ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : เฮนเรียตตา ลีวิต : นักดาราศาสตร์ที่เกิดมาในยุคที่หญิงถูกดูถูกว่าไม่ฉลาดเท่าชาย
เฮนเรียตตา ลีวิต
ผู้เขียน : พวงร้อย
เนื้อหาย่อ : ประวัติย่อของนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์รุ่นบุกเบิกที่สำคัญท่านหนึ่ง
ที่เกิดมาในยุคที่ผู้หญิงถูกดูถูกว่า ไม่ฉลาดเท่าผู้ชาย
ความสามารถทางสมองของผู้หญิงมักจะไม่เป็นที่ยอมรับกัน แต่ความสามารถ..
อ้างอิงจาก www.vcharkarn.com
*******************************************************************
เฮนเรียตต้า ลีวิต เป็นนักดาราศาสตร์ที่ค้นพบทฤษฎีที่สำคัญที่สุดทฤษฎีหนึ่งทางดาราศาสตร์
คือทฤษฎีความสัมพันธ์ระหว่าง คาบและความสุกสว่างของดาวแปรแสง Period-luminosity Relationship
ในยุคบุกเบิกของวิชาดาราศาสตร์ฟิสิกส์ ที่มนุษย์เรายังไม่ทราบด้วยซ้ำว่า
ชาวโลกอยู่ในระบบกาแล้กซี่ทางช้างเผือก และยังไม่มีใครทราบถึงว่า ระบบกาแล้กซี่คืออะไร
เมื่อกล้องถ่ายภาพขึ้นมา นักดาราศาสตร์ก็นำมาใช้ถ่ายภาพดวงดาว เพื่อศึกษา
แต่อุปสรรคสำคัญก็คือ เราไม่สามารถบอกได้ว่า ดวงดาวเหล่านั้น อยู่ห่างจากโลกเท่าไร
และเมื่อกำลังขยายของกล้องก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีการค้นพบสิ่งใหม่ๆในท้องฟ้าเป็นอย่างมาก
แต่การหาระยะทางว่า สิ่งเหล่านั้นห่างจากโลกไปเท่าไร ก็ทำให้บอกไม่ได้ว่า ขนาด ของวัตถุนั้น ใหญ่น้อยเพียงไร
เฮนเรียตตา ลีวิต เกิดเมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม คศ ๑๘๖๘ ในเมือง Lancaster
รัฐ แม็สสาชูเส็ตของสหรัฐ จบการศึกษาปริญญาตรีจากวิทยาลัยแร้ดคลิฟ(Radcliffe College)
ซึ่งในสมัยนั้นเป็นสถาบันชั้นอุดมศึกษาเฉพาะสำหรับสตรี ระหว่างเรียนอยู่นั้น
ก็ป่วยหนักจนหูหนวก แต่เมื่อจบแล้ว ก็รู้ว่า ชอบวิชาดาราศาสตร์มาก
ตอนแรกก็ไปอาสาสมัครทำงานอยู่ที่ หอสังเกตการณ์แห่งมหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ด
หน้าที่ของลีวิตนั้น คือถ่ายรูปดาว และคิดกำหนดมาตรฐาน ในการคำนวณหาค่าความสุกสว่างของดวงดาว
จากความสว่างที่จับได้ในภาพถ่าย เพื่อทำแค้ตตาลอกของดาวแปรแสง ลีวิต ศึกษา
กาแล้คซี่ Large Magellanic Clouds ซึ่งเป็นกาแล้คซี่ขนาดเล็กคู่เคียงกับ ทางช้างเผือกของเรา
และได้ค้นพบดาวแปรแสงใหม่ๆถึง ๑๗๗๗ ดวง รวมทั้ง ดาวแปรแสง เซเฟียด
(Cepheid Variables ซึ่งตั้งชื่อหมู่ตามดาวแบบนี้ดวงแรกที่พบคือ Delta Cephei) กว่า ๒๐ ดวง
ลีวิตสังเกตว่า ดาวแปรแสงเซเฟียดพวกนี้ มีคาบการแปรแสงต่างกัน ท่านจึงสรุปเอาเองได้ว่า
ดาวจากกาแล้คซี่เดียวกันพวกนี้ ต้องมีระยะทางห่างจากโลกพอๆกัน ความแตกต่างของ
คาบเวลาแห่งวงจรการแปรแสง(Period) นี้ จะต้องเกี่ยวข้องกับ ความสุกสว่างของดวงดาว(Luminosity)
และได้รวบรวมข้อมูลจากดวงดาวมากมาย อยู่เป็นเวลานาน จนสามารถยืนยันข้อสรุปนี้
ในปี คศ ๑๙๐๘ ความสัมพันธ์นี้ เป็นทฤษฎีขั้นพื้นฐานทางดาราศาสตร์ ที่สำคัญมากที่สุดทฤษฎีหนึ่ง
เพราะช่วยให้เราสามารถนำมาคำนวณระยะทางของดวงดาว เพียงการศึกษาคาบเวลาการแปรแสง
ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยากจากพื้นโลก และทฤษฎีนี้ เป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้ ฮับเบิล
นำมาใช้ในการพิสูจน์ว่า จักรวาลของเรากำลังขยายตัวออกไป
เป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งว่า เจ้านายของเธอคือ Pickering มองไม่เห็นถึงศักยภาพของผู้หญิง
ที่เขาจ้างมาทำงานที่ละเอียดมากๆ คือการถ่ายรูปดาวนับหมี่นนับพันดวง
และบันทึกความสว่างในแค้ตตาลอก ด้วยการนั่งคิดเลขทั้งวันในห้องทำงานแคบๆเล็กๆ
ผลงานของทีมงานที่ ลีวิต ร่วมทำอยู่นี้ เป็นข้อมูลพื้นฐานที่ เฮิร์ตสปรัง และ รัสเซิล
นำมาประกอบกันเป็น ผัง เฮิร์ตสปรัง-รัสเซิล ที่เป็นเหมือนกระดูกสันหลังของความเข้าใจวัฏจักรของดวงดาวทีเดียว
เฮนเรียตต้า ลีวิต เกิดมาในยุคที่ผู้หญิงถูกดูถูกว่า ไม่ฉลาดเท่าผู้ชาย
ความสามารถทางสมองของผู้หญิงมักจะไม่เป็นที่ยอมรับกัน ได้เสียชีวิตไปใน คศ ๑๙๒๑
ในขณะที่อายุยังน้อย ด้วยโรคมะเร็ง นักวิทยาศาสตร์ชาวสวีเดน
Professor Mittag Leffle ได้เสนอชื่อ ลีวิต เพื่อพิจารณารับรางวัลโนเบล
แต่ลีวิตได้เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว และไม่ได้รับรางวัลโนเบลแต่อย่างใด
ผลงานสำคัญ
๑. ค้นพบ ดาวแปรแสง ใน Magellanic Clouds ถึง ๑,๗๗๗ ดวง
๒. ผลงานตีพิมพ์
- \"Periods of 25 Variable Stars in the Small Magellanic Cloud,\" Harvard College Observatory Circular 173 (1912).
- \"Standard Photographic Magnitudes,\" Science 30:726 (1909).
- \"1777 Variables in the Magellanic Clouds\", Annals of Harvard College Observatory 15: 87 (1908)
๓. เกียรติคุณ
Honorary Member, American Association of Variable Star Observers
๔. ประวัติการทำงาน
ค.ศ. 1895-1900 อาสาสมัครผู้ช่วยนักวิจัยที่ Harvard College Observatory
ค.ศ. 1902-1921 พนักงาน Harvard College Observatory Head, Department of Photographic Photometry
๕. การศึกษา
Oberlin College 1885-1888
B.A. Radcliffe College 1892
 
ผู้เขียน : พวงร้อย
เนื้อหาย่อ : ประวัติย่อของนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์รุ่นบุกเบิกที่สำคัญท่านหนึ่ง
ที่เกิดมาในยุคที่ผู้หญิงถูกดูถูกว่า ไม่ฉลาดเท่าผู้ชาย
ความสามารถทางสมองของผู้หญิงมักจะไม่เป็นที่ยอมรับกัน แต่ความสามารถ..
อ้างอิงจาก www.vcharkarn.com
*******************************************************************
เฮนเรียตต้า ลีวิต เป็นนักดาราศาสตร์ที่ค้นพบทฤษฎีที่สำคัญที่สุดทฤษฎีหนึ่งทางดาราศาสตร์
คือทฤษฎีความสัมพันธ์ระหว่าง คาบและความสุกสว่างของดาวแปรแสง Period-luminosity Relationship
ในยุคบุกเบิกของวิชาดาราศาสตร์ฟิสิกส์ ที่มนุษย์เรายังไม่ทราบด้วยซ้ำว่า
ชาวโลกอยู่ในระบบกาแล้กซี่ทางช้างเผือก และยังไม่มีใครทราบถึงว่า ระบบกาแล้กซี่คืออะไร
เมื่อกล้องถ่ายภาพขึ้นมา นักดาราศาสตร์ก็นำมาใช้ถ่ายภาพดวงดาว เพื่อศึกษา
แต่อุปสรรคสำคัญก็คือ เราไม่สามารถบอกได้ว่า ดวงดาวเหล่านั้น อยู่ห่างจากโลกเท่าไร
และเมื่อกำลังขยายของกล้องก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีการค้นพบสิ่งใหม่ๆในท้องฟ้าเป็นอย่างมาก
แต่การหาระยะทางว่า สิ่งเหล่านั้นห่างจากโลกไปเท่าไร ก็ทำให้บอกไม่ได้ว่า ขนาด ของวัตถุนั้น ใหญ่น้อยเพียงไร
เฮนเรียตตา ลีวิต เกิดเมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม คศ ๑๘๖๘ ในเมือง Lancaster
รัฐ แม็สสาชูเส็ตของสหรัฐ จบการศึกษาปริญญาตรีจากวิทยาลัยแร้ดคลิฟ(Radcliffe College)
ซึ่งในสมัยนั้นเป็นสถาบันชั้นอุดมศึกษาเฉพาะสำหรับสตรี ระหว่างเรียนอยู่นั้น
ก็ป่วยหนักจนหูหนวก แต่เมื่อจบแล้ว ก็รู้ว่า ชอบวิชาดาราศาสตร์มาก
ตอนแรกก็ไปอาสาสมัครทำงานอยู่ที่ หอสังเกตการณ์แห่งมหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ด
หน้าที่ของลีวิตนั้น คือถ่ายรูปดาว และคิดกำหนดมาตรฐาน ในการคำนวณหาค่าความสุกสว่างของดวงดาว
จากความสว่างที่จับได้ในภาพถ่าย เพื่อทำแค้ตตาลอกของดาวแปรแสง ลีวิต ศึกษา
กาแล้คซี่ Large Magellanic Clouds ซึ่งเป็นกาแล้คซี่ขนาดเล็กคู่เคียงกับ ทางช้างเผือกของเรา
และได้ค้นพบดาวแปรแสงใหม่ๆถึง ๑๗๗๗ ดวง รวมทั้ง ดาวแปรแสง เซเฟียด
(Cepheid Variables ซึ่งตั้งชื่อหมู่ตามดาวแบบนี้ดวงแรกที่พบคือ Delta Cephei) กว่า ๒๐ ดวง
ลีวิตสังเกตว่า ดาวแปรแสงเซเฟียดพวกนี้ มีคาบการแปรแสงต่างกัน ท่านจึงสรุปเอาเองได้ว่า
ดาวจากกาแล้คซี่เดียวกันพวกนี้ ต้องมีระยะทางห่างจากโลกพอๆกัน ความแตกต่างของ
คาบเวลาแห่งวงจรการแปรแสง(Period) นี้ จะต้องเกี่ยวข้องกับ ความสุกสว่างของดวงดาว(Luminosity)
และได้รวบรวมข้อมูลจากดวงดาวมากมาย อยู่เป็นเวลานาน จนสามารถยืนยันข้อสรุปนี้
ในปี คศ ๑๙๐๘ ความสัมพันธ์นี้ เป็นทฤษฎีขั้นพื้นฐานทางดาราศาสตร์ ที่สำคัญมากที่สุดทฤษฎีหนึ่ง
เพราะช่วยให้เราสามารถนำมาคำนวณระยะทางของดวงดาว เพียงการศึกษาคาบเวลาการแปรแสง
ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยากจากพื้นโลก และทฤษฎีนี้ เป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้ ฮับเบิล
นำมาใช้ในการพิสูจน์ว่า จักรวาลของเรากำลังขยายตัวออกไป
เป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งว่า เจ้านายของเธอคือ Pickering มองไม่เห็นถึงศักยภาพของผู้หญิง
ที่เขาจ้างมาทำงานที่ละเอียดมากๆ คือการถ่ายรูปดาวนับหมี่นนับพันดวง
และบันทึกความสว่างในแค้ตตาลอก ด้วยการนั่งคิดเลขทั้งวันในห้องทำงานแคบๆเล็กๆ
ผลงานของทีมงานที่ ลีวิต ร่วมทำอยู่นี้ เป็นข้อมูลพื้นฐานที่ เฮิร์ตสปรัง และ รัสเซิล
นำมาประกอบกันเป็น ผัง เฮิร์ตสปรัง-รัสเซิล ที่เป็นเหมือนกระดูกสันหลังของความเข้าใจวัฏจักรของดวงดาวทีเดียว
เฮนเรียตต้า ลีวิต เกิดมาในยุคที่ผู้หญิงถูกดูถูกว่า ไม่ฉลาดเท่าผู้ชาย
ความสามารถทางสมองของผู้หญิงมักจะไม่เป็นที่ยอมรับกัน ได้เสียชีวิตไปใน คศ ๑๙๒๑
ในขณะที่อายุยังน้อย ด้วยโรคมะเร็ง นักวิทยาศาสตร์ชาวสวีเดน
Professor Mittag Leffle ได้เสนอชื่อ ลีวิต เพื่อพิจารณารับรางวัลโนเบล
แต่ลีวิตได้เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว และไม่ได้รับรางวัลโนเบลแต่อย่างใด
ผลงานสำคัญ
๑. ค้นพบ ดาวแปรแสง ใน Magellanic Clouds ถึง ๑,๗๗๗ ดวง
๒. ผลงานตีพิมพ์
- \"Periods of 25 Variable Stars in the Small Magellanic Cloud,\" Harvard College Observatory Circular 173 (1912).
- \"Standard Photographic Magnitudes,\" Science 30:726 (1909).
- \"1777 Variables in the Magellanic Clouds\", Annals of Harvard College Observatory 15: 87 (1908)
๓. เกียรติคุณ
Honorary Member, American Association of Variable Star Observers
๔. ประวัติการทำงาน
ค.ศ. 1895-1900 อาสาสมัครผู้ช่วยนักวิจัยที่ Harvard College Observatory
ค.ศ. 1902-1921 พนักงาน Harvard College Observatory Head, Department of Photographic Photometry
๕. การศึกษา
Oberlin College 1885-1888
B.A. Radcliffe College 1892
 
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น