ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมื่อผมเป็นตัวละครลับ พี่ชายตัวละครร้าย (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #3 : มาโรงเรียนวันแรก ก็ต้องเจอกับอันธพาลมารุมรังแกก่อนสินะ

    • อัปเดตล่าสุด 30 มิ.ย. 64




         นี้มันอะไรกันเนี่ยยยย

         นั้นคือคำที่ผมอยากจะตะโกนขึ้น เมื่อยามที่ตื่นมาในตอนเช้าวันใหม่ ที่แสนจะสดใสสมวัยร่าเริงของผม แล้วพบเข้ากับร่างน้อยๆของน้องชายสุดเลิฟ ที่น่าเอาไปทิ้งศาลเจ้าให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

         กำลังมานอนกอดแขนข้างขวาของผมอยู่ ส่วนแขนข้างซ้ายเป็นของเรย์ เจ้างูเผือกที่ผมเก็บมาเลี้ยง ทั้งที่จริงอยากจะขวางทิ้ง ไปตั้งแต่ที่มันมาเลื้อยบนขาอันแข็งแกร่งอุดมไปด้วยกล้ามมัดเหมือนนักมวยปล้ำของผมแต่แรกแล้ว แต่เจ้ากรรม มันดันไม่หลุด ทำยังไงก็ไม่หลุด ไปๆมาๆสลัดจนไปเรื่อยๆ กลายเป็นว่าขาอันหล่อเหลา(?) ของผมมันจะหลุดออกไปแทน จนต้องเอามาเลี้ยงไว้ด้วย สมกับที่ผมเป็นคนดีจริงๆ 

         ใบหน้าตอนหลับของน้องชาย ที่ถ้าเป็นพวกโชตะ ชอบเด็กเอ๊าะๆมาเห็นสภาพของฮิบิกิตอนนี้เข้า คงได้กระอักเลือดตายเป็นกอง ด้วยสกิลความโมเอะขั้นสูงสุด ที่ถูกส่งมาจากฮิบิกิหนุ่มน้อยหวาน ปานพรมเช็ดเท้ารูปน้องหมาตาโต

          กำลังนอนหลับตาพริมพรายเหมือนคนใกล้เดี๋ยง  นอนหลับเป็นตายอย่างมีความสุขแสนสุข ที่มาพร้อมกับขนตางอนยาว ดูแล้วช่างลงตัวกับใบหน้ารูปไข่ขาวผ่องจนเหมือนผิวหน้าแข้งของผม 

         โดยการเอาแขนของคนเป็นพี่ที่เป็นคนใจดี มีอารีเมตตาอย่างผม ไปกอดเอาไว้หลวมๆ จนแขนของผมใกล้จะถูกอาการเหน็บชากินจนแขนแทบจะหลุดออกมาเป็นย่วง ให้เจ้าน้องชายคนนี้ ได้กอดเป็นหมอนข้างอย่างสมใจหมาย

         แถมยังตามมาติดๆ กับใบหน้าที่ซบลงที่แขนอันเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งกล้ามมัดของผม จนเหมือนลูกแมวน้อยขี้อ้อนที่ขาดเจ้านายไม่ได้  พยายามซุกใบหน้าเข้าหาผม ยิ่งเมื่อผมขยับตัวหนี หรือหันตัวไปทางอื่น 

         อาาาา ทำไมน้องชายผม นับวันใบหน้าของนายถึงได้ไปทางน่ารักแบบนี้กันเล่า!! แบบนี้พี่ชายก็หวั่นไหวน่ะสิ เหมือนได้นอนกอดกับสาวน้อยน่ารัก น่าฟัดน่าเฟวี้ยงทิ้งอยู่เลย ทำเอาพี่ชายคนนี้ ชักจะเริ่มฟิน เหมือนบินไปฟินฟินแลนด์ด้วยความเร็วสูง ขึ้นมาซะแล้วสิครับ 

         โอ้ นี้สินะ ความรักต้องห้าม รูทค้ำคอร์ พี่ชายรักน้องชาย มันเกิดขึ้นแล้ว ความรักที่เหมือนดังป่าดงดิบ(?) มันช่างสับสนและวกวนเหลือเกินน โอ้ เยสสส ริทสึปวดใจ เหลือคณานับครับงานนี้

         แต่ว่านะ นี้มันเหมือนมีบางอย่างที่ยังไม่ใช่อยู่ คือไอ้เด็กนี้มันมานอนกับผมได้ยังไงกันครับ ได้ข่าวว่าห้องของนายมันถัดไปอีกห้องไม่ใช่รึไงกัน อย่าบอกผมนะว่าเข้าห้องนอนมาผิดห้องอีกแล้ว

         ใช่ครับ อีกแล้ว เรื่องแบบนี้มันได้เกิดเป็นครั้งแรกหรอก ตั้งแต่ที่วันนั้น ในวันที่ผมกับฮิบิกิ ได้ส่งสัญญาความรักให้กันและกัน แบบฉบับพี่น้อง ปานว่าฮิบิกินั้นเกิดมาท้องเดียวกัน เอาจริง ๆ คือวันผมทำแผลให้ฮิบิกินั้นแหละ 

         จากนั้นในทุกๆคืนที่ผมหลับไหลไปแล้วด้วยความอ่อนเพลีย จากการเดินหาที่นอน และเดินไปทานข้าว ก็มักจะมีร่างของฮิบิกิน้องชายสุดโมเอะของผม มานอนอยู่บนเตียงของผมด้วยเสียทุกครั้งไป ถ้าถามว่าครั้งที่เท่าไรละก็ นับครั้งไม่ถ้วนแล้วละครับ

         ซึ่งพอผมตักเตือนไปด้วยคำพูดเย็น ๆ ที่แสนอ่อนโยนและอบอุ่บ เพื่อข่มขู่ พร้อมกับใช้สายตาที่ดุร้ายของผม ปนอาทรส่งไปให้แก่ฮิบิกิ  พร้อมจ้องมองไปที่ฮิบิกิ ในตอนที่กำลังสั่งสอน ว่าห้องของเจ้าน้องชายตัวดี มันอยู่ถัดไปอีกห้อง  ไม่ใช่ห้องนี้ แล้วอย่าเข้ามาผิดห้องอีก ด้วยการแว๊กเกอร์ใส่ฮิบิกิสุดโมเอะ ด้วยเสียงเบา ๆ ที่ดังทะลุกำแพงหนาของห้องผมไปอีกสามห้องได้ ก็เท่านั้นเอง

         พอผมบ่นตักเตือนไปเล็กน้อยพอเป็นพิธี เจ้าฮิบิกิตัวดีก็จะร้องไห้เสียทุกครั้ง บางครั้งผมยังไม่ทันได้พูดอะไร แค่อ้าปากกำลังจะหาวอย่างพระเอก จนเผยลิ้นไก่สั้นๆของตัวเอง เจ้านี่ก็ชิงร้องไห้ไปแล้วก่อนก็มี ลำบากผม ที่ต้องมานั่งกอด ปลอบเจ้าน้องชายกันไปอีกพักใหญ่ ๆในทุกเช้า แบบนี้

          เฮ้อ เป็นคนดีมันเหนื่อยสุดๆเลยละครับ นี้ยังดี ที่ความเป็นคนดีของผม มันแผ่ออร่าออกมาตั้งแต่ชาติก่อนยังชาตินี้ เลยทำให้ผมเป็นดีแบบข้ามชาติแบบนี้ยังไงละครับ น่านับถือตัวเองจริง ริทสึ นายหล่อมากไอ้พระเอกของเรื่องเอ๊ย!! 

         เลยกลายเป็นว่าท่านพ่อท่านแม่ลงความเห็นว่าให้ฮิบิกิจอมงอแง ง้องแง้ง เข้ามานอนที่ห้องของผมมันซะเลย เพื่อเป็นการตัดปัญหา ไม่ต้องให้ท่านได้ยินเสียงมลพิษของผมแต่เช้าในทุกๆวัน  ที่จริงผมคิดว่าท่านน่าจะให้ผมกับฮิบิกิได้สนิทกันไวๆมากกว่าครับ 

         โดยที่ไม่ได้รู้อะไรเลย ว่าเจ้านี้น่ะ มันคิดจะข่นขืนผมตอนโตนะครับท่านพ่อท่านแม่!! นี้ท่านจะประเคนผมใส่ถาดพร้อมฝาชีส่งไปให้เจ้าฮิบิกิ ตั้งแต่หมอนี้ยังเด็กอยู่เลยหรอครับ!!  นี้ผมยังไม่ทันบรรลุนิติภาวะเลยนะครับ แถมผมก็ยังซิงเอ๊าะๆเปราะข้างในอยู่ด้วย

           แล้วทำไม ไอ้ฉากที่ดูฟรุ้งฟริ้งเปล่งออร่าสีชมพู่มีดอกไม้เล็กๆ กระจายไปทั่วห้องของผมแบบนี้กันเล่า ทั้งที่ในเกมมันยังไม่เห็นมีฉากมุ้งมิ้งแบบนี้ออกมาเลยแท้ๆ ไอ้เกมหลอกลวง!! ของแช่งให้ของค้างสตอก์ไม่มีคนซื้อ!! 

         "อืม.."เสียงครางของฮิบิกิ ทำให้ผมที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอน จ้องหน้าของฮิบิกิอยู่ตอนนี้ รู้สึกตัวได้ว่าอีกไม่นานฮิบิกิกำลังจะตื่นนอนแล้ว มันจะตื่นแล้วครับ มันจะตื่นแล้ว!! 

         เพราะนั้นเป็นช่วงเวลาที่ผม อยากจะลุกขึ้นจากเตียงมากที่สุด ทั้งที่เมื่อก่อน ไม่ว่าจะปลุกผมโดยการถีบตกเตียง  เอาไก่มาขันในห้อง  เอานาฬิกามาตั้งเวลาปลุกนับสิบเรือน  เอาระเบิดเอาประทัดมาจุดขว้างผมก็ไม่ตื่น  หรือเปลี่ยนจากไก่มาเป็นเสียงตีกัน เอากล่องมาทุบ เอารถมาฉุดให้ลงจากเตียง หรือต่อให้ปลุกด้วยวิธีไหนก็ตาม ต่อให้ทำตายยังไงผมก็ไม่ยอมตื่น!!  

         แต่ที่ต้องตื่นในตอนนี้ ก็เพราะว่าเจ้าฮิบิกิมัน มัน!!  มัน!!  มันจะชอบมาจุ๊บอรุณสวัสดิ์ผมในทุกเช้านะสิครับ!!!

         แถมมันยังทำด้วยใบหน้าที่สุดแสนจะเขินอาย ปานได้เสียซิงเชิงชายไปแล้วกับผมเป็นครั้งแรก เลยต้องเขินอาย แต่นี้บังเอิญนายเป็นตัวผู้น่ะครับ เสียซงเสียซิงอะไรกัน มีแต่เสียเอกราชครับ ไม่มีซิงอย่ามาแอ๊บ

          แล้วอีกอย่างคือ ถ้าในเมื่อนายทำเองแล้วก็ต้องมาเขินเองแบบนี้ นายจะทำทำไมฮิบิกิ  พี่ไม่เข้าใจ  บอกพี่หน่อย ว่าพี่ควรจะอายด้วยดีไหม พี่สับสนทางเพศ เอ๊ย!! พี่สับสน..แต่สันสบเรื่องอะไรละ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าพี่สันสบ พี่อยากเป็นพระเอก ไม่เกียวแต่อยากบอก   

         อ๋อ แล้วอีกอย่างนะ ได้โปรดละ ผมขอร้อง อย่ามาทำให้ผมมีมลทินมากไปกว่านี้จะได้ไหมครับ ไอ้น้องชาย ถ้านายทำมากกว่านี้ พี่ชายมาดแมนแสนเท่คนนี้อาจจะไม่มีสาวไหนมาแลแน่ ๆ เลยละครับ เพราะเขาจะหาว่าผมเป็นชายเหนือชายที่มาก กว่าซุปเปอร์ไซด์ย่าชายนะสิ!! ฮือๆ เศร้าดีแท้เหลาเน้ออ

         "พี่ครับ..จุ๊บ.."

         "!!" 

         ไม่ทันสิ้นความคิด ฮิบิกิที่ตื่นขึ้นมาเห็นผมกำลังทำหน้านิ่งเหม่อลอยอยู่ในที่ที่ไกลโพล้  ก็ยันกายเล็กๆของตัวเองขึ้นมาจุ๊บอรุณสวัสดิ์ผม ก่อนที่จะยิ้มสดใสมาให้ผม อีกหนึ่งทีเพื่อเอาใจ 

         อูย ขวัญเอ๋ยขวัญมา 

         ผมที่เรียกขวัญกำลังใจของตัวเองกลับมาได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หันไปจ้องเขม็งฮิบิกิอย่างข่มขวัญทันที ด้วยสายตาอำมหิต แต่เพราะอะไรไม่รู้ เดี๋ยวนี้สายตาพิฆาตของผม กลับใช้ไม่ได้ผลกับฮิบิกิไปซะแล้ว ผมว่าเจ้านี้มันหน้าทนขึ้นละครับ เพราะผมลองไปใช้กับคนอื่น มันก็ยังใช้ได้ดี แถมยังดีมากๆอีกด้วย ถ้ายิ่งผมทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ที่ไม่ใช่แค่การทำหน้านิ่งแต่จ้องเอาๆ แบบนี้ให้อีกฝ่าย

         "พี่ครับ..ผมไม่กลัวหรอกนะ ถึงพี่จะทำหน้าแบบนั้นกับผมก็เถอะ..คิคิ."เสียงล้อของฮิบิกิดังขึ้น จนผมต้องทำหน้าแปลกใจ ก็ตั้งแต่ในวันที่ฮิบิกิเข้ามานอนกับผมในวันแรก น้องชายของผมก็กล้าพูดกับผมมากขึ้น แถมยังกล้าล้อเลียนผมอีกตั้งหาก จะว่าไปมันกล้าเรียกผมว่าพี่ชายอย่างเต็มปากแล้วด้วยครับตอนนี้ ช่างน่ากลัวจริงๆเลยเจ้าน้องคนนี้

          นายมันชักแน่มากเกินไปแล้วนะ นี้ถ้าไม่ใช่ท่านแม่ฝากฝังให้ผมดูแลน้องชายให้ดีๆละก็ ผมคงจะมีสั่งสอนเบา ๆ ให้พอเข็ดหลาบกันไปบ้างแหละ แต่ถ้าทำอย่างนั้นมีหวังได้มีการกระชับมิตรสานสายสัมพันธ์กับครอบครัวอีกครั้งอย่างแน่นอน ผมถึงได้ไม่อยากทำให้ท่านแม่กังวลใจอีกแล้วยังไงละ ชิ ไม่ใช่เพราะว่ากลัวอะไรหรอก แค่เป็นห่วง...

         "ฮิฮิ..ตอนพี่ริทสึทำคิ้วขมวด น่ารักจังนะครับ" ฮิบิกิที่เห็นผมทำหน้านิ่วมากกว่าเดิม เอานิ้วเล็กมาจิ้มเบา ๆ ที่ระหว่างคิ้วของผม พร้อมกับหมุนวนไปมา เพื่อให้ผมคลายปมที่เกิดขึ้น บนใบหน้าหล่อร้ายของผมก่อนที่จะ

         จุ๊บ

         อีกแล้ว เจ้าฮิบิกิเอาอีกแล้ว พอผมเผลอทีไร เจ้านี้ก็มักจะหาโอกาศมาจุ๊บผมอยู่ตลอดเวลา นี้แน่ใจนะว่านายอายุแค่ 10 ขวบน่ะ นายจะแก่แดด ใจแตกเปราะเปรี๊ยะเกินไปแล้วนะ  แถมหมอนี้ยังทำไม่ใช่แค่ตอนที่ผมอยู่คนเดียวด้วยนะครับ 

         ไม่ว่าเป็นต่อหน้าท่านพ่อท่านแม่ หรือคนในแก๊ง จะที่ไหน หรือเวลาใด ถ้าผมเผลอหรือผมหลับอยู่ เจ้านี้ก็จะเข้ามาฉวยโอกาศจากผมอยู่ตลอดเวลา ขนาดโดนต่อว่าไป เจ้านี้ก็จะร้องไห้ออกมาอย่างเดียว แต่ก็ไม่เข็ด เดี๋ยวก็ทำใหม่ หรือว่านายเป็นอัลไซเมอร์สมองนายมันถึงไม่จำอะไรสักอย่างเลยครับ ไอ้น้องชาย

         จนผมเริ่มที่จะขี้เกียจว่าอะไรแล้วละครับ จนคำพูดจริงๆ ก็หมอนี้เอาแต่ร้องไห้ ถ้าผมต่อว่าอะไรไปก็ร้องไห้อย่างเดียวเท่านั้น ไม่ตอบโต้ หรือคิดจะทำอะไรอื่นเลย นอกเหนือจากการร้องไห้!! ทำเอาผมอยากจะถามว่า จริงแล้ว นายสั่งน้ำตาได้ใช่ไหม ทำไมมันไหลออกมาได้ตลอดเวลาเลยเล่า

         พอเอาเข้าจริงๆผมก็ไม่กล้าถามจริงๆหรอก พอได้เห็นตาแดงๆบวมๆตอนที่ร้องไห้ ไหนจะน้ำตาที่ไหลออกมาจนหน้าที่เคยใส แดงกล้ำไปทั้งหน้า เพราะร้องไห้ ใจผมมันก็อ่อนยวบแล้วครับ จะเอาอะไรไปว่าได้อีกละ เฮ้อ เกิดมาไม่น่าแพ้น้ำตาของคนอื่นเลย ลำบากจริงๆ อย่างว่าแหละผมมันคนใจดี บวกหล่อ บวกเท่ บวกเท่มาก บวกเท่ามากๆๆ บวกเท่โคตรๆ เลยขี้เกียจด่าเจ้าฮิบิกิให้เปลื้องน้ำลายและเปลื้องคำด่า

         ฮิบิกิที่ไล้จุ๊บไปทั่วใบหน้าของผม เมื่อเห็นว่าผมไม่ว่าอะไร จนผมแทบจะล้มไปข้างหลัง ถ้าไม่เท้าแขนเอาไว้ พยุงร่างกายทั้งของผมและของฮิบิกิ ที่ตอนนี้โถมร่างมาหาผมทั้งตัวแล้ว ก่อนที่จะละเลงริมฝีปากน้อยๆนั้นไปทั่วใบหน้าของผม อย่างหมั่นเขี้ยวเต็มที ผมว่ามันต้องเอาคืนที่ผมแอบด่ามันในใจแน่ๆเลยครับ แต่ว่าใครบอกเจ้าหมอนี้กันว่าผมกำลังแอบนิทาอย่างลับๆในใจอยู่เนี่ยครับ!!

         "พอได้แล้วน่าฮิบิกิ..พี่จะอาบน้ำ ปล่อย..น่ารำคาญจริงๆเลย" เสียงที่ดูแข็งปนอ่อนโยนหน่อยๆ ที่ส่วนมากเป็นแข็งของผม เอ่ยกับฮิบิกิที่ยังบรรจงจุ๊บที่หน้าของผมอย่างเมามัน เอาไปเล่นห้องแกเลยไหมฮิบิกิ

         "ก็ได้ครับ แต่..ผมต้องอาบน้ำกับพี่แทนนะ.."ยังไม่ทันพูดจบคำพูดของฮิบิกิ ผมหันขวับไปมองหน้าของฮิบิกิ พร้อมกับเอามือผมไปประเคนเขกเข้าที่กลางหัวน้อยนั้นจนได้เสียงร้องโอดครวญออกมา

         "โอ้ยยยย"

         "อย่ามาลามปามพี่นะฮิบิกิ ปล่อย..พี่หิวข้าว!! "ผมพูดอย่างพยายาม(?)ที่จะรักษาน้ำใจให้ได้มากที่สุด เพราะถ้าตอบปฎิเสษไปแบบรุนแรง เดียวฮิบิกิก็จะร้องไห้ออกมาอีก ผมก็จะต้องมานั่งปลอบแทนที่จะได้ไปอาบน้ำกันพอดี และวิธีนี้ซอฟต์สุดๆแล้วสำหรับผม

         อ๋อ ลืมบอกไป หลังจากที่ฮิบิกิ เข้ามานอนห้องผม มิโอนะเมดสาวส่วนตัวของผม ก็ถูกย้ายไปอยู่ห้องครัวแทน เพราะในครัวคนไม่พอเลยต้องเอามิโอนะเข้าไปช่วยเสริม ทำหน้าที่แทนไปโดยปริยาย

         "ฮึก..ฮือออออ  พี่ริทสึรำคาญผมหรอครับ..ฮือออ..ผมขอโทษ พี่..พี่ครับ..ฮืออออ" เอาแล้วไง ผมว่าผมก็ปฎิเสษไปด้วยความอ่อนโยนแล้วนี้  แค่หัวโนเป็นลูกมะนาวหนึ่งลูกบนหัว พร้อมกับเสียงตวาดอย่างรำคาญที่ถูกส่งไปให้อย่างอ่อนโยน แล้วทำไมยังร้องได้อีกละเนี่ย โถ๋...ทำไมชีวิตผมถึงได้วุ่นวายแบบนี้กันนะ ให้ตายสิ 

         "อย่ามาร้องไห้นะฮิบิกิ!! "ฮิบิกิเงียบเสียงทันที พลางทำหน้าซีดลง เมื่อเห็นผมขึ้นเสียงใส่อีก หลังจากที่ผมไม่ได้ขึ้นเสียงใส่มานาน(?) แต่ตะคอกเอาจนหลอดแก้วแทบแตก

         "ไป!! ไปอาบน้ำกับพี่ได้แล้ว..พี่หิวข้าว.. "

         ว่าเสร็จผมเดินเข้าห้องน้ำหนีฮิบิกิ ไปแบบเนียนๆ ด้วยใบหน้าที่แดงๆหน่อย ให้ทำไงได้ละ ก็คนมันไม่เคยมีน้องมาก่อน เคยแต่เป็นน้องเขา มาเจอเด็กอ้อนใส่ หัวใจน้อยๆของมันแทบจะละลายไปอยู่ปลายหัวนิ้งโป้งอยู่แล้วครับ

          ถ้าไม่สะดุดว่าเจ้านี้มันจะเป็นอาชญากรที่มาข่มขื่นผมละก็ ผมคงจะฟัดเหวี่ยงน้องชายของผมไปนานแล้วครับ แต่ไม่ได้ๆ ผมต้องทำตัวให้สมเป็นพี่ชายเสียหน่อยให้น้องเกร็งกลัว จะได้กลัวผมไม่กล้ามาทำอะไรผมได้อีก 

         พออาบน้ำเสร็จ ผมก็เดินลงมาเข้าล่าง พร้อมกับฮิบิกิน้อยข้างตัวผม ที่เดินเกาะแขนของผมเดินตามมาพร้อมกับเจ้าเรย์ ที่ขดตัวอยู่บนหัวของผม 

         วันนี้ผมแอบเห็นพริกน้อยของฮิบิกิด้วยละ ผมละเกือบจะเชื่อจริงๆแล้วนะเนี่ย ว่าฮิบิกิเป็นผู้หญิง ถ้าไม่ไปเห็นพริกน้อยนั้นเสียก่อน เฮ้อ น้องพี่ ทำไมนายไม่เอาดีด้านเป็นเคะที่ดีกันนะ ไหนๆนายก็เกิดมาหน้าหวานขนาดที่สามารถทำให้หัวใจ ที่ดังหินผาของพี่สั่นคลอนได้ ด้วยหน้าตาอันสุดแสนจะน่ารักของนายแล้วเชียวนะ

         บอกไว้ก่อนเลยนะครับ เห็นอย่างนี้ ผมก็ห่วงฮิบิกิมากๆเลยนะครับ กลัวใครจะมาหลอกล่อน้องชายของผมเอาได้ขาย ยิ่งน่ารักๆอยู่ ทำเอาผมคอยแต่จิกแรงๆ กวาดสายตาใส่คนที่เข้ามาใกล้น้องชายคนนี้ของผมตลอดเวลา ที่ผมพาฮิบิกิออกไปเดินเล่น เพื่อหาเรื่องคนข้างนอกบ้าน อย่างที่เคยทำเป็นกิจวัฒน์ประจำวันของผม แต่เพราะช่วงหลังมานี้ ฮิบิกิมักขอตามผมไปด้วยซะทุกที ทุกครั้งที่ผมจะออกไปไหนผมเลยต้องระแวงเป็นพิเศษไปด้วย เพราะกลัวน้องชายจะเห็นด้านที่ไม่ดี แล้วเอาไปเป็นแบบอย่างยังไงละครับ

         คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไม่ทันไร ฮิบิกิก็จูงมือผมเดินลงบรรไดมาถึงขั้นสุดท้ายพอดี  จากนั้นเราทั้งคู่ก็เดินตรงไปหาท่านพ่อและท่านแม่ที่กำลังนั่งรอทานข้าวเช้าอยู่ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ที่เห็นผมและฮิบิกิเริ่มสนิทกันดีแล้ว

         "ริทสึ พรุ่งนี้ก็เปิดเทอมแล้วสินะจ๊ะ"ท่านแม่ถามขึ้นขณะที่ผมกำลัง นั่งทานอาหารอยู่ อย่างเบิกบาน

         "ครับ ท่านแม่"

         "งั้นก็ดีแล้วละ.."

         "มีอะไรรึเปล่าครับ ท่านแม่.."ผมอย่างสงสัยที่อยู่ท่านก็ถามขึ้นมา

         "เปล่าจ๊ะ..แม่แค่อยากจะบอกย้ำว่า ฮิบิกิก็จะไปเรียนที่เดียวกับลูกด้วยเท่านั้นเองนะจ๊ะ"

         "ครับ" ผมตอบกลับไปพร้อมกับพยักหน้าตอบรับท่านแม่

         เพราะถึงยังไง ฮิบิกิก็เรียนอยู่ป.4 จึงทำให้พวกเราไม่ได้เจอกันอยู่ดี เพราะตึกเรียนของเรามันคนละฝั่งกัน ผมที่อยู่ป.6 แล้ว ได้ย้ายไปเรียนอีกตึกหนึ่งที่ตรงข้ามกับตึกเรียนของฮิบิกิ ดังนั้นการที่จะพบหน้ากันก็คงเป็นไปได้ยากพอควร หากไม่ได้ตั้งใจที่จะไปหาตั้งแต่แรก

         "ฝากดูแลฮิบิกิด้วยนะจ๊ะ.." ท่านแม่เมื่อท่าทีแบบนั้นของผมก็เอ่ยขึ้นมาอย่างอารมณ์ดีทันที

         "คร้าบบบ.." ผมเอ่ยตอบกลับท่านแม่อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้คนเป็นพ่อเป็นแม่ใจชื้นของมาหลายเท่าแล้ว

         จากที่ทานอาหารเสร็จ ผมก็ขอตัวไปเดินย่อยอาหารทันที พร้อมกับส่องสอดหาที่นอนไปด้วยในตัว ฮิบิกิเองก็ยังเดินตามผมมาต้อย ๆ เหมือนลูกหมาเช่นเดียวกัน ไม่รู้ทำไมฮิบิกิถึงได้ชอบทำตัวติดกับผมมากขนาดนี้ มากจนบางทีผมก็รู้สึกแปลกๆกับสายตาเจ้าเด็กนี้เหมือนกัน เพราะผมรู้สึกเหมือนถูกจ้องอยู่ตลอดเวลา ไม่มีเวลาส่วนตัวเลยสักนิด แถมไล่ก็ไม่ไป เดินตามผมมาอยู่ได้ จนบางครั้งผมยังแอบกลัวหมอนี้เลยละครับ

         แล้วคิดกับตัวเองว่า ตกลงแล้วเจ้าหมอนี้เป็นคนแบบไหนกัน คำถามนั้นทำเอาผมคิดไม่ตกลงไปหลายนาที แต่ไปๆมาๆไม่ถึงวินาที ผมก็ลืมไปซะอย่างนั้น พอได้เห็นแววตาใสซื่อที่น้องชายบุญธรรมส่งมาให้ อย่างไม่มีพิษสงใดๆเจือปนมาทางสายตานั้น ผมเลยลืมมันไปได้ โดยไม่ติดใจเอาความใด ๆ อีก ยังไงมันก็แค่เด็กตัวกระเปี๊ยกจะมาทำอะไรผมได้กันเชียว

         โดยที่ไม่ได้รู้เลยสักนิด ว่าคนที่ริทสึคิดว่าใสๆนั้น กำลังยิ้มเยาะเสียถูกครั้งไป ที่ได้แต๊ะอั๊งพี่ชายบุญธรรมของตัวเองในทุกครั้ง ทุกเวลา ส่วนที่ร้องไห้ได้ราวกับว่าสั่งน้ำตาได้นั้น  ก็เรียกว่าสั่งได้จริงๆนั้นแหละ  

         แต่ต้องทำเป็นแอ๊บใสๆ ให้พี่ชายสุดที่รักมาเอ็นดู แล้วก็ยอมให้อยู่ใกล้เพียงแค่นั้น ซึ่งริทสึไม่มีวันจะได้รู้ว่าจริงๆ แล้วน้องชายที่เขาคิดว่าซื่อๆใสๆ กำลังคิดวางแผนต่างๆนาๆอะไรเอาไว้บ้างในหัวน้อยๆของฮิบิกิ

         พรึ่บ

         อูยย ทำไมอยู่ๆผมก็หนาว และขนลุกซู่ขึ้นมากันละเนี่ย ที่นี้มันยังไม่ถึงหน้าหนาวเลยแท้ๆ ผมที่กำลังนอนเล่นจนเกือบหลับจริงอยู่ที่สวนหลังบ้าน ณ ป่าช้าแห่งเดิม เพิ่มเติมคือมีตัวก่อกวนเพิ่มเข้ามาอีกสองหน่อ ก่อนที่ผมจะหลับไปอีกเหมือนเดิม เพิ่มเติมมาอีกนิด คือโดนลวมลามทางเพศครับ!!



    --------------------------------------------------------------------------------------------------



         ในที่สุดวันเปิดเทอมก็มาถึง วันที่ผมจะได้เปล่งออร่าคนดีให้กับทุกคนในโรงเรียนได้ทราบ แล้วเปลี่ยนฉายาให้กับผมใหม่ จากท่านจอมมาร เป็นเป็นท่านจอมเทพ ที่เท่มากกว่าเดิม ดูเป็นมีระดับความเป็นคนดีขึ้นมาอีกนิด สมกับหน้าตาของผมที่ดูเป็นคนดีอย่างเหลือหลาย กำลังส่อแววออร่าออกมาอย่างมากล้นพ้นแสง

         ผมที่กำลังส่องกระจก เพื่อสำรวจตัวเองอยู่ ในชุดแต่งกายของโรงเรียนเซย์ชู ด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว มีเนคไทด์สีแดงดำเป็นตัวบอกว่าตอนนี้ผมเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาอยู่ ถ้าเป็นชั้นมัธยมจะได้ใส่ไทด์สีดำพาดน้ำเงิน

         กางเกงสีแดงเหมือนไทด์ ขาสั้นสามส่วน มีเสื้อนอกสีดำเข้มเนื้อดี ปักสัญลักษณ์ของโรงเรียน บ่งบอกยี้ห่อของคนที่ใส่  ติดเข็มกลัดที่บ่งบอกระดับชั้น ที่ปกคอเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านใน

         "คนอะไร หล่อชะมัดเลย.. ให้ตายสิ" ผมเอ่ยชมตัวเอง พลางหมุนดูรูปร่างตาหน้าตัวเองอย่างชื่นชม

         "พี่ริทสึครับ ลงมาทานข้าวได้แล้วครับ เดี๋ยวจะสายเอานะครับพี่" ฮิบิกิที่แต่งตัวเสร็จก่อนผมนานโข จนราแทบขึ้นเสื้อแล้ว ขึ้นมาเรียกผมลงไปทานข้าวเช้าหลังจากที่ฮิบิกิลงไปก่อนหน้าผมสักพัก 

         ทั้งที่จริง เมื่อก่อนผมกินเพียงแค่ขนมปังแผ่นเดียวกับนมก็สามารถที่จะออกบ้านไปได้แล้วแท้ ๆ  แต่ก็เพื่อความสุขของท่านแม่ที่อยากให้ผมได้ทานข้าวเช้าก่อนออกไปเรียน ผมจึงจำยอมลงไปกินแต่โดยดี เพราะไม่อยากขัดใจ 

         "พี่กำลังลงไป" ผมขยับกายออกจากหน้ากระจกที่ส่องอยู่นานถึงหนึ่งชั่วโมง เพื่อจ้องมองความหล่อเหลาของตัวเอง ด้วยใบหน้าที่พยายามจะฝึกยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ได้มากที่สุด กลับไม่เป็นผล ใบหน้าของผมมันไม่ยอมยิ้มอย่างคนใจดีเลยสักนิด นี้มันแย่แล้วละครับ!!

         เพราะพอเวลาที่ผมจะยิ้ม มันจะกลายเป็นว่า ผมกำลังแสยะยิ้ม ที่ราวกับว่าในหัวของผมกำลังวางแผนการร้ายๆเอาไว้ในหัวสมอง หางตาของผมก็พาลจะกระดกขึ้นไปอีกหน่อย 

         โอ้!! ไม่นะ นี้มันหน้าของพวกอันตพาลของจริงเลยนี้น่า ที่จะชอบยิ้มที่มุมปาก จนหล่อแบบแบดบอย ดูอันตรายและป่า เถือนราวกับกำลังเป็นสัตว์ป่าที่กำลังจ้องเหยื่อเพื่อที่จะล่าเล่นเลยนี้น่า 

         แม้รอยยิ้มนั้นของผมจะทำให้หน้านิ่งๆของผม ดูหล่อขึ้นไปอีกสิบเท่าก็เถอะ แต่ผมอยากหล่อแบบพระเอกบ้างนี้น้า ชิ สงสัยผมคงต้องไปอัพสกิลยิ้มสวยโลกสดใสกับท่านแม่ฮานะซะแล้วสินะ คิดเสร็จ ผมก็ค่อยหลังหันเดินออกจากไปห้องไปตามเสียงเรียกของฮิบิกิทันที

         หลังทานข้าวเช้ากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมก็ร่างที่มาดแมนของตัวเองเดินออกจากบ้านไปรอฮิบิกิที่รถทันที เพื่อหลีกเลี่ยงกับบรรยายกาศการคำสั่งเสีย และคำลาของท่านแม่ ที่กำลังกล่าวคำอำลา เหมือนว่าผมกับฮิบิกิจะไปไกล ไปนานถึงสิบปี ด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างปลื้มปริมที่ลูกจะได้กลายเป็นผู้ใหญ่สักที 

         "โชคดีนะริทสึ ฮิบิกิ!!" เสียงตะโกนของท่านแม่ตะโกนตามหลังรถมาอีกที หลังจากที่ฮิบิกิเดินขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว

    ร่างบอบบางของท่านแม่ยืนโบกมือมาให้ พร้อมกับท่านพ่อที่ยืนมองอย่างเป็นห่วง ส่วนฮิบิกิเองก็หันหลังไปโบกมือลาอีกครั้ง ก่อนที่จะหันมานั่งจับมือของผมเอาไว้เบา ๆ จนผมลุกขนกับพฤติกรรมนี้ของฮิบิกิ ที่ไม่ว่าจะโดนจับกี่ทีก็ไม่เคยชิน 

         ครื้นนนนนน

         รถที่กำลังเคลื่อนตัวออกจากบ้านที่แทบจะเรียกว่าคฤหาสน์ได้นั้น กำลังพาผมกับฮิบิกิเดินทางไปที่โรงเรียนอย่างช้าๆ ผมที่กำลังนั่งรอไปถึงโรงเรียน เหม่อมองไปตามทางที่รถเคลื่อนไป พร้อมกับความรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่าง บางอย่างกำลัง คลืบคลานเข้ามาใกล้ ใกล้จนผมเริ่มรู้สึก ถึงความคลืบคลานนั้น ที่กำลังเลื้อยอยู่ที่ภายในเสื้อตัวนอกที่ผมสวมทับอยู่

         เลื้อย!!!

         เห้ย!! นี้ผมลืมได้ไงเนี่ย ผมลืมเอาเรย์ทิ้งไว้ที่บ้าน นี้มันคือความผิดพลาดที่ใหญ่หลวงสุดๆไปเลยในชีวิตของผม  แต่ว่า ก็ช่างมันเถอะเนอะ ไหนๆก็เอามันติดตัวมาแล้วนี้  เฮ้อ ง่วงจัง เมื่อไรจะถึงโรงเรียนสักทีนะ ผมรู้สึกว่าผมอยากจะนอนสุดๆไปเลยละครับ

         "พี่ครับ นี้พี่เอาเรย์มาด้วยหรอครับ"ฮิบิกิที่นั่งมองผมมานานเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นผมเอาเรย์ออกมาจากเสื้อด้านในของเสื้อนอกสีดำเข้มของตัวเองขึ้นมาดู ก่อนที่จะซุกเอามันไว้ทีเดิม

         "อืม..ลืมเอาออกน่ะ แต่ช่างมันเถอะ" ผมบอกไปเอือยๆ เพราะเริ่มง่วงนอนอีกแล้ว

         รถเคลื่อนตัวไปได้สักพัก ก็ค่อย ๆ ชะลอตัวลง และจอดสนิทให้ผมกับฮิบิกิลงที่หน้าประตูโรงเรียนพอดี ผมเหลือบตามองเด็กน้อยวัยกระต๊อกหลายคนที่กำลังเดินลงจากรถคันหรูหรา ที่แค่นี้ก็พอจะเดาฐานะทางบ้านกันได้คราว ๆ แล้ว กำลังเดินมุ่งหน้าเข้าโรงเรียน พร้อมกับหนังสือในมือ อืม..จะว่าไปเด็กของโรงเรียนที่นี้ดูแล้วมีแต่พวกเด็กเรียนเลยแหะ 

         ถึงจะมีบ้างกลุ่มที่ดูแต่งตัวจัดๆ ตามสไตล์ของตัวเอง เพราะที่โรงเรียนแห่งนี้ไม่กฎเรื่องทรงผม สีผม หรือแม้แต่เรื่องของการแต่งหน้า แต่ขอเพียงแค่ให้แต่งกายด้วยชุดที่สามารถบ่งบอกว่าอยู่โรงเรียนแห่งนี้ และเรียนอยู่ระดับชั้นไหนก็เพียงพอแล้วซึ่งผมเองก็เป็นคนหนึ่ง ที่แต่งกายไม่เรียบร้อยนัก เอาเสื้อออกนอกกางเกง คลายไทด์ออกเล็กน้อย ไม่ติดกระดุมเม็ดบน 2 เม็ด เอาพอแบบที่จะโชว์กล้ามอกที่ผมปั่นเองกับมือในช่วงที่นอนอยู่บ้านในช่วงปิดเทอม ให้สาว ๆ เห็นพอเป็นน้ำจิ้มของวันนี้

         เมื่อรถจอดสนิทคนขับรถก็เดินลงมาเปิดประตูฝั่งฮิบิกิออกให้ตามหน้าที่ พอฮิบิกิออกไปเพียงแค่แปปเดียวเท่านั้น เสียงกรี๊ดก็ดังลั่นขึ้นมาทันที อย่างกับเจอดาราหน้าหล่อ พวกสาว ๆ ที่ตอนนี้ยังเป็นแค่เด็กตัวกระเปี๊ยก ก็พากันวิ่งมารุมฮิบิกิกันอย่างล้นหลาม ราวกับแมลงวันตอมอึหมา เหอะ ทำเป็นหล่อไปเถอะเจ้าฮิบิกิ เจ้าตัวแย่งซีนพระเอกผม ทั้งที่จริงแล้วต้องเป็นผมไม่ใช่หรอ ที่จะมีคนมากรี๊ดอย่างนี้นะ 

         ผมที่ยืนมองค้อนเจ้าฮิบิกิ ที่ตอนนี้กำลังทำหน้าอึ้ง ๆ กับการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้ กับการมาโรงเรียนเป็นครั้งแรกที่โรงเรียนแห่งนี้ จึงทำได้เพียงแค่ยิ้มแหย่ ๆ ให้กับเด็กผู้หญิงที่มาตีวงล้อมเอาไว้ โดยมีฮิบิกิอยู่ตรงกลาง ไอ้พวกอึสดหมาหอม น่ารำคาญเกินไปแล้วนะครับ ผมรับไม่ได้!! มันเด่นกว่าผมได้ไงกัน 

         ผมที่กำลังนั่งกอดอกตัวเองอย่างตัวอารมณ์เสียอยู่ในรถ เพราะออกไปไหนไม่ได้ เนื่องจากโดนพวกเด็กผู้หญิงน้อยใหญ่มากมายกำลังมายืนขว้างทางเดินของผมอยู่ และมันยิ่งทำให้ผมอารมณ์เดือดขึ้นมาอีกระรอกทันที

         "กรี๊ดดด.. หล่อจังเลย "

         "นี้นายชื่ออะไรหรอ"

         "พี่เรียนอยู่ชั้นไหนคะ"

          แค่มาเรียนวันแรก เจ้าบ้านี้ก็สามารถเรียกกระแสนิยมให้เข้าหาตัวเองได้ขนาดนี้เลยรึเนี่ย ผมรับไม่ได้!!! หรือว่าเพราะผมเป็นตัวละครลับกันแน่นะ เป็นตัวละครที่นาน ๆ ทีมีบท เอ๊ย ไม่ใช่ ตัวละครที่โคตรลับ ที่ไม่มีใครหาเจอ ลับจนคนลืม คิดแล้วน่าน้อยใจจริงๆเลยครับ 

         "มายืนขว้างทางผมแบบนี้ คงอยากจะมีเรื่องกันสินะ.." ผมเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายบรรยายโดยล้อม ด้วยน้ำเสียงเหี้ยม ๆ ที่กำลังอิจฉาเจ้าตัวประกอบฮิบิกิ ที่ดันเด่นกว่าผมไปมาก ในการมาโรงเรียนในครั้งนี้ และแค่เพียงสิ้นคำพูดก็สามารถทำให้ทุกคนหยุดนิ่ง แล้วค่อย ๆ ขยับตัวแหวกทางออกให้ผมได้เดินเข้าไปในโรงเรียนตามคำบัญชาของท่านจอมมารริทสึทันที

         ผมที่เดินลงจากรถ แบบองอาจผาดเผย ค่อยๆเคลื่อนกายอย่างเท่ๆ แผ่รังสีพระเอกออกมาอย่างเต็มที ผ่านฝูงชนที่ผมเป็นสั่งให้แหวกทาง เหมือนโมเสสที่แหวกน้ำทะเล สร้างปรากฎการให้ฮิบิกิที่ขอร้องให้แหวกทางอยู่นาน อึ้งไปอีกที พร้อมกับเด็กคนอื่น ที่ดูอยู่ข้างนอกวงล้อมนี้ มองมาอย่างอึ้งๆ

         ที่พวกนักเรียนคนอื่นอึ้ง นี้ไม่ใช่ว่าริทสึสามารถสั่งให้พวกผู้หญิงแหวกทางได้หรอกนะ แต่อึ้งที่ท่านจอมมารริทสึมาโรงเรียนในวันเปิดเทอมวันแรกตั้งหาก เพราะส่วนใหญ่ริทสึมักจะไปโรงเรียนแค่ช่วงที่มีการสอบเท่านั้น นอกนั้นถ้ามาโรงเรียนก็จะมาเพื่อมีเรื่องเท่านั้น 

         ผมที่กำลังจะเดินผ่านไป เกิดสะดุดความคิดของตัวเอง ไม่ได้ ผมจะมาทำตัวเหมือนจอมมารไม่ได้แล้วนะ ผมเป็นคนดี ผมมีออร่าพระเอกมากกว่าพระเอก แล้วจะให้ผมมาทำตัวเป็นอันธพาลเจ้าอารมณ์แบบนี้ได้ยังไงกัน 

         ม่ได้การสงสัยต้องทำอะไรบ้างแล้วละ ใช่แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเจอท่าไม้ตาย ที่ผมแอบฝึกซ้อมอยู่นานสักหน่อยแล้วสิ เจอนี้หน่อยเป็นไง แอ๊คแท๊กออร่าโลกสวย!!

         "ขอบใจนะ.."เป็นไงครับ รอยยิ้มจอมมารพิฆาตเทพ สกิลใหม่ที่ผมได้คิดค้นขึ้นมาเอง รอยยิ้มที่สุดแสนจะใจดีของท่านริทสึ พวกเจ้าจงรับไปซะให้เต็มที หึหึ

         แต่เดียวนะ นี้มันแปลกแล้วน่ะ ทำไมคนที่ได้เห็นรอยยิ้มของผม ถึงได้ตัวสั่นขนาดนั้นกัน หรือว่าเจ้าเข้าทรง สั่นกันซะผมเริ่มที่กังวลซะแล้วสิ นี้ผมยังฝึกสกิลนี้ได้ไม่สมบูรณ์สินะ ถึงนี้ได้เอาแต่ก้มหน้าลงหลบรอยยิ้มของผมกันเป็นแถบๆ ไม่ยอมมองหน้าผมกันแบบนี้นะ ชิ ก็ได้ ผมจะไปแอบฝึกมาใหม่ เตรียมตัวเจอสกิลนี้ของผมตอนเสร็จสมบูณร์ก่อนเถอะ เจ้าพวกบ้า ชิชิชิ

         ผมที่รู้สึกเสียหน้าอย่างรุนแรง ที่ทุกคนเอาแต่หลบสายตา รวมถึงฮิบิกิ ที่กำลังอ้าปากพะงาบๆเป็นปลาดุกขาดน้ำ ใกล้ขาดใจ มองหน้าผมด้วยดวงตาที่เบิกขึ้นมาจนลูกตาแทบจะทะลัก

         เออ รู้แล้วน่าว่าผมยิ้มแล้วน่าเกลียด แต่ก็ไม่เห็นจะต้องทำแบบนี้กับผมเลยก็ได้ อย่างน้อยแค่ส่งรอยยิ้มแหยๆ หรือพยายามกระดกมุมปากขึ้น เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมมาบาง ผมก็จะรู้สึกเบิกบานขึ้นแล้วแท้ๆเชียว

         "ฮิบิกิ นายไปหาห้องเอาเองละกัน..ขอตัว"ผมพูดตัดบท ก่อนที่จะหมุนตัวหุบรอยยิ้มของตัวเอง เดินหนีไปแทบจะทันทีที่พูดจบ น้อยใจจริงๆครับ อย่างน้อยแค่ส่งยิ้มอ่อนๆมาให้ผมบางก็ได้แท้ๆ

         แต่ใครจะรู้ ว่าทันทีที่ริทสึหันหลังกลับไป เขาได้กระชากเอาหัวใจของสาวน้อยใหญ่ และบุคคลที่ได้เห็นยิ้มจางๆ ที่ดูแล้วรอยยิ้มแบบหล่อร้ายนั้น ที่จะสามารถทำให้ใจของคนที่เห็น หัวใจกระตุกวาบได้ทันที จนไม่กล้าที่จะมองหน้าอีกฝ่ายตรงๆได้ อีก เพราะในใจกำลังคิดไม่ซื่อกับเจ้าของรอยยิ้มนั้นอยู่

         บางคนถึงกับต้องให้เพื่อนพยุงตัวขึ้นมายืนดี เพราะได้เห็นรอยยิ้มพิฆาตเทพของท่านจอมมารริทสึ ที่ไม่เคยยิ้มมาก่อน แถมยังไม่เคยเห็นหัวใคร จะมาบอกว่าขอบคุณ คำพูดที่ราวกับพรของพระเจ้า 

         ทุกคนที่เห็นต่างรู้สึกแบบนั้น แต่อย่างน้อยก็มีอยู่คนหนึ่ง ที่ทำท่าทางไม่พอใจ ที่ริทสึมายิ้มให้คนอื่นได้เห็น ทั้งที่ตอนอยู่ด้วยกันยังไม่ค่อยจะยิ้มให้กันแท้ๆ 

         "พี่ริทสึ ทำไมพี่สนใจคนอื่นมากกว่าผมกันละ ทำไมต้องไปขอบคุณคนพวกนี้ด้วย พี่เป็นของผมแท้ ๆ ชิ น่าหงุดหงิด ชะมัด " ฮิบิกิที่เอ่ยขึ้นเบาๆ ราวกับกำลังกระซิบกับตัวเอง ด้วยสายตาที่หรี่เล็กลง ก่อนที่ฮิบิกิจะอ้อนขอให้คนแถวนั้น บอกทางไปห้องของตัวเอง เพราะริทสึได้ทิ้งตัวเองหนีไปไกลเสียแล้ว 

         สวบ สวบ

         หลังจากที่เดินหนีมาเพราะเสียหน้าไปนั้น ผมก็เดินมาเรื่อยๆจนเกือบจะถึงเรียนของตัวเองแล้วละ ห้องเรียน 6-3 

         ห้องเรียนที่ผมต้องเรียนต่อไปนี้ เป็นห้องโหลที่สุดของพวกที่เรียนไม่เก่ง หรือนิสัยเลวร้ายสุดๆ แบบที่ต้องการใครสักคนมาดัดนิสัยได้  ซึ่งผมเองก็เป็นหลัง ผมถึงได้มาอยู่ที่นี้ ตามมติของอาจารย์และผู้ปกครอง

         แต่ไม่เป็นไร ต่อให้ผมจะถูกอาจารย์เนรเทศจากห้องท๊อปมาอยู่ที่ห้องโหลสุด ผมก็ไม่แคร์ เพราะยังไงผมก็อยู่ทุกที่ แค่มีที่นอนให้ผมก็เพียงพอแล้ว ฉะนั้น ท่านอาจายร์ทั้งหลายที่ถีบผมลงมาน่ะ เตรียวตัวเจอผมแกล้งเอาไว้ได้เลย หึหึ

         โดยเฉพาะแก่ ไอ้เหม่งซ่าวิชาคณิต อาจารย์หัวล้าน ที่มักจะจ้องจับผิดผมมาตลอด ตั้งแต่ที่ผมมาเรียนที่นี้ อีกนัย ๆ หนึ่งคือ ตั้งแต่ที่ผมเอาสเปยร์สีไปฉีดรถสปอร์ตแก เพื่อระบายอารมณ์ศิลป์ ที่เกิดขึ้นมาพอดี ขณะที่กำลังเดินผ่านรถของแกเข้า แต่ไม่รู้ทำไม่อาจารย์ถึงได้รู้ว่าเป็นผมก็ไม่รู้ ผมก็แค่ลงชื่อ หลังจากที่ฉีดละเลงสีเสร็จว่า ริทสึ ทั้งที่โรงเรียนนี่น่าจะมีคนชื่อเดียวกับผมอีกตั้งหลายคน

         ยิ่งคิดผมยิ่งกลุ้ม นี้เหมือนก่อนผมนิสัยเสียขนาดนี้เลยรึไงกันนะ ทั้งที่ผมก็คิดว่าผมคนดีมากมาตลอดแท้ๆ เพียงแค่ไม่มีใครเห็นความดีของผมเท่านั้นเอง แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วละ ว่ามันไม่ใช่เลยสักนิด เมื่อก่อนผมเลวบริสุทธิ์มากเลยตั้งหากเล่า!!

         ผมที่กำลังบ่นตัวเองในใจ เดินมาจนถึงหน้าประตูห้องพอดี ก่อนที่ผมจะค่อยดันประตูเปิดออก เพื่อเข้าไปข้างในห้อง เพื่อเลือกที่นั่ง แต่!!

          พลั้ว!! ตึง!! 

         เสียงแปลงลบกระดาน ที่ถูกวางเอาไว้แกล้งคนที่เปิดประตูเข้ามา ถูกเท้าเล็กๆของผม เตะอัดเข้ากับโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆอย่างแรง จนโต๊ะบุบเข้าไป ทำให้ภายในห้อง ที่ตอนแรกยังมีเสียงหัวเราะ อยู่เงียบลงทันตาเห็น พร้อมกับผมที่ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองกวาดสายตาเหี้ยมๆ ส่งแบบเดลิเวอรี่ให้ทุกคนในห้องแบบทันที โดยไม่คิดเงินค่าเสียหายที่ทำผมตกใจ จนเท้ากระตุก

         หึ คิดจะเล่นงานผมคนนี้สินะ เจ้าพวกไก่อ่อน ถึงได้กล้าเอาแปลงลบกระดานมาวางทำเป็นกับดักแกล้งกันแบบนี้ คิดว่าอยู่ห้องเด็กเกเร แล้วจะไม่มีใครเจ๋งกว่าตัวเองรึไงกัน ไอ้พวกเด็กเกเรจอมปลอมเอ๊ย มาเจอท่านริทสึจอมเกเรของแท้ ของจริงหน่อยแบบนี้ เป็นยังไงบ้างละ

         "ใครเป็นคนทำ.. "ผมถามเสียงเรียบออกไป แต่คนในห้องกับเงียบกริบไร้ซึ่งเสียงตอบรับ อย่าว่าแต่เสียงตอบรับเลย เสียงหายใจยังแทบจะไม่มี นี้พวกนายจะกลั้นหายใจกันทำไมกัน ผมละไม่เข้าใจจริง ๆ 

         "อะ.. เออ พวกนั้นครับ ทะ..ท่านจอมมาร" เสียงสั่นๆของเด็กที่ดูอ้วนกลมเอ่ยขึ้น พร้อมกับชี้มือไปที่พวกหลังห้องสุด 

         พวกนั้นแต่ละคนทำท่าเกเรน่าดู ถ้าดูจากการแต่งตัวที่พยายามอย่างมากที่จะแต่งตัวให้ดูเกเร ไหนจะทรงผมอานหมา ที่ไถแล้วไม่ได้เข้ากับหน้า และสีผมที่สุดแสนจะแสบตาผมนั้นอีกละ ใครคิดให้พวกแกกันเนี่ย ว่าให้แต่งตัวแบบนี้กันออกจากบ้าน ทุเรศมาก!! ถ้าเป็นผมนี้จะไม่ออกบ้านเป็นห้าหกเดือนนั้นแหละ อายคนอื่นเขาชะมัดเลย ไร้รสนิยมจริงๆ ผมรับไม่ได้ครับ!!

         "เออ..ฉะ ..ฉัน.เองแหละ..แกมีอะไรไหม"เสียงของคนที่ดูน่าจะเป็นหัวหน้าแก๊งจิ๊กโก๋รุ่นเยาวชน เอ่ยขึ้นมาอย่างท้าทายผม ทั้งที่น้ำเสียงสั่นเครือเต็มที แต่พยายามทำกร้างใส่ผมต่อเพราะศักดิ์ศรีที่ค้ำคอ

         "หือ..นายเองหรอ.." ผมที่ตวัดสายมองไปที่กลุ่มนั้น เดินเข้าไปหา พร้อมปล่อยรังสีโกธรเกรี้ยวออกมาเต็มที ทั้งที่กำลังทำสีหน้าเรียบเฉยเพื่อกดดันอีกฝ่าย ให้กลัวผมมากไปกว่าเดิม หึหึ มาโรงเรียนวันแรก ก็มีเรื่องให้ผมสนุกแต่เช้าเลยแหะ ขอเล่นกับพวกนายให้หายแค้นเจ้าฮิบิกิแทนหน่อยแล้วกันนะ ไอ้พวกโจ๋ใสวัยว้าวุ่นทั้งหลาย 

         "กะ..แก ..เข้ามาใกล้ทะ..ทำไมกัน ห๊ะ.." เสียงที่ทำเป็นขู่ผมให้กลัว ถ้าใช้กับคนอื่นอาจจะได้ผล แต่กับผมมันเหมือนเป็นอะไรที่น่าลองดูเสียจริงว่าจะดีแต่ปากรึเปล่า

         "ถอยไป ตรงนี้ที่นั่งฉัน" ผมที่ไปหยุดยื่นตรงหน้าของเด็กที่ดูแล้วหน้าจะเป็นหัวหน้า พลางเอากระเป๋าวางไว้บนโต๊ะ แล้วบอกความต้องการแก่อีกฝ่ายทันที 

          ก็ตรงนั้นมันเป็นที่นั่งติดหน้าต่าง แถมยังอยู่หลังสุด เหมาะแกการนอนหลับมากที่สุดนี้น่า ผมเองก็อยากจะนอนรับลมซะด้วยสิ ดังนั้น ถอยไปจากที่นั่งของผมเดี๋ยวนี้เจ้าพวกเด็กน้อยทั้งหลาย

         "เรื่องอะไรละ แกอย่ามาทำเป็นกร่างไปหน่อยเลย" เจ้าหัวหน้าที่ดูเหมือนจะฮึดทำใจสู้ ลุกขึ้นมาประชันหน้ากับผมทันที ทั้งทีตัวเท่าอกของผมแท้ ๆ 

         เพี๊ยะ

         "ลุกซะ.. ตรงนี้คือที่ของฉัน" เสียงของฝ่ามือของผมที่กระทบเข้ากับแก้มใสของเจ้าหัวหน้าแก๊งโจ๋เยาวชนดังขึ้นท่ามกลางห้องเรียนที่เคยเงียบสนิท พร้อมกับเอ่ยเสียงเย็นๆ ที่ผมเจตนาส่งไปเพื่อข่มขู่ ข่มขวัญศัตรู แบบเห็นใจอีกฝ่ายเต็มที ที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้เข้าแต่เช้า

         เพื่อบอกเจ้าพวกโจ๋วัยใส ว่าอย่าทำอะไรผมเลย ผมกลัวแล้วไปให้อีกฝ่าย ด้วยท่าทีของพระเอกที่ร่างกายอ่อนแอ ในสภาพที่กำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวร้ายอยู่ เพื่อปกป้องตัวเอง นี้ผมเป็นฝ่ายถูกกระทำก่อนนะครับ  ดังนั้นผมเลยต้องป้องกันตัวเองจากพวกเหล่าร้ายมันก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วนี้ 

         "ฮึก..ฮือ..แงงงงง" สิ้นเสียงผม เจ้าหัวหน้าโจ๋เยาวชน ก็ปล่อยโฮออกมาทันที 

         ผมผละตัวออกห่างอีกฝ่ายเล็กน้อย ด้วยความตกใจกับเสียงร้องหาย อ้าว.. นี้ผมทำอะไรอีกละ ผมว่าผมตบไปเบา ๆ เองนะ แล้วทำไมแก้มของเจ้านั้นถึงได้แดงขึ้นมาเป็นรอยนิ้วของผมกันละ ผมว่าเจ้าเด็กนี้มันต้องสำออยแน่ๆเลยครับ มันกำลังเรียกความสนใจจากคนอื่นอยู่แน่ๆ

          ผมยกมือตัวเองขึ้นมาดู สลับกับมองหน้าของคนตรงหน้า เพราะตอนนี้ทุกคนเอาแต่มองมาทางผมกับเจ้าเด็กนี้ ด้วยใบหน้าที่ซีดเผือก จนผมอยากจะตะโกนบอกให้ทั่วห้องว่ามันสำออย อย่าไปเชื่อมัน ผมตบเบา ๆ เองนะครับทุกคน!!  อย่าไปเชื่อรอยแดง ๆ บนหน้าของเจ้าเด็กนี้นะครับ!!

         "อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อแม่ละ ถ้าไม่อยากเจอดีกว่านี้นะ" ผมที่เป็นห่วงอีกฝ่ายอย่างจับใจ เอือมมือไปจับคือเสือ พร้อมกับกระซิบให้ได้ยินกันแค่ 2 คน ว่าอย่าให้เรื่องไปถึงพ่อแม่เลย เพราะเรื่องมันคงไม่จบง่ายๆแน่ แล้วก็คงไม่แคล้วท่านแม่ต้องมาเข้าห้องผู้ปกครอง แล้วสุดท้าย!! ท่านแม่ก็จะต้องทำอาหารกระชับมิตรขึ้นมาอีก!!

         แล้วคราวนี้ผมคงไม่รอดแล้วจริง ๆ  ได้ตายจริงก็คราวนี้แน่ ๆ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของผมเอง ห้ามนายเอาไปฟ้องพ่อแม่ของนายเด็ดขาดเข้าใจไหมครับ ไอ้เด็กโจ๋ทั้งหลาย

         ผมที่กำลังจ้องมองอีกฝ่าย ด้วยสายตาที่อ่อนโยนอย่างคนใจดี สักพักก่อนที่เรย์ เจ้าไส้เดือนดินของผม จะออกมาชูคอเลื้อยอยู่บนคอของผมอย่างพอดิบพอดี  จนเหมือนว่าตอนนี้ผมกำลังจะสำแดงพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ในกายออกมา ทำเอาคนที่เหลือในห้อง ต่างพากันหน้าซีดกันไปเป็นแถบๆในขณะที่ผมกำลังพูดเพื่อข่ม..แค่กๆ.. เพื่อปลอบใจอีกฝ่าย 

         "แงงงงง" พอเห็นอย่างนั้น เจ้าเด็กนั้นก็วิ่งออกไปทั้งคราบน้ำตาทันที

         ก่อนผมจะนั่งลงกับเก้าอี้ ที่ผมเพิ่งได้มาอย่างยากลำบาก ด้วยความเหน็ดเหนื่อย จากแรงกายและแรงใจ เฮ้อ...เหนื่อยจริงๆเลย มาเรียกวันแรก ก็โดนรังแกซะแล้วผมเนี่ย เบื่อจริง ๆ ต้องเป็นคนอ่อนแอให้คนอื่นมารุมรังแกแบบนี้ เกิดเป็นริทสึเนี่ยเหนื่อยใจจริง ๆ เลยนะครับ ผมขอรับประกัน ว่าเกิดเป็นผม มันลำบากสุดๆเลยละครับ เฮ้ออออออ













     


      



      








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×