คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : [SF] ONE PAIN (2/2) JamesXTon *G
Author : ป่านนยงเง้อง้ะ
Couple : JamesXTon
Type : Short-Fic
Genre : Romantic-Drama
Rate : G
Talk : ไม่มีอะไรมาก นอกจาก ทำไมชอบอัพตอนช่วงนี้จัง? (แอบสงสัยตัวเอง) แล้วก็เม้นด้วยกันนะจ๊ะ :)
*ต้องอ่านพาร์ทนี้ด้วยนะ จะได้เข้าใจอะไรดีขึ้น 55555555555
How to ?
ผมจะทำยังไงนะ ?
ผมจะทำวิธีไหน ?
ที่มันจะช่วยทำให้คุณหายจากความกังวลนั้นได้
หากผมรู้ละก็ ... ผมจะช่วยคุณเต็มที่เลย !
ภายในร้านคอฟฟี่ชอปแห่งหนึ่งใจกลางเมืองใหญ่ ที่บรรยากาศภายในนั้นอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟสดชั้นดีที่เจ้าของร้านได้สรรหามาให้ลูกค้าทั้งหน้าเก่าใหม่ได้ลิ้มลองกัน พร้อมทั้งเบเกอรี่อุ่นๆ หอมกรุ่นจากเตาที่พ่อครัวเอกด้านหลังบรรจงสร้างสรรค์มันขึ้นมาราวกับเป็นศิลปะชั้นเอก เสียงเช็ดแก้วบนเคาน์เตอร์ดังขึ้นเป็นจังหวะเบาๆ คลอกับดนตรีคลาสสิคที่เปิดเป็นประจำ
พร้อมทั้ง ชายหนุ่มในชุดนักเรียนมัธยมปลาย ใบหน้าได้รูปของเขานั้นดูดีทีเดียวเมื่อต้องกับแสงไฟสีเหลืองอ่อนในร้าน อันที่จริง แค่ไม่มีแสงอะไรใบหน้าของเขาก็คงดูดีไม่แพ้กัน เขานั้นนั่งอยู่ตรงโต๊ะตัวเดิม และข้างๆก็ถูกวางไว้ด้วยกาแฟลาเต้แก้วโปรดแก้วเดิม
แต่ที่แปลกไป ก็คือ ... ทำไมวันนี้เขาถึงมานั่งคนเดียวนะ ?
“ต้น ยืนเหม่อมองอะไรอยู่น่ะ” ทันทีที่เพื่อนสนิทที่ยืนเช็ดแก้วอยู่ข้างๆทักขึ้น ร่างบางถึงกับสะดุ้งโหยงก่อนที่จะปล่อยแก้วที่ตนเช็ดอยู่เหมือนกัน ให้หล่นไปตามแรงโน้มถ่วงและกระทบกับพื้นร้านเสียงดัง
เคร้งงงง ! ))))
คนทั้งร้านหันมามอง รวมถึงคนที่เขาเพิ่งมองเมื่อกี้ด้วย และถ้าเขาตาไม่ฝาด
คนๆนั้น กำลังยิ้มมาทางเขางั้นหรอ?
นี่เขาทำอะไรเปิ่นๆลงไปต่อหน้าคนๆนั้นได้ยังไงกันเนี่ย ? ธนษิตนึกเจ็บใจตัวเอง ก่อนที่จะมารู้สึกตัวอีกทีเมื่อเจ้าของร้านเดินออกมาดูผลงานเศษแก้วกาแฟที่เขาเพิ่งทำแตกไป
“เจ้าต้นนี่เป็นแก้วใบที่ 3 ของเดือนนี้แล้วนะ”
“ขอโทษครับป้าอารี ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“ฉันไม่อยากหักเงินเดือนเธออีกแล้วนะต้น เพราะที่หักไปเนี่ย ก็เกือบจะไม่เหลือเงินเดือนจะจ่ายให้เธอแล้วนะ” หญิงวัยกลางคนท่าทางใจดี ที่มีฐานะเป็นเจ้าของร้านนี้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแลดูหนักใจมิใช่น้อย ต้นก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิด
“เอาเถอะ ครั้งนี้ฉันจะไม่หักเงินเดือนเธอ คราวหน้าคราวหลังก็ระวังหน่อยละกันนะ” หล่อนกล่าวพลางกุมขมับเดินเข้าหลังร้านไป พร้อมกับที่เพื่อนสนิทของเขาเดินเข้ามาพร้อมกับอุปกรณ์เก็บกวาด
“แหม เตรียมพร้อมเชียวนะ แพรว” ต้นเอ่ยแซวเพื่อน พลางรับไม้กวาดอันเล็กกับที่ตักผงมาเก็บกวาดเศษแก้ว
“ช่วงนี้นายดูแปลกๆไปนะต้น มีอะไรหรือเปล่า?” แพรวเอ่ยถามเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง เพราะปกติต้นเป็นคนที่ระมัดระวังมากกว่านี้ แต่ช่วงนี้เขาดูเหม่อลอยผิดปกติ
“ไม่มีอะไรหรอกน่า เธอเช็ดแก้วต่อเถอะ”
“ไม่มีอะไรได้ไงกัน ฉันสังเกตนะ ตั้งแต่มีลูกค้าประจำเป็นผู้ชายโรงเรียนเดียวกับนาย นายดูแปลกไปจริงๆ หรือว่า” แพรวพูดแหย่เพื่อนรัก ต้นเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนอย่างค้อนๆ พร้อมกับเดินเอาเศษแก้วที่กวาดมาไปทิ้งถังขยะ แพรวได้แต่มองตามไปอย่างเป็นห่วง อย่าคิดว่าเขาไม่รู้นะ ว่าไอ้ต้นน่ะแอบมองผู้ชายคนนั้นอยู่ตลอด
หรือว่าต้นจะชอบเขาคนนั้นจริงๆ
แต่จะชอบได้ยังไงละ ก็เขามีแฟนแล้วนี่นา
“น้องต้นจ๋า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว นายช่วยเอาขยะนี่ไปทิ้งหลังร้านด้วยละกันนะ” พ่อครัวเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นเขาเอาเศษแก้วเข้ามาทิ้งในถังขยะที่ห้องครัว ร่างบางถอนหายใจเล็กน้อยก่อนที่จะผูกถุงขยะแล้วก็ยกไปที่หลังร้าน
“ดูสิ ทำหน้าบูดแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ” ยังไม่วายถูกคุณลุงพ่อครัวแซวตามหลังไปอีกหนึ่งดอก ต้นหันมาค้อนใส่เล็กๆก่อนที่จะเดินยิ้มกว้างไปที่หลังร้าน
ทันทีที่เขาเปิดประตูด้านหลังออกมา ควันบุหรี่จากที่ไหนก็ไม่รู้ตั้งมากมายต่างยื้อแย่งกันมาเข้าจมูกของเขาเหลือเกินทำเอาร่างบางไอค่อกแค่กก่อนที่จะมองหาตัวการ นี่มันควันบุหรี่หรือว่าไฟไหม้กันแน่เนี่ย ?
“นี่ คุณรู้มั้ยว่าสูบบุหรี่มันส่งผลเสียต่อสุขภาพนะ” เสียงคนน่ารักอู้อี้เป็นเพราะว่าเจ้าตัวกำลังปิดจมูกพูดอยู่ สักพักพอควันเริ่มจาง ร่างบางแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
ผู้ชายคนนั้น
คนที่เขาแอบมองอยู่ตลอดเวลา
ไม่ว่าจะเป็นที่ร้านนี้ หรือว่า ที่โรงเรียน
“ขอโทษนะ ไม่คิดว่าจะมีคนมา” ร่างสูงในชุดนักเรียนกล่าว พร้อมกับโยนบุหรี่ส่วนที่เหลือลงกับพื้นพร้อมกับใช้เท้าขยี้มันจนแบน
“ผมแค่เอาขยะมาทิ้งน่ะ” ต้นชี้ไปที่กองขยะพลางหัวเราะแห้ง แก้มขาวใสตอนนี้มันร้อนขึ้นอย่างประหลาด
“นายนี่ซุ่มซ่ามอย่างนี้ตลอดเลยรึเปล่า?” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น พร้อมกับขำน้อยๆ จนต้นแทบอยากจะมุดดินหนีจากตรงนี้ไปเสียให้ได้ ทำไมรู้สึกขายหน้าแบบนี้นะเนี่ย?
“แล้ววันนี้เพื่อนคุณไม่มาด้วยหรือครับ?” ต้นรีบเปลี่ยนเรื่อง สักพักหน้าชายคนนั้นก็หงอยลงอย่างเห็นได้ชัด
“เราทะเลาะกันนิดหน่อยน่ะ”
อ๋อ เป็นแบบนี้นี่เอง
มิน่าละ วันนี้ถึงดูเครียดๆ
ทะเลาะกับคนสำคัญนี่เอง
“แล้วคุณง้อเขาหรือยังละครับ?”
“ง้อ ? “ ร่างสูงทวนคำพูดของต้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงตกใจ
“คนอย่างฉันไม่เคยง้อใครก่อน? อีกอย่างเรื่องนี้ฉันไม่ได้ทำผิดสักหน่อย เขานั่นแหละผิดที่ไม่ยอมเข้าใจในสิ่งที่ฉันเป็น”
“แต่ถ้าคนเรารักกัน ง้อแค่นี้จะเป็นอะไรไปละครับ” ต้นเอ่ยยิ้มๆ
“ถ้าคุณมัวแต่ถือทิฐิแบบนี้ คนที่ไม่สบายใจที่สุด ... จะเป็นตัวคุณเองนะครับ”
ร่างสูงยืนนิ่งสักพัก ก่อนที่จะหันมามองคนน่ารักที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ
นั่นสินะ เพราะตอนนี้
ก็มีแต่เขาที่ทุกข์ใจอยู่ฝ่ายเดียว
“ขอบคุณนะ ฉันสบายใจมากขึ้นแล้วละ”
ต้นยิ้มตอบกลับไป ก่อนที่เขากำลังหันหลังจะเดินกลับเข้าทางหลังร้าน เสียงทุ้มนั้นก็เอ่ยขัดไว้
“เดี๋ยว นายเอ่ออ... ชื่ออะไรหรอ?”
“ต้นครับ ผมชื่อต้น”
“ฉันชื่อเจมส์นะ ยินดีที่ได้รู้จักนาย”
“เช่นกันครับ” ร่างบางยิ้มกว้างให้เขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเดินกลับเข้าร้านไป
สักพักเจมส์ก็กลับเข้ามานั่งที่โต๊ะ และดูเหมือนเขากำลังทำการตัดสินใจอะไรบางอย่างอยู่ ต้นจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาอีกครั้ง
“ต้องการความช่วยเหลืออะไรอีกมั้ยครับ?” ร่างบางเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม
“คือว่าฉันอยากติดต่อเขาน่ะ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี”
“ส่งข้อความไปสิครับ ประโยคที่คุณคิดว่า มันดีที่สุดสำหรับสถานการณ์ตอนนี้น่ะ” เจมส์คิดอยู่นานก่อนที่จะพิมพ์อะไรบางอย่างลงไป พอพิมพ์เสร็จเขาก็ยื่นมันให้ร่างบางดู
‘คชา ...พี่ขอโทษนะ’
ร่างบางมองข้อความสั้นๆในมือถือแล้วก็พยักหน้าให้เจมส์
หากมองผิวเผินแล้ว มันเป็นข้อความที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมาย
แต่มันเป็นข้อความที่ออกมาจากใจ
มันออกมาจากใจของผู้ชายคนนี้ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ เขาอยากได้มันสักครั้งในชีวิต
“ไม่รู้ผลจะเป็นยังไงมั่งเนอะต้น” ร่างสูงพูดลุ้นๆ แล้วสักพักเสียงมือถือของเขาก็ดังขึ้น ร่างสูงขอตัวไปรับสายข้างนอกร้าน เจมส์คุยอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะวิ่งเข้ามาพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม เขาเดินตรงมาทางต้นพร้อมกับกอดร่างบางไว้แน่นด้วยความดีใจ
ต้นแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเอง
นี่เขากำลังกอดกับเจมส์อยู่งั้นหรอ ?
มันไม่ได้เป็นเพียงแค่ความฝันลมๆแล้งๆอย่างนั้นใช่มั้ย?
แขนบางยกขึ้นกอดตอบร่างสูงเบาๆ ประจวบกับที่เจมส์ผละออกจากอ้อมกอดพร้อมกับบอกว่า
“เมื่อกี้เขาโทรมา บอกว่าให้ฉันไปหาที่บ้าน ขอบคุณนะต้น ถ้าไม่ได้นาย ฉันคงแย่”
ต้นพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่รู้ว่าเจมส์ พูดขอบคุณกับเขาอีกมากมั้ย? พอรู้สึกตัวอีกที ร่างสูงนั้นก็เดินออกจากร้านไปแล้ว ต้นค่อยๆเดินกลับไปนั่งที่เคาน์เตอร์ โดยที่มีแพรวมองอยู่ด้วยสายตาเป็นห่วง
“ต้น นายโอเคมั้ย? “
“อืมม ... ฉันโอเค ฉันไม่เป็นอะไร ไม่ต้องเป็นห่วง” ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกเจ็บมากขนาดนี้นะ เจ็บจนชาไปหมดทั้งตัว ร่างบางมองเหม่อไปยังโต๊ะตัวที่เจมส์เคยนั่งอยู่ น้ำตาจากไหนตั้งมากมายไหลเอ่อคลอเต็มดวงตาสวย แพรวเห็นดังนั้นจึงรีบเข้ามาปลอบเพื่อน
“ต้น ไม่เป็นไรนะ”
“ฉันเจ็บจังแพรว ฮึก เจ็บจนจะตายอยู่แล้ว ฮือออออ.......“
และสุดท้าย เขาก็เป็นแค่ต้น ที่คงได้แต่แอบมองเรื่อยไป
เป็นต้นที่ได้รับคำขอบคุณมากมายจากเจมส์
ไม่เป็นไรหรอกเจมส์ ถ้านั่นมันทำให้คุณสบายใจ
ไม่ว่าผมจะเจ็บขนาดไหน ? ผมก็ยินดีทำให้คุณ
FIN
ความคิดเห็น