ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : จากนักเรียนท้ายแถวสู่นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล
ศาสตราจารย์ มาซาโตชิ โคชิบะ ปัจจุบันอายุ 76 ปี และได้รับการเสนอชื่อให้ได้รับรางวัล โนเบลสาขาฟิสิกส์ประจำปี 2545  เนื่องจากเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกสาขาวิชา \"นิวตริโนฟิสิกส์\" (Neutrino Physics) ศ. โคชิบะ นับเป็นนักฟิสิกส์รางวัลโนเบลคนที่สี่ของประเทศญี่ปุ่นต่อจาก ฮิเดกิ ยูกาว่า, ชินอิติโร โทโมนากะ และ ลีโอ อีซากิ
ในวันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเนื่องในโอกาสที่เขาได้รับรางวัลโนเบล ศ. โคชิบะ ได้นำเอา ใบแจ้งคะแนนหรือ Transcript จากมหาวิทยาลัยโตเกียวซึ่งเขาจบการศึกษาในปี ค.ศ. 1951 มาแสดงต่อสาธารณะชน (เป็นนัยว่าอัดอั้นตันใจมานาน)
Transcript ของเขานั้นแสดงให้เห็นว่า ในจำนวนวิชาฟิสิกส์ทั้งหมด 16 วิชาที่เขาเรียน ซึ่ง 11 วิชาเป็นวิชาบังคับ และที่เหลืออีก 5 วิชาเป็นวิชาเลือกนั้น มีเพียงแค่ 2 วิชา ซึ่งเกี่ยวกับการทดลองฟิสิกส์เท่านั้นที่ โคชิบะ ได้เกรด A (เขาได้รางวัลจากด้านการทดลอง) โดยที่ตัวเขาเองยอมรับว่า \"สองวิชานี้ใครๆก็สามารถได้ A ถ้าเข้าเรียนครบทุกครั้ง\"
ส่วนวิชาสำคัญอย่าง ฟิสิกส์อะตอม และวิชาคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โคชิบะทำได้แค่ผ่าน แบบคาบเส้นเท่านั้น ส่วนวิชาที่เหลือได้รับการประเมิณเพียงแค่เกรด B
ศ. โคชิบะกล่าวว่าบรรดาเพื่อนร่วมชั้นของเขานั้นได้เกรด A กันอย่างน้อยๆก็ครึ่งหนึ่งของวิชาที่ลงเรียนทั้งหมด เขามักจะกล่าวว่า \"ผมน่าจะสอบได้ที่สุดท้ายของรุ่นนั้น\"
แม้แต่อาจารย์ของเขายังเคยแนะนำให้ โคชิบะ ไปทำงานด้านอื่นเสีย เหตุเพราะว่า คะแนนสอบของเขานั้นทำได้ \"ไม่ดีเอาเสียเลย\" นอกจากนั้นคะแนนที่ย่ำแย่ของเขา ยังตามมาหลอกหลอนเขาอยู่เสมอๆ แม้แต่ในวันแต่งงาน เมื่อมีแขกคนหนึ่งพูดเปรยๆว่า \"อนาคตของเจ้าบ่าวคงจะไม่ค่อยรุ่งเรืองเท่าไหร่นัก เพราะว่าเขาจบการศึกษาด้วยคะแนนต่ำสุดในชั้นจากมหาวิทยาลัยโตเกียว\"
ภรรยาของเขาคือ เคโกะ ปัจจุบันอายุ 71ปี ให้เหตุผลเกี่ยวกับผลการเรียนของสามีว่า
\"เนื่องจากในสมัยนั้นเป็นช่วงที่สงครามโลกครั้งที่ 2 พึ่งจะสงบลงไม่นาน สามีของฉันไม่สามารถที่จะเรียนหนังสือเพียงอย่างเดียว เขาต้องทำงานหารายได้พิเศษเลี้ยงตัวด้วย\"
เธอยังกล่าวอีกว่าสามีของเธอนั้นไปโรงเรียนเพียงอาทิตย์ละครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น
อย่างไรก็ตามโคชิบะก็ไม่ละความพยายามและมุมานะตั้งใจทำงานวิจัยทางด้านฟิสิกส์ที่เขารัก โดยไม่ท้อแท้ต่อคำสบประมาทของคนอื่น และได้พิสูจน์ให้ทุกๆคนเห็นด้วยผลงานวิจัยของเขา ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปในวงการฟิสิกส์ และในวันนี้เขาก็ได้เป็นนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล
ศ. โคชิบะ กล่าวว่าการที่เขาออกมาพูดเรื่องเกรดของตัวเองก็เพื่อต้องการที่จะกระตุ้น ให้นักเรียนรุ่นใหม่ๆ ให้สนใจที่จะศึกษาความรู้อย่างลึกซึ้งมากกว่าจะทำเพื่อการสอบ
\"ใบคะแนนนั้นไม่ได้การันตีความสำเร็จของนักเรียน (ไม่ว่าจะเกรดดีหรือไม่ดี)\"
\"คนที่อยู่รอบๆตัวผมไม่กี่คนที่จะเชื่อว่าเด็กนักเรียนที่จบการศึกษาเป็นลำดับสุดท้ายของชั้น จะสามารถเป็นศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยได้\" ศ. โคชิบะกล่าวต่อสื่อมวลชน
\"ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คนเราสามารถที่จะทำให้สำเร็จได้แม้ว่าจะมีผมสอบที่ย่ำแย่ แต่ผมก็ไม่ได้หมายความว่า การสอบได้คะแนนดีนั้นไม่สำคัญนะ\" ศ. โคชิบะกล่าวต่อไปว่า \"สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความตั้งใจจริงและมีความรักในสิ่งที่กำลังศึกษาต่างหาก\"
อย่างไรก็ตามเพื่อนๆของ ศ. โคชิบะ กล่าวว่า โคชิบะนั้นไม่ได้มีความสามารถน้อยนิด เหมืองดั่งเกรดของเขาที่ปรากฎในใบทรานสคริปแต่อย่างใด หลายคนบอกว่าเข้ามีความสนใจที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นด้านวิทยาศาสตร์ จนรวมไปถึงด้านวรรณกรรมอีกด้วย
อดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียนสมัยมัธยมที่เคยเป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของญีปุ่น คือ นายโยชิโร ฮายาชิ ปัจจุบันอายุ 75 ปี ย้อนรำลึกความหลังเมื่อครั้งที่โคชิบะ เข้ามาเสนอให้เขาอนุมัติเงินให้ เพื่อที่จะนำไปสร้างเครื่องตรวจวัดอนุภาคนิวตริโน Kamiokande ว่า
\"เขา (โคชิบะ) เข้ามาพบผมเพื่อขอให้สนับสนุนและบอกกับผมว่า \"ถ้าโครงการนี้สำเร็จ ฉันจะได้รางวัลโนเบล\"\"
นาย ฮายาชิ กล่าวต่อ \"ตอนนี้เขาได้รับรางวัลจริงๆ\"
อ่านข่าวนี้แล้วนึกถึงการเรียนการสอนในบ้านเราที่ในปัจจุบันมุ่งเน้นการทำข้อสอบเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการสอบในโรงเรียนหรือแม้แต่ในมหาวิทยาลัย ที่นักเรียนส่วนมากมักจะคิดแต่ว่า ทำอย่างไรจะทำข้อสอบได้ มากกว่าที่จะสนใจทำความเข้าใจในวิชาความรู้ให้ลึกซึ้ง ถ้ารู้ว่าอันไหนไม่ออกสอบแล้วล่ะก็ไม่ค่อยจะอยากเรียนกัน ทำให้ผู้เขียนนึกถึงคำกล่าวของ ท่านอาจารย์ ป๋วย อึ้งภากรณ์ ที่กล่าวว่า
.. ถ้าไม่เรียนจงอย่าสอบ ไม่ใช่ว่า ถ้าไม่สอบแล้วอย่าเรียน ..
ฝากเป็นข้อคิดให้นักเรียนและนักศึกษารุ่นใหม่ๆได้คิดกัน
แหล่งข่าวและข้อมูลอ้างอิงจาก
สำนักข่าวยูมิอูริประเทศญี่ปุ่น
http://www.yomiuri.co.jp/main/main-e.htm
ข้อมูลผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ในปี 2545 (ค.ศ. 2002)
http://www.nobel.se/physics/laureates/2002/index.html
แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับนิวตริโนฟิสิกส์
http://www.nu.to.infn.it/lin/ 
จ้อ  วันที่ 23 ต.ค. 2545 17:07:53
เอามาจาก web วิชาการดอทคอม ค่ะ web นี้น่าสนใจนะคะ ถ้ว่างๆลองเข้าไปดูสิคะ
www.vcharkarn.com
ในวันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเนื่องในโอกาสที่เขาได้รับรางวัลโนเบล ศ. โคชิบะ ได้นำเอา ใบแจ้งคะแนนหรือ Transcript จากมหาวิทยาลัยโตเกียวซึ่งเขาจบการศึกษาในปี ค.ศ. 1951 มาแสดงต่อสาธารณะชน (เป็นนัยว่าอัดอั้นตันใจมานาน)
Transcript ของเขานั้นแสดงให้เห็นว่า ในจำนวนวิชาฟิสิกส์ทั้งหมด 16 วิชาที่เขาเรียน ซึ่ง 11 วิชาเป็นวิชาบังคับ และที่เหลืออีก 5 วิชาเป็นวิชาเลือกนั้น มีเพียงแค่ 2 วิชา ซึ่งเกี่ยวกับการทดลองฟิสิกส์เท่านั้นที่ โคชิบะ ได้เกรด A (เขาได้รางวัลจากด้านการทดลอง) โดยที่ตัวเขาเองยอมรับว่า \"สองวิชานี้ใครๆก็สามารถได้ A ถ้าเข้าเรียนครบทุกครั้ง\"
ส่วนวิชาสำคัญอย่าง ฟิสิกส์อะตอม และวิชาคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โคชิบะทำได้แค่ผ่าน แบบคาบเส้นเท่านั้น ส่วนวิชาที่เหลือได้รับการประเมิณเพียงแค่เกรด B
ศ. โคชิบะกล่าวว่าบรรดาเพื่อนร่วมชั้นของเขานั้นได้เกรด A กันอย่างน้อยๆก็ครึ่งหนึ่งของวิชาที่ลงเรียนทั้งหมด เขามักจะกล่าวว่า \"ผมน่าจะสอบได้ที่สุดท้ายของรุ่นนั้น\"
แม้แต่อาจารย์ของเขายังเคยแนะนำให้ โคชิบะ ไปทำงานด้านอื่นเสีย เหตุเพราะว่า คะแนนสอบของเขานั้นทำได้ \"ไม่ดีเอาเสียเลย\" นอกจากนั้นคะแนนที่ย่ำแย่ของเขา ยังตามมาหลอกหลอนเขาอยู่เสมอๆ แม้แต่ในวันแต่งงาน เมื่อมีแขกคนหนึ่งพูดเปรยๆว่า \"อนาคตของเจ้าบ่าวคงจะไม่ค่อยรุ่งเรืองเท่าไหร่นัก เพราะว่าเขาจบการศึกษาด้วยคะแนนต่ำสุดในชั้นจากมหาวิทยาลัยโตเกียว\"
ภรรยาของเขาคือ เคโกะ ปัจจุบันอายุ 71ปี ให้เหตุผลเกี่ยวกับผลการเรียนของสามีว่า
\"เนื่องจากในสมัยนั้นเป็นช่วงที่สงครามโลกครั้งที่ 2 พึ่งจะสงบลงไม่นาน สามีของฉันไม่สามารถที่จะเรียนหนังสือเพียงอย่างเดียว เขาต้องทำงานหารายได้พิเศษเลี้ยงตัวด้วย\"
เธอยังกล่าวอีกว่าสามีของเธอนั้นไปโรงเรียนเพียงอาทิตย์ละครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น
อย่างไรก็ตามโคชิบะก็ไม่ละความพยายามและมุมานะตั้งใจทำงานวิจัยทางด้านฟิสิกส์ที่เขารัก โดยไม่ท้อแท้ต่อคำสบประมาทของคนอื่น และได้พิสูจน์ให้ทุกๆคนเห็นด้วยผลงานวิจัยของเขา ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปในวงการฟิสิกส์ และในวันนี้เขาก็ได้เป็นนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล
ศ. โคชิบะ กล่าวว่าการที่เขาออกมาพูดเรื่องเกรดของตัวเองก็เพื่อต้องการที่จะกระตุ้น ให้นักเรียนรุ่นใหม่ๆ ให้สนใจที่จะศึกษาความรู้อย่างลึกซึ้งมากกว่าจะทำเพื่อการสอบ
\"ใบคะแนนนั้นไม่ได้การันตีความสำเร็จของนักเรียน (ไม่ว่าจะเกรดดีหรือไม่ดี)\"
\"คนที่อยู่รอบๆตัวผมไม่กี่คนที่จะเชื่อว่าเด็กนักเรียนที่จบการศึกษาเป็นลำดับสุดท้ายของชั้น จะสามารถเป็นศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยได้\" ศ. โคชิบะกล่าวต่อสื่อมวลชน
\"ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คนเราสามารถที่จะทำให้สำเร็จได้แม้ว่าจะมีผมสอบที่ย่ำแย่ แต่ผมก็ไม่ได้หมายความว่า การสอบได้คะแนนดีนั้นไม่สำคัญนะ\" ศ. โคชิบะกล่าวต่อไปว่า \"สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความตั้งใจจริงและมีความรักในสิ่งที่กำลังศึกษาต่างหาก\"
อย่างไรก็ตามเพื่อนๆของ ศ. โคชิบะ กล่าวว่า โคชิบะนั้นไม่ได้มีความสามารถน้อยนิด เหมืองดั่งเกรดของเขาที่ปรากฎในใบทรานสคริปแต่อย่างใด หลายคนบอกว่าเข้ามีความสนใจที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นด้านวิทยาศาสตร์ จนรวมไปถึงด้านวรรณกรรมอีกด้วย
อดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียนสมัยมัธยมที่เคยเป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของญีปุ่น คือ นายโยชิโร ฮายาชิ ปัจจุบันอายุ 75 ปี ย้อนรำลึกความหลังเมื่อครั้งที่โคชิบะ เข้ามาเสนอให้เขาอนุมัติเงินให้ เพื่อที่จะนำไปสร้างเครื่องตรวจวัดอนุภาคนิวตริโน Kamiokande ว่า
\"เขา (โคชิบะ) เข้ามาพบผมเพื่อขอให้สนับสนุนและบอกกับผมว่า \"ถ้าโครงการนี้สำเร็จ ฉันจะได้รางวัลโนเบล\"\"
นาย ฮายาชิ กล่าวต่อ \"ตอนนี้เขาได้รับรางวัลจริงๆ\"
อ่านข่าวนี้แล้วนึกถึงการเรียนการสอนในบ้านเราที่ในปัจจุบันมุ่งเน้นการทำข้อสอบเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการสอบในโรงเรียนหรือแม้แต่ในมหาวิทยาลัย ที่นักเรียนส่วนมากมักจะคิดแต่ว่า ทำอย่างไรจะทำข้อสอบได้ มากกว่าที่จะสนใจทำความเข้าใจในวิชาความรู้ให้ลึกซึ้ง ถ้ารู้ว่าอันไหนไม่ออกสอบแล้วล่ะก็ไม่ค่อยจะอยากเรียนกัน ทำให้ผู้เขียนนึกถึงคำกล่าวของ ท่านอาจารย์ ป๋วย อึ้งภากรณ์ ที่กล่าวว่า
.. ถ้าไม่เรียนจงอย่าสอบ ไม่ใช่ว่า ถ้าไม่สอบแล้วอย่าเรียน ..
ฝากเป็นข้อคิดให้นักเรียนและนักศึกษารุ่นใหม่ๆได้คิดกัน
แหล่งข่าวและข้อมูลอ้างอิงจาก
สำนักข่าวยูมิอูริประเทศญี่ปุ่น
http://www.yomiuri.co.jp/main/main-e.htm
ข้อมูลผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ในปี 2545 (ค.ศ. 2002)
http://www.nobel.se/physics/laureates/2002/index.html
แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับนิวตริโนฟิสิกส์
http://www.nu.to.infn.it/lin/ 
จ้อ  วันที่ 23 ต.ค. 2545 17:07:53
เอามาจาก web วิชาการดอทคอม ค่ะ web นี้น่าสนใจนะคะ ถ้ว่างๆลองเข้าไปดูสิคะ
www.vcharkarn.com
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น