คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : [ตอนที่6] รักนี้หัวใจสีชมพู
By. Changfan
ลูเชลล์
6
รักนี้หัวใจสีชมพู
“ข้าวโอ๊ตลูกพ่อ เป็นไงบ้างลูก นั่งเรือสนุกมั๊ย อิอิ” พ่อยิ้มฝืดๆและถามฉัน คงเพราะคิดว่าจะต้องโดนฉันโกรธแน่ๆ อีกอย่างพ่อก็รู้อยู่แล้วว่าฉันไม่อยากนั่งเรือ แต่ทำไมรู้ทั้งรู้ ยังจะพูดอย่างนั้นอยู่อีกมันน่าโมโหอยู่นะ
แต่ถ้าถามฉันอนนี้ ฉันอยากขอบคุณพ่อซะด้วยซ้ำ ที่พูดอย่างนั้น คึคึ >.<
“สนุก…” อยู่ดีๆก็มีความคิดบางอย่างขึ้นมาในหัว เมื่อหางตาเหลือบไปเห็นพี่ลูเชลล์ที่นั่งอยู่ไกลๆเป็นร้อยเมตร “สนุกกับผีน่ะสิคะ พ่อพูดแบบนั้นออกไปทำไม ข้าวโกรธพ่อแล้ว L”
“T[]T”
“โกรธมากๆเลยด้วย นี่ไม่ต้องมาคุยกับข้าวเลยนะ ชิ L”
การแสดงของฉันสมจริงมั๊ยนะ สมจริงมั๊ย? >.<
“ข้าวโอ๊ตอาหารมาแล้วลูก อ่ะ นี่จ๊ะ ^_^” แม่ที่เพิ่งไปเอาอาหารมาสามกล่องยื่นให้ฉันกล่องหนึ่ง
“ข้าวก็โกรธแม่ด้วย L”
“O_O” แม่ทำหน้าอึ้งเพราะไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงพูดอย่างนั้น
ฉึบ
ฉันหยิบกล่องข้าวและลุกขึ้นเดินหนีออกมาจากพ่อกับแม่ …จากนั่นก็เดินตรงไปยังพี่ลูเชลล์!!
ตึก ตึก ตึก
L
^O^
ยะฮู้!!
ดีใจจังที่จะได้กินข้าวตอนค่ำกับพี่ลูเชลล์อีกครั้ง ฮ่าๆ ^0^ นี่เป็นแผนของฉันเองแหละ แผนที่จะปลีกตัวออกจากพ่อกับแม่เพื่อมาอยู่กับผู้ชาย อุ๊ย ไม่ใช่สิ เพื่อมาอยู่กับ… กับ… เอ่อ… กับอะไรก็รู้ๆกันอยู่แหละ อิอิ
เขินๆ >O<
ฉันกะว่ากะโกรธพ่อกับแม่จนถึงวันกลับ แล้วค่อยไปหายโกรธอีกทีตอนอยู่ที่บ้าน (ดูมันเลือก : ฤดูฝน) เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดพี่ลูเชลล์ให้เต็มที่ ยะฮู้ๆ >O< ดูเอาไว้ๆลูกกตัญญูเขาเป็นแบบนี้แหละ
กึก
ฮิ ฮิ เขินนนน ตอนนี้ฉันหยุดอยู่ที่ข้างของพี่ลูเชลล์แล้ว เพียงแต่รอให้พี่เขาสังเกตเห็นฉันเท่านั้นแหละ
“...”
หวูบบบบ
ลมระรอกที่หนึ่งพัดผ่านไป เขาก็ยังไม่สังเกตเห็นฉัน เดี๋ยวก็เห็นๆ ฮิ ฮิ เขินนนนจัง >O<
“...”
หวูบบบบ
ลมระรอกที่สองพัดผ่านไป เดี๋ยวก็เห็นๆ ใกล้แล้วๆ เขินนนน >O,<
“...”
หวูบบบบ
ลมระรอกที่สามพัดผ่านไป เขาก็ยังเหมือนเดิม เลินนนน L ก็มันเขินนนนไม่ออกแล้วน่ะสิ!
เฮ้ย หันหน้ามาทางนี้หน่อยสิ ผู้หญิงสองคนที่นั่งข้างๆเขานี่ก็กระไร ชวนพี่ลูเชลล์คุยอยู่นั่นแหละ ชิชะ เดือดๆ
“อะแฮ้ม!!” หลังจากที่ฉันเลินนนนอยู่นานก็ตัดสินใจส่งเสียงทักทาย เพื่อเรียกความสนใจจากพี่ลูเชลล์เบาๆ เพราะดูเหมือนเขาไม่มีวี่แววที่จะเห็นว่าฉันยืนอยู่ข้างๆ
“อ้าว ข้าวโอ๊ต ^_^” ได้ผล! พี่ลูเชลล์หันมามองฉันแล้ว ริมฝีปากสีสวยน่าจูจุ๊บยิ้มยิงฟันให้ฉันอย่างอ่อนโยน
ชอบ…จัง
“ขอนั่งกินข้าวด้วยคนจะได้มั๊ยคะ ^^///”
ฉึบ!
ผู้หญิงสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆเขาตวัดดวงตาที่คมน่ากลัวราวกับผีดิบมาจ้องฉันด้วยความไม่พอใจ
“ฮะ อ้อ ได้สิ เชิญเลยครับ เดี๋ยวพี่เขยิบให้ ^_^” พี่ลูเชลล์เขยิบไปทางซ้าย และเบียดยัยผีดิบอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆเขาไปด้วย ยัยนั่นสุดแสนจะทำหน้าไม่พอใจ
“ขออนุญาตนั่งด้วยคนนะคะ” ฉันพูดกับผู้หญิงพวกนั่นตามมารยาทเท่านั้นแหละ แกล้งแสนดี
“ตามสบายค่ะ” และพวกเธอก็คงพูดกับฉันตามมารยาท แกล้งแสนดีเช่นกัน >O<
“^-^”
เมื่อฉันหย่อนก้นถึงพื้น พวกเธอสองคนก็พูดคุยโดยไม่มีเสียงกัน ด้วยภาษาหน้าและท่าทางไปมาระหว่างฉันกับพี่ลูเชลล์ ฉันเองก็มองหน้าพวกเธอสองคนด้วยความงงๆไม่เข้าใจเหมือนกัน
“O^O=” งึก งึก งึก
“*<>*^^” งึก งึก งึก
“Y()Yo” งึก งึก งึก
“#)6(#” งึก งึก งึก
“ลูเชลล์ พวกเราอิ่มกันแล้วล่ะ พวกเราไปก่อนนะ” หลังจากที่คุยภาษาใบ้กันอยู่พักใหญ่พวกเธอก็พูดขึ้น สงสัยคงรู้ล่ะมั้งว่าใครตัวจริง ใครของเล่น หึ -_-^
“พวกเธอสองคนอิ่มกันแล้วเหรอ ข้าวยังเหลือเยอะอยู่เลยนะ”
“อ่ะ อ้อ อิ่มแล้ว (ชิ่ง) -^->>>” เมื่อตอบคำถามเสร็จก็ตวัดหางตาอย่างนางมารร้ายมาทางฉันทันที
ไม่ได้ๆ พวกเธอจะทำอย่างนั้นกับฉันนานๆและออกนอกหน้านอกตาอย่างนั้นไม่ได้นะ เดี๋ยวพี่ลูเชลล์เห็นแล้วจะรู้สันดาน เฮ้ย! จะรู้ใจคอหรอกว่าพวกเธอคิดยังไงกันอยู่ พวกเธอสองคนจะกลายเป็นนางร้ายกันเอาง่ายๆนะ ส่วนฉันเขาก็จะมองว่าเป็นนางเอกนะ ฮิ ฮิ (หัวเราะชั่วร้าย) แต่ความเป็นจริงฉันก็เป็นนางเอกอยู่แล้วล่ะนะ ใครๆเขาก็รู้กัน ใช่มั๊ยคะนักอ่านที่หน้ารักทุกคน ^)o(^
เศร้า เศร้า พวกเธอนี่ช่างน่าสงสารกันเหลือเกิน แต่ต้องไปโทษคนเขียนนู้นล่ะ กระซิกๆ T^T
“พวกพี่สองคนนั่นกินกันอิ่มเร็วจังเลยนะคะ ตอนนี้เลยเหลือแค่พวกเราสองคนเลย อิอิ” ปฎิบัติการตอแหลเริ่มขึ้นแล้ว
“ทำไม อยู่กับพี่สองคนอย่างนี้รู้สึกแปลกๆเหรอ”
“ปะ เปล่าสักหน่อยคะ >\\\<” อ๊ายยยย ถามอะไรของเขาน่ะ
“เหรอ พี่นึกว่าเรารู้สึกเกร็งๆเมื่อได้อยู่กับพี่ตามลำพังซะอีก ^^”
แหม ระดับนี้แล้ว ไม่กงไม่เกร็งแล้วล่ะคะ >O<
“แล้วนี่ไหนพ่อกับแม่ข้าวโอ๊ตเหรอ ที่บอกว่ามาด้วยกัน พี่ว่าจะไปสวัสดีสักหน่อย” พี่ลูเชลล์มองหน้ามองหลัง
“อะ เอ่อ... เอาไว้โอกาสหน้าดีกว่ามั้งค่ะ *O*” ฉันรีบออกตัวพูด ถ้าขืนเจอกันฉันโดนจับไต๋ได้แน่
“เอางั้นเหรอ”
“ค่ะ ค่ะ เอางั้นแหละ ฮิฮิ T_T”
“อ๊ะ พี่ให้” อยู่ดีๆพี่ลูเชลล์ก็ตักลูกชิ้นที่อยู่ในกล่องข้าวของเขามาใส่ของฉัน ฉันค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองสายตาคมสีดำอมน้ำตาลที่มีเสน่ห์อย่างซาบซึ้งใจ
“ให้ทำไมคะ พี่ไม่ชอบกินเหรอ”
“เปล่าหรอก ความเป็นจริงแล้วพี่ชอบกินลูกชิ้นเนื้อมากเลยนะ แต่พี่เห็นว่ามันอร่อยดีน่ะ เลยอยากให้ข้าวกินเข้าไปเยอะๆ ^^”
“ทั้งๆที่ชอบกิน แต่ก็อยากให้ข้าวกินด้วยเหรอคะ...”
“ครับ”
>\\\<
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง ให้มันได้อย่างนี้สิ ทุกครั้งที่ใกล้ผู้ชายคนนี้ฉันต้องหวั่นไหวทุกครั้งไป เขาต้องเป็นคนที่ใช่แน่ๆ ที่ทำให้หัวใจฉันเต้นแรงบ่อยและถี่ขนาดนี้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...
“ขะ ขอบคุณค่ะ”
“J” พี่ลูเชลล์ยังคงตักลูกชิ้นมาให้อีกสองลูกและยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน...
“>\\\<” ฉันหลบหน้าเขา และทำเป็นก้มลงกินข้าวทั้งๆที่รู้ว่าสายของเขายังคงมองฉันและยิ้มอย่างนั้นอยู่
โอ๊ยยยย >O< อย่าจ้องฉันขนาดนั้นสิ ทำอะไรไม่ถูกแล้วนะ
แง้งงงง TOT พี่หน้าตาดีเกินไป หยุดมองฉันอย่างนั้นสักทีสิ please!!
เกิดมาในชีวิตนี้เพิ่งจะเคยมีผู้ชายที่หน้าตาดีราวกับพระเอกในนิยายมาจ้องฉันใกล้ๆและส่งสายตาหวานจับหัวใจมองมาที่ฉัน คือแบบว่าในตอนนี้สายตาของเขามองมาที่ฉันแค่คนเดียวอ่ะ >.< ราวกับโลกทั้งใบของฉันถูกหยุดเวลาไว้ด้วยเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ฉันตกอยู่ในภวังค์แห่งรักเข้าให้แล้ว
“J^” เมื่อเงยหน้าขึ้นมาพี่ลูเชลล์ก็ยังส่งสายตาพิฆาตหัวใจมองฉันอยู่เหมือนเดิม พี่เขาจะรู้มั๊ยนะ ว่าสายตาของเขานั่นมันมีผลต่อหัวใจดวงน้อยๆของฉันแค่ไหน
“>\\\\\\\\<” งุดงิด งุดงิด เขินเท่าตัว
“J^^”
“พะ พี่ลูเชลล์ยิ้มอะไรคะ >\\\< มะ มัวแต่จ้องหน้าข้าวอยู่อย่างนั้นแหละ >\\\<” ในที่สุดฉันก็ถามออกไป เพราะมันกลั้นใจต่อสายตาที่มีเสน่ห์คู่นี้ไม่ไหวจริงๆ >\\\<
“ก็ยิ้มขำเรานั่นแหละ หน้าแดงเป็นลูกตำลึงไปหมดแล้ว J เขินพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ ไหนๆ ลองหันหน้ามามองพี่แบบตรงๆตอนนี้ซิ J” จากนั้นก็แจกรอยยิ้มพิฆาตใจเหมือนเดิมหรืออาจจะมากกว่าเดิมซะด้วยซ้ำ
แง้งงงง TOT >\\\\\\\< พี่ลูเชลล์เขารู้ด้วยเหรอว่าฉันเขินมากขนาดไหน รู้ด้วยเหรอว่าฉันเขินเขา แสดงว่าพี่เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะสิ ฮืออออ >\\\\\\< อยากจะร้องไห้จริงๆ
โอ้ยยยย ร้อนๆ ร้อนที่หน้า ร้อนโคตรๆเลย มันคงแดงขึ้นอีกแน่ๆ
“J” ยิ้มอ่อนโยน
“>\\\<”
“ฮ่าๆ ดูทำหน้าเข้าสิพี่ว่าเราชักจะหน้าแดงมากเกินไปแล้วนะ ว้า ไม่อยากจะเชื่อ ข้าวเขินพี่ขนาดนั้นจริงๆเหรอเนี่ย J”
ไม่ตอบ
“>\\\\\\<” งุดงิด งุดงิด
“ให้พี่เดินออกไปจากตรงนี้เลยมั๊ย พี่ชักจะสงสารเราแล้วสิ ^^” พี่ลูเชลล์ลุกขึ้น ทำท่าเหมือนจะเดินออกไปจริง
“มะ ไม่เป็นไรคะ” ฉันรีบคว้าข้อมือของพี่เขาไว้ตอนที่ยืนขึ้น
“ดะ เดี๋ยวข้าวไปเอง >\\\<” ก้มหน้างุดงิดๆ
“แต่ข้าวยังกินไม่อิ่มเลยนิ J” สายตาพิฆาตจ้องมองอีกครั้ง ยิ้มขำ
“พะ พี่ลูเชลล์ก็ยังไม่อิ่มไม่ใช่เหรอคะ” งุดงิด งุดงิด
“อ่า ก็พี่สงสารเรานะสิ”
“ฮ่าๆ ข้าวไม่เขินแล้วล่ะคะ” ฉันฝืนยิ้มและเงยหน้ามาสบตากับพี่ลูเชลล์แบบตรงๆ ทั้งๆความจริงแล้วหน้าก็ยังร้อนเหมือนเดิม “อย่าไปไหนเลยนะคะ ข้าว...เฉยๆแล้วค่ะ”
“ครับ ครับ พี่เชื่อแล้ว J” พี่ลูเชลล์นั่งลงอีกครั้ง ถึงเขาจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่สายตาของเขานั่นมันเป็นคนละอย่างกันเลย
หนึ่งนาทีแห่งความเงียบงันผ่านไป ไม่มีเสียงอะไรหลุดออกมาจากปากเราสองคนนอกจากเสียงตักและเคี้ยวข้าว สรุปคือฉันและพี่ลูเชลล์นั่งกินข้าวกันไปอย่างเงียบๆนั่นเอง เฮ้อ ทำไมฉันถึงรู้สึกขายหน้าขนาดนี้ด้วยนะ จะพูดอะไรออกไปก็ไม่กล้าพูด แต่ยิ่งปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำอย่างนี้ ฉันก็จะยิ่งเกิดอาการเป็นหนักกว่าเดิม
“เอ่อ...พี่ลูเชลล์... รู้ได้ยังไงคะ ว่า... ว่า...ข้าวเขิน “
อ๊ากกก ก็มันไม่อยากตกอยู่ในความเงียบนานๆนี่นาเลยต้องหาคำพูด แต่ดูเหมือนว่าคำถามฉันจะไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเลย อยากจะร้องไห้ แม่จ๋า TOT
“ก็หน้าข้าวมันแดงมากนี่นา J”
อ่า นั่นสินะ ฉันเองก็ถามอะไรแปลกๆ ทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้ว ขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ >\\\<
“เอ่อ.. ข้าวไม่ต้องอายพี่หรอก พี่ว่าข้าวเป็นอย่างนี้มันก็น่ารักดีนะ”
โฮกกก TOT เมื่อกี้เขาชมว่าฉันน่ารักใช่มั๊ย
ต้องบอกเลยว่าพี่ลูเชลล์มีความสามารถพิเศษคือการทำให้ฉันใจเต้นตึกตักๆมากของมากที่สุด >\\\<+
“ขะ ขอบคุณค่ะ” ฉันตอบรับแบบเคอะเขินและตักกินข้าวอย่างเงียบๆต่อ บทเรียนนี้สอนฉันว่าไม่พูดอะไรเลยมันจะดีซะกว่า ให้ตายเถอะ นี่มันไม่ใช่ตัวฉันเลยจริงๆนะ
“ข้าว... เดี๋ยวก็ได้จากกันแล้ว พี่ขอไลน์...ของเราจะได้มั๊ย...” อยู่ๆพี่ลูเชลล์ก็พูดขึ้นมาซะดื้อๆท่ามกลางความเงียบ
“อะ เอ่อ...”
ว่าไงนะ สมองฉันจูนไม่ทัน #^# เอ๋อไปชั่วขณะ!!
“ให้ข้าวไลน์กับพี่นะ”
02.02 PM.
“เฮ้อ! ขี้เกียจเดิน ทำไมตึกวิทยาศาสตร์กับตึกที่เราเรียนมันถึงไกลกันขนาดนี้ด้วยนะ” หอมบ่นขึ้นระหว่างที่ห้องของพวกฉันเดินไปเรียนวิชาเคมีที่ตึกวิทย์ เห็นอาจารย์บอกว่าในคาบนี้จะมีการทดสอบสารอะไรเนี่ยแหละ เลยต้องขึ้นไปเรียนที่ห้องทดลอง
“คงเพราะทางโรงเรียนอยากให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย(มั้ง?) ก็เลยตั้งตึกวิทย์ซะไกลเลย ฮ่าๆ ฉันว่าดีออกนะ พวกเราจะได้แข็งแรงกัน >O<” ผัด
“นั่นความคิดเหรอนั่น -^-“
แต่ดูเหมือนหอมจะไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่ วันนี้ฉันค่อนข้างแปลกใจ เพราะปกติแล้วหอมจะไม่เป็นคนชอบบ่นอะไร ส่วนใหญ่จะผัดซะมากกว่า แต่มันนี้แปลกแฮะ ผัดเองก็ทะแม่งๆเหมือนกัน
ฟิ้วววว
ตุบ
อยู่ๆก็มีลูกฟุตบอลที่ลอยมาจากสนามฟุตบอล และมาตกอยู่ที่ขาข้างขวาของฉันซึ่งยืนอยู่ริมสุดทางสนามฟุตบอลพอดี โชคดีที่แรงกระแทกมันไม่แรงอะไรมากนัก
“เฮ้! เธอ!! ส่งลูกบอลมาทางนี้หน่อยสิ!!! >O<” เสียงกังวานของผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ในสนามบอลดังขึ้น พร้อมกับเพื่อนๆของเขาสองสามคนหันหน้ามามองฉัน ในสนามค่อนข้างมีนักเรียนใส่ชุดพละสีน้ำเงินเข้มของโรงเรียนเยอะพอสมควร ทุกคนล้วนวิ่งไล่ลูกบอลกันไปเป็นกลุ่มๆ หลายๆกลุ่ม บางคนก็ซ้อมเดาะลูกบอลอยู่คนเดียว สงสัยพวกเขาคงจะกำลังเรียนคาบพละกันอยู่มั้ง
“อยากได้ก็มาเอาเองสิ! เตะมาโดนเพื่อนฉัน แล้วยังไม่ขอโทษอีก!!”
ทุกคนคงคิดว่านั่นเป็นเสียงของผัด แต่ผิด! ไม่เลย นั่นมันเสียงของหอม ฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเหมือนกันว่าหอมจะเป็นคนอย่างนี้ และที่ยิ่งแปลกใจไปมากกว่านั้นก็คือ...
“หอม ช่างเขาเถอะ จะไปเอาอะไรมาก เขาคงไม่ได้ตั้งใจ J”
O_O
นี่คือเสียงของผัด - -^ ให้ตายเถอะ สองคนนี้สลับร่างกันหรือไงเนี่ย
“เออๆ ขอโทษๆ!! ทีนี้ก็ส่งมาสักที!! -__-*” ผู้ชายคนนั้นทำท่าทางยึกๆยักๆแบบเหมือนเกี่ยงๆกันกับเพื่อนอยู่ สักพักก็พูดขึ้นพร้อมกับทำสีหน้าน่ารำคาญ (ยืนอยู่ตั้งไกลยังมองเห็นหน้า แกสายตาดีมากนะนั้น -_- ปล.ฤดูฝน)
“ไม่คืนให้หรอกย่ะ!! นี่เหรอที่เขาเรียกว่าขอโทษ!! เดินมาเอาบอลและขอโทษดีๆกับเพื่อนฉันเลยนะ >O<” หอมตะโกนเสียงแปดหลอดกลับ
“หอม คืนๆเขาไปเถอะ” น้ำเสียงแม่พระ
ส่วนฉัน >>> [- -]^ ทำหน้างง เพราะไม่เข้าใจสองคนนี่จริงๆ
ตึก ตึก ตึก!!
เสียงฝีเท้าของผู้ชายคนนั่นใกล้เข้ามา และมาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเรา ใบหน้าเนียนๆ เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อจากการเล่นกีฬา เรือนผมสีดำสนิทยาวลงมาปรกจนถึงคิ้วต่างก็ไม่เป็นทรง เพราะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ดวงตาของเขาโฉบเส้นเป็นวงรีเหมือนผู้ชายอ่อนโยนและเซ็กซี่บ้างในบางที เขาค้ำเอวและอ้าปากเล็กน้อยเพื่อหอบหายใจรับอากาศให้เต็มปอด จากนั่นก็ส่งมือไปหาหอมที่ถือลูกบอลไว้กับตัว และพูดเสียงห้วนๆ
“เอามา -_-^”
“ไม่ จนกว่านายจะขอโทษเพื่อนฉันก่อน” หอมยังยืนยันเสียงแข็ง
“หอม...” ส่วนผัดก็เอ็ดเสียงเบา
“-_-^^” ส่วนฉันไม่ได้พูดอะไร แค่มองหน้าสองเพื่อนซี้และทำหน้างงต่อไป
“เธอไม่เป็นไรใช่มั๊ย” นายตาโฉบเป็นวงรีนั่นหันมาถามฉัน
“อืม ไม่เลย”
“เธอเจ็บตรงไหนมั๊ย”
“อืม ไม่เลย”
“เห็นมั๊ยเพื่อนเธอไม่ได้เป็นอะไรเลย เพราะฉะนั้น ...อย่าเยอะ! รีบๆคืนบอลมา ก่อนที่ฉันจะโมโห” เขาพูดเน้นตรงคำว่า ‘อย่าเยอะ’ ให้ชัดกว่าคำไหนๆ
“แต่ยังไงมันก็โดนเพื่อนฉัน นายต้องขอโทษด้วย...ความจริงใจ!” ผัดเองก็พูดเน้นคำเช่นกัน
“แต่มันแค่เบาๆเองนะ และเพื่อนเธอก็ไม่เห็นเป็นเดือดเป็นร้อน มีแต่เธอนั่นแหละที่ปากเต้นน้ำลายกระเด็นพากๆ ทำเหมือนกับว่าเม๊นท์ (มันเป็นคำเฉพาะ แปลว่าประจำเดือน) ไม่มาเป็นสิบๆปี เราเองก็โตๆกันแล้ว อย่าเยอะได้มั๊ยคุณผู้หญิงเม๊นท์หมด - -^” นายนั่นด่าผัดหน้าตาย นั่นเป็นถ้อยคำที่เจ็บแสบมากเลยนะนั่นสำหรับการที่ผู้ชายพูดกับผู้หญิงที่ไม่รู้จักกันอย่างนี้
“กรี้ดดดด ฉันไปปากเต้นและเม๊นท์หมดตอนไหนกันย่ะ ไอ้บ้า”
“O_O” ห๊า มะ เมื่อกี้หอมกรี้ดออกมาเหรอ Oh! my God ไม่อยากจะเชื่อ
ฉึบ!
“ฉันเสียเวลามากแหล่ะ ไปก่อนนะ” นายตาโฉบฉวยโอกาสตอนที่หอมเดือดคว้าลูกบอลออกมาจากอ้อมแขนหอม และวิ่งไปที่สนามโดยไม่เสียเวลาที่จะพูดต่อ จากนั่นก็โบกมือให้เพื่อนสองสามคนที่รอบอลอยู่ไปมา
“พวกเธอสองคนเห็นใช่มั๊ย” หอมมองตามหลังนายนั่นไปและกัดฟันถามพวกฉัน
“เห็น”
“ผัด เล็งไอ้ตาโฉบคนนั่นไว้เลยนะ ว่าต่อไปจะต้องเป็นศัตรูกับหมายเลขหนึ่งกับพวกเรา” กรอกแกรกๆ (กัดฟัน)
“เอางั้นเหรอ”
“ >^< (กรอกแกรกๆ)”
“อืมๆ งั้นก็ได้” เมื่อเห็นหอมพูดอย่างนั้นแล้วฉันก็ผัดก็เอ่อออไปด้วยอย่างขำๆ ดูสิ มีการกัดฟันกรอกแกรกเป็นคำตอบอีก น่ารักจริงๆเลยเพื่อนฉัน
“ข้าวโอ๊ต!!” อยู่ๆฉันก็ได้ยินเสียงเรียกจากที่ไหนสักที่
ขวับ ขวับ
หันซ้ายหันขวาดูสักพักก็เห็นเป็นเงาไกลๆของผู้ชายที่เล่นฟุตบอลอยู่ในสนามโบกมือไวๆให้ฉัน และวิ่งมาทางฉัน ผมสีน้ำตาลเข้มถูกลมพัดปลิ้วไปด้านหลังข้าง ใครกันนะ มาเรียกชื่อฉัน (ทีอย่างนี้มองไม่ชัด : ฤดูฝน)
“อย่าเพิ่งไป เดี๋ยวก่อน”
ตึก ตึก ตึก
เมื่อผู้ชายคนนั่นวิ่งเข้ามาใกล้ฉัน จึงรู้ว่าเป็นนายอาเทอร์นี่เอง ร่างสูงโปร่งของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อจากการเล่นกีฬา นิ้วเรียวยาวของเขาสะบัดผมหน้าม้าสีน้ำตาลเข้มที่เปียกไปมา และก็ยิ้มสดใสให้ฉันเหมือนอย่างทุกครั้ง
ตึก ตึก
ครั้งนี้ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร เพราะเมื่อรู้ว่าเป็นเขาแล้ว ร่างกายของฉันมันกลับสาวเท้าก้าวไปข้างหน้ารีบเดินหนีเขาทันทีเลย ฉันเองก็งงๆกับปฏิกิริยาของร่างกายตัวเองเหมือนกัน
“อาเทอร์เรียกเธอน่ะโอ๊ต” ผัดหันไปมองข้างหลังและพูดขึ้น
“ช่างเขาเถอะ รีบๆเดินแล้วกัน” ฉันพูดเร็วรัวก็ก้มหน้าเดินต่อไป
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าที่ข้างหลังดังใกล้เขาเรื่อยๆพร้อมกับเสียงตะโกนเรียกอย่างสดใสที่ไม่มีท่าทีจะหยุด
“ข้าวโอ๊ต!! ข้าวโอ๊ต!! อย่าเพิ่งไปสิ!!”
ไม่นานลำแขนเรียวยาวของอาเทอร์ก็สัมผัสเข้าที่ไหล่ข้างซ้ายของฉัน เพราะฉะนั้นฉันจึงจำเป็นต้องหยุดเดิน
“อ้าว นายเรียกฉันเหรอ โทษที่นะฉันไม่ได้ยิน”
ขวับ! ขวับ!
ทั้งหอมและผัดหันมาจ้องหน้าฉันอย่างอัตโนมัติ
“ฮ่าๆ เธอไม่ได้ยินจริงๆเหรอ ^^’ “ นัยน์ตาสีดำหรี่ยิ้มให้ฉันอย่างจริงใจ
“อืม ว่าแต่นายเรียกฉันทำไมเหรอ”
“คือ...” อาเทอร์กำลังจะพูดแต่ก็หันไปมองหน้าหอมและผัดไปมา ส่วนเพื่อนของฉันก็เข้าใจความหมาย พวกเธอรีบเดินหนีไปอย่างรู้งาน
“โอ๊ต งั้นเดี๋ยวพวกเราไปก่อนนะ แล้วเจอกัน ^_^” หอมกับผัดโบกมือบ๊ายบาย
“เดี๋ยวสิ อยู่เป็นเพื่อนฉันก่อน” ฉันมองหน้าอาเทอร์อย่างลำบากใจแวบหนึ่งก็หันไปพูดกับเพื่อน แต่พวกเธอก็ทำเหมือนกับว่าไม่ได้ยินเสียงของฉัน
“เรื่องเมื่อคืนนั้น...น่ะ ขอโทษนะ เธอคงไม่ได้รอฉันใช่มั๊ย...”
“อืม ไม่ได้รอ -_-^” ไม่ได้รอซะเมื่อไหร่ล่ะ!! ฮึ้ย!
“จริงนะ” อาเทอร์ทำสีหน้าเหมือนเด็กที่ทำของเล่นหาย
“อืม -_-”
“แล้วทำไมเธอทำเหมือนโกรธฉันเลยล่ะ...”
“ฉันเปล่า มีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่มั๊ย ฉันจะได้ไปเรียน ฉันสายแล้ว ขอตัวนะ” ฉันกำลังจะเดินหนีแต่ถูกอาเทอร์ยึดแขนไว้
“เดี๋ยวก่อนสิ เธอโกรธฉันจริงๆใช่มั๊ย!?”
“เปล่า ฉันกับนายไม่ได้เป็นอะไรกันนิ ทำไมฉันต้องโกรธหรือไม่พอใจนายด้วย นายไม่ได้สำคัญกับความรู้สึกของฉันขนาดนั้นหรอก”
“แต่ฉันก็รู้สึกไม่ดีอยู่ดี หลังเลิกเรียกนี้ไปกินไอติมกับฉันนะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเธอเอง”
“...”
“นะ ข้าวโอ๊ต ไม่งั้นฉันคงรู้สึกไม่ดี T-T”
“นายคิดว่าความรู้สึกของฉันมันมีค่าแค่การเลี้ยงไอติมแค่ครั้งเดียวงั้นเหรอ ปล่อยฉันได้แล้ว ฉันสายแล้ว!”
มัวแต่พูดว่ารู้สึกไม่ดีอย่างนู้นอย่างนี้อยู่ได้ ถึงฉันจะไม่ถาม แต่เขาก็น่าจะพูดถึงสาเหตุของคืนนั้นว่าทำไมถึงผิดสัญญา แต่นี่...กลับไม่พูดถึงมันสักที L
“งั้นฉันเลี้ยงหลายๆครั้งก็ได้ ^^’ ” หลังจากที่อาเทอร์ทำสีหน้าเศร้าสร้อยผ่านแววตาคู่สวยอยู่พักใหญ่ เขาก็ยิ้มสดใสออกมาพร้อมกับคำพูดนั้น
“...”
“นะๆ ไม่งั้นฉันจะปีนรั้วเข้าบ้านเธอก็แล้วกัน จนกว่าเธอจะหายโกรธ ^^’ ”
“นายจะบ้าเหรอ!! นั่นแหละฉันจะยิ่งโกรธนายไปใหญ่ และอีกอย่างตามที่ฉันพูด ฉันไม่ได้โกรธนายสักหน่อย”
“งั้นก็แสดงว่าเธอตกลงแล้วใช่มั๊ย สรุปว่าหลังเลิกเรียนนี้เราเจอกันที่ร้าน Mine ice cream นะ เธอชวนเพื่อนเธอไปด้วยกันได้นะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้เอง ตกลงนะ! ^^+”
“อืมๆ ก็ได้” สุดท้ายฉันก็ตอบตกลงไปกับเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จริงการที่เขานัดฉันอย่างนี้ มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาข้องใจอะไรเกิดขึ้นกับฉันนะ แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงแต่พูดและทำท่าทางอย่างนั้นกับเขา ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
“เย้!” ใบหน้าเนียนใสยิ้มออกมาอย่างดีใจ จากนั่นเขย่าแขนฉันไปมาอย่างร่าเริง “งั้นฉันไปก่อนนะ อาจารย์มองดูฉันใหญ่แล้ว เดี๋ยวโดนหักคะแนน แล้วเจอกันนะ!! ^O^”
03.10 PM.
ครืนนน ครืนนน
เสียงสั่นของโทรศัพท์ของฉันดังออกมาจากกระเป๋ากระโปรงในระหว่างคาบสุดท้ายของวัน ฉันมองดูอาจารย์ตอนทีเผลอและหยิบมันออกมาดู
ลูเชลล์
ตึกตัก! ตึกตัก!
แค่เห็นชื่อหัวใจของฉันก็เต้นตึกตักๆไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมากะทันหัน
พะ พี่ลูเชลล์ไลน์มาหาฉัน!! เขาไลน์มาหาฉ้านนนน
“ดูอะไรน่ะ ยิ้มใหญ่เชียว” หอมที่นั่งใกล้ๆเห็นฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ถามขึ้นยิ้มๆ และชะโงกหน้ามาดู
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก >\\\<”
“อันแน่ะๆ หนุ่มที่ไหนส่งไลน์มาหา ^^’ ใช่พี่ข้าวต้มหรือเปล่าอ่ะโอ๊ต”
ฉันไม่ได้สนใจคำที่หอมแซวสักเท่าไหร่แค่ยิ้มๆแบบฉีกกว้างเฉยๆ >O<
‘วันนี้ข้าวโอ๊ตว่างมั๊ย ไปกินข้าวกับพี่ซักมื้อนะครับ ถ้าข้าวโอ๊ตตกลงพี่จะไปรับ’
อ๊ายยยย พี่ลูเชลล์ไลน์ชวนฉันไปกินข้าว >O< ซึ่งนั่นแปลว่าเรากำลังจะเดทกันใช่มั๊ยยยย!!
พี่ลูเชลล์เขาชอบฉันใช่มั๊ยยยย >O< อ๊ายยยย แค่คิดก็เขินแล้ว
คิดถึงผมหน้าม้ายาวปรกคิ้วสีดำเข้มที่ชี้เซอร์หน่อยๆกับดวงตาสีดำอมน้ำตาลที่มีเสน่ห์คู่นั่นจัง >O<
ฉันบิดตัวไปมามือไม้ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และเผลอไปหยิกแขนยัยหอมที่เขียนหนังสืออยู่เพราะตัวฉันเองไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ก็คนมันเขินเนอะ >\\\<
“เป็นอะไรของเธอมาหยิกแขนฉันทำไม ^^’ อั่นแนะๆ แก้มแดงใหญ่เลย ทำไมเหรอ นั่นผู้ชายใช่มั๊ยที่ส่งไลน์มา เธอแอบมีแฟนแล้วเหรอ ใครกันน่ะ บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ!!”
“เปล่า...ไม่มีอะไรหรอกน่า จดงานไปเถอะ >\\\<”
ยัยหอมไม่พูดอะไรต่อแต่ยิ้มๆให้ฉันอย่างรู้ความนัย และจดงานของเธอไปต่อ
‘ว่างค่ะ พี่จะมาจริงๆเหรอคะ ^^’
‘จริงสิ งั้นพี่รอเราที่หน้าโรงเรียนแล้วกันนะครับ’
‘เอ่อ...เอางั้นก็ได้ค่ะ ว่าแต่พี่จะมาจริงๆนะ >,<’
‘จริง! พี่ไม่โกหกข้าวโอ๊ตหรอกน่า’
‘ค่ะ แล้วเจอกัน ข้าวต้องเรียนแล้ว แค่นี้ก่อนนะคะ’
‘ครับบบ ตั้งใจเรียนนะ เด็กดี <3’
เฮ้ออออ >O< ฉันมีความสุขจัง
ฉันคิดว่าฉันเจอแล้วล่ะพระเอกในนิยายของฉันที่ใฝ่ฝันมาตั้งแต่วัยเด็ก แม้ใครจะว่าฉันเพ้อเจ้อ เพ้อฝัน ไร้สาระอะไรก็ช่างมันเถอะ! แต่ฉันก็ยังรอ รอจนในที่สุดฉันก็มีวันอย่างนี้ หวังว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นคนที่ใช่สำหรับฉันในตอนนี้และใช่ตลอดไปนะ >O<+
06.05 PM.
เด็กนักเรียนทั้งหญิงและชายที่มาเดทกันเป็นคู่ๆและเป็นกลุ่มใหญ่ๆต่างเดินเข้าออกผลักประตูบานใสๆ ของร้านไอศกรีมที่มีชื่อว่า Mine ice cream ไปมา บรรยากาศภายในร้านถูกตกแต่งด้วยสีขาวครีมและไม้สีอ่อนอย่างเรียบง่าย ใช้ Mood & Tone เป็นโทนหลักในการตกแต่งภายในแซมด้วยสีเขียวอ่อนและกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้จากธรรมชาติในบางจุด ไม้ประเภทสีอ่อน Beech และ White Ash นั่นสามารถจับคู่เข้ากันได้ดีทีเดียว บรรยากาศในร้านนั่นอบอวลไปด้วยความเรียบง่ายแต่ก็ดูอบอุ่น ช่างเหมาะกับคู่รักของชายหญิงที่เข้ามาเดทกันในร้านยิ่งนัก ตรงขอบกระจกข้างขวามือมีโต๊ะสีขาวสะอาดอยู่โต๊ะหนึ่ง ถ้วยไอศกรีมถ้วยเล็กๆที่วางอยู่บนโต๊ะเป็นเวลาเนิ่นนานนั่นละลายกลายเป็นน้ำไปหมด ผู้เป็นเจ้าของถ้วยไอศกรีมอันน่าสงสารนี้คือชายหนุ่มผู้มีดวงตาสีดำคมเข้มแต่แฝงไปด้วยความหวังและความเศร้าสร้อย ดวงตาที่มีเสน่ห์ต่ออัตราการเต้นหัวใจของเด็กนักเรียนหญิงหลายๆคน บัดนี้กลับเอาแต่จ้องไปที่ประตูทางเข้าออกของร้านอย่างคาดหวัง ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงประตูเปิดเข้าออกเขาจะชะโงกคอมองดูด้วยความหวัง...
...หวังว่าใครบางคนที่เขานั่งรอจะมาสักที
เอารูปของอาเทอร์ตอนรอข้าวโอ๊ตมาฝากค่ะ อาเทอร์น่าสงสารมากเลย T-T
ดวงตา สีหน้าของเขามันช่าง...
โปรดติดตามตอนต่อไป
ตอนที่ 6 คลอดออกมาแล้วนะคะ ขอบคุณที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้นะคะ อิอิ >.< ขอบคุณทุกคอมเม้นท์และหลายๆคอมเม้นท์ที่คอยติดตามและเป็นกำลังใจฤดูฝนเสมอมา น่ารักมากมายยยย ^O^
บทนี้ตอนที่ข้าวโอ๊ตคุยกับลูเชลล์นั่น ฤดูฝนเขียนไปยิ้มไป เขินไป >\\\< ฮ่าๆ นางคงมีความสุขมากจริงๆ(ข้าวโอ๊ต) ส่วนฉากสุดท้ายของบทนี้นั่น...ฤดูฝนเองก็แอบสงสารอาเทอร์ผู้แสนดีของเราอยู่มากเหมือนกัน T^T
# แปะรูปลูเชลล์ลุคสดใสให้แล้วนะคะ >.<
ความคิดเห็น