ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Don't Love You No More ขอโทษทีพ พอดีรักนายมากไปหน่อย

    ลำดับตอนที่ #3 : เรืื่องราวครั้งที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ย. 56





    ตอนที่ 3 ฉัน เธอ และนาย


    สองวันต่อมา เวลา 8.30 ที่ห้องเรียนชั้นม.5 ห้อง 1

                ร่างบางสองร่างก้าวเข้ามาในห้องเรียนห้องสี่เหลี่ยมขนาดแปดคูณแปดเมตร ส่งผลให้เกิดความฮือฮาในห้องเรียนที่บรรจุนักเรียนเกือบห้าสิบชีวิตไว้ขึ้นมาทันที หญิงสาวสองคนที่คนหนึ่งนั้นเหล่านักเรียนคุ้นตาเป็นอย่างดี กับอีกคนหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากเหล่านักเรียนชายมากเป็นพิเศษ แน่นอนว่าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากอาจารย์ที่ปรึกษากับเพื่อนใหม่นั้นเอง

                "อ๊ะ!!นี่พวกเธอ เงียบๆกันหน่อย ครูจะให้เพื่อนใหม่เขาแนะนำตัวเอง อ๊ะพูดเลยลูก อย่าไปกลัวไอ้พวกนี้ ฉีดยาแล้วทุกคนครูรับรอง" สิ้นเสียงอาจารย์ก็มีเสียงโห่เบาๆมาจากเหล่านักเรียน ที่ได้เชื้อแบบนี้มาก็มาจากอาจารย์ไม่ใช่รึไงกันล่ะครับ!!

                "ดิฉัน คณิกานต์ อนันต์มรกต ค่ะ ชื่อเล่นชื่อ คานัน เพิ่งย้ายมาจากโรงเรียนสตรีคาร์ทอเรียล ฝากตัวด้วยนะคะ" น้ำเสียงหวานใสกับรูปร่างเล็กๆ บอบบาง น่าทะนุถนอม ทำเอาพวกนักเรียนชายหัวใจละลายกันเป็นแถบๆ หากไม่ติดว่าสาวเจ้าดันเอ่ยปากขอนั่งติดกับท่านเซที่เป็นหัวหน้าห้อง แถมยังบอกว่าเป็นเพื่อนเก่าสมัยปะถมอีกต่างหาก

                " เราได้เจอกันจนได้นะเซ" คานันยิ้มหวานให้เซ ซึ่งทำให้เขาต้องยิ้มตอบ ทั้งคู่คุยกันจนอาจารย์เริ่มสอน และตลอดการเรียนทั้งวันนี้ เซตัวติดกับคานันตลอด ทั้งพาชมโรงเรียน พาไปกินข้าว เรียกว่าเทคแคร์เสียจน ไม่มีใครคิดว่าทั้งสองคนเคยเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ ใช่ รวมทั้งขุนเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน

                "เฮ้ยขุน วันนี้นายดูแปลกๆไปนะ ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า?" วายุ เพื่อนหนึ่งในเพื่อนร่วมห้องและผู้เขียนบทละครที่เขาต้องเล่นเดินมาถามหลังเลิกเรียนแล้ว เพราะเขายังต้องมีซ้อมละครต่อ หากไม่สบายเกรงว่าอาจส่งผลการแสดงด้วย

                "ไม่ล่ะ ฉันโอเค" ขุนบ่ายเบี่ยงแล้วลุกไปแสดงต่อ ปล่อยให้วายุยืนคิ้วขมวดอยู่ลำพัง "โอเค โอเคบ้าอะไร หน้าอย่างกับคนหมดอาลัยในชีวิต" วายุพึมพำเบาๆ ก่อนจะสลัดความคิดอื่นทิ้งไปแล้วไปดูการแสดงต่อจนจบ

                "วันนี้เลิกเร็วหน่อย แฟนนายคงไม่ว่าอะไรพวกฉันใช่ไหมนายขุน" เสียงล้อเลียนจากแพรพันและคนอื่นไม่ได้ทำให้ขุนโกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย ตรงข้ามเขากลับเมินเฉยจนคนอื่นๆแปลกใจเสียด้วยซ้ำ เขาออกมาจากห้องซ้อมแล้วรีบเดินเพื่อจะกลับบ้าน แต่ระหว่างทางก็ต้องเจอกับเซที่กำลังเดินกะหนุงกะหนิงอยู่กับคานัน สองคนนั้นคุยกันถูกคอในหลายเรื่องๆ ไม่ว่าจะกีฬา อาหาร เพลง หนัง แม้แต่งานอดิเรกต่างๆ

                "จะว่าไป เซมีแฟนรึยังเหรอ?" คำถามของคานันแว่วมาเข้าหูขุนที่เดินตามหลังทั้งคู่คนไม่ไกลนัก เซกับคานันคงไม่รู้ตัวว่าเขากำลังเดินตามทั้งสองคนอยู่ อะไรบางอย่างบอกให้ขุนรีบเดินไปทางอื่นหรือเดินแซงหน้าทั้งสองคนไป แต่ขาเจ้ากรรมกลับไม่ยอมทำตาม

                "ไม่มีหรอก ถ้าจะมีก็คงจะเป็นเธอนี้แหละ" สิ้นคำตอบเซ ขุนรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอ ความรู้สึกแปลกๆก่อตัวขึ้นอย่างประหลาด มันเป็นความรู้สึกที่ขุนเองก็ไม่เข้าใจ เขากับเซเป็นเพื่อนกันแถมยังเป็นผู้ชายทั้งคู่ไม่มีทางที่เขาจะชอบเซได้หรอก ขุนสลัดหัวไล่ความคิดออกไปไกลๆ แล้วจึงตัดสินใจวิ่งเข้าไปทักทั้งสองคน

                "โย่วเซ ไงคานัน ทำไมกลับบ้านเย็นจัง" ขุนยิ้มร่า พยายามกลบความรู้สึกแปลกๆนั้นเอาไว้ โชคดีที่คานันไม่ได้เอะใจอะไร เธอยิ้มให้ขุนก่อนจะตอบเสียงหวานกลับมา

                "คือ เราว่าจะลองเขาซ้อมชมรมมวยเหมือนกับเซน่ะ เลยลองมาคุยกับปะธานชมรมดู แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเซไปได้"

                "ก็ฉันบอกเธอแล้วว่าฉันเป็นปะธานชมรม เธอไม่เชื่อฉันเองนี่ยัยบ๊อง" เซดันหัวคานันเบาๆแล้วหัวเราะ รอยยิ้มที่ดูสดใสของเซที่ยิ้มให้คานัน ยิ่งทำให้ขุนรู้สึกเจ็บจี๊ดๆกว่าเดิมซะอีก ทั้งสามคนเดินกลับบ้านด้วยโดยที่ระหว่างที่ขุนแทบจะพูดนับประโยคได้ ปล่อยให้เซและคานันได้มีโอกาสคุยกันตามประสาเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันมานาน

                "งั้น เดี๋ยวเราแยกกันตรงนี้นะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะเซ ขุน บายจ้ะ " คานันแยกเมื่อถึงทางกลับบ้านของเธอ ปล่อยให้เซกับขุนเดินกลับตามลำพัง ระหว่างทางไม่มีใครเปิดปากคุยอะไรเลย จนในที่สุด ขุนก็ตัดสินใจพูดเรื่องๆหนึ่งออกมา

                "เซ ฉันมีคู่หมั้นแล้วว่ะ" เซไม่ตอบ ขุนจึงพูดต่อไป "เมื่อสองวันก่อน แม่ฉันพาฉันไปหาเพื่อนแม่ แล้วก็บอกว่าฉันกับลูกสาวเขาน่ะโดนจับหมั้นมาตั้งแต่เด็กแล้ว ตลกว่ะ! แม่ทำอะไรไม่ถามฉันสักคำ แกคิดดูดิ คนอย่างฉันเนี่ยนะจะมีคู่หมั้น ฟังเหมือนนิยายโบราณเลยว่าไหม?"

                "ก็ดีแล้วนี่" อาการที่เซที่นิ่งสนิทไม่มีท่าทีอะไรเลยทำให้ขุนแปลกใจ "มีคู่หมั้น มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ได้ข่าวว่าน่ารัก รวย แถมเรียนเก่ง เป็นกุลสตรีอีกต่างหาก มันก็ตรงสเปคแกดีไม่ใช่รึไง"

                "ไอ้เซ แกต้องการจะสื่ออะไรกับฉันกันแน่ ฉันว่าวันนี้แกดูแปลกๆนะ ในที่สุด ขุนก็ทนไม่ไหว ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเซแปลกไป ในเมื่อวันนี้ทั้งวันมันยังไม่ยอมเปิดปาดคุยกับเขาเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้ไปกินข้าวคนเดียว แถมยังคิดจะให้เขาเดินกลับคนเดียวอีกต่างหาก "เพราะคานันงั้นเหรอที่ทำให้แกแปลกไป?" ขุนถามเสียงเครียด เซไม่ตอบแต่กลับหันหน้ามาจ้องตาขุน ด้วยความสูงของขุนที่สูงเพียง175 cm. กับเซที่สูง 184 cm. ทำให้ในยามนี้ เซดูจะทำอะไรกับเขาก็ได้ทั้งนั้น

                "นายรู้ตัวว่ากำลังทำอะไร เรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของนาย ไม่ใช่คานัน!!" เซกระแทกเสียงก่อนจะเดินจากไป ปล่อยให้ขุนยืนงงกับสิ่งที่เซพูด เขาทำอะไรผิดงั้นหรือ ทำไมเซถึงโกรธเขา มันควรจะเป็นเขาสิที่ต้องโกรธ? แล้วที่เซพูดกับคานันมันเป็นเรื่องจริงรึเปล่า? รวมถึง ไอ้ความรู้สึกแปลกๆนั้นด้วย

     

                เซไม่เข้าใจตัวเองเลยสักนิด แต่เขารู้ว่าขุนมีคู่หมั้นก่อนที่เจ้าตัวจะมาบอก ทำไมเขาถึงต้องหงุดหงิดขนาดนี้ สองวันก่อนเขารอขุนทั้งวัน ถึงแม้จะเที่ยวเล่นกับคานันบ้างก็จริง แต่หลังจากเธอกลับไป เซก็ยังแอบหวังลึกๆว่าขุนจะโทรกลับมาหาเขาบ้าง แต่มันก็ไม่มีอะไรเลย!! วันต่อมา ระหว่างที่เขากำลังซ้มมวยอยู่ที่ชมรม ก็มีเพื่อนในห้องคนหนึ่งมาเล่าให้ฟังว่าเห็นน้องสาวขุนโพสต์ว่าตัวขุนเองมีคู่หมั้นไปแล้ว มันยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดเป็นทวีคูณ เพื่อนคนนั้นเล่าสิ่งที่ได้ยินมาจากมาม่อนน้องสาวเจ้าขุนให้ฟังอย่างละเอียด แน่นอนว่าเซไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมต้องมาเล่าให้เขาฟัง และไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกโมโหถึงขนาดนี้ด้วย!!!

                "เป็นบ้าอะไรวะไอ้เซ!!" เขาหงุดหงิดตัวเองจนเผลอระบายอารมณ์ใส่กำแพงที่อยู่แถวๆนั้น เซรัวกำปั้นใส่กำแพงนับครั้งไม่ถ้วนจนเลือดอาบเขาก็ยังไม่หยุด และก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรมากไปกว่านี้คานันก็มาเจอซะก่อน

                "เซ ทำบ้าอะไรน่ะ!!" เธอรีบวิ่งเข้ามาห้ามแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเลือดให้เซอย่างระมัดระวัง

                "คานัน ทำไมมาอยู่แถวนี้ได้" ก็เธอขอตัวแยกกลับบ้านไปแล้วนี่นา และบ้านเธอก็ไม่ได้อยู่ทางนี้ด้วย

                "ฉันว่าจะเอาสมุดเคมีมาให้เซน่ะสิ แล้วเธอน่ะเป็นบ้าอะไร อยู่ๆทำไมต่อยกำแพงแบบนี้ล่ะ ไปๆ ไปคุยกันที่บ้านเลย" ในที่สุดเซก็กลับถึงบ้าน โดยมีคานันที่คอยเดินตามทุกฝีก้าว เมื่อเข้ามา เธอถือวิสาสะเดินเข้าไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลที่อยู่หลังตู้เย็นมาทำแผลให้เขาทันที เซอาศัยอยู่คอนโดกับพ่อและแม่ แต่เมื่อเดือนก่อน ทั้งพ่อและแม่ต้องไปดูงานที่อังกฤษเลยทำให้เขาต้องอยู่คนเดียวไปพลางๆก่อน

                "วันหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ" คานันพูดเสียงเบาๆ เธอใช้ผ้าก๊อซพันมือเซเอาไว้ก่อนจะกุมมือเขาแล้วพูดอีกครั้ง "ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยเซก็ยังมีฉันนะ"

                "ขอบคุณคานันที่เป็นห่วง แต่ฉันไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ เธอกลับบ้านเถอะ" เซยิ้ม อย่างน้อยเขาก็ไม่อยากให้คานันเป็นห่วงเขามากไปกว่านี้

     

                "ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ พี่ขุน" เมื่อเปิดประตูบ้านมาขุนก็แทบช็อกเมื่อเห็นว่า นุ่น คู่หมั้นของเขามาต้อนรับกันถึงประตูหน้าบ้าน ไหนตอนแรกยังอยู่ตั้งสระบุรี แล้วไหงวันนี้มาโผล่ที่กรุงเทพได้ล่ะครับเนี่ย!!

                "แหมดูสิ เจอหน้าน้องนุ่นทีทำอะไรไม่ถูกเลย เอ้าเข้ามาๆ" เสียงแม้กำลังหัวเราะอยู่ในลำคออย่างเอ็นดู ใช่ครับแม่ ผมทำอะไรไม้ถูกเลย เมื่อจู่ๆก็เห็นยัยบ้านี่มันอยู่ในบ้านตัวเอง ทั้งที่เมื่อสองวันที่แล้วยังอยู่สระบุรี!!

                "ตั้งแต่วันนี้ไปนุ่นจะย้ายมาบ้านอยู่ข้างๆบ้านพี่ขุนน่ะค่ะ คุณแม่บอกว่า เราจะได้ไม่ห่างกันไกล" นุ่นยิ้ม ขุนไม่ได้อยากทำร้ายจิตใจของสาวน้อยหรอกนะ แต่ถ้าห่างกันไกล ใช้คัตเตอร์แทนก็ได้นี่ครับ!!

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×