คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ปัจจุบัน
ปัจจุบัน
ณ ลานกลางแจ้งห้างสรรพสินค้าชื่อดัง
...เหล่าบรรดาแฟนคลับจำนวนหนึ่งนั่งรอ พูดคุยกันด้วยความตื่นเต้น เตรียมป้ายไฟของทำมือที่ทำให้ดาราศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบ มีการใส่เสื้อสกรีนประจำกลุ่มแฟนคลับกำไลข้อมือหรือริชแบรนด์ เตรียมมาเซอร์ไพรส์ แม้จะต้องรอนานกว่าชั่วโมงแต่ก็ไม่บ่นเลยแม้แต่น้อยเพราะเข้าใจว่าเดินทางมาไกลคงต้องใช้เวลากันเป็นธรรมดาและบรรดาแฟนคลับที่มาก็ไม่ใช่น้อยๆ มากันแทบห้างถล่มทีเดียวบรรดาผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่บ่นกันเป็นแถวรถติดเป็นประวัติการณ์..
ลานจัดการแสดงกลางแจ้งอยู่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งนี้พื้นที่ใหญ่และสามารถบรรจุผู้คนได้พอสมควรถึงกระนั้นก็คาดว่าน่าจะไม่พออยู่ดี และตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ทีมงานจึงต้องล้อมรั้วกั้นเขตภายในงานไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัยและสะดวกในการทำงาน..
แม้อากาศวันนี้จะร้อนทั้งทีมงานและแฟนคลับต่างก็ยิ้มสู้กับงานนี้เพราะไม่ใช่แค่แฟนคลับที่ชื่นชอบพวกเขาก็เช่นกันศิลปินวันนี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว..
จะว่าเกาหลีต่างชาติก็ไม่ใช่..แต่สามารถครองใจทุกคนในงานนี้ได้ทีเดียวด้วยนิสัยดี น่ารัก ยิ้มแย้มนี่เองที่ใครๆก็อยากทำงานด้วย..
"รออีกแปปนะค่ะ เดี๋ยวน้องเค้าใกล้จะมาแล้วค่ะ กำลังลงจากเครื่องมาค่ะ.."สาวน้อยร่างผอมแห้งห้อยป้ายสต๊าฟ ผู้ทำหน้าที่ติดต่อกับผู้จัดการศิลปินสาวสวย รายงานทีมงานคนอื่นๆรวมถึงเหล่าแฟนคลับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
... มาติกา หรือ เมย์ ดาราสาวชื่อดังวัย25ปี มาในชุดกางเกงยีนส์ยาว รองเท้าส้นสูงสีแดง เสื้อยืดแบรนด์เนม คลุมด้วยเสื้อโค้ตขนสัตว์หนา ดวงตาสวยกลมโตอยู่ภายใต้แว่นดำหนา พวงแก้มชมพูระเรื่อ คิ้วสวยวาดได้รูป ผิวขาวผ่องรับใบหน้าเรียวสวย ริมฝีปากชมพูทาลิปกลอสบางๆ ใบ ผมสีดำขลับดัดลอนเกลียวคลื่นปล่อยยาวประบ่า ท่อนขาเล็กเรียวรวมถึงรูปร่างสูงสง่าแม้มาในชุดธรรมดาหากแต่ก็ทำให้งานนี้ผู้คนเหลียวมองตามเป็นแถว เธอได้แต่ส่งยิ้มบางๆตอบให้ด้วยท่าทีเป็นมิตร..
"น้องเมย์ขาาาาาา..."เสียงเจ๊แมงมุมกระเทยสาวร่างยักษ์หุ่นล่ำสันประหนึ่งชายชาตรี ลากเสียงยาวทำให้หญิงสาวอมยิ้มบางๆก่อนจะค่อยๆถอดแว่นกันแดดออก พลางหันไปทำตาจิกเล็กๆแกล้งกลับเจ๊แมงมุมผู้จัดการส่วนตัวของเธอ
"ขาาาาเอากี่ขาคะ?"มาติกาหันมาฉีกยิ้มกว้างทำลากเสียงยาวล้อเลียน ดวงตาคมโตเบิกตาโตล้อเลียนบุคคลตรงหน้า
"แหม น้องเมย์ก็.."เจ๊แมงมุมสะดุ้งตัวเล็กน้อยเอามือทาบอกด้วยความตกใจก่อนจะเอามือตีแขนมาติกาเบาๆอย่างมีจริต
"ขาาาาเจ๊.."หญิงสาวยังคงทำเสียงล้อเลียน
"ไม่เอา...อย่าล้อเจ๊นะค่ะ"เจีแมงมุมโบกมือส่ายหน้าไปมา คิ้วขมวดมุ่น
"ค่ะค่ะ..งั้นนี้จะบอกตารางงานเมย์ใช่ไหมคะ?"หญิงสาวหุบยิ้มกว้างก่อนเป็นยิ้มเรียบๆ เลิกคิ้วสูง บุ้ยใบ้ไปที่มือกระเทยสาว
"ใช่ค่ะ..แหมรู้ทันเจ๊.."
"ไม่รู้ได้ไงสมุดโน้ตที่เจ๊ถืออยู่หน่ะ.."
"อะๆไม่ให้เสียเวลา..เจ๊จะรีบบอกตารางงานในวันนี้ให้น้องเมย์ฟังไปแล้วก็รีบเดินไปนะค่ะไม่ให้เสียเวลา.."เจ๊แมงมุมพูดไปก้มหน้ากรีดนิ้วสวยที่เพิ่งทำสปาเล็บเมื่อคืนนี้ทั้งคืน ไล่เรียงงานในสมุดโน้ตสีชมพูหวานแหวว
มาติกาพยักหน้ารับ เดินไปฟังไปมือก็ลากกระเป๋าใบโตไป พยักหน้ารับฟังด้วยความตั้งใจตลอดทาง ..บทจะจริงจังเธอก็จริงจังนะ!
งานในวันนี้มีทั้งวัน..ตั้งแต่เช้าจรดมืด!..เธอชินเสียแล้วแต่นอกจากความเคยชินยังมีความสนุกทุกครั้งที่ได้ไปโชว์ตัวร้องเพลงออกอีเว้นต์การได้เจอแฟนคลับนั้นคือความสุขของเธอ โดยเฉพาะวันนี้ วันที่เธอได้กลับเมืองไทย...กลับบ้านเกิด
จากมาเสียนาน..เธอเติบโตที่เมืองไทยหากแต่ชีวิตที่ผลิกผันได้เป็นดาราโกอินเตอร์ไปที่เกาหลีกับเพื่อนๆหลายเชื้อชาติที่มาเดบิวต์เป็นนักร้องในสังกัดค่ายยักษ์ใหญ่ในเกาหลีกว่าจะได้มาถึงจุดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย..เธอและเพื่อนๆในวงอีก3คนผ่านทุกรอยยิ้มและความเหนื่อยล้า หยดน้ำตามาด้วยกัน เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน..วงเกิร์ลฟิวชั่น..
จินนี่..พี่คนโตสุดในวงอายุ27ปี เต็มเปี่ยมด้วยความรับผิดชอบและรอยยิ้มสดใส กำลังใจที่คอยตักเตือนทุกคนในวง .. ซาง อึนเฮ เพื่อนสาวตัวเล็กที่สุดในวงผู้รวยรอยยิ้ม และคอยสร้างเสียงหัวเราะ ... ยุน นาบี สาวนัยน์ตาคม ผู้มีโลกส่วนตัวสูง ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับพวกเธอเท่าไหร่ พูดน้อยแต่ต่อยหนักเป็นบ้า
..
จริงๆในวันนี้มีงานเปิดตัวอัลบั้มที่5ในชีวิตของพวกเธอ การเดินทางของพวกเธอเริ่มตอนอายุ15-16ปีตอนนั้นยังเด็กๆกันอยู่เลยจนวันนี้มาถึงอัลบั้มที่5พวกเธอยังคงได้รับกระแสตอบรับที่ดีทั้งแฟนคลับชาวเกาหลีไทยและทั่วโลก!
ในวันนี้เธอเลือกจะกลับบ้านเกิดแม้ต้องสละงานเปิดตัว แต่กระนั้นเธอมั่นใจเพื่อนๆอีก3คนต้องทำงานนี้ได้ดีแน่นอน..เธอคิดถึงบ้านและผู้จัดละครในไทยก็รบเร้าให้เธอรับละคร ทั้งช่องมากสีน้อยสี แย่งตัวเธอวุ่นวายไปหมด เธอไม่เคยเกี่ยงงอนเรื่องบทบาทที่ได้รับ เพียงแต่ยังไม่มีจังหวะที่เหมาะสมเท่านั้น เวลานี้เธอเห็นสมควรแล้ว เธอจึงให้เจ๊แมงมุมคัดเลือกบทที่เหมาะกับเธอ เพียงเรื่องเดียวเพราะเธออยากทุ่มให้กับละครเรื่องนั้นเพียงเรื่องเดียว ไหนๆเธอก็เลื่อนมาหลายครั้ง เกรงใจแย่ หากจะรับงานซ้อนกัน เดี๋ยวเธอจะสับสนกับบทพอดี...
เริ่มจากงานแรกประเดิมการกลับมาไทยของเธอที่นานๆจะได้กลับมา กับงานอีเวนต์ที่ทางห้างสรรพสินค้าดังจ้างเธอไปเปิดมินิคอนเสิรต์อันที่จริงมีหลายคิวพากันแย่งเธอวุ่นวายแต่ห้างนี่คงเข้าตาเจ๊แมงมุม ต่อด้วย....หลายๆงานอีเวนต์
"งานสุดท้าย..เลิกประมาณเที่ยงคืนๆกว่าเองค่ะ น้องเมย์.."
ณ ลานกลางแจ้งห้างสรรพสินค้าชื่อดัง
เวทีกลางแจ้งเปิดโล่ง บนเวทีประดับประดาด้วยดอกไม้หลากสีสัน งดงามตระการตา ลูกโป่งน้อยใหญ่..ทีมงานวิ่งวุ่นจัดไฟ จัดเวทีให้เรียบร้อยเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดหากเกิดความผิดพลาดกับศิลปินดังขนาดนี้พวกเขาคงตกงาน..
หลังเวทีใช้จัดเป็นห้องแต่งตัวเล็กๆของมาติกา ซึ่งขณะนี้เธอกำลังนั่งอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ที่ช่างแต่งหน้าบรรจงปัดแก้มชมพูอ่อนๆของเธอให้เนียนสวยมากยิ่งขึ้น ผมดัดลอนของเธอถูกรวบขึ้นคล้ายทรงซาลาเปา เผยใบหน้าเรียวสวย..ส่วนชุดสวยถูกแขวนอยู่บนราวแขวนชุดมีหลายชุดให้เลือกเลยทีเดียว ไม่ว่าจะชุดลูกไม้ลายพริ้วสวยเอวลอยแมตซ์กับกางเกงขาเดฟยาว หรือจะชุดราตรีชมพูแหวกหลังยาว หรือจะชุดเดรสดำลายขวางยาวพอดีเข่าก็สวยหรูไปอีกแบบ สไตล์ลิสสองสามคนง่วนกับการจัดชุดให้เธอ หน้านิ่วคิ้วขมวดเชียว
..เธอเข้าใจแหละในยามนี้เธอดังทุกคนพากันวุ่นวายแต่ลองเธอตกอับซิ เธอนั้นแหละจะวุ่นวายเหมือนพวกเขา ชีวิตคนเราขึ้นๆลงๆดังนั้นตอนนี้ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุดดีกว่า..
"เอาสวยๆนะค่ะ น้องเมย์ต้องสวยๆเด่นๆ!" เจ๊แมงมุมนั่งกำชับการแต่งหน้าครั้งนี้ อยู่ข้างดาราสาว เน้นเสียงหนักแน่น ...พลางสำรวจใบหน้าเธอ ก่อนจะพยักหน้าพอใจ
""และเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงแล้วค่ะ..เชิญพบกับดาราสาวสวย เมย์ มาติกา ค่ะ.."พิธีกรสาวร่างท้วมรวยอารมณ์ขันยิ้มแย้มพูดเชิญมาติกาที่เตรียมตัวอยู่หลังเวทีเมื่อได้เวลา เหล่าแฟนคลับพากันชูป้ายไฟกริ๊ดกร๊าดกันใหญ่ พื้นที่กว้างใหญ่ของลานแห่งนี้แน่นขนัดด้วยเหล่าแฟนคลับและนักข่าวจากทุกสำนักทั่วประเทศไทย แสงแฟลชวูบวาบจากกล้องหลายตัวแข่งกับแสงไฟระยิบระยับจากป้ายไฟจากเหล่าแฟนคลับทันทีที่เธอปรากฏตัวขึ้น..
มาติกายิ้มรับคำเชิญนั้นก่อนค่อยๆเดินช้าๆนวยนาดขึ้นบันไดสองสองข้ามหลังเวทีเข้าเวที แสงไฟหลากสีสันหรือสปอร์ตไลท์ส่องมาที่เธอ ควันจากน้ำแข็งแห้งบริเวณหน้าเวที พวยพุ่งออกมาช้าๆ เสียงดนตรีเปิดคลอเบาๆเสียงกริ๊ดของเหล่าแฟนคลับดังขึ้นจนกลบสรรพเสียงภายในห้าง เมื่อศิลปินที่พวกเขาชื่นชอบเดินออกมา
..เธอยิ้มหวาน โบกมือรับแฟนคลับทุกคน ก่อนจะค่อยๆเดินไปหน้าเวทียื่นมือไปสัมผัสกับพวกเขาเหล่านั้น ต่างพากันกรูมาจับมือเธอกันใหญ่ พากันส่งของขวัญดอกไม้ให้เธอล้นหลามจนทีมงานต้องรีบมาช่วยรับอีกคน..
...ถึงวันนี้จะอยู่วงการมานานแค่ไหนแต่หากพอเจอบรรยากาศแบบนี้ก็อดยิ้มกว้างตื้นตันอิ่มใจไม่ได้ทุกที..
อีกมุมหนึ่ง..
พิชญา ดาราสาวตกอับ..ค่อยๆถอดแว่นดำอำพรางใบหน้า กับผ้าปิดปากสีขาวสะอาด..ร่างผอมเพรียวยืนอยู่หลังต้นเสาสองสามต้นถัดจากบริเวณงานนั้น หญิงสาวอำพรางตัวในชุดเสื้อยืดธรรมดากับกางเกงยีนส์สั้นจุ๋ดจู่เสมอหู..หากขาเรียวเล็กสวยทำให้เธอมั่นใจกล้าที่จะโชว์และเธอยังมั่นใจอีกด้วยว่าขาของเธอทำให้ใครๆก็ต้องเหลียวหลังมองอย่างแน่นอน แม้มาในชุดธรรมดาเธอก็ต้องมีอะไรดึงดูด โดดเด่น ให้ใครๆก็รู้ว่าเธอคือดาราสาวสวย ที่ถึงแม้ตอนนี้จะต้องตกอับก็เถอะ!
เธอมองเหตุการณ์เหล่านั้นด้วยความริษยา..เธอก็เคยเป็นแบบนั้นเหมือนกันนั้นแหละ!
"กลับมาคราวนี้เราจะได้เห็นดีกัน..!"พิชญากัดฟันกรอด ดวงตาคู่สวยจับจ้องอีกฝ่ายอย่างมาดร้าย ขณะที่ริมฝีปากสีแดงสดยกมุมปากขึ้นสูง
"และไหนๆเมย์ก็กลับมาแล้ว..ถ้าแฟนคลับอยากจะฟังเสียงนุ่มๆชวนหลงใหลนี้จะได้ไหมคะ?"
พิธีกรสาวพูดเชื้อเชิญดาราสาว พลางยื่นไมค์มาทางหญิงสาว ท่าทางยิ้มแย้มหันไปทางแฟนคลับ..พากันกริ๊ดรับกันใหญ่..
"ได้ค่ะ.."หญิงสาวพยักหน้ารับ ตอบรับ ยิ้มหวาน
"ไม่ได้หรอก หึหึ.."พิชญาหัวเราะเบาๆในลำคอด้วยเสียงแหบต่ำ มองดูเหตุการณ์เหล่านั้นอย่างพึงพอใจ ก่อนยกแว่นกันแดดสีดำสนิทขึ้นมาสวม พร้อมทั้งผ้าปิดปากสีขาวสะอาดขึี้นมาปกปิดใบหน้า พลางหมุนตัวเดินออกจากบริเวณนี้ เธอรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้้น น่าสมเพชจะตายไป ไม่อยากเปลืองลูกตามาดูความพินาศของศัตรูหมายเลขหนึ่งตลอดกาลอย่าง มาติกา
ศัตรู..หมายเลขหนึ่ง ของเธอและนราวิชญ์ พี่ชายคนสนิทในวัยเด็ก ด้วยความที่รั้วบ้านติดกันทำให้ทั้งสามไปมาหาสู่กันเสมอ เธอมักไปเล่นกับนราวิชญ์เสมอ ขณะที่มาติกาก็มักมาขัดความสุขในวัยเด็กของเธอเสมอ กลั่นแกล้งเธอบ้างละ รังแกนราวิชญ์บ้างละ
..ยัยเด็กสาวจอมทโมนที่มักใช้กำลังรังแกคนอื่น ทำให้เธอต้องร้องไห้กลับบ้านเสมอ..เธอยังจำได้แม่น!
โตมาก็ต้องมาห่ำหั่นกันในวงการบันเทิงอีก..โฆษณาตัวแรกที่มันควรจะเป็นของเธอ ก็ถูกเจ๊แมงมุมช่วงชิงให้เด็กใหม่ในสังกัดอย่างมาติกาไปหน้าตาเฉย ในขณะที่เจ๊เชอรี่ผู้จัดการสาววัยกลางคนของเธอได้แต่เขม่นในใจเงียบๆ..ด้วยเพราะเส้นสายของเจ๊เชอรี่ไม่เท่าเจ๊แมงมุมนะสิ..มันเลยทำให้เธอแพ้จนถึงทุกวันนี้ และในเวลานี้เธอเป็นยิ่งกว่าผู้แพ้ เธอตกอับ งานอีเว้นต์เล็กๆสักงานก็ไม่ติดต่อมา ! ..คอนโดหรูดั่งหอคอยงาช้างกลางใจเมืองของเธอก็ถูกยึด หนี้บัตรเครดิตก็ท่วมหัว จะหนีไปทางไหนก็จนตรอก เจ๊เชอรี่ก็หายเงียบราวกับเป็นอากาศธาตุไปเสียดื้อๆทิ้งให้เธอเผชิญชะตากรรมเพียงลำพัง เพียงเพราะเธอ ไม่ยอมทำตามข้อตกลงของเจ๊เชอรี่ เธอจึงถูกดัดหลังด้วยวิธีนี้ แต่ให้ตายเธอก็มีไม่มีวัน ทำในสิ่งที่เจ๊หน้าเลือดต้องการหรอก ให้มันรู้กันไปว่า เธอสวยพรั่งพร้อมขนาดนี้ผู้จัดจะมองข้ามเธอได้อย่างไร
หญิงสาวที่ตั้งใจจะหมนุตัวกลับ กลับต้องชะงักเท้าเมื่อเสียงกีต้าร์ดังขึ้น พร้อมกับเสียงหวานกังวานของมาติกา ดวงตาคมเบิกกว้างราวกับไข่ห่าน มือเรียวถอดแว่นกันแดดสีดำออกทันที พลางหมุนตัวไปดู
..
เสียงกีต้าร์นุ่มทุ้มเกาคลอเบาๆ จากนั้นท่อนร้องก็เริ่มขึ้น นักร้องสาวมาติกา ค่อยๆร้องเพลงอย่างช้าๆซึ้งๆ..กับเสียงอันไพเราะ นุ่ม หวาน ชวนหลงใหล..กับไมค์ลอยที่ติดอยู่กับตัวเธอ เสียงนั้นเพราะกังวาน เหล่าแฟนคลับพากันหันขวับตามกัน..ตกใจกับการโดนเซอร์ไพรส์
"..ขอบคุณจริงๆที่เธอยังรักไม่เคยเปลี่ยน.."เธอดัดแปลงเพลงเร็วนี้ให้ช้าเนิบซึ้ง ด้วยจังหวะดนตรีคลอเบาๆของกีต้าร์ตัวโปรดของเธอ ใบหน้ายิ้มกว้างรับแฟนคลับทุกคนที่รายล้อมรอบตัวเธอพากันปรบมือร้องตาม...ดังกึกก้อง!
..ศัตรูหมายเลขสองรองจาก พี่วิชญ์ ทำไมฉันจะไม่รู้ทันหล่อน!..คอยขัดแข้งขัดขาเธอตั้งแต่เด็กยันโต อาชีพมากมายก็มีให้ทำแต่ก็ไม่วายโลกกลมได้มาเข้าวงการเหมือนกัน ยื้อแย่งกันตั้งแต่แคสโฆษณาตัวแรก ละครเรื่องแรก แต่ก็นะ..ภาษีเธอดีกว่าเห็นๆฝีมือเธอก็มีมากกว่า ผลงานเธอก็มีมากกว่า ส่วนเรื่องชื่อเสียงไม่ต้องพูดถึง เธอดังไกลถึงเกาหลีด้วยฝีมือมากมีแต่อีกฝ่ายดังด้วยข่าวคาวฉาวโฉ่ทำให้ได้เป็นนางเอกแต่ท้ายที่สุด..ก็ได้เป็นอยู่ไม่กี่เรื่อง!
อยากจะใช้วิธีเดิมๆที่เคยใช้หรือไงไม่ได้ผลหรอกยะ บอกให้...
ยังจำได้ดี..งานอีเว้นต์แรกที่เธอได้ร้องเพลง เจ้าหล่อนก็ใช้วิธีนี้แหละ!
...บอกไรให้นะยะ ว่าแผนหล่อนพังแน่ๆยะ..!
..ก็บอกแล้วว่า เล่นกับใคร ไม่เล่น!..
"รู้มุกฉันอีกแล้ว.."
"เชอะ!"
พิชญากระแทกส้นเท้าดัง ก่อนจะกัดฟันกรอดๆพึมพัมด้วยความโกรธ.. เธอทนมองเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้!
..แต่เธอคงทำไรไม่ได้แล้ว ผิดแผน พังหมด! มือขาวเรียวฟาดฝ่ามือลงบนต้นเสาสูงข้างกาย ก่อนจะกรีดเสียงแหลมสูงออกมาอย่างเคยตัว ขณะที่ร่างบางเต้นเร่าๆราวกับเด็กเมื่อยามโดนขัดใจ สายตาหลายคู่จับจ้องมาทางเธออย่างตำหนิก่อนตามมาด้วยเสียงซุบซิบนินทา พิชญาตวัดสายตาไม่พอใจส่งกลับไปอย่างไม่แยแส ก่อนตวาดแหวเสียงแหลมสูง ตอกหน้าพวกชอบนินทา
"มองอะไรหนักหนา!"
...แผนเธอ คือเอาแผ่นเพลงฉันไปซ่อนซินะ..แต่ขอโทษมาวันนี้ฉันไม่ได้ร้องตามสคริปต์ยะ!..ทำอะไรฉันไม่ได้หรอกยะ!..
มาติกาเย้ยหยันพิชญาในใจ..ด้วยความ
..สะใจเกินบรรยาย!
จะเด็กหรือโต เธอก็คือผู้ชนะ!
เสียงหัวเราะในหัวใจกึกก้อง ดัง ดัง ดัง จริงๆ!
แสงแดดอ่อนๆทอลอดเข้าไปในช่องประตูไม้ที่เปิดแง้มๆ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของผู้มากวัยจ้องมองภาพชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ใบหน้าขาวซีด เรียบเฉยไร้ความรู้สึก นั่งหลังตรง มือหนาตวัดปลายพู่กันระบายสีน้ำมันบนกระดานผ้าใบ ผู้มากวัยมองภาพนั้นด้วยความกังวล หัวคิ้วสีดอกเลาขมวดมุ่น
ภายในห้องนอนเล็กๆในบ้านไม้หลังเล็กๆนี้ เขา อยู่แต่ในห้องนี้ ครั้นพอเรียกจึงออกมา เขาเอาแต่คลุกตัวเองอยู่ในนี้ ใบหน้าหล่อเหลานั้นไม่เคยมีรอยยิ้มมาเนิ่นนาน..แสงแดดแยงตาหญิงชรา เธอจึงค่อยๆปิดประตูที่แง้มอยู่อย่างเบามือเกรงว่าชายหนุ่มจะรู้ตัวเข้า..
วันเวลามันผ่านไปเท่าไหร่แล้ว ที่เขายังคงเอาแต่เก็บตัวไม่พูดกับใคร ไม่เคยมีรอยยิ้มให้ใคร มีแต่ใบหน้าเรียบเฉย ไม่รู้สึกใดๆ ไม่สบตาใคร ไม่มองใคร เขามองทุกคนราวกับเป็นธาตุอากาศ เขาทำเหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลกใบนี้..
เธออยากเฉลยความจริงที่กำมันไว้เนิ่นนาน ความจริงที่มันน่าจะบอกให้เขาเลิกเข้าใจอะไรผิดๆแบบนี้เสียที แต่ ใครบางคน ไม่อยากให้มันเปิดเผย..
เธออึดอัดใจเหลือเกิน...อึดอัดเหลือเกิน รู้แต่พูดไม่ได้!
...สายตาคู่นั้นของชายหนุ่มยังคงเรียบเฉย..ไม่มีความรู้สึกใดๆ มือหนาขาวซีดค่อยๆละจากภาพวาดบนผ้าใบ ภาพวาดที่แสนมีความหมายกับเขา แต่สายตาของเขากลับมองมันด้วยสายตาเรียบเฉย ราวกับไร้ความรู้สึกใดๆก่อนแปรเปลี่ยนป็นสายตาหยามเหยีด..มือหนากระชากผ้าใบ..กระชากภาพที่แสนมีความหมายกับเขา แต่มันมีความหมายแค่เพียงในอดีตเท่านั้น..มือหนาขยำผ้าใบนั้นก่อนฉีกทิึ้งมันอย่างไม่เหลือชิ้นดี เศษผ้าใบลอยปลิวในอากาศ..เหมือนความรู้สึกของเขาในวันนี้ ลอยคว้าง ไม่มีค่า..ไม่มีความหมายอะไรเลย!
คนพรรค์นั้นไม่มีค่า ไม่มีความหมายอะไรเลย!
..เขาพยายามพร่ำบอกกับตัวเอง ไม่ได้รู้สึก ไม่ได้รู้สึก..!
วันคืนเก่าๆที่เคยงดงามมันก็แค่ภาพฝัน..ผู้หญิงหลอกลวง!
ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่หลังเดิมที่เคยมีความรู้สึกดีๆที่มันเคยเป็น บ้าน ที่มีผู้คนอาศัย มีความรักความอบอุ่น มีครอบครัวแต่บัดนี้มันไม่ใช่ ถึงใช่ ก็ไม่ใช่ครอบครัวเดิมแต่มันคือครอบครัวใหม่ ที่เธอเองรู้สึกผิด..เธอสร้างขึ้นมาด้วยความไม่ตั้งใจ ครั้นพอรู้ความจริงมันก็สายเกินไป..
หญิงสาวนั่งถอนหายใจยาวบนโซฟาตัวยาวภายในห้องรับแขกกว้าง ลมจากเครื่องปรับอากาศทำให้อากาศภายในนี้เย็นสบาย หากแต่เหงื่อเธอผุดเต็มใบหน้าร้อนรุ่มในร่างกายและจิตใจ วันคืนเก่าๆความรู้สึกผิดผุดในจิตสำนึกของเธอ เธอไม่อาจลบมันได้จริงๆ เธอผิดเอง ผอดเองจริงๆ!..
เธอนั่งก้มหน้ามองพรมเช็ดเท้าที่อยู่ใต้เท้าเธอเมื่อก่อนมันเคยอยู่ตรงนี้มันคงเดิมไม่เปลี่ยนทุกอย่างในบ้านหลังนี้ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงไป มีแต่คนในบ้านหลังนี้ที่เปลี่ยนแปลงไป ค่อยๆหายๆไปพร้อมกับความทรงจำที่เลือนหายไปตามกาลเวลา..
..เธอรู้สึกได้ถึงหยดน้ำตาอุ่นๆที่หยดลงบนหัวเข่าเธอ ใบหน้าค่อยๆโน้มต่ำลง เหมือนเรี่ยวแรงในร่างกายค่อยๆหมดลง ลมหายใจผ่อนยาว เธอยกหัวเข่ามาแนบกับใบหน้า น้ำตาแห่งความเสียใจรื้นขึ้นมา..
....เธอไม่อยากอยู่กับปัจจุบัน แต่เธอก็ต้องอยู่กับมันเพื่อบรรเทาความผิดที่เธอได้ทำลงไป ในตอนนี้เวลานี้เธอเหมือนนักโทษทั้งที่ไม่มีเรือนจำกุญแจมือ หากแต่ความผิดที่เธอได้ทำคือโซ่ตรวนหัวใจเธอต่างหาก!..
เธอกลับมาเพื่อมาหาเขาในอดีตนั้นทำให้เธอได้รู้ความจริงว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ ขณะที่เธอเองตั้งใจประชดเขา..เขาเลือกทำอย่างนี้เพราะเธอ..เขาทำทุกอย่างก็เพราะเธอ..
น้อยหน่ายืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเงียบๆถัดจากห้องรับแขกคือห้องรับประทานอาหารที่อยู่ติดกันเปิดโล่งเชื่อมติดกัน เธอนั่งกินข้าวอยู่บนโต๊ะหินอ่อนตัวยาว อยู่บริเวณหัวโต๊ะเพียงลำพัง เห็นเหตุการณ์เหล่านั้นไกลๆ ไม่มีเสียงสะอื้นดังมาถึงตรงนี้เพราะไกลจากกันอยู่พอสมควรหากแต่ตาคู่นี้ของเธอมองเห็นรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่ หญิงสาว ที่เธอเรียกว่า แม่ นั่งร้องไห้อยู่เพียงลำพัง..แม่เจ็บปวดแค่ไหนเธอมากกว่าที่ทุกข์ทรมานยิ่ง ตลอดเวลาที่ผ่านมาไออุ่นที่เธอได้รับมันใช่ความรักหรือเปล่า ดวงตาที่ว่างเปล่าที่ทอดมากลับไม่ใช่ดวงตาของผู้เป็นแม่เลย..พ่อเธอก็รู้สึกเช่นนั้น แต่พ่อแค่ไม่พูดก็เท่านั้นเอง แต่เธอพอรับรู้ได้อยู่บ้าง...
เธอรู้สึกได้ลึกๆเลยว่า ไม่ใช่ เขา คนนั้น หรอก ที่ถูกทอดทิ้งทำร้ายไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
เธอก็เช่นกันคงไม่มีใครให้เธอเกิดมาซินะ มีเงินมีทอง มีครอบครัวที่มีตระกูล หากแต่สิ่งเหล่านี้ทดแทนความอบอุ่นที่เธอควรได้รับมันแต่เด็กหรือเปล่า เหมือนว่ามีแต่พ่อที่รักเธอ..แล้วแม่ละ เธอยังสงสัย?
หยดน้ำตาหยดลงที่กำมือทั้งสองข้างที่เธอกำหัวเข่าตัวเองแน่น คราบอุ่นๆนั้นที่หยดลงบนหัวเข่าเธอ เจ็บปวดไปถึงหัวใจ น้ำตาอีกข้างพานไหลเป็นทางยาว หญิงสาวได้แต่เม้มปากเก็บเสียงสะอื้นให้เงียบที่สุด เธอไม่อยากให้พ่อกับแม่มีปัญหาเพราะเธอ ตอนนี้พ่อไม่อยู่ หากแต่ถ้าพ่อกลับมาเห้นเธอตัวสั่นกลั้นสะอื้นแบบนี้แม่คงโดนว่าแน่ๆ..
เธอมีค่าแค่ไหนกัน?
"น้องเมย์ตื่นค่า...ตื่นได้แล้วค่า!"เจ๊แมงมุมแผดเสียงดังยืนเท้าสะเอวอยู่ข้างๆเตียงหญิงสาวดาราชื่อดังที่นอนแผ่กางแขนขาเต็มเตียงในห้องนอนบนคอนโดกว้าง กระเทยสาวยืนขมวดคิ้ว ตะโกนซ้ำไปมาพลางยืนหน้าไปใกล้หูหญิงสาว แต่ แม่ดาราสาวที่รักของเธอกลับเอามือสองข้างปิดหูส่ายหน้าไปมา
"อารายค่ะ..อาราย?"มาติกางัวเงีย พลางค่อยๆหรี่ตา เอามือที่ปิดหูออก สบตาผู้จัดการที่มาปลุกเธอวันนี้มีงานด้วยหรอ จำไม่ได้ ก็เมื่อคืนเล่นกลับดึกขนาด
"วันนี้มีนัดไปพบคุณน้านรางสิรีนะค่ะ.."แมงมุมสบตาคู่สวยกลับก่อนจะเอ่ยเบาๆลดระดับเสียงลง ขมวดคิ้วมุ่น
"ค่ะ..."มาติกายิ้มรับ หรี่ตา เลิกคิ้วให้
"ค่ะ..แล้วก็ลุกค่ะ.."ยังพูดไม่ทันจบเปลือกตามาติกาก็ปิดลง ยิ้มค้าง หน้าซบกับหมอนใบใหญ่
"ห่วยยยย!.."เจ๊แมงมุมสบถเสียงดังลั่นพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ตามมา ก่อนจะเขย่าร่างบางอย่างแรง
"นี่ใช่บ้านน้านรางสิรีหรอคะ เมย์จำได้ว่าไม่ใช่นะค่ะ..?"เสียงแหลมๆเจื้อยแจ้วอยู่ข้างๆเจ๊แมงมุม พอตื่นก็พูดเยอะเชียว ธรรมดาของมาติกาเสียจริงๆแต่กว่าจะเข็นให้ตื่นได้เหงื่อแทบตกแล้วนี้พอตื่นมาก็ตาโตเชียวชวนคุยนู่นนี้ราวกับเด็กๆใบหน้าสวยใสแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางน้อยๆสวยตามวัยไม่จัดจ้านจนเกินไปทำให้ดูเป็นธรรมชาติ บวกกับเสื้อเชิีตแขนยาวลายขวางดูสบายๆกับกางเกงยีนส์ทำให้ดูดีแบบสบายตาในวันสบายๆ จากเทคนิคสอนแต่งหน้าของเธอซึ่งวันแรกๆมาติกาแต่งหน้าอย่างกับงิ้วจากเด็กห้าวๆลุยๆวันนี้เป็นดาราสาวสวยได้ขนาดนี้ ไม่ง่ายเลยทีเดียว หากแต่นิสัยของมาติกาที่ไม่เคยเปลี่ยนที่เป็นเสน่ห์ก็คือพูดมาก ชอบชวนคุย ยิ้มแย้มได้ทั้งวัน แม้บางครั้งจะชอบทำตัวเด็กๆก็เถอะหากแต่พอทำงานก็ดูเป็นผู้ใหญ่ไปเลยทีเดียว ไม่เคยปริปากบ่นแมงานเหนื่อย คงเป้นความโชคดีของเธอที่ได้เด็กในสังกัดดี คนนี้ดีกว่าหลายคนในสังกัดเธอเยอะ!
มาติกาชี้ตรงนู่นตรงนี้ ขมวดคิ้วก่อนจะทำท่าครุ่นคิด..
"มันไม่ใช่จริงๆนะค่ะตอนเด็กๆเมย์ไม่เคยมาที่นี้..เอ..?"
แล้วหัวคิ้วของเธอก็เลิกสูงขึ้น..เหมือนความทรงจำในวัยเด็กที่เคยพร่าเลือนไปกลับค่อยๆชัดเจนขึ้นเมื่อรถเลี้ยวเข้าซอย ต้นไม้ข้างทางพลิ้วไหวตามแรงลม ข้างทางจากความเจริญที่เจอตอนนี้กลับกลายเป็นทุ่งนาท้อทุ่งกว้างสุดลูกลูกตา ต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นเต็มไปหมด แทบจะไม่เห้นความเจริญ เด็กน้อยวิ่งไล่กัน ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
...บางทีวิวสวยๆแบบนี้เธอก็เหมือนเคยเห็นนะ..
"ไม่รู้ว่าน้องเมย์จะมาหรือยังนะค่ะคุณแม่?"สีหน้ากระวนกระวายรอคอยผุดลุกผุดนั่งของนรางสิรีทำให้ย่าทองส่ายหน้าไปมา เพิ่งจะผ่านไปไม่กี่นาทีก็เรียกหาเสียแล้ว หญิงชราได้แต่ปลอบใจให้ลูกสะใภ้คลายกังวล ส่วนเด็กสาวหน้าหวานที่นั่งข้างๆก็ขมวดคิ้วยิ้มน้อยๆกับท่าทีตื่นเต้นของแม่ตนเองเช่นกัน
"ใจเย็นๆซิค่ะคุณแม่น้อยหน่าว่าเดี๋ยวพี่เมย์ก็มาค่ะ.."
"นั้นนะซิฟังหลานมันพูดบ้าง..."ย่าทองสมทบ
บ้านทรงไทยหลังใหญ่ ลานกลางบ้านกว้าง สามสาวต่างวัยนั่งรอคอยมาติกาอย่างใจจดใจจ่อโดยเฉพาะนรางสิรี แม้บ้านหลังกว้างนี้ลมพัดผ่านเย็นแต่ใจเธอกลับร้อนรุ่มอยากจะเจออย่างเต็มประดาส่วนสามีของเธอ แจ๊ตพอต ก็ขอตัวไปเดินเล่นชมเรือนไทยหลังสวยซึ่งเขาเองไม่เคยเห้นมาก่อน เขาเป็นลูกครึ่งไทย อังกฤษแต่เติบโตที่อังกฤษ ตอนเด็กๆเคยอยู่ไทยบ้างเลยพอพูดไทยได้ แต่ก็ไม่เคยได้เห็นความสวยของไทยเช่นนี้ เลยมีท่าทางตื่นเต้น เด็กในบ้านของยายทอง มะตูมกับมะนาว แม่สาวรุ่นทั้งสองเห็นฝรั่งก็ตาโตพากันรับอาสาทัวร์ชมบ้านกันใหญ่..
"แต่แม่ว่านะ ถ้าตาวิชญ์เห็นเข้าจะว่ายังไง..แม่อดกังวลไม่ได้?"
"คงไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ ถ้าสิได้ยินตาวิชญ์ว่าก็ดีค่ะ.."ท่าทางกระวนกระวายรอคอยนั่งกลายเป็นใบหน้านิ่งเรียบเฉยหากในแววตาแฝงความกังวลจากส่วนลึกในหัวใจ เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
...ที่เธอมาที่นี้เพราะรู้ว่าขอร้องให้ตายลูกชายของเธอก็คงไม่มาหาเธอยังไงละ....
น้อยหน่าเสหน้าไปทางอื่น นี่คงไม่ใช่เรื่องที่เธอจะรับรู้ เธอไม่อยากรับรู้ พอพูดถึงผู้ชายที่เธอได้ยินแต่เเม่ของตนเรียกหา ในไดอารี่ของแม่ที่เธอเคยแอบอ่าน มันเจ็บปวดในหัวใจอย่างไรก็ไม่รู้ เขาทำให้แม่เธอเจ็บในหัวใจ ยิ่งไปกว่านั้นเขานั้นเเหละที่เอาความรักของแม่เธอไปทั้งดวง..เธอไม่ได้อิจฉา แต่มันน้อยใจเล็กๆ..ความน้อยใจที่มันมีอยู่ทุกวัน
ยายทองหรี่ตาลง ความที่ผ่านโลกมานานทำให้เธอสังเกตเห็นอะไรบางอย่างระหว่างนรางสิรีและน้อยหน่า ลูกสาวของนรางสิรีกับสามีใหม่ แม้ว่าเธอจะเป็นแม่ของสามีเก่าของนรางสิรีกระนั้นเธอก็ไม่ได้ตะขิดตะขวงใจใดๆที่ลูกสะใภ้จะมาหาและยิ่งเกี่ยวกัหลายชายแท้ของเธอแล้วละก็..เธอยิ่งไม่คิดใดๆเลย เรื่องที่เกิดขึ้นมันเกี่ยวข้องและส่งผลกับทุกคนนั้นแหละ โดยเฉพาะน้อยหน่าและแจ๊ตพอตผู้ที่ไม่รู้เรื่องราวที่แท้จริงใดๆหรืออาจจะรู้..เธอก็ไม่อาจรู้ได้
เธออยากให้เรื่องนี้มันจบลงไวไวเหมือนกันทั้งเธอและนรางสิรีนั้นแหละต่างก็รู้ความจริงเป็นอย่างดีแต่พูดไม่ได้เพราะพูดไปนั้นหรือเขาจะรับฟัง..?
คงมีแต่แม่สาวน้อยคนนั้นละมั้งที่จะช่วยได้...
...แต่สาวน้อยอีกคนที่นั่งข้างนรางสิรีนะซิ..มีบางอย่างซ่อนเร้นในหัวใจ
"ถึงแล้วค่ะ..."
เสียงเจ๊แมงมุมทำให้ความทรงจำของมาติกาที่เคยเลือนหายไปเธอว่าในขณะนี้มันเริ่มเหมือนภาพที่ไกลออกไปซูมใกล้เข้ามาแล้ว เธอคุ้นถึงคุ้นกับ บ้านเรือนไทยหลังใหญ่ตรงหน้า เหมือนเธอเคยมาเพียงหนึ่งครั้งในวัยเด็กแล้วก็ไม่เคยมาอีกเลย..แต่ตอนนี้ได้กลับมาอีกครั้ง
"เหมือนเมย์เคยมาจริงๆนะค่ะ เมย์คิดงั้น..เหมือนคุณ.."ยังพูดไม่ทันจบ เจ๊แมงมุมก็ดับรถ พลางปลดเข็มขัดนิรภัยออก ทำให้เธอรู้ตัวว่าเธอคงต้องลงตาม เธอว่าเธอคุ้น...เอ คุ้นจัง..?
"ถ้าน้องเมย์คุ้นๆว่าเคยมาที่นี้ งั้นเจ๊คงพามาถูกแล้วละค่ะ ตอนแรกเจ๊ก็กลัวจะพามาผิดซะอีก "
เสียงของเจ๊แมงมุมไม่ได้เข้าหัวเธอเลยแม้แต่น้อย พลันที่เธอก้าวเท้าลงจากรถ บ้านเรือนใหญ่ตรงหน้าเด่นภาพที่เคยไกลออกไปค่อยๆใกล้เข้ามา วันเวลาที่เคยเหินห่างเหมือนหมุนกลับมาหาเธอ ต้นมะม่วงหน้าบ้าน ออกลูกดก ยังคงอยู่เหมือนเดิม บ้านสวยกลางสวนผลไม้ที่เธอเคยมาวิ่งเล่น ลมเอื่อยๆพัดมาทำให้ผมดัดลอนของเธอปลิวเล็กน้อย...
"งั้นน้องเมย์คงต้องพาเจ๊ไปหาคุณนรางสิรีนะค่ะ..เพราะเจ๊ก็.."ยังไม่พูดไม่ทันจบเจ๊แมงมุมก็หันขวับมาหาหญิงสาวยิ้มกว้างหวังจะหาไกด์นำทางเพราะเธอก็เพิ่งเคยมา แต่ดูเหมือน มาติกาเร็วยิ่งกว่านินจาเพราะว่า..หันไปเจอแต่ความว่างเปล่า..
"แล้วเจ๊จะรู้ไหมเนี่ยว่าจะไปไงต่อ?"
เหมือนสมองของเธอประมวลผลอย่างรวดเร็วพร้อมๆกับเท้าทั้งสอง เธอกึ่งเดินกึ่งวิ่ง เข้ามาในเรือนไทยหลังนี้ บรรยากาศทุกอย่างร่มรื่นและยังคงเหมือนเดิม ต้นมะม่วงที่เธอเจอหน้าบ้านมันก็ยังอยู่ รอบๆบ้านหลังนี้รายล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ทั้งไม้ดอกไม้ผล ต้นไม้ต้นใหญ่ต้นนู้น..หญิงสาวกับรองเท้าผ้าใบคู่ใจพร้อมลุยคู่นี้ที่วันนี้เธอใส่มาได้ผลเลยทีเดียว เธอกึ่งวิ่งไปที่ต้นไม้ต้นนั้นที่หางตาเธอแลเห็นพอดี ต้นนั้นไง..เหมือนเธอเคยเห็นจริงๆด้วย..
...ต้นไม้ต้นไหนก็เหมือนกันหมดยกเว้นต้นนี้เพราะว่ามีชิงช้าไง..ชิงช้าที่เธอเคยนั่ง เคยมีไกวให้ เคยเล่นกับใครบางคน...
ในเวลานี้มันแลดูเก่ามากแล้ว เพียงลมไหวๆมันก็ไกวตาม คงไม่มีใครมาเล่นมันแล้วซินะ..
...ถ้าในความทรงจำของเธอไม่ใช่วายร้ายของเธอนะมันคงจะสวยงามกว่านี้เป็นไหนๆ..เสียงนกร้องเหมือนมันกำลังร้องเพลง นกตัวเล็กๆที่เกาะกิ่งไม้ใหญ่บนต้นไม้ต้นนี้ไง นี่คงเป็นลูกมันละมั้ง ตอนนั้นที่เธอมาเล่นชิงช้าตัวนี้มันก็ขับขานเพลงของมันอยู่...
...หญิงสาวอมยิ้ม ในความทรงจำวัยเด็กตอนนั้นมันเกือบจะสวยงาม เธอว่าตอนนี้ความคุ้นเคยตอนนั้นเธอจำได้แล้วละว่าที่นี้ที่ไหน เสียงนกร้องเพลิดเพลินในหัวใจ หญิงสาวแอบคลอทำเสียงตามมัน ค่อยๆนั่งลงกับชิงช้าตัวเก่าตัวนั้น..แล้วพลันนั้นสายตาเธอก็เหมือนเจอกับใครบางคนเจ้าของฉายาคู่กัด วายร้าย หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เธอชอบเรียกเขาในวัยเด็ก..มันกลับมาแล้ว!
..เธอว่าเธอคุ้นแม้จะระยะไกลๆก็เถอะนะ..
..แม้จะไม่ได้เจอกันนานแสนนานแต่มันก็..
..ใบหน้าขาวๆนั้นออกจะซีดมากกว่า ที่มองไกลๆเห็นเพียงด้านข้าง ดั้งจมูกโด่งคมสันรับกับริมฝีปากเล็ก มองข้างๆยังรู้ว่าหน้าหวาน แต่ออกแนวจะเหมือนเกย์มากกว่านะ!..
กับท่าทางจริงจัง นั่งหลังตรง คิ้วขมวดมุ่นท่าทางคุ่นคิดอยู่ กับ นิ้วมือที่วาดบางอย่างจับปลายพู่กันวาดลงบนผืนผ้าใบ..ท่าทางแบบนี้กับบรรยากาศที่รายล้อมเธอ ณ ตอนนี้ เธอว่าเธอลองไปดูใกล้ๆดีกว่านะ..เค้าคนนั้นจะใช่ดั่งใจคิดหรือไม่?
ลึกๆแล้วภาวนาสาธุ..อย่ามาเวียนบรรจบพบเจอได้ยิ่งดีหน่า...ในใจไม่อยากพบเจอแต่เท้าทั้งคู่ของเธอ วิ่งเร็วยิ่งกว่านักวิ่งเสียอีก..
เหมือนเสียงวิ่งนั้นกระทบกับใบไม้ใบหญ้าในสวนทำให้ชายหนุ่มผู้ที่มาติกาไม่อยากเจอ หันขวับตามเสียงสวบสาบที่ดังมาจากด้านหลังเขา..แล้วนั้นยิ่งทำให้อาการนิ่ง เงียบ แลดูเย่อหยิ่งดั่งที่ใครๆมองพลันหายไปในทันทีโดยที่เขาไม่รู้ตัว พู่กันที่จับอยู่พลันร่วงผล็อยหล่นจากมือ ตาคู่สวยที่ตาตี่โตยิ่งกว่าไข่ห่าน ปากเล็กพอดีรูปนั้นอ้าปากค้าง บุคคลบางคนที่เขาเองก็ไม่อยากพบเจอ มาเวียนบรรจบเจอกันได้อย่างไร?...หญิงสาวร่างบางที่วิ่งตรงมานั้นก็เช่นกัน เธอมีอาการไม่แพ้ชายหนุ่ม ใบหน้าที่ว่าคุ้นๆเธอจำมันได้แม่นแล้วว่าคือใคร..แต่ที่ไม่เข้าใจเธอจะวิ่งมาดูชัดๆทำไม แต่กระนั้นก็เถอะนะ..มาเจอกันอีกจนได้ สถานที่เดิมเสียด้วยที่เธอเคยมาเพียงครั้งเดียว..
ไม่มีเสียงใดๆระหว่างทั้งคู่มีแค่อาการตะลึงงันกับการกลับมาพบเจออีกครั้งถ้าเป็นคนอื่นที่ใครเค้าว่ากันคือเนื้อคู่เธอคงดีใจกว่านี้ ใบหน้าสวยคงไม่มีอาการตกใจ ตาโตราวกับเห็นผีเช่นนี้หรอก!
ก็จะเป็นใครซะอีก..ถ้าไม่ใช่...
ความคิดเห็น