” เธอถาม
ชไลเดนยิ้มก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
“แววตามันฟ้องจ้ะ”
วาถอนหายใจอย่างยอมจำนนก่อนที่คำถามมากมายจะหลั่งไหลออกจากปากของเธอ
\"เอ่อ ชไลเดนค่ะ มันเกิดอะไรขึ้นกับเมออซกันแน่ แล้วที่กระดาษนั่นเขียนว่าเคออซเป็นคนบงการเบื้องหลัง แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ที่โซนเนเธอรัลด์ แล้ว....” เด็กสาวจะถามต่อ
แต่คนงามยกมือปรามเสียก่อน
“เราว่านะ แค่เธอถามคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจก็คงใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 วันนะ” เธอว่ายิ้มๆ
วาก้มหน้าลงอย่างเก้อเขิน แต่ชไลเดนกลับหัวเราะ
“เอาเถอะ เอาเถอะไม่ผิดอะไรนี่ที่จะชั่งสงสัย เราว่าเธอนี่นิสัยคล้ายเมออซมากกว่าเราอีกนะเนี่ย” เธอว่า
วาเกาหน้าก่อนที่จะตระหนักบางอย่าง
“ชไลเดน!” เธอเรียก
“มีอะไร”หญิงงามตอบรับ
“คือเรื่องเมย์หน่ะ เขาโดนเมออซควบคุมอยู่รึเปล่า คือมีทางที่จะช่วยเขาได้ไหม คือ...” เด็กสาวพูดอย่างรัวเร็ว
แต่นี่ก็เป็นอีกครั้งที่ชไลเดนยกมือขึ้นปราม ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนเตียง
“ก่อนที่เธอจะไปกล่าวหาเมออซอย่างนั้น เราว่าเธอน่าจะได้รับรู้ความจริงบางอย่างเกี่ยวกับเมออซก่อนนะ”ชไลเดนว่าพลางก้มหน้ามองพื้น
“ปกติแล้วเมออซไม่ใช่คนที่ชื่นชอบการต่อสู้แต่อย่างใด เห็นอย่างนั้นก็เหอะเธอเป็นคนที่อ่อนหวานมาก ไม่เคยเลยที่จะรังแกใครโดยไม่มีเหตุผล” หญิงงามว่า
ดวงตากลมโตที่เป็นประกายยังคงจับจ้องพื้นที่ปูด้วยพรม
“ใช่แล้วเธอไม่เคยที่จะชอบการต่อสู้จนกระทั่ง โดนเจ้าแห่งความมืด หรือเบเนสโจมตี” ชไลเดนถอนหายใจ
ของเหลวใสๆค่อนๆไหลรินลงมา เธอฟุบหน้าลงกับมืออย่างช่วยไม่ได้
“มาคิดๆดูแล้วก็เหมือนกับเราฆ่าเพื่อนตัวเอง เพราะเราไปเชื่อคนทรยศอย่างเคออซ เพราะเราไปเชื่อมันทำให้ไม่ไปช่วยเมออซ”
วามองคนตรงหน้าอย่างตกใจ เธอไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
เด็กสาวยืนอย่างเก้กัง ก่อนที่จะเดินเข้าไปแตะต้นแขนของหญิงงาม
“เอ่อ...ชไลเดนค่ะ” เธอเรียกเบาๆ
หญิงงามเงยหน้าขึ้น เธอส่ายหน้าก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงเบาหวิว
“ตอนนี้เมออซอยู่ฝ่ายพวกมันไปแล้ว เธออยู่เพราะไม่งั้น พวกสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในโซนบ้านเกิดของเธอจะต้องพบหายนะ และเรา  ก็โดนตราหน้าว่าเป็นคนขี้ขลาดที่ไม่ยอมไปช่วยเหลือเธอ.......”
หัวสมองของวาดูเหมือนจะว่างเปล่า ทันใดที่ได้ยินคำพูดสุดท้าย
“อะไรกันเรื่องนี้มันเกินที่เธอจะควบคุมได้ มันเกินที่เธอจะรับได้!”
เด็กสาวค่อยๆนั่งลงคุกเข่าอย่างจนปัญญา ดวงตาเธอเหม่อลอยโดยสิ้นเชิง เด็กสาวนั่งลงอยู่ตรงนั้น นานเท่าใดก็ไม่อาจรู้ได้ แต่เธอยังคงจ้องต่อไปในอากาศธาตุ เสียงสะอื้นดังขึ้นเบาๆ วามองหาเสียงนั้นอย่างเหม่อลอย ก่อนสติที่มีอยู่เพียงน้อยนิดของเธอจะดับวูบลง
“วาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”เสียงเรียกอย่างต่อเนื่องดังเข้าสู่ประสาทรับรู้ของเธอ
เด็กสาวลืมตาขึ้นช้าๆ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใยของชัชและแฟงลอยเข้ามา เด็กสาวขยี้ตา ก่อนที่จะลุกขึ้นพรวด
“เมย์”เธอบอกน้ำเสียงแหบห้าว
\"คงไม่อยากให้เพื่อนตัวเองอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้อย่างนี้หรอกน่า”ชัชต่อให้พลางยักไหล่
แต่เด็กผมแกละกลับส่ายหน้าอย่างแรง
“แล้ว...เมย์หล่ะ”เธอถามพลางมองไปรอบๆ
“อยู่นอกวงเวลาครับ” แฟงตอบ
“วงเวลา??”วาว่าหน้างง
“เป็นเวทย์เวลาประเภทหนึ่งที่คนที่อยู่ในวงเวลาเท่านั้นที่จะเคลื่อนไหวได้”ชัชอธิบายตามระเบียบ
“งั้นก็เหมือนว่าพวกเรากำลังหยุดเวลาไว้สิ”เด็กสาวหันไปถามผู้รอบรู้
เขาพยักหน้า
วาหันหน้ากลับมาอย่างร้อนใจก่อนที่จะลุกขึ้น และเอาตัวพุ่งชนกำแพงที่มองไม่เห็นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ได้ผล สิ่งที่ครอบพวกเขานั้นแตกออก เสียงคล้ายแก้วแตกเข้าสู่ประสาทรับรู้ของทุกคนที่อยู่ในวงเวลา สายฟ้าฟาดลงมาทันทีที่วงเวลาแตกออก
เปรี๊ยง!!
“มิลเลอร์!!”ชัชตะโกนก้อง
ก่อนที่เวทย์ป้องกันจะกางเหนือร่างของพวกเขา สะท้อนสายฟ้ากลับขึ้นฟ้าไป เด็กผมแกละหันไปมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง
“ชัช...นายทำอย่างนั้นได้ยังไง”เธอถาม
แต่เด็กหนุ่มเพียงแต่ยักไหล่
“ชวาลฝึกให้ตั้งแต่เด็ก”เขาตอบสั้นๆ
แต่เเค่นี้ก็พอแล้วสำหรับวา
เมออซสบถพอเห็นเวทย์ของชัช เมย์หันไปมองเชิงขอคำแนะนำ หญิงสาวเลยบอกให้ลุยต่อแต่เตือนไว้ว่า
\"ระวังเวทย์ของไอ้หนุ่มนั่นให้ดี”
เด็กสาวพยักหน้าอย่างเข้าใจ จากที่เธอประมวลท่าทางของเมออซแล้ว เมย์ค่อนข้างจะมั่นใจว่าเวทย์ของเธอแพ้ทางกับเวทย์ของชัช เด็กสาวฟาดสายฟ้าใส่กลุ่มคนตรงหน้าอย่างไม่ลดละ ในแต่ละครั้งเธอฟาดใส่ในที่ที่เธอคิดว่าชัชไม่น่าที่จะกางเวทย์ป้องกันทัน แต่ผิดถนัด เพราะพลังเวทย์ที่โดนชวาลฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กของชัชนั้นไร้จุดอ่อน แต่เด็กสาวยังคงไม่ยอมแพ้ เธอยังคงฟาดสายฟ้าใส่กลุ่มคนตรงหน้าอย่างไม่ลดละ
ชัชวาลกางเวทย์ป้องกันอย่างต่อเนื่องจนตัวเขาเองเริ่มรู้สึกเพลีย
“วา”เขาเรียกเด็กผมแกละด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“ตอนนี้แหละ เรียกฝนเลย”เขาสั่ง
“แต่ชัช เรายังใช้เวทย์ไม่เป็นเลยนะ”เด็กสาวพูด
โดยที่เธอลืมไปอย่างสิ้นเชิงว่าพลังเวทย์ในตัวเธอมันตื่นขึ้นนับตั้งแต่ที่เธอมายังElementsในครั้งนี้
“ลองดูก่อนสิ”ชัชสั่ง
เขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย วาแหงนหน้าขึ้นฟ้า
ท้องฟ้าแจ่มใสสีคราม ไร้เมฆ ไร้ควันที่จะมาบดบังความงดงาม แสงอาทิตย์สาดส่อง ทุกอย่างดุราวกับหยุดนิ่ง เด็กสาวมองขึ้นไปด้วยดวงตาที่เหม่อลอย ท้องฟ้าชั่งงดงามอย่างน่าประหลาด ลำแสงฟาดลงมาที่ตรงขอบฟ้าด้านหนึ่ง ทำให้เธอหลุดจากภวังค์
“วามัวทำไรอยู่หน่ะ เรียกฝนสิ”ชัชว่า
ความหงุดหงิดจากการใช้พลังเวทย์อย่างต่อเนื่องเริ่มปรากฏในน้ำเสียง
“ทำไม่ได้”วาพูดเสียงเบา
ชัชส่งสายตาโกรธเคืองมาให้
“หมายความว่าไงที่บอกว่าทำไม่ได้”เขาว่าน้ำเสียงดุดัน
“เราไม่รู้ว่าใช้เวทย์ยังไง”วาตอบ
เด็กหนุ่มสบถออกมาก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงเหลืออด
“ปัดโถ่เอ๊ย วาลองใช้ดูซักทีสิ!!!!!” แฟงเห็นท่าไม่ดีแน่เลยสะกิดวาเบาๆก่อนที่จะกระซิบที่ข้างหู
“ลองนึกมโนภาพดูสิ”
เด็กสาวทำตามอย่างรวดเร็วเพราะแววตาของชัชเริ่มส่องประกายอย่างน่ากลัว วานึกภาพพายุฝน ริมฝีปากของเธอขยับน้อยๆ
“เรน สตรอม!!”
เสียงแหบห้าวแต่เป็นเสียงของเธอเองค่อยๆผ่านปากออกไป
“เอ่อ...ชะ..ชไลเดน” วาพูดเสียงติดขัดพลางก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิด
หญิงงามถอนใจก่อนที่จะเดินเข้ามาหาและตบไหล่เธอเบาๆ
“วันหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะวา เรื่องบางเรื่องเจ้าของบันทึกเขาไม่อยากให้คนอื่นรู้นะ” ท่านหญิงว่าด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
เด็กสาวค่อยๆเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตากลมโตเป็นประกายสีฟ้าอ่อนมีรอยบวมราวกับคนตรงหน้าพึ่งเสร็จจาการร้องไห้มา
“คะ..ค่ะ”เด็กสาวตอบรับ
แต่ยังคงจ้องดวงตาที่บวมจากการร้องไห้มา
“งั้นวันหลังอย่าทำอีกนะจ้ะ”
ชไลเดนว่าก่อนจะไล่วาไปนั่งที่เก้าอี้นวม
เด็กสาวทำตามที่หญิงงามบอกอย่างว่าง่าย เธอเดินไปยังเก้าอี้นวม ก่อนที่จะนั่งลงและทำเป็นหยิบเชลโล่ขึ้นมาพินิจพิเคราะห์ ขณะที่คอยสังเกตท่าทีของชไลเดนด้วย
หญิงงามนามชไลเดน ปิดบันทึกลงอย่างรวดเร็ว พลางปาดน้ำตาที่ค่อยไหลลงมา เธอหันหลังกลับมามองวา เห็นเด็กสาวกุลีกุจอดูสายเชลโล่อย่างสนใจ รอยยิ้มบางๆผุดขึ้นบนใบหน้าที่โศกเศร้า เธอเดินเข้าไปหาเด็กสาว ก่อนที่จะย่อตัวลงในระดับสายตาของวา
“เธอมีอะไรสงสัยรึเปล่าจ้ะวา” เธอถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
เด็กสาวมองเธออย่างตกใจ
“ระรู้ได้ไง” เธอถาม
ชไลเดนยิ้มก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
“แววตามันฟ้องจ้ะ”
วาถอนหายใจอย่างยอมจำนนก่อนที่คำถามมากมายจะหลั่งไหลออกจากปากของเธอ
\"เอ่อ ชไลเดนค่ะ มันเกิดอะไรขึ้นกับเมออซกันแน่ แล้วที่กระดาษนั่นเขียนว่าเคออซเป็นคนบงการเบื้องหลัง แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ที่โซนเนเธอรัลด์ แล้ว....” เด็กสาวจะถามต่อ
แต่คนงามยกมือปรามเสียก่อน
“เราว่านะ แค่เธอถามคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจก็คงใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 วันนะ” เธอว่ายิ้มๆ
วาก้มหน้าลงอย่างเก้อเขิน แต่ชไลเดนกลับหัวเราะ
“เอาเถอะ เอาเถอะไม่ผิดอะไรนี่ที่จะชั่งสงสัย เราว่าเธอนี่นิสัยคล้ายเมออซมากกว่าเราอีกนะเนี่ย” เธอว่า
วาเกาหน้าก่อนที่จะตระหนักบางอย่าง
“ชไลเดน!” เธอเรียก
“มีอะไร”หญิงงามตอบรับ
“คือเรื่องเมย์หน่ะ เขาโดนเมออซควบคุมอยู่รึเปล่า คือมีทางที่จะช่วยเขาได้ไหม คือ...” เด็กสาวพูดอย่างรัวเร็ว
แต่นี่ก็เป็นอีกครั้งที่ชไลเดนยกมือขึ้นปราม ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนเตียง
“ก่อนที่เธอจะไปกล่าวหาเมออซอย่างนั้น เราว่าเธอน่าจะได้รับรู้ความจริงบางอย่างเกี่ยวกับเมออซก่อนนะ”ชไลเดนว่าพลางก้มหน้ามองพื้น
“ปกติแล้วเมออซไม่ใช่คนที่ชื่นชอบการต่อสู้แต่อย่างใด เห็นอย่างนั้นก็เหอะเธอเป็นคนที่อ่อนหวานมาก ไม่เคยเลยที่จะรังแกใครโดยไม่มีเหตุผล” หญิงงามว่า
ดวงตากลมโตที่เป็นประกายยังคงจับจ้องพื้นที่ปูด้วยพรม
“ใช่แล้วเธอไม่เคยที่จะชอบการต่อสู้จนกระทั่ง โดนเจ้าแห่งความมืด หรือเบเนสโจมตี” ชไลเดนถอนหายใจ
ของเหลวใสๆค่อนๆไหลรินลงมา เธอฟุบหน้าลงกับมืออย่างช่วยไม่ได้
“มาคิดๆดูแล้วก็เหมือนกับเราฆ่าเพื่อนตัวเอง เพราะเราไปเชื่อคนทรยศอย่างเคออซ เพราะเราไปเชื่อมันทำให้ไม่ไปช่วยเมออซ”
วามองคนตรงหน้าอย่างตกใจ เธอไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
เด็กสาวยืนอย่างเก้กัง ก่อนที่จะเดินเข้าไปแตะต้นแขนของหญิงงาม
“เอ่อ...ชไลเดนค่ะ” เธอเรียกเบาๆ
หญิงงามเงยหน้าขึ้น เธอส่ายหน้าก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงเบาหวิว
“ตอนนี้เมออซอยู่ฝ่ายพวกมันไปแล้ว เธออยู่เพราะไม่งั้น พวกสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในโซนบ้านเกิดของเธอจะต้องพบหายนะ และเรา  ก็โดนตราหน้าว่าเป็นคนขี้ขลาดที่ไม่ยอมไปช่วยเหลือเธอ.......”
หัวสมองของวาดูเหมือนจะว่างเปล่า ทันใดที่ได้ยินคำพูดสุดท้าย
“อะไรกันเรื่องนี้มันเกินที่เธอจะควบคุมได้ มันเกินที่เธอจะรับได้!”
เด็กสาวค่อยๆนั่งลงคุกเข่าอย่างจนปัญญา ดวงตาเธอเหม่อลอยโดยสิ้นเชิง เด็กสาวนั่งลงอยู่ตรงนั้น นานเท่าใดก็ไม่อาจรู้ได้ แต่เธอยังคงจ้องต่อไปในอากาศธาตุ เสียงสะอื้นดังขึ้นเบาๆ วามองหาเสียงนั้นอย่างเหม่อลอย ก่อนสติที่มีอยู่เพียงน้อยนิดของเธอจะดับวูบลง
“วาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”เสียงเรียกอย่างต่อเนื่องดังเข้าสู่ประสาทรับรู้ของเธอ
เด็กสาวลืมตาขึ้นช้าๆ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใยของชัชและแฟงลอยเข้ามา เด็กสาวขยี้ตา ก่อนที่จะลุกขึ้นพรวด
“เมย์”เธอบอกน้ำเสียงแหบห้าว
\"คงไม่อยากให้เพื่อนตัวเองอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้อย่างนี้หรอกน่า”ชัชต่อให้พลางยักไหล่
แต่เด็กผมแกละกลับส่ายหน้าอย่างแรง
“แล้ว...เมย์หล่ะ”เธอถามพลางมองไปรอบๆ
“อยู่นอกวงเวลาครับ” แฟงตอบ
“วงเวลา??”วาว่าหน้างง
“เป็นเวทย์เวลาประเภทหนึ่งที่คนที่อยู่ในวงเวลาเท่านั้นที่จะเคลื่อนไหวได้”ชัชอธิบายตามระเบียบ
“งั้นก็เหมือนว่าพวกเรากำลังหยุดเวลาไว้สิ”เด็กสาวหันไปถามผู้รอบรู้
เขาพยักหน้า
วาหันหน้ากลับมาอย่างร้อนใจก่อนที่จะลุกขึ้น และเอาตัวพุ่งชนกำแพงที่มองไม่เห็นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ได้ผล สิ่งที่ครอบพวกเขานั้นแตกออก เสียงคล้ายแก้วแตกเข้าสู่ประสาทรับรู้ของทุกคนที่อยู่ในวงเวลา สายฟ้าฟาดลงมาทันทีที่วงเวลาแตกออก
เปรี๊ยง!!
“มิลเลอร์!!”ชัชตะโกนก้อง
ก่อนที่เวทย์ป้องกันจะกางเหนือร่างของพวกเขา สะท้อนสายฟ้ากลับขึ้นฟ้าไป เด็กผมแกละหันไปมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง
“ชัช...นายทำอย่างนั้นได้ยังไง”เธอถาม
แต่เด็กหนุ่มเพียงแต่ยักไหล่
“ชวาลฝึกให้ตั้งแต่เด็ก”เขาตอบสั้นๆ
แต่เเค่นี้ก็พอแล้วสำหรับวา
เมออซสบถพอเห็นเวทย์ของชัช เมย์หันไปมองเชิงขอคำแนะนำ หญิงสาวเลยบอกให้ลุยต่อแต่เตือนไว้ว่า
\"ระวังเวทย์ของไอ้หนุ่มนั่นให้ดี”
เด็กสาวพยักหน้าอย่างเข้าใจ จากที่เธอประมวลท่าทางของเมออซแล้ว เมย์ค่อนข้างจะมั่นใจว่าเวทย์ของเธอแพ้ทางกับเวทย์ของชัช เด็กสาวฟาดสายฟ้าใส่กลุ่มคนตรงหน้าอย่างไม่ลดละ ในแต่ละครั้งเธอฟาดใส่ในที่ที่เธอคิดว่าชัชไม่น่าที่จะกางเวทย์ป้องกันทัน แต่ผิดถนัด เพราะพลังเวทย์ที่โดนชวาลฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กของชัชนั้นไร้จุดอ่อน แต่เด็กสาวยังคงไม่ยอมแพ้ เธอยังคงฟาดสายฟ้าใส่กลุ่มคนตรงหน้าอย่างไม่ลดละ
ชัชวาลกางเวทย์ป้องกันอย่างต่อเนื่องจนตัวเขาเองเริ่มรู้สึกเพลีย
“วา”เขาเรียกเด็กผมแกละด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“ตอนนี้แหละ เรียกฝนเลย”เขาสั่ง
“แต่ชัช เรายังใช้เวทย์ไม่เป็นเลยนะ”เด็กสาวพูด
โดยที่เธอลืมไปอย่างสิ้นเชิงว่าพลังเวทย์ในตัวเธอมันตื่นขึ้นนับตั้งแต่ที่เธอมายังElementsในครั้งนี้
“ลองดูก่อนสิ”ชัชสั่ง
เขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย วาแหงนหน้าขึ้นฟ้า
ท้องฟ้าแจ่มใสสีคราม ไร้เมฆ ไร้ควันที่จะมาบดบังความงดงาม แสงอาทิตย์สาดส่อง ทุกอย่างดุราวกับหยุดนิ่ง เด็กสาวมองขึ้นไปด้วยดวงตาที่เหม่อลอย ท้องฟ้าชั่งงดงามอย่างน่าประหลาด ลำแสงฟาดลงมาที่ตรงขอบฟ้าด้านหนึ่ง ทำให้เธอหลุดจากภวังค์
“วามัวทำไรอยู่หน่ะ เรียกฝนสิ”ชัชว่า
ความหงุดหงิดจากการใช้พลังเวทย์อย่างต่อเนื่องเริ่มปรากฏในน้ำเสียง
“ทำไม่ได้”วาพูดเสียงเบา
ชัชส่งสายตาโกรธเคืองมาให้
“หมายความว่าไงที่บอกว่าทำไม่ได้”เขาว่าน้ำเสียงดุดัน
“เราไม่รู้ว่าใช้เวทย์ยังไง”วาตอบ
เด็กหนุ่มสบถออกมาก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงเหลืออด
“ปัดโถ่เอ๊ย วาลองใช้ดูซักทีสิ!!!!!” แฟงเห็นท่าไม่ดีแน่เลยสะกิดวาเบาๆก่อนที่จะกระซิบที่ข้างหู
“ลองนึกมโนภาพดูสิ”
เด็กสาวทำตามอย่างรวดเร็วเพราะแววตาของชัชเริ่มส่องประกายอย่างน่ากลัว วานึกภาพพายุฝน ริมฝีปากของเธอขยับน้อยๆ
“เรน สตรอม!!”
เสียงแหบห้าวแต่เป็นเสียงของเธอเองค่อยๆผ่านปากออกไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น