คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : >> SECRETLY LOVE
3
หลังจากวันนั้น พวกผมก็ยังคงไปทำงานที่บ้านของไอ้หน้าหล่ออยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ ด้วยเหตุผลสั้นๆเลยครับ บ้านมันกว้างดี งานของพวกเราคืบหน้าไปได้กว่าครึ่งแล้วครับ ทั้งส่วนของรายงานและโมเดล เราตกลงกันว่าจะทำชั้นวางของแบบแขวนได้ แน่นอนว่ามีการเพิ่มลูกเล่นและออกแบบให้ดูน่าสนใจมากขึ้น
การทำงานกลุ่มครั้งนี้ทำให้ผมเริ่มสนิทกับแจ็คสันและเจบีมากขึ้น เอ่อ.. รวมไปถึงไอ้หน้าหล่อด้วยนั่นแหละ แต่!! ไม่ได้สนิทอะไรขนาดนั้น!! ก็แค่เริ่มคุยด้วยดีๆเท่านั้นแหละ และเพราะการทำงานกลุ่มด้วยกันมาร่วมเดือน ทำให้ผมรู้ว่าไอ้หน้าหล่อนะ มันเป็นคนที่เรียนเก่งมากครับ นิสัยก็ดีนะ ถ้าไม่นับเวลามันกวนตีน
ไม่ได้จะชมหรอกนะ แต่แม่งเรียนเก่งจริงๆนี่หว่า เวลาสอบก็มันเนี่ยแหละครับที่ได้ท็อปของห้องมาตลอดไม่ว่าจะเป็นวิชาไหนก็ตาม ส่วนผมเหรอ.. เหอะๆ อย่าไปพูดถึงมันเลยครับ ยังไม่หมด มีอีกข้อที่รู้มา คือข้อนี้น่าหงุดหงิดมากนะ หมั่นไส้ด้วย
มันฮอตมากเลยครับ //เบ้ปากรัวๆ
ทำไมมมม ไม่เข้าใจเลยจริงๆนะ มันมีอะไรดีกว่ากันต์พิมุกคนนี้เหรอครับ ผมว่าผมหล่อกว่ามันตั้งเยอะ มีแก้มด้วยนะ!! ไม่ได้ดูผอมแห้งเหมือนมันด้วย แล้วดูสิครับ ดูสิ่งที่ผู้หญิงในโรงเรียนทำกับผม.. พวกนางชอบบอกว่าผมน่ารักครับ น่ารักมากก บางคนบอกผมว่าสวยงี้ เฮ้ยย คือมันไม่ใช่ หล่อดิหล่อ!! เท่ดิเท่!!
อะไรนะ? ใครอิจฉา?
ไหน? ใคร? ไม่มี๊!!
“เอ่อ.. พี่มาร์คคะ.. คือ.. น้ำค่ะ!!” นี่ไงครับ มาแล้ว หนึ่งในเอฟซีมาร์คต้วนอะไรสักอย่าง เป็นแบบนี้เกือบทุกวันที่มีเรียนพละครับ หน้าไม่เคยซ้ำกันสักคน แต่ละคนพอให้เสร็จปุ๊บก็รีบวิ่งออกไปจากสนามกันเลยครับ เป็นอะไรกันเหรอ? ปวดท้องกะทันหันงี้ เหอะ!!
แล้วนั่นอะไร? ยิ้มเพื่อใครมึง คิดว่าหล่อมากสินะ แล้วไอ้พวกที่อยู่ข้างสนามจะกรี๊ดเพื่อ? ถ้าจะกรี๊ดขนาดนี้แนะนำให้ไปคอนฯ ไปหาอปป้าของพวกเธอนู่น!!
“ชิ..” ได้แต่จิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์พลางจับคอเสื้อพละกระพือเพื่อคลายความร้อน
นึกภาพตามนะ เพิ่งวิ่ง20รอบสนามท่ามกลางแสงแดดอันอบอุ่นของพระอาทิตย์ในย่ามบ่าย ที่ส่องลงมาอย่างเต็มที่ราวกับจะให้กำลังใจกัน..
อบอุ่นพ่องงงงงงงงงงงงงง!!!!
ไอ้เห้!! ร้อนจะตายห่าอยู่ล่ะ! มึงคิดว่ามึงเป็นเครื่องทำความเย็นเหรอพระอาทิตย์?
แล้วนี่อะไร พยากรณ์อากาศเมื่อเช้าบอกวันนี้ฟ้าแจ่มใส มีเมฆประปราย..
ไหนเมิงงงงงง ไหนเมฆ!!! กูไม่เห็นสักก้อน!!!
ไอ้นักข่าว!! เมิงหลอกกรูวววววววววววว!!
“ร้อนชิบ..” ยองแจพูดไปเช็ดเหงื่อไป
“หิวน้ำสัด” ยูคยอมที่เดินมาสมทบกันพูดขึ้น มันทิ้งตัวลงนั่งตรงสแตน ก่อนจะรื้อกระเป๋าตัวเองเพื่อหาน้ำมาดื่มดับกระหาย
“กูกินด้วยดิ” ผมหย่อนตัวลงนั่งข้างมัน ก่อนแบบมือไปข้างหน้า ไอ้ยูคมันเหล่มองผมนิดนึง พยักหน้าสองสามทีก่อนหยุดกระตกน้ำแล้วส่งมันให้ยองแจแทน
เดี๋ยวมึง..
“ไอ้เชี่ยยูค!!” ผมตะโกน อีเพื่อนเลวววว กูขอก่อนชัดๆ
“มึงจะตะโกนทำไมไอ้แบม ก็ไอ้แจมันขอกูก่อน มึงก็รอดิ”
“ขอตอนไหน มึงอย่ามั่ว” พูดพร้อมชี้หน้ามัน
“กูขอในใจ” ยองแจพูดหลังจากดื่มเสร็จ พวกมันสองคนหันไปหัวเราะคิกคักกันอย่างสนุกสนาน เอออ พวกมึงสนุกกันอีกไม่นานหรอก เดี๋ยวกูจะด่าให้กลับบ้านไม่ถูกเลย เดี๋ยวก่อน..
“ไอ้..”
“อ่ะ!! น้ำ!!” จู่ๆมีมือของใครก็ไม่รู้ยื่นขวดน้ำเย็นๆมาตรงหน้า ดูแล้วเหมือนเพิ่งซื้อมาใหม่ๆเลยแหะ ผมหันหน้าไปมองเจ้าของขวดน้ำ นึกว่าใคร..
“ขอบใจ” ว่าจบผมเปิดฝาขวดออกก่อนกระดกน้ำขึ้นดื่มอย่างกระหาย ให้ตาย ได้ดื่มน้ำเย็นๆแบบนี้มันดีชะมัด
“น้ำเนี่ย.. แฟนคลับเอามาให้ล่ะสิ” ผมถามไอ้หน้าหล่อที่ตอนนี้ยังยืนอยู่ข้างๆผม มันยักไหล่เล็กน้อย
“ก็นะ” ก่อนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ พร้อมยักคิ้ว หล่อมากดิ? หมั่นไส้ครับ
“หมั่นไส้วะ” ผมเบ้ปากใส่มันหนึ่งที ก่อนจะเดินเลี่ยงไปหยิบกระเป๋าของตัวเองที่วางอยู่ข้างๆกับของยูคยอม วิชานี้เป็นวิชาสุดท้ายของวันนี้แล้วครับ เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็กลับบ้านได้ล่ะเว้ยยยยย
“มึงกลับบ้านเลยป่ะวะแบม” ยองแจถาม ระหว่างรอยูคยอมเก็บของ ผมขมวดคิ้ว
“มั้ง.. ไม่รู้วะแล้วพวกมึงสองคนอ่ะ”
“ว่าจะกลับเลยอ่ะ อยากนอน” ยองแจพูดพร้อมหาว แน่ล่ะ จะไม่ง่วงได้ไงละ เมื่อวานแม่งนั่งเล่นเกมยันตีสองตีสาม อย่าถามว่าทำไมถึงรู้ ผมไม่ได้เล่นกับมันหรอกครับ ไอ้ยูคโน้น เมื่อเช้ามันยังมานั่งเม้ากันเรื่องเกมต่ออยู่เลย
“กูกลับเลยวะ” ยูคยอมตอบขณะรูดซิบกระเป๋าไปด้วย ผมพยักหน้าสองสามที กลับบ้านด้วยดีไหมวะ แต่กลับไปตอนนี้ก็ไม่มีอะไรให้ทำ เอาไงดี
“ถ้าไม่รู้จะไปไหน.. ไปกับเราป่ะ” นี่มึงยังไม่ไปไหนอีกเหรอ มาร์ค ต้วน
“ไปกับแก? ไปไหนวะ” ผมถาม
“ไปสยามอ่ะ ว่าจะไปซื้อของหน่อย ไปป่ะ” สยามเหรอ.. ดีเลยย ไปช็อปสักหน่อยดีกว่า ผมพยักหน้าตอบตลก
“งั้นเดี๋ยวเจอกันหน้าโรงเรียนนะ” มันพูดพร้อมส่งยิ้มมาให้ ก่อนจะเดินกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนมัน
“ไอ้แจ.. มึงดูดิ เดี๋ยวนี้มันไปไหนมาไหนด้วยกันแล้ววะ”
“นั่นดิมึง ตอนแรกมันยังไม่ชอบหน้าไอ้มาร์คอยู่เลย”
เดี๋ยวนะพวกมึง..
“อะไร? มึงซุบซิบอะไรกัน? อย่าคิดว่ากูไม่ได้ยินนะ” ผมหันไปชี้หน้ามันสองคน
“ทำไม กูพูดเรื่องจริงนี่หว่า” ยูคยอมไหวไหล่
“เรื่องจริงอะไรของมึง”
“เอ้า! ก็ช่วงนี้ ตั้งแต่เริ่มทำงานกลุ่มกับไอ้มาร์ค กูเห็นพวกมึงสองคนเริ่มคุยกันมากขึ้นนะ” ยูคยอมพูดพลางชี้นิ้วมาทางผม
“ก็.. มันต้องคุยกันเรื่องงานนี่หว่า”
“แค่เรื่องงานจริงดิ” ยองแจถามพร้อมส่งสายตากรุ้มกริ่มมาให้
“เออ!! แล้วอย่ามามองกูด้วยสายตาแบบนั้น เพราะมันไม่มีอะไร” ผมถลึงตาใส่ยองแจ ก่อนรีบเดินออกมาจากบริเวณนั้น ไม่ได้กลัวว่าจะถูกซักไซ้อะไรเพิ่มหรอกนะ รำคาญต่างหาก เพราะรู้ดีว่าถ้ายังเถียงกับมันสองคนอยู่ก็ไม่มีวันจบ อีกอย่างถึงมันจะถามอะไรเพิ่ม ผมก็ไม่มีคำตอบให้มันอยู่ดี
ก็มันไม่มีอะไรจริงๆนี่
ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่บนรถของมาร์ค ต้วน ครับ รถติดมากกกกกกกก นี่ก็ไม่รู้จะติดอะไรนักหนา ปกติตอนบ่ายๆมันติดขนาดนี้ซะที่ไหนล่ะ
“ถ้าง่วง จะหลับไปก่อนก็ได้นะ ถึงแล้วเดี๋ยวปลุก” เจ้าของรถคันงามเอ่ย ก่อนเอื้อมมือไปกดเปิดเพลงจากคลื่นวิทยุคลื่นโปรดคลอเบาๆ
“ไม่อ่ะ” ผมส่ายหน้า เบนสายตาจากถนนตรงหน้าไปมองข้างทางแทน หลังจากนั้นก็ไม่มีการพูดคุยกันระหว่างผมกับเจ้าของรถอีก ต่างคนต่างเงียบ ผมนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
“เออนี่.. ที่ว่าจะมาซื้อของนะ ซื้ออะไรเหรอ” ผมถามขึ้นทำลายความเงียบ เหหลือบสายตาไปมองคนข้างๆเล็กน้อย เห็นว่าเจ้าตัวเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ จริงๆก็ไม่ได้อยากรู้หรอก ก็แค่คิดว่าแค่ซื้อของมันต้องมาถึงสยามเลยเหรอวะ แบบซื้อห้างแถวบ้านก็ได้ไหม เดอะมอลล์งี้ เซนทรัลงี้
นี่ไม่ได้อยากรู้จริงๆนะ
“ถ้าไม่อยากบอก ไม่ต้องบอกก็ได้นะ” ผมพูดอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงนั่งเงียบ
“เปล่าๆ เรามาซื้อของขวัญวันเกิดนะ” เสียงทุ้มตอบกลับพร้อมรอยยิ้มบาง หือ? ของขวัญเหรอ
“ซื้อให้ใครอ่ะ อุ๊บ!!” รีบเอามือตะครุบปากทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่สบควรถามอีกคน เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว ถึงจะบอกว่าเริ่มสนิทกันแล้วก็เถอะ แต่ก็ไม่ได้สนิทกันมากขนาดที่จะถามเรื่องนี้ได้ล่ะมั้ง ผมคิดแบบนี้นะ
ไอ้แบมเอ๊ยยยย
“คือ..”
“ซื้อให้เพื่อนนะ ยังไงช่วยเราเลือกได้ม่ะ เลือกไม่คอยเก่งอ่ะ” ห๊ะ! ให้ผมเนี่ยนะช่วยเลือก
“เรื่องดิ ของขวัญวันเกิดอ่ะ มันต้องเลือกเองดิ”
“น่า... ช่วยเลือกหน่อย” แม่งตื้อจริงวุ้ย
“ไม่”
“ไม่จริงอ่ะ” ก็เออสิวะ
“เออ”
“กะว่าจะพาไปกินไอติมสักหน่อย..” โอ้โห.. นี่คิดว่าเอาของกินมาล่อแล้วพี่แบมจะหลงกลเหรอครับ ไม่มีทางเว้ย!! ไม่ใช่คนเห็นแก่กินขนาดนั้น!!
“....”
“ร้านนั้นมีเค้กช็อคโกแลตอร่อยด้วยแหะ..”
“ซื้อให้เพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชายอ่ะ”
นี่ไม่ได้เห็นแก่กินจริงๆนะ ก็แค่เห็นว่าต้องการความช่วยเหลือ แล้วไอ้การเลือกของขวัญเนี่ย บอกเลยงานถนัด ก็แค่เห็นใจกลัวว่าจะหาของขวัญเกิดดีๆไปให้เพื่อนไม่ได้เท่านั้นเอง
ไม่ได้เห็นแค่กินเลย
จริงๆนะ..
“เพื่อนผู้หญิงนะ” ผู้หญิงซะด้วย..
“แล้วเป็นคนแบบไหนล่ะ” อะไรครับ? ทำไมมองผมกันแบบนั้น ก้แค่ถามมาเพื่อนเป็นข้อมูลไว้ช่วยเลือกของขวัญไง
“แบบไหนเหรอ.. อืม..” ผมเหลือบตามองคนข้างตัวเล็กน้อย มาร์ค ต้วน ขมวดคิ้วนิดหน่อยอย่างใช้ความคิด ในขณะที่สายตาก็ยังคงจับจองไปด้านหน้าเช่นเดิม
“เป็นคนห้าวๆนะ หัวแข็งนิดๆ เป็นคนโลกส่วนตัวสูงด้วยนะ.. อืม..” ผมมองหน้าอีกฝ่ายไปด้วยฟังไปด้วย แอบสังเกตเห็นไอ้หน้าหล่อยิ้มบางๆอยู่ตลอดที่พูดถึงเพื่อนผู้หญิงคนนั้น หายากนะเนี่ย ขนาดตอนอยู่กับกลุ่มเพื่อนมันนะ ผมยังไม่เคยเห็นมันยิ้มแบบนี้เลย ยิ้มแบบ.. ไม่รู้สิ บอกไม่ถูกแหะ
“...”
“.. ยิ้มเก่งด้วยละมั้ง นึกไม่ออกแล้ว” เจ้าตัวพูด ก่อนหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าที่จอดรถของห้าง
“แล้ว.. พวกงานอดิเรกหรือ.. ของชอบล่ะ” ผมถามอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ได้มองหน้าหรอกนะ ผมรู้สึกแปลกๆเวลามองหน้ายังไงก็ไม่รู้ โดยเฉพาะเวลายิ้มนะน่ะ
“เล่นดนตรีนะ วาดรูปด้วย ส่วนของชอบ.. เค้กล่ะมั้ง” ผมพยักหน้ารับรู้ ในขณะที่คนข้างๆกำลังถอยรถเข้าที่จอดรถอย่างชำนาญ เมื่อจอดได้ตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว มาร์คปลดเข็มขัดนิรภัยออกก่อนเอี้ยวตัวไปหยิบของที่อยู่เบาะหลัง ส่วนผมที่ปลดเข็มขัดนิรภัยเสร็จแล้วก็นั่งรออยู่เฉยๆ
จากที่ฟังมา.. ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนสนิทกันมากเลยแหะ
“ป่ะ!! ไปหาอะไรกินกันก่อนไหม” ผมกระพริบตาปริบๆสองสามที ก่อนพยักหน้ารับเพราะรู้สึกว่าท้องเริ่มส่งเสียงร้องประท้วงออกมา
หลังจากที่กินข้าวเสร็จ เราสองคนกำลังเดินดูของอยู่ที่โซนขายพวกตุ๊กตา สมุดโน้ตน่ารักๆ และอื่นๆอีกมากมาย พูดง่ายๆก็คือแหล่งรวมของขวัญดีๆนี่เอง ผมเดินหยิบตุ๊กตาตัวนั้น ตัวนี้ขึ้นมาดู อย่างสนอกสนใจ ยอมรับอย่างเต็มปากเต็มคำเลย ว่าบางตัวอยากได้เอง อย่ามองกันด้วยสายตาแบบนั้น ถึงจะเป็นผู้ชายก็ใช่ว่าจะซื้อของพวกนี้ไม่ได้นี่ จริงไหม?
แต่ตอนนี้คงต้องหยุดความอยากได้ของตัวเองไว้ชั่วคราวล่ะนะ
“ตัวนี้เป็นไง” ผมหยิบตุ๊กตาหมาน้อยน่ารักขึ้นมาหนึ่งตัว ก่อนหันไปยื่นมันให้คนที่ขอร้องให้มาช่วยเลือกของดู มาร์คหันมามองก่อนส่ายหน้า
“ไม่เอาอ่ะ มันมีแล้ว” พูดจบก็เดินเลี่ยงไปโซนสมุดโน้ตทันที อะไรวะ นี่บอกเลยหยิบตัวไหนๆขึ้นมาให้มันดู มันก็บอกว่ามีแล้วบ้างล่ะ ตัวนี้เพื่อนไม่ชอบบ้างล่ะ ไม่น่ารักบ้างล่ะ คือถ้าจะเรื่องมากขนาดนี้มึงเลือกเองเถอะ
“ชิ..” ผมวางตุ๊กตาตัวนั้นไว้ที่เดิม ก่อนจะชะงักไปเล็กน้อยเมื่อหางตาเหลือบไปเห็นชั้นวางของชั้นหนึ่งที่เต็มไปด้วยสโนว์บอลมากมายวางอยู่ หือออ น่ารักกกกก
ผมรีบเดินตรงดิ่งไปที่ชั้นสโนว์บอลเหล่านั้นทันที อันนี้ก็น่ารัก อันนั้นก็น่ารัก ฮือออ แบมอยากได้หมดเลยยยยยยย
“หือ?” ระหว่างที่กำลังปลาบปลื้มกับสโนว์บอลทั้งหลายอยู่ สายตาของผมก็ได้สะดุดกับสโนว์บอลอันหนึ่งที่วางอยู่ไม่ไกลจากจุดที่ผมยืนนัก มันเป็นสโนว์บอลขนาดกลาง ข้างในมีชิงช้าสวรรค์สีขาวสะอาดตาอยู่ภายใน ข้างๆกันมีโคมไฟประดับอยู่สองข้าง พอลองเข้าไปดูใกล้ๆก็จะเห็นว่าที่โคมไฟแล้วตัวชิงช้ามีหลอดไฟหลอดเล็กๆประดับอยู่
ผมเอื้อมมือไปหยิบสโนว์บอลอันนั้นขึ้นมาก่อนกดเปิดสวิทช์ที่อยู่ข้างใต้ ทันทีที่เปิดก็มีเสียงเพลงเพราะๆดังออกมาพร้อมกับไฟของชิงช้าและโคมไฟที่สว่างขึ้นพร้อมกัน
“ว้าว..” ผมรู้ว่าตอนนี้ตาตัวเองคงประกายระยิบระยับมากอ่ะ มันสวยมากจริงๆนะ ฮือออ
“ทำอะไรอยู่” ผมสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนหันไปทางต้นเสียงแล้วพบว่าไม่ใช่ใครนอกจากคนที่มากับตัวเอง
“เอ่อ..” จะบอกว่าอะไรดีวะ
“อยากได้เหรอ” ผมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มองหน้าคนที่สูงกว่าที่กำลังพยักพเยิดมาที่สโนว์บอลที่อยู่ในมือ
“ก็.. กำลังคิดอยู่” ผมพูด ก่อนสังเกตเห็นว่าในมือของอีกคนกำลังถือสมุดสเก็ตเล่มหนึ่งอยู่
“ได้ของแล้วเหรอ”
“ห๊ะ! อ๋อ อืม ว่าจะซื้ออันนี้ให้นะ.. คิดว่าดีไหม” พูดพร้อมชูสมุดสเก็ตในมือให้ผมดู ผมพยักหน้าให้
“ก็ดี” ถ้าเลือกเองได้แล้วมาขอให้ช่วยทำไมวะ
“งั้นไปจ่ายตังกัน” ว่าจบอีกฝ่ายก็เอื้อมมือมาหยิบสโนว์บอลในมือผมไป ก่อนหันหลังเดินไปที่แคชเชียร์
“เฮ้ย! จะทำไรอ่ะ” ผมวิ่งตามไปดักหน้ามัน มันยิ้มให้ผม
“ก็จ่ายตังไง” กูรู้แล้วว่ามึงจะจ่ายตัง แต่ที่สงสัยคือมึงจะหยิบสโนว์บอลมาด้วยเพื่อ?
“รู้แล้วเว้ย เรื่องนั้น แต่เอาสโนว์บอลมาด้วยทำไม” พูดพร้อมชี้นิ้วไปที่วัตถุทรงกลมในมืออีกฝ่าย
“ก็เอาไปจ่ายตังไง” กูว่าเราคุยกันไม่รู้เรื่องล่ะ ไอ้สัด
“ใครบอกจะซื้อ”
“ไม่มีอ่ะ อยากซื้อให้” อีกฝ่ายว่าพร้อมรอยยิ้ม ก่อนเดินผ่านผมไปยื่นของให้แคชเชียร์คิดเงินทันที ทิ้งให้ผมยืนอ้าปากพะงาบๆอยู่ที่เดิม โอ๊ยยยย อยากจะด่าแต่ด่าไม่ออก ไอ้หล่อ ไอ้.. ไอ้คิ้วเข้มเป็นปลิง ไอ้เขี้ยว ไอ้ ไอ้ เว้ยยย!!
หลังจากนั้นผมก็ต้องรับสโนว์บอลที่มันซื้อให้อย่างไม่เต็มใจ บอกเลย ไม่เต็มใจจริงๆ คือก็อยากได้นะ แต่กูซื้อเองได้ป่ะวะ พอบอกว่าไม่เอา แม่งจับยัดใส่มือพร้อมบอกว่าถือว่าเป็นของที่ซื้อให้แทนค่าเสียเวลาที่มากับมัน เออดี เอากับมันสิวะ
“จอดตรงนี้แหละ” ผมบอกเมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงบ้านตัวเอง หันไปหยิบของหลังรถพร้อมปลดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย พอรถจอดได้ที่ ผมลงจากรถทันที ก่อนหันมาสำรวจภายในรถอีกครั้งว่าไม่ได้ทำของอะไรตกไว้
“รีบๆกลับบ้านไปได้ล่ะ จะมาส่งทำไมก็รู้” ประโยคที่สองนี่ผมบ่นกับตัวเองครับ ก็มันจริงไหมล่ะ ไม่ได้ขอให้มาส่ง ก็ยังบอกว่าจะมา แล้วเป็นไง? กว่าจะกลับถึงบ้านมันก็ดึกกันพอดี
“ก็เข้าบ้านไปก่อนดิ” ทำไมมึงต้องพูดไปยิ้มไปด้วยวะ แม่ม
“เออๆ” รับคำก่อนปิดประตูรถเสียงดังปัง ไม่ได้มือลื่น กูจงใจ แล้วรีบสาวเท้าเดินเข้าบ้านไปทันที ไหว้คุณแม่ที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์ก่อนเอ่ยขอตัวขึ้นไปบนห้อง
“เฮ้อ.. ง่วงสัด” วางของทุกอย่างไปข้างเตียงด้วยความขี้เกียจ ก่อนทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความล้า อ่า.. เตียงจ๋า พี่แบมคิดถึงจังเลย มาให้หอมสักทีมา~~
ไลน์~~
ผมขมวดคิ้วอย่างขัดใจ อะไรอีกวะ คนกำลังเคลิ้มได้ที่เลยเนี่ย แม่ม ต้องเป็นไอ้ยูคไม่ก็ยองแจแน่ๆ ถ้ามันไลน์มาเรื่องเกมนะพ่อจะด่าให้ คิดพลางล้วงมือหยิบมือถือจากกระเป๋ากางเกง สไลด์เปิดแล้วกดเข้าไอคอนสีเขียว แอฟยอดฮิตทันที
“หือ?” ขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมเมื่อพบว่าคนที่ไลน์มาไม่ใช่ทั้งยูคยอมและยองแจแต่เป็นใครก็ไม่รู้ ดิสที่ตั้งไว้เป็นรูปผู้ชายคนหนึ่งยืนหันหลังมองไปทางพระอาทิตย์ตกดิน แต่พอเหลือบตามามองที่ชื่อเท่านั้นแหละ
M_Tuan
“นึกว่าใคร” พึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนกดเข้าไปดูว่าอีกคนส่งอะไรมา ก่อนคิ้วที่ขมวดกันอยู่จะค่อยๆคลายออกแล้วเผลอยิ้มออกมาโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว
M_Tuan
ฝันดีนะ J
.............
ขอโทษที่มาอัพช้าน้า-/\- พอดีเราไม่สบายอ่ะเพิ่งหาย
เลยชดเชยให้ด้วยการเพิ่มเป็น115% 55555
เป็นยังไงกันบ้างกับตอนนี้
จะมีคนงงมั้ยอ่ะ แบบที่มาร์คกับแบมเริ่มสนิทกัน
ถ้าใครงง อดใจรอสักนิดเพราะเราจะมีพาร์ทพิเศษของมาร์คต้วนด้วย555
รอหน่อยนะ อิอิ
ที่สำคัญอย่าลืมเข้าแท็ก #แอบชอบมบ
ความคิดเห็น