คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : โชคชะตา
ค.ศ.2014
ณ ปักกิ่ง ประเทศจีน
มหานครใหญ่ของจีนในยามค่ำคืนเวลานี้ยังสวยงามด้วยไฟประดับประดาสองข้างทาง ที่ยังคงมีร้านรวงเล็กใหญ่ที่ยังคงค้าขายเพื่อประทังปากท้องของตนเอง นักท่องเที่ยวจากต่างชาติยังเดินชมร้านรวงสองข้างทางริมฝั่งถนนในเมืองใหญ่อย่างเพลิดเพลินและตื่นเต้น หากแต่คนจีนมักรู้กันดีกว่าเมืองหลวงของจีนไม่ต่างจากเมืองหลวงของที่อื่นเพราะมันคือที่แสวงหาความฝันและโอกาส มากกว่าจะเป็นที่เที่ยว
เฉกเช่นเดียวกับ เหมยจิง สตันท์หญิงวัย21ปี ซึ่งอยู่ในชุดลำลองที่คลุมทับด้วยเสื้อแขนยาวธรรมดาอีกชั้นหนึ่ง อากาศขณะนี้กำลังหนาวเย็นเพราะใกล้เข้าสู่ฤดูหนาวหากแต่ตามประสาคนจนคงมีเงินไม่มากพอจะซื้อเสื้อโค้ชราคาพงมาสวมทับ ขณะที่ฟ่านเหม่ยหลินผู้เป็นน้องก็เช่นกัน ในยามค่ำคืนทั้งสองอ่อนเพลียและมุ่ง ตรงกลับบ้าน ความอ่อนเพลียจากการทำงานหามรุ่งหามค่ำของทั้งสอง ที่พอเสร็จการการเรียนก็จะพอเจียดเวลาไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟบ้างเด็กล้างจานบ้าง เหม่ยหลิน ซึ่งอยู่ชั้นมัธยมหก ในโรงเรียนที่ถือว่าขับเคี่ยวกันน่าดูในการแข่งขันเข้ามา เหม่ยหลินโชคดีที่เธอเรียนรู้ไวและมีพี่สาวที่เก่งที่คอยสอนเธอเสมออย่าง เหมยจิง ซึ่งถึงแม้จะต้องลาออกจากมหาวิทยาลัยกลางคันเพราะจำเป็นต้องใช้เงินหากแต่หญิงสาวกลับชอบเรียนรู้อะไรใหม่ๆอยู่เสมอทำให้เธอมีความรู้รอบด้าน
ระบบการศึกษาของจีนนับวันจะยิ่งมีแต่แข่งขันที่หนักหน่วงแต่เพื่ออนาคตที่ดีทุกคนต่างก็พากันเลือกจะเหนื่อยเสมอ เหม่ยหลินในยามนี้อีกไม่นานเธอก็ใกล้จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ส่วนเหมยจิงก็ทำงานหนัก งานก็มีบ้างไม่มีบ้าง เรียกว่าเหนื่อยสายตัวแทบขาดกันทั้งคู่
เหม่ยหลิน เดินจับมือกับเหมยจิงผู้เป็นพี่สาว ก่อนพาชี้นั่นชมนี่อย่างสดใสตามประสาคนร่าเริงแจ่มใสเป็นนิจแม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานพิเศษ แต่ใบหน้ายังคงยิ้มแย้มเสมอ
“พี่เหมยจิง ดูนี่สิ..”เหม่ยหลิน กระตุกมือเหมยจิงเบาๆสองสามที เหมยจิงซึ่งกำลังเหม่อลอยครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ หันมาทางหลินหลิน พลางชะโงกหน้ามาดูทันที
“อะไรหรอ เหม่ยหลิน?”
“ไม่รู้สิ..แต่ร้านนี่คนมุงกันเต็มไปหมด..”เหม่ยหลินชี้นิ้วเรียวยาวไปยังกลุ่มคนที่มุงร้านเล็กๆข้างทางที่ขณะนี้เห็นแต่หัวคนมุงเต็มไปหมดพร้อมกับเสียงดังจอแจฟังไม่รู้เรื่อง
“ไม่มีอะไรหรอก...คงเป็นของลดราคา แล้วพวกที่มุงก็คงนักท่องเที่ยวตามเคย..ไปเถอะ..ไปกินข้าวกันดีกว่า” เหมยจิงไม่มีทีท่าสนใจ เธอตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบเฉยก่อนจะกระตุกมือน้องสาวให้เดินไปยังร้านอาหารราคาถูกริมถนน ซึ่งขณะนี้คนก็แน่นไม่แพ้กับร้านที่น้องสาวเธอชี้ให้ดู ที่สำคัญท้องเธอก็ร้องมากเกินกว่าจะมาสนใจอย่างอื่นแล้วด้วย ดวงตาของเหมยจิงจึงจับจ้องแต่ร้านอาหารนั้นเท่านั้น..ขณะที่กลิ่นหอมของอาหารก็เตะจมูกดึงดูดเธอเหลือเกินหากแต่หลินหลินกลับรู้สึกอยากรู้จึงไม่ยอมแพ้
“นะนะ..พี่เหมยจิง ไปดูกันเถอะ ไหนๆเราก็ไม่ค่อยได้ซื้อของเข้าบ้านกันอยู่แล้วนิน่า ซื้อสักครั้งไม่เป็นไรหรอก” เหม่ยหลินงัดลูกตื้อมาสู้อย่างไม่ยอมแพ้พลางทำน้ำเสียงออดอ้อนชักเหตุผลมาอ้างร้อยแปด เหมยจิงคิดตามพลางใจอ่อนลงกับลูกตื้อเธอจึงพยักหน้ารับแต่ไม่วายดุ
“ใช้ไม้นี้ตลอดเลยนะเรา..ก็รู้ว่าพี่แพ้คนขี้อ้อนนะ”
เหม่ยหลินฉีกยิ้มกว้างรับคำดุกึ่งชม ก่อนจะรีบวิ่งพาเหมยจิงไปยังกลุ่มฝูงชนที่มุงกันหนาแน่น
“ดูสิ..นี่มันของเก่าแก่นี่น่า”เหม่ยหลิน เบียดเสียดกับกลุ่มคนเข้าไปได้ โชคดีที่เธอตัวเล็กเธอรีบแทรกตัวไปอยู่ด้านหน้าๆทันที ก่อนจะหยิบของขึ้นมาดูอย่างสนใจ ของตรงหน้าเธอล้วนเป็นของเก่าแก่ที่ดูท่าน่าจะมีราคาสูงไม่เบาหากไฉนถึงมาวางขายข้างทางแบบนี้.. หากแต่เหม่ยหลินก็สงสัยไม่นานเธอสนใจของตรงหน้าเธอมากกว่าโดยเฉพาะปิ่นหยกที่มีเพียงหนึ่งดียว เธอหยิบมันพลิกหงายซ้ายขวาดูแล้วมันสวยงามเหมือนของใหม่ทั้งที่ของแวดล้อมที่วางเคียงข้างมันกลับดูมีตำหนิบ้าง ดูเก่าบ้าง...เหม่ยหลินตื่นเต้นกับปิ่นหยกที่ดูสวยงามนี้จึงหันมาจะชวนให้พี่สาวดูแต่ปรากฏว่าหันไปกลับไม่พบเหมยจิงแม้ว่าจะพยายามชะโงกดูแล้วก็ตาม เธอรีบวางปิ่นหยกอันงดงามลงก่อนจะแหวกผู้คนออกมาทันที
“ปัดโธ่เว้ย...จะเบียดอะไรกันหนักหนาวะ..!!”เหมยจิงสบถด้วยเสียงดัง ไม่พอใจที่เธอยืนอยู่ดีๆก็ถูกคนจำนวนมากเบียดเธอจนเธอล้มมากองกับพื้น..คิ้วสวยขมวดมุ่น ริมฝีปากสีชมพูพร่ำบ่นไม่เลิก...
..แหม อุตส่าห์พูดเสียงดังกะให้พวกคนที่เบียดเธอสำนึก..ฮึ! เปล่าเลยคนเหล่านั้นสนใจของลดราคามากกว่ามนุษยธรรมเสียอีก..เหมยจิงไม่วายแอบจิกกัดในใจ
เหมยจิงซึ่งนั่งพับเพียบแปะกับพื้นเพราะไม่สามารถเบียดผู้คนเข้าไปได้ เธอพยายามยันร่างกายตนขึ้นมา แต่กลับพบว่ามีมือเหี่ยวงุ้มยื่นมาทางเธอ ครั้นพอเธอเงยหน้าขึ้นไป ก็พบรอยยิ้มแสนจริงใจของชายชราส่งมาให้เธอ...เธอโค้งหัวรับและยิ้มตอบก่อนจะยื่นมือไปจับกับมือชายชรา แต่...
ในมือของชายชรากลับมีปิ่นหยกวางอยู่บนมือ ทั้งที่เมื่อครู่เธอไม่เห็นมัน และเสี้ยววินาทีเดียว ชายชราหยิบมันได้รวดเร็วถึงเพียงนี้เลยหรือ?
เหมยจิงขมวดคิ้วมุ่น เธอชะงักมือกลับ แต่อีกฝ่ายกลับเอ่ยว่า
“ของชิ้นนี้มันเป็นของเจ้า...และมันกำลังอยากกลับมาอยู่กลับเจ้า ข้าอยากส่งคืนให้เจ้าของที่แท้จริง..”
“ไม่ใช่ค่ะ..ไม่”เหมยจิงงุนงง รีบปฏิเสธ แต่ชายชรายังคงพูดต่อ
“ของชิ้นนี้จะนำความโชคดีต่างๆมาสู่เจ้า หากเจ้าของที่แท้จริงเช่นเจ้ารับมันไว้..เชื่อข้า มันรอคอยเจ้ามาเนิ่นนานแล้ว”น้ำเสียงหนักแน่นจริงจังของชายชรา ทำให้เหมยจิงคล้อยตามราวกับถูกมนตราสะกด เธอค่อยๆยื่นมือรับอย่างง่ายดาย...
“พี่เหมยจิง...!”
เสียงแหลมสูงของเหม่ยหลินเหมือนปลุกเหมยจิงตื่นจากภวังค์และความไม่รู้สึกตัว เหมยจิงกระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะสะบัดหัวไปมา
“อยู่นี่นี้เอง กว่าจะฝ่าฝูงชนออกมาได้ เดี๋ยวคนนี้เบียดคนนั้นเหยียบเท้าจะบ้าตาย..”เหม่ยหลินบ่นราวกับหมีกินผึ้ง ก่อนจะยื่นมือให้เหมยจิงที่นั่งพับเพียบแปะอยู่ที่พื้น แต่แล้วหลินหลินกลับต้องเลิกคิ้วสูงอย่างประหลาดใจเมื่อที่ข้อมือของเหมยจิงที่กำลังเอื้อมมือมาคว้ามือเธอนั้น
“ปิ่นหยกอันนี้...มันคุ้นๆ”เหม่ยหลินพึมพัมกับตัวเองเบาๆอย่างประหลาดใจ เหมยจิงพยายามยันร่างกายขึ้นมา ก่อนจะปัดฝุ่นที่กางเกงที่เมื่อกี้เธอลงไปนั่งที่พื้น
“ซื้ออะไรมาบ้างเหม่ยหลิน...?”เหมยจิงเอ่ยถามน้องสาว
“เหม่ยหลิน...”เหมยจิงเรียกซ้ำเบาๆ พลางสะกิดเหม่ยหลินที่ดูจะครุ่นคิดอะไรอยู่
เหม่ยหลินที่ยังงุ่นงงปิ่นหยกที่มันมีเพียงอันเดียวในแผงขายของที่อยู่ๆมันก็มาอยู่กับเหมยจิงได้ ทั้งที่เมื่อกี่เหมยจิงก็นั่งอยู่ตรงนี้ .... พอเหมยจิงสะกิดความคิดต่างๆก็พลันหายวาบไปทันที
“หะ...พี่เหมยจิง?” เหม่ยหลินสะดุ้งตัว
“เรานี่นา..เรียนหนักละสิ เหม่อคิดอะไรอยู่?”
“ก็...ลืมแล้วละ..”
“ไปๆ...กลับบ้าน...”เหมยจิงคว้าข้อมือผู้เป็นน้องมาจับก่อนจูงมือเดินกลับบ้านด้วยกัน ด้วยความติดนิสัยที่ต้องเดินจับมือกันทำให้สองพี่น้องไปไหนมาไหนต้องจับมือเสมอ
แต่พอเดินไปเพียงไม่กี่ก้าว เหมยจิงกลับรู้สึกถึงไออุ่นคล้ายอ้อมกอดที่อบอุ่นโอบกอดเธอจากด้านหลัง เธอรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ความอบอุ่นนั้นมันอบอุ่นและแล่นเข้าสู่หัวใจดวงน้อย
..แต่กระนั้นเหมยจิงก็อดแปลกใจกับความรู้สึกของตนไม่ได้ เธอจึงหันไปทางด้านหลัง ก็ไม่พบอะไร...นอกจากผู้คนที่เดินขวักไขว่
สงสัยจะคิดมากไป...เหมยจิงคิดในใจ ก่อนจะเดินต่อและไม่สนใจ
โดยที่เธอไม่รู้เลยว่า...ความอบอุ่นนั้นเธอเคยได้รับมัน และในเวลานี้มันกำลังกลับมาหาเธออีกครั้ง หลังจากพลัดพรากจากกันมานับกว่าร้อยกว่าปี...และนอกจากนั้นปริศนาต่างๆที่ยังค้างคากำลังกลับมาเพื่อรอเธอคลี่คลายในไม่ช้าอีกด้วย...!
กริ๊งงงงง ...
เสียงนาฬิกาปลุกดัง ทำให้เหมยจิงสะดุ้งตัว ก่อนจะหันไปมองที่นาฬิกาปลุก ซึ่งบอกเวลาตีห้าพอดี เธอเอื้อมมือไปกดปิด ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง พับผ้าห่มให้เรียบร้อยและวางที่ปลายเตียง ส่วนเหม่ยหลิน วันนี้เป็นวันเสาร์ วันหยุดของนักเรียนจีน ส่วนเหมยจิงยังคงตระเวนหางานต่อไป..งานสตันท์ก็แบบนี้ละ ไม่ได้มั่นคงแน่นอนอะไร อยู่ที่ว่าใครจะจ้างมา ถ้าไม่มีใครจ้างมา ก็ไม่มีเงินกินเท่านั้น..หญิงสาวตระหนักรู้ดี ว่างานนี้มันไม่มั่นคง หากแต่มันเป็นงานที่เธอรักและอยากจะทำต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะทำไม่ไหว อีกอย่าง..วุฒิการศึกษาจบแค่มัธยมหกแบบเธอ ไปสมัครงานที่ไหนก็แทบไม่ได้เลยเสียด้วยซ้ำ
..นอกจากงานสตันท์เธอก็รับจ้างเกือบทุกประเภท ตั้งแต่คนรับใช้ เด็กเสริฟ ยันพนักงานรักษาความปลอดภัยหญิงก็เคยทำมาแล้ว หากแต่ก็ทำได้ไม่นานพองานสตันท์ติดต่อมา เธอก็จำต้องลาหยุด พอบ่อยๆเข้า ลูกจ้างอย่างเธอก็โดนไล่ออกไม่ก็เฉดหัวตัวเองออกนี่ละ เพราะคงไม่มีนายจ้างคนไหนใจดีขนาดให้เธอเดี๋ยวทำ เดี๋ยวไม่ทำหรอก...
เหมยจิงใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำแต่งตัว ส่วนข้าวเช้าเมื่อวานเธอหุงข้าวไว้แล้ว ส่วนกับข้าวก็ซื้อมาเก็บไว้ในตู้เย็น หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเธอก็เทอาหารใส่จานแล้วใส่ไมโครเวฟทันที
ไม่ให้เป็นการเสียเวลาเหมยจิงใช้เวลาเพียงเล็กน้อยที่รอไมโครเวฟอุ่นอาหาร ตามประสาคนใฝ่รู้และรักการอ่านหนังสือเธอจึงเดินไปหยิบหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะหนังสือซึ่งอยู่ไม่ไกล ..หน้าปกสีเหลืองกรอบ ตัวอักษรสีดำเด่นอยู่ที่หน้าปกนั้นกลับไม่เลือนหายตามสีกระดาษแม้แต่น้อย...มองดูคล้ายลายมือเขียนตวัดหางแบบอักษรจีนโบราณ เหมยจิงเปิดมันด้วยความระวัง คนมือหนักแบบเธอ แค่เปิดเบาๆยังเสียวมันหลุดติดมือมาเลย
“ปฏิวัติซิ่นไฮ่...”เหมยจิงอ่านชื่อหนังสือ..คิ้วสวยพลันเลิกขึ้นสูงทันที ความรู้สึกบางอย่างแล่นปราดเข้ามาที่หัวใจอย่างประหลาด มือเรียวสวยลูบตัวอักษรที่อยู่บนปกนั้นไปมาอย่างครุ่นคิด... ทำไมเธอถึงรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดนัก..มันคล้ายติดอยู่ในความทรงจำ..
ติ๊งงงง...
เสียงสัญญาณจากไมโครเวฟบ่งบอกว่าอุ่นอาหารเรียบร้อย ความรู้สึกประหลาดดังกล่าวพลันหายแวบไปทันที..หญิงสาวคล้ายลืมเรื่องทุกอย่างหมดสิ้น..เธอจึงวางหนังสือลง ก่อนเดินไปหยิบอาหารออกมา
โต๊ะอาหารขนาดเล็กที่อยู่ในห้องครัว ที่ถัดจากห้องนอน ด้วยเนื้อที่ของห้องเช่าเล็กๆ ห้องครัวจึงมีพื้นที่เพียงนิดเดียว แต่สำหรับคนสามคน พื้นที่แค่นี้ก็ถือว่าพอดี
โต๊ะอาหารที่มีเก้าอี้วางอยู่สามตัวแต่บัดนี้มีคนอยู่เพียงสองคน เหมยจิงวางอาหารและข้าวลงที่โต๊ะ เธอนั่งที่หัวโต๊ะ ขณะที่เก้าอี้สองตัวข้างกายกลับว่างเปล่า บ่อยครั้งที่เธอรู้สึกเหงา เก้าอี้ตัวที่เธอนั่งอยู่ก็เคยมีคนนั่งเช่นเดียวกัน สัมผัสอุ่นนั้นยังอยู่ไม่ไปไหน คล้ายกับรอให้ใครมาสัมผัสมันอีกครั้งหนึ่ง..
ความคิดเห็น