ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Bad guy รักอันตราย ผู้ชายลวง [Fic Block B]

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2 [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.พ. 58















     

    2

     
     

     แปะ! แปะ!

    “เอาล่ะทุกคน!! วันนี้ทำดีมาก!!” เสียงครูสอนเต้นดังขึ้นพร้อมกับเสียงตบมือดังขึ้นเพื่อบอกว่าคลาสเรียนวันนี้ได้เลิกแล้ว

    “ขอบคุณครับ/ขอบคุณค่ะ” เสียงของเหล่าเด็กฝึกหัดชายหญิงหลายคนในค่ายบีแอลพูดขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน หลังจากนั่นก็ย่นก้นลงไปนั่งที่พื้นด้วยความเหน็ดเหนื่อยกันเป็นแถวๆ

    แต่ในบรรดากลุ่มเด็กฝึกหัดทั้งหมดก็มีกลุ่มหนึ่งที่ทำตัวไม่เหมือนอย่างกับกลุ่มอื่น เมื่อได้ยินคำว่าเลิกคลาสแล้วพวกเขาทั้งห้าคน ก็ทิ้งตัวลงไปนอนราบกับพื้นห้องซ้อมอย่างพร้อมเพรียงกันทันที เหงื่อพรางพราวเม็ดเล็กๆเกาะอยู่ตามใบหน้า ลำคอเต็มไปหมด

    “เย้!! สิ้นสุดกันสักทีวันนี้ ฮ่าๆ >O<” แทอิลผู้ชายที่ตัวเล็ก น่ารักบ๊องแบ๊วที่สุดในกลุ่มเอ่ยขึ้น พร้อมกับยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี

    “ผมว่าในโลกนี้ไม่มีสิ่งไหนที่ฮยองจะชอบมากไปกว่ากินกับนอนแล้วแหละ ฮ่าๆ” ปาร์ค คยองผู้มีดวงตาสีน้ำตาลเข้มกลมโต ขยับริมฝีปากสีชมพูของตนเองพลางหัวเราะเยาะแทอิลไปด้วย

    “นายอยากได้เทคนิคเสียงดีเหมือนอย่างฉันมั๊ยล่ะ” คนตัวเล็กเริ่มที่จะพูดอวดโอ้ตัวเอง เพราะก็อย่างที่รู้ๆกันว่าในบรรดาเด็กฝึกหัดทั้งหลายแทอิลนั้นเสียงดีที่สุด ส่วนการร้องเพลงของปาร์ค คยองนั้น...ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเขาอยู่ลำดับที่เท่าไหร่ ร้องเพลงก็ไม่ได้เรื่อง เต้นก็ไม่ได้เรื่อง จะได้ก็แต่เรื่องยกยอตัวเองนี่แหละที่เป็นที่หนึ่ง

    “ยังไงเหรอฮยอง!!” พีโอมักเน่น้องเล็กที่สุดในกลุ่มถามขึ้นอย่างใคร่รู้ พลางแหงนหน้าขึ้นมองแทอิลที่นอนอยู่ฝั่งตรงข้าม

    “ฮ่าๆ เคล็ดลับมันมีอยู่ว่า...” ทั้งแจฮโย ยูควอน ปาร์ค คยอง และพีโอต่างหูตั้งชันเอียงหูรอฟังประโยคที่แทอิลจะพูดออกมาอยู่เงียบๆ

    “...ไม่ต้องทำไรมากหรอก แค่มีแต่กินๆและนอนๆเหมือนฉัน พวกนายก็จะเสียงดีเอง! ฮ่าๆ” ประโยคสุดท้ายที่แทอิลพูดออกมานี่...
            "-_-" พวกเขาทั้งหมดแทบอยากจะเอามือขึ้นตบบ๊องหูคนตัวเล็กแต่โคตรกวนตินคนนี้จริงๆ

    “เฮ้อ... นึกว่าอะไร” ถอดหายใจกันไปเป็นแถวๆ

    แปะ!

    “นี่แน่ะ! ทำตัวน่าหมั่นไส้นัก -_-^” แจฮโยเอื้อมมือขึ้นมาตบแปะเข้าที่หน้าผากใสๆของแทอิล แต่เจ้าตัวก็ยังคงที่จะหัวเราะร่าต่อไป

    “ฮ่าๆ >O<

    หวืบบบบ

    อยู่ๆน้องเล็กพีโอก็ลุกขึ้นนั่ง ทุกคนในกลุ่มมองไปที่พีโออย่างงงๆ

    “นายจะไปไหนน่ะ” เสียงที่มีเสน่ห์ของยูควอนถามขึ้น

    “ผมมีธุระน่ะ! เดี๋ยวผมไปก่อนนะฮยอง” พีโอลุกขึ้นยืนอย่างเต็มความสูง

    “ให้ฉันไปเป็นเพื่อนมั๊ย” แทอิลถามขึ้นเพราะเห็นสีหน้าของพีโอที่เป็นอยู่ตอนนี้แล้วเขาไม่ค่อยสบายใจนัก

    “ไม่เป็นไรครับฮยอง ผมไปก่อนนะ ^^” พีโอหันมาส่งยิ้มฟันสวยเหมือนเด็กให้แทอิลแว๊บหนึ่งก่อนที่จะเดินออกไปยังประตูทางออก

    “มันเป็นไรอ่ะ” แจฮโยถามขึ้นเบาๆสายตาดวงสวยเป็นประกายยังคงจับจ้องอยู่ที่แผ่นหลังของพีโอ

    “ไม่รู้มัน -_-” แทอิลก็ตอบขึ้นเบาๆเหมือนกัน พลางแคะขี้เล็บนิ้วน้อยๆสั้นๆของตัวเองไปเงียบๆ

    “ก็มันบอกไปแล้วไง ว่าจะไปธุระ!” ปาร์ค คยองเป็นคนสรุปตอนท้ายเสร็จสรรพ เป็นอันจบหัวข้อการสนทนา

    “...” ส่วนยูควอนนั้น...ไม่พูดอะไร ได้แต่แหงนหน้ามองไฟในเพดานห้องไปอย่างเงียบๆ

     

    ลานจอดรถ

    “จีฮุน!” เสียงทุ่มต่ำทรงพลังอันแสนคุ้นเคยเอ่ยเรียกชื่อจริงของพีโอ

    จริงๆแล้วพีโอมีชื่อว่า พโย จีฮุนแต่ตอนที่เขาเป็นเด็กฝึกหัด ชื่อเก่าของเขานั้นมันธรรมดาไปเลยถูกเปลี่ยนเป็น พีโอหรืออีกนัยหนึ่งก็คือคล้ายๆเหมือนว่าเขาจะถูก จับจองให้ได้เดบิวต์ ไปในตัวแล้ว

    “จีฮุน!! ไม่ได้ยินที่พ่อเรียกเหรอ!! หยุดก่อน!!” เสียงทุ่มต่ำทรงพลังดังขึ้นอีกครั้ง

    “...” พีโอหลับเปลือกตาหนาลงอย่างเหนื่อยๆ

    “ผมบอกแล้วไงว่าอย่ามาพูดกับผมอย่างนี้ที่นี้” เขาหยุดเดินและพูดกับผู้ที่ได้ชื่อว่า พ่อด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เฉยชา

    “ฉันจะไปเยี่ยมแม่ของแกวันนี้นะ แกจะไปกับฉันมั๊ย”

    “ผมว่าเราเคยตกลงกันเรื่องนี้ไปแล้วนะครับท่านประธาน ผมขอตัวครับ ได้โปรดอย่าทำตัวอย่างนี้กับผม” พีโอมองซ้ายมองขวาแล้วก็พูดเรียบๆขึ้น ที่นี้ในตอนนี้แม้จะดูร้างๆไม่มีคน แต่ยังไงมันก็เสี่ยงอยู่ดี คงไม่ดีนักหากประวัติลับๆของเขาที่พยายามปิดบังไว้มานานถูกเปิดเผยขึ้นในวันนี้

    “จีฮุน...”

    “ขอร้องล่ะ -_-“ ภาพลักษณ์ของพีโอตอนอยู่กับเพื่อนและอยู่กับพ่อนั้นช่างแตกต่างกันมาก ราวกับจะเป็นคนละคนกัน

    พีโอเดินออกมาจากผู้เป็นพ่ออย่างห่างเหิน...

    พโย จีมินคือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบีแอลที่มีตำแหน่งเป็นประธานค่ายวงการเพลงแนวหน้าของเกาหลี เขามีลูกชายสองคน คนพี่เป็นลูกนอกสมรส ส่วนคนน้องที่เป็นลูกตามกฎหมายก็คือพีโอ ถึงความสัมพันธ์ของครอบครัวจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ถึงยังไงจีมินก็ยังรักพีโอที่สุด แม้ว่าคนเป็นลูกนับวันจะยิ่งทำตัวห่างเหินกับเขาก็เถอะ

    จีมินอยากจะไห้พีโอมาเป็นทายาทสืบต่อกิจการ แต่พีโอปฏิเสธเนื่องด้วยไม่ชอบงานด้านนี้ พีโอนั้นใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักร้องตั้งแต่เด็ก และกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้พีโอเองก็ต้องต่อสู้กับอุดมคติของคนเป็นพ่อไปไม่น้อย จนสุดท้ายในที่สุดพีโอก็ทำสำเร็จ

    ในบริษัทยังไม่มีใครรู้ว่าพีโอเป็นลูกชายของจีมิน เพราะพีโอไม่อยากที่จะถูกตราหน้าว่าใช้เส้นสายเข้ามา(เขาเข้ามาเองได้ด้วยความสามารถของตัวเอง) และเขาอยากที่จะเป็นเด็กฝึกหัดธรรมดาๆคนหนึ่ง ไม่ต้องการให้ใครมาปฏิบัติดีด้วยเป็นพิเศษเพียงเพราะแค่เขาเป็นลูกของประธานบริษัท

     

    ถนนสีเหลืองระยิบระยับ สองข้างทางเต็มไปด้วยผู้คน แสงไฟในยามค่ำคืนต่างก็เปล่งประกายแข่งกันเบ่งแสง ชายหนุ่มสองคนที่มีส่วนสูงที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเดินไปด้วยกัน พูดคุยหยอกล้อกระหนุงกระหนิงเหมือนคู่รักที่มีเดทแรก คนหนึ่งตัวสูงสง่าราวกับเจ้าชาย อีกคนหนึ่งตัวเล็กกะทัดรัดเกินกว่าที่จะเรียกว่าเป็นผู้ชายแมนๆเพราะมันไปทางเด็กอนุบาลมากกว่า

    “นายจะลากฉันมาด้วยทำไมเนี้ย ><” คนตัวเล็กสะบัดแขนป้อมๆออกจากอุ้งมือของแจฮโย เพราะคนตัวสูงเอาแต่พยายามที่จะจับแขนของเขาอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เดินมา

    “เถอะน่า ^_^” รอยยิ้มอบอุ่นแบบซื่อๆเปล่งประกายออกมาจากดวงตาคู่สวยราวกับเจ้าชาย

    ฉึบ!

    ขมับ!

    “เฮ้ย! ปล่อย ><” ถึงแม้แทอิลจะสะบัดแขนป้อมๆของเขาหลุดจากมือหนาใหญ่ของแจฮโยเป็นครั้งที่สี่สิบได้ แต่แจฮโยก็เอื้อมมาจับเขาอีกอยู่ดี

    สะบัดหนีออกจากผู้ชายหน้ามึนคนนี้นี่มันยากจริงๆวุ้ย แทอิลบ่นในใจ

    “ไม่! ถ้าฉันปล่อย นายก็จะกลับหอน่ะสิ ไม่เอา ฉันไม่อยากไปคนเดียว”

    “แล้วนายจะลากฉันมากด้วยทำไมเนี้ย แล้วทำไมต้องเป็นฉัน ><” คนตัวเตี้ยโวยวาย แหงนหน้ามองคนตัวสูงผ่านเลนส์กระจกแว่นตาของตัวเอง

    “เถอะน่า เดี๋ยวก็รู้เอง” คนตัวสูงเอามือตบๆหลังเล็กๆของคนตัวเตี้ยเชิงผลักให้เดินไปข้างหน้า อย่าพูดมาก

    หมับ!

    “ไม่ ถ้านายไม่บอก ฉันก็จะไม่ไปแล้ว” แทอิลรีบกอดต้นเสาที่ตั้งอยู่ข้างๆกับทางที่เขาเดินแน่นหนึบ แจฮโยเมื่อเห็นท่าทางบ้าๆอย่างนั้นของคนตัวเล็กถึงกับกลั้วหัวเราะออกมาอย่างขำ

    “เออๆ บอกก็ได้ เลิกทำอย่างนั้นได้แล้ว อายคนอื่นเขา” แจฮโยแกะมือป้อมๆของแทอิลออกจากต้นเสา ส่วนสายตาก็หันไปมองคนที่เดินไปเดินมาอยู่รอบๆด้วยความอาย แต่ที่น่าอายยิ่งกว่านั้นคือเมื่อมองลงไปข้างล่างแทอิลใช้ขาป้อมๆทั้งสองข้างของเขาเกาะต้นเสาด้วย ดูๆไปแล้วเหมือนจะเป็นตัวอะไรซักอย่าง?

    “งั้นก็บอกมาสักทีสิ! ><” แทอิลเพิ่มระดับเสียงเลเวลให้ดังกว่าเดิม หาได้เกรงกลัวสายตาหรือทัศนคติของคนรอบข้างที่กำลังมองมายังเขาและก็กระซิบกระซาบหัวเราะกัน -_-

    “ฉันมาซื้อของให้สาว พอใจยัง” แจฮโยตอบหน้าตาย

    “เอ๊ะ! สาวเหรอ...” แทอิลปล่อยมือและขาออกจากเสาไฟอย่างลืมตัว

    “อืม ใช่ -_-

    “...” แทอิลแหงนหน้าขึ้นไปสบตาแจฮโยตอนที่ตอบคำถาม จากนั่นก็เบี่ยงหน้าไปทางอื่น ไม่เอื้อนเอ่ยอะไรออกมา

    “...นายเป็นไรไปน่ะ?” แจฮโยที่เห็นแทอิลเงียบผิดวิสัย เพราะปกติจะต้องมีเสียงเจื้อยๆใสๆดังตามมา ก็เลยถามขึ้น

    “เปล่า ไม่มีอะไร” น้ำเสียงของแทอิลเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด แทอิลกำลังคิดหนักอะไรบางอย่างอยู่ในใจ

    “แต่... ฉันว่าไม่ใช่นะ หรือว่านาย... กำลังหึงฉันอยู่”

    “เปล่าสักหน่อย! ทำไมฉันต้องไปหึงนายด้วยเล่า! พูดอะไรไม่เข้าท่า!” แทอิลรีบตอบจนลิ้นแทบจะพันกัน

    “ฮ่าๆ นั่นน่ะสิเนอะ ฉันก็พูดอะไรแปลกๆ” ดวงตาสีดำเข้มของแจฮโยมองไปที่แทอิลขณะพูด

    “แล้วทำไมต้องเป็นฉัน คนอื่นก็มี ทำไมไม่ชวน ทั้งๆที่ฉันไม่อยากมาด้วยแท้ๆ”

    “นั่นน่ะสิ ไม่มีเหตุผลหรอก แค่อยากให้เป็นนายที่มาด้วยแค่นั้น”

    “แล้วสาวคนนั้นฉันรู้จักป่ะ เธอชื่อว่าอะไรเหรอ?” แทอิลถามอย่างอยากใคร่รู้

    “นายไม่รู้จักหรอก บอกชื่อไปก็เท่านั้น” แจฮโยหันหน้าสวยของตัวเองหนี บ่ายเบี่ยงที่จะตอบ

    ขวับ!

    แต่คนตัวเล็กไม่ยอม เขายื่นแขนสั้นๆทั้งสองข้างของตัวเองไปกุมหน้าสวยของแจฮโยให้หันมาที่เขาและสบตาตอบ!”

    “...” คนตัวสูงนิ่งไปชั่วขณะ มองผ่านกระจกแว่นเข้าไปในนัยน์ตาของคนตัวเล็ก ไม่คิดว่าคนตัวเล็กจะเลือกใช้วิธีอย่างนี้

    “เธอชื่อ...” แจฮโยลังเลนิดนึงก่อนจะตอบ “...นาอึนน่ะ”

    “...”

    “...”

    ตื้ออออ ตื้ออออ ตื้ออออ

    อยู่ๆโทรศัพท์ของแทอิลก็สั่น แทอิลรีบปล่อยมือทั้งสองข้างออกจากการกุมหน้าแจฮโย รีบควักโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงออกมา

    “อ่า ว่าไงพีโอ” แทอิลเหลือบขึ้นไปมองแจฮโยแวบหนึ่งก็พูดต่อ

    (ฮยองถึงหอยัง?) เสียงๆทุ้มที่มีเสน่ห์จากปลายสายดังออกมา

    “ยัง ฉันออกมาข้างนอกกับแจฮโยนิดหน่อยน่ะ นายมีอะไรเหรอ?”

    (เปล่าฮะ ไม่มีอะไร ว่าแต่ฮยองชอบสีไรเหรอ?)

    “สีดำ ถามทำไม”

    (เปล่าฮะ ไม่มีอะไร แค่นี้แหละครับ ติ้ด!)

    “อะไรของมันวะ... -_-” แทอิลมองทะลุกรอบแว่นไปที่โทรศัพท์และบ่นพึมพำอยู่คนเดียว

    “มีไรเหรอ” แจฮโยถามขึ้น

    “ไม่รู้มัน” แทอิลยกโทรศัพท์ขึ้น หันหน้าจอไปทางแจฮโยส่ายมือไปมา

     

    “เปล่าฮะ ไม่มีอะไร แค่นี้แหละครับ” พีโอกดวางสายจากแทอิลเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋า จากนั่นก็เดินออกมาจากห้องน้ำอย่างเบาเสียง เดินตรงไปยังโต๊ะสีเขียวอ่อนติดกับข้างๆหัวเตียง เขาเลื่อนเก้าอี้ที่อยู่ด้านหลังมานั่ง และหยิบจานใบสีขาวสะอาดตาพร้อมกับใบมีดคมที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา

    “แม่อยากกินแอปเปิ้ลมั๊ยครับ เดี๋ยวผมจะปาดให้กิน ^^” พีโอถามหญิงวัยกลางคนที่มีใบหน้าและดวงตาที่สวยจับใจถึงแม้ว่าริมฝีปากจะซีดแห้งเผือดไปบ้าง

    “จีฮุนลูกปาดเป็นด้วยเหรอ? ตั้งแต่ไปเป็นเด็กฝึกหัดนี่ อะไรๆก็พัฒนาขึ้นเนอะ” รอยยิ้มหวานส่งมายังพีโออย่างอ่อนโยน สายตาที่เธอมองพีโอเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่บริสุทธิ์ของคนเป็นแม่

    “ฮ่าๆ ก็นิดหนึ่งครับ” พีโอยิ้มสดใสอย่างเจื่อนๆ เพราะเขาเองก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าตัวเองจะปาดได้มั๊ย เขาก็แค่แกล้งพูดไปอย่างนั้นแหละ แต่เท่าที่เขามั่นใจคือทักษะการปาดแอปเปิ้ลของตนเองก็ยังคงเหมือนเดิม ถึงแม้เขาจะใช้ชีวิตเป็นเด็กฝึกหัดธรรมดาๆแฝงอยู่กับคนอื่นๆก็เถอะ

    คลุกคลักๆ

    พีโอแกล้งปาดแอปเปิ้ลแบบมีฝีมือขึ้นมาหน่อย(?) ให้คนเป็นแม่ที่กำลังมองมาอย่างยิ้มๆชมเป็นยลตา แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน มันก็ต้องคว้าน้ำเหลวอยู่ดี พีโอเงยหน้าขึ้นไปมองแม่แวบหนึ่งและยิ้มเจื่อนๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงไม่ยอมแพ้ พีโอยังคงพยายามปาดแอปเปิ้ลต่อไปอย่างกับกำลังประกาศสงครามการต่อสู้กับแอปเปิ้ลลูกนี้ที่อยู่ในมือ ทำไมกะอีแค่ปาดแอปเปิ้ลมันถึงยากอย่างนี้นะ เขาคิดในใจ

    คลุกคลักๆ

    =_=^

    “เอามานี่เดี๋ยวแม่ปาดเอง :)” ในที่สุดผู้เป็นแม่ที่กลั้นหัวเราะอยู่นานก็พูดขึ้น

    ขวับ!

    O_O” พีโอเงยหน้าเบิกตาโต มองหน้าผู้เป็นแม่ด้วยความตกใจ “ไม่นะครับ! แม่เป็นคนป่วยอยู่ จะมาปาดแอปเปิ้ลเองได้ไง! มันไม่ถูกต้องนะฮะ O()O

    “ฮ่าๆ แค่นี้เองไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ เอามีดมาๆให้แม่” เธอยื่นมือมายังพีโอ

    “ไม่ได้ฮะ แม่ป่วยอยู่นะ >3<” พีโอทำปากจู๋

    “เฮ้ย! ลูกนี่จริงๆเลย” ผู้เป็นแม่พูดอย่างระอาแต่ก็เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม

    “งั้น...เดี๋ยวผมมานะฮะ!” พีโอลังเลที่จะคิดอยู่แว๊บหนึ่ง แต่ในที่สุดเขาก็ลุกขึ้น

    “ลูกจะไปไหนน่ะ”

    ^__^ (ยิ้ม)” พีโอไม่ตอบ ได้แต่ส่งยิ้มที่มีเลศนัยมาให้ และเดินออกไปจากห้องพักผู้ป่วย

     

    กิๆ

    หลังจากที่มองซ้ายมองขวาอยู่พักใหญ่ๆ ในที่สุดพีโอก็ยื่นนิ้วเรียวยาวไปสะกิดไหล่ด้านหลังของพยาบาลสาวคนหนึ่งที่กำลังหันหลังกดน้ำกิน เธอหันมามองพีโออย่างงงๆ

    -_-" พยาบาล

    “แฮ่ก... >_<” พีโอ

    “มีอะไรเหรอคะ” เสียงหวานทุ้มถามขึ้น

    แครกๆ

    “แฮ่กๆ ผมอยากขอร้องอะไรบางอย่าง คุณพยาบาลหน่อยน่ะครับ” พีโอยกมือขึ้นเกาหัวและพูดขึ้นอย่างอายๆ

    “ช่วยอะไรเหรอคะ”

    “ไปปาดแอปเปิ้ลให้ผมหน่อยสิครับ แฮะๆ”

    “เอ๋?...” พยาบาลมองดวงตาเล็กๆกลมๆเหมือนเม็ดถั่วของพีโอแล้วก็ทำหน้างง หน้าที่การปาดแอปเปิ้ลมันไม่ใช่หน้าที่ของพยาบาล มันเป็นหน้าที่ของคนทั่วไปที่มาเยี่ยมคนไข้ ไม่ใช่หรอกเหรอ เธอคิดในใจ

    “ฮื้ออออ นะครับๆ ><

    “อ่อ ได้ค่ะๆ ^^” แต่พอเห็นหน้าคนขอขี้อ้อนอย่างนี้ เธอก็ปฏิเสธท่าทางน่ารักๆของเขาไม่ลง

    “เย้! ขอบคุณครับ คุณพยาบาลน่ารักที่สุดเลย อิอิ” พีโอยิ้มตาหยีหงิกไม้หงิกมือตัวเองยกใหญ่ นางพยาบาลสาวแก้มเรื่อแดงขึ้น เธอรีบเบี่ยงหน้าหนีด้วยความเขินเกรงว่าเขาจะเห็น

    กึก!

    ในระหว่างที่พีโอทำเป็นเล่นอยู่กับพยาบาล ตอนนี้จีมินผู้เป็นพ่อก็ได้มายืนอยู่ตรงข้างหน้าของเขาพอดี

    “...” พีโอรีบเปลี่ยนสีหน้าและท่าทางอย่างอัตโนมัติในทันใด

    “แกกำลังทำไร” ผู้เป็นพ่อถามด้วยเสียงเรียบ

    “เปล่าครับ -_- ไปกันเถอะครับ” พีโอตอบไปเพียงแค่นั้น จากนั้นก็หันไปพูดกับพยาบาลให้เดินหน้าไปกันต่อ

    “...” จีมินทำได้เพียงเดินตามหลังมองแผ่นหลังของลูกชาย นางพยาบาลมองหน้าพีโอและหันกลับไปมองหน้าจีมินด้วยความแปลกใจกับบรรยากาศที่เปลี่ยนไป

    “เอาใครมาด้วยน่ะจี...” ผู้เป็นแม่ถามขึ้นด้วยรอยยิ้มทันทีที่เห็นพีโอเดินเข้ามาพร้อมกับพยาบาล แต่ก็ต้องชักสีหน้ากลับเมื่อเห็นบุคคลที่เดินตามหลังมาด้วย

    “ฝากด้วยนะครับ แม่ครับ ผมกลับก่อนนะ” พีโอโค้งคำนับให้พยาบาลกับแม่ของเขาก่อนจะเดินผ่านผู้เป็นพ่อออกไปอย่างเย็นชา

     

    ถนนหน้าโรงพยาบาล

    ตึก ตึก ตึก

    พีโอกำลังมองเข้าไปในร้านขายของฝังตรงข้าม เขาครุ่นคิดไปมาว่าจะซื้ออะไรที่เป็นสีดำให้แทอิลดี อีกสองวันก็จะเป็นวันเกิดแทอิลฮยองของเขาแล้ว พีโออยากจะเซอร์ไพร์แทอิลสักหน่อย รายนั่นน่ะไม่รู้หรอกว่าอีกสองวันก็จะเป็นวันสำคัญที่สุดของตัวเอง อืม...คงจำไม่ได้ด้วยซ้ำ แทอิลก็เก่งแค่เรื่องกินกับนอนเท่านั้นแหละ ที่ร้องเพลงได้ดีสุดๆนั่นเป็นเพราะโชคช่วยต่างหาก สงสัยชาติก่อนคงทำบุญไว้ดี แต่ถ้าไม่มีเรื่องร้องเพลงเข้ามาเกี่ยว ก็ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรหากิน

    ตอนนี้พีโอมาหยุดอยู่ที่ทางม้าลาย เขามองเห็นหมวกสีดำใบหนึ่งที่อยู่ในร้านขายของฝังตรงข้าม ถ้าแทอิลได้สวมหมวกใบนี้มันต้องเหมาะสมกับเขาแน่ๆ และคงต้องชอบมันมากๆด้วย คิดได้อย่างนั้นแล้วพีโอก็ก้าวขาเรียวขาของตัวเองเดินตรงไปยังถนน คิดแค่ว่าต้องรีบเอาหมวกใบนั้นมาให้ได้

    ปี๊บบบบ

    เอี้ยดดดด

    เสียงแตรกับเสียงล้อรถบดอยู่บนพื้นถนนดังสนั่นไปทั่วบริเวณ เหตุเพราะพีโอเดินข้ามมาโดยไม่ได้ดูสัญญาณไฟจราจร และในตอนนี้ถึงจะรู้ว่าภัยกำลังจะเข้าหาตัวในอีกไม่กี่วินาทีแต่เจ้าตัวกลับก้าวขาไม่ออก ได้แต่ยืนนิ่งใจสั่นมองดูมัจจุราชที่กำลังจะเข้ามาหาตัวด้วยความเร็วสูง

    ควับ!

    เพียงเสียววินาทีก่อนที่รถจะกระแทกร่างของพีโอเต็มแรง ก็มีอ้อมแขนลึกลับของใครบางคนคว้าตัวพีโอออกจากวินาทีชีวิตได้อย่างทันท่วงที!

    เอี้ยดดดด

    เสียงล้อรถยนต์ที่พยายามจะเบรกดังขึ้นจนแสบแก้วหูไปหมด

    “นายเป็นบ้าอะไรน่ะ! อยากตายนักหรือไง ไม่เห็นหรือไงว่ารถกำลังวิ่งมา!” ทันทีตัวรถยนต์จอดสนิท เจ้าของรถก็เปิดประตูออกมาคุยกับพีโอด้วยความโมโห เขาเกือบจะถูกตราหน้าว่าเคยมีคดีขับรถชนคนแล้วมั๊ยล่ะ

    “ซุบซิบๆ” ผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นทั้งใกล้และไกลต่างก็พุ่งจุดสนใจมองมายังคู่กรณีและพีโออย่างสนอกสนใจ

    “เอ่อ... ผมขอโทษจริงๆครับ” พีโอเรียกสติที่เอ๋อๆไปชั่วขณะกลับมาและก้มหัวโค้งคำนับขอโทษด้วยความรู้สึกผิดสุดซึ้ง

    “อือๆ ไม่เป็นไร คราวหน้าจะทำอะไรก็หัดมีสติหน่อยแล้วกัน ถ้าบาดเจ็บหรือตายมามันจะไม่คุ้ม -_-“ คู่กรณีพูดด้วยสีหน้าเอือมๆ

    “ขอโทษอีกครั้งจริงๆครับ” พีโอก้มตัวให้ต่ำสุดเท่าที่จะทำได้

    เมื่อคู่กรณีขับรถออกไปจนลับตาแล้ว พีโอก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีคนที่ยืนอยู่ข้างๆเขา และที่สำคัญอ้อมแขนของคนๆนี้ได้ช่วยชีวิตของเขาไว้

    “ขอบ...” พีโอกำลังจะกล่าวคำขอบคุณแต่ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยค เจ้าตัวก็ชะงักไป เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ข้างๆเขาตอนนี้คือคนที่ช่วยเขาไว้ตอนที่เต้นอยู่มยองดง

    “...”

     

    ชื่อ ซิโค่น่ะ!’

     

    อยู่ๆคำพูดของแจฮโยก็ลอยเข้ามาในหัว ใบหน้าเรียวยาวมีเสน่ห์กับดวงตาสีดำเข้มมีอานุภาพที่โฉบเป็นเส้นตรงอย่างนี้... พีโอจำได้ขึ้นใจ...

    “นายอีกแล้วเหรอ?” เสียงแหบพร่าจากคนปากแดงหนาอย่างเป็นธรรมชาติเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นหน้าพีโอชัดๆ

    “เอ่อ...” พีโอจ้องมองคนที่อยู่ข้างหน้าจากนั้นก็หน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ เขาอายจริงๆที่ต้องให้ผู้ชายคนนี้มาเห็นความผิดพลาดและช่วยเขาไว้เป็นครั้งที่สอง น่าละอายใจจริงๆ

    -\\\-“ ยิ่งมองใบหน้าของซิโค่ที่จ้องมองมายังตัวเองอย่างไม่วางสายตา พีโอก็เขินหน้าแดงทำตัวไม่ถูกขึ้นไปอีก

    “เป็นอะไร”

    “เปล่าฮะ -\\\-” พีโอเบือนหน้าหนี พยายามที่จะไม่หน้าแดงแต่ก็ทำไม่ได้ เขาไม่อยากที่จะขายหน้าไปมากกว่านี้แล้ว ทำไมผู้ชายที่เพิ่งเจอ และชื่อว่า ซิโค่คนนี้ถึงทำให้เขาหวั่นไหวได้ถึงขณะนี้

    “นายน่ะ เกือบไปแล้วนะ ดีที่ฉันช่วยไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นนายคงถูกห่ามส่งโรงบาลไปแล้ว”

    ...นายเป็นเทวดาหรือไง ถึงได้ช่วยฉันไว้ได้ทันท่วงทีอย่างนี้ทุกทีไป พีโอคิดในใจ

    “แล้วนี่เป็นอะไรมั๊ย?” เสียงแหบทุ้มถามดังขึ้นไม่หยุด

    “เปล่าฮะ ไม่เป็นอะไร” ในที่สุดพีโอก็กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตาคนตาโฉบ

    ตึก! ตึก! ตึก!

    ทำไมเสียงหัวใจของฉันถึงเต้นแรงขนาดนี้นะ พีโอถามตัวเอง

    “ดีแล้วล่ะ ครั้งหน้านายจะทำอะไรก็ระวังหน่อยนะ ฉันมาช่วยนายอย่างนี้ไม่ได้ทุกครั้งไปหรอก” เสียงแหบทุ้มมีเสน่ห์เอื้อนเอ่ยขึ้น

    ...ชอบเสียงนี้จัง

    ...อยากฟังอีก

    พีโอคิดในใจและจ้องไปที่ดวงตา... ริมฝีปากหนาของซิโค่

    “ขอบคุณคุณมากๆนะครับ >\\\<” พีโอเขินหน้าม้วนไปแล้ว

    “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ฉันไปก่อนนะ หวังว่าครั้งต่อไปนายคงไม่เจอเรื่องอันตรายๆอย่างนี้อีก” ในระหว่างที่พูดคิ้วแกร่งก็ขมวดเป็นเส้นตรง

    “เอ้ย นายฟังฉันอยู่มั๊ยนิ ทำไมเบลอๆอย่างนั้น? แน่ใจนะว่าสติยังอยู่ครบถ้วนน่ะ” ซิโค่ถามขึ้นอีกครั้งเพราะดูเหมือนว่าพีโอดูจะไม่ค่อยปกติ แต่ที่พีโอเป็นอย่างนี้ก็เพราะว่ามัวแต่จ้องมององค์ประกอบทุกๆอย่างที่อยู่บนใบหน้าของเขาต่างหาก

    “อ่อ ครับ!” พีโอกะปริบตาแรงๆเพื่อไล่ความคิดบ้าๆของเขาออกไปจากหัว

    “ไหวแน่นะ”

    “ครับๆ” พีโอยิ้มสดใสส่งไปให้

    “งั้นฉันไปล่ะ” ซิโค่พูดประโยคสุดท้ายจบก็เดินจากไป ทิ้งไว้เพียงพีโอที่เอาแต่จ้องมองแผ่นหลังแกร่งของเขาอยู่เบื้องหลัง

    ...แค่แผ่นหลังก็ยังมีเสน่ห์เหลือร้ายมากมายถึงขนาดนี้เชียวเหรอ

    ...ฉันอยากเป็นอย่างนั้นบ้างจัง

    ฉันอยากเป็นผู้ชายที่เท่ๆอย่างนั้นบ้างจัง...

     

    ป้ายรถเมล์

    ชายหนุ่มตัวสูง ผิวใสผุดผ่องราวกับน้ำนมยืนเปื้อนยิ้มอยู่คนเดียวพร้อมกับถุงกระดาษใส่หมวกสีดำที่ถืออยู่ในมือ  รอเพียงไม่นานรถเมล์ก็มาจอดเทียบท่า เขาก้าวเท้าขึ้นรถไปอย่างอารมณ์ดี เดินไปนั่งยังเบาะฝั่งซ้ายมือตำแน่งที่สี่ที่ยังว่างอยู่

    พีโอหยิบหมวกขึ้นตรวจวิเคราะห์ซ้ายขวา คิดภูมิใจในตัวเองที่เขานั้นช่างเลือกได้ดีเสียจริงๆ แทอิลฮยองจะต้องชอบมากแน่ๆ

    ฉึบ!

    เบาะที่อยู่ข้างๆเขายุบตัวลงไป พีโอหันขวาไปมองคนที่มานั่งข้างๆเขา เพียงแค่ไม่กี่วินาทีดวงตาเล็กๆกลมโตก็ต้องเบิกกว้างขึ้น ...เมื่อเห็นบุคคลผิวขาวที่อยู่ข้างๆ

    “ไง?” ซิโค่ถามขึ้น

     






    -----------------------------------------------




     

    ไรท์ต้องขอโทษรีดเดอร์ทุกๆคนด้วยนะคะที่ทำให้รอคอยกันมานานเลยทีเดียว ฮ่าๆ ไม่ค่อยว่างเท่าไหร่  ทีแรกตั้งใจว่าจะลงตั้งแต่สองวันก่อน แต่ก็ไม่ได้ลง แต่ตอนนี้เอามาลงแล้วนะคะ อิอิ ขอบคุณรีดเดอร์ทุกคนที่ติดตามน่า... >< เดี๋ยวไรท์คนนี้จะหมั่นอัพบ่อยๆนะคะ แฮะๆ เจอกันใหม่เร็วๆนี้ค่ะ ^^”

    หากอยากพูดคุย กัด แชะกับไรท์เตอร์ ก็ผ่านทางนี้เลยค่ะ

    @KPharv

     

    #ผู้ชายลวง

     












     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×