ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love of talk nonsense ตามล่าหัวใจนายซุป'ตาร์[ฺEnd]

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 6 ฉันไม่ใช่กิ๊กของนาย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.26K
      1
      25 พ.ค. 57






    6

    I’m not his partner.

    (ฉันไม่ใช่กิ๊กของนาย)




     

                    หนึ่งอาทิตย์ต่อมา

                    ตีต้าร์นั่งดูบอลอย่างเมามันอยู่ ส่วนฉันก็นั่งอ่านหนังสืออย่างเมามันอยู่เช่นกัน(ไม่ยอมแพ้)

                   
                    ~ฉันจะยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอ... เพื่อที่เธอจะยอมเชื่อใจฉันสักครั้ง ฉันทุ่มให้เธอหมด ฉันจะยอมเธอทุกอย่าง เพื่อที่เธอจะได้รู้ซึ้ง... ว่าฉันนั้นรักเธอแค่ไหน...~

                   
                     เสียงสายเรียกเข้าของตีต้าร์ดังขึ้น เป็นเพลงที่ฉันได้ฟังในห้างเมื่อวันนั้น เขาวางโทรศัพท์ไว้ใกล้ฉันและตอนนี้เขาเองก็เชียร์บอลอยู่ เสียงทีวีก็ดังมากเลยเขาเลยไม่ได้ยิน

                    “ตีต้าร์ มีคนโทรมา” ฉันสะกิดเขา

                    “รับแทนฉันหน่อยกำลังมันอยู่ o-o” เขาพูดกับฉัน แต่ตาจ้องที่ทีวีอย่างไม่ลดละ

                    “ให้ฉันรับแน่ๆนะ มันจะดีเหรอ...”

                    “o-o อย่างนั้นแหละๆ เข้าๆๆ โหย... พลาดได้ไงวะ!!” ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจที่ฉันพูด รับก็รับ

                    “ฮัลโหลค่ะ ไม่ทราบว่าใครคะ”

                    (...)
                     ปลายสายเงียบ ไม่มีเสียงใดให้ได้ยิน

                    “มีธุระอะไรคะ ฉันจะได้บอกตีต้าร์ถูก”
                    ฉันถามขึ้นอีกครั้ง

                    (พ่อ! ลูกพ่อออกลายอีกแล้ว) เหมือนปลายสายจะพูดกับคนทางนู๊นอยู่

                    “ฮัลโหล” ฉันพูดอีกครั้ง

                    (อ๋อ จ๊ะๆ ฉันแม่ตีต้าร์เองนะจ๊ะ) เสียงหญิงสูงวัยนิดหน่อยพูดขึ้นมา ที่แท้ก็แม่นายนั้นนี้เอง นี่ฉันได้คุยกับแม่เขาอยู่หรอกเนี่ย อุ๊ย ตื่นเต้นๆ ^O^

                    “คุณแม่ โทรมามีอะไรเหรอคะ พอดีนายนั่น เอ้ย! ตีต้าร์เขาไม่วางก็เลยให้หนูรับแทน”

                    (เหรอจ๊ะ แม่ก็แค่จะโทรมาบอกว่าวันเสาร์นี้ให้ตีต้าร์เขา เข้ามาเยี่ยมพ่อกับแม่หน่อย คือพอดีว่า ฉันคิดถึงลูกน่ะ)

                    “ค่ะๆ เดี๋ยวหนูบอกให้”

                    (ว่าแต่หนูเป็นกิ๊กของตีต้าร์เหรอจ๊ะ?)

                    “เปล่าค่ะ!!! ไม่ใช่ หนูเป็นคนใช้เขา” อยู่ๆ แม่นายนี่ก็หาหาว่าฉันเป็นกิ๊กเขา ถามซะตรงจนนฉันไปไม่เป็นเลย >*<

                    (หนูไม่ต้องโกหกแม่หรอก แม่รู้สันดานลูกชายแม่ดี หนูไม่ต้องอายหรอกเรื่องอย่างนี้แม่เจอมาเยอะแล้ว แม่ชินแล้ว ทั้งพ่อทั้งลูก แต่แม่บอกอะไรไว้อย่างนะจ๊ะ ตีต้าร์น่ะเค้าคบกับใครได้ไม่เกินหนึ่งอาทิตย์หรอก หนูก็ไม่ได้ไปจริงจังอะไรกับเขามากนะ เดี๋ยวจะเจ็บเปล่าๆ อย่างนานสุดก็ต้องเป็นแฟนเค้าเท่านั้นแหละ) ตีต้าร์นายมันเจ้าชู้ขนาดนั้นเลยหรอเนี่ยไม่อยากจะเชื่อ!

                    “ค่ะ > <?” ฉันพูดแค่นั้นแม่เขาก็วางสายไป ฉันเผลอไปตอบรับได้ไงเนี่ย แม่เขาก็เข้าใจผิดคิดว่าฉันเป็นกิ๊กคนที่เท่าไหร่ของเขาก็ไม่รู้พอดี

     

                    “ตีต้าร์ แม่นายโทรมาบอกวันเสาร์ไปเยี่ยมท่านด้วย” ฉันบอกเขาหลังจากที่เขาดูบอลเสร็จ

                    “แล้วเธอคุย แม่ว่าไงบ้าง ทำไมทำหน้าตาอย่างนั้นล่ะ”

                    “ก็แม่นายน่ะสิ คิดว่าฉันเป็นกิ๊กนาย คิดอย่างนี้ฉันเสียหายหมด >^<” ฉันทำหน้ามุ๋ย

                    “เอาเถอะน่าจะเป็นไรไป แม่ฉันไม่รู้หรอกว่าเธอเป็นใครหน้าตาเป็นยังไง ท่านก็ไม่รู้อยู่แล้วนิ เธอจะเสียหายอะไร”

                    “ถึงท่านจะไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร หน้าตาเป็นยังไง แต่ท่านก็คงจะจำเสียงฉันได้นะ ยังไงฉันก็เสียหายอยู่ดี -_-

                    “ฮ่าๆเธอนี้ก็พูดอะไรงี่เง่าไปได้” นี้เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินเขาหัวเราะให้ฉัน

                    “แล้วว่าแต่นายเหอะมีกิ๊กเยอะมากนักเลยใช่ไหมเนี่ย”

                    “ของมันแน่อยู่แล้ว ก็อย่างนี้แหละฉันหน้าตาดี ใครๆเห็นเป็นต้องชอบกันทั้งนั้น” ตีต้าร์ยักคิ้วให้ฉัน ฉันเชื่อว่าผู้หญิงหลายๆคนที่เห็นเขาในตอนนี้คงแทบจะละลายเลยล่ะ แต่ฉันคนหนึ่งล่ะที่ไม่ละลาย

                    “ไม่หมด! เว้นฉันแหละคนหนึ่ง”

                    “ไม่แน่นะ เธอเองก็อาจชอบฉันก็ได้แต่เธอทำเป็นปากแข็ง สนใจเป็นกิ๊กฉันอีกคนไหมล่ะ ฉันให้สิทธิพิเศษ ให้เธอเป็นกิ๊กฉันได้ รู้ไหมกิ๊กฉันแต่ละคนระดับสวยๆหุ่นดีๆกันทั้งนั้นเลยนะ ฉันไม่เคยลดตัวคบระดับอย่างเธอมาก่อน สนใจไหมล่ะนี้ฉันให้เกียรติเธอมากแล้วนะ” ตีต้าร์พูดเสียงนิ่ง แต่มันขัดกับหูฉันมากอย่างแรงประโยชน์ที่เขาพูด เขาพูดมันออกมาได้ยังไง

                    เพลียะ!!!

                    เสียงฝ่ามือฉันโดนหน้าเขา

                    “ฉันเคยพูดเหรอว่าฉันชอบนาย แล้วนายคิดเหรอว่านี้มันคือการให้เกียรติฉัน มันคือการหยามฉันชัดๆต่างหาก!! นายบอกสำหรับฉันนายเองต้องลดระดับตัวเองเพื่อที่จะมาสุงสิงกับฉันใช่ไหม!! นายมองจิตใจคุณค่าของผู้หญิงแค่รูปร่างหน้าตาเหรอ ทำไมจิตใจนายมันถึงสกปรกปานนี้!! ถ้านายต้องลดระดับมาสุงสิงกับฉันงั้นก็แสดงว่าที่ผ่านมานายก็ลำบากใจสินะ!! ที่ต้องลดระดับมาสุงสิงกับฉัน แต่ฉันจะไม่อยู่ให้นายลำบากใจอยู่แล้วล่ะ!! ที่ผ่านมาที่นายไล่ฉันบ่อยมันคงจะเป็นเพราะสาเหตุนี้ด้วยใช่ไหม!! ฉันน่าจะคิดได้ตั้งแต่ตอนนั้น เชิญอยู่คนเดียวไปเถอะจะเอากิ๊กมาชุกไว้ที่ห้องกี่คนก็ช่างนาย!! แต่หนึ่งในนั้นไม่ใช่ฉันแน่นอน ฉันจะไม่เป็นกิ๊กของนายแน่นอน!! ฉันเกลียดนาย!!!” ฉันตะโกนใสหน้าเขาอย่างเหลืออด

                    “เธอเป็นใครมีสิทธิ์มาตบฉัน มีสิทธิ์มาด่าฉันฉอดๆอย่างนี้ จะไปไหนก็ไปเลย ไป!!!

                    “ฉันไปแน่!!! นายมันเลว!!! ฉันไม่น่ามาเจอคนอย่างนายเลย!!! TOT” ฉันพูดแค่นั้นก็วิ่งออกจากห้องเขาไป

    ตอนพูดกับนายนั่นทำไมฉันถึงต้องน้ำตาไหลด้วยนะ หมอนั่นก็รู้พอดีว่าฉันเสียใจ มันเท่ากับเป็นการบอกว่าเขาชนะฉัน ตอนนี้ฉันทั้งวิ่งทั้งปาดน้ำตา อยากออกจากโรงแรมนี้ให้เร็วที่สุด พอวิ่งออกมาพ้นจากโรงแรมนั้นแล้วฉันก็เดินอยู่ถนนฟุตบาท เดินไปอย่างไม่มีจุดมุ่งหมาย ฉันสมองเสื่อมฉันจะไปหาที่พึ่งจากใครได้ล่ะ ฉันเดินเท่าเปล่าไปร้องไห้ไปเสียงรถก็วิ่งตามสายถนนไปมา เหมือนว่ากำลังด่า สมเพชฉันอย่างไงอย่างนั้น

    สองชั่วโมงมาแล้วฉันก็ยังเดินไปหยุด เพราะไม่รู้จะไปที่ไหนน้ำตาก็ยังไหลออกมาเหมือนเดิม เพราะตอนนี้ฉันสมเพชตัวเองเหลือเกิน T_T

    จ๊อกๆ

    เสียงท้องฉันร้องขึ้นมา ตอนนี้ฉันกำลังหิวโหยมากเลย เดินผ่านร้านขายอาหารก็ไม่มีเงินซื้อ เลยไม่กล้าเข้าไป หิวก็หิว ฉันจะทำยังไงดีถึงจะได้กินข้าว

    T^T<

    ฉันต้องไปสมัครงานสิ ใช่แล้ว แลกกับอาหาร ฉันเคยเห็นในทีวีตอนนางเอกหนีออกจากบ้าน T_T

     

    “ป้าคะรับสมัครพนักงานไหมคะ” ฉันถาม

    “ไม่หรอกร้านป้าเต็มแล้ว”

     

    “ลุงคะรับสมัครพนักงานไหมคะ”

    “คนเต็มขนาดนี้แล้วฉันไม่จ้างหรอก”

     

    “ป้าคะรับสมัครพนักงานไหมคะ”

    “ไม่รับ ไปๆ อย่าเกะกะหน้าร้าน นังแจ๋ว! เอาอาหารไปเสริฟ์เร็ว”

     

    “ป้าคะรับสมัครพนักงานไหมคะ”

    “ฉันไม่รับคนพเนจรอย่างเธอหรอก ใส่หัวไป๊ ยี้หน้ารังเกียจ”

     

    “ลุงคะรับสมัครพนักงานไหมคะ”

    “อั๊วะม่ายรั๊บ โคนม่ายหลีหั๊วนอนหลายเท้า(ฉันไม่รับ คนไม่มีหัวนอนปลายเท้า)”

    กี่ร้านๆ ก็ไม่มีสักร้านที่จะรับฉันไปเป็นลูกจ้างเลย ทำไมคนสมัยนี้แล้งน้ำใจกันนักนะ

    โครม!

    เสียงฉันเดินชนถังขยะ ตอนนี้ฉันเองกำลังจะเป็นลม มันเวียนหัวไปหมด รู้สึกเหมือนว่าโลกกำลังจะหมุน ฉันจะมาเป็นลมตรงนี้ไม่ได้นะ เดี๋ยวขี้กาว ขี้ยาผ่านมาเห็นทำไง...

     

    ตีต้าร์ก้นไม่ติดพื้น เดินไปเดินมาอย่างนั้นอยู่เป็นหลายชั่วโมงเห็นจะได้ ทีแรกเขาก็โกรธเธอที่เธอมาตบหน้าเขา มาด่าเขา ไม่มีใครกล้าทำอย่างนี้กับเขามาก่อน เพราะเขาถูกเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี โดนเอาอกเอาใจจนเคยตัว ตอนนั้นเค้ายอมรับว่าเกลียดเธอ จึงไล่เธอไป แต่ห้านาทีให้หลัง เธอเองก็ไม่เปิดประตูเข้ามาสักที ในใจเขาแอบภาวนาให้เธอยังไม่ไปไหนไกล และกลับมาที่ห้อง เขาเฝ้ายืนรออยู่ที่หน้าประตูเพื่อหวังว่าจะมีคนเปิดมันเข้ามาหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไร้วี่แวว เขาไม่น่าไปพูดอย่างนั้นกับเธอ เขาไม่น่าไล่เธอไป ตอนนั้นอารมณ์โกรธมันครอบงำ เขาลืมไปซะสนิทเลยว่าเธอความจำเสื่อมไม่มีที่จะไป

    “โธ่เว้ย!!! ทำไมแกพูดไม่คิดวะ” เขากำหมัดชกกำแพง

    “ทำไมชอบใช้ความอารมณ์วะ!!!” ตามด้วยหมัดที่สอง

    “ทำไมแกพูดอย่างนั้นกับเธอวะ!!!” หมัดที่สาม

    “แกมันเลว ตีต้าร์แกมันเลว!!!” หมัดที่สี่ หมัดที่ห้า หมัดที่หก ที่เจ็ด ที่แปด...

    “ไม่ไหวแล้วโว้ย!!!” ตีต้าร์หยุดต่อยกำแพง ที่หลังมือของเขาแดงไปด้วยเลือดนิดหน่อย เขาเข้าไปในห้องนอนตรงไปยังลิ้นชักและดึงลิ้นชักออกหยิบกุญแจรถขึ้นมา

     

    “เธออย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ” ตีต้าร์ขับรถช้าๆมองซ้าย มองขวาไปมาอย่างกังวลใจ

    “เธอเดินไปอยู่ไหนกันนะ ปานนี้เธอไม่เจ็บเท้าไปหมดแล้วเหรอ” เขาบ่นพึมพำเพราะตอนเขากำลังออกจากห้อง เขาเห็นรองเท้าของเธอถอดอยู่ นั้นแสดงว่าเธอไม่ได้ใส่มัน ตีต้าร์ขับรถอยู่อย่างนั้นหนึ่งชั่วโมงเห็นจะได้เขาก็ยังไม่เห็นวี่แววของเธอ ตีต้าร์ยิ่งรู้สึกโกรธตัวเองเต็มที่ ความคิดต่างๆถาโถมเข้าในหัวสมองของเขา เธอจะหิวข้าวแค่ไหนกันเงินก็ไม่ได้เอาติดตัวมาด้วย เธอจะโดนรถเชี่ยวชนไหม เธอคงไม่โดนพวกแก๊งค้าผู้หญิงจับตัวไป เธอคงไม่เป็นลม เธอคงไม่โดนพวกขี้เมาลวนลาม ยิ่งคิดยิ่งก็ยิ่งกลุ้มนักไปอีก “โอ๊ย!!! อยากจะบ้าตายโว้ย!!! แกไล่ผู้หญิงบอบบางๆอย่างนั้นได้ยังไงวะ!!!

     

    “เอ้ยๆ ด้งมึงดูนั้นดิวะ ว่ามันใช่ผู้หญิงหรือเปล่า” ฉันได้ยินเสียงผู้ชายดังมาแว่วๆ

    “ไม่รู้ว่ะไม่แน่ใจ เดินเข้าไปดูใกล้ๆอีกหน่อยวะ” ฉันฟังจากน้ำเสียงแล้วรู้สึกว่ามันเป็นหื่นๆยังไงก็ไม่รู้ ไม่นะ อย่าให้เป็นเหมือนที่คิดนะ เสียงฝีเท้าหนักๆ ใกล้ฉันเข้ามาทุกทีๆ TOT

    “เอ้ยผู้หญิงจริงๆด้วยวะ แม่งมึงตาถึง” รู้สึกว่าน้ำเสียงจะหื่นมากกว่าเดิม ฉันขนลุกขนชูยังไงก็ไม่รู้ TOT

    “ฮะ ฮะ ฮะ คืนนี้ได้กินของฟรีแล้ววะ @_@” ยี้...

    ฉันได้ยินแค่นั้นก็ไม่หันหลังไปดูหน้าพวกมันให้เสียเวลาหรอก ฉันรีบลุกที่จะวิ่งหนีทันที ทำไมฉันต้องจะมาเป็นลมในที่เปลี่ยวๆแบบนี้ด้วย ฉันหนีเอาตัวรอดได้ไหมเนี่ย ยิ่งวิ่งไปโลกมันก็ยิ่งหมุนกว่าเดิม ไม่ไหวแล้ว

    “หยุดนะ จะหนีไปไหนมามีความสุขกับพวกพี่ซะดีๆน้องสาว”

    พึ้บ

    ทุกอย่างมืดไปหมด

     

    ตีต้าร์ขับรถไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมายและจะสิ้นหวังเต็มทน แต่เขาก็พบสิ่งแปลกผิดปกติที่ข้างถนนเปลี่ยวไม่มีคน เขาเลยจอดรถลงไปดู จะใช่เธอไหมนะ พวกผู้ชายพวกนั้นคงไม่ทำอะไรเธอนะ เขาคงไม่มาช้าไปใช่ไหม...

    “เอ้ย!! ทำไรผู้หญิงวะ ฉันคือตำรวจหยุดเดี๋ยวนี้นะ” เขารีบจอดรถและเขาก็ใช้มุกว่าเป็นตำรวจ โดยใช้บัตรประชาชนชูขึ้น อาศัยความมืดทำให้พวกนั้นไม่แน่ใจว่ามันเป็นบัตรอะไร แต่ก็....

    “เอ้ย ซวยแล้วไง เผ่นโว้ย!!” ไอ้พวกนั้นก็โง่ดันเชื่อวิ่งหนีกันกระเจิง เขารีบวิ่งไปดูผู้หญิงที่เชื่อว่าน่าจะเป็นเธอที่ถูกลุ่มข่มขืน แต่โชคดีที่เขามาช่วยทัน เพราะเธอยังอยู่ในสภาพใส่เสื้อผ้าอยู่ เขาเข้าไปประครองเธอด้วยความดีใจ

    “เธอไม่เป็นไรใช่ไหม ฉันเป็นห่วงเธอแทบแย่” เขาคว้าร่างบางๆของเธอมากอดด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้เขารู้สึกโล่งอกขึ้นเยอะ เขาจะไม่ทำอย่างนี้กับเธออีก เขาจะขอโทษเธอในสิ่งที่เขาพูดไม่ดี ตอนนี้เขาสำนึกผิดแล้ว

    “คุณเป็นห่วงฉันเหรอคะ” หญิงสาวถามมาด้วยเสียงสั่นเครือคงจะเพราะยังตกใจอยู่

    “ก็ใช่นะสิ ฉันเองก็ต้องขอโทษเธอด้วยนะที่พูด...ไม่ดี”

    “คุณพูดอะไรไม่ดีกับฉันคะ”

    “ก็ฉันพูดจาดูถูกเธอแล้วยังไล่เธอมาอีก”

    “ดูถูก... ไล่... อะไรกันคะ ฉันงงไปหมดแล้ว” เขาคลายเธอจากอ้อมกอดแล้วก็ สำรวจดูหน้าเธอดีๆ อีกครั้ง เพราะความมืดเลยทำให้เขามองไม่ชัด

    “นี่เธอ... ไม่ใช่...”

    “คุณจำคนผิดแล้ว... แต่ก็ขอบคุณนะคะที่มาช่วย” ผู้หญิงที่มีดวงตากลมโตดวงใหญ่เป็นประกายแต่ก็คลอกด้วยน้ำตาเช่นกัน ยิ้มขอบคุณตีต้าร์

    “มะ ไม่เป็นครับ” ตีต้าร์หน้าชาไปชั่วขณะ ความรู้สึกเดิมๆกลับเข้ามาในหัวเขาอีก เขาเป็นมากกว่าเดิมซะอีก ถ้าเธอเจอเรื่องอย่างนี้แล้วไม่มีใครช่วย นั้นมันเท่ากับเขาทำให้เธอเป็นอย่างนี้ เธอจะทรมานมากแค่ไหนกันถ้าเจอเหตุการณ์อย่างนี้ เขารีบบึ้งรถขับตามหาเธออีกรอบ ขอเธออย่าเป็นอะไรเลย

    เขาขับรถมาอีกครั้งก็พบสิ่งปกติอีก เขาจอดรถและคิดอีกว่าจะใช่เธอหรือเปล่า เขาเดินดุ่มๆไปที่ผู้ชายสองคนเหมือนกำลังพยายามที่จะทำอะไรอยู่

    “โอ่ โอ่ ว้าว! ขาวเว้ยๆ” นั่นคือเสียงอุทานจากผู้ชายพวกนั้น มันจะเป็นเรื่องอะไรซะอีกล่ะ ทำไมสังคมไทยสมัยนี้มันเสื่อมกันนัก

    “พวกมึงทำอะไรกันว่ะ” เขา

    “เรื่องเขากูมึงอย่าเสือก”

    “อย่าเสือกเหรอๆ” เขาคว้าคอเสื้อของไอ้ที่พูดขึ้นมาชก ทำให้เพื่อนมันอีกคนต้องหยุดกิจกรรมอย่างว่ามาช่วยเพื่อนมัน

    “มึงทำอะไรเพื่อนกูวะ กูมีมีดนะโว้ย มึงตายแน่” มันเอามีดออกมาโชว์ให้เห็นว่ามันมีมีดจริงๆ ตอนนี้เขาคงเป็นฝ่ายเพรี่ยงพร้ำพวกนั้น เขาเอามือล้วงไปที่ข้างหลัง...

    “แน่จริงมึงแทงสิ กูก็มีปืน เข้ามาดิๆ อยากไส้แตกก็เข้ามาดิ”

    “ฝะ ฝากไว้ก่อนเถอะมึง เดี๋ยวกูกลับมาเอาคืน” พวกมันพูดไว้แค่นั้นก็วิ่งหนีหางจุกตูด เขารีบกลับไปดูผู้หญิงที่นอนแน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อนเหมือนเธอจะสลบไปเพราะตกใจ เสื้อของเธอถูกฉีกขาดออกอย่างไม่มีชิ้นดีทิ้งวางไว้ข้างๆตัวเธอ เหลือก็แต่ชุดชั้นในเพียงตัวเดียว กับกางเกงที่กำลังจะถูกถอดแต่ยังเหลือติดเอวไว้อยู่

    “คุณ คุณครับเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เขาเรียกผู้หญิงคนที่นอนหลับอยู่ แต่เหมือนเธอจะไม่ได้สติ เขาพลางคิดว่าจะเอายังไงกับเธอดี ถ้าเธอไม่ฟื้นก็คงจะพาเธอไปที่ห้องของเขาล่ะมั้ง แต่เขาเองก็ยังตามหาเธอคนนั้นไม่เจอเลย ไม่ได้ๆ เขาต้องพาเธอไปที่สถานีตำรวจให้ตำรวจจัดการเรื่องนี้ เขาคิดได้ดังนั้นก็ใส่กางเกงของเธอให้เข้าที่เข้าทางด้วยความชำนาญ และถอดเสื้อแจ็คเก็ตของเขามาสวมไว้ที่ตัวของเธอ ตีต้าร์อุ้มร่างของเธอไปที่รถของเขา พอขึ้นไปที่รถเขาก็สตาร์ทเครื่องยนต์ แถวนั้นมันมืดค่อยมีดวงไฟส่องเข้ามา เขาจึงอาศัยไฟในรถเพื่อดูหน้าของผู้หญิงที่เกือบจะโชคร้ายให้ชัด






     

     

    โปรดติดตามตอนต่อไป







     












     




     

     [ตัวอย่างตอนต่อไป]

     “แฟนนายใช่คนที่ชื่อว่าใบปิ่นไหม แล้วใช่คนเดียวกันกับที่หน้าใช้เป็นภาพบนหน้าจอโทรศัพท์ไหม” ฉันแอบหวั่นใจกับคำตอบที่ได้เขากำลังจะพูดมา

    “เธอนี้ความจำดี แล้วยังช่างสังเกตอีกนะ คิดวิเคราะห์ก็เก่ง อืมใช่คนนั้นแหละ น่ารักมั๊ยล่ะ”

    “เธอเงียบไปทำไมกัน หรือว่าเธอกำลังอกหักเธอหลงรักฉันจริงๆนี้หว่า”

    “เธอเมื่อกี้ฉันแค่ล้อเล่นนะ เธอคิดอะไรมากเปล่าเนี่ย”

    “เปล่าฉันไม่ได้เป็นอะไรหรอก มุกนายมันเสี่ยวแล้วนะ ที่บอกว่าฉันรักนายน่ะ มันเสี่ยวสิ้นดีเลยเลิกเล่นเถอะนะมุกนี้ -_-

     

    ฉันนอนอยู่ที่เตียงกำลังจะหลับ ตีต้าร์เดินเข้ามานอนหลังจากเพิ่งอาบน้ำเสร็จ(ฉันอาบน้ำก่อนเขา) แต่ยังไม่ทันที่เขาจะโน้มหัวลงนอน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน เขาเดินออกไปเลี่ยงพูดโทรศัพท์ที่หน้าระเบียง ฉันเหลียวตามองตามเขาตามไปติดๆโดยที่ไม่รู้ตัว แล้วก็หันหน้าหนีพยายามข่มตาหลับอย่างอึดอัดใจ ฉันต้องไม่มอง ไม่มองเขา

     

    พรื้บบบบ

    แวบ!

    เงาคนวิ่งผ่านไปอีก ฉันต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะใจแข็ง และปิดบานกระจกให้สนิท แต่

    แวบ!

    เงานั้นมาปรากฏอีก ครั้งนี้เล่นยืนนิ่งๆอยู่ที่เดิม ให้ฉันได้มีบุญตาเห็นนานๆ เป็นเงาเหมือนผู้หญิงผมยาว เพราะลมข้างนอกพัดแรงทำให้ผมยาวๆของเธอปลิวไปมาตามสายลม

     


     

     
    อ่านจบแล้วก็อย่าลืมแอดแฟนรื่องนี้ด้วยนะคะ

    ^3^

     

     

    add fanๆ คลิ๊ก


     

    ขอบคุณภาพพื้นหลังสวยๆจาก B ♔ W >O<
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×