คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ความฝัน
"ป้าแขกคะ?วันนี้ไม่มีโกโก้ร้อนหรือคะ"
"ก็มีนะค่ะ อยู่ตรงหน้าคุณหนูพัดนะค่ะ หรือว่ามันไม่อร่อยคะ?"ป้าแขก ผู้สูงวัยแม่บ้านที่จงรักภักดีทำงานกับตระกูลอภิมโหฬารมาชั่วลูกชั่วหลานโดยที่ไม่คิดหวังผลกำไรเพราะคุณย่าของพัดชาใจดีมีเมตตากับเธอ ให้คนที่ไร้ค่าเคยติดยาเสพติดอย่างเธอได้มีโอกาสกลับตัวกลับใจทำให้เธอซึ้งในพระคุณและจะจงรักภักดีกับตระกูลนี้ตลอดไป
ป้าแขกมองแววตาของพัดชา ทำให้เธอรู้ทันทีว่าไม่ใช่เพราะโกโก้ร้่อนที่ไม่อร่อย เพราะปกติพัดชาจะชอบในรสมือการปรุงของเธอเสมอ แต่ที่วันนี้พัดชาเอาแต่เหม่อ ถอนหายใจ และเอาช้อนคนโกโก้ไม่ยอมทานเสียทีเป็นเพราะมีเรื่องกลุ้มใจต่างหาก เธอเป็นคนเลี้ยงพัดชาตั้งแต่เกิดเธอจึงรู้นิสัยพัดชาดี
"เฮ้อ..ยัยพัดเกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมา"สิริตาค่อยๆเลื่อนเก้าอี้ไม้เบาๆและลุกขึ้นไปคุยกับป้าแขกที่หลังครัว เพระาหาก
อยู่ตรงนี้เธอคงจะเพี้ยนตามพัดชาไปด้วย
"ป้าแขกรู้ใช่ไหมคะ ว่าพัดเป็นอะไร"หญิงสาวไม่รอให้ผู้มากวัยได้พูดอะไรเธอก็รีบชิงพูดก่อนด้วยความเป็นห่วงเพื่อนตัวเองใจจะขาด
ในวันนี้ที่เธอรีบตื่นแต่เช้าเพราะจะมาทำรายงานกับพัดชา ซึ่งพัดชาบอกเธอเสมอว่า ชอบรายงานชิ้นนี้พอได้หาข้อมูลแล้วยิ่งชอบยิ่งอยากทำแต่เพราะเธอเองที่ยุ่งๆเลยไม่ได้มาช่วยพัดชาทำ งานจึงไม่ค่อยเดิน แต่พัดชาก็ไม่โกรธเพราะรู้นิสัยของเธอดีอยู่แล้วว่าถึงอย่างไรสิริตาก็มีความรับผิดชอบต้องทำงานแน่นอน แต่ในวันนี้พัดชากลับดูเหม่อลอย ซึมๆ ผิดปกติจากที่เคยเป็นต้องเหวี่ยงๆวีนๆ แต่มีมุกเด็ดๆให้เธอหัวเราะเสมอ หรือว่าพัดชาจะโกรธเธอเรื่องรายงานเข้าจริงๆ
"ป้ารู้แค่ว่าคุณหนูอารมณ์ไม่ดีนะค่ะ ส่วนที่เหลือลองถามเอาเองนะค่ะ"ป้าแขกขมวดคิ้วพลางส่ายหน้าเบาๆเพราะเธอเองก็รู้แค่นี้และไม่รู้จะทำอย่างไรต่อดี พัดชาเป็นคนอารมณ์ไม่อยู่กะร่องกะรอยเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายยากต่อการรับมือ แม้เธอจะเลี้ยงมาเองกับมือ แต่เวลามีปัญหาแบบนี้บางครั้งเธอก็จนปัญญาเช่นกัน
"เฮ้อ งั้นเดี๋ยวตาไปเอาน้ำส้มให้ยัยพัดดื่มละกันค่ะ เพื่อจะอารมณ์ดีขึ้น"สิริตาตัดบท เพราะหากไม่รู้หนทางจะทำเช่นไรต่อก็อย่างคุยต่อดีกว่า หาหนทางแบบอื่นต่อไปดีกว่า
"เดี๋ยวป้าไปหยิบให้ค่ะ"ป้าแขกยกมือเหี่ยวย่นโบกไปมาเป็นท่าทีว่าเธอเกรงใจเพื่อนของพัดชาแม้จะสนิทชิดเชื้อเคยมานอนค้างกันบ่อยๆแต่เธอก็ต้องช่วยเหลือแขกถึงจะสมเหตุสมผล
ป้าแขกเดินอ้อมโต๊ะรับประทานอาหารในห้องครัวซึ่งเป็นโต๊ะปูผ้าสีชมพูลายสดใส ซึ่งเธอเย็บเองเอาไว้ใช้ปูโต๊ะเพื่อความสวยงาม ตู้เย็นอยู่ใกล้ๆกับหน้าต่างบานเกล็ด ซึ่งข้างๆตู้เย็นมีกล่องกระดาษวางเป็นพะเนินเถินทึก แม้จะไม่ใช่ห้องเก็บของแต่เด็กที่บ้านนี้มักง่ายห้องครัวเดินใกล้กว่าห้องเก็บของเลยวางไว้เสียเลย การที่เธอต้องเดินอ้อมโต๊ะไปทางขวานั้นเพราะกล่องเหล่านั้นอยู่ทางซ้ายมือใกล้ๆกับตู้เย็นเพื่อไม่ให้ชนกล่องพวกนั้นล้มลงมาเลยเดินอ้อมเสียเลย แล้ววันหลังเธอจะมาเก็บกล่องกระดาษพวกนี้เอง
สิริตากวาดตาสำรวจห้องครัวเล็กๆในบ้านหลังใหญ่ มันยังคงเหมือนเดิมเธอมากี่ครั้งกี่ครั้งก็เหมือนเดิมไม่เหมือนกับห้ิองนอน ห้องรับแขกที่โยกย้ายเฟอร์นิเจอร์บ่อยๆ โต๊ะอาหารสำหรับคนใช้วางกลางห้องเด่นหรา โต๊ะนั้นเป็นโต๊ะไม้ธรรมดาแต่เพราะผ้าปูสีชมพูมันเลยดูสวยขึ้นมาทันตา ด้านหน้าโต๊ะนี้มีเครื่องครัววางอยู่บนตะกร้าสีเขียวเล็กๆซึ่งวางบนแท่นวางของ ซึ่งห้องครัวนี้เป็นแบบบิวล์อินเข้ามุม ทุกสิ่งอย่างติดกับผนังบ้านหมดเลย การที่มีห้องครัวแบบนี้ทำให้การใช้สอยสะดวกสบายเพราะแบบบิวล์อินมีทั้งตู้เก็บของ แท่นวางของ เตาแก๊ส รวมๆกันอยู่ เวลาหาของก็ง่ายสบายไม่เหมือนกับบ้านเธอแบบบิวล์เอ้าท์ ซึ่งเป็นภาษาของเธอเอง ทุกอย่างวางระเนระนาดราวกับห้องเก็บของเลยทีเดียว
และนอกจากจะห้องครัวนี้จะแบบบิวล์อินแล้วเฟอร์นิเจอร์ต่างๆล้วนเป็นไม้เกือบหมด รวมถึงทัพพีด้วยซึ่งป้าแขกบอกว่ามันให้อรรถรสความเป็นไทยได้ดีซึ่ง ภัทรคินัย พ่อของพัดชาเองก็ชอบใช้ทัพพีไม้ พัดชาจึงชอบใช้มากเพราะ ครอบครัวนี้นานๆทีจะได้เจอกัน เพราะภัทรคินัยมีงานเยอะทั้งภายในและต่างประเทศจึงไม่ค่อยอยู่ติดบ้าน
แถมความสัมพันธ์ของครอบครัวก็ไม่ค่อยดี ภัทรคินัยทำตัวห่างเหินพัดชาราวกับไม่ใช่พ่อลูกกันตั้งแต่ที่ปทุมมา ภรรยาของเขาทิ้งเขาไปและปล่อยให้เขาเลี้ยงพัดชาอย่างโดดเดี่ยว
ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดที่เธอรู้มาเพราะว่าพัดชามักมาระบายให้เธอฟังบ่อยเธอจึงทราบดีและเห็นใจกับความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ไม่ค่อยราบรื่นแม้ครอบครัวเธอจะรักใคร่กลมเกลียวกันดีและไม่เคยมีเรื่องแบบนี้ก็ตาม
"คุณตาค่ะ เดี๋ยวป้าจะเอาน้ำส้มแก้วนี้กับขนมปังกรอบไปให้คุณหนูนะค่ะ แต่ว่าตอนนี้ป้าปวดห้องน้ำ ขอตัวก่อนนะค่ะ ฝากก่อนนะค่ะ"
ยังไม่ทันที่เธอจะตอบตกลงอะไร ป้าแขกก็รีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำเสียแล้ว ขนาดว่ามากวัยแล้วยังวิ่งเร็วกว่าเธออีก สงสัยเพราะความปวดฉี่ไม่เข้าใครออกใคร เวลาปวดทันใดก็อดจะกลั้นไว้ไม่ได้ ขืนกลั้นมีหวังเขื่อนแตก!
สิริตาถอนหายใจเบาพลางรวบกระโปรงลายสกอตแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ไม้ด้านหน้าของเธอ
"เป็นไปได้หรือเปล่านะ?"พัดชามองใบหน้าขาวๆของตัวเองในกระจกพลางถอนหายใจยาวเหยียดเหมือนเมื่อครู่
ที่เธอมานั่งอยู่หน้ากระจกเพราะว่าอยากอยู่คนเดียว ไม่อยากคุยกับใครกระทั่งสิริตาที่เธอมักชอบปรึกษาเวลามีปัญหาแต่คราวนี้กลับไม่อยากคุยกับใครแต่กลับอยากพูดกับตัวเอง..ไม่รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะทำให้เธอบ้าได้หรือเปล่า!
ความฝัน..ที่ใครๆก็ว่าไม่น่าจะเป็นจริง สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะจิตใต้สำนึกเราเอง ..เธอว่าตัวเธอเองเคยเข้าใจกับหลักการแบบนี้ดีแต่ระยะหลังมานี้เธอฝันแปลกๆฝันซ้ำไปซ้ำมา มันเป็นความฝันที่น่ากลัวแต่บางครั้งก็สวยงาม ทุกครั้งที่เธอตื่นเหมือนเธอยังไม่ตื่นจากฝัน ฝันนั้นมันติดใจเธอเสมอ จึงทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเสมอ
พัดชามองชุดนอนลายหมีพูลห์กับผมยุ่งเหยิงของตนในกระจก ทุกครั้งหากเธอเห็นภาพที่ตนหมดสภาพแบบนี้คงต้องจัดการแปลงโฉมให้สวยเสียยิ่งกว่านางฟ้า แต่วันนี้กลับไม่อยากทำอะไรเลย ซึ่งเธอเองยังประหลาดใจตัวเองเลย
ความฝันไม่เหมือนกันสักวันบางวันน่ากลัว บางวันน่าประทับใจ แม้จะทำให้เธอรู้สึกกังวลแต่เธอไม่เคยแสดงอาการใดๆให้ใครรู้แต่ในวันนี้มันอึดอัด ไม่รู้หากเก็บอาการไว้เธอจะบ้าหรือเปล่า
"หากเมื่อใดที่เจ้าได้พบรักแท้วันนั้นคือหายนะของเจ้า! เจ้าจะต้องพบความทุกข์ตลอดกาล"สิ้นเสียงคำสาปแช่งนั้น ชายชราหันไปพยักหน้ากับชายหนุ่มร่างใหญ่ข้างๆตนทันที
"พี่ขอโทษที่ทำให้น้องเสียใจ พี่เพิ่งรู้ค่าความสำคัญ..พี่ขอ.."ยังไม่ทันสิ้นเสียงกล่าวคำร่ำลา ดาบคมๆก็ฟันลงบนที่ต้นคอขาวๆทันที
พอเปิดผ้าปิดตาออก ใบหน้าขาวๆเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ดวงตายังเบิกโพลงอยู่ ราวกับเป็นสัญญาณบางอย่างถึงความแค้น ซึ่งเป็นความเชื่อว่าเวลาคนตายตาไม่หลับมักมีบางสิ่งฝังแน่นในใจและจะไม่ยอมไปไหน
สายลมพัดวูบหนึ่งทำให้ขนคอลุกชัน พัดชาถึงกับสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจกลัว
พัดชาค่อยๆยันตัวขึ้นจากโต๊ะเครื่องแป้งหน้ากระจก นี้เธอหลับคาอยู่หน้ากระจกหรือนี้? แล้วเพราะเหตุใดเธอถึงฝันร้ายอีกแล้ว หรือเป็นเพราะจิตใต้สำนึก
หญิงสาวสำรวจใบหน้าตนเองในกระจก ใบหน้าขาวใสบัดนี้กลายเป็นขาวซีดเต็มไปด้วยคราบเหงื่อ ทั้งๆที่ในห้องนอนของเธอ เครื่องปรับอากาศยังไม่เสีย เพิ่งจะซื้อมาได้มา 3 วัน อากาศภายในห้องก็เย็นสบายแต่ไฉนใบหน้าและลำตัวจึงชุ่มเหงื่อเช่นนี้
พัดชาใช้สายตาสำรวจรอบห้องนอนของเธอ ทุกสิ่งอย่างยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเสีย หรือจะส่งผลให้เครื่องปรับอากาศไม่เย็น
ห้องของเธอตกแต่งด้วยโทนสีชมพูขาวตามสไตล์เจ้าหญิงหวานๆ ในความชอบของเธอ และภัทรคินัยเองชอบสีชมพูเธอจึงไม่รีรอช้า สั่งคนงานตกแต่งเป็นโทนสีชมพูทันที เตียงนอนลายเจ้าหญิงตั้งเด่นอยู่กลางห้องนอนใหญ่อันโปร่งสบาย หันหัวเตียงไปทางทิศเหนือซึ่งถือเป็นทิศมงคล เตียงเธอตั้งห่างจากหน้าต่างบานใหญ่ไปไม่กี่เมตรเพราะเธอชอบหากเวลาตื่นขึ้นมาจะได้สดชื่นมาเห็นท้องฟ้า
ส่วนตรงหน้าเธอคือโต๊ะชุดเครื่องแป้ง กระจกตรงหน้าเป็นเพียงกระจกไม้สี่เหลี่ยมธรรมดาซึ่งอาจดูขัดๆกับห้องสไตล์เจ้าหญิง แต่ภัทรคินัยชอบกระจกไม้หรือของทุกอย่างที่เป็นไม้เธอจึงสั่งซื้อมาตั้งไว้ในห้องนอนทันที
"พัด ตื่นยัง?"เสียงแหลมๆดังมาจากหน้าประตูห้องนอนทำให้พัดชาตื่นจากภวังค์ความคิดและรีบ เดินไปเปิดประตูให้สิริตาทันที
"ตื่นแล้วซิ มีอะไรหรอ ทำไมวันนี้มาบ้านฉันละ"หญิงสาวมองใบหน้าของสิริตาด้วยความงุนงง ปากอวบอิ่มนั้นยิ้มบานแฉ่งต้อนรับเธอแต่เธอกลับสับสนและงุนงงเสียมากกว่า
"เธอจะบ้าหรอ ฉันขอถามเธอหน่อยนะ"ใบหน้าขาวๆขมวดคิ้วผูกโบว์ด้วยความสับสน พลางยืนเท้าสะเอวประจันหน้าเพื่อนสาวตัวเองด้วยความแปลกใจแกมรำคาญ
"ถามอะไรก็ว่ามา"พัดชาโบกมือแสดงว่าให้เพื่อนสาวตนเข้ามานั่งในห้องนอนตัวเองก่อนพลางพูดด้วยน้ำเสียงมีแววรำคาญเจือปน
"ยัยพัด เธอเป็นอะไรหรือเปล่าวันนี้แกดูผิดปกติ จริงๆแล้วแกไม่ใช่คนแบบนี้นะ"สิริตานั่งลงบนโซฟาสีครีมตัวเล็กๆข้างเตียงของพัดชาพลางรีบเปิดประเด็นทันที
"วันนี้เธอมีธุระอะไรก็ว่ามาเถอะ"พัดชารีบโบกมือตัดบททันที เพราะขืนเธอบอกไปมีหวังโดนร่ายยาวว่าบ้าแน่นอน ..ก็แล้วใครจะไปเชื่อละ ว่าความฝันที่มันแปลกสุดโลกแบบนี้จะทำให้ตัวเราเองสับสนและวุ่นวายใจจนไม่อยากทำอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
"พัด เราเป็นเพื่อนกันนะ " น้ำเสียงของสิริตาทำให้พัดชาชะงักไปชั่ววูบ มันก็จริงอยู่ที่เป็นเพื่อนกันแต่บางอย่างเพื่อนกันมันไม่จำเป็นต้องบอกหมดก็ได้ แม้ว่าเธอและสิริตาจะเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยมัธยมแถมรั้วบ้านก็ติดกันอีกยิ่งเพิ่มความสนิทสนมเพราะเล่นกันทุกวัน เห็นหน้ากันทุกวัน ยามใดเธอเหงาจะมีสิริตาคอยเคียงข้าง เป็นเหมือนเพื่อนใจเพื่อนแท้ โดยเฉพาะยามที่ภัทรคินัยต้องเดินทางไกลบ่อยๆ เขามักไม่เคยส่งจดหมายมาหาเลย ไม่โทรคุย ทำเหมือนเธอไม่ใช่ลูกแท้ๆ เธอเองมักร้องไห้กับสิริตาบ่อยๆ และสิริตาจะคอยกอดเธอและปลอบใจเสมอ แต่ในยามนี้ช่างแปลกนักเธอไม่สบายใจหนักกว่าที่ผ่านมาแต่กลับไม่ต้องการความช่วยเหลืออย่างจริงใจของสิริตาเลยแม้แต่น้อย
"ฉันรู้ ฉันขอบใจเธอนะ แต่เรื่องบางเรื่อง สิ่งบางสิ่งเราเองก็อยากอยู่คนเดียวเพื่อทบทวนมากกว่านะ" น้ำเสียงอ่อนโยน แววตามุ่งมั่นทำให้สิริตาคลายความกังวลลงไปได้เยอะ บางทีอาจเป็นเรื่องภัทรคินัยที่พัดชากำลังทำใจยอมรับ และพัดชาตอนนี้คงเริ่มเข้มแข็งมากขึ้น
******************************
"เสด็จพ่อ อย่างไรลูกก็ไม่ได้รักน้องอุไรรัศมี ลูกก็จะไม่แต่งงานด้วย ลูกเชื่อในรักแท้"เสียงทุ้มประกาศกร้าวด้วยความมั่นใจพร้อมกับแววตาที่มุ่งมั่น แต่นั้นกลับไม่ทำให้ผู้เป็นบิดาเชื่อเลยแม้แต่น้อย
"เพราะเหตุใดเล่า น้องอุไรรัศมีดีทุกอย่างที่สำคัญลูกเองควรช่วยบ้านเมืองบ้างนะลูก" สุริยนบดี ผู้เป็นบิดาของพณขัณท์พูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนลูกชายตนเองให้ช่วยบ้านเมืองบ้าง เพราะที่ผ่านมาพณขัณท์ไม่เคยช่วยบ้านเมืองเลยเอาแต่เกี้ยวหญิงนางสวรรค์ไปวันๆหนึ่ง
การสงครามครั้งนี้ยิ่งใหญ่นัก หากรบแพ้จะถึงคราววิบัติของสวรรค์ สวรรค์ปวริเสถียรจะกลายเป็นนรกทันใด จากความสุขความสวยงามจะเหลือเพียงซากปรักหักพัง เวทมนตร์ ความงดงามจะอันตธานหายไป เพราะผู้ที่ท้ารบมิใช่นักรบธรรมดา มิใช่เทวดาทั่วไปแต่เป็นดั่งสัตว์นรกในร่างของเทวดา นั้นคือ ฤทธิ์ไกรกาญ เทวดาหนุ่มผู้เต็มเปี่ยมด้วยเวทมนตร์ชั่วร้ายที่เพียงแค่มองตาอาจตายได้ การสงครามครั้งนี้สุริยนบดีเดาใจฤทธิ์ไกรกาญออกว่าต้องการบ้านเมืองของเขาเพียงใด แถมยังต้องการลูกสาวของเขาด้วย พณานันท์นั้นสวยงามยิ่งกว่านางสวรรค์ทั่วไป จึงไม่แปลกที่จะเป็นที่ต้องตาของเทวดาทั่วไปรวมถึงฤทธิ์ไกรกาญด้วย แต่ฤทธิ์ไกรกาญชั่วร้ายเกินกว่าจะมาเคียงคู่ลูกสาวเขา ดังนั้นมีทางออกเดียวนั้นคือพณขัณท์ต้องรวมสองแผ่นดิน นั้นคือ
ปวริเสถียรและหริหาญ เพ่ื่อที่ดินแดนหริหาญดินแดนอันแข็งแกร่งเต็มเปี่ยมด้วยนักรบ วิชาแกร่งกล้า ย่อมจะช่วยเหลือสวรรค์แห่งนี้ได้แน่นอน แต่ติดตรงพณขัณท์ที่ไม่ยอมช่วย เพราะอ้างว่ามีรักแท้ทั้งที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นรักแท้ที่ว่าเลย มีแต่ความกะล่อนเจ้าชู้เสียมากกว่า
"รักแท้...ลูกเชื่อในหัวใจของลูกเอง"พณขัณท์เอามือใหญ่ของตนทาบที่หน้าอกข้างซ้ายด้วยความเชื่อมั่นกับรักแท้
หัวใจของเขาที่หายไปไม่ช้านานจะมีใครมาเติมเต็ม พลังแห่งรักอันแรงกล้าบอกเขาในทุกคืนวัน การรอคอยจะไม่เปล่าประโยชน์ รักแท้กำลังจะมาถึง
*****************************
หญิงสาวนอนฟังเพลงคลาสิกในอ่างน้ำขนาดใหญ่ เย็นวันนี้อากาศร้อนผิดปกติทั้งที่ๆช่วงนี้เป็นฤดูหนาวทำให้เธอทนไม่ไหจึงรีบลงมาแช่ตัวในอ่างน้ำนมที่เธอให้ป้าแขกจัดเตรียมไว้เมื่อครู่นี้เอง
น้ำนมทำให้ผิวรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย เวลามีเรื่องเครียดๆ ทุกข์ร้อนใจเธอมักจะมาอาบน้ำแร่แช่น้ำนมเสมอเพราะเหมือนเธอได้นอนบนสวรรค์น้ำนม มีกลิ่มหอมๆผ่านจมูกเสมอ
เพลงคลาสิกยังคงเล่นเพลงเดิมซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบเพราะเธอกดปุ่มตั้งระบบให้เล่นซ้ำอยู่แค่เพลงเดียว เธอชอบฟังเพลงนี้แม้ในโทรศัพท์มือถือจะมีตั้งหลายเพลงก็ตาม
"ความฝันจะเป็นจริงหรือเปล่านะ เทวดาช่วยตอบพัดชาคนนี้ที"สาวน้อยเอามือเรียวนวดขมับตนเองเบาๆพลางพึมพัมกับตัวเองเบาๆ
ในห้องน้ำส่วนตัวของเธอ ตกแต่งด้วยดอกไม้ต้นไม้นานพรรณ สีสันสบายตา เพราะเธออยากรู้สึกสดชื่นเสมอ
รอบห้องน้ำมีการจัดแต่งแบบบสวนเล็กๆมีนกปลอมๆมาติดเสริมบรรยากาศที่สามารถร้องได้ตลอดเวลาหากเปิดสวิซต์ ดอกมะลิหลายดอกหอมชวนผ่อนคลายวางอยู่ตรงอ่างล้างหน้าใส่แจกันสีชมพูสดสวย
"เฮ้อ!เป็นไปได้ก็บอกกันหน่อยนะ พลังแห่งความรักที่เคยฝันใฝ่ทำให้กลุ้มใจแบบนี้ไม่ไดีเลย"
หญิงสาวพูดพลางหลับตาพริ้มด้วยความเปี่ยมสุขกับเสียงเพลงโปรด ขณะเดียวกันแสงบางอย่างปรากฏขึ้นข้างกายเธอแต่เธอมองไม่เห็นมันทั้งที่ใกล้แค่เอื้อมมือเท่านั้น!!
ความคิดเห็น