ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมื่อผมเป็นตัวละครลับ พี่ชายตัวละครร้าย (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #2 : น้องชายที่ปรากฎมาก่อนกำหนด สามารถทำให้พี่ชายใจสลายได้นะเอ่อ

    • อัปเดตล่าสุด 30 มิ.ย. 64


     

        หลังจากที่ผมจำชาติที่แล้วได้นั้น ก็ผ่านมาสามอาทิตย์กว่าแล้ว ถ้าถามว่าทำไมผมไม่ไปโรงเรียนละก็ เพราะโรงเรียนของผมยังไม่เปิดยังไงละ ช่างสบายเสียจริงเลยชีวิตของท่านริทสึเนี่ย ~~~

         แต่ถึงแม้จะเปิดเทอมแล้วก็เถอะ ตัวผมก่อนที่จะจำอะไรได้ ก็ไม่ค่อยไปโรงเรียนอยู่ดี จนทำเอาผมคิดว่า น่าจะไม่มีใครจำผมได้แล้วด้วยซ้ำ ตามที่ผมคิดน่ะนะ แต่ผมก็หาได้แคร์ไม่  ขอแค่ไม่มีใครมารังแกผมก็พอ แค่ให้ผมอยู่อย่างสงบสุข เกาะท่านพ่อท่านแม่ไปกินวันๆ ผมก็พอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้มากที่สุดแล้ว 

         เรียกง่ายๆว่า ผมขอเป็นภาระให้พวกท่านได้เลี้ยงดูผมไปตลอดชีวิตเลยล่ะกันนะครับ ท่านพ่อท่านแม่ที่น่ารักของผม หึหึ

         แล้วในวันหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังเดินรอบบ้านเพื่อหาที่นอนตามปกตินั้น  ซึ่งที่ถ้าเป็นตัวผมคนก่อน ที่ยังไม่ได้มีความจำของชาติที่แล้วอยู่ละก็  คงไม่ทางได้รู้อะไรบางอย่างเข้าอย่างนี้หรอกครับ เพราะตัวผมนั้นช่างไร้มนุษย์สัมพันธ์ และไม่เห็นเงาหัวใครเลยจริงๆ คิดๆไปนิสัยของผมมันก็ไม่ดีจริงนั้นแหละครับ
     
         และเพราะนิสัยแบบนี้ของผมเนี่ยละ ที่ทำให้ไม่ว่าผมจะเดินไปที่ไหน ทำอะไร อยู่ในทิศทางใดของบริเวณบ้านของผม ที่มีคนในแก๊งมักจะมาเดินตรวจตรา ดูความเรียบร้อยต่างๆภายนอกบ้าน เพื่อความปลอดภัยตระกูลโทโมยะ พอทุกคนเห็นผมเดินผ่านมาทางที่พวกนั้นยืนอยู่ ทุกคนล้วนแล้วแต่หลบหน้าผมกันเสียทุกคน 

         นี้อะไรกัน นี่พวกนายจะมากลัวอะไรกัน กับอีแค่เด็ก 12 ขวบ ที่แค่มีนิสัย ชอบตบหน้าคนที่ทำให้ไม่พอใจไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิง ชกต่อยเก่งจนอาจารย์ที่มาสอนวิชาการต่อสู้ให้ที่บ้าน ต้องหงายเก็งบาดเจ็บกลับบ้านกันไปเสียทุกราย

          เดือดร้อนท่านพ่อต้องให้เงินค่ารักษาพยาบาลกลับไปรักษาตัว  มีเรื่องกับอันธพาลที่เข้ามารีดไถเงิน ตอนกำลังเดินเล่นในเวลาใกล้มืดค่ำ ซึ่งพอนึกย้อนไปแล้ว ตัวผมออกไปเดินเล่นอะไรเวลานี้กันนะ นี้มันเหมือนกับจงใจให้โดนรีดไถ่อยู่เลยไม่ใช่รึไงกัน ขนาดผมทำเอง ผมก็ยังงงเองเลยครับ 

          แถมยังสามารถเอาชนะได้แบบ 2 ต่อ1  เป็นการชนะแบบใสๆ ไร้มลทิลอีกตั้งหาก  แทบไม่ต้องออกแรงอะไรมาก ไหนจะมีเรื่องที่โรงเรียนไม่เว้นแต่ละวัน เช่นโดดเรียน ต่อยรุ่นพี่ตีรุ่นน้องที่มามองหน้า หรือมาเดินขว้างทาง พูดง่ายๆ อะไรที่มันเลวร้าย ริทสึคนนี้กวาดเรียบทุกรายการ พูดเองก็ชักจะรู้สึกว่าตัวเองนี้เลวบริสุทธิ์จริงๆ น่านับถือๆ 

         ดีที่อย่างน้อย ผมตอนนี้ยังไม่ได้เป็นพวกฟันแล้วทิ้งอีกคดีให้สะเทือนใจในความเลวของตัวเอง ก็ผมยังจำอะไรไม่ได้นี้น่า เลยทำตามใจอารมณ์มากไปหน่อย หน่อยจนทุกคนในโรงเรียนทุกคน ต่างตั้งฉายาให้ผมเลยละครับว่า ท่านจอมมารริทสึ  หรือเรียกสั้นว่า ท่านจอมมาร ตั้งชื่อได้แฟนตาซีมากครับขอบอก แต่ผมก็ชอบฉายานี้มาก เพราะมันดูเท่แบบโคตรๆเท่เลยละครับ ฮ่าฮ่าๆ ข้าคือจ้าวโลก เข้ามาเลยผู้กล้า ข้าจะปราบพวกเจ้าให้เรียบ ด้วยฝามืออรหันต์ของข้า กร๊ากกกฮ่าฮ่าๆ 


         แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ที่ผมสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ ก็คงต้องโทษที่ชาติที่แล้วของผมนั้นแหละ ที่ดันเก่งในด้านศิลปะการต่อสู้ จนจำข้ามชาติมาจนถึงชาตินี้ได้ มันอะเมซิ่งสุด ๆ ไปเลย แถมตามเซตติ้งเกมของ ริทสึเอง ก็เก่งเรื่องชกต่อยเป็นทุนเดิมอยู่  เลยมีนิสัยที่ข้องจองกันในหลายๆส่วน กับตัวผมในชาติก่อน

         เช่นนิสัยติดจะนอนไปได้ทุกที ขี้เซาเซาอย่างรุนแรง ทำตัวเอือยเฉือยไปวันๆ เหมือนพวกขาดน้ำตาล ไม่สนใจโลกในบางเวลา แต่อย่างน้อยผมก็ยังเห็นใจคนอื่นอยู่บ้าง ไม่เหมือนริทสึคนก่อน ที่จะไม่แคร์ใครทั้งนั้นจะทำอะไรก็ต้องทำ ตามใจตัวเองมากที่สุด 

          ทำให้ท่านพ่อท่านแม่กลุ้มใจเป็นอย่างมาก ที่ลูกชายเพียงคนเดียวของท่าน เป็นเด็กเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจแบบนี้ จนยากที่จะสานสายสัมพันธ์กับผม ท่านแม่เลยตั้งใจ ลงครัวเพื่อทำกับข้าวเองเสียเลย เพื่อจะได้กระชับความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัว แต่ผมที่กินเข้าไป กับได้ไปกระชับมิตรสานสายสัมพันธ์กับความตายแทนเสียก่อนได้  ช่างน่ากลัวจริงๆอาหารฝีมือท่านแม่ ขอย้ำว่าอาหารของท่านแม่ช่างน่ากลัวยิ่งนัก!!

         หลังจากนั้น พอผมออกจากโรงพยาบาลมาได้ พวกท่านก็ค่อยเอาอกเอาใจผมมาตลอด ดูแลอย่างดีไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ทำให้ผมที่ผ่านการระลึกชาติมาแล้ว  เพราะได้ผ่านประสบการณ์เฉียดตายมานั้น รู้สึกซาบซึ้งกับความรักที่ยิ่งใหญ่ของท่านพ่อและท่านแม่ทันที จากที่เป็นคนไม่เห็นหัวใคร ตอนนี้อย่างน้อยผมเห็นหัวของท่านแม่ขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกันนะครับ

          โดยเฉพาะความรักอันเต็มเปี่ยมของท่านแม่ ที่ผมจะไม่วันลืมเด็ดขาด ขอย้ำว่าเด็ดขาด!! ดังนั้น ผมจะไม่ทำตัวให้ท่านเป็นกังวลได้อีก!! เพราะฉะนั้น อย่าคิดที่จะทำอาหารอีกเลยนะครับ ผมยังไม่อยากเฉียดเข้าใกล้ความตายเป็นรอบที่สอง เนื่องมาจากอาหารฝีมือของท่านแม่!!

         แต่วันนี้พวกท่านดูเหมือนจะธุระ รีบออกจากบ้านกันแต่เช้า หลังจากทานอาหารเสร็จ ผมเองก็ไม่ได้ถามอะไรให้มากความ เพราะตอนนี้ผมอยากจะฟิตร่างกายเอาไว้ต่อกรกับไอ้น้องชายมหาประลัยของผมเสียหน่อย

          ที่ไม่แน่ ในอนาคตของผม มันอาจจะเกิดบ้าขึ้นมา เพราะไม่สมหวังกับจุนนายเอกสุดอนาถของเรื่อง แล้วจะมาอาละวาดโวยวายเพราะช้ำรัก จนหน้ามืดมาข่นขื่นผมเข้าจริงๆอย่างในเกมก็ได้

         เพียงแค่คิด ขนผมก็ลุกซู่ทั้งตัว ไม่ได้การละ ผมยังไม่อยากถูกน้องชายชิงเอกราชของผมหรอกนะ ถึงแม้ที่ผมเกิด มันจะเป็นถึงเกมบอยเลิฟ  ที่พ่อแม่ให้เสรีกับลูกเรื่องความรัก ที่ไม่สามารถจำกัดเพศได้ก็เถอะ แต่ผมก็ยังอยากเจอรักกับสาวน้อยน่ารักอยู่ดีนะครับ

         หลังจากที่คิดได้อย่างนั้น ผมก็ออกกำลังกายทุกวันเช้า-เย็น ตั้งแต่ที่จำอะไรได้หมดทุกอย่าง ทำเอาทุกคนในบ้านต่างก็ตกใจ และหวาดผวากันไปพักๆ

          ที่นายน้อยริทสึจอมเกเรของบ้าน  ลุกขึ้นมาออกกำลังกายแต่เช้าอย่างนี้ อย่าว่าแต่ตื่นเช้าเลย ต้องบอกว่านิสัยของนายน้อยริทสึเปลี่ยนไปมาก 

         ไม่ออกจากบ้านไปมีเรื่องชกต่อย หรือทำตัวเกเรให้พวกคนในแก๊งต้องไปสะสางเรื่องให้ ไหนจะไม่ตบหน้าคนที่มาขว้างทางตอนเดินผ่านมาพอดีอีกละ แค่นี้ก็บุญถมแล้ว  หลังจากที่ได้กินอาหารฝีมือนายหญิง จนได้เข้าโรงพยาบาลไปตั้ง 5 วัน คิดแล้วก็รู็สึกสงสารน้อยนายไปในตัว คนในแก๊งที่เห็นความเปลี่ยนแปลงนั้นของริทสึต่างทอดถอนหายใจให้อย่างปลงๆ

         "ฮัดชิ้ว"  ผมที่กำลังออกกำลังตอนเช้าอยู่ดี ๆ  ก็รู้ได้ถึงกระแสจิตบางอย่างจากใครหลายๆคน ที่กำลังบ่นอะไรผมอยู่สักอย่าง แต่ก็ช่างมันเถอะ เพราะตอนนี้ผมชักเบื่อ ๆ ซะแล้วสิ ขอออกไปเดินเล่นสักหน่อยละกัน ไหน ๆ ท่านพ่อกับท่านแม่ก็ไม่อยู่แล้วด้วย

         ไม่รอช้า ผมก็เดินจ้ำอ้าวออกนอกบ้านไปทันที เพราะไม่อยากให้มีคนมาคอยติดตามอยู่ตลอดเวลาที่ผมจะไปไหน ทั้งที่ผมเองก็ไม่เข้าใจ ว่าที่เจ้าพวกนั้นตามผมมา เพราะกลัวผมจะถูกหาเรื่อง หรือเพราะว่ากลัวผมจะไปหาเรื่องใครกันแน่ ถึงได้ตามผมมาทีเป็นห้าหกคน อีกทั้งยังเอาแต่คนที่ดูตัวใหญ่ ๆ มาตามผมอีกทั้งนั้น ผมละไม่เข้าใจจริง ๆ จะระแวงอะไรผมกันขนาดนั้น

         พอเดินมาได้สักพัก ยังไม่ทันได้ไปถึงไหนไกลจากบ้าน ผมก็ไปเจอกับเข้าเด็กกลุ่มหนึ่ง ที่กำลังตีวงล้อมอะไรบางอย่างเข้าพอดี ทำอะไรกันน่ะ มามุงอะไรกันแถวนี้ มันขวางทางของผมนะ เจ้าพวกเด็กบ้านี้ แต่ไหน ๆ แล้ว ขอผมไปดูด้วยสักหน่อยก็แล้วกัน ชิ!! 

         ผมแอบเดินไปใกล้ๆกลุ่มเด็กพวกนั้นอย่างเงียบๆ แล้วแอบซุ่มดูอย่างข้างหลังก่อนที่จะ

         "มาทำอะไรกันตรงนี้ไม่ทราบ.." เป็นไงครับทุกท่าน เปิดตัวอย่างอลังการงานช้าง ผมนี้มันเหมือนพระเอกจริงๆเลยครับ ให้ตายสิ คนมันมีออร่าพระเอกมากกว่าพระเอกก็เป็นเสียอย่างนี้ละนะ เฮ้อ เหนื่อยใจเบบี้

         "ท่านริทสึ!!" เด็กพวกนั้น พอรู้ว่าเป็นใครที่เข้ามาทัก ก็ต่างพากันวิ่งหนีตายจากผมกันไปคนละทิศคนละทางอย่างหวาดกลัว พร้อมกับเสียงอันโหยหวนชวนสยองที่ลอยออกมา จากกลุ่มเด็กพวกนั้น

         เห้ยๆ คนนะไม่ใช่ผี ที่จะได้วิ่งหนีกันป่าราบแบบนั้นนะ ไอ้พวกไม่มีมารยาทเอ๊ย!! เดี๋ยวพ่อก็อัดซะให้อ่วมเลยหนิ มาทำเสียงอย่างกับหมูโดนเชือดให้ผมฟังแต่เช้าแบบนี้

         แล้วตกลงเจ้าพวกนั้นมันแกล้งอะไรอยู่ละเนี่ย มัวแต่สนใจที่จะแกล้ง เอ๊ย ที่จะช่วยจนลืมดูว่าผมได้เข้ามาอะไรเอาไว้ ผมคิดว่ามันคงจะเป็นลูกสุนัขไม่ก็ลูกแมวเป็นแน่ 

         แต่สิ่งที่ปรากฎให้ผมเห็นตรงหน้ากลับไม่หมา ไม่ใช่แมว แต่เป็น งู  

         เห้ย!! มาไงวะเนี่ย แถมยังเป็นงูเผือกอีกตั้งหาก ตัวประมาณเท่าหัวนิ้วโป้ง กำลังนอนขดตัวจ้องหน้าผมอยู่ ข้างก่อหญ้าอย่างหวาดกลัวผมจะทำร้ายมัน 

         เออ ที่นี่จะเอายังไงต่อดีละ ในเมื่อเจ้าสิ่งมีชีวิตที่ผมเห็นไม่ใช่ทั้งหมาและแมว ถ้าอย่างนั้น ผมคงต้องปล่อยมันไปตามยถากรรมสินะ ตามหลักของคนดีที่มีคุณธรรมแล้ว ท่านรึทสึคนนี้ถือคติไม่แกล้งสัตว์ที่อ่อนแอกว่า แต่จะแกล้งคนที่อ่อนแอกว่าเพียงเท่านั้น ผมนี้ใจดียังกับพระแม่มารีทรงโปรดเลยแท้ๆนะเนี่ย ถ้าผมเกิดเป็นผู้หญิงนะครับ ตำแหน่งนี้คงหนีไปไหนไม่พ้นผมเป็นแน่ ฮึฮึ

         แต่เอาจริงๆ ผมแค่ไม่อยากไปยุ่งกับสัตว์พวกที่ดูถ้าแล้วพิษเท่านั้นแหละครับ ใครมันจะไปเสี่ยงกัน ถึงเจ้างูนี้มันจะน่ารักสักแค่ไหน แต่ผมก็ขอปล่อยมันคืนสู่ธรรมชาติดีกว่า เอาง่ายๆคือขี้เกียจเข้าไปยุ่งด้วยนั้นแหละ แต่อย่างน้อยขอผมพูดให้ตัวเองดูดีขึ้นมาสักหน่อยเถอะครับ 

         เพื่อเรียกเครดิตให้กับตัวเองสักนิดแล้วกัน ออร่าคนใจดีของผม จะได้แผ่กระจายออกมาให้คนบนโลกได้รับรู้เสียบาง ว่าแท้จริงแล้ว ท่านริทสึนั้น ที่ทุกคนต่างลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์อย่างพร้อมเพรียงกัน ให้เรียกผมกันว่าท่านจอมมาร จริงๆแล้วเป็นคนที่จิตใจดีโอบอ้อมอารีถึงเพียงใด 

         "น่าสงสารจัง..มาเจออะไรที่บั่นถอนความรู้สึกให้ผมสะเทือนแต่เช้าแบบนี้ น่าสงสารเจ้างูน้อยจริง ๆ " ผมที่แกล้งพูดลอยๆ เพื่อให้คนที่ได้ยินจะได้คิดว่าผมนั้นช่างใจดีแค่ไหน และกำลังรู้สึกสะเทื่อนใจกับเหล่าเด็กๆที่มารุมแกล้งไอ้เจ้างูเผือก

         ก่อนที่ผมจะค่อย ๆ เดินถอยหลังกลับเข้าไปในบ้านอย่างเนียน ๆ โดยคงเอาไว้ด้วยมาดคนดีให้คนจดจำ แต่จริงแล้ว เพราะเริ่มหิวขนมว่างขึ้นหน่อย ๆ เท่านั้นเอง แต่เหมือนเจ้างูเผือกจะไม่เข้าใจ มันจ้องผมมาที่ผมเขม็ง ราวกับว่ามันกำลังจะส่งกระแสจิตมาให้ผมได้รับรู้อะไรบางอย่าง ด้วยสายตาที่เป็นประกายวิงวับแบบฉบับสาวน้อย ก่อนที่มันจะเลื้อยขึ้นมาบนขาของผมอย่างรวดเร็วแบบที่ผมทำใจไม่ทัน หยุดหายใจไปช่วงขณะ จากนั้นมันจึงค่อยๆเลื้อยไต่ขึ้นมาตามลำตัว  ลามมาจนถึงอก และมาหยุดอยู่ที่คอของผม  

         ใบหน้าของเจ้างูมาหยุดชูหน้าเล็กๆน่ารักๆของมัน เข้ามาใกล้ใบหน้าที่ดูหล่อร้ายของผมในระยะประชิด ไม่รอช้า ผมเก็บลมเข้าปอด ส่งเสียงแหกปากร้องทันที อย่างตกใจเหลือหลายมากมายคณานับ ไอ้บ้า ใครใช้ให้แกขึ้นมาเลื้อยเล่นบนตัวผมกัน ผมไม่ใช่เครื่องเล่น ที่เอาไว้เพิ่มความเมามันส์กับชีวิตของแกนะครับ!!

         "ว๊ากกกกก!! ออกไป!! มาเกาะคอผมทำไมเนี่ย!! ออกไปนะเว้ย..ออกไป."เสียงเอะอะโวยวายของผมที่ดังเป็นระยะ มันคงจะโหนหวนมากเกินไป จนคนในแก๊งของผมสองคน ที่กำลังเดินตามหาตัวผมอยู่มาได้ยินเข้าพอดี 

         ใบหน้าของคนในแก๊งผม ซีดเผือกลงทันตาเห็น เมื่อพบว่าผมกำลังดึงตัวของเจ้างูเผือกตัวนั้น ออกจากคอของตนเองอยู่  ก่อนที่พวกนั้นจะพากันกรู วิ่งเข้ามาหาผมอย่างตื่นตระหนก

         "นายน้อย!! นายน้อยอย่าตายนะครับ ถ้านายท่านกับนายหญิงกลับมา แล้วเห็นท่านโดนงูรัดคอตาย ท่านทั้งสองจะต้องเสียใจเป็นแน่เลยครับ!! ดังนั้น อย่าตายนะครับนายน้อย!.."ไอ้หอก ผมยังไม่ตายเห็นรึเปล่าว่าผมกำลังแหกปากร้องให้คนช่วยอยู่เนี่ย ไอ้พวกบ้าเอ๊ย!!  อย่ามาแช่งผมนะ!!

         "โถ๋.. นายน้อยริทสึที่น่าสงสาร!! ท่านอย่าตายแล้วมาหลอกหลอนพวกเราเลยนะครับ!! โฮ่ๆๆๆ.. " พวกท่านทั้งสองครับ ช่วยแหกตาดูผมหน่อยเหอะ ผมบอกว่าผมยังไม่ตาย เมื่อไรจะเลิกแช่งให้ผมตายสักที แล้วมาช่วยผมกันละเนี่ย!!  ไอ้พวกไร้ประโยชน์พวกนี้

         "จะร้องไห้กันอีกนานไหม ผมบอกว่าให้มาช่วยผมไง เร็วๆเข้า!! ก่อนที่ผมจะเล่นงานพวกนาย!!" ผมที่สุดท้ายทนไหว ตะเบ็งเสียงแข่งกันไอ้ลูกกระจ๊อกที่กำลังส่งเสียงสาปแช่งให้ผมตาย จนทั้งสองคนทำหน้าเหลอหลาสไลด์ตัวเข้ามาหาผมตามคำสั่งของผมอย่างร้อนร้น

         "..เออ นายน้อยครับ เจ้างูนี้มันเชื่องมากๆเลยนะครับ..ดูสิเนี่ย.." พอเจ้าพวกใหญ่แต่กล้าม แต่สมองเหมือนปุยนุ่น เอาเจ้างูเผือกตัวที่เกาะผมออกไปได้แล้ว ก็ชูตัวเลื่อมๆของเจ้างูเผือกที่อยู่ในมือ ขึ้นมาให้ผมดู อย่างอวดๆ

         "งั้นก็เลี้ยงซะสิ..ไอ้พวกไร้ประโยชน์.."ผมตอบกลับไปอย่างประชดประชันไปให้ทั้งสองคนนั้น ทำให้ใบหน้าของของทั้งคู่เหยเกไปนิดๆ ที่โดนประชดใส่ 

         ก็กว่าพวกนั้นมันจะช่วยผมได้ ก็ยืนร้องกรี๊ดกร๊าดกันอยู่พักใหญ่ เอาแต่บอกว่านายน้อยระวัง นายน้อยอย่านะครับ อยู่นั้นแหละ ไม่ยอมขยับร่างใหญ่ ๆ ของพวกนั้น เข้ามาช่วยผมสักที จนเป็นผมเองนี้แหละที่ดึงเจ้างูเผือกออกได้เอง ด้วยความหมั่นไส้ จึงโยนไปใส่เจ้าพวกมันซะเลย ให้มันร้องกรี๊ดกันให้สะใจ ไม่องไม่แอ็บมันแล้ว ไอ้ภาพลักษณ์คนดีเนี่ย เลิก!! พอ!! จบ!! เบื่อ!!   ชิ

         แต่พอเจ้างูนั้นหลุดออกจากคอผมไปได้ มันก็ทำท่าทีเชื่องซึม เหมือนไม่มีแรง ดูหงอยเหงาราวกับสุนัขที่เจ้าของไม่ดูแล ไม่เหมือนตอนที่ได้เกาะผมเลยสักนิด ที่เอาแต่ขืนตัวไม่ยอมปล่อยคอของผม จนตอนนี้คอของผมแดงไปหมด เป็นเพราะแกเลยไอ้ไส้เดือนเผือกเอ๊ย!! ทำให้คอที่เนียนผ่องของผม ต้องมามีจุดด่างพลอยเสียได้

         ด้วยความหงุดหงิดที่เจ้าพวกนั้นดูจะไม่กลัวมันเลยสักนิด ต่างจากตอนที่มันกำลังรัดคอผมอยู่ ที่ทั้งคู่ต่างยืนกรี๊ดไม่ยอมทำอะไร นอกจากกรีดร้องออกมา  ผมจึงรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเก่า หันหลังกลับบ้านทันที คอยดูนะ ผมจะแกล้งเจ้าพวกนี้ให้หนักเลย จำเอาไว้เถอะ ไอ้กล้าม 1  ไอ้กล้าม 2 หึหึหึ เสร็จผมแน่

         พอผมหันหลัง กำลังจะเดินกลับบ้านอีกรอบเท่านั้นแหละ ความรู้สึกที่เหมือนมีอะไรกำลังเลื้อยอยู่ที่ขาของผม ก็เกิดขึ้นมาทันทีเช่นกัน อย่าบอกนะว่า มันเอาอีกแล้ว!!

         ผมรีบก้มหน้าหล่อๆ ลงไปดูที่ขาเรียวมีแต่กล้ามของตัวเอง ด้วยสีหน้าตกใจ เห้ย.. มันเอาอีกแล้ว เจ้างูนั้นมันเอาอีกแล้ว คราวนี้ผมทั้งสลัด ทั้งเตะเท้าไปในอากาศ ไหนจะเอามือเอือมไปแกะเอาเจ้างูเผือกนั้นออกจากขา แต่เจ้างูเวรนั้น ก็ดันเลื้อยหนีไวกว่าผม หลบซ้ายหลบขวา ตามมือที่จะไปจับตัวมันไปหมด 

        "ไอ้ไส้เดือนดิน ปล่อยขาของผมนะ" ผมที่ชักจะโมโห โวยวายขึ้นทันที แต่กลับไม่ได้ผลเลยสักนิด ไม่ว่าจะสลัดอย่างไร เจ้างูเผือกก็ไม่มีท่าทีที่จะคลายตัวออกจากขาของผมเลยสักนิด


         "นายน้อยครับ อย่าทำเจ้างูมันเลยนะครับ มันน่ารักจะตายไป..  เนอะๆ " ลูกน้องผมที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่เอ่ยขึ้น อย่างเห็นใจเจ้างูน้อยที่ไปยุ่งกับคนที่โหดเหี้ยมเช่นท่านริทสึน้อยคนนี้

         "นั้นสิครับ..นายน้อยลองมองตาของมันดูสิครับ..แล้วนายน้อยจะพบกับความน่ารักสดใส เป็นประกายฟริ้งๆของมันนะครับ!!" เสียงตะโกนบอกให้เห็นใจเจ้างู ที่ตอนนี้กำลังชูหน้าขึ้นมาสบตาผมวิ้งๆ ตามที่เจ้าลูกน้องที่มีดีแค่กล้ามของผมกล่าว 

         ดวงตากลมโตสีแดงของเจ้างูเผือก กระพริบตาปริบๆอย่างน่าเอ็นดู จ้องมองผมอย่างเป็นประกายอย่างสดใส วิ้งๆมาให้ผมเห็นใจ 

         แต่ขอถามหน่อยเหอะ ว่านี้คือใคร นี้คือริทสึ นายน้อยผู้ไม่เคยสนใจใคร ถึงแม้ตอนนี้สนใจขึ้นมาหน่อย ๆ เพราะท่านแม่แล้วก็เถอะ จะมาสงสารสัตว์เลื้อยคลาน ที่สุดแสนจะน่ารักตรงหน้าตัวนี้นะหรอก ขอบอกเอาไว้ว่า

         ใช่!! ผมเห็นใจมันสุด ๆ เลย โอ๊ย!! น่ารักก.. น่ารักเกินไปแล้ว แม้มันจะดูน่ารำคาญตรงที่ชอบเลื้อยไปมาบนตัวผมก็เถอะ แต่มันก็น่ารักจริงๆอย่างที่ไอ้พวกกล้ามทั้งสองคนนั้นบอกจริง ๆ นั้นแหละ

         ไม่นะ อย่ามามองผมด้วยสายตาที่ชวนวาบหวาม(?) แบบนั้นสิ ไม่ไหวแล้ว หัวใจของผมตอนนี้มันเต้นแรงมากไปเกินไปแล้ว โอ๊ย!! ริทสึอยากเป็นลม

         ถุ้ย!! (สันดานมาก)ไม่ใช่ละ อย่ามาโลกสวยกับผมนะ จะให้ผมมาใจเต้นแรง เพราะถูกงูจ้องด้วยสายตาที่เงาเลื่อม อย่างกับจะกินผมเข้าไปอย่างงี้นะเหรอ 

         มันไม่ใช่การ์ตูนแฟนตาซีนะครับ นี้มันเกมบอยเลิฟ แค่ผมต้องมาเจอแบทเอนที่ถูกน้องชายบุญธรรมข่มขืน แค่นี้ผมก็จะบ้าตายอยู่แล้ว ยังจะให้มามีความรักกับเจ้าโลกสวยนี้อีก ฝันไปเถอะ ชิ 

         ในเมื่อมันเอาไม่ออก ผมก็จะไม่สนใจมันแล้วเช่นกัน ผมเลิกพยายามแกะตัวของเจ้างูเผือกออก แล้วทำตัวเนียนๆเดินกลับเข้าบ้านไปทันที ก่อนที่ไอ้กล้ามยักษ์ทั้งสอง จะโวยวายตามผมเข้ามา ร้องห้ามผมเป็นระยะ กลัวเจ้างูเผือกจะถูกผมเอาไปฆ่าหั่นศพหมกป่า ตามที่เจ้าพวกนั้นจะคิดได้ ทำไมไม่คิดว่าผมจะโดนมันฉกตายบ้างนะ นี้มันงูนะครับ ไม่ใช่เยลลี่ปี้โป้ ที่จะได้ไม่มีพิษมีภัย


         ต่จนแล้วจนรอด เจ้างูนั้นก็ไม่ยอมออกห่างไปจากตัวผมเลยสักนิดเดียว เอาแต่เลื้อยไปมาบนตัวผม ที่ดูเหมือนจะชอบอยู่ตรงคอของผมมากเป็นพิเศษ ก็นะ ช่างมันเถอะ เดี๋ยวมันเบื่อมันก็คงจะไปเองนั้นแหละ ตามความคิดของผม ที่ขี้เกียจคิดอะไรให้มากความและสิ้นเปลื้องสมองน้อยๆของผม 

         ก๊อก.. ก๊อก..

         "นายน้อยริทสึครับ ได้เวลาอาหารเย็นแล้วครับ  "ผมที่กำลังนอนหลับอยู่บนห้อง ได้ยินเสียงเรียกของคนในแก๊ง ก็ยันตัวขึ้นมานั่งอย่างง่วงเงีย ก่อนที่จะเดินลงไปชั้นล่าง เพื่อไปทานข้าวเย็น พร้อมด้วยเจ้างูเผือกที่ยังพันหลวม ๆ อยู่รอบคอของผม

         "ริทสึมา..ว๊ายยย" ท่านแม่ที่กำลังจะทักทายผม ที่กำลังจะนั่งลงกับเก้าอี้ เพื่อกินข้าวเย็น กรีดร้องออกมาอย่างตกใจ เมื่อเห็นเจ้างูเผือกที่ติดคอผมอยู่ กำลังชูคอขึ้นมองอย่างสนใจอาหารเบื้องหน้า

         "ริทสึ ริทสึงู..นั้นมันงู นะ..นี้ ลูกเลี้ยงงูเอาไว้ด้วยหรอจ๊ะ.."เสียงที่ดูสั่นของท่านแม่และใบหน้าที่ซีดเหมือนคนจะเป็นลมเอ่ยขึ้น พร้อมกับท่านพ่อที่นั่งรออยู่ มองผมอย่างตกตะลึง แต่พยายามเก็บอาการเอาไว้ด้วยการก้มหน้าลงมองอาหารแทนมองหน้าผมตรงๆ

         ส่วนผมที่ยังมีอาการงัวเงียอยู่ เงยหน้ามองพวกท่านเล็กน้อย เพื่อที่จะอธิบาย แต่สายตาของผมกับไปปะทะเข้ากับร่างน้อยๆของเด็กคนหนึ่งเข้าพอดี ที่ดูตัวเล็กกว่าผมมากนั่งอยู่ตรงข้ามกับผมพอดี

         "เจ้าเด็กนั้น!!!" ผมชี้นิวไปทางเด็กหนุ่มอีกคนที่ไม่คุ้นตาอย่างตกใจ เพราะว่ามันช่างคล้ายเหลือเกิน...

         ท่านแม่ที่หายตกใจแล้ว เพราะพอทำใจได้บ้าง กับการที่ลูกชายคนโตของเธอเป็นคนแปลก ๆ มาตั้งแต่เกิด ถึงแม้ช่วงหลังๆ ที่ได้เข้าโรงพยาบาล จะนิสัยดีขึ้นมาอีกหน่อย แต่การกระทำแปลก ๆ กลับดูแปลกขึ้นไปอีกกว่าตอนแรก เพียงแต่ไม่ไปมีเรื่องทะเลาะกับใครอีก เธอก็คิดว่านิสัยดีขึ้นมาอีกหน่อยแล้วละนะ

         "เด็กคนนี้ชื่อ ฮิบิกิ จะมาเป็นน้องชายของลูกไงจ๊ะ ริทสึ แม่ว่าลูกจะต้องเหงามากแน่ๆ ช่วงนี้ลูกเลย..เออ..แปลกๆ ไป แม่เลยหาน้องชายมาให้ลูก จะได้มีเพื่อนเล่นด้วยยังไงละจ๊ะ" ท่านแม่ฮานะเอ่ย พร้อมกับปล่อยออร่าสีชมพูออกมาตามสไตล์คนสวยโลกของท่านแม่ ส่วนท่านพ่อยิ้มน้อยๆ อย่างคนไม่ค่อยพูด ส่งมาให้ผมที่กำลังทำตาโตเท่าไข่ห่าน นิ้วที่ชี้ไปทางเด็กชายค้างนิ่งพร้อมกับปากที่อ้าออกมาเล็กน้อย

         "ห๊ะ!!!  ว่าไงนะครับ.. ผมรู้สึกเหมือนได้ยินไม่ชัดเลยครับ.."ผมเอามือที่ชี้อีกฝ่ายลง และพยายามถามท่านแม่เพื่อปลอบใจตัวเองอีกครั้ง ด้วยน้ำตาที่เอ่อขอบเบ้าตา อย่างเก็บอาการ ที่อยู่ ๆ ผมก็อยากจะร้องไห้ออกมา

         "เอ๊ะ! ริทสึนี้ละก็..นี้ ฮิบิกิ ..จะมาเป็นน้องชายบุญธรรมของลูกยังไงละจ๊ะ สนิทๆกันเอาไว้ละ เพราะฮิบิกิต้องเรียนโรงเรียนเดียวกันกับลูก มีอะไรก็ช่วยเหลือน้องด้วยนะจ๊ะ ริทสึน้อยของแม่" ท่านแม่ที่ดูแปลกใจ กับสิ่งที่ผมถามออกไป ทำหน้าข้องใจ แต่ก็ยอมบอกกับผมอีกทีอย่างช้าๆ แถมยังย้ำชื่อให้ผมได้ยินอะไรได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นมากกว่าเดิม

         ชัดเลยครับท่านแม่ นี้ท่านกำลังจะชักศึกเข้าบ้าน มาทะลวงประตูหลังของผมกันอยู่นะครับ ทั้งที่จริงแล้ว มันอีกตั้งสองอาทิตย์นี้ครับ กว่าจะครบวันตามในเกม ที่ท่านแม่จะพาน้องชาย ที่เหมือนอาวุธมหาประลัย มาทำความรู้จักกับผม แล้วทำไมมันมาไวไปกว่านั้นได้เล่า  ริทสึคนนี้รับไม่ได้อย่างแรงเลยครับท่านพ่อท่านแม่ ท่านกำลังทำร้ายผม!! 

         "ฮิบิกิ.."ผมกดเสียงลงต่ำ กัดฟันอย่างสุดชีวิต

         นั่งจ้องมองอีกฝ่ายอย่างอาฆาต เมื่อนึกไปถึงว่าในอนาคตมันจะมอมยา แล้วพาผมไปข่มขืนฝืนใจ ทำร้ายจิตใจอันดีงามของผมให้ป่นไม่มีชิ้นดี !! ฮึ่ม แค่คิดก็แค้น ไอ้น้องไม่รัก พี่คนนี้ละเสียใจที่สุดดด

          ทำให้ไอ้เด็กตัวกระเปี๊ยกเดียว ตัวนั่งสั่นเทา หวาดกลัวผมเหมือนกับเจอมัจจุราชมาเอาชีวิต เมื่อเจอสายตาสยบเทพของผมเข้า นี้ถ้าผมยิงเลเซอร์ออกมาทางตาได้นะครับ  ฮึฮึ นายไม่รอดแน่ฮิบิกิ 

         อันที่จริงแล้วผมเองก็รู้นะครับ ว่าตัวเองเป็นคนตาดุ หางตาชี้ขึ้นหน่อย ตาเล็กไม่กลมโต แถมยังติดชอบมองคนอื่นแบบไม่เกรงใจใคร ใบหน้าก็แลดูเลว เหมือนพวกที่คล้ายตัวร้ายที่มาพร้อมหายนะ แต่ไม่เห็นจะต้องกลัวผมขนาดนั้นเลยก็ได้นี้น่า เพราะผมน่ะปล่อยออร่าพระเอกซะขนาดนี้ ใช่ไหมครับไอ้น้องชาย หึหึ ฮ่าฮ่า โฮ่โฮ่ กร๊ากๆ

         ไอ้เปี๊ยกผมสีเงินเข้มที่นั่งตรงข้ามกับผม ตอนนี้กำลังก้มหน้าลงชิดอก เอามือน้อยๆกำกางเกงสามส่วนสีน้ำเงินที่เจ้าตัวใส่ หน้าตาที่ดูยังไงก็ต้องเกิดเป็นอุเคะขี้กลัวอย่างแน่นอน ทำเอาผมข้องใจขึ้นมา แล้วทำไมตอนมันโต มันถึงได้เปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นพรมเช้าเท้าไปได้ขนาดนั้นกันเล่า ผมทำใจไม่ได้หรอกนะ!!

         แต่เอ๋!  ผมลืมไป ไอ้คุณน้องชายฮิบิกิ สุดน่ากระตืบซ้ำนี้ มันเลียนแบบพฤติกรรมเรามาทั้งนั้นเลยนี้หว๋า ถึงว่าละ ทำไมนิสัยถึงได้แผ่ออร่าความแบบคนดีออกมาแบบนั้น ฮ่าฮ่า.. ดีมากไอ้น้อง ต่อไปนี้เราจะมาเป็นคนดีทั้งพี่ทั้งน้อง แล้วเตะไอ้พระเอกสามคนให้พ้นทางเราสองศรีพี่น้องตระกูลโทโมยะ ที่จะแจ้งเกิดใหม่ ไฉไลกว่าเก่า วะฮ่าฮ่าๆๆๆ ผมเท่านั้นที่จะเป็นคนดีที่ทุกคนนับถือ!! 

         "หึหึ.." ผมที่กำลังนั่งหัวหัวเราะในลำคอ ทำหน้าชั่วร้าย เลยไม่ทันเห็นสายตาที่เป็นห่วงของท่านพ่อและท่านแม่ที่แอบมองมาอยู่อย่างเป็นห่วง ที่ผมนั่งหัวเราะคนเดียว

         แต่ตอนนี้ผมขอพักเรื่องความเป็นคนดีของผมเอาไว้ก่อน เพราะกระเพาะน้อยๆของผม มันกำลังร่ำร้องใจขาดรอนๆ บอกว่าประท้วงผมอยู่นานแล้ว ไม่ได้การละ ถ้าผมมัวแต่มานั่งหิวอยู่อาจจะทำให้พยาธิที่ผมเลี้ยงเอาไว้ กำลังทรมานเพราะไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ ดังนั้นสิ่งที่คนดีๆอย่างผมจะทำได้คือ ขอกินข้าวก่อนนะครับ!! 

         ก่อนที่ลงมือทานอาหารตรงหน้า แล้วค่อยส่งอาหารที่เป็นเนื้อ ไปให้เจ้างูเผือกที่ชูคอรอกินอาหารอยู่นาน โดยมีผมส่งไปให้ จะว่าไปมันก็เลี้ยงง่ายดีเหมือนกัน ไม่ว่าผมจะเอาอะไรให้มันกิน มันก็กินทุกอย่างไม่เลือกกินดี

          ดีมากเจ้าเรย์ ต่อไปนี้แกจะเปรียบดังถังขยะเคลือนที่ ในเวลาที่ผมไม่กินอะไรผมจะส่งให้มันกินเป็นอาหาร เฮ้อ..การเป็นคนดีนี้มันลำบากจริงๆ ต้องค่อยเอาอาหารเหลือทิ้งมาเลี้ยงเจ้าไส้เดือนอาภัพตัวนี้ จนอาหารหมดจาน ผมก็ลุกขึ้นเดินกลับห้องไปอาบน้ำนอนทันที ด้วยความเหนื่อยอ่อน เพราะใช้สมองมากไปในตอนนี้

         "คุณคะ..ริทสึดูไม่ค่อยสนใจฮิบิกิสักเท่าไรเลยนะคะ ทั้งที่คิดว่าจะสนใจมากกว่านี้ซะอีก.."ฮานะกระซิบบอกกับโคคิจิ สามีของตนที่นั่งอยู่ข้างๆ

         "นั้นสินะ..แต่ก็ช่างเถอะ ริทสึก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วนี้น่า..อย่าคิดมากเลยฮานะ"โคคิจิปลอบใจฮานะ

         "ฉันรู้ค่ะ..แต่เห็นว่าช่วงหลังมานี้ ริทสึดูใจดีขึ้น ไม่เจ้าอารมณ์เหมือนก่อน ฉันก็เลยคิดว่า..ลูกคงจะเหงา เลยหาน้องมาให้.."ฮานะพูดอย่างเศร้าที่ลูกชายคนโต เริ่มที่นิสัยเก่าโผล่ออกมาอีกครั้ง

         "งั้นพรุ่งนี้เราปล่อยให้ทั้งสองคนนั้นอยู่กันเองดีไหม เผื่อทั้งคู่จะได้พัฒนาความสัมพันธ์แบบพี่น้องยังไงละ "โคคิจิเสนอแนวทาง

         "เอางั้นก็ได้ค่ะ เฮ้อ..ลูกเราเนี่ย เข้าใจยากจริงๆเลย.."ฮานะถอนหายใจ พร้อมกับหันไปมองลูกชายคนเล็กที่เพิ่งบึ่งรถซิ่ง แหกทางโค้งโคตรอันตราย เพื่อไปรับเด็กคนนี้มาเลี้ยง จากสถานสงเคราะห์อันไกลโพล้ ด้วยความเห็นใจเต็มที 

         สู้ๆนะ ฮิบิกิ แม่ฮานะคนนี้ จะเป็นกำลังใจให้ลูกเอง!! 


    ----------------------------------------------------------------------------------------------



         ก๊อก.. ก๊อก..

         "นายน้อย ตื่นได้แล้วค่ะ"เสียงของคนรับใช้ ที่มีหน้าทีในการคอยดูแลเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมประจำตัวของผม รวมไปถึงการปลุกผมในการตื่นนอนในทุกเช้าๆ

         สาวใช้คนนี้เป็นสาวใช้ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ หลังจากที่ผมออกมาจากโรงพยาบาล เพราะมาจากท่านแม่ ที่เป็นห่วงกลัวผมจะเป็นอะไรไป หลังจากออกโรงพยาบาล จึงไปจ้างแม่บ้านมารับใช้ผมโดยเฉพาะ ที่จริงก็คนที่อยู่ในแก๊งนั้นแหละ ท่านแม่จึงไปจับตัวมาดูแลผมเท่านั้นเอง  

         ส่วนแม่บ้านคนนั้นชื่อ มิโอนะ เป็นคนที่ท่านแม่เก็บมาเลี้ยงหลังจากที่เจอเป็นเด็กเร่ร่อนอยู่ในเมือง จนตอนนี้อายุประมาณน่าจะ 20 ได้ เธอคนนี้เป็นผู้หญิงที่ตัวสูง ผมยาวถึงกลางหลัง มัดเก็บสูง ผมหยักโศกสีดำสนิท ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนๆ สวมชุดเมดเต็มยศ 

          จะว่าไป คนที่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังเดียวกับผม ไม่ใช่อีกหลังที่สร้างมาให้คนในแก๊งอยู่ ทุกคนล้วนใส่ชุดเมด และชุดพ่อบ้านกันหมดทุกคน ถึงแม้บางคนจะไม่เข้ากับใบหน้าโหดๆนั้นเลยก็ตาม แต่ก็ต้องใส่เพราะมันมาจากความคิดของท่านแม่ ที่อยากให้ที่บ้านมีคนใส่ชุดพวกนี้ ให้เหมือนในความฝันอันสวยงามของท่านแม่ ที่เป็นคนโลกชมพู

         "ตื่นแล้วน่า.."เสียงครางอู้อี้ดังมาจากผมที่กำลังซุกหน้าลงกับหมอน ทั้งที่ตายังไม่ลืม

         มิโอนะที่เดินเข้ามาปลุกผม เพื่อให้ไปอาบน้ำแต่งกาย เตรียมตัวลงไปทานข้าวเช้าให้พร้อมหน้ากับทุกคน ยืนมองผมที่กำลังซุกกายลงกับที่นอนไม่ยอมลุกขึ้นมาอย่างที่ปากอืออาครางรับ พร้อมกับเจ้างูที่อยู่บนหัวทุยๆของผม

         "นายน้อย..ถ้าไม่ตื่นดิฉันคิดว่า คงต้องลากนายน้อยไปอาบน้ำเองซะแล้วนะคะ" ไม่รอช้า มิโอนะคว้าแขนของผมขึ้นมาให้อยู่ในท่าลุกขึ้นมานั่ง ก่อนที่จะแกะกระดุมให้ผม จนผมที่กำลังง่วงเงียอยู่ตื่นเต็มตาทันที

         "เห้ย!! ตื่นแล้วมิโอนะ ผมตื่นแล้ว!!"เสียงเอะอะ พร้อมกับมือของผมที่กำลังปัดมือของมิโอนะออกอย่างตกใจ ทำหน้าเหลอหลาส่งไปให้อีกฝ่าย มิโอนะยิ้มอย่างพอใจ ทั้งที่มือยังจับอยู่ที่กระดุมเม็ดที่สามของผมอยู่

         ผมรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นความเร็วเสียง แทบจะกระโดดเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ด้วยความอาย ที่ต้องให้ผู้หญิงมาถอดเสื้อผ้าให้แบบนี้ ไอ้บ้าเอ๊ย เล่นเอาผมตื่นเต็มตาเลยไหมละ มิโอนะนี้เป็นผู้หญิงที่น่ากลัวจริงๆ ให้ตายเถอะ และผมจะไม่มีวันเอาเธอมาเข้าฮาเร็มน้อยๆของผมเด็ดขาด!! น่าเสียดายหน้าตาน่ารักๆนั้นจริงๆ ชิ 

         พอผมแต่งตัวเสร็จหมดแล้วเสร็จเรียบร้อย พร้อมที่จะลงไปกินข้าวเช้าอย่างสง่างาม ผมก็โดนมิโอนะบ่นไปอีกหลายยก เรื่องที่เมื่อวานผมแอบหนีแล้วออกไปเดินเทียว จนได้เจ้างูเผือกกลับมาด้วย ที่ตอนนี้ผมตั้งชื่อให้มันว่า เรย์ เป็นชื่อที่ผมตั้งขึ้นลวกๆ แบบไม่คิดอะไรเลย เพราะดันไปเห็นซองขนมเข้า เลยเอามาเป็นชื่อของมันซะเลย

         "ริทสึ วันนี้แม่กับพ่อจะไม่อยู่..ลูกดูแลน้องแทนแม่ด้วยนะจ๊ะ.."เสียงหวานๆของท่านแม่ยังสาวฮานะ พูดอย่างสดใส เมื่อเห็นผมเดินมานั่งที่เก้าอี้ รอทานอาหารเช้า

         "ท่านแม่จะไปไหนครับ.."

         "แม่กับพ่อว่าจะไปเทีย..ไปทำงานนะจ๊ะ"แหม ท่านแม่ที่น่ารัก คำว่าเที่ยวนี้มันจะหลุดออกมาจากปากท่านแล้วนะครับ เฮ้อ โกหกไม่เนียนเอาเสียเลยท่านแม่เนี่ย สู้ผม..แค่กๆ สู้พ่อไม่ได้เลย 

         "ครับท่านแม่.."ทำให้ผมอดที่จะตอบรับไปไม่ได้ ด้วยบรรยากาศที่กำลังจะกลายเป็นสีชมพู ด้วยสีหน้าท่าทางบ๊องแบ๊วของท่านแม่ยังสาวของผม

          เพราะที่จริง ท่านคงจะอยากให้ผมสนิทกับเจ้าน้องชายตัวดี ที่จ้องจะเปิดซิงพี่ชายสุดหล่อคนนี้นั้นแหละ ถึงแม้เจ้าตัวคนที่ถูกกล่าวถึง จะทำหน้าซีดลงไปเรื่อยๆ เพราะถูกผมจ้องเขม็งอยู่ตอนนี้ก็เถอะ หึหึ จงรับรู้ถึงความเป็นคนดีของพี่ซะเถอะเจ้าน้องชาย

         "ถ้างั้นก็ดีแล้วละจ๊ะ "สิ้นคำพูดของท่านแม่อาหารก็มาเสริฟพอดีเช่นกัน ผมที่นั่งกินไปเงียบๆ ส่งอาหารให้เจ้าเรย์ไปด้วยบางครั้งไปเรื่อยๆ รู้สึกได้ถึงสายตาของใครบางคน ที่จ้องมองผมอยู่ตอนนี้

         ชิ้งงง

         ผมที่เหลือบตาขึ้นมองไปสบตากับอีกคน ที่ตอนนี้กำลังนั่งจ้องมองผมอยู่ ก่อนที่จะหลบสายตาของผมไปอีกครั้ง ฮิบิกิทำอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ จนผมที่ทานอาหารเสร็จก่อน ลุกขึ้นเดินออกไปนอกบ้าน เพื่อเดินย่อยอาหาร และหามุมดีๆนอนหลับต่ออีกสักหน่อย เพราะตอนนี้ผมเริ่มเบื่อกับกายออกกำลังที่แสนจะเหนื่อยกาย ไม่สบายตัว

         ซ่า... ซ่า..

         เดินมาถึงหลังบ้านที่ไม่มีคน ดูเงียบสงบ วังเวงราวกับป่าช้า และร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ และดอกไม้ สายลมที่พัดเบา ๆ 

         "เงียบสงบดีจริง ๆ " ผมเอ่ย พลางค่อย ๆ เอนกายลงนอนลงบนพื้นหญ้าญี่ปุ่นนุ่มหลัง และค่อย ๆ หลับตาลงด้วยความขี้เกียจอย่างเหลือหลาย กับเจ้าเรย์ที่ค่อยๆเลื้อยมานอนอยู่บนอกของผม มือทั้งสองข้างยกขึ้นมาประสานเอาไว้รองหัวของตัวเองเพื่อเป็นหมอนหนุน

         โครม!!

         "โอ๊ย.."

         ยังไม่ทันทีจะได้หลับตาลงดีๆ เสียงของอะไรบางอย่างที่ดังโครมใหญ่ๆ และเสียงร้องโอยก็ดังขึ้น เรียกความสนใจของผมให้หันไปมองตามทิศทางของเสียงนั้นทันที ตาสว่างขึ้นมาเป็นรอบที่สองของวัน อะไรกันเนี่ย... ชีวิตที่แสนจะสงบสุขของผม ทำไมมันชอบมีคนมาก่อกวนอยู่เรื่อยเลยนะ  

         คนที่ก่อเสียงโครมใหญ่ๆ ค่อยๆยันกายลุกขึ้นมานั่ง พร้อมกับหัวเข่าที่เป็นแผลถลอกจนเลือดไหลอย่างอลัง พลางเอามือจับกางเกงสีน้ำเงินเข้มเอาไว้แน่น

         ดูเหมือนเจ้าน้องชายคนใหม่ของผม จะชอบสีน้ำเงินมากเป็นพิเศษ ก็เห็นใส่แต่สีนี้มาตั้งแต่เมื่อวาน หรือว่ามันจะไม่มีสีอื่นใส่แล้วกันแน่ผมก็ไม่รู้ ที่ตอนนี้พยายามกลั้นเสียงไม่ให้ร้องไห้ออกมา ทั้งที่ตาโตๆนั้นเริ่มจะแดงกล้ำ จนผมชักจะใจไม่ดี เห้ยๆ อย่าบอกนะว่านายเป็นโรคตาแดง แล้วแค้นผม ก็เอาเชื่อโรคมาติดผมน่ะ ผมไม่เล่นนะครับ ไปไกลๆผมเลย

         แต่ที่ผมสงสัยมากที่สุดคือ ฮิบิกิ เมื่อกี้นายเดินสะดุดเข้าอะไรกันแน่ครับ พื้นที่บริเวณหลังบ้านนั้นถึงจะเงียบสงบ แต่ก็ถูกตกแต่งเอาไว้สวยงามและเรียบเตียนตลอดเวลา ดังนั้นบริเวณนี้จึงเรียบและโล่ง ไม่มีเถาวัลย์ ก่อหญ้า หรือแม้แต่รากต้นไม้สักนิด อย่าบอกนะว่านายมีความสามารถพิเศษ สกิลสุดเทพมหาประลัยสร้างโลก ทักษะการสะดุดล้มกลางอาการ สกิลของตัวเอกในเกมจีบหนุ่มนี้ ที่ชอบหกล้มเพราะสะดุดอากาศกันแน่นะ!! 

          อ้าวๆ แย่ละสิ นายอย่ามาร้องไห้แถวนี้สิ เดียวไอ้พวกบ้าทั้งหลาย มาเห็นเข้าก็หาว่าผมรังแกน้องชายบุญธรรมของตัวเองตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกันหรอก มันจะทำให้ชื่อเสียงของผมดิ่งดำเหวนะ ทั้งที่ช่วงนี้ผมพยายามทำตัวดีขึ้นมากแล้วแท้ ๆ  

         แต่เรื่องนิสัยที่มีมาตั้งแต่เกิด ยังไงมันก็ต้องแก้ยากอยู่แล้ว โดยเฉพาะนิสัยนอนไปเรื่อยของผมนี้แหละ ที่แก้ไม่ได้ง่ายๆสักที  ถึงแม้จะจำชาติที่แล้วได้ก็เถอะ เพราะนิสัยที่ผมแสดงออกมาก่อนที่จะจำได้ มันก็เป็นนิสัยของผมจริงๆนี่น่า จะให้หายปุบปับน่ะ เหมือนกินยาแล้วหายบ้านะ มันเป็นไปไม่ได้ ยากเกิน!!

         ฮิบิกิที่กำลังพยายามกลั้นน้ำตาและเสียงสะอื้น ก้มหน้าลงมองพื้นหญ้า ไม่คิดจะขยับตัวไปไหน จนผมคิดว่า หัวของเจ้านี้ต้องไปกระแทกกับอะไรเข้ารึเปล่า ถึงได้นิ่งเป็นหุ่นสตาฟไปแบบนั้น หรือไม่อาจจะกำลังเป็นอัมพาตอยู่ก็ได้ เอ๊ะ! หรือว่าเหน็บกินกันแน่นะ 

         ทำให้ผมที่กำลังนอนกลิ้งอยู่กับพื้นหญ้านุ่ม(?) ที่เห็นน้องชายตัวเองเลือดอยู่ หันหลังพลิกกาย กลับไปนอนต่อเหมือนเดิมราวกับว่ามองไม่เห็นฮิบิกิ ก็เรื่องอะไรผมต้องไปช่วยกันละ นั้นมันศัตรูตัวฉกาจ ที่หวังจะข่มขืนผมในอนาคตเลยนะครับ เรื่องอะไรผมจะต้องเข้าไปเสี่ยงทำความสนิทสนมกับเจ้าเด็กนั้นด้วยละ ถึงแม้นิสัยผมจะพระเอกเรียกพี่มากแค่ไหนก็เถอะ

         "ฮึก..อึก..ฮือ.."เสียงร้องไห้ของฮิบิกิ เริ่มออกมาเบาๆ เหมือนว่าจะกลัวผม ถ้าร้องไห้เสียงดัง ก็นั้นนะแค่เด็ก 9 ขวบเองนะ จะร้องไห้มันก็เรื่องปกติอยู่แล้ว ผมไม่ว่าอะไรหรอก แต่ขี้เกียจบอกเลยปล่อยเอาไว้แบบนั้นละกัน 

         "..." แต่!! ทำไมมันต้องมาร้องไห้ตรงนี้ด้วย!!!  

         ทำไมห๊ะ ทำไม ฮิบิกินายถึงไม่ลุกขึ้นไปหาคนมาทำแผล ล้างแผลให้เล่า มานั่งบื่ออะไรตรงนี้ แล้วยังมาร้องไห้ปานขาดใจอยู่ใกล้ผม ถึงแม้เมื่อกี้ผมจะบอกว่าที่เด็กร้องไห้มันเป็นปกติก็เถอะ แต่แบบนี้ผมเองก็นอนไม่หลับเหมือนกันนะครับฮิบิกิคุง ผมละไม่เข้าใจนายจริงๆ ว่านายต้องการอะไรจากผมกันแน่!! ผมจะนอน!!

         "ซี่..ซี่.."เรย์ที่เหมือนจะเห็นใจเจ้าเด็กนั้น งับเบาๆที่แก้มใสวัยกระเตาะของผม เรียกร้องให้ผมสนใจ เอาเข้าไป ทั้งคนทั้งงูเลย ทำไมกันละ ในเมื่อผมไม่ได้ยุ่งกับใคร ทำไมใครเขาต้องมายุ่งกับผมกันจังเลยครับ ขอผมอยู่อย่างสงบบ้างจะได้ไหมครับเนี่ย

         "หยุดร้องได้แล้วน้า..ฮิบิกิ!" ฮิบิกิ เงยหน้าขึ้นมองผมที่กำลังยืนค้ำหัวของตัวเองอยู่ 

         หน้าของฮิบิกิตอนนี้ มีแต่คราบน้ำตาจนน่าสงสาร ไหนจะเข่าที่มีเลือดไหลออกมา จากเข่าที่ดูเล็กและบอบบางกว่าผม กำลังชันเข่าขึ้นทั้งสองข้าง  ผมจึงก้มลงไปดูแผลที่เข่าของฮิบิกิเล็กน้อยก่อนที่จะจับตัวฮิบิกิ ขึ้นพาดบ่า 

         กำลังคิดว่าผมจะอุ้มเจ้าน้องชายนี้ ด้วยท่าเจ้าหญิงละสิ ฝันไปเถอะ!! รอมันเป็นสาวงามหยาดฟ้าลงมาจุติก่อนเถอะ ผมถึงจะอุ้มนายแบบนั้น จำเอาไว้ฮิบิกิ

         ฮิบิกิที่ตอนนี้อยู่บนไหล่ของผม ที่ดูแล้วไม่น่าจะพากันไปไหนรอด แต่อย่าลืมผมคือริทสึ เด็กวัย 12 ขวบ ที่สามารถจัดการกับพวกอันธพาลมาแล้ว แค่นี้นะจิ๊บๆ ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงของผมเลยสักนิด 

         ฮิบิกิที่หยุดร้องไห้ไปแล้ว จับเสื้อของผมแน่น อย่างกลัวตก  พร้อมกับเจ้าเรย์ที่ชูหัวไปมา ตามแรงเดินของผมมาจนถึงบ้าน

         ผมเอาตัวของฮิบิกิ ไปวางเอาไว้ที่ห้องนั่งเล่นของบ้าน ที่อยู่ชั้นล่าง บนโซฟาสีครีมเนื้อดี ที่มีอยู่หลายตัว และมีทีวีจอแบนตั้งอยู่ พร้อมกับโต๊ะเตี้ยตัวหนึ่ง

          ก่อนที่จะเดินไปหาอุปกรณ์ทำแผลมาวางเอาไว้ เพราะผมมีเรื่องชกต่อยจนชิน เลยทำแผลให้ตัวเองเป็นไม่ต่องพึ่งพาใครมาทำแผลให้ ตอนที่ไปมีเรื่องกลับมาบ้าน ก็มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ที่ผมไปมีเรื่องกลับมา แม้ช่วงหลังจะเว้นระยะห่างออกไปบ้างก็เถอะ ก็นะ ผมอยู่ในช่วงปรับปรุงตัวเพื่อให้ท่านพ่อท่านแม่ภูมิใจ แล้วให้ผมเกาะกินไปทั้งชีวิตนี้น่า

         "เจ็บหน่อยนะ.."ผมบอกฮิบิกิ ที่กำลังนั่งมองผมอยู่บนโซฟา โดยที่ผมนั่งคุกเข่าทำแผลให้ฮิบิกิอย่างใจเย็น

         "ครับ พี่ชาย" เสียงเบาๆของฮิบิกิที่เรียกผมว่าพี่ชาย ทำเอาผมชะงักไปทันที ก่อนที่จะทำเป็นไม่ได้ยินเสียงสั่นๆนั้นของฮิบิกิ

          โอ๊ย!! ผมเข้าใจแล้ว ทำไมคนที่มีน้อง ถึงชอบให้เรียกว่าคำว่าพี่ เพราะมันทำให้เรารู้สึกดีแบบนี้นี่เองครับ

         เมื่อทำแผลเสร็จ ผมก็เริ่มง่วงขึ้นมาอีกระรอกแล้ว จึงเอนกายลงนอนมันที่โซฟา อย่างขี้เกียจที่จะหาที่นอนที่อื่น โดยฮิบิกิเองก็กำลังนั่งห้อยขาอยู่ใกล้ผมที่ดันตัวขึ้นมานอนลงใกล้กับฮิบิกิ

         นอนตรงนี้ก็ได้ หึ ในเมื่อหนีไปไหน ก็คงไม่พ้นฮิบิกิที่ต้องเดินตามมาอีกแน่ๆ ถ้าผมทำท่าจะหนีอีก จึงเอนกายลงนอน หันหัวออกไปทางเรียวขานุ่นนิ่มของฮิบิกิ  เพื่อใช้เป็นหมอนจำเป็นในเวลานี้

         "พี่ขอยืมขาเป็นค่าตอบแทนแล้วกันนะ" ผมเอ่ยขอยืมขาของอีกฝ่ายอย่างดื้อๆ พร้อมกับยิ้มน้อย ๆ ส่งไปให้อีกฝ่าย โดยไม่สนใจท่าทางร้อนร้นของฮิบิกิ ที่กำลังรุกรี้รุกร้น เมื่อผมล้มตัวลงนอนบนหน้าขาฮิบิกิเลยสักนิด

         อืม ขาเด็กๆนี้นุ่มชะมัดเลย น่าฟัดซะจริงๆเลยนะครับเนี่ย

         ก่อนที่ผมจะหลับลงไปจริงๆ พร้อมกับสัมผัสบางเบาที่แก้มข้างขวาของผม อย่าบอกนะว่าเจ้าเรย์งับหน้าของผมอีกแล้วน่ะ รอผมตื่นก่อนเถอะ จะสะสางให้ทบต้นทบดอกเชียว ชิ  บังอาจมางับหน้าใสๆของเด็กวัย 12 ขวบอย่างผมได้

         ถ้าหน้าผมเป็นแผลเป็นขึ้นมาจะทำยังไง แล้วสาวที่ไหนจะมาหลงเสน่ห์ผมกัน ถึงแม้ตอนนี้ผมชักจะเริ่มขี้เกียจสร้างฮาเร็ม และขี้เกียจวางแผนรังแกผู้อื่นแล้วก็เถอะ เฮ้อ.. เกิดมาเป็นคนเบื่อง่ายหน่ายเร็วนี้มันเหนื่อยจริงเลยนะครับ 

         งั้นผมเปลี่ยนใจละ ผมจะทำตัวเอือยเฉือยไม่สนใจโลก ไม่เข้าใกล้นายเอก จนทำให้น้องชายเกิดหึงหวงมาข่นขืนผมก็พอแล้วละมั่งครับเนี่ย ชีวิตผมจะได้สงบสุข แฮปปี้เอนดิ้งด้วยการเกาะพ่อแม่กินไปตลอดชีวิต  ไม่ต้องขยันทำงานให้เหนื่อยกาย และเหนื่อยสมองน้อยๆของตัวเอง

         ตัดสินใจได้แล้วละครับ ผมจะวางแผนใหม่ ผมจะหาแฟนสวยๆสักคน แล้วก็ให้แฟนเลี้ยง ทำตัวเป็นแมงดาเกาะสาวกิน 
    หลอกสาวๆด้วยหน้าตาอันหล่อเหลาแบบชั่วร้ายของผมเนี่ยแหละ ช่างเป็นแผนการที่สมบูรณ์แบบจริงๆ วะฮ่าฮ่าๆๆ โอ๊ยย.. ไม่ค่อยไหวแล้ว หลับดีกว่า  คร่อก...







     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×