ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] : Bloodmoon #Markbam

    ลำดับตอนที่ #3 : +Bloodmoon+ 2 : การพบเจอกัน.. ของโชคชะตา

    • อัปเดตล่าสุด 4 เม.ย. 58


    -2-

     

     

     

     


      “ได้เรื่องอะไรบ้างมั้ย ฮันบิน” จินยองเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่กำลังวุ่นอยู่กับการตรวจสอบโน้ตบุ๊คให้เขาอยู่ พร้อมแก้วกาแฟสองแก้วในมือ ฮันบินมาถึงบ้านหลังจากเขาโทร.ไปหาได้ไม่นาน ต่างคนต่างก็ยุ่งกับงานของตัวเองจนลืมดูเวลา

      “ยังเลยวะ.. แต่เดี๋ยวก็เจอ” ฮันบินตอบกลับพลางรับแก้วกาแฟที่เพื่อนส่งให้ก่อนว่าลงบนโต๊ะ จินยองพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ก่อนทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เขามองรูปภาพหลายสิบใบที่ตอนนี้ถูกวางเรียงกันอยู่บนโต๊ะอย่างใช้ความคิด

      “เนียร์.. มึงโทร.หาพ่อมึงบ้างยัง” ฮันบินถามขึ้นขณะที่สายตาก็ยังคงจับจ้องไปที่โน้ตบุ๊คเจ้าปัญหาเครื่องเดิม

      “โทร.แล้ว.. แต่ไม่มีใครรับสายเลย” จินยองส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ เขาพยายามติดต่อหาพ่อและแม่อยู่หลายครั้ง แต่ไม่ว่าจะโทร.ไปกี่ครั้งสิ่งที่ได้รับกลับมาก็มีเพียงสัญญาณฝากข้อความ

     

      .. ไม่รู้ว่าตอนนี้พ่อกับแม่จะเป็นยังไง.. เขาได้แต่นึกอย่างเป็นห่วง

     
     

      “อย่าทำหน้าแบบนั้นดิวะ พ่อกับแม่แกไม่เป็นไรหรอก” จินยองเงยหน้าสบตากับเพื่อนสนิทของตนที่เงยหน้ามองเขาอยู่ก่อนแล้ว หมอหนุ่มส่งยิ้มให้เล็กน้อยอย่างขอบคุณ

      บรรยากาศในบ้านถูกปกคลุมด้วยความเงียบ ต่างคนต่างจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ตนทำโดยไม่ปริปากเอ่ยคำพูดใดๆ จินยองทำเพียงมองไปที่เพื่อนสนิทของตนที่ตอนนี้หัวแทบจะฝังลงไปกับโน้ตบุ๊คอยู่แล้วถ้าไม่ติดว่ามีหมวกแก๊บใบโปรดที่เจ้าตัวมักสวมเป็นประจำคอยกันไว้

      “เจอแล้วๆ!!” ฮันบินเอ่ยเสียงดัง สีหน้าตื่นเต้นของเขาทำให้จินยองนึกขำอยู่ในใจ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหาเพื่อนตัวเองที่กวักมือเรียก

      “ตอนแรกฉันก็คิดแค่ว่าการ์ดจอคงเสียแค่อย่างเดียวเพราะโดนยิงตรงนี้..” ฮันบินอธิบายพลางชี้ไปที่รอยกระสุน

      “...”

      “แต่ส่วนอื่นกลับเสียหายตามไปด้วย เหมือนมีคนจงใจทำให้มันเป็นแบบนี้แต่แรกอยู่แล้ว”

      “เป็นไปได้มั้ยว่าพ่อฉันเป็นคนทำ” จินยองเอ่ยถามอย่างสงสัย ฮันบินส่ายหน้า

      “ไม่น่าใช่.. เพราะเท่าที่ดูแล้วเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นนะ คงเป็นพวกคนที่มาค้นบ้านแกทำ” จินยองพยักหน้าอย่างเข้าใจ

      “ข่าวดีคือ.. โชคดีที่ดูเหมือนว่าส่วนของหน่วยความจำไม่ได้รับความเสียหายมากนัก คิดว่าน่าจะกู้ข้อมูลคืนมาได้ไม่ยาก.. แต่อาจต้องใช้เวลาซักหน่อย”

      “นานแค่ไหน” จินยองถาม

      “ยังบอกตอนนี้ไม่ได้ แต่น่าจะนานอยู่” ฮันบินตอบกลับ จินยองถอนหายใจพลางพยักหน้า

     

      .. ช่วยไม่ได้..

     
     

      “ฉันฝากแกจัดการเรื่องนี้ให้หน่อยล่ะกัน อีกอย่างห้ามบอกใครเรื่องนี้เด็ดขาด เข้าใจนะ” จินยองเอ่ยเสียงเรียบพร้อมกำชับอีกฝ่าย เรื่องนี้จะให้ใครรู้ไม่ได้.. อย่างน้อยมันก็ไม่ใช่ตอนนี้  ฮันบินพยักหน้าตอบกลับก่อนลงมือเก็บของเพื่อเตรียมกลับบ้านโดยไม่ลืมที่จะถือโน้ตบุ๊คไปด้วย

      “ฉันไม่บอกใครหรอก สบายใจได้.. พรุ่งนี้แกควรลางานนะ” ฮันบินเอ่ยรับคำหมอหนุ่มเพื่อนสนิท จินยองหัวเราะเล็กน้อยกับประโยคหลังที่อีกฝ่ายพูด คงจริงอย่างที่ฮันบินว่า พรุ่งนี้เขาไม่ควรไปทำงานในสภาพที่ทุกอย่างยังไม่พร้อม

      “รู้แล้วหน่า.. กลับบ้านดีๆล่ะ” จินยองเอ่ยพร้อมโบกมือลา ฮันบินพยักหน้าให้เบาก่อนจะหายออกจากบ้านไป


















     

      เช้าวันถัดมา..

      : โรงพยาบาล JYP :

     

      “วันนี้หมอปาร์คขอลาเหรอครับ” เด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักเอ่ยด้วยน้ำเสียงตกใจระคนแปลกใจเล็กน้อย หลังจากสอบถามกับพยาบาลซึ่งทำงานอยู่กับคุณหมอที่เป็นหัวหน้าของเขา เด็กหนุ่มเอ่ยขอบคุณพยาบาลสาวรุ่นพี่ก่อนตัดสินใจเดินไปหาเพื่อนของตนที่รออยู่ที่โรงอาหาร เขาถอนหายใจเล็กน้อย

      .. เรื่องรายงานคงต้องบอกอาจารย์ว่าส่งช้าหน่อยล่ะนะ..

      ใช้เวลาเพียงไม่นานก็เดินมาถึงโรงอาหารของโรงพยาบาล เด็กหนุ่มหยุดยืนกวาดสายตามองหาเพื่อนร่วมคณะของคน ก่อนใบหน้าน่ารักจะแย้มยิ้มออกมาเมื่อเจอเพื่อนกำลังนั่งในจุดที่ไม่ไกลจากเขานัก

      “อ๊ะ.. แบมฉันซื้อข้าวให้แกแล้วนะ” ทันทีที่แบมแบมเดินมาถึงโต๊ะ เพื่อนร่วมคณะก็เอ่ยทักพลางพยักพเยิดไปทางจานข้าวที่วางอยู่ข้างตัว แบมพยักหน้าตอบกลับพร้อมส่งยิ้มให้

      “ขอบใจนะ ยองแจ” เพื่อนสนิทนาม ยองแจ ส่งยิ้มตอบกลับก่อนจะหันไปสนใจอาหารตรงหน้าของตนต่อ แบมแบมเองก็เช่นกันเขาทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามก่อนเอื้อมมือไปหยิบจานข้าวเพื่อย้ายมันให้มาอยู่ด้านหน้าของตนแล้วลงมือรับประทาน ไม่มีบทสนทนาใดๆเกิดขึ้นระหว่างการรับประทานอาหาร ทั้งสองคนรีบก้มหน้าก้มตาทานในส่วนของตน ถึงแม้ว่าช่วงบ่ายพวกเขาจะไม่ต้องไปเข้าห้องแลปหรือห้องผ่าตัด เพราะว่าคุณหมอที่คอยดูแลทั้งสองคนไม่มา แต่ก็ยังมีงานอีกมากที่ต้องจัดการสะสางให้เรียบร้อย

      “แล้วเอกสารที่ต้องส่งวันนี้จะทำไงอ่ะ” ยองแจเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาขึ้นก่อนหลังจากจัดการอาหารตรงหน้าเสร็จ เขาพูดพร้อมหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดปาก

      “คงต้องโทร.ไปบอกอาจารย์อ่ะ ว่าขอเลื่อน” แบมแบมตอบกลับก่อนหยิบน้ำมาดื่ม ยองแจพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ทั้งสองคนเดินถือจานอาหารไปไว้ในที่จัดเก็บก่อนจะเดินกลับขึ้นไปบนตึกเพื่อทำงาน แบมแบมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนโดยบอกให้ยองแจไปที่ห้องก่อนเลย

      หลังจากทำธุระส่วนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เด็กหนุ่มตัดสินใจเดินไปซื้อกาแฟก่อนขึ้นไปทำงานโดยไม่ลืมที่จะซื้อไปฝากเพื่อนของตนด้วย แบมแบมยิ้มให้กับตัวเองในใจเมื่อตัดสินใจได้ ร่างบางเดินไปตามระเบียงที่เชื่อมต่อกับตึกอีกฝั่งหลังซื้อกาแฟเสร็จ ระหว่างทางที่เดินเขาส่งยิ้มทักทายให้กับเพื่อน พี่และคนไข้ที่เดินสวนกันพร้อมโค้งให้เล็กน้อยตามมารยาท

      “อ๊ะ!! ขอโทษครับ!!” เพราะเด็กหนุ่มมัวแต่ให้ความสนใจกับสิ่งอื่นรอบข้างมากเกินไปจนลืมมองทางเดินทำให้แบมแบมเดินชนเข้ากับชายร่างสูงคนหนึ่งเข้าอย่างจัง เขาเอ่ยขอโทษอย่างตกใจก่อนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเห็นว่ากาแฟที่ตนถืออยู่ไม่ได้หกเลอะใส่เสื้อของอีกฝ่าย

      “....” ชายร่างสูงไม่พูดอะไร เขาทำเพียงมองแบมแบมที่กำลังมองสำรวจเสื้อของเขาอยู่

      “คุณไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ” แบมแบมเอ่ยถามพร้อมเงยหน้าขึ้นมองคนที่ตนเดินชน พลันเมื่อสบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลเข้มเรียบเฉยแฝงความเย็นชาอยู่ลึกๆแต่รู้สึกน่าค้นหาอย่างประหลาดของอีกฝ่าย เขารู้สึกเหมือนอยู่ๆทุกอย่างรอบตัวก็หยุดนิ่งราวกับนาฬิกาตาย แบมแบมสะบัดหัวเพื่อเรียกสติของตนกลับคืนมาก่อนก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย

      “ไม่..” เสียงเรียบตอบกลับมาอย่างไม่ใส่ใจนัก เขาก้มลงมองนักศึกษาหนุ่มที่ก้มลงขอโทษเขาอีกครั้งก่อนเอ่ยขอตัวแล้วรีบวิ่งหายไปทันที

      ร่างสูงมองแผ่นหลังของนักศึกษาหนุ่มไปจนหลับสายตา ดวงตาของเขาไหววูบเล็กน้อยก่อนจะกลับมาเรียบเฉยอย่างรวดเร็ว พลันเมื่อเขาหันกลับมาทางเดินสายตาอันเชียบคมก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งที่ตกอยู่ตรงหน้าของตน ชายหนุ่มก้มลงเก็บมันขึ้นมาเขาพลิกมันดูเล็กน้อย ก่อนริมฝีปากหยักยกยิ้มมุมปากเมื่อรู้ว่าสิ่งที่อยู่ในมือของเขาตอนนี้คืออะไร

     

      นักศึกษาแพทย์

      แบมแบม กันต์พิมุก ภูวกุล

     
     

      ร่างสูงตัดสินเก็บมันลงในกระเป๋าเสื้อของตนก่อนออกเดินอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเพื่อนของตนกำลังกวักมือเรียกอยู่

      “ไอ้มาร์ค!! แกจะยืนเก๊กหล่ออยู่ตรงนั้นทำซากไรวะ!! เดินเร็วๆหน่อยดิ๊!!” ชายหนุ่มอีกคนที่เป็นเพื่อนของร่างสูงตะโกนเรียกมาร์คจากอีกฝั่งหนึ่ง มาร์คเดินไปหาเพื่อนของตนที่มีรูปร่างและความสูงต่างจากตนอยู่มากพอควร

      “นายควรจะห่วงภาพลักษณ์เจ้าของโรงพยาบาลของนายหน่อยนะ.. แจ็คสัน” ประโยคยาวประโยคแรกของวันถูกเอ่ยขึ้น หลังจากที่มาร์คเดินมาหยุดอยู่ข้างแจ็คสัน เพื่อนของตน

      “ภาพลักษณ์ฉันดีอยู่แล้วโว้ย! โอ๊ะ.. หวัดดีครับ” แจ็คสันตอบกลับเพื่อนของตนอย่างหมั่นไส้ก่อนหันไปส่งยิ้มหวานให้พยาบาลสาวกลุ่มนึงที่เดินผ่านมาทางนี้ มาร์คส่ายหน้าเบาๆกับท่าทีของแจ็คสัน เขาเหลือบสายตามองไปรอบๆตัวเล็กน้อยอย่างสำรวจ แต่สิ่งที่เขาเห็นคือสายตาของสาวๆที่มองมาทางพวกเขาอย่างสนใจ ไม่น่าแปลกใจนักในสายตาของมาร์ค เพราะวันนี้ทั้งสองอยู่ในชุดสูทสีดำยิ่งเสริมให้ดูดียิ่งขึ้นไปอีก มาร์คหาได้สนใจกับสายตาเหล่านั้น เขาทำเพียงมองผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

      จริงอยู่ที่เขาไม่ชอบการเป็นจุดเด่น แต่เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยครั้งเข้า มาร์คจึงเลือกที่จะเมินเฉยใส่มากกว่าการมานั่งหงุดหงิดเหมือนเมื่อก่อน ผิดกับแจ็คสันเพื่อนสนิทของเขาที่ชอบการเป็นจุดสนใจเสียเหลือเกิน

      “ไปได้หรือยัง” มาร์คเอ่ยเสียงเรียบ เมื่อเห็นว่าแจ็คสันยังคงพูดคุยกับพยาบาลกลุ่มนั้นอยู่ พวกเธอหันมามองเขาเล็กน้อยก่อนเป็นฝ่ายขอตัวออกไป แจ็คสันหันมายู่ปากใส่ด้วยความไม่พอใจ

      “มึงแม่ง..” ว่าจบเพื่อนสนิทเจ้าของโรงพยาบาลก็สะบัดหน้าเดินนำเขาไปก่อนอย่างไม่คิดจะรอ มาร์คกรอกตาเล็กน้อยอย่างเหนื่อยใจก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายไป

     


     

     

     

       : ห้องพักของนักศึกษา :

     

       “ขอโทษที่มาช้านะ” แบมแบมเอ่ยขึ้นทันทีหลังเปิดประตูเข้าไปในห้องพัก ยองแจเงยหน้าขึ้นมากะว่าจะจิกกัดสักเล็กน้อย แต่แล้วเมื่อเหลือบไปเห็นแก้วกาแฟร้านโปรดของตน เขาก็แทบจะพุ่งตัวเข้าหาแบมทันที

      “แบมอ่า..” ยองแจเอ่ยอย่างขัดใจเล็กน้อยเมื่อเพื่อนสนิทยกแก้วขึ้นสูงสุดแขนจดตัวเองเอื้อมไม่ถึง แบมแบมหัวเราะน้อยๆก่อนยื่นแก้วกาแฟให้ยองแจ เขารับมันไปทันทีก่อนเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะตามเดิม

      “แบม.. อันนี้เราแก้ให้เรียบร้อยแล้วนะ” ยองแจยื่นเอกสารให้แบม เขารับมันมาพร้อมดูดกาแฟไปด้วย

      “ขอบใจนะ.. กองนั้นคือที่ต้องแก้ใช่ป่ะ เดี๋ยวเราทำให้” แบมแบมเอ่ยขึ้นหลังดูดกาแฟจนพอใจ เขาวางมันไว้บนโต๊ะทำงานก่อนหันไปสนใจกองเอกสารอีกกองที่อยู่ตรงหน้า ยองแจละสายตาจากเอกสารในมือเล็กน้อยแล้วพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าใช่

      ทั้งสองนั่งทำงานที่ค้างไว้อยู่หลายชั่วโมง แบมแบมวางเอกสารในมือก่อนบิดขี้เกียจเล็กน้อยเพื่อไล่ความเมื่อยขบที่เกิดจากการนั่งทำงานมานาน เขาเหลือบตามองนาฬิกาเรือนสวยของตัวเองพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย

      .. เย็นขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย.. เขาคิด

      “ยองแจ.. กลับบ้านกันเหอะ เย็นแล้ว” แบมแบมหันไปปลุกเพื่อนสนิทตัวเองที่หลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ยองแจขมวดคิ้วอย่างขัดใจ ก่อนค่อยๆลืมตาขึ้นมามองคนที่รบกวนเวลานอนของตน

      “แบมแบมอ่า กำลังสบายเลย” ยองแจยู่ปากเล็กน้อยก่อนช่วยแบมเก็บของบนโต๊ะ ไม่นานเอกสารบนโต๊ะก็ถูกวางแยกกองอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ทั้งสองคนตรวจดูความเรียบร้อยภายในห้องก่อน เมื่อแน่ใจแล้วว่าตนไม่ได้ลืมอะไรไว้ แบมแบมจึงจัดการล็อคห้องและนำกุญแจไปคืน ยองแจและแบมแบมเดินพูดคุยกันไปตลอดทางเดิน พวกเขาต้องไปแลกบัตรก่อนถึงจะกลับบ้านได้

      เมื่อเดินมาถึงจุดแลกบัตร ยองแจและแบมแบมก้มลงหยิบบัตรที่ตนหนีบไว้บริเวณกระเป๋าเสื้อด้วยความเคยชิน  คิ้วของแบมแบมขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย แต่แล้วเมื่อก้มดูที่กระเป๋าเสื้อของตัวเอง ดวงตาของคนตัวเล็กเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ

     

      .. บัตรหายไปไหน!?..

     

      “ทำไรอยู่แบม.. เดี๋ยวก็ถึงบ้านช้าหรอก” ยองแจหันมาพูดกับแบมหลังจากยื่นบัตรให้พยักงานแล้ว

      “บัตรเราหายไปไหนไม่รู้อ่ะแจ..” แบมแบมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล แน่ละ.. เขาไม่ได้กังวลเพราะกลัวจะกลับบ้านไม่ได้ แต่เป็นเพราะบัตรนั้นเป็นของทางโรงพยาบาลอีกทั้งยังเป็นบัตรที่ใส่ข้อมูลการเข้าออกโรงพยาบาล เข้าทำการศึกษาและห้องผ่าตัดต่างๆไว้ด้วย ซึ่งทุกๆหนึ่งอาทิตย์อาจารย์ที่มหาลัยจะคอยเช็คดูตลอด ถ้ามันหายไปนั้นหมายความว่าเขาต้องเริ่มทำทุกอย่างใหม่ตั้งแต่ต้น..

      ไม่น้า อยากร้องไห้ แบมแบมคิดพลางแบ้ปาก

      “เฮ้ย ไปลืมไว้ที่ไหนหรือเปล่า” ยองแจอุทานอย่างตกใจ แบมแบมส่ายหน้า

      “ไม่อ่ะ เราไม่เคยแกะออกเลยนะ”

      “ทำหล่นหรือเปล่า” ยองแจถามอีกครั้ง แบมแบมครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนนัยน์ตาคู่สวยจะเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนไปทำหล่นไว้ที่ไหน

     
     

      .. ต้องเป็นตอนนั้นแน่ๆ!!..

     
     

      “แจกลับไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวเราไปหาบัตรก่อน” พูดจบ แบมแบมหันหลังวิ่งออกไปทันทีไม่ฟังแม้แต่เสียงเรียกของเพื่อนสนิท ยองแจได้แต่มองตามอย่างเป็นห่วง จะวิ่งตามแบมไปตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว

     

     
     

     

     

      แบมแบมวิ่งมาหยุดยืนตรงระเบียงทางเดินที่ตนเดินผ่านเมื่อตอนกลางวัน เด็กหนุ่มก้มลงมองพื้นหันซ้ายหันขวามองหาสิ่งที่ตนทำตกไว้ เขาเดินวนไปวนมาอยู่ที่ระเบียงหลายรอบ คนที่เดินผ่านมาบ้างก็มองมาด้วยความสงสัย บ้างก็เข้ามาถาม แต่เด็กหนุ่มก็ทำเพียงยิ้มตอบกลับไปหรือไม่ก็บอกว่าไม่มีอะไร

      “ไม่มีได้ไง..” แบมแบมพึมพำกับตัวเองเบาๆอย่างหัวเสีย เขาใช้มือข้างนึงขยี้หัวตัวเองไปมา สายตายังคอยกวาดมองไปบนพื้นเผื่อว่าจะเจอสิ่งที่ตนตามหา เด็กหนุ่มถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อคิดว่ายังไงก็คงหาไม่เจอแล้วแน่ๆ จึงตัดสินใจเดินไปตรงเคาน์เตอร์เพื่อบอกพยาบาลว่าขอทำบัตรใหม่ได้มั้ย

      “ขอโทษนะครับ.. คือบัตรประจำตัวผมหาย” พยาบาลสาวคนนึงหันกลับมาตามเสียงเรียก เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงคอมพิวเตอร์

      “น้องชื่ออะไรคะ”

      “กันต์พิมุกครับ กันต์พิมุก ภูวกุล” แบมแบมบอกชื่อกับพยาบาลสาวไป เธอเงยหน้ามามองเล็กน้อยก่อนเอื้อมมือไปหยิบบัตรที่วางอยู่ด้านข้างคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นแล้วยื่นมาให้เขา

      “ของน้องใช่มั้ยคะ” พยาบาลสาวถาม แบมแบมรับบัตรมาพลางก้มมอง

      “ใช่ครับ ขอบคุณมาก พี่ไปเจอที่ไหนเหรอครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้า ก่อนเอ่ยถามเพราะคิดว่าพยาบาลเป็นคนหาเจอ พยาบาลสาวประจำเคาน์เตอร์ส่ายหน้ายิ้มๆ

      “เปล่าจ๊ะ พี่ไม่ได้เป็นคนเจอหรอก มีคนเขาฝากมาคืนให้นะ เมื่อกี้เอง” แบมแบมมีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยแต่ไม่ได้เอ่ยถามอะไรต่อเพราะเห็นว่าเป็นการรบกวนเวลาทำงานของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มจึงทำเพียงเอ่ยขอบคุณอีกครั้งก่อนเดินออกมา

      แบมแบมยื่นบัตรให้พนักงานก่อนจะเดินไปที่ป้ายรถเมล์เพื่อรอรถกลับบ้าน ระหว่างทางเดินแบมแบมใช้เวลาอยู่กับความคิดของตัวเองอีกครั้ง ตลอดทางเขาพยายามคิดว่าใครกันที่เป็นคนเก็บบัตรของเขาได้และนำไปฝากไว้กับพี่พยาบาลคนนั้น

      .. หรือจะเป็นเขา..

      ภาพของผู้ชายคนที่แบมแบมเดินชนลอยเข้ามาในหัว เขาเป็นผู้ชายที่จัดว่าเป็นคนที่หน้าตาดีคนหนึ่งเท่าที่เด็กหนุ่มเคยเจอมา ถ้าไม่นับสายตาที่ดูเย็นชาคู่นั้น เขาคงเป็นผู้ชายที่น่าเข้าไปทำความรู้จักด้วยมากกว่านี้ แบมแบมส่ายหน้าให้กับความคิดของตัวเอง

      .. คงไม่ใช่หรอก..

      เด็กหนุ่มตัดสินใจหยุดคิดเรื่องนั้น ก่อนเดินไปขึ้นรถเมื่อคันที่ตัวเองต้องการมาถึงแล้ว โดยไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่ามีสายตาของใครบางคนกำลังมองมาที่ตนอยู่ บุคคลปริศนามองร่างของเด็กหนุ่มขึ้นรถประจำทางไปจนรถคันนั้นค่อยๆแล่นห่างออกไปเรื่อยๆ เขาแสยะยิ้มร้ายออกมาภายใต้ผ้าคลุม


     

      “เจอแล้ว..”

     

     

     

    ......................................................................
     เรามาต่อให้ครบร้อยแล้วน้าาาา 
    อ่านแล้วเป็นไงอย่าลืมเม้นด้วยน้าาา

    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×