ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ...ค่ายอยากเป็นหมอ...
ตอนประมาณ ม.4 เทอม 2 หลักจากเปิดเทอมไม่นาน
ผมได้เข้าไปที่เว็บ www.enn.co.th และได้เจอกับข่าวนึง
คือข่าว ...ค่ายอยากเป็นหมอ มช...
ณ เวลานั้นผมต้องการความแน่ใจว่า แพทย์ มันใช่ตัวเรารึป่าว
เรารับได้รึป่าวที่จะเห็นอาจารย์ใหญ่ หรือการชันสูตรศพสดๆ
ผมจึงได้เขียนใบสมัครและส่งใบสมัครไป
ผมใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์ ในการตอบคำถามของพี่ๆที่เป็นคำถามเข้าค่าย
จากนั้นเดือน มกราคม 2555 ซึ่งเป็นกำหนดประกาศผลค่าย
ปรากฏว่าผมมีชื่ออยู่ในนั้นผมดีใจมากๆ เลย
ผมรีบส่งแบบตอบรับกลับไปทันที
และครูที่โรงเรียนหลายคนก็มาแสดงความยินดีด้วย
แต่ก็มีเรื่องขำๆเหมือนกัน บางคนคิดว่าผมได้เข้าไปเรียนแพทย์ มช. ตั้งแต่ยังไม่ขึ้น ม.5
ไม่นานกำหนดเข้าค่ายก็มาถึง ค่ายนี้เข้าช่วงเดือน มีนาคม
ผมเลือกที่จะนั่งรถไฟไปที่เชียงใหม่ โดยไปค้างบ้านเพื่อนคนนึง 1 วันก่อนเข้าค่าย
ซึ่งเรียนอยู่ รร.สันป่าตอง และติดค่ายด้วยกัน
ไม่นานวันแรกของการเข้าค่ายก็มาถึง
ผมไปรายงานตัวที่ตึก สุจิณโณ
พี่ๆบอกผมว่าผมอยู่กลุ่ม Radiology
คือในค่ายจะมีการแบ่งกลุ่มเป็นโดยแยกเป็นสาขาวิชาหลักๆที่แพทย์เรียนกัน
หลังจากนั้นพี่ๆก็พาเข้าร่วมพิธีเปิดค่าย
เราก็ได้รับคำชี้แจงว่าในค่ายจะมีอะไรบ้าง
หลักๆเลยก็คือ เขาจะให้เราเรียนกันแบบจับกลุ่ม ซึ่งผมไม่แน่ใจว่ามันเรียกว่าอะไร ลืมแล้วหงะ
คือเป็นลักษณะของ อาจารย์จะให้โจทย์ปัญหามา 1 ข้อ แล้วให้สมาชิกในกลุ่มแต่ละคนไปตีโจทย์มาว่าเขาคนนี้เป็นอะไร
ให้ไปนำความรู้ของแต่ละคนมาโดยอาจได้จากหนังสือหรือความรู้เดิม แล้วนำมาถกเถียงกันในชั้นห้อง
โดยการจับกลุ่มจะมี อาจารย์ที่ปรึกษา 1 คน ประธาน 1 คน เลขา 1 คน
โชคร้ายหรือโชคดีก็ไม่รู้ผมได้เป็นประธาน - -"
ประธานต้องทำหน้าที่ควบคุมการแสดงความคิดเห็นของสมาชิกกลุ่ม
เลือกให้สมาชิกคนไหนพูด ให้คนไหนหยุดพูด
ส่วนเลขานุการ เป็นผู้คอยจดบันทึกการรวมกลุ่ม และสรุปผลที่ได้จากการประชุมถกกัน
เป็นอะไรที่ปวดหัวและสนุกมากครับ
นอกจากนั้นภายในค่ายยังมีการจัดการเรียนโดยเลียนแบบนักศึกษาแพทย์ตั้งแต่ ปี 1 ถึง ปี3
มีการเข้าแลปตรวจเลือด การทดลองวัดคลื่นหัวใจ การดูเซลล์เม็ดเลือดขาวและการจำแนก
มีการให้ดูการผ่าอาจารย์ใหญ่ ด้วย ในค่าย ใช้ร่างอาจารย์ใหญ่ 3 ท่าน ด้วยกัน
ร่างนึงใช้ศึกษาเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อต่างๆของมนุษย์
อีกร่างใช้ศึกษาโครงสร้างภายใน
อีกร่างเป็นร่างที่เป็นกระดูกซี่โครง
แน่นอนหลังจากเรียนก็ต้องมีการสอบ
การสอบเป็นการสอบแบบ แลปกริ๊ง ซึ่งมันแบบว่านรกมาก
ด้วยเวลาเรียนเพียง 2 วัน แต่กลับต้องมาสอบเนื้อหาแพทย์ ปี 1 -ปี3
ผลสรุปจะเป็นอย่างไร = ="
คะแนนสอบของผมออกมาที่ 40กว่าๆ/150 ซึ่งมันเหียกที่สุดในโลกเลยคับ T_T
และหลังจากการเรียนภาคทฤษฏี ก็มีการเรียนภาคปฏิบัติ
คือการออกตรวจคนไข้
ในที่นี้เค้าไม่ได้ให้เราไปตรวจคนไข้จริงๆ แต่เป็นคนไข้สมมติ
โดยจะแบ่งเป็นซุ้มต่างๆมากมายหลายซุ้มม ตามสาขาทางการแพทย์
เช่น หู คอ ตา จมูก สูติ เป็นต้น
หนึ่งในนั้นมีซุ้มนึงที่เป็นการให้เราวิจนิจฉัยโรคจากคนไข้
ช่วยกันวินิจฉัย ทั้งกลุ่ม แต่วินิจฉัยผิดครับเป็นกลุ่มเดียวที่วินิจฉัยผิด T_T
นอกจากนั้นยังมีการให้เราขึ้นวอร์ด หลัก 4 วอร์ด
ซึ่งพี่ๆ ปี1-ปี3 บ่นกันว่า พวกพี่ๆยังไม่มีโอกาสได้ขึ้นกันเลย น้องๆโชคดีมากนะ
ในนี้เรามีโอกาสได้พบปะกับผู้ป่วยจริง กรรมวิธีการรักษจริงๆ ความทรมาณ
อุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ มากมาย
สุดท้ายที่เป็นไฮไลต์ของงากน็คือ นิติเวช!!!
อาจารย์ท่านบอกว่า ถ้าโชคดีมีคนตายก็คงได้ดู แต่ถ้าโชคร้ายก็คงไม่มีคนตายอดดู
เอ๊ะยังไงครับ = ="
แต่สุดท้ายก็มีคนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตคาที
เราได้รับชมการผ่าชันสูตรพลิกศพ ซึ่งมันน่ากลัวมากๆ
สรุปคนนี้ เขาหัวใจแตก ตับแตก ส่งผลให้ตายคาที่
มีการผ่าสมองแล้ว แร่สมองเหมือนแร่เนื้อหมูให้บางๆ เพื่อดูว่าสมองส่วนไหนผิดปกติหรือไม่
บรึ๋ยยย
ส่วนกิจกรรมนันทนาการ
มันสนุกสนานมากมาย จนเด็กค่ายหลายคนเรียก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ว่า
คณะแพทยศาสตร์และการละคร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ >_<
พี่ๆน่ารักกันทุกคน และมีเซอไพรด์ เล็กๆ ที่น่าตกใจด้วย
เอาเป็นว่า
ใครที่สนใจอยากเป็นหมอ ค่ายอยากเป็นหมอ มช. ก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่ดีมากๆ
ไม่รู้ปีนี้ประกาศมารึยัง แต่ ถ้ามีโอกาสก็ไปเถอะ :)
มันจะเป็นประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงเลย
รักพี่ๆ และเพื่อนๆในค่ายทุกคนนะครับ :D
ผมได้เข้าไปที่เว็บ www.enn.co.th และได้เจอกับข่าวนึง
คือข่าว ...ค่ายอยากเป็นหมอ มช...
ณ เวลานั้นผมต้องการความแน่ใจว่า แพทย์ มันใช่ตัวเรารึป่าว
เรารับได้รึป่าวที่จะเห็นอาจารย์ใหญ่ หรือการชันสูตรศพสดๆ
ผมจึงได้เขียนใบสมัครและส่งใบสมัครไป
ผมใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์ ในการตอบคำถามของพี่ๆที่เป็นคำถามเข้าค่าย
จากนั้นเดือน มกราคม 2555 ซึ่งเป็นกำหนดประกาศผลค่าย
ปรากฏว่าผมมีชื่ออยู่ในนั้นผมดีใจมากๆ เลย
ผมรีบส่งแบบตอบรับกลับไปทันที
และครูที่โรงเรียนหลายคนก็มาแสดงความยินดีด้วย
แต่ก็มีเรื่องขำๆเหมือนกัน บางคนคิดว่าผมได้เข้าไปเรียนแพทย์ มช. ตั้งแต่ยังไม่ขึ้น ม.5
ไม่นานกำหนดเข้าค่ายก็มาถึง ค่ายนี้เข้าช่วงเดือน มีนาคม
ผมเลือกที่จะนั่งรถไฟไปที่เชียงใหม่ โดยไปค้างบ้านเพื่อนคนนึง 1 วันก่อนเข้าค่าย
ซึ่งเรียนอยู่ รร.สันป่าตอง และติดค่ายด้วยกัน
ไม่นานวันแรกของการเข้าค่ายก็มาถึง
ผมไปรายงานตัวที่ตึก สุจิณโณ
พี่ๆบอกผมว่าผมอยู่กลุ่ม Radiology
คือในค่ายจะมีการแบ่งกลุ่มเป็นโดยแยกเป็นสาขาวิชาหลักๆที่แพทย์เรียนกัน
หลังจากนั้นพี่ๆก็พาเข้าร่วมพิธีเปิดค่าย
เราก็ได้รับคำชี้แจงว่าในค่ายจะมีอะไรบ้าง
หลักๆเลยก็คือ เขาจะให้เราเรียนกันแบบจับกลุ่ม ซึ่งผมไม่แน่ใจว่ามันเรียกว่าอะไร ลืมแล้วหงะ
คือเป็นลักษณะของ อาจารย์จะให้โจทย์ปัญหามา 1 ข้อ แล้วให้สมาชิกในกลุ่มแต่ละคนไปตีโจทย์มาว่าเขาคนนี้เป็นอะไร
ให้ไปนำความรู้ของแต่ละคนมาโดยอาจได้จากหนังสือหรือความรู้เดิม แล้วนำมาถกเถียงกันในชั้นห้อง
โดยการจับกลุ่มจะมี อาจารย์ที่ปรึกษา 1 คน ประธาน 1 คน เลขา 1 คน
โชคร้ายหรือโชคดีก็ไม่รู้ผมได้เป็นประธาน - -"
ประธานต้องทำหน้าที่ควบคุมการแสดงความคิดเห็นของสมาชิกกลุ่ม
เลือกให้สมาชิกคนไหนพูด ให้คนไหนหยุดพูด
ส่วนเลขานุการ เป็นผู้คอยจดบันทึกการรวมกลุ่ม และสรุปผลที่ได้จากการประชุมถกกัน
เป็นอะไรที่ปวดหัวและสนุกมากครับ
นอกจากนั้นภายในค่ายยังมีการจัดการเรียนโดยเลียนแบบนักศึกษาแพทย์ตั้งแต่ ปี 1 ถึง ปี3
มีการเข้าแลปตรวจเลือด การทดลองวัดคลื่นหัวใจ การดูเซลล์เม็ดเลือดขาวและการจำแนก
มีการให้ดูการผ่าอาจารย์ใหญ่ ด้วย ในค่าย ใช้ร่างอาจารย์ใหญ่ 3 ท่าน ด้วยกัน
ร่างนึงใช้ศึกษาเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อต่างๆของมนุษย์
อีกร่างใช้ศึกษาโครงสร้างภายใน
อีกร่างเป็นร่างที่เป็นกระดูกซี่โครง
แน่นอนหลังจากเรียนก็ต้องมีการสอบ
การสอบเป็นการสอบแบบ แลปกริ๊ง ซึ่งมันแบบว่านรกมาก
ด้วยเวลาเรียนเพียง 2 วัน แต่กลับต้องมาสอบเนื้อหาแพทย์ ปี 1 -ปี3
ผลสรุปจะเป็นอย่างไร = ="
คะแนนสอบของผมออกมาที่ 40กว่าๆ/150 ซึ่งมันเหียกที่สุดในโลกเลยคับ T_T
และหลังจากการเรียนภาคทฤษฏี ก็มีการเรียนภาคปฏิบัติ
คือการออกตรวจคนไข้
ในที่นี้เค้าไม่ได้ให้เราไปตรวจคนไข้จริงๆ แต่เป็นคนไข้สมมติ
โดยจะแบ่งเป็นซุ้มต่างๆมากมายหลายซุ้มม ตามสาขาทางการแพทย์
เช่น หู คอ ตา จมูก สูติ เป็นต้น
หนึ่งในนั้นมีซุ้มนึงที่เป็นการให้เราวิจนิจฉัยโรคจากคนไข้
ช่วยกันวินิจฉัย ทั้งกลุ่ม แต่วินิจฉัยผิดครับเป็นกลุ่มเดียวที่วินิจฉัยผิด T_T
นอกจากนั้นยังมีการให้เราขึ้นวอร์ด หลัก 4 วอร์ด
ซึ่งพี่ๆ ปี1-ปี3 บ่นกันว่า พวกพี่ๆยังไม่มีโอกาสได้ขึ้นกันเลย น้องๆโชคดีมากนะ
ในนี้เรามีโอกาสได้พบปะกับผู้ป่วยจริง กรรมวิธีการรักษจริงๆ ความทรมาณ
อุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ มากมาย
สุดท้ายที่เป็นไฮไลต์ของงากน็คือ นิติเวช!!!
อาจารย์ท่านบอกว่า ถ้าโชคดีมีคนตายก็คงได้ดู แต่ถ้าโชคร้ายก็คงไม่มีคนตายอดดู
เอ๊ะยังไงครับ = ="
แต่สุดท้ายก็มีคนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตคาที
เราได้รับชมการผ่าชันสูตรพลิกศพ ซึ่งมันน่ากลัวมากๆ
สรุปคนนี้ เขาหัวใจแตก ตับแตก ส่งผลให้ตายคาที่
มีการผ่าสมองแล้ว แร่สมองเหมือนแร่เนื้อหมูให้บางๆ เพื่อดูว่าสมองส่วนไหนผิดปกติหรือไม่
บรึ๋ยยย
ส่วนกิจกรรมนันทนาการ
มันสนุกสนานมากมาย จนเด็กค่ายหลายคนเรียก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ว่า
คณะแพทยศาสตร์และการละคร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ >_<
พี่ๆน่ารักกันทุกคน และมีเซอไพรด์ เล็กๆ ที่น่าตกใจด้วย
เอาเป็นว่า
ใครที่สนใจอยากเป็นหมอ ค่ายอยากเป็นหมอ มช. ก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่ดีมากๆ
ไม่รู้ปีนี้ประกาศมารึยัง แต่ ถ้ามีโอกาสก็ไปเถอะ :)
มันจะเป็นประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงเลย
รักพี่ๆ และเพื่อนๆในค่ายทุกคนนะครับ :D
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น