ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวใจสีเลือด

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 : *+*+*คำสั่งของจอมมาร*+*+*

    • อัปเดตล่าสุด 22 ต.ค. 48


    *+*+*คำสั่งของจอมมาร*+*+*



    เช้าวันนี้อากาศแจ่มใส แสงแดดส่องประกายไปทั่วทั้งฟากฟ้า หากแต่จิตใจของเด็กสาวที่กำลังมองดูอยู่ กลับตรงกันข้าม... ทั้งสับสน ว้าวุ่น และกังวลใจ



    “พ่อคะ... หนูไม่อยาก..หนูหมายความว่า หนูไม่อยากเป็นผู้เสพความตาย” เด็กสาวบอกชายตรงหน้าเสียงสั่น “น..หนูกลัว”



    “ไม่ได้!” ชายคนนั้นตอบอย่างกราดเกรี้ยว “นี่เป็นคำสั่ง ลูกต้องทำตาม... ลูกต้องเป็นผู้เสพความตาย เข้าใจมั้ยแพนซี่!”



    “ต..แต่พ่อคะ... “



    “ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้นแพนซี่! ไปแต่งตัวซะ... เราต้องไปพบนายท่านวันนี้”



    “พ่อ~” เด็กสาวร้องคราง นายพาร์กินสันเร่งฝีเท้าออกไปจากห้องโถงทันที



    “แพนซี่... ได้ยินที่พ่อพูดแล้วนี่ลูก” นางพาร์กินสันบอก “เราไม่มีทางเลือก... ไปแต่งตัวซะสิ”



    “แม่คะ... “



    “ไปสิแพนซี่!”



    ไม่มีทางเลือกสำหรับเธอ... เด็กสาวจึงต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างจำนน



    นายพาร์กินสันพาลูกสาวมายังปราสาทหลังหนึ่งที่ดูเก่า โทรม แต่กระนั้นก็พอจะมองออก ว่าปราสาทหลังนี้ ครั้นอดีตคงจะเป็นปราสาทหลังงามเป็นแน่ นายพาร์กินสันพาเธอเข้าไปด้านในปราสาท... ความหวาดกลัวทำให้เธอแทบจะก้าวเท้าเดินต่อไปไม่ได้



    “เดินมาแพนซี่!” เขาคำราม พลางกระตุกแขนเธอให้เดินมาข้างหน้า แล้วหยุดที่ประตูไม้บานใหญ่บานหนึ่ง ก่อนจะเคาะประตู... เพียงช่วงอึดใจ บานประตูก็เปิดออก เผยให้เห็นห้องโถงใหญ่ มีพรมสกปรกๆปูยาวไปยังเก้าอี้ตัวสูง ที่ดูจะเรียกว่าบัลลังก์เสียมากกว่า... และที่นั่น ชายร่างสูงผอมมีผ้าสีดำคลุมหัวและคอนั่งคอยอยู่แล้ว



    “มาแล้วขอรับนายท่าน ผมพาลูกสาวมาแล้ว”



    “ดี... เตรียมตัวพร้อมแล้วใช่มั้ย” เสียงแหลมสูง เยียบเย็นดังมาจากชายบนบัลลังก์ ซึ่งทำให้ขนที่ต้นคอของแพนซี่ลุกชัน... นายพาร์กินสันหันมาหาเธอ พร้อมกับส่งสายตาดุๆมาให้ เด็กสาวจึงจำต้องพยักหน้ารับ



    “ดี” คำพูดสั้นๆ ตามมาด้วยเสียงหัวเราะที่ทำให้ขนทั้งแขน และขาของเธอลุกเกรียว... แพนซี่แอบลูบผมสีดำขลับของเธอ ด้วยอยากรู้ว่ามันฟูขึ้นด้วยหรือไม่



    “สาบานกับข้า... ว่าจะจงรักภักดี ไม่กบฏต่อคำสาบาน เป็นทาสของข้าไปชั่วนิรันดร”



    “น..หนู” เด็กสาวอั้มอึ้ม แต่ด้วยสายตาที่ผู้เป็นพ่อมองมา เธอจึงยอมสาบานแต่โดยดี “ส..สาบานค่ะ... ว่าจะจงรักภักดี ไม่กบฏต่อคำสาบาน เป็นทาสของนายท่านไปชั่วนิรันดร”



    “ดีมาก... “ จอมมารคำรามอย่างพอใจ “ยื่นแขนออกมา”

    เด็กสาวรีรอเล็กน้อย แต่ก็ยอมทำตาม... จอมมารหันปลายไม้กายสิทธิ์ตรงมาที่ตำแหน่งแขนของเธอ ความหวาดกลัวหลั่งไหลเข้ามาในจิตใจของเด็กสาวมากขึ้นๆทุกลมหายใจ

    ทันใดที่จอมมารร่ายคาถา ความเจ็บปวดที่แขนของแพนซี่ก็เกิดขึ้นทันที... เด็กสาวกรีดเสียงด้วยความเจ็บปวด หยาดน้ำตาซึมอยู่ที่ขอบตา



    ผ่านไปสักพัก... เด็กสาวปรือตามองบริเวณที่รู้สึกปวด ก็ปรากฏ...



    “ตรามาร…” เธอพึมพำ



    “ต่อไปนี้ เจ้าคือผู้เสพความตาย... ทาสรับใช้ที่จงรักภักดีต่อข้า” แพนซี่พยักหน้ารับงึกงักด้วยความหวาดกลัว “ลูกของเจ้าเรียนที่ฮอกวอตส์ใช่มั้ย สแตนตัน”



    “ขอรับ”



    “ดี... เจ้าจะต้องเป็นสายให้ข้า และนำเดรโก มัลฟอย ลูกของลูเซียส ให้มาเป็นทาสของข้าให้ได้”



    “ต..แต่ถ้าเขาไม่ยอม... “ แพนซี่พูดตะกุกตะกัก เธอกำแผลรูปหัวกะโหลกไว้แน่น

    อีกครั้งที่เขาหัวเราะเสียงสูง...



    “ต้องยอมแน่... รับนี่ไป” จอมมารบอก ก่อนจะส่งขวดแก้วเล็กๆให้เธอ... ภายในบรรจุน้ำยาสีแดงเข้มไว้



    “น..นี่คือ?”



    “ยาเสน่ห์... ยาที่จะทำให้ใครก็ตามที่ดื่มมันเข้าไป หลงรักเธอ”



    “ล..แล้วเขาก็จะยอมทำทุกอย่าง!” เธออุทาน



    อีกครั้งที่แพนซี่ขนลุก...



    “เอาล่ะ... ไปได้แล้ว ฉันอยากพักผ่อน” จอมมารตวัดเสียง ก่อนที่ประตูจะเปิดออก “หางหนอน เอานมนากินีมาสิ\"



    “ขอบคุณขอรับนายท่าน”



    “ขอบคุณค่ะ” เด็กสาวบอก พลางปาดน้ำตาทิ้งไป ก่อนจะสาวเท้าตามพ่อของเธออกไป....



    *********************************************



    ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส เมฆขาวราวปุยนุ่น ล่องรอยอยู่บนฟากฟ้า ประดับประดาเบื้องบนอย่างนุ่มนวล ดวงอาทิตย์ทอแสงลงมาเบื้องล่างอย่างอ่อนโยน ทำให้น้ำในทะเลสาบส่องประกายระยิบระยับ ดุจดั่งอัญมณีล้ำค่า



    เด็กชายผู้มีดวงตาสีซีด ทอดสายตาไปยังหมู่เมฆไม้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของป่าต้องห้าม เขายืนหลบแสงแดดที่ทอลงมายังพื้นหญ้า หลังพิงกำแพงหินด้านนอกของฮอกวอตส์ ในอดีต... เส้นผมสีบรอนด์ของเขาถูกจัดทรงให้เรียบบนศีรษะเขาอย่างภักดีอยู่เสมอ แต่บัดนี้ เขากลับปล่อยให้มันถูกพัดปลิวไปตามสายลมโอนอ่อน



    ทำไมเฮอร์ไมโอนี่ยังไม่มากันล่ะเนี่ย... เลยเวลานัดมาตั้งชาติแล้วนะ >_<*



    เด็กชายคิดอย่างเบื่อหน่าย และนี่อาจจะเป็นเหตุผล ที่ทำให้ใบหน้าอันหล่อเหลา ต้องมีอันบิดเบือนไป

    เด็กชายเสยผมสีบรอนด์ของตน ที่พัดมาบดบังดวงตาสีซีดของเขา ...แล้วจู่ๆ รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า เมื่อคิดถึงคนที่เขากำลังคอย



    เพราะเธอ... ที่ทำให้ฉันเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นทรงผม ความร่าเริงที่เธอมักหยิบยื่นให้เสมอ รวมไปถึงจิตใจ... เธอ... คือผู้ที่ทำให้ฉันเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้...



    เสียงฝีเท้าตรงเข้ามายังตำแหน่งที่เขายืนอยู่ บอกให้รู้ถึงการมาถึงของคนที่เขารอคอย



    “เดรโก” เด็กสาวผมฟูฟ่องวิ่งกระหืดกระหอบตรงเข้ามาหา ก่อนจะพักหายใจเล็กน้อย “ฉัน - - ขอโทษ... ”



    “ทำไมไม่มาพรุ่งนี้ซะเลยล่ะ หรือไม่ก็รอให้ปลาหมึกยักษ์ในทะเลสาบมันคาบฉันไปเล่นน้ำกับมันก่อนล่ะ” เดรโกประชด



    “ฉัน... บอกแล้วไง... ว่า... ขอโทษ” เด็กสาวหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน มือกุมไว้ที่ตำแหน่งหัวใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา



    ให้ตายเถอะ เฮอร์ไมโอนี่... ฉันแพ้สายตาอย่างนี้ของเธอ เธอก็รู้ เฮ้อ...



    “ก็ได้ๆ” เขาตอบอย่างเหนื่อยใจ



    “นายใจดีที่สุดเลย!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง ก่อนจะเขย่งปลายเท้าขึ้น หอมแก้มสีซีดของเดรโกเร็วๆ เป็นเหตุให้ใบหน้าที่ก่อนหน้านี้เป็นสีซีด กลับมีเลือดมาหล่อเลี้ยงใบหน้าอย่างไม่มีทีท่าว่าจะลดน้อยลงเลย เด็กชายแตะตำแหน่งที่ปลายจมูกของเด็กสาวสัมผัสอย่างลืมตัว



    เด็กสาวหัวเราะคิกคัก ใบหน้าเธอเองก็เป็นสีจัดเช่นกัน...



    “อ๊ะ! ว่าแต่นายเรียกฉันมานี่ มีอะไรเหรอ”



    “อ้อ!... ฉันมีอะไรจะให้เธอดู มานี่สิ!” เดรโกบอกอย่างไม่รีรอ พลางดึงข้อมือเฮอร์ไมโอนี่เพื่อนำทาง...



    “ดูอะไรเหรอ” เด็กสาวร้องเสียงหลง แต่ก็ยอมปล่อยให้ตนถูกพาไปตามแรงเขา



    “เดี๋ยวเธอก็จะได้เห็น”



    ทั้งสองหยุดลงที่ใต้ต้นเบิร์ซ สายลมยังคงพัดไหวอย่างอ่อนโยน...



    “นี่ไง!”



    “นายพาฉันมาดูต้นไม้เนี่ยเหรอ?”



    เดรโกพ่นลมทางจมูกนิดหนึ่ง ก่อนจะปฏิเสธ



    “ไม่ใช่! ที่ให้ดูน่ะ นี่ต่างหาก” เด็กชายชี้ไปที่วัตถุชิ้นหนึ่ง ที่ฝังอยู่ในดิน



    “นี่มันดาบนี่!” เด็กสาวร้อง ก่อนจะหันไปมองใบหน้าสีซีดของเด็กชาย ริมฝีปากบิดยิ้มน้อยๆ “ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ”



    “ใครจะรู้” เดรโกตอบ พลางเลิกคิ้วขึ้นอย่างกวนอารมณ์ แต่เมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่หน้างอ เด็กชายจึงรีบพูดต่อ “ฉันเห็นมันมานานแล้วล่ะ ตั้งแต่อยู่ปี 1 จนตอนนี้แล้ว มันก็ยังอยู่ตรงนี้...”



    “ฉันก็เคยมาที่นี่บ่อยๆนะ แต่ไม่เคยเห็นดาบด้ามนี้เลยนี่นา” เธอบอก พลางมองดูดาบที่ฝังอยู่ในดินอย่างสงสัย



    “ไม่รู้สิ... ฉันเองก็เคยเห็นมันไม่กี่ครั้งเอง” เด็กชายบอกพลางเลิกคิ้วขึ้น “บางทีมา... ก็เห็น แต่บางทีมา... ก็ไม่เห็น”



    “ดาบนี่ ยังไงกันแน่นะ?”



    “ช่างเถอะ” เด็กชายบอกอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งอีกด้านหนึ่งของต้นไม้ เด็กสาวจึงลงนั่งข้างๆเขา แม้จะยังคงสงสัยเรื่องดาบอยู่ก็ตาม



    เดรโกถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ทำให้เด็กสาวต้องมองเขาอย่างประหลาดใจ...



    “เป็นอะไรไปเหรอเดรโก?” เฮอร์ไมโอนี่มองดูเขาทอดสายตาออกไปเบื้องหน้า ด้วยสายตาที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน “เดรโก” เธอเรียกดูอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้จากเขา...



    “เฮอร์ไมโอนี่” เสียงชายหนุ่มคนหนึ่งตะโกนดังขึ้นจากหน้าประตูห้องโถง เด็กสาวมองไปตามเสียง แล้วโบกมือให้... ชายหนุ่มเดินเข้ามาหาเธอ



    “แฮร์รี่ จะไปซ้อมควิดดิชเหรอ”



    “ใช่... เอ้อ..ฉันไม่กวนล่ะ แล้วเจอกันที่ห้องนั่งเล่นรวมนะเฮอร์ไมโอนี่” ชายหนุ่มตอบ



    นานเท่าไหร่แล้วนะ... ที่เขาต้องทนเห็นภาพนี้

    ภาพที่เธอและเขาอยู่ด้วยกัน...

    ภาพที่เขามิอาจลืมแม้ยามหลับตา...

    ภาพที่ทำให้ปวดใจเกินจะบรรยาย...



    เด็กชายหลับตาลงให้กับความคิดนี้ ก่อนจะหันหลังกลับ ตรงไปยังสนามควิดดิช



    “โชคดีนะแฮร์รี่”

    เฮอร์ไมโอนี่กลับมาสนใจเด็กชายที่นอนเอนกายอยู่ข้างๆอีกครั้ง



    “เดรโก... เธอยังไม่ตอบเลยนะว่าเป็นอะไรไปน่ะ” เด็กสาวมองคนรักด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความห่วงใยไว้อย่างชัดเจน เจ้าของชื่อหันมายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน... รอยยิ้มที่หาได้ยากเหลือเกินจากเขา... รอยยิ้มที่เฮอร์ไมโอนี่รักเหลือเกิน...



    อะไรทำให้ เรา กลายสถานะจาก ศัตรู มาเป็น คู่รัก ได้... ข้อนี้ทั้งเธอและเขาก็ไม่สามารถตอบได้เช่นกัน

    เธอ... ทำลายกำแพงอันแข็งแกร่ง ที่กั้นหัวใจของเขา กับหัวใจของทุกคนที่พยายามจะทลายเข้ามา

    เขา... ขับไล่คำว่า ศัตรู ออกไปจากหัวใจเธอ

    เธอ... มองเห็นความอ่อนโยนในแววตาของเขา

    เขา... มองเห็นความอ่อนไหวในแววตาของเธอ

    เธอ... ทำให้ชีวิตของเขาสดใสขึ้น มอบรอยยิ้ม และความรักให้

    เขา... ทำให้เธออุ่นใจเมื่อได้อยู่ใกล้

    เธอ... ในความอ่อนไหว ก็แฝงไปด้วยความแข็งแกร่ง

    เขา... ในความแข็งแกร่ง ก็แฝงไว้ด้วยความอ่อนโยน

    เธอ... รักเขาอย่างสุดหัวใจ

    เขา... รักเธอ ยอมสละแม้ชีวี



    “ไม่มีอะไร”



    “นายโกหกฉันไม่ได้หรอกเดรโก” เฮอร์ไมโอนี่ยังมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย “นายไม่สบายใจอะไร นายบอกฉันได้ไม่ใช่เหรอ”



    เด็กชายมองเธออย่างชั่งใจ ก่อนจะถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่...



    “ก็ได้... พ่อสั่งให้ฉันเป็นผู้เสพความตาย พ่อสั่งให้แพนซี่ พาร์กินสันเป็นผู้ดูแล จนกว่าฉันจะยอมเป็นทาสของคนที่เธอก็รู้ว่าใคร” เขาเล่าอย่างเคร่งเครียด “คงจะไม่ไว้ใจฉัน... ”



    เด็กสาวนิ่งไป... เดรโกงุนงงกับท่าทีของเธอ



    “เธอไม่แปลกใจเลยหรือไง”



    “ไม่หรอก... ฉันรู้ว่าต้องมีวันนี้สักวัน” เด็กสาวบอก “แล้วนายจะเอายังไงล่ะ”



    “ฉัน... ไม่อยากขัดคำสั่งพ่อ แต่ฉันก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับเธออีกแล้ว ฉันรักเธอ”



    เฮอร์ไมโอนี่ดึงมือเขามากุม ก่อนจะเอ่ย...



    “ไม่ใช่แค่นายหรอกมัลฟอย ฉันเองก็รักนาย...รักมาก และไม่อยากให้นายเข้ากับโวลเดอมอร์”



    เดรโกสะดุ้งเล็กน้อย แต่แกล้งกระแอมถี่ๆเพื่อกลบเกลื่อน



    “ฉ..ฉันจะขัดคำสั่งพ่อ! ...เพื่อเธอ เฮอร์ไมโอนี่”



    “เดรโก... “ เด็กสาวครางเสียงแผ่ว ความรู้สึกตื้นตันทะลักออกมาเป็นหยาดน้ำตา



    “ร้องไห้ทำไม ยัยบ้าเอ๊ย... “ เด็กชายพูด ก่อนจะปาดน้ำตาให้คนรักอย่างแผ่วเบา “ฉันจะไม่ยอมเป็นศัตรูกับเธออีกแล้ว” เขายังจำได้ดี... ว่าต้องใช้เวลาสักเพียงใด ที่ทำให้เรา..กลายมาเป็นคนรักกันได้ในวันนี้



    *********************************************



    ...ห้องนั่งเล่นรวมสลิธีริน...



    “แพนซี่... ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ” เด็กชายผมบรอนด์บอก พลางพยับเพยิบไปยังที่มุมปลอดคน... เด็กสาวพยักหน้าอย่างดีใจ เธอมักดีใจเสมอ เมื่อได้อยู่กับเขา... อยู่กับคนที่เธอรัก



    “มีอะไรเหรอ เดรโก” แพนซี่ถามด้วยเสียงหวาน พลางเกาะแขนเด็กชายอย่างเอาใจ



    “ฉัน... จะไม่เป็นผู้เสพความตาย” เด็กชายบอก พลางแกะแขนของเธออก แววตาสีซีดของเขาลุกโชนอย่างน่ากลัว “ไม่ว่าพ่อ หรือใครจะว่าอย่างไรก็ตาม... ฉันจะไม่เป็นผู้เสพความตายเด็ดขาด”



    “เธอพูดอะไรออกมาเดรโก!” เด็กสาวร้อง ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจ “เอาล่ะๆ... สงบสติอารมณ์เอาไว้ ฉันจะถือว่าเธอไม่ได้พูดอะไรกับฉัน ฉันไม่ได้ยินอะไรที่เธอพูดทั้งนั้น”



    “แพนซี่” เขาคำราม “ฉันพูดจริง... ไม่ว่ายังไงก็จะไม่เป็นผู้เสพความตายแน่”



    “เดรโก... เธอไม่... ฉันไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรกับเธอบ้าง ถ้าเธอขัดคำสั่งพ่อของเธอ และของ..นายท่าน” เธอพูดอย่างตะกุกตะกัก



    “จะเกิดอะไรขึ้นก็ช่าง! ฉันรักเฮอร์ไมโอนี่ และจะไม่เป็นศัตรูกับเธออีกแล้ว...”



    “เดรโก!”



    อย่าพูดว่ารักยัยเลือดสีโคลนต่อหน้าฉัน! อย่านะ... เธอไม่รู้บ้างหรือไง ว่ามันทำให้ฉันเจ็บปวดสักเพียงใด...



    “ฉันไม่เข้าใจ แพนซี่... โวลเดอมอร์มีอะไรนักหนา! ทำไมเธอต้องยอมเขาขนาดนั้นด้วย” นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ยชื่อจอมมาร “ไม่เข้าใจ...”



    “เธอไม่รู้หรอกเดรโก... เธอไม่รู้” แพนซี่บอกราวกับคนไร้สติ เธอส่ายหน้าไปมา “ฉันขัดเขาไม่ได้... เขามีอำนาจเหลือเกิน... มากเหลือเกิน”



    “แพนซี่ใจเย็นๆ! เธอเป็นอะไร”



    “ไม่..ไม่เป็นไร ฉ..ฉันสบายดี” เด็กสาวเริ่มกลับมาเป็นคนเดิม “เธอเชื่อฉันนะเดรโก... อย่าทำอย่างนี้ เชื่อฉันนะ... ฉันไม่หลอกเธอแน่ ฉันรักเธอ”



    “แพนซี่... “



    “จริงๆนะ เชื่อฉัน... เชื่อฉัน”



    “พอแล้วแพนซี่... ฉันตัดสินใจแล้ว ราตรีสวัสดิ์” เดรโกตัดบท ก่อนจะตรงขึ้นหอนอนชายทันที



    เด็กสาวทิ้งตัวลงบนเก้าอี้โซฟาตัวเขียวอย่างหมดแรง ราวกับเธอเพิ่งวิ่ง 100 เมตรมาหมาดๆ



    “งั้นฉันก็ไม่มีทางเลือก... นี่เป็นหน้าที่ของฉัน ถ้าเธอไม่ยอม นายท่านต้องโกรธแน่ ฉันไม่มีทางเลือก..ไม่มีแล้ว เดรโก....”



    ********************************************
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×