ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : สายฟ้าสีเลือด
เด็กสาวผมแกละมองเมออซ ก่อนจะไล่สายตามามองเพื่อนของเธอ
“เมย์โดนควบคุมเหรอ?” คำถามที่ยากที่จะหาคำเริ่มวนเวียนอยู่ในหัวเธอ
สัตว์มายาที่คนทั่วไปเรียกมันว่า ดิจิมอน ค่อยๆโผล่มาทีละตัว 2 ตัว  เพื่อดูสถานการณ์  ทุกตัวดูเหมือนจะพร้อมใจกันกลั้นหายใจเมื่อเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น แม้แต่ต้นไม่ใบหญ้าก็พากันหยุดเคลื่อนไหวไปด้วย บรรยากาศชวนน่าอึดอัด วามองรอบๆอย่างไม่สบายใจเลยก่อนที่คำพูดเย้ยหยันจะดังเข้ามาในประสาทรับรู้ของเธอ
“ไม่ยักรู้นะว่าคนที่ได้รับสืบทอดจิตวิญญาณของไอ้สวะชไลเดนจะยอมมาด้วย” เด็กผมแกละเลิกคิ้ว
“ไม่ใช่เสียงเมย์นี่”
เธอคิดก่อนจะค่อยๆมองตรงไปที่เพื่อนของเธอ
หญิงสาวผมซอยสั้นในชุดเสื้อคลุมหนังเหยียดริมฝีปาก เผยให้เห็นรอยยิ้มหยันที่เต็มไปด้วยการดูถูกคนตรงหน้า เด็กสาวผมซอยสั้นด้านหน้าของเธอนั้นมีอาการเช่นเดียวกัน ทำให้วามั่นในเป็นอย่างมากว่าเพื่อนของเธอโดนควบคุม แต่ทำไมกัน ทำไม อดีต 1 ใน 4 ผู้กล้าอย่างเมออซถึงได้ทำแบบนี้ทำไมกัน 
   
“จัดการเลยเมย์!!” เสียงสั่งดังขึ้นจากเบื้องหน้า
วามองตรงไปที่เพื่อนเธอ คอยดูท่าทีจากเด็กสาวตรงหน้า แต่รอยเหยียดยิ้มบนหน้าของเมย์ยังคงไม่จางหาย มิหนำซ้ำมันยังดูเหมือนรอยเหยียดยิ้มนั้นกว้างขึ้นอีกเป็นเท่าตัว!!  ระหว่างที่วากำลังดูท่าทีอยู่นั้น ผู้ที่คาดว่าน่าจะโดนควบคุมก็ค่อยๆย่างเท้ามาหาเธอ เด็กผมแกละเห็นท่าไม่ดีแน่เลยเรียกชื่อเพื่อนเธอออกไป
“เมย์!!” เธอเรียก
เด็กสาวผมซอยหยุดชะงักนิดนึง พร้อมรอยยิ้มหยันที่จางหายไปชั่วครู่ ก่อนที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่อาการที่ผิดแปลกของเธอนั้น แม้จะเกิดขึ้นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันกลับทำให้รอยยิ้มแห่งความยินดีไปปรากฎบนที่ใบหน้าเพื่อนของเธอได้
“ดีจัง อย่างน้อยเราก็พอมีทางที่จะเลี่ยงการต่อสู้บ้างหล่ะ” วาคิดอย่างลิงโลด
แต่...
เปรี๊ยง!!
สายฟ้าวิ่งผ่านอากาศลงมายังจุดที่เธอยืน เด็กสาวกระโดดหลบก่อนที่จะจ้องเพื่อนของเธอขเม็ง
“ทำไรของเธอหน่ะ เมย์” วาตวาด
คนผมซอยหยุดนิ่ง แต่รอยยิ้มหยันยังคงอยู่
“ทำตามที่ใจสั่งไงหล่ะ” เมย์ว่า
ก่อนจะยกมือขึ้นฟ้า พร้อมสายฟ้าที่เริ่มฟาดลงมาอย่างบ้าคลั่ง 
เปรี๊ยงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เด็กสาวผมแกละนอนลงบนพื้นดิน พลางกลิ้งตัวหลบสายฟ้าไปมา
“มีสมองเหมือนกันนี่!!” เมออซชมขณะที่กำลังยิ้มอย่างสบายอารมณ์
“นึกว่ามีแต่กำลังแต่ไร้ซึ่งสมอง” เมย์ต่อ
สัตว์มายา หรือ ดิจิมอนที่มุงดูอยู่แถวนั้นเริ่มโห่ร้องด้วยความยินดี เมื่อเห็นเด็กผมแกละหมดสิ้นซึ่งหนทางที่จะต่อกรกับผู้รับสืบทอดจิตวิญญาณของเจ้าหญิงของพวกเขา
เด็กผมซอยเห็นเพื่อนของตนนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น ก็กระตุกปากอีกครั้งก่อนจะเปลี่ยนรอนยิ้มหยันเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความแค้น เธอเดินเข้าไปเหยียบที่ต้นคอของเพื่อน
“เมย์...ทำไรของเธอหน่ะ ระ..เราเจ็บนะ” วาพูดอย่างเหนื่อยอ่อน
ขณะที่พยามผลักขาเมย์ออกไป แต่ไม่เป็นผล เด็กผมซอยมองคนที่มองอยู่ที่พื้นด้วยแววตาที่ไร้วิญญาณ ก่อนที่จะพูดเรียบๆ แต่น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความเกลียดชัง
“สมควรแล้วสำหรับคนขี้ขลาดแกหน่ะ แค่นี้ยังน้อยไป ยังน้อยไปสำหรับความทรมานที่เราได้รับจากการบุกของเบเนส”
พูดจบเมย์ก็เตะเธอไปไกล และเดินกลับไปรับเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีของเหล่าดิจิมอน
วาเริ่มบันดาลโทสะ
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ!!”  เธอว่า
ก่อนที่ชูมือขึ้นฟ้า
“ด้วยนามแห่งแซปไฟร์ ขอบัญชา ฝนเอย น้ำกรดเอย จงลงมาต้องพื้นพสุธา ณ บัดนี้!!”
เสียงทรงอำนาจออกจากปากที่เลอะไปด้วยฝุ่นของเด็กผมแกละ ไม่นานฟ้าที่เคยใส กลับมืดครึ้ม เมฆที่เคยดูเบาบางกลับมารวมตัวกัน กลั่นเม็ดฝนให้ตกลงมา จนทั่วทั้งพื้นดินกลายเป็นโคลน และเมื่อยามใดที่ฝนตกลงมาต้องต้นไม้ควันที่เกิดจากการทำปฏิกิริยาของกรดกับไม้ก็มีให้เห็นอยู่ทั่วไป ดิจิมอนทุกตัวตกอยู่ในความกลัว และวิ่งหนีกันอย่างไม่คิดชีวิต แต่ท่ามกลางความวุ่นวายนั้นเอง ผู้ชายผมยุ่งคนหนึ่งที่ซ่อนตัวเองอยู่ในเงามืดกลับยิ้ม ก่อนที่จะกระซิบเบาๆ
“ไม่อยากเชื่อเลยนะชไลเดน ว่าผู้สืบทอดของเธอจะสามารถใช้เวทย์ระดับปรมาจารย์อย่างพวกเราได้เร็วขนาดนี้”
น้ำฝนเทลงมาจากฟ้าอย่างบ้าคลั่ง ผสานกับกลิ่นไหม้จากการทำปฏิกิริยากันของเนื้อไม้กับกรด ทำให้ดิจิมอนหลายตัววิ่งหนี หลบกันอย่างหวาดกลัว แต่คนตรงหน้าของวากลับหัวเราะชอบใจ
“ขอบใจนะ แกนี่ เหมือนที่เราว่าไม่มีผิดเลย”
เด็กผมแกละมองเธออย่างโกรธเคือง สมองของเธอนั้นราวกับจะระเบิดออกด้วยความโกรธ วาจ้องเมย์อย่างแค้นเคืองก่อนที่จะยกมือขึ้นฟ้า เตรียมร่ายคาถาที่มันมีผลมากกว่านี้
เปรี๊ยง!!
สายฟ้าผ่าลงมาจากท้องฟ้าที่มือครึ้ม โดนตัวเด็กผมแกละอย่างจัง ร่างที่มองคนตรงหน้าด้วยแววตาเกลียดชัง ค่อยๆล้มลงหมดสติอยู่กับพื้น
“ขอชมในพลังเวทย์ของเธอนะวา แต่ดูเหมือนเรื่องที่เธอยังควบคุมอารมณ์ได้ไม่ดีเท่าที่ควรนะ ไม่งั้นเธอคงไม่เรียกฝนมาหรอกใช่ไหม  โดยเฉพาะฝนที่เป็นน้ำกรดด้วยแล้ว!!” เมย์พูดเสียงเบาก่อนจะส่ายหน้า
และเดินกลับไปยังที่ที่เมออซยืนรออยู่
สายลมอ่อนๆพัดมาตามหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดทิ้งไว้ ต้องร่างหมดสติที่นอนอยู่เตียงอ่อนนุ่มที่ปูด้วยผ้าปูที่นอนสีฟ้าอ่อน และผ้านวมผืนใหญ่ที่เข้าชุดกัน เสียงพิณที่แสนไพเราะดังแว่วมาตามสายลม เด็กผมแกละลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เธอหยีตาสู้แสงสีทองที่ส่องลงมายังตัวเธอ วาค่อยๆยันตัวลุกขึ้น ก่อนจะสอดส่ายสายตาไปรอบๆห้อง
โต๊ะที่ทำด้วยไม้ที่ดูเหมือนไม้บีชวางอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้องที่กว้างใหญ่ ขนาบด้วยชั้นหนังสือที่มีหนังสือทั้งเล่มบางเล่มหนาวางอยู่เรียงรายเต็มแน่นทุกชั้น ถัดมาเป็นเชลโล่ที่วางพิงเก้าอี้บุนวมท่าทางนั่งสบาย พร้อมแท่นวางโน้ตที่วางอยู่ใกล้ๆกัน เด็กสาวผมแกละลุกออกจากเตียงก่อนจะเดินสำรวจรอบๆ เธอพบสมุดที่หุ้มด้วยทองคำเปลววางอยู่บนโต๊ะทำงาน วามองซ้ายมองขวาก่อนจะเปิดมันช้าๆ
“วันที่ 3 เดือนแรม ปีอะเกต” วาอ่านที่หัวกระดาษหน้าแรก
“บันทึกของชไลเดนงั้นเหรอ?” เธอคิดกับตัวเอง
เมื่อดูจากสภาพห้องและเครื่องดนตรีที่วางอย่างทะนุถนอม ก่อนจะชั่งใจว่าจะอ่านต่อหรือไม่ แต่แล้วความอยากรู้อยากเห็นก็ชนะ เมื่อเด็กสาวเริ่มอ่านบันทัดต่อไป
“เมื่อวันก่อนเราได้ทำเรื่องที่ร้ายแรงมากไป นั่นคือการไม่ไปช่วยเมออซปกป้องเมืองของตนไม่ให้ถูก [i[เบเนสโจมตี  ให้ตายเหอะ ตอนแรกเราก็ตั้งหน้าตั้งตาจะไปอยู่แล้ว แต่ก็ทำไมกันนะ ทำไมเคออซถึงมาห้ามเราไว้ เออ น่าแปลกนะที่เรายังเชื่อตามเคออซอีกนี่ขนาด.. เอาเหอะ ตอนนี้โซนเนเธอรัลโดนทำลายจนพังพินาศ และเมออซก็คงตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเบเนสไปแล้ว ให้ตายเหอะ ตอนนี้ไม่อยากเจอหน้าเมออซเลย ไม่อยากนึกถึง.....” บันทึกยังคงดำเนินต่อไป
แต่ข้อความหลังจากนั้นก็ยากเกินกว่าที่จะอ่านได้ เพราะมันเลอะไปด้วยรอยน้ำตา
ระหว่างที่วากำลังอ่านอยู่นั้น กระดาษแผ่นเล็กๆก็ตกลงมาจากบันทึกเล่มนั้น เด็กสาววางบันทึกลง ก่อนที่จะก้มตัวหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆที่ตกขึ้นมาแทน ภาพที่เธอเห็นนั้นแทบทำให้หัวใจของเธอหยุดเต้น
คำบรรยายใต้ภาพเขียนไว้ว่า
“สภาพของเจ้าหญิงแห่งเงาในแสงสว่างหลังจากพ่ายให้จ้าวแห่งความมืด หรือเบเนส ข่างจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ บอกมาว่า การที่เบเนสมีชัยชนะเหนือเจ้าหญิงแห่งเงาในแสงสว่างครั้งนี้ เพราะได้รับการช่วยเหลือจากผู้ที่อยู่เหนือเหล่านางไม้และวิญญาณดิน 1 ในอดีต 4 ผู้กล้า หรือ ท่านเคออซ อัศวินแห่งรัตติกาลนั่นเอง!!”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น