ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไวยากรณ์อังกฤษ

    ลำดับตอนที่ #13 : Adverbs ( กริยาวิเศษณ์ ) Types (ชนิดของกริยาวิเศษณ์ )

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ย. 52


    Adverb ( กริยาวิเศษณ์ ) คือคำที่ใช้ประกอบหรือขยายคำต่อไปนี้เพื่อให้ได้ความหมายชัดเจน สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

    1. Verb (กริยา)  เช่น  He works hard every day.  ( hard เป็น adverb  ขยายคำกริยา work )

    2. Adjective ( คำคุณศัพท์)  เช่น  It is surprisingly hot  today. ( surprisingly เป็น adverb ขยาย คุณศัพท์ hot )

    3. คำกริยาวิเศษณ์ด้วยกันเอง  เช่น The train travels very quickly.( very ซึ่งเป็น adverb ขยาย quickly ซึ่งเป็น  adverb )

    4. Pronoun (สรรพนาม)  เช่น  What else I can say? ( else เป็น adverb ขยาย what  ซึ่งเป็น สรรพนาม )

    5. กลุ่มคำที่เป็นวล  เช่น They lived nearly on the top of the hill. ( nearly เป็น adverb ขยายวลี on the top of the hill )

    6. ประโยค  เช่น However, I was successful in the examination ( however เป็น adverb ขยายประโยคที่ตามมา )

    7. จำนวนนับ   เช่น  I go to Huahin almost every week. (  almost เป็น adverb ขยายจำนวนนับ every )

    8. Preposition (บุพบท)   เช่น  I hit him right on his nose . ( right ในที่นี้แปลว่า"พอดี " เป็น adverb ขยาย preposition "on")

    9. Conjunction ( สันธาน ) เช่น   He didn't stop working even though he was very tired. ( even =ถึงขนาดนั้น เป็น adverb ขยายสันธาน though

    การจัดชนิดของ adverbs นี้  แต่ละตำราจะแบ่งไม่เหมือนกัน แต่โดยรวมแล้วเนื้อหาจะเหมือนกัน ในที่นี้จัดกลุ่มดังนี้

    • Adverb ที่ขยาย  adjective  และ adverb   ได้แก่
         1.Adverbs of Degree  ซึ่งปกติจะนำหน้าคำที่มันขยาย
    • Adverb ที่ขยาย verb ได้แก่
          2. Adverbs of Time
          3. Adverbs of Manner
          4. Adverbs of Place
          5. Conjunctive Adverbs    
      อื่นๆ
          6. Interrogative Adverbs  
          7. Relative Adverbs 
          8. Viewpoint and Commenting Adverbs 
          9. Adverbs phrases and clauses of purpose
          10. Adverbs of Certainty

    มีรายละเอียดดังนี้

    1. Adverbs of Degree    เป็นกริยาวิเศษณ์ทส่วนใหญ่ี่ไปขยาย adjective  หรือ adverb ด้วยกันเอง เพื่อบอกระดับหรือปริมาณความมากน้อย คำที่พบบ่อยๆ ได้แก่

    absolutely

    certainly

    definitely,

    probably

    entirely

    obviously

    very

    almost

    nearly

    quite

    just

    too

    enough

    hardly

    completely

    very

    extremely

    exactly

    scarcely

    so

    much

    quite

    perhaps

    probably

    rather

    fairly

    only

    slightly

    ตำแหน่งของ Adverbs of Degree  ส่วนใหญ่วางหน้าคำที่มันขยาย มักจะขยาย adjective หรือ adverb  ด้วยกันเอง  และวางหน้า main verb  หรือระหว่างกริยาช่วย ( auxiliary verb )กับ main verb เช่น

    The water was extremely cold.   น้ำนั้นเย็นเจี๊ยบเลย  ( ขยาย adjective - cold)
    I am too tired to go out tonight.  ฉันเหนื่อยเกินไปกว่าที่จะออกไปข้างนอกคืนนี้   ( ขยาย adjective - tired)
    Please do not speak too fast.  โปรดอย่าพูดเร็วเกินไป   ( ขยาย adverb - fast )
    He hardly noticed what she was saying. เขาแทบไม่ได้สังเกตว่าเธอพูดอะไร ( วางหน้า main verb - noticed )
    She had almost finished her breakfast when I came in. เธอกินอาหารเช้าเกือบเสร็จแล้วตอนที่ฉันเข้ามา  
        ( วางระหว่างกริยาช่วย  - had กับ main verb - finished )

    2. Adverbs of Time   เป็น adverb ที่ บอกว่าการกระทำนั้นเกิดเมื่อใด (when ) เป็นเวลานานแค่ไหน    ( for how long ) และบ่อยแค่ไหน ( how often ) เช่น

    • When : เช่น today, yesterday, later,now, last year, after,soon, before, sometime (ขณะใดขณะหนึ่งในอดีต,อนาคต ), immediately, recently,early
    • For how long : เช่น     all day, not long, for a while, since last year,temporarily,briefly, from......to, till, until (บางตำราแยกเป็น Adverbs of Duration )
    • How often : เช่น      sometimes (บางครั้ง บางคราว ), frequently, never, often, always, monthly  ( บางตำราแยกหัวข้อนี้ออกเป็น Adverbs of Frequency )

    การวางตำแหน่งของ Adverbs of time

    • Adverb ที่บอกว่าเกิดเมื่อใด ( When ) ส่วนมากจะนิยมวางท้ายประโยค เช่น
      I 'm going to tidy my room tomorrow. ฉันจะจัดห้องให้เป็นระเบียบเรียบร้อยพรุ่งนี้
      You have to get back before dark. คุณต้องกลับมาก่อนจะมืดค่ำ
      Everyone  arrived early. ทุกคนมาเร็วกว่าเวลาที่กำหนด
      It is time to leave now. ได้เวลาที่จะต้องไปแล้ว
      แต่อาจวางหน้าประโยคได้เช่น
      Today I will go to the library. วันนี้ ฉันจะไปห้องสมุด
      Now it is time to leave. ได้เวลาที่จะต้องไปแล้ว
    • Adverb of time ส่วนมากจะวางไว้ในกลางประโยคไม่ได้ ยกเว้น now, once, และ then เช่น It is now time to leave.
    • Adverb ที่บอกว่าเป็นเวลานานแค่ไหน ( for how long ) ส่วนมากวางท้ายประโยคเช่นกัน เช่น
       I lived in Australia for a year. ฉันเคยอยู่ที่ออสเตรเลียเป็นเวลา 1 ปี
      My daughter went out with her friends all day. ลูกสาวฉันออกไปกับเพื่อนของเธอทั้งวัน
      John will be here from tomorrow till next week. จอห์นจะอยู่ที่นีตั้งแต่พรุ่งนี้ถึงอาทิตย์หน้า
    • Adverb ที่บอกว่าบ่อยแค่ไหน ( how often ) เป็นการแสดงความถี่ของการกระทำ ส่วนมากวางหน้ากริยาหลัก ( main verb ) แต่หลังกริยาช่วย  ( auxiliary verbs ) เช่น  be, have, may, must
      I often eat vegetarian food. ฉันรับประทานอาหารมังสวิรัติอยู่บ่อยๆ
      He never drinks milk. เขาไม่เคยดื่มนม
      You must always fasten your seat belt. คุณจะต้องคาดเข็มขัดนิรภัยเสมอ (เช่น เวลาขับรถ นั่งเครื่องบิน )
    • Adverb ที่บอกว่าบ่อยแค่ไหนซึ่งระบุจำนวนเวลาของการกระทำที่แน่นอน ส่วนมากจะวางท้ายประโยค เช่น
      This magazine is published monthly. นิตยสารฉบับนี้ออกเป็นรายเดือน
      He visits his mother once a week. เขาไปเยี่ยมมารดาของเขาอาทิตย์ละครั้ง (เป็นกิจวัตร)
    • Adverbsที่สามารถวางท้ายประโยค หรือวางหน้ากริยาหลักเช่น   frequently,generally, normally, occasionally,often, regularly, sometimes, usually   เช่น
      She regularly visits France. เธอไปฝรั่งเศสเป็นประจำอย่างสม่ำ่เสมอ
      She visits France regularly.
      We occasionally go to the cinema. เราไปดูภาพยนต์ในบางโอกาส
      We go to the cinema occasionally.

    หมายเหตุ  
    sometime ( ขณะใดขณะหนึ่งในอดีต,อนาคต) เป็น adverb ที่บอกว่าการกระทำเกิดเมื่อใด ( When )
    sometimes ( บางครั้งบางคราว ) เป็น adverb ที่บอกความถี่ของการกระทำ ( how often ) ดังนี้
        I would like to read that book sometime.   ฉันอยากจะอ่านหนังสือเล่มนั้นเมื่อใดเมื่อหนึ่ง
        I sometimes see him in the park. ฉันเจอเขาในสวนสาธารณะเป็นครั้งคราว

    3. Adverbs of Manner  เป็น adverb ที่บอกว่าการกระทำนั้นได้กระทำในลักษณะอาการอย่างไร ( How ) ส่วนมากจะเป็น adverb ที่ลงท้ายคำด้วย -ly เช่น

    actively

    อย่างกระฉับกระเฉง

    any how

    อย่างไรก็ดี

    aggressively

    อย่างก้าวร้าว

    loudly

    อย่างดัง

    carefully

    อย่างระมัดระวัง

    distinctly

    อย่างเห็นได้ชัด

    easily

    อย่างง่ายดาย

    equally

    โดยเท่าเทียมกัน

    fast

    อย่างเร็ว

    gladly

    อย่างดีใจ

    greedily

    อย่างตะกละ ละโมบ

    intentionally

    อย่างตั้งใจ

    quickly

    อย่างเร็ว

    promptly

    อย่างไม่ชักช้า

    simply

    โดยง่าย, ธรรมดา

    quietly

    อย่างเงียบเชียบ

    still

    โดยสงบนิ่ง

    sincerely

    อย่างจริงใจ

    together

    ร่วมกัน

    suddenly

    โดยกระทันหัน

    wisely

    อย่างฉลาด

    well

    อย่างดี

    การวางตำแหน่งของ Adverbs of Manner

    • ถ้าประโยคไม่มีกรรมให้วางหลังกริยา เช่น
      They walk slowlyเขาเดินอย่างช้าๆ  ( ประโยคนี้ไม่มีกรรม   slowly วางหลังกริยา walk ในประโยคต่อๆไปก็เช่นกัน)
      Her eyes shine brightly. ดวงตาของเธอเป็นประกายสดใส
      We waited patiently for the show to begin. เรารอให้การแสดงเริ่มอย่างอดทน
    • ถ้าประโยคนั้นมีกรรม ให้วางหลังกรรม
      I can speak Japanese wellฉันพูดภาษาญี่ปุ่นได้อย่างดี ( Japanese เป็นกรรมของ speak )
      She sings the song beautifully. เธอร้องเพลงนั้นได้เพราะ  ( song เป็นกรรมของ sing )
    • Adverb of Manner ที่ลงท้ายด้วย -ly หรือเป็นคำที่แสดงความเห็นของผู้พูดเกี่ยวกับการกระทำนั้น ส่วนใหญ่นิยมวางไว้ในประโยค
      I have carefully considered  all of the possibilities. ฉันได้พิจารณาความเป็นไปได้ต่างๆอย่างระมัดระวัง
      I hardly had any time to talk to him. ฉันไม่ค่อยมีเวลาคุยกับเขา
    • Adverbs of Manner อาจจะวางไว้หน้าประโยคได้เมื่อต้องการเน้น  Adverb นั้น
      Patiently, we waited for the show to begin.  เรารอให้การแสดงเริ่มอย่างอดทน
    • ประโยคอุทานที่ขึ้นต้นด้วย How ให้วาง Adverbs of Manner  ไว้หลัง How เช่น
      How quickly the time passes!  เวลาช่างผ่านไปเร็วอะไรเช่นนี้
      How hard she works! เขาทำงานหนักอะไรอย่างนี้
    • ในประโยค passive voice  ถ้ามี Adverb of Manner มาขยาย ให้วางไว้หน้ากริยาช่อง 3 เสมอ
      The report was well written. รายงานนั้นได้มีการเขียนเป็นอย่างดี
    • ในการใช้อย่างเป็นทางการ ( formal English )  จะไม่วาง Adverb of Manner ตามหลัง to ใน  infinitive
      I wanted to carefully consider the situation. (informal) 
          ฉันต้องการพิจารณาสถานการณ์นั้นอย่างระมัดระวัง
      I wanted to consider the situation carefully. ( formal )
    • Adverb of Manner ที่เป็น phrases และ clauses  ปกติวางท้ายประโยค
      We arrived on foot. เราไปถึงโดยการเดิน  ( on foot เป็น phrase )
      We finished the work as quickly as we could. 
          เราได้ทำงานเสร็จลงอย่างรวดเร็วเท่าที่สามารถจะทำได้
          ( as quickly as we could เป็น clause )
    • แต่ในกรณีที่ต้องการเน้น สามารถนำมาไว้หน้าประโยคได้
      As quickly as we could, we finished the work.

    4. Adverb of Place   เป็น adverb ที่ บอกว่าการกระทำนั้นเกิดขึ้นที่ไหน  ( Where ) คำที่ใช้บ่อย  เช่น

    upstairs

    downstairs

    outside

    inside

    outdoors

    indoors

    here

    there

    somewhere

    nowhere

    everywhere

    anywhere

    elsewhere

    home

    southwards

    backwards

    • ตำแหน่งของ Adverb of Place ปกติจะวางท้ายประโยคหลังกริยาหลัก ( main verb ) หรือหลังกรรม ( object )และไม่มีคำอื่นต่อท้าย เช่น
          The students are walking home.
              พวกนักเรียนกำลังเดินกลับบ้าน ( วางท้ายประโยคและหลังกริยา)
          You 'll find these flowers everywhere.
              คุณจะพบว่ามีดอกไม้เหล่านี้อยู่ทุกหนแห่ง  ( วางท้ายประโยคหลังกรรม- flowers )
          The books are here.
              หนังสืออยู่ที่นี ( วางท้ายประโยคหลังกริยาช่วย- are )
          Cat don't usually walk backwards.
              .แมวไม่่เดินถอยหลัง (วางท้ายประโยคหลังกริยาหลัก- walk )

      หมายเหต  towards เป็น preposition ซึ่งจะต้องตามด้วย nouns หรือ pronouns เท่านั้น มิใช่ Adverb of Place  เช่นประโยคต่อไปนี้ 
          He walked towards the car.  เขาเดินตรงไปที่รถ ( car เป็น  noun )
    • นอกจากนั้นมีคำต่อไปนี้ ซึ่งถ้าใช้ตามหลังคำกริยาโดยไม่มีคำอื่นต่อท้ายอีกจึงจะทำหน้าที่เป็น Adverb of Place   หากมีคำต่อท้ายจะทำหน้าที่เป็นบุพบท (preposition) 

    above

    along

    at,

    across

    after

    about

    around

    away

    ิิัby

    below

    before

    back

    behind

    on

    up

    down

    near

    next

    in

    through

    off

    over

    aside

    under

    เช่น 
    He told me to stand up.  
        เขาบอกให้ฉันยืนขึ้น ( upในที่นี้เป็น adverb of place ขยาย stand )
    Jack climbed up the ladder. 
        แจ๊คปีนขึ้นบันได ( up ในที่นี้ทำหน้าที่ี้เป็น preposition แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง Jack กับบันได)

    5. Conjunctive Adverbs  เป็นกริยาวิเศษณ์ที่ทำหน้าที่เป็นคำเชื่อมอนุประโยค (independent clause )ในประโยค   โดยมีข้อความของอนุประโยคหน้าและอนุประโยคหลังเชื่อมโยงกัน   เช่นคำต่อไปนี้

     

    accordingly

    also

    anyway

    besides

    certainly

    consequently

    further

    furthermore

    hence

    however

    incidentally

    indeed

    meanwhile

    moreover

    namely

    nevertheless

    next

    nonetheless

    similarly

    still

    then

    thereafter

    therefore

    thus

    finally

    likewise

    otherwise

    finally

    instead

    now

    undoubtedly

    so

     again

    in fact

    for example

    on the contrary

    • การใช้ Conjunctive Adverbs ในการเชื่อมอนุประโยคจะต้องใช้ semi colon ในการเชื่อมประโยคและคำ Conjunctive Adverbs ต้องมี comma ตาม   ยกเว้น so และ otherwise ไม่ต้องมี comma  เช่น

      Bill went to school; however, he didn't attend classes. 
          บิลไปโรงเรียนแต่ไม่ได้เข้าเรียน
      The check was for more than the balance; consequently, it bounced.
          จำนวนเงินในเช็คนั้นมากกว่าเงินในบัญชี เช็คจึงเด้ง
      You will need to focus on the goal; otherwise it is easy to get distracted. 
          คุณต้องมุ่งจุดสนใจไปที่เป้าหมาย มิฉะนั้นอาจจะถูกทำให้เขวได้ง่าย  ( ไม่ต้องมี comma ตาม otherwise )
    • Conjunctive Adverbs วางได้หลายตำแหน่งโดยความหมายไม่เปลี่ยนไป เช่น

    We wanted to go on a picnic; however, the weather turned bad and we weren't able to go.
        เราต้องการไปปิคนิค อย่างไรก็ดีเกิดอากาศไม่ดีขึ้นมาเราจึงไปไม่ได้
    We wanted to go on a picnic; the weather turned bad, however,and we weren't able to go.
    We wanted to go on a picnic. The weather turned bad and we weren't able to go, however.
        ประโยคนี้ไม่ต้องมี semi colon เนื่องจากเป็น 2 ประโยคไม่ใช่ 2 อนุประโยค

    โปรดสังเกตว่า semicolon เป็นเครื่องหมายเชื่อมอนุประโยค ไม่ใช่เครื่องหมายนำหน้า Conjunctive Adverbs

    6. Interrogative Adverbs  เป็นกริยาวิเศษณนำในประโยคคำถาม ได้แก่คำดังต่อไปนี้   why, where, how, when เช่น

    Why are you so late?   ทำไมคุณสายจัง
    Where is my passport? หนังสือเดินทางฉันอยู่ไหน
    How much is that coat? เสื้อโค้ตตัวนั้นราคาเท่าไร
    When does the train arrive?  รถไฟมาถึงเมื่อไร

    หมายเหตุ   how สามารถใช้ได้ 4 วิธี

    1. ในความหมาย 'ทำอย่างไร ( in what way)?':
        How did you make this sauce? คุณทำซอสนี้อย่างไร
        How do you start the car?  คุณติดเครื่องรถยนต์อย่างไร

    2. ใช้กับ adjectives:
        How tall are you? คุณสูงเท่าไร
        How old is your house? บ้านคุณเก่าแค่ไหน

    3. ใช้กับ much และ many:
        How much are these tomatoes? มันฝรั่งนี้ราคาเท่าไร
        How many people are coming to the party? จะมีคนมางานปาร์ตี้กี่คน

    4. ใช้กับ adverbsตัวอื่นๆ :
        How quickly can you read this? คุณอ่านนี่ได้เร็วแค่ไหน
        How often do you go to London? คุณไปลอนดอนบ่อยแค่ไหน

    7. Relative Adverbs  เป็นคำกริยาวิเศษณ์นำหน้า relative clause ได้แก่คำ when, where, why  แทนคำ preposition + which

    I remember the day when we first met . ฉันจำวันที่เราพบกันครั้งแรกได้ 
        ( when = preposition on + which )
    That's the restaurant where we had dinner last night.
        นั่นคือภัตราคารที่เรามาทานอาหารเ้ย็นกันเมื่อวานนี้ ( where= preposition at/in + which)
    The reason why he refused is unconvincing. 
        เหตุผลที่เขาปฏิเสธนั้นไม่น่าเชื่อถือเลย   ( why= preposition for + which )

    8. Viewpoint and Commenting Adverbs  เป็นคำกริยาวิเศษณ์แสดงความเห็นของผู้พูด  ส่วนมากได้แก่คำต่อไปนี้

    honestly

    seriously

    confidentially

    personally

    surprisingly

    ideally

    economically

    officially

    obviously

    clearly

     

     

    Honestly, I think he is a liar. จริงๆนะ ฉันว่าเขาเป็นคนโกหก
    Personally, I'd rather go by train. โดยส่วนตัวแล้วฉันอยากจะเดินทางโดยรถไฟ
    You obviously enjoined your meal.

    9. Adverbs phrases and clauses of purpose เป็นคำกริยาวิเศษณ์ที่ตอบคำถาม "Why" ในรูปของวลีหรืออนุประโยค เช่น

    I went to the store yesterday to buy  some sugar.
    I will go to the library tomorrow to return  the book.
    I need to buy a new shirt because my old one is worn out.

    สามารถจะนำวลีหรืออนุประโยคนั้นวางหน้าประโยคได้โดยตามด้วย comma
    Because it was such a beautiful day, I decided to go for a walk.

    10. Adverbs of Certainty  เป็นคำกริยาวิเศษณ์ แสดงความรู้สึกแน่ใจของผู้พูด คำที่ใช้มากเช่น

    certainly,definitely, probably, undoubtedly, surely

    He definitely left the house this morning
    He has certainly forgotten the meeting
    He will probably remember tomorrow
    Undoubtedly, Winston Churchill was a great politician.

    หมายเหตุ คำบางคำอาจทำหน้าของกริยาวิเศษณ์ได้หลายอย่างเช่น   undoubtedly  เป็นได้ทั้ง conjunctive adverbs เชื่อมอนุประโยค และ Adverb of Certainty แสดงความแน่ใจ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×