คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : สามภพ
ณ เมืองปวริเสถียร
..เมืองสววรค์ของเหล่าเทพยดาทั้งหลาย ประดับประดาด้วยต้นทิยวรรณ หรือต้นทิยน์ ที่ส่งกลิ่นหอมในตลอดทั้งวัน ทางเดินหรือบันไดในสวรรค์ปวริเสถียรก็โรยด้วยกลีบกุหลาบ ส่งกลิ่นหอมทุกคราเวาที่เดิน นอกจากนั้นรอบกายยังมีแต่แสงสว่างสีทองที่สัมผัสแล้วไม่ร้อนแต่เย็นและให้ความอบอุ่น แสงสีทองนี้ทำให้โลกแห่งสวรรค์ไม่มืด ไม่มีกลางคืน มีแต่กลางวัน.. นอกจากนั้นรอบกายยังมีนกเวเหาะเหิน ซึ่งเป็นนกวิเศษ มีปีกเป็นเกล็ดสีทอง ดวงตาสีฟ้าครามน้ำทะเล กินเพียงผลไม้จากต้นทิยวรรณ หรือต้นทิยน์ที่ไม่เพียงมีกลิ่นหอมแต่ยังออกผล ซึ่งมีลักษณะกลมแบน สีทองอร่าม ด้านในมีสีขาวเนียนสะอาด...
...นอกจากความงามของรอบกายแล้ว วิมานของเหล่าเทพยา นางฟ้าทุกองค์ก็สร้างขึ้นจากไม้ของต้นทิยวรรณ ที่มีความแข็งแรง ทนทาน ซึ่งเปลือกไม้และทั้งต้นมีสีทองอร่าม.. ลักษณะของวิมาน..จะมีหลังคาลาดชันมีปลายงอนเชิดขึ้นสู่ท้องฟ้า ฝาวิมานทั้งสองข้างจะเอนเข้าหากันทำให้ดูแล้วมีลักษณะสูงโปร่ง ตัววิมานลอยอยู่บน 'เมฆ ณฤหรรษ์' ซึ่งเป็นเมฆวิเศษมีสีทองอร่ามสวยงาม ลักษณะกลมแบน จะใช้รองรับวิมานของเทพยาและนางฟ้าเท่านั้น.. ภายในวิมานประดับด้วยดอกกุหลาบสรวงสวรรค์ ซึ่งมีลักษณะเหมือนกุหลาบทั่วไปแต่ต่างตรงที่มีทองอร่าม มีกลิ่นหอมตลอดทั้งวัน ไม่เหี่ยวเฉา ตรงก้านไม่มีหนาม ที่ใบตรงเส้นใบแตกแขนงด้วยลวดลายกนก ใบมีสีทองเช่นเดียวกับดอก..
..ตัวด้านในวิมาน มีที่นั่งเล็กๆหรือที่เรียกว่า 'ปรมาสา' ซึ่งจะเรียกเพียงที่สววรค์แห่งนี้ที่เดียวส่วนดินแดนอื่นๆก็จะเรียกแตกต่างกันไป เช่น พระนั่ง เป็นต้น ปรมาสามีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ไม่กว้างและยาวมากนัก มีหมอนเขนยเล็กๆที่ทักจากใบของต้นทิยววรณ ซึ่งมีคุณสมบัติทนทานและเหนียว เมื่อนำมาทักจะไม่พังง่ายและนอกจากนั้นยังมีกลิ่นหอมอีกด้วย ..ปรมาสา มีไว้สำหรับใช้นั่งหรือต้อนรับเหล่าเทวดา นางฟ้าองค์อื่นที่มาเยี่ยมชมวิมานของตนได้..ปรมาสา มีสีทองอร่าม โรยด้วยกลีบกุหลาบรวงสวรรค์ พรมด้วยน้ำทิพย์พรมาส ซึ่งเป็นน้ำทิพย์ที่หอมที่สุดในสววรค์ปวริเสถียร...
..ถัดจาก ปรมาสา ซึ่งมีไว้สำหรับต้อนรับแขกยังมีเตียงนอน ซึ่งเรียกว่า 'ทาลวิมาน' ซึ่งมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ไม่ใหญ่นัก ขนาดปานกลาง มีสีเขียวน้ำทะเล..มีดอกกุหลาบสรวงสววรค์โรยเช่นเดียวกับปรมาสา และยังมีน้ำทิพย์พรมเช่นเดียวกัน..
...ทุกๆวันเหล่าเทวดาและนางฟ้าบนสวรรค์แห่งนี้มักจะตื่นพร้อมกันแล้วออกไปช่วยกันดูแลตรวจตราความเรียบร้อยของสววรค์แห่งนี้ และเมื่อต้นทิยวรรณ ใบร่วงโรยลงมานั้นคือสัญญาณแสดงว่าได้เวลาเย็นแล้ว ให้นางฟ้าและเทวดาทุกองค์กลับสู่วิมานของตน หรือหากใบของต้นทิยวรรณร่วงจนหมดต้น นั้นแสดงถึงลางร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น..
...วันนี้ก็เช่นเดียวกันเหล่าเทวดาและนางฟ้าทุกองค์ต่างมาดูแลตรวจตราความเรียบร้อยของสววรค์ แต่หากตัดมามุมหนึ่งเสียงเกรี้ยวพาราสีเจื้อยแจ้ว..ของเทวดาองค์หนึ่งของสววรค์กับนางสนม..
...''โอ้ นวลน้องงดงามยิ่งกว่านางสววรค์ ทั่วโลกันต์หาใครเทียบเทียมไม่'' 'พณขัณท์' บุตรชายคนโตของ พรคีรี หรือเทวดาผู้ควบคุมสวรค์แห่งนี้ เป็นประมุขของสววรค์..ผู้มีบุคลิกนิ่งเงียบมรไหวพริบปฏิภาณเป็นเลิศ ทำให้ทุกคนในสววรค์ต่างยกย่องและเชิดชู พรคีรี แต่ต่างกับพณขัณท์ ซึ่งบุคลิกขี้เล่น เฮฮา ไม่ได้นิ่งเงียบและฉลาดเหมือนกับบิดาตนจึงไม่แปลกเลยหากๆใครๆไม่เคยชมเขาสักคำ...แต่พณขัณท์ก็มิได้คิดน้อยใจ เพราะเขาเองไม่เคยคิดเรื่องปกครองสวรรค์ ดูแลบ้านเมืองอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เขาคิดมีเพียงการเกี้ยวพาราสีบรรดานางสนมของเทวดาทุกองค์ให้หมด และการแต่งตัวหล่อเพื่อดึงดูดใจบรรดานางสนม วันนี้ก็เช่นเดียวกัน พณขัณท์ แต่งตัวมาในชุดเสื้อแขนยาวสีแดงตัวโปรดของเขา ซึ่งทักจากต้น มฤทัน ซึ่งเป็นต้นไม้ของเมือง ฤทธิ์ ซึ่งเขาเองได้ไปขอต้นนี้มา ตอนที่ไปเยี่ยมเสด็จป้าของเขามา.. ตรงคอเสื้อถักด้วยใบจากต้นทิยววรณ และสวมสังวาลย์สีทองประจำตระกูล.. ส่วนด้านล่างนุ่งโจงกระเบนสีทองซึ่งทักจากต้นทิยวรรณ แล้วคาดด้วยเข็มขัดสีทองลายกนก...
"พระเชษฐาเพคะ" พณานันท์ น้องสาวคนเดียวของพณขัณท์ เป็นนางฟ้าที่งดงามที่สุด ไม่ว่าจะใบหน้าเรียวไข่ ดวงตาคมโต ริมฝีปากเล็กเข้ากับใบหน้า เสื้อผ้าก็เป็นชุดของนางฟ้าชั้นสูง ชั้นของราชวงศ์ที่ปกครองสววรค์ ไม่ว่าจะสไบสีทองอร่ามซึ่งทักจากต้นทิยวรรณ ซึ่งปักด้วยพลอยพระราชา ซึ่งเป็นพลอยของพรคีรี ซึ่งมีลักษณะมีสีแดงอมชมพู เป็นรูปเหลี่ยมห้าเหลี่ยม ส่วนด้านล่างนุ่งผ้าพายัพ ซึ่งทักจากต้นพายัพ ซึ่งเป็นต้นไม้หายากในแดนวชร ซึ่งเธอได้มาจากเสด็จลุง คราวที่เธอไปเยี่ยมมา ลักษณะของผ้าเป็นจีบรอบตัวและคาด เข็มขัดลายกนกเวเหาะเหิน ซึ่งเป็นเข็มขัดประจำตระกูลราชวงศ์ซึ่งตกทอดกันมา
..ในวันนี้เธอเองไม่ได้อยากจะมาขัดจังหวะการเกี้ยวพาราสีของพี่ชายจอมกะล่อนของเธอ..แต่เพราะเสด็จพ่อของเธอ ให้เธอมาตามพณขัณท์ไปพบ ซึ่งเธอเองยังไม่เข้าใจว่าเสด็จพ่อจะให้เธอตามพี่ชายตัวแสบไปทำไมทั้งที่ใครๆก็รู้ทั่วสวรรค์ว่าพณขัณท์ไม่เคยสนใจเรื่องแบบนี้!!
*******************
ณ บ้านอภิมโหฬาร
..บ้าน อภิมโหฬาร บ้านของภัทรคินัยซึ่งเป็นบ้านที่ตกทอดจากรุ่นปู่ยายตาทวดมา บ้านหลังนี้ยังคงมีสภาพงดงามดั่งเดิม แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไร ไม่ว่าจะตัวบ้านซึ่งสร้างจากหินชนิดพิเศษ ซึ่งสั่งทำจากอิตาลี รั้วบ้านภายนอกลายกนก ซึ่งสั่งทำจากช่างฝีมือดีที่สุดในประเทศไทย และภายในตัวบ้านซึ่งเป็นลักษณะบ้านสมัยใหม่ มีพื้นที่ใช้สอยมากมาย ..
.... ภัทรคินัย เจ้าของบ้านหลังนี้ ซึ่งเป็น นักธุรกิจร้อยล้าน ตอนนี้เขาเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อไปดูงาน ทำให้บ้านหลังนี้จะเหลือเพียง..
"โอ๊ย!! ปิ๋ม! ชุดนะชุด หยิบมาซิ"เสียงโวยวายของพัดชา อภิมโหฬาร ลูกสาวเพียงคนเดียวของภัทรคินัย..ซึ่งมีลักษณะนิสัยเอาแต่ใจและดื้อรั้น หรือจะเรียกสโลแกนในตัวเธอก็ได้ว่า 'สวย เริ่ด เชิด หยิ่ง'..!!
...ในวันนี้พัดชาตื่นสายไปกว่าสองชั่วโมง ทางมหาวิทยาลัยเรียนตอนบ่ายโมงตรง แต่ตอนนี้บ่ายสองแล้ว ....พัดชา รวบผมด้วยความรวดเร็วกลัวว่าจะไม่ทันเอาเสียก่อน และรีบหยิบแป้งมาโบะใบหน้าของเธอเสียหน่อย อย่างน้อยถึงจะรีบก็ต้องยึดสโลแกนของตัวไว้ก่อน..และกรีดอายไลเนอร์ที่ตาด้วยความรวดเร็วพร้อมทาลิปสติกให้ริมฝีปากนุ่มและอวบอิ่ม..
"สวยมั้ยปิ๋ม วันนี้ชั้นรีบแล้วนะเนี่ย เพราะวันนี้มีประกวดดาวเดือนมหาลัยนะเนี่ย"พัดชาพูดกับปิ๋มด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ทำให้ปิ๋มถึงกับงง เมื่อกี้เธอยังเหวี่ยงอยู่เลย!!..พลางมองสำรวจตัวเองในกระจก ตั้งแต่ผมลอนสีน้ำตาลที่ถูกรวบมัดด้านหลังและปล่อยปอยๆด้านหน้า ดวงตาคมโต คิ้วเข้มดกดำ จมูกโด่งเป็นสัน ใบหน้าเรียวไข่ขาวอมชมพู ริมฝีปากอวบอิ่ม..รวมทั้งสำรวจเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้นที่คอเสื้อแนวสานบอกติดโลหะสีเทา ทีรูปเครื่องหมายมหาวิทยาลัยติดอยู่ จำนวนสี่ดุม กลัดเข็มเครื่องหมายมหาวิทยาลัยทางด้านอกซ้าย กระโปรงสีดำสั้นเลยหัวเข่า และรองเท้าส้นสูงกว่าห้านิ้ว
"กระเป๋าละ เอามาสิ!"พัดชามองสำรวจตัวเอง พลางยิ้มอย่างอารมณ์ดี เมื่อตัวเองสวยพร้อมเสร็จแล้ว จึงหันมาสั่งติ๋มให้ไปหยิบกระเป๋าตนบนเตียงมา!!
"คะ คะ"ติ๋มลนลานรีบไปหยิบกระเป๋าตามที่พัดชาสั่งเพราะกลัวเธอจะเหวี่ยงอีก..เพราะเวลาเหวี่ยง พัดชาน่ากลัวมาก ทั้งจิกทั้งตบจนเป็นแผละเหวอะหรือไม่ก็ด่าเล่นพ่อแม่เลยทีเดียว!!
ณ มหาวิทยาลัย
"เอ้า!พัดชา"สิริตา ในชุดนักศึกษา เสื้อเชิ้ตสีขาว กระโปรงมีจีบรอบตัวยาวคลุมเข่า ใส่แว่นตาหนาเต๋อะ ใบหน้าเรียวไข่แก้มแดงอมชมพู ริมฝีปากเล็กเข้ากับใบหน้า ตาเล็กตี่เหมือนอาหมวย จมูกโด่งเป็นสัน..ผมถูกรวบทางด้านหลังอย่างยุ่งเหยิง ส่วนด้านหลังสะพายเป้สีดำคู่ใจที่แบกหนังสือ และขนมสารพัดมา
"เอ้า!ตา"พัดชารีบจอดรถคันหรูสีดำยี่ห้อฮอนด้าซึ่งพ่อเธอซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดตอนอยู่มอหกที่โรงเรียนนานาชาติ...
..พัดชารีบหยิบกระเป๋าใบหรูราคากว่าแสนห้าและรีบลงมาจากรถเดินมาทางสิริตาซึ่งยืนโบกมืออยู่หน้าตึกอาคารคณะวิทยาศาสตร์..ซึ่งเป็นคณะที่เธอกำลังเรียนในตอนปีหนึ่งนี้
"เธอมาช้าจังนะ..พัดชา นี่จะเลิกอยู่แล้ว โชคดีที่ชั้นถูกอาจารย์ใช้มาเอาของเลยมาเจอเธอนี่ไง"สิริตาตบหลังพัดชาเบาๆเป็นการทักทายสำหรับเพื่อนซี้กัน และยิ้มให้อย่างสดใสจนเห็นฟันครบสามสิบซี่
"เออๆ..ว่าแต่เธอหยิบของให้อาจารย์นวรัตน์ เสร็จยังละ"พัดชาถามเพื่อนสาวตนด้วยความเป็นห่วงเพราะอาจารย์นวรัตน์ยิ่งดุราวกับเสืออยู่ ถ้าใช้ใครไปทำอะไรแล้วกลับมาช้า มีหวังโดนเชือด แถมยังตัดคะแนนว่าเล่น โดยเฉพาะเธอ ตัดได้ตัดดี ก็แค่เธอต่อว่าอาจารย์ว่าท้องไม่มีพ่อ ตีนกาเต็มสตีม รำเอียง และอย่างอื่นก็แค่นั้นเอง!!
"เรียบร้อยแล้ว!"สิริตาหยิบอุปกรณ์วิทยาศาสตร์จากถุงพลาสติกโชว์ให้เพื่อนสาวตนดู
"งั้นไปกัน..เดี๋ยวแจ็แกก็ได้ด่าอีก ชั้นละเบื่อ!.."พัดชาแอบด่าอาจารย์นวรัตน์ด้วยความหมั่นไส้ปนรำคาญและเบื่อหน่าย..พลางรีบช่วยเพื่อนสาวตนถือของและรีบเดินขึ้นไปเรียนด้วยกัน!!
*******************
ณ นรกโลกันต์
สถานที่ที่เต็มไปด้วยต้นงิ้วสีแดง มีหนามร้อนแผดเผา เจ็บแสบทุกคราเวลาปีน กระทะทองแดงไว้คนพวกคนชั่วที่ชอบสร้างบาปกรรม ภูเขานรกไว้บดขยี้คนชั่วทั้งหลาย มีไฟสีแดงซึ่งทั้งร้อนแสบทรมาน ซึ่งสามารถเผาทำลายคนชั่วให้กลายเป็นจุลได้..มีหอก ดาบซึ่งเหล่าผู้ดูแลควบคุมสัตว์นรก หรือ ดวงวัญญาณคนชั่ว สามารถใช้แทงพวกที่คิดจะหนีจากการชดใช้บาปกรรมได้...
...ทางเข้านรกโลกันต์ มีประตูสีดำ มีผู้ดูแลประตูคอยเฝ้าอยู่เสมอ เมื่อไรที่มนุษย์สิ้นใจลง ดวงวิญญาณจะมาเข้าทางนี้..
...ส่วนด้านในมียมบาล ใบหน้ายิ้มแย่มแจ่มใส แต่งตัวด้วยชุดสีทองอร่าม ไม่ว่าเสื้อสีทองซึ่งทักจากต้นทิยวรรณเหมือนบนสววรค์ คาดสังวาลย์สีเทา นุ่งโจงกระเบนสีทองและคาดด้วยเข็มขัดลายกนกเช่นกัน..ด้านข้างของยมบาลจะมีผู้ช่วยซึ่งยืนถือบัญชีดำเพื่อช่วยตัดสินชำระความดีความชั่วแก่ดวงวิญญาณ
...การตัดสินชำระความดีความชั่วนั้นต้องดูว่าหากผู้ที่ทำชั่วก็ลงนรก ส่วนผู้ที่ทำดีก็ขึ้นสววรค์ หากผู้ที่ชั่วทำดีก็ทำก็ต้องไปประเมิณผลกันตอนใกล้จะละโลกอีกที ช่วงนั้นเรียกว่า ศึกชิงภพ ขึ้นอยู่ว่า บุคคลนั้นผู้มีจิตเกาะเกี่ยวบุญหรือบาป ถ้านึกถึงบุญได้ จิตใจผ่องใสในขณะสิ้นลมก็ได้ไปสู่สุคติก่อนแล้วค่อยชดใช้กรรม หรือ บาปจะตามมา แต่ถ้านึกถึงสิ่งที่ทำไม่ดีไว้ จิตใจเศร้าหมองขณะนั้นจะไปสู่ทุคติภูมิก่อนแล้วบุญค่อยตามมา
...นอกจากการชำระความดี ความชั่วแล้วยังมีทูต ที่ไปรับดวงวิญญาณมา นั้นคือ ยมทูต
ซึ่งมีพลังวิเศษไว้ใช้จับวิญญาณ เช่น พลังโลกกันต์ ไว้ใช้สำหรับดวงวิญญาณที่คิดจะหนีและต่อสู้ พลังพายุภูมิ ไว้สำหรับหายตัว ซึ่งจะสามรถหายตัวได้รวดเร็วดุจลมกรด...เป็นต้น
"กงจักร ได้เวลาแล้ว ไปรับดวงวิญญาณมาได้แล้ว!"พายัพ หัวหน้ายมทูตผู้เคร่งขรึม ใบหน้าทะมึนและดูหน้ากลัว ขอบตามีสีดำ ชุดที่ใส่เป็นชุดที่ทักจากรากต้นทิยวรรณของสววรค์ ชุดมีสีดำสนิท เป็นเสื้อแขนยาวบางๆ ซึ่งเป็นชุดสำหรับหัวหน้ายมทูตเท่านั้น...
...กงจักร หนึ่งในคณะยมทูต ซึ่งมีลักษณะใบหน้าเคร่งขรึม ขอบตาคล้ำ ชุดที่ใส่ เป็นชุดที่ทักจากรากของต้นอมรทิย ซึ่งเป็นต้นไม้ในเมืองแก้วพารา เมืองเล็กๆบนสววรค์ ลักษณะชุดมีสีดำสนิท ซึ่งจะใส่สองชั้น เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าคือ ยมทูต ซึ่งชุดก็จะต่างไปจากหัวหน้ายมทูต...
...กงจักรรับคำพายัพพลางพยักหน้าเป็นสัญญาณว่าเขาจะไปรับดวงวิญญาณแล้ว ซึ่งยมทูตเมื่อรับคำจากหัวหน้าต้องเพียงแค่พยักหน้าห้ามพูดใดๆทั้งสิ้น เว้นแต่สงสัยหรือติดขัดค่อยพูดได้..
...ลมพัดชุดสีดำของกงจักรปลิวเล็กน้อย แต่บรรยากาศรอบตัวเขา ต้นไม้ถูกลมพายุพัดแรงจนต้นแทบโค่นลมลงมา ความมืดในตอนกลางคืนทำให้รอบตัวน่ากลัว แสงสว่างจากดวงไฟไม่กี่ดวง ทำให้ดูมืดสลัว ดวงตาสีดำมองทะลุผ่านเข้าไปในบ้านตรงหน้าเขา.. ตอนนี้ได้เวลาที่เขาจะมารับวิญญาณตนนี้ไปรับการตัดสินได้แล้ว!!
"ฮือๆๆ ..คุณพ่อไม่น่าด่วนจากหนูนาไปเลย"เสียงคร่ำครวญของเด็กน้อยวัยสามขวบที่ต้องสูญเสียพ่อตนไป..แววตาของเด็กน้อยเต็มไปด้วยความเสียใจและไม่เข้าใจที่ทำไมพ่อเธอถึงต้องมาทิ้งเธอไปเช่นนี้
"หนูนาใจเย็นๆนะลูก พ่อเขานะไปสบายแล้ว"มารดาเด็กน้อยปลอบพลางลูบหลังเบาๆ ตอนนี้เธอเองเสียใจไม่ต่างจากลูกสาวของเธอแต่เพราะเธอต้องเข้มแข็งไว้เพื่อไม่ให้ลูกได้เห็นน้ำตาของแม่ เพื่อให้ลูกยังรู้ว่ายังมีแม่อีกคนที่ยังไม่ทิ้งเธอไปไหน..
"ลูกพ่อ"วิญญาณของบิดาเด็กน้อยหลุดออกจากร่าง..ภาพที่เขาเห็นตรงหน้าคือลูกสาวของเขาเสียใจกับการด่วนจากไปของเขาและภรรยาของเขาคนนี้ที่เข้มแข็งฝืนเก็บน้ำตาไว้ภายใน..
..เขาเองอยากจะเอื้อมมือไปจับตัวลูกสาวตนมากอดและปลอบเหมือนทุกครั้งที่เขาเคยทำเวลาที่ลูกเขาร้องไห้ แต่ในตอนนี้เขากับลูกไม่สามรถจะพูดจะคุยกันได้เหมือนเก่า เพราะตอนนี้เขาอยู่คนละภพ คนละมิติกับลูกสาวของเขา..
"ได้เวลาของเจ้าแล้ว"เสียงของกงจักรดังมาจากด้านหลังของเขา..เสียงนั้นเหมือนลมพายุมัจจุราชพัดมาพร้อมจะทำลายล้างได้ทุกเมื่อ!!
**********************
ความคิดเห็น