ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Man in love ตามล่าหาหัวใจ พระเอกนิยายในฝัน

    ลำดับตอนที่ #7 : [ตอนที่6] รักนี้หัวใจสีชมพู

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 228
      23
      24 ส.ค. 59


    By. Changfan















     


                                                                               ลูเชลล์






    6

    รักนี้หัวใจสีชมพู












         “ข้าวโอ๊ตลูกพ่อ เป็นไงบ้างลูก นั่งเรือสนุกมั๊ย อิอิ” พ่อยิ้มฝืดๆและถามฉัน คงเพราะคิดว่าจะต้องโดนฉันโกรธแน่ๆ อีกอย่างพ่อก็รู้อยู่แล้วว่าฉันไม่อยากนั่งเรือ แต่ทำไมรู้ทั้งรู้  ยังจะพูดอย่างนั้นอยู่อีกมันน่าโมโหอยู่นะ

     

    แต่ถ้าถามฉันอนนี้ ฉันอยากขอบคุณพ่อซะด้วยซ้ำ ที่พูดอย่างนั้น คึคึ >.<

     

    “สนุก” อยู่ดีๆก็มีความคิดบางอย่างขึ้นมาในหัว เมื่อหางตาเหลือบไปเห็นพี่ลูเชลล์ที่นั่งอยู่ไกลๆเป็นร้อยเมตร “สนุกกับผีน่ะสิคะ พ่อพูดแบบนั้นออกไปทำไม ข้าวโกรธพ่อแล้ว L

     

    T[]T

     

    “โกรธมากๆเลยด้วย นี่ไม่ต้องมาคุยกับข้าวเลยนะ ชิ L

     

    การแสดงของฉันสมจริงมั๊ยนะ สมจริงมั๊ย? >.<

     

    “ข้าวโอ๊ตอาหารมาแล้วลูก อ่ะ นี่จ๊ะ ^_^” แม่ที่เพิ่งไปเอาอาหารมาสามกล่องยื่นให้ฉันกล่องหนึ่ง

     

    “ข้าวก็โกรธแม่ด้วย L

     

    O_O” แม่ทำหน้าอึ้งเพราะไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงพูดอย่างนั้น

     

    ฉึบ

     

    ฉันหยิบกล่องข้าวและลุกขึ้นเดินหนีออกมาจากพ่อกับแม่ จากนั่นก็เดินตรงไปยังพี่ลูเชลล์!!

     

    ตึก ตึก ตึก

     

    L

     

    ^O^

     

    ยะฮู้!!

     

    ดีใจจังที่จะได้กินข้าวตอนค่ำกับพี่ลูเชลล์อีกครั้ง ฮ่าๆ ^0^ นี่เป็นแผนของฉันเองแหละ แผนที่จะปลีกตัวออกจากพ่อกับแม่เพื่อมาอยู่กับผู้ชาย อุ๊ย ไม่ใช่สิ เพื่อมาอยู่กับกับเอ่อกับอะไรก็รู้ๆกันอยู่แหละ อิอิ

     

    เขินๆ >O<

     

    ฉันกะว่ากะโกรธพ่อกับแม่จนถึงวันกลับ แล้วค่อยไปหายโกรธอีกทีตอนอยู่ที่บ้าน (ดูมันเลือก : ฤดูฝน) เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดพี่ลูเชลล์ให้เต็มที่ ยะฮู้ๆ >O< ดูเอาไว้ๆลูกกตัญญูเขาเป็นแบบนี้แหละ

     

    กึก

     

    ฮิ ฮิ เขินนนน ตอนนี้ฉันหยุดอยู่ที่ข้างของพี่ลูเชลล์แล้ว เพียงแต่รอให้พี่เขาสังเกตเห็นฉันเท่านั้นแหละ

     

     

    ...”

     

    หวูบบบบ

     

    ลมระรอกที่หนึ่งพัดผ่านไป เขาก็ยังไม่สังเกตเห็นฉัน เดี๋ยวก็เห็นๆ ฮิ ฮิ เขินนนนจัง >O<

     

     

    “...”

     

    หวูบบบบ

     

    ลมระรอกที่สองพัดผ่านไป เดี๋ยวก็เห็นๆ ใกล้แล้วๆ เขินนนน >O,<

     

     

    “...”

     

    หวูบบบบ

     

    ลมระรอกที่สามพัดผ่านไป เขาก็ยังเหมือนเดิม เลินนนน L ก็มันเขินนนนไม่ออกแล้วน่ะสิ!

     

     

    เฮ้ย หันหน้ามาทางนี้หน่อยสิ ผู้หญิงสองคนที่นั่งข้างๆเขานี่ก็กระไร ชวนพี่ลูเชลล์คุยอยู่นั่นแหละ ชิชะ เดือดๆ

     

    “อะแฮ้ม!!” หลังจากที่ฉันเลินนนนอยู่นานก็ตัดสินใจส่งเสียงทักทาย เพื่อเรียกความสนใจจากพี่ลูเชลล์เบาๆ เพราะดูเหมือนเขาไม่มีวี่แววที่จะเห็นว่าฉันยืนอยู่ข้างๆ

     

    “อ้าว ข้าวโอ๊ต ^_^” ได้ผล! พี่ลูเชลล์หันมามองฉันแล้ว ริมฝีปากสีสวยน่าจูจุ๊บยิ้มยิงฟันให้ฉันอย่างอ่อนโยน

     

    ชอบจัง

     

    “ขอนั่งกินข้าวด้วยคนจะได้มั๊ยคะ ^^///

     

    ฉึบ!

     

    ผู้หญิงสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆเขาตวัดดวงตาที่คมน่ากลัวราวกับผีดิบมาจ้องฉันด้วยความไม่พอใจ

     

    “ฮะ อ้อ ได้สิ เชิญเลยครับ เดี๋ยวพี่เขยิบให้ ^_^” พี่ลูเชลล์เขยิบไปทางซ้าย และเบียดยัยผีดิบอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆเขาไปด้วย ยัยนั่นสุดแสนจะทำหน้าไม่พอใจ

     

    “ขออนุญาตนั่งด้วยคนนะคะ” ฉันพูดกับผู้หญิงพวกนั่นตามมารยาทเท่านั้นแหละ แกล้งแสนดี

     

    “ตามสบายค่ะ” และพวกเธอก็คงพูดกับฉันตามมารยาท แกล้งแสนดีเช่นกัน >O<

     

    “^-^”

     

    เมื่อฉันหย่อนก้นถึงพื้น พวกเธอสองคนก็พูดคุยโดยไม่มีเสียงกัน ด้วยภาษาหน้าและท่าทางไปมาระหว่างฉันกับพี่ลูเชลล์ ฉันเองก็มองหน้าพวกเธอสองคนด้วยความงงๆไม่เข้าใจเหมือนกัน

     

    O^O=” งึก งึก งึก

     

    *<>*^^” งึก งึก งึก

     

                    “Y()Yo” งึก งึก งึก

     

                    “#)6(#” งึก งึก งึก

     

    “ลูเชลล์ พวกเราอิ่มกันแล้วล่ะ พวกเราไปก่อนนะ” หลังจากที่คุยภาษาใบ้กันอยู่พักใหญ่พวกเธอก็พูดขึ้น สงสัยคงรู้ล่ะมั้งว่าใครตัวจริง ใครของเล่น หึ -_-^

     

    “พวกเธอสองคนอิ่มกันแล้วเหรอ ข้าวยังเหลือเยอะอยู่เลยนะ”

     

    “อ่ะ อ้อ อิ่มแล้ว (ชิ่ง) -^->>>” เมื่อตอบคำถามเสร็จก็ตวัดหางตาอย่างนางมารร้ายมาทางฉันทันที

     

    ไม่ได้ๆ พวกเธอจะทำอย่างนั้นกับฉันนานๆและออกนอกหน้านอกตาอย่างนั้นไม่ได้นะ เดี๋ยวพี่ลูเชลล์เห็นแล้วจะรู้สันดาน เฮ้ย! จะรู้ใจคอหรอกว่าพวกเธอคิดยังไงกันอยู่ พวกเธอสองคนจะกลายเป็นนางร้ายกันเอาง่ายๆนะ ส่วนฉันเขาก็จะมองว่าเป็นนางเอกนะ ฮิ ฮิ (หัวเราะชั่วร้าย) แต่ความเป็นจริงฉันก็เป็นนางเอกอยู่แล้วล่ะนะ ใครๆเขาก็รู้กัน ใช่มั๊ยคะนักอ่านที่หน้ารักทุกคน ^)o(^

     

    เศร้า เศร้า พวกเธอนี่ช่างน่าสงสารกันเหลือเกิน แต่ต้องไปโทษคนเขียนนู้นล่ะ กระซิกๆ T^T

     

    “พวกพี่สองคนนั่นกินกันอิ่มเร็วจังเลยนะคะ ตอนนี้เลยเหลือแค่พวกเราสองคนเลย อิอิ” ปฎิบัติการตอแหลเริ่มขึ้นแล้ว

     

    “ทำไม อยู่กับพี่สองคนอย่างนี้รู้สึกแปลกๆเหรอ”

     

    “ปะ เปล่าสักหน่อยคะ >\\\<” อ๊ายยยย ถามอะไรของเขาน่ะ

     

    “เหรอ พี่นึกว่าเรารู้สึกเกร็งๆเมื่อได้อยู่กับพี่ตามลำพังซะอีก ^^

     

    แหม ระดับนี้แล้ว ไม่กงไม่เกร็งแล้วล่ะคะ >O<

     

    “แล้วนี่ไหนพ่อกับแม่ข้าวโอ๊ตเหรอ ที่บอกว่ามาด้วยกัน พี่ว่าจะไปสวัสดีสักหน่อย” พี่ลูเชลล์มองหน้ามองหลัง

     

    “อะ เอ่อ... เอาไว้โอกาสหน้าดีกว่ามั้งค่ะ *O*” ฉันรีบออกตัวพูด ถ้าขืนเจอกันฉันโดนจับไต๋ได้แน่ 

     

    “เอางั้นเหรอ”

     

    “ค่ะ ค่ะ เอางั้นแหละ ฮิฮิ T_T

     

    “อ๊ะ พี่ให้” อยู่ดีๆพี่ลูเชลล์ก็ตักลูกชิ้นที่อยู่ในกล่องข้าวของเขามาใส่ของฉัน ฉันค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองสายตาคมสีดำอมน้ำตาลที่มีเสน่ห์อย่างซาบซึ้งใจ

     

    “ให้ทำไมคะ พี่ไม่ชอบกินเหรอ”

     

    “เปล่าหรอก ความเป็นจริงแล้วพี่ชอบกินลูกชิ้นเนื้อมากเลยนะ แต่พี่เห็นว่ามันอร่อยดีน่ะ เลยอยากให้ข้าวกินเข้าไปเยอะๆ ^^

     

    “ทั้งๆที่ชอบกิน แต่ก็อยากให้ข้าวกินด้วยเหรอคะ...”

     

    “ครับ”

     

    >\\\<

     

    ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

     

    หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง ให้มันได้อย่างนี้สิ ทุกครั้งที่ใกล้ผู้ชายคนนี้ฉันต้องหวั่นไหวทุกครั้งไป เขาต้องเป็นคนที่ใช่แน่ๆ ที่ทำให้หัวใจฉันเต้นแรงบ่อยและถี่ขนาดนี้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...

     

    “ขะ ขอบคุณค่ะ”

     

    Jพี่ลูเชลล์ยังคงตักลูกชิ้นมาให้อีกสองลูกและยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน...

     

    >\\\<” ฉันหลบหน้าเขา และทำเป็นก้มลงกินข้าวทั้งๆที่รู้ว่าสายของเขายังคงมองฉันและยิ้มอย่างนั้นอยู่

     

    โอ๊ยยยย >O< อย่าจ้องฉันขนาดนั้นสิ ทำอะไรไม่ถูกแล้วนะ

     

    แง้งงงง TOT พี่หน้าตาดีเกินไป หยุดมองฉันอย่างนั้นสักทีสิ please!!

     

     

    เกิดมาในชีวิตนี้เพิ่งจะเคยมีผู้ชายที่หน้าตาดีราวกับพระเอกในนิยายมาจ้องฉันใกล้ๆและส่งสายตาหวานจับหัวใจมองมาที่ฉัน คือแบบว่าในตอนนี้สายตาของเขามองมาที่ฉันแค่คนเดียวอ่ะ >.< ราวกับโลกทั้งใบของฉันถูกหยุดเวลาไว้ด้วยเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ฉันตกอยู่ในภวังค์แห่งรักเข้าให้แล้ว

     

    J^” เมื่อเงยหน้าขึ้นมาพี่ลูเชลล์ก็ยังส่งสายตาพิฆาตหัวใจมองฉันอยู่เหมือนเดิม พี่เขาจะรู้มั๊ยนะ ว่าสายตาของเขานั่นมันมีผลต่อหัวใจดวงน้อยๆของฉันแค่ไหน

     

    >\\\\\\\\<” งุดงิด งุดงิด เขินเท่าตัว

     

    J^^

     

    “พะ พี่ลูเชลล์ยิ้มอะไรคะ >\\\< มะ มัวแต่จ้องหน้าข้าวอยู่อย่างนั้นแหละ >\\\<” ในที่สุดฉันก็ถามออกไป เพราะมันกลั้นใจต่อสายตาที่มีเสน่ห์คู่นี้ไม่ไหวจริงๆ >\\\<

     

    “ก็ยิ้มขำเรานั่นแหละ หน้าแดงเป็นลูกตำลึงไปหมดแล้ว J เขินพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ ไหนๆ ลองหันหน้ามามองพี่แบบตรงๆตอนนี้ซิ J” จากนั้นก็แจกรอยยิ้มพิฆาตใจเหมือนเดิมหรืออาจจะมากกว่าเดิมซะด้วยซ้ำ

     

    แง้งงงง TOT >\\\\\\\< พี่ลูเชลล์เขารู้ด้วยเหรอว่าฉันเขินมากขนาดไหน รู้ด้วยเหรอว่าฉันเขินเขา แสดงว่าพี่เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะสิ ฮืออออ >\\\\\\< อยากจะร้องไห้จริงๆ

     

    โอ้ยยยย ร้อนๆ ร้อนที่หน้า ร้อนโคตรๆเลย มันคงแดงขึ้นอีกแน่ๆ

     

    J” ยิ้มอ่อนโยน

     

    >\\\<

     

    “ฮ่าๆ ดูทำหน้าเข้าสิพี่ว่าเราชักจะหน้าแดงมากเกินไปแล้วนะ ว้า ไม่อยากจะเชื่อ ข้าวเขินพี่ขนาดนั้นจริงๆเหรอเนี่ย J

     

    ไม่ตอบ

     

    >\\\\\\<” งุดงิด งุดงิด

     

    “ให้พี่เดินออกไปจากตรงนี้เลยมั๊ย พี่ชักจะสงสารเราแล้วสิ ^^” พี่ลูเชลล์ลุกขึ้น ทำท่าเหมือนจะเดินออกไปจริง

     

    “มะ ไม่เป็นไรคะ” ฉันรีบคว้าข้อมือของพี่เขาไว้ตอนที่ยืนขึ้น

     

    “ดะ เดี๋ยวข้าวไปเอง >\\\<” ก้มหน้างุดงิดๆ

     

    “แต่ข้าวยังกินไม่อิ่มเลยนิ J” สายตาพิฆาตจ้องมองอีกครั้ง ยิ้มขำ

     

    “พะ พี่ลูเชลล์ก็ยังไม่อิ่มไม่ใช่เหรอคะ” งุดงิด งุดงิด

     

    “อ่า ก็พี่สงสารเรานะสิ”

     

    “ฮ่าๆ ข้าวไม่เขินแล้วล่ะคะ” ฉันฝืนยิ้มและเงยหน้ามาสบตากับพี่ลูเชลล์แบบตรงๆ ทั้งๆความจริงแล้วหน้าก็ยังร้อนเหมือนเดิม “อย่าไปไหนเลยนะคะ ข้าว...เฉยๆแล้วค่ะ”

     

    “ครับ ครับ พี่เชื่อแล้ว J” พี่ลูเชลล์นั่งลงอีกครั้ง ถึงเขาจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่สายตาของเขานั่นมันเป็นคนละอย่างกันเลย

     

     


     

    หนึ่งนาทีแห่งความเงียบงันผ่านไป ไม่มีเสียงอะไรหลุดออกมาจากปากเราสองคนนอกจากเสียงตักและเคี้ยวข้าว สรุปคือฉันและพี่ลูเชลล์นั่งกินข้าวกันไปอย่างเงียบๆนั่นเอง เฮ้อ ทำไมฉันถึงรู้สึกขายหน้าขนาดนี้ด้วยนะ จะพูดอะไรออกไปก็ไม่กล้าพูด แต่ยิ่งปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำอย่างนี้ ฉันก็จะยิ่งเกิดอาการเป็นหนักกว่าเดิม

     

    “เอ่อ...พี่ลูเชลล์... รู้ได้ยังไงคะ ว่า... ว่า...ข้าวเขิน “

     

    อ๊ากกก ก็มันไม่อยากตกอยู่ในความเงียบนานๆนี่นาเลยต้องหาคำพูด แต่ดูเหมือนว่าคำถามฉันจะไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเลย อยากจะร้องไห้ แม่จ๋า TOT

     

    “ก็หน้าข้าวมันแดงมากนี่นา J

     

    อ่า นั่นสินะ ฉันเองก็ถามอะไรแปลกๆ ทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้ว ขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ >\\\<

     

    “เอ่อ.. ข้าวไม่ต้องอายพี่หรอก พี่ว่าข้าวเป็นอย่างนี้มันก็น่ารักดีนะ”

     

    โฮกกก TOT เมื่อกี้เขาชมว่าฉันน่ารักใช่มั๊ย

     

    ต้องบอกเลยว่าพี่ลูเชลล์มีความสามารถพิเศษคือการทำให้ฉันใจเต้นตึกตักๆมากของมากที่สุด >\\\<+

    “ขะ ขอบคุณค่ะ” ฉันตอบรับแบบเคอะเขินและตักกินข้าวอย่างเงียบๆต่อ บทเรียนนี้สอนฉันว่าไม่พูดอะไรเลยมันจะดีซะกว่า ให้ตายเถอะ นี่มันไม่ใช่ตัวฉันเลยจริงๆนะ

     

    “ข้าว... เดี๋ยวก็ได้จากกันแล้ว พี่ขอไลน์...ของเราจะได้มั๊ย...” อยู่ๆพี่ลูเชลล์ก็พูดขึ้นมาซะดื้อๆท่ามกลางความเงียบ

     

    “อะ เอ่อ...”

     

    ว่าไงนะ สมองฉันจูนไม่ทัน #^# เอ๋อไปชั่วขณะ!!

     

    “ให้ข้าวไลน์กับพี่นะ”

     

     



     

    02.02 PM.

     

    “เฮ้อ! ขี้เกียจเดิน ทำไมตึกวิทยาศาสตร์กับตึกที่เราเรียนมันถึงไกลกันขนาดนี้ด้วยนะ” หอมบ่นขึ้นระหว่างที่ห้องของพวกฉันเดินไปเรียนวิชาเคมีที่ตึกวิทย์ เห็นอาจารย์บอกว่าในคาบนี้จะมีการทดสอบสารอะไรเนี่ยแหละ เลยต้องขึ้นไปเรียนที่ห้องทดลอง

     

    “คงเพราะทางโรงเรียนอยากให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย(มั้ง?) ก็เลยตั้งตึกวิทย์ซะไกลเลย ฮ่าๆ ฉันว่าดีออกนะ พวกเราจะได้แข็งแรงกัน >O<” ผัด

     

    “นั่นความคิดเหรอนั่น -^-“                     

     

    แต่ดูเหมือนหอมจะไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่ วันนี้ฉันค่อนข้างแปลกใจ เพราะปกติแล้วหอมจะไม่เป็นคนชอบบ่นอะไร ส่วนใหญ่จะผัดซะมากกว่า แต่มันนี้แปลกแฮะ ผัดเองก็ทะแม่งๆเหมือนกัน

     

    ฟิ้วววว

     

    ตุบ

     

    อยู่ๆก็มีลูกฟุตบอลที่ลอยมาจากสนามฟุตบอล และมาตกอยู่ที่ขาข้างขวาของฉันซึ่งยืนอยู่ริมสุดทางสนามฟุตบอลพอดี โชคดีที่แรงกระแทกมันไม่แรงอะไรมากนัก

     

    “เฮ้! เธอ!! ส่งลูกบอลมาทางนี้หน่อยสิ!!! >O<” เสียงกังวานของผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ในสนามบอลดังขึ้น พร้อมกับเพื่อนๆของเขาสองสามคนหันหน้ามามองฉัน ในสนามค่อนข้างมีนักเรียนใส่ชุดพละสีน้ำเงินเข้มของโรงเรียนเยอะพอสมควร ทุกคนล้วนวิ่งไล่ลูกบอลกันไปเป็นกลุ่มๆ หลายๆกลุ่ม บางคนก็ซ้อมเดาะลูกบอลอยู่คนเดียว สงสัยพวกเขาคงจะกำลังเรียนคาบพละกันอยู่มั้ง

     

    “อยากได้ก็มาเอาเองสิ! เตะมาโดนเพื่อนฉัน แล้วยังไม่ขอโทษอีก!!

     

    ทุกคนคงคิดว่านั่นเป็นเสียงของผัด แต่ผิด! ไม่เลย นั่นมันเสียงของหอม ฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเหมือนกันว่าหอมจะเป็นคนอย่างนี้ และที่ยิ่งแปลกใจไปมากกว่านั้นก็คือ...

     

    “หอม ช่างเขาเถอะ จะไปเอาอะไรมาก เขาคงไม่ได้ตั้งใจ J

     

    O_O

     

    นี่คือเสียงของผัด - -^ ให้ตายเถอะ สองคนนี้สลับร่างกันหรือไงเนี่ย

     

    “เออๆ ขอโทษๆ!! ทีนี้ก็ส่งมาสักที!! -__-*” ผู้ชายคนนั้นทำท่าทางยึกๆยักๆแบบเหมือนเกี่ยงๆกันกับเพื่อนอยู่ สักพักก็พูดขึ้นพร้อมกับทำสีหน้าน่ารำคาญ (ยืนอยู่ตั้งไกลยังมองเห็นหน้า แกสายตาดีมากนะนั้น -_- ปล.ฤดูฝน)

     

    “ไม่คืนให้หรอกย่ะ!! นี่เหรอที่เขาเรียกว่าขอโทษ!! เดินมาเอาบอลและขอโทษดีๆกับเพื่อนฉันเลยนะ >O<” หอมตะโกนเสียงแปดหลอดกลับ

     

    “หอม คืนๆเขาไปเถอะ” น้ำเสียงแม่พระ

     

    ส่วนฉัน >>> [- -]^ ทำหน้างง เพราะไม่เข้าใจสองคนนี่จริงๆ

     

    ตึก ตึก ตึก!!

     

    เสียงฝีเท้าของผู้ชายคนนั่นใกล้เข้ามา และมาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเรา ใบหน้าเนียนๆ เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อจากการเล่นกีฬา เรือนผมสีดำสนิทยาวลงมาปรกจนถึงคิ้วต่างก็ไม่เป็นทรง เพราะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ดวงตาของเขาโฉบเส้นเป็นวงรีเหมือนผู้ชายอ่อนโยนและเซ็กซี่บ้างในบางที เขาค้ำเอวและอ้าปากเล็กน้อยเพื่อหอบหายใจรับอากาศให้เต็มปอด จากนั่นก็ส่งมือไปหาหอมที่ถือลูกบอลไว้กับตัว และพูดเสียงห้วนๆ

     

    “เอามา -_-^

     

    “ไม่ จนกว่านายจะขอโทษเพื่อนฉันก่อน” หอมยังยืนยันเสียงแข็ง

     

    “หอม...” ส่วนผัดก็เอ็ดเสียงเบา

     

    -_-^^” ส่วนฉันไม่ได้พูดอะไร แค่มองหน้าสองเพื่อนซี้และทำหน้างงต่อไป

     

    “เธอไม่เป็นไรใช่มั๊ย” นายตาโฉบเป็นวงรีนั่นหันมาถามฉัน

     

    “อืม ไม่เลย”

     

    “เธอเจ็บตรงไหนมั๊ย”

     

    “อืม ไม่เลย”

     

    “เห็นมั๊ยเพื่อนเธอไม่ได้เป็นอะไรเลย เพราะฉะนั้น ...อย่าเยอะ! รีบๆคืนบอลมา ก่อนที่ฉันจะโมโห” เขาพูดเน้นตรงคำว่า อย่าเยอะให้ชัดกว่าคำไหนๆ

     

    “แต่ยังไงมันก็โดนเพื่อนฉัน นายต้องขอโทษด้วย...ความจริงใจ!” ผัดเองก็พูดเน้นคำเช่นกัน

     

    “แต่มันแค่เบาๆเองนะ และเพื่อนเธอก็ไม่เห็นเป็นเดือดเป็นร้อน มีแต่เธอนั่นแหละที่ปากเต้นน้ำลายกระเด็นพากๆ ทำเหมือนกับว่าเม๊นท์ (มันเป็นคำเฉพาะ แปลว่าประจำเดือน) ไม่มาเป็นสิบๆปี เราเองก็โตๆกันแล้ว อย่าเยอะได้มั๊ยคุณผู้หญิงเม๊นท์หมด - -^” นายนั่นด่าผัดหน้าตาย นั่นเป็นถ้อยคำที่เจ็บแสบมากเลยนะนั่นสำหรับการที่ผู้ชายพูดกับผู้หญิงที่ไม่รู้จักกันอย่างนี้

     

    “กรี้ดดดด ฉันไปปากเต้นและเม๊นท์หมดตอนไหนกันย่ะ ไอ้บ้า”

     

    O_O” ห๊า มะ เมื่อกี้หอมกรี้ดออกมาเหรอ Oh! my God ไม่อยากจะเชื่อ

     

    ฉึบ!

     

    “ฉันเสียเวลามากแหล่ะ ไปก่อนนะ” นายตาโฉบฉวยโอกาสตอนที่หอมเดือดคว้าลูกบอลออกมาจากอ้อมแขนหอม และวิ่งไปที่สนามโดยไม่เสียเวลาที่จะพูดต่อ จากนั่นก็โบกมือให้เพื่อนสองสามคนที่รอบอลอยู่ไปมา

     

    “พวกเธอสองคนเห็นใช่มั๊ย” หอมมองตามหลังนายนั่นไปและกัดฟันถามพวกฉัน

     

    “เห็น”

     

    “ผัด เล็งไอ้ตาโฉบคนนั่นไว้เลยนะ ว่าต่อไปจะต้องเป็นศัตรูกับหมายเลขหนึ่งกับพวกเรา” กรอกแกรกๆ (กัดฟัน)

     

    “เอางั้นเหรอ”

     

    >^< (กรอกแกรกๆ)”

     

    “อืมๆ งั้นก็ได้” เมื่อเห็นหอมพูดอย่างนั้นแล้วฉันก็ผัดก็เอ่อออไปด้วยอย่างขำๆ ดูสิ มีการกัดฟันกรอกแกรกเป็นคำตอบอีก น่ารักจริงๆเลยเพื่อนฉัน

     

    “ข้าวโอ๊ต!!” อยู่ๆฉันก็ได้ยินเสียงเรียกจากที่ไหนสักที่

     

    ขวับ ขวับ

     

    หันซ้ายหันขวาดูสักพักก็เห็นเป็นเงาไกลๆของผู้ชายที่เล่นฟุตบอลอยู่ในสนามโบกมือไวๆให้ฉัน และวิ่งมาทางฉัน ผมสีน้ำตาลเข้มถูกลมพัดปลิ้วไปด้านหลังข้าง ใครกันนะ มาเรียกชื่อฉัน (ทีอย่างนี้มองไม่ชัด : ฤดูฝน)

     

    “อย่าเพิ่งไป เดี๋ยวก่อน”

     

    ตึก ตึก ตึก

     

    เมื่อผู้ชายคนนั่นวิ่งเข้ามาใกล้ฉัน จึงรู้ว่าเป็นนายอาเทอร์นี่เอง ร่างสูงโปร่งของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อจากการเล่นกีฬา นิ้วเรียวยาวของเขาสะบัดผมหน้าม้าสีน้ำตาลเข้มที่เปียกไปมา และก็ยิ้มสดใสให้ฉันเหมือนอย่างทุกครั้ง

     

    ตึก ตึก

     

    ครั้งนี้ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร เพราะเมื่อรู้ว่าเป็นเขาแล้ว ร่างกายของฉันมันกลับสาวเท้าก้าวไปข้างหน้ารีบเดินหนีเขาทันทีเลย ฉันเองก็งงๆกับปฏิกิริยาของร่างกายตัวเองเหมือนกัน

     

    “อาเทอร์เรียกเธอน่ะโอ๊ต” ผัดหันไปมองข้างหลังและพูดขึ้น

     

    “ช่างเขาเถอะ รีบๆเดินแล้วกัน” ฉันพูดเร็วรัวก็ก้มหน้าเดินต่อไป

     

    ตึก ตึก ตึก

     

    เสียงฝีเท้าที่ข้างหลังดังใกล้เขาเรื่อยๆพร้อมกับเสียงตะโกนเรียกอย่างสดใสที่ไม่มีท่าทีจะหยุด

     

    “ข้าวโอ๊ต!! ข้าวโอ๊ต!! อย่าเพิ่งไปสิ!!

     

    ไม่นานลำแขนเรียวยาวของอาเทอร์ก็สัมผัสเข้าที่ไหล่ข้างซ้ายของฉัน เพราะฉะนั้นฉันจึงจำเป็นต้องหยุดเดิน

     

    “อ้าว นายเรียกฉันเหรอ โทษที่นะฉันไม่ได้ยิน”

     

    ขวับ! ขวับ!

     

    ทั้งหอมและผัดหันมาจ้องหน้าฉันอย่างอัตโนมัติ

     

    “ฮ่าๆ เธอไม่ได้ยินจริงๆเหรอ ^^’ “ นัยน์ตาสีดำหรี่ยิ้มให้ฉันอย่างจริงใจ

     

    “อืม ว่าแต่นายเรียกฉันทำไมเหรอ”

     

    “คือ...” อาเทอร์กำลังจะพูดแต่ก็หันไปมองหน้าหอมและผัดไปมา ส่วนเพื่อนของฉันก็เข้าใจความหมาย พวกเธอรีบเดินหนีไปอย่างรู้งาน

     

    “โอ๊ต งั้นเดี๋ยวพวกเราไปก่อนนะ แล้วเจอกัน ^_^” หอมกับผัดโบกมือบ๊ายบาย

     

    “เดี๋ยวสิ อยู่เป็นเพื่อนฉันก่อน” ฉันมองหน้าอาเทอร์อย่างลำบากใจแวบหนึ่งก็หันไปพูดกับเพื่อน แต่พวกเธอก็ทำเหมือนกับว่าไม่ได้ยินเสียงของฉัน

     

    “เรื่องเมื่อคืนนั้น...น่ะ ขอโทษนะ เธอคงไม่ได้รอฉันใช่มั๊ย...”

     

    “อืม ไม่ได้รอ -_-^” ไม่ได้รอซะเมื่อไหร่ล่ะ!! ฮึ้ย!

     

    “จริงนะ” อาเทอร์ทำสีหน้าเหมือนเด็กที่ทำของเล่นหาย

     

    “อืม -_-

     

    “แล้วทำไมเธอทำเหมือนโกรธฉันเลยล่ะ...”

     

    “ฉันเปล่า มีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่มั๊ย ฉันจะได้ไปเรียน ฉันสายแล้ว ขอตัวนะ” ฉันกำลังจะเดินหนีแต่ถูกอาเทอร์ยึดแขนไว้

     

    “เดี๋ยวก่อนสิ เธอโกรธฉันจริงๆใช่มั๊ย!?

     

    “เปล่า ฉันกับนายไม่ได้เป็นอะไรกันนิ ทำไมฉันต้องโกรธหรือไม่พอใจนายด้วย นายไม่ได้สำคัญกับความรู้สึกของฉันขนาดนั้นหรอก”

     

    “แต่ฉันก็รู้สึกไม่ดีอยู่ดี หลังเลิกเรียกนี้ไปกินไอติมกับฉันนะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเธอเอง”

     

    “...”

     

    “นะ ข้าวโอ๊ต ไม่งั้นฉันคงรู้สึกไม่ดี T-T

     

    “นายคิดว่าความรู้สึกของฉันมันมีค่าแค่การเลี้ยงไอติมแค่ครั้งเดียวงั้นเหรอ ปล่อยฉันได้แล้ว ฉันสายแล้ว!

     

    มัวแต่พูดว่ารู้สึกไม่ดีอย่างนู้นอย่างนี้อยู่ได้ ถึงฉันจะไม่ถาม แต่เขาก็น่าจะพูดถึงสาเหตุของคืนนั้นว่าทำไมถึงผิดสัญญา แต่นี่...กลับไม่พูดถึงมันสักที L

     

    “งั้นฉันเลี้ยงหลายๆครั้งก็ได้ ^^’ ” หลังจากที่อาเทอร์ทำสีหน้าเศร้าสร้อยผ่านแววตาคู่สวยอยู่พักใหญ่ เขาก็ยิ้มสดใสออกมาพร้อมกับคำพูดนั้น

     

    “...”

     

    “นะๆ ไม่งั้นฉันจะปีนรั้วเข้าบ้านเธอก็แล้วกัน จนกว่าเธอจะหายโกรธ ^^’

     

    “นายจะบ้าเหรอ!! นั่นแหละฉันจะยิ่งโกรธนายไปใหญ่ และอีกอย่างตามที่ฉันพูด ฉันไม่ได้โกรธนายสักหน่อย”

     

    “งั้นก็แสดงว่าเธอตกลงแล้วใช่มั๊ย สรุปว่าหลังเลิกเรียนนี้เราเจอกันที่ร้าน Mine ice cream นะ เธอชวนเพื่อนเธอไปด้วยกันได้นะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้เอง ตกลงนะ! ^^+”

     

    “อืมๆ ก็ได้” สุดท้ายฉันก็ตอบตกลงไปกับเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จริงการที่เขานัดฉันอย่างนี้ มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาข้องใจอะไรเกิดขึ้นกับฉันนะ แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงแต่พูดและทำท่าทางอย่างนั้นกับเขา ไม่เข้าใจเลยจริงๆ

     

    “เย้!” ใบหน้าเนียนใสยิ้มออกมาอย่างดีใจ จากนั่นเขย่าแขนฉันไปมาอย่างร่าเริง “งั้นฉันไปก่อนนะ อาจารย์มองดูฉันใหญ่แล้ว เดี๋ยวโดนหักคะแนน แล้วเจอกันนะ!! ^O^

     

     



     

    03.10 PM.

     

    ครืนนน ครืนนน

     

    เสียงสั่นของโทรศัพท์ของฉันดังออกมาจากกระเป๋ากระโปรงในระหว่างคาบสุดท้ายของวัน ฉันมองดูอาจารย์ตอนทีเผลอและหยิบมันออกมาดู

     

     

    ลูเชลล์

     

     

    ตึกตัก! ตึกตัก!

     

    แค่เห็นชื่อหัวใจของฉันก็เต้นตึกตักๆไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมากะทันหัน

     

    พะ พี่ลูเชลล์ไลน์มาหาฉัน!! เขาไลน์มาหาฉ้านนนน

     

    “ดูอะไรน่ะ ยิ้มใหญ่เชียว” หอมที่นั่งใกล้ๆเห็นฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ถามขึ้นยิ้มๆ และชะโงกหน้ามาดู

     

    “เปล่า ไม่มีอะไรหรอก >\\\<

     

    “อันแน่ะๆ หนุ่มที่ไหนส่งไลน์มาหา ^^’ ใช่พี่ข้าวต้มหรือเปล่าอ่ะโอ๊ต”

     

    ฉันไม่ได้สนใจคำที่หอมแซวสักเท่าไหร่แค่ยิ้มๆแบบฉีกกว้างเฉยๆ >O<

     

                วันนี้ข้าวโอ๊ตว่างมั๊ย ไปกินข้าวกับพี่ซักมื้อนะครับ ถ้าข้าวโอ๊ตตกลงพี่จะไปรับ

     

    อ๊ายยยย พี่ลูเชลล์ไลน์ชวนฉันไปกินข้าว >O< ซึ่งนั่นแปลว่าเรากำลังจะเดทกันใช่มั๊ยยยย!!

     

    พี่ลูเชลล์เขาชอบฉันใช่มั๊ยยยย >O< อ๊ายยยย แค่คิดก็เขินแล้ว

     

    คิดถึงผมหน้าม้ายาวปรกคิ้วสีดำเข้มที่ชี้เซอร์หน่อยๆกับดวงตาสีดำอมน้ำตาลที่มีเสน่ห์คู่นั่นจัง >O<

     

    ฉันบิดตัวไปมามือไม้ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และเผลอไปหยิกแขนยัยหอมที่เขียนหนังสืออยู่เพราะตัวฉันเองไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ก็คนมันเขินเนอะ >\\\<

     

    “เป็นอะไรของเธอมาหยิกแขนฉันทำไม ^^’ อั่นแนะๆ แก้มแดงใหญ่เลย ทำไมเหรอ นั่นผู้ชายใช่มั๊ยที่ส่งไลน์มา เธอแอบมีแฟนแล้วเหรอ ใครกันน่ะ บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ!!

     

    “เปล่า...ไม่มีอะไรหรอกน่า จดงานไปเถอะ >\\\<

     

    ยัยหอมไม่พูดอะไรต่อแต่ยิ้มๆให้ฉันอย่างรู้ความนัย และจดงานของเธอไปต่อ

     

     

    ว่างค่ะ พี่จะมาจริงๆเหรอคะ ^^’

     

     

    จริงสิ งั้นพี่รอเราที่หน้าโรงเรียนแล้วกันนะครับ

     

     

    เอ่อ...เอางั้นก็ได้ค่ะ ว่าแต่พี่จะมาจริงๆนะ >,<’

     

     

    จริง! พี่ไม่โกหกข้าวโอ๊ตหรอกน่า

     

     

    ค่ะ แล้วเจอกัน ข้าวต้องเรียนแล้ว แค่นี้ก่อนนะคะ

     

     

    ครับบบ ตั้งใจเรียนนะ เด็กดี <3’

     

     

    เฮ้ออออ >O< ฉันมีความสุขจัง

     

    ฉันคิดว่าฉันเจอแล้วล่ะพระเอกในนิยายของฉันที่ใฝ่ฝันมาตั้งแต่วัยเด็ก แม้ใครจะว่าฉันเพ้อเจ้อ เพ้อฝัน ไร้สาระอะไรก็ช่างมันเถอะ! แต่ฉันก็ยังรอ รอจนในที่สุดฉันก็มีวันอย่างนี้ หวังว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นคนที่ใช่สำหรับฉันในตอนนี้และใช่ตลอดไปนะ >O<+

     


     

     

    06.05 PM.

     

    เด็กนักเรียนทั้งหญิงและชายที่มาเดทกันเป็นคู่ๆและเป็นกลุ่มใหญ่ๆต่างเดินเข้าออกผลักประตูบานใสๆ ของร้านไอศกรีมที่มีชื่อว่า Mine ice cream ไปมา บรรยากาศภายในร้านถูกตกแต่งด้วยสีขาวครีมและไม้สีอ่อนอย่างเรียบง่าย ใช้ Mood & Tone เป็นโทนหลักในการตกแต่งภายในแซมด้วยสีเขียวอ่อนและกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้จากธรรมชาติในบางจุด ไม้ประเภทสีอ่อน Beech และ White Ash นั่นสามารถจับคู่เข้ากันได้ดีทีเดียว บรรยากาศในร้านนั่นอบอวลไปด้วยความเรียบง่ายแต่ก็ดูอบอุ่น ช่างเหมาะกับคู่รักของชายหญิงที่เข้ามาเดทกันในร้านยิ่งนัก ตรงขอบกระจกข้างขวามือมีโต๊ะสีขาวสะอาดอยู่โต๊ะหนึ่ง ถ้วยไอศกรีมถ้วยเล็กๆที่วางอยู่บนโต๊ะเป็นเวลาเนิ่นนานนั่นละลายกลายเป็นน้ำไปหมด ผู้เป็นเจ้าของถ้วยไอศกรีมอันน่าสงสารนี้คือชายหนุ่มผู้มีดวงตาสีดำคมเข้มแต่แฝงไปด้วยความหวังและความเศร้าสร้อย ดวงตาที่มีเสน่ห์ต่ออัตราการเต้นหัวใจของเด็กนักเรียนหญิงหลายๆคน บัดนี้กลับเอาแต่จ้องไปที่ประตูทางเข้าออกของร้านอย่างคาดหวัง ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงประตูเปิดเข้าออกเขาจะชะโงกคอมองดูด้วยความหวัง...

     

    ...หวังว่าใครบางคนที่เขานั่งรอจะมาสักที

     

     
     










    เอารูปของอาเทอร์ตอนรอข้าวโอ๊ตมาฝากค่ะ อาเทอร์น่าสงสารมากเลย T-T

















    ดวงตา สีหน้าของเขามันช่าง...


     


     







    โปรดติดตามตอนต่อไป











     

    Add Fan จิ้มๆ









     

    ตอนที่ 6 คลอดออกมาแล้วนะคะ ขอบคุณที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้นะคะ อิอิ >.< ขอบคุณทุกคอมเม้นท์และหลายๆคอมเม้นท์ที่คอยติดตามและเป็นกำลังใจฤดูฝนเสมอมา น่ารักมากมายยยย ^O^

     

    บทนี้ตอนที่ข้าวโอ๊ตคุยกับลูเชลล์นั่น ฤดูฝนเขียนไปยิ้มไป เขินไป >\\\< ฮ่าๆ นางคงมีความสุขมากจริงๆ(ข้าวโอ๊ต) ส่วนฉากสุดท้ายของบทนี้นั่น...ฤดูฝนเองก็แอบสงสารอาเทอร์ผู้แสนดีของเราอยู่มากเหมือนกัน T^T

    # แปะรูปลูเชลล์ลุคสดใสให้แล้วนะคะ >.<

     

     

    ขอบคุณภาพพื้นหลังสวยๆจาก B ♔ W
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×