คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : -:- วงเวทย์ที่ 2 -:- คำขอร้องจากท่านเทพี
วงเวทย์ที่ 1
คำขอร้องจากท่านเทพี
หืมมม ?
ที่นี่ที่ไหนกัน ?
เปลือกตาของฉันเริ่มปรือขึ้นเมื่อรู้สึกตัวอย่างช้าๆ ใบหน้าของฉันดูซะลึมซะลือ มันเวียนหัวไปหมด เหมือนกับโลกทั้งใบหมุนติ้วๆ ฉันค่อยๆลุกขึ้นและหายใจเข้าออก สูบอากาศเข้ามาเต็มปอด เพื่อทำให้ตัวฉันรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ก่อนจะหันไปมองสภาพแวดล้อมรอบกาย เสื้อผ้าชุดนักเรียนที่ฉันสวมใส่เปียกปอนไปด้วยน้ำ ก่อนจะสะดุ้งตัวขึ้นเมื่อสัมผัสกับความเย็นข้างล่าง
เหวอออ !
เมื่อก้มลงไปมองก็พบกับอะไรที่เป็นไปไม่ได้นอกจากน้ำ ! รอบด้านมีเพียงเกาะตื้นๆและน้ำตื้นๆมากมาย มีต้นไม้ถูกปลูกขึ้นอย่างกระจัดกระจายไปหมด เส้นทางที่จะเดินต่อไปเหมือนจะมีขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่สิ้นสุด แล้วฉัน.... มาที่นี่ได้ยังไงกันนะ?
ความคิดของฉันเฝ้าสงสัยอยู่ได้ไม่นาน แสงสีขาวนวลที่ชวนมองให้แล้วดูแสบตาเป็นอย่างยิ่งจนต้องเอามือมาบดบังสายตา ก่อนที่แสงนั้นจะค่อยๆเลือนหายไป พลันปรากฏหญิงสาวสวยสง่า ผิวขาวซีด ที่ลอยอยู่บนอากาศอย่างน่าอัศจรรย์ใจ และค่อยๆบินลงมา จนเท้าแนบกับพื้นผิวน้ำ
“มิต้องตกใจไป มนุษย์เอ๋ย” นางกล่าวถ้อยคำนี้ออกมา เมื่อสังเกตได้ว่าฉันตกใจกับการปรากฏตัวนี้ แม้จะกล่าวออกมาแบบนั้น มันก็ทำให้ฉันหยุดคิดไม่ได้อยู่ดี
“เจ้านั้นมีพลังซ่อนเร้นอยู่ มนุษย์ ความปราถนาของเจ้าคือการได้มีชีวิตดั่งนิยาย จนเกิดเผลอใช้พลังนั้นหลุดเข้ามาในห้วงนี้ แต่มิต้องกลัวไป มนุษย์เอ๋ย”
“แล้วฉะ...ฉัน..ร่ะ...หรือ...ข้า.. เอ่อ ฉัน หม่อมฉันจะออกไปได้ยังไงกันพ่ะย่ะ....เพคะ!” ฉันพูดออกมาอย่างตะกุกตะกักพลางพยายามใส่ราชาศัพท์เข้าไปด้วย เพราะเธอคนนี้งดงาม และกริยาดั่งกับเป็นราชินีในวังหลวงก็ไม่ปาน
“มิยากหรอก มนุษย์ ด้วยพลังของข้านั้นสามารถส่งเจ้ากลับโลกมนุษย์ไปได้อย่างง่ายดาย...แต่ว่า...” แต่ว่าอะไรกันนะ? “ข้าอยากให้เจ้าช่วยข้าหน่อยได้รึไม่?”
ให้ช่วย!!
ฉันก็ไม่อยากปฏิเสธหรอกนะ แต่ว่าฉันเป็นแค่สาวน้อยที่เรียนมัธยมปลายธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น แม้เอ่อ เอ่อ ราชินี (ขอเรียกแบบนี้ก็แล้วกัน) จะบอกว่าฉันมีพลังซ่อนเร้นอยู่ก็ตาม แต่ฉันอาศัยและโตมาบนโลกเกือบสิบปี ไม่เคยรู้ว่าตัวเองมีความสามารถพิเศษโอเวอร์เหนือมนุษย์แบบนั้นเลยนะ!
ไม่แน่....
ฉันอาจจะกำลังฝันอยู่ก็ได้!
“มิได้กำลังฝันไปอยู่หรอก มนุษย์ นี่คือเรื่องจริงที่เจ้าต้องเผชิญหน้า ข้านั้นเหลือเพียงแค่ดวงวิญญาณ เป็นแค่ร่างความคิดเท่านั้น มิอาจจะไปช่วยเหลือโลกของข้าได้ แต่ข้าก็มีบ้านเมืองที่ต้องปกป้อง ซึ่งมนุษย์ที่มีพลังและสามารถสื่อสารกับข้าได้ นั้นมีเพียงเจ้าเท่านั้น ได้โปรดเถิด...”
แต่...แม้ไม่อยากจะช่วย
แต่นาง ... ราชินีนั้น... น่าสงสารเหลือเกิน
มันก็คงคลับคล้ายกับฉันละมั้ง ?
ฉันน่ะ สูญเสียพ่อแม่ไปในกองไฟ ไม่ว่าจะขอร้องให้เพื่อนบ้านหรือคนแถวนั้นช่วยเหลือพ่อแม่ฉันออกมามากเท่าไหร่ แต่ก็กลับ... ไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเลย.... และฉันเองก็ด้วย ที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย จนต้องสูญเสียพ่อแม่ไป และอยู่คนเดียวมาตลอดจนถึงปัจจุบันนี้ แต่ก็ยังดีเพราะตอนนี้ฉันอาศัยอยู่กับคุณป้า แต่คุณป้าก็ไม่ได้กลับบ้านมาบ่อยนักหรอก ราวกับยกบ้านหลังนั้นให้ฉัน และตัวเองก็ไปคลุกตัวอยู่กับคุณลุงเสียมากกว่า
แต่กับราชินี... เอ่อ แม้ร่างจะกลายเป็นวิญญาณ แต่จิตใจยังรักและยังอยากปกป้องบ้านเมือง
พ่อแม่ของฉันเองก็อาจจะนึกคิดแบบนั้นเดียวกับราชินีก็ได้นะ...
ฉันน่ะเคยสัญญากับตัวเองว่าจะไม่เป็นคนแบบนั้น.... มีทางเดียว...
ฉันต้องช่วยเธอให้ได้! และบ้านเมืองของเธอด้วย!
“ฉัน...จะช่วย!”
“เราขอบใจเจ้ามาก มนุษย์ ข้าอาจจะต้องส่งเจ้าไปยังโลกใบนั้น เป็นโลกคู่ขนานที่มีแต่คนที่มีพลังเวทอาศัยอยู่ หรือเรียกว่าโลกเวทมนต์ ข้าจะส่งเซเนสไปช่วยเจ้าที่โลกนั้นเอง เมื่อถึงเวลาแล้วเจ้าจะได้พบเจอกัน จงสวมใส่ชุดนี้เสีย เพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้เซเนสตามหาตัวเจ้าได้ง่ายขึ้น”
เมื่อคำพูดถูกกล่าวจบ แสงสว่างมากมายก็เกิดขึ้นรอบตัวฉัน จนหายไป เมื่อฉันก้มลงมองหรือยกมือขึ้นมาดู ก็เห็นแขนเสื้อและชุดที่แปลกตาไป ออกแนวแฟนตาซีเหมือนที่ในหัวของฉันคิดเอาไว้ไม่มีผิด เป็นชุดที่ต่อกันมีกางเกงขาสั้นเพื่อสะดวกต่อการเคลื่อนไหว แขนเสื้อที่ยาวเลยข้อมือ และมันช่าง... สวยอะไรเช่นนี้กันนะ ฝันไว้ตั้งนาน ว่าอยากจะแต่งชุดคอสเพลย์ ในที่สุดก็ได้ลอง >O<
“ชุดนั้นทำให้เซเนสตามตัวเจ้าได้ และมันยังเป็นชุดที่เบาและเหมาะกับการเคลื่อนไหวมากอีกด้วย ใส่ชุดนั้นแล้วมันทำให้เจ้าวิ่งได้เร็วขึ้น กระโดดได้สูงขึ้น” นางกล่าว จนฉันต้องลองกระโดดและวิ่งดู มันเร็วขึ้นจริงๆด้วย พลันเกือบแอบนึกว่านี่มันคือในเกมส์ออนไลน์ไปซะแล้ว
“อ้อ เมื่อเจ้าไปถึงยังโลกใบนั้น จงไปยังที่อยู่นี้เสีย...” นางพูดและร่ายเวทให้กระดาษใบหนึ่งที่เขียนข้อความและแผนที่อยู่ลอยมาตรงหน้า ฉันเอื้อมมือไปหยิบ แต่ว่าฉันยังไม่รู้จักทางเลยนะ จะให้เดินไปไหนก็คงจะไม่ได้ ฉันหยุดความสงสัยนี้ไว้ก่อนที่นางจะพูดต่อ “มิต้องกลัว หากเจ้ายังมิรู้ทาง จงถามคนแถวนั้นเสีย ผู้ที่อาศัยอยู่ในชนแถบข้าพาเจ้าไปนั้นใจดียิ่ง มิต้องกลัวไป แต่จำไว้ จะถามใคร ต้องสังเกตท่าทางของคนเหล่านั้นเสียก่อน อาจจะเป็นพวกองค์การที่คิดจะทำลายล้างโลกเวทมนต์ของข้าก็เป็นได้...”
“เข้าใจแล้ว เอ่อ แล้วท่าน... ชื่ออะไรพ่ะย่ะ..เอ่อ หมายถึง เพคะ”
เอ่อ ฉันรู้อยู่หรอกนะ วิธีการใช้คำราชาศัพท์ฉันมันห่วย -*-
“ข้ามีนามว่าที่กล่าวขานกันว่าเทพีแห่งอาเมนด้า เทพีแห่งนภาสายลม ผู้ปกป้องเมืองชิเอโร่ที่ข้าจะส่งเจ้าไป” โอ้ นางยิ่งใหญ่ เอ๊ย ท่านเทพี ราชินี... ยิ่งใหญ่จริงๆด้วย แม้แต่นางยังทำอะไรไม่ได้เลย แล้วฉัน... จะทำได้รึเปล่ากันนะ?
“มิต้องกลัวไป เจ้าแข็งแกร่งยิ่งกว่าข้าเสียอีก พลังอันมหาศาลนั้นหลับใหลอยู่ในตัวเจ้า รอวันเวลาที่จะตื่นขึ้นมา เพื่อให้เจ้าช่วยได้ปกปักรักษาเมืองของข้าเอาไว้ ข้าเป็นหนี้บุญคุณเจ้ามาก ไปเถิด มนุษย์เอ๋ย”
“ค่ะ เอ๊ย เพคะ ขอบคุณเช่นกันเพคะ ฉันต้องช่วยเมืองของคุณเอ๊ย ท่านเทพีอาเมนด้าให้ได้อย่างแน่นอนเพคะ!”
“ขอบใจเจ้าอีกครั้ง มนุษย์...”
เสียงนั้นช่างอบอุ่นยิ่งนัก มันเป็นถ้อยคำสุดท้ายที่ได้ยินจากปากของท่านเทพีแห่งอาเมนด้า ก่อนที่จะเกิดแสงสว่างมากมายจนต้องหลับตาลง และเข้าไปสู่ในห้วงของมิติเพื่อไปที่โลกเวทมนต์ เมืองชิเอโร่ ที่ท่านเทพีต้องการให้ฉันปกป้องเอาไว้
“เทพีอาเมนด้า ท่านคิดดีแล้วหรือ จะให้มนุษย์ผู้หญิงบอบบางที่ดูไร้ประโยชน์เช่นนั้นไปปกป้องเมืองชิเอโร่ของท่าน” ชายหนุ่มผู้หนึ่งกล่าว พลางคุกเข่าก้มหน้าพูดคุยไปด้วย
“ลุกขึ้นเถิด เซเนส นางน่ะแข็งแกร่งและมีพลังอันมหาศาลที่จะช่วยโลกและเมืองของข้าได้กว่าที่เจ้าคิดนะ จงอย่ามองคนเพียงแต่ภายนอก แม้ในยามนี้นางจะยังดูไร้ซึ่งพลัง แต่จิตใจช่างแกร่งกล้ายิ่ง…” เทพีกล่าวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เซเนสลุกขึ้นพลันถอนหายใจออกมา
“ถ้าเป็นเช่นนั้นดังท่านกล่าว เทพีอาเมนด้า ข้าจะขอทดสอบนางเสียหน่อย...” เซเรสกล่าวด้วยใบหน้าจริงจัง ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนที่ไม่ดี ไร้อารมณ์ และชอบใช้ตัวเองเป็นใหญ่ แต่เขาต้องการคนดีและมีความสามารถพอที่จะปกป้องเมืองของเขาไม่ให้พลังทลายลงได้เท่านั้นเอง
“ได้สิ ตามที่เจ้าขอ…”
“ขอบพระทัยท่านเทพี”
“มิเป็นไรหรอก เพราะผู้ที่ถูกทดสอบไม่ใช่ข้า แต่เป็นนางผู้นั้นต่างหาก”
“...”
เซเนสเงียบไป ก่อนที่จะปล่อยให้เทพีอาเมนด้าร่ายเวทพาตนเองไปยังเมืองชิเอโร่ โลกเวทมนต์ เพื่อตามหาเธอผู้นั้นที่จะมาช่วยเหลือเหล่าราษฎร และเมืองของเขาให้รอดปลอดภัย...
ร่างของเซเนสนวลแสงสีทองรอบกาย พลันสลายร่างกายมลายหายไป หลงเหลือให้เห็นเพียงแต่ความว่างเปล่า ดวงตาของเทพีอาเมนด้ายิ้มแย้ม ก่อนจะมองไปยันฟากฟ้า และกล่าวออกมาอย่างฝากความหวังเอาไว้
.
.
.
“เมืองของข้า ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วนะ มนุษย์เอ๋ย..”
ความคิดเห็น