ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ...ประสบการณ์ชีวิต...
ประสบการณ์ชีวิตในตอนนี้ผมจะเขียนเรื่องก่อนที่จะมาเรียน ม.ปลายนะครับ
เมื่อก่อนผมเคยเป็นเด็กที่เกือบจะไม่มีอนาคต เพราะสิ่งเสพติดสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า "เกมส์"
ผมติดเกมส์มาตั้งแต่ ป.4 ได้มั้ง ตั้งแต่ตอนนั้นแหละการเรียนของผมเริ่มตกต่ำลงไปเรื่อยๆ
จากที่เคยสอบได้ที่ 9 กลับกลายเป็น สอบได้ที่ โหล่ของห้องไปแล้ว
แต่ก็โดนครูช่วยดันให้จนจบ ป.6 ได้ และ ช่วงจะเข้า ม.1 ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย เกี่ยวกับการสอบเข้า ม.1
จึงปล่อยเวลาผ่านไป มารู้ตัวอีกทีนึง มันก็หมดเขตสมัครสอบ/จับฉลากแล้ว
ชีวิตตอน ม.1 จึงไปลงเอยที่ รร.เทศบาล แห่งนึงในจังหวัด แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร
เพื่อนๆ คุณครูทุกคนในชั้นดีกับผมมากเลยทีเดียวดีกว่า รร.ตอนประถม มากมาย
อันที่จริงเรารู้จักกันเกือบทั้งโรงเรียนเลยก็ว่าได้เพราะเราเป็นโรงเรียนเล็กๆ แต่ก็อบอุ่นนะ
แต่ด้วยการติดเกมส์เนี่ยแหละ เทอม แรก ผมแทบจะไม่ไปโรงเรียนเลย วันๆขลุกอยู่แต่ในร้านเกมส์
จนในที่สุด ม.1 เทอม1 ติด ร.ตั้งหลายตัว
พอเปิดเทอม 2 ผมก็ไม่ไปโรงเรียนอีกเลย สุดท้ายก็คือลาออกนั่นแหละ
ผอ. เห็นผมน่าจะหัวดีแต่ติดเกมส์ เลยเสนอทางออกให้ โดยเสนอให้ สามารถ จบ ม.1 ได้ แต่ต้องไปเรียน โรงเรียนอื่น
แต่ถ้าจะเรียนโรงเรียนเก่าผมก็ต้องซ้ำชั้น ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไงดีก็ ปล่อยมันไปเลย ไม่ได้ติดตามอะไรอีก
ปล่อยชีวิตเลยเถิดไปวันๆ เล่นเกมส์ไปวันๆ รู้ตัวอีกทีนึง แม่ก็มาบอกกับเราว่า "ลูกแม่ก็แก่ขึ้นทุกวันแล้วนะ ออกไปหางานทำเถอะ"
สุดท้ายผมก็เข้าไปสมัครงานที่ร้านเกมส์ ร้านหนึ่ง ใกล้ๆบ้าน แหม่มันเหมือนฝันที่เป็นจริงเลยเนอะ ชอบเกมส์ ทำงานร้านเกมส์
แต่เปล่าเลย ผมรู้ตัวว่าผมโดนเอาเปรียบอย่างมากเลยแหละ กับการเป็นพนักงานร้านเกมส์ แต่ได้ค่าจ้างวันละ 150 บาท
แถมผมออกจะขี้เกียจ จ้างให้เพื่อนอีกคนมาทำความสะอาดแทน โดนตัดเงินค่าจ้างไป สุดท้ายเหลือค่าจ้างวันละ 100 บาท
แถมการไปทำงานร้านเกมส์ ผมจะเล่นเกมส์ไม่ได้ด้วยนะถ้าจะเล่นต้องจ่ายเงินเหมือนลูกค้าทั่วไป
ผมยอมรับเลยตอนนั้นผมเรื่อยเปื่อยเอาซะมากๆเลยแหละทำงานได้เงินมา ซื้อข้าวกิน ใช้เงินเล่นเกมส์ วนไปวนมาอยู่อย่างนี้
-จนมาวันนึงเพื่อนผมจบ ม.3 กันแล้ว เพื่อนผมคนนึงที่ เรียนตอน ม.1 เนี่ยแหละ สอบเข้าได้โรงเรียนประจำอำเภอ
เราถามเขาว่า "แอ๋ม อยากเรียนไรต่อหรอ"
เธอตอบว่า อยากเรียน แพทย์ ไม่ก็ครูแหละ คิดดูก่อน
ผมเกิดคิดว่า ผมทำอะไรอยู่ตรงนี้ เพื่อนผมฝันอยากเป็นโน่นอยากเป็นนี่
แล้วตัวผมหละผมทำอะไร เล่นเกมส์ไปวันๆ ทำงานร้านเกมส์กระจอกงอกง่อย เป็นความฝันของผมหรอ?
ไม่อะมันไม่ใช่ผมไม่อยากให้ชีวิตมาจบอยู่ตรงนี้ ผมก็อยากมีความฝันเหมือนกัน
ผมจึงไปสมัครเรียนที่ กศน. ในระดับ ม.ต้น ตอนนั้นผมอายุ 14 ปีย่างเข้า 15
ในที่สุดผมก็ได้เรียน กศน. ม.ต้น ในความคิดตอนนั้น ผมคิดไปถึงไหน หลายๆคนคงนึกตลก
ผมอยากเข้า ม.ปลายที่ มหิดลวิทยานุสรณ์!!! (ขำตัวเองมากๆ)
ผมเรียนที่ กศน. ตั้งใจเรียนเต็มที่ อ่านหนังสือ ไปทำร้านงานเกมส์ก็เอาหนังสือไปอ่าน
บางวันเอาหนังสือไปเป็นตั้งๆไปอ่าน มันก็ตลกดีนะครับแต่ผมอยากเก่ง เข้าทำได้ ไม่อยากให้ชีวิตหยุดอยู่ตรงนี้
ผมตั้งใจเรียนเต็มที่ และที่ กศน. หลายๆคนมองว่ามันเป็นที่ที่เลวร้าย
ผมไม่มองอย่างนั้น ผมมองว่าที่นี่มันเป็นที่นึงที่ให้โอกาสเราซะมากกว่า
ผมได้มีเพื่อนหลายวัย ทั้ง อ่อนกว่า แก่กว่า บางคนอายุ 60 กว่า ลูก 3 คนแล้วก็ยังมาเรียน กศน.
ไม่รู้นะสำหรับผม กศน. ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากมายเลย
ในเทอม 1 ปี 2553 เป็นช่วงที่โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ กำลังรับสมัคร
ผมโทรไปสอบถามว่า ผมเรียน กศน. ผมจะสามารถไปสมัครได้ไหม มีสิทธิ์ไหม
แต่เทอมนี้ ผมเรียน คณิตศาสตร์ ม.ต้น อยู่ ยังไม่มีเกรดวิชาคณิตศาสตร์ไปยื่น
ถึงจุดนี้ ความฝัน พังทลาย เมื่อเจ้าหน้าที่ตอบกลับมาว่า คุณไม่มีสิทธิ์สอบ!!!
ผมไม่เข้าใจตัวเองผมพยายามจะเขียนหนังสือขอความอนุเคราะห์ไปนะ
แต่เจ้าหน้าที่ตอบมาว่า โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่เรียนเข้มข้นมาก
เขาไม่แนะนำให้เราเรียนที่นี่ให้หาที่อื่นดู
ผมเฟลนะ ที่ได้ยินแบบนั้น อะไรคือสิ่งที่ผมต้องการ ผมอยากเรียนที่ มหิดลวิทย์ ส่วนนึงแหละ
เพราะเขามีเงินเดือนให้และผมจน และได้ยินมามากๆว่าในโรงเรียนมีความอบอุ่นมากมาย
แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันจบแล้ว เพราะผม ไม่มีสิทธิ์สอบ!
หลังจากนั้นไปซักพักหนึ่ง ผมก็ได้ตระหนักขึ้นมาว่า ไม่เห็นเป็นไร ไม่ได้เข้า รร.นั้นก็ไม่ตาย
ผมตัดสินใจจะสอบ SP ของ รร.ประจำอำเภอ และ ห้องวิทย์ รร.ประจำจังหวัดที่ผมอยู่ ผมต้องทำให้ได้
ในที่สุดผมก็เรียนจบ ชั้น ม.ต้น จาก กศน. ผมจบออกมาได้ด้วยผลการเรียนเฉลี่ย 3.41
ผมค่อนข้างดีใจนะ ถึงแม้จะไ่ม่สูงมาก แต่มันก็ดีกว่าตอนประถมมากเลย ผมได้เกรด 2.5 เอง
ผมตัดสินใจลาออกจากงานร้านเกมส์ และเข้าไปสมัครทำงานที่ KFC
และผมก็ย้ายไปอยู่บ้านยาย เนื่องจากตอนแรกผมอยู่ตัวคนเดียว มีเพียง แม่ ส่งเงินมาให้ใช้ + กับ ทำงานเอง
ด้วยความที่ว่า เงินเดือนที่ KFC ให้นั้นยังไงก็สูงกว่า ร้านเกมส์ที่ผมทำเป็นไหนๆ
ในที่สุดผมก็ได้งานที่ KFC และผมก็อ่านหนังสือไปด้วย เพื่อเตรียมสอบ
ผมทำงานไป เก็บเงินไป จนถึงเดือน ก.พ. 2554 เป็นช่วงที่มีการสมัคร SP
ผมไปสมัครสอบ SP โอ้วพระเจ้า ผมไปวันแรก แถมเป็นคนแรก
ครูที่รับสมัครปรึกษากันใหญ่ ว่าผมจะมีสิทธิ์สอบไหม ผมมาจาก กศน.
เขากลัวผมจะไม่ไหว อ้างไป หน่วยกิตที่ผมเรียนอาจจะไม่พอ
ในที่สุดครูคนนึงซึ่งผมคิดว่าคงเป็นครูที่เข้าใจความรู้สึกผมที่สุดในตอนนั้น
ครูเขาโทรหา รองวิชาการ สอบถามว่าจะให้เราสอบไหม อะไรยังไง
ในที่สุด รองวิชาการ ก็อนุมัติให้ผมสมัครได้
ผมก็แอบดีใจนะ มีสิทธิ์สอบด้วย ^^.!
ระหว่างผมกรอกใบสมัคร ผอ.ก็เดินมาหาผมแล้วถามครูว่ามีคนมาสมัครกี่คนแล้ว
ครูที่รับสมัครบอกว่า "นี่คนแรกค่ะ มาจาก กศน."
ผอ.พูดขึ้นมาว่า เธอจะสอบสู้เด็ก รร.เราได้หรอ ความรู้ กศน.
ผมยอมรับเลยนะผมเฟ้ลมากๆ เสียความรู้สึกมากๆเลย
ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกดูถูกด้วยความที่ผมจบจาก กศน.
ชั่งมัน! ผมเปลี่ยนมันให้กลายเป็นแรงผลักดัน แรงฮึด!~
ผมต้องสอบให้ติดให้ได้ คอยดู ฮุ่ยเล่!!!
หลังจากสมัครสอบ ผมก็ไปทำงานปกติ อ่านหนังสือเวลาว่างๆ
ในที่สุดมันก็ถึงวันสอบ SP ผมก็ไปสอบ
ผมได้นั่งที่นั่งแรก (ก็แหงหละไปสมัครซะคนแรก)
มีคู่แข่งประมาณ ร้อยกว่าๆ ได้มั้ง ล้วนแล้วแต่เป็นหัวกระทิ ของโรงเรียนนั้นทั้งนั้น (ผมว่านะ)
พระเจ้าช่วยลูกด้วย วิชาคณิตศาสตร์ ข้อสอบมันเป็นแบบอัตนัย
อยากจะร้องไห้มากๆ ผมยอมรับเลยนะผมทำไม่ค่อยได้เลย แต่ก็ยังพอถูไปได้ สุดท้าย
ผมก็ เฟล กับคณิตศาสตร์ไป
ช่วงบ่ายผมสอบวิทยาศาสตร์ วิชานี้ทำให้ผมสดชื่นมากเลยแหละขอบอก ^0^
ผมรู้สึก ถึงความมีชีวิตชีวา เพราะวิชานี้ ผมทำได้หลายข้อเลยแหละ คิดว่านะ
ในที่สุดก็จบลงไปสำหรับวันนี้
จนกระทั่งถึงวันประกาศผล ผมไปดูผลสอบ โอ้ว ผมตัวสั่น
ผมไม่อยากจะเชื่อเลย ผมสอบติดห้อง SP !!!
ผมไม่รู้จะพูดอะไรตอนนั้น ผมลบคำสบประมาทของ ผอ.ไปได้ว่า ผมจะทำได้หรอ
เด็ก กศน.คนนี้ จะสู้หัวกระทิ ของเขาได้หรอ ผมรู้สึกภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก
จนถึงวันรายงานตัว ผมเดินเข้า โรงเรียนอย่างมีเกียรติ คำดูถูกเริ่มลดลง
แต่ก็เจอ ครูคนนึงเป็น หัวหน้าฝ่ายวิชาการของโรงเรียน เขาก็มาคุยกับเรา
เขาบอกว่า จะเรียนไหวไหม มันหนักนะ ครูอยากให้เราเรียนห้องปกติมากกว่า
ผมก็ไม่รู้จะพูดไรเสียความรู้สึก มันมาอีกแล้ว แต่ผมก็ตอบครูไปว่า ผมคิดว่าผมไหวครับ!!
ผมรู้คะแนน และอันดับที่สอบได้ จากวันที่รายงานตัว
ผมสอบ วิชาคณิตศาสตร์ ได้ที่ 19 วิชาวิทยาศาสตร์ได้ที่ 2 รวมแล้วผมสอบได้ที่ 9
มันค่อนข้างจะภูมิใจนะ เย้ ภูมิใจสิ อย่างน้อยผมก็สอบติดแล้ว ผมมีที่เรียนแน่ๆ
แต่ผมก็ยังตัดสินใจไปสมัครสอบต่อที่ ห้องวิทย์ ธรรมดา ที่ รร.ประจำจังหวัด
ซึ่งมันรับสมัครสอบ ช่วงเดือนมีนาคม 2554
การไปสมัครสอบ ผมรู้สึกถึงความแตกต่าง ที่ รร.ประจำจังหวัดแห่งนี้ ผมไม่ได้รับการดูถูกอะไรเลย
เจ้าหน้าที่ ครู ที่รับสมัคร ไม่ได้พูดจาดูถูกอะไรเราเลย ไม่มีเลยซักนิด ไม่มีมาพูดว่า จะสอบได้หรอ
จะสู้ เด็ก รร.เขาได้หรอ ไม่มีซักคำ จนท. ครู ปฏิบัติ เหมือนกัน ทุกคน
ผมตัดสินใจ ลงสมัครไป 2 อันดับ คือ 1.วิทย์ 2.คำนวณ
ไม่รู้นะแต่ผมรู้สึกดีกับที่นี่ เพราะผมไม่ได้รับการดูถูก มีการยอมรับกัน
จนถึงวันสอบ
หลายๆวิชาผมพอทำได้ แต่ผมยอมรับเลย วิชาที่ผมทำไม่ได้คือ อังกฤษ กับ คณิตศาสตร์
อันที่จริง วิชาภาษาอังกฤษ ผมไม่ได้ทำแม้แต่ข้อเดียว เพราะ ด้วยผมเอาเวลาไปทำวิทยาศาสตร์ ทั้งหมด รู้ตัวอีกที ครูบอกเหลือ 5 นาที ผมเพิ่งจะทำ วิทยาศาสตร์ข้อสุดท้ายเสร็จ
มั่วแหลก อังกฤษ T.T
ผมไม่คาดหวังมากว่าผมจะติด เพราะที่ รร.ประจำจังหวัดแห่งนี้ มีคู่แข่งเยอะพอสมควร
มีคู่แข่งประมาณ 500 คน ในขณะที่รับสายวิทย์ 50 คน
มาถึงวันประกาศผล ผมไปดูผลสอบ+คะแนน
โอ้วพระเจ้า ! ผมดีใจอีกแล้ว ผมสอบติด ห้องวิทย์ รร.ประจำจังหวัด
ผมสอบได้ที่ 12 จาก 500 คน ผมดีใจมาก ผู้ปกครองคนนึงที่มาดูผล ถามผมว่าติดไหม
ผมตอบไปว่าติดครับ
เขาชมกลับมาว่าเก่งมาก!!~
ผมดีใจนะ มันถูกชื่นชม มันรู้สึกดี มันให้ความรู้สึกแตกต่างจาก การไปสอบ SP อีก รร.นึง
จนมาถึงวันรายงานตัว ผมไปรายงานตัว และมีนร.มารายงานตัวกันเยอะมาก
ไม่แปลกใจเท่าไหร่ การรายงานตัวจบไป
ผมกลับมาปรึกษาที่บ้านว่าผมจะเลือกอะไรดีระหว่าง ห้อง SP รร.ประจำอำเภอ กับ ห้องวิทย์ ธรรมดา รร.ประจำจังหวัด
ยายผม น้าผม เชียร์ให้ผมเข้า SP
ผมโทรไปหา รอง ผอ. โรงเรียนเทศบาลที่ผมเคยเรียนตอน ม.1 ท่านก็แนะนำให้ผมเอา SP
แต่การตัดสินใจของผมกลับแตกต่างออกไป
การเลือกที่เรียนของผม คงไม่เลือกแค่ห้องหรืออะไรแน่ๆ
มันเกี่ยวกับความรู้สึก
แม้ห้อง SP จะมีโอกาสต่างๆมากมาย ทั้ง การเข้าค่าย ออกทัวร์ บ่อย
แต่ในที่สุดผมก็ตัดสินใจเลือกที่จะเข้า รร.ประจำจังหวัด
เพราะอะไรหรอ เหตุผลมันง่ายนิดเดียว
เพราะที่ โรงเรียนประจำจังหวัด ผมไม่ได้โดนดูถูก แต่ผมถูกชื่นชม
มันสำคัญนะ มันเป็นกำลังใจอย่างนึงเลย
และแล้วก็มาถึงวันมอบตัว ผมไปกับยาย
ไปถึงห้องมอบตัว ซึ่งผมก็ได้พบกับ เพื่อนๆ ห้องผม มากมาย 50 คน
ระหว่างทางผมพบกับ พ่อของเพื่อนคนนึง ซึ่งสอบ SP ด้วยกัน เขามาจับมือผม
ผมงงมาก แต่ เขาก็บอกว่า เก่งมาก สอบติดทั้ง SP ทั้ง รร.ประจำจังหวัด
ผมรู้สึกสดชื่นมากๆเลยแหละที่โดนชม ^^
แล้วเวลามอบตัวก็มาถึง ครูขึ้นมารับมอบตัว
ครูคนนั้นเป็นครูที่ปรึกษาผมเอง ขออนุญาติ เอ่ยนาม ท่านชื่อ อาจารย์วิชพล
ครูวิชพลถามว่า ไหนๆ ใครที่มาจาก กศน.
ผมยกมือ ครูวิชพล กล่าวชื่นชมต่างๆนาๆ ว่าเป็นเด็ก กศน.แต่สามารถสอบเข้ามาได้
และบอกว่าเมื่อก่อนก็เคยมีเด็ก กศน.มาสอบเข้าได้แบบนี้ และตอนนี้ก็ประสบความสำเร็จไปแล้ว
ผมไม่รู้นะ ยายผมก็รู้สึกดี ผมก็รู้สึกดี มันมีคนมาชมหลายๆคน
สุดท้ายผมก็กลับไปทำงาน หลังจากสอบอะไรเสร็จหมดแล้ว
ระหว่างผมทำงาน ที่ KFC ผมบังเอิญไปเจอ ครูวิชพล มากินไก่
อาจารย์เห็นผมทำงาน อาจารย์บอกว่า เธอมาเรียนพิเศษกับครูก็ได้
ครูสอนฟิสิกส์ ครูให้เธอเรียนฟรี
"จบลงไปกับประสบการณ์ชีวิตก่อนที่จะเข้าเรียนม.ปลาย นะครับ มันเป็นอีกเหตุการณ์นึงที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิตผม แม้จะไม่ใช่ จุดเริ่มต้นที่ผมอยากเป็นหมอ แต่มันก็สำคัญมาก!"
ผมอยากจะบอกจากประสบการณ์ครั้งนี้ว่า กำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เมื่อคุณถูกดูถูก ถูกบั่นทอนกำลังใจ คุณจะรู้สึกเหนื่อย แต่มันต้องไม่ทำให้เราท้อถอย
เมื่อก่อนผมเคยเป็นเด็กที่เกือบจะไม่มีอนาคต เพราะสิ่งเสพติดสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า "เกมส์"
ผมติดเกมส์มาตั้งแต่ ป.4 ได้มั้ง ตั้งแต่ตอนนั้นแหละการเรียนของผมเริ่มตกต่ำลงไปเรื่อยๆ
จากที่เคยสอบได้ที่ 9 กลับกลายเป็น สอบได้ที่ โหล่ของห้องไปแล้ว
แต่ก็โดนครูช่วยดันให้จนจบ ป.6 ได้ และ ช่วงจะเข้า ม.1 ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย เกี่ยวกับการสอบเข้า ม.1
จึงปล่อยเวลาผ่านไป มารู้ตัวอีกทีนึง มันก็หมดเขตสมัครสอบ/จับฉลากแล้ว
ชีวิตตอน ม.1 จึงไปลงเอยที่ รร.เทศบาล แห่งนึงในจังหวัด แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร
เพื่อนๆ คุณครูทุกคนในชั้นดีกับผมมากเลยทีเดียวดีกว่า รร.ตอนประถม มากมาย
อันที่จริงเรารู้จักกันเกือบทั้งโรงเรียนเลยก็ว่าได้เพราะเราเป็นโรงเรียนเล็กๆ แต่ก็อบอุ่นนะ
แต่ด้วยการติดเกมส์เนี่ยแหละ เทอม แรก ผมแทบจะไม่ไปโรงเรียนเลย วันๆขลุกอยู่แต่ในร้านเกมส์
จนในที่สุด ม.1 เทอม1 ติด ร.ตั้งหลายตัว
พอเปิดเทอม 2 ผมก็ไม่ไปโรงเรียนอีกเลย สุดท้ายก็คือลาออกนั่นแหละ
ผอ. เห็นผมน่าจะหัวดีแต่ติดเกมส์ เลยเสนอทางออกให้ โดยเสนอให้ สามารถ จบ ม.1 ได้ แต่ต้องไปเรียน โรงเรียนอื่น
แต่ถ้าจะเรียนโรงเรียนเก่าผมก็ต้องซ้ำชั้น ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไงดีก็ ปล่อยมันไปเลย ไม่ได้ติดตามอะไรอีก
ปล่อยชีวิตเลยเถิดไปวันๆ เล่นเกมส์ไปวันๆ รู้ตัวอีกทีนึง แม่ก็มาบอกกับเราว่า "ลูกแม่ก็แก่ขึ้นทุกวันแล้วนะ ออกไปหางานทำเถอะ"
สุดท้ายผมก็เข้าไปสมัครงานที่ร้านเกมส์ ร้านหนึ่ง ใกล้ๆบ้าน แหม่มันเหมือนฝันที่เป็นจริงเลยเนอะ ชอบเกมส์ ทำงานร้านเกมส์
แต่เปล่าเลย ผมรู้ตัวว่าผมโดนเอาเปรียบอย่างมากเลยแหละ กับการเป็นพนักงานร้านเกมส์ แต่ได้ค่าจ้างวันละ 150 บาท
แถมผมออกจะขี้เกียจ จ้างให้เพื่อนอีกคนมาทำความสะอาดแทน โดนตัดเงินค่าจ้างไป สุดท้ายเหลือค่าจ้างวันละ 100 บาท
แถมการไปทำงานร้านเกมส์ ผมจะเล่นเกมส์ไม่ได้ด้วยนะถ้าจะเล่นต้องจ่ายเงินเหมือนลูกค้าทั่วไป
ผมยอมรับเลยตอนนั้นผมเรื่อยเปื่อยเอาซะมากๆเลยแหละทำงานได้เงินมา ซื้อข้าวกิน ใช้เงินเล่นเกมส์ วนไปวนมาอยู่อย่างนี้
-จนมาวันนึงเพื่อนผมจบ ม.3 กันแล้ว เพื่อนผมคนนึงที่ เรียนตอน ม.1 เนี่ยแหละ สอบเข้าได้โรงเรียนประจำอำเภอ
เราถามเขาว่า "แอ๋ม อยากเรียนไรต่อหรอ"
เธอตอบว่า อยากเรียน แพทย์ ไม่ก็ครูแหละ คิดดูก่อน
ผมเกิดคิดว่า ผมทำอะไรอยู่ตรงนี้ เพื่อนผมฝันอยากเป็นโน่นอยากเป็นนี่
แล้วตัวผมหละผมทำอะไร เล่นเกมส์ไปวันๆ ทำงานร้านเกมส์กระจอกงอกง่อย เป็นความฝันของผมหรอ?
ไม่อะมันไม่ใช่ผมไม่อยากให้ชีวิตมาจบอยู่ตรงนี้ ผมก็อยากมีความฝันเหมือนกัน
ผมจึงไปสมัครเรียนที่ กศน. ในระดับ ม.ต้น ตอนนั้นผมอายุ 14 ปีย่างเข้า 15
ในที่สุดผมก็ได้เรียน กศน. ม.ต้น ในความคิดตอนนั้น ผมคิดไปถึงไหน หลายๆคนคงนึกตลก
ผมอยากเข้า ม.ปลายที่ มหิดลวิทยานุสรณ์!!! (ขำตัวเองมากๆ)
ผมเรียนที่ กศน. ตั้งใจเรียนเต็มที่ อ่านหนังสือ ไปทำร้านงานเกมส์ก็เอาหนังสือไปอ่าน
บางวันเอาหนังสือไปเป็นตั้งๆไปอ่าน มันก็ตลกดีนะครับแต่ผมอยากเก่ง เข้าทำได้ ไม่อยากให้ชีวิตหยุดอยู่ตรงนี้
ผมตั้งใจเรียนเต็มที่ และที่ กศน. หลายๆคนมองว่ามันเป็นที่ที่เลวร้าย
ผมไม่มองอย่างนั้น ผมมองว่าที่นี่มันเป็นที่นึงที่ให้โอกาสเราซะมากกว่า
ผมได้มีเพื่อนหลายวัย ทั้ง อ่อนกว่า แก่กว่า บางคนอายุ 60 กว่า ลูก 3 คนแล้วก็ยังมาเรียน กศน.
ไม่รู้นะสำหรับผม กศน. ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากมายเลย
ในเทอม 1 ปี 2553 เป็นช่วงที่โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ กำลังรับสมัคร
ผมโทรไปสอบถามว่า ผมเรียน กศน. ผมจะสามารถไปสมัครได้ไหม มีสิทธิ์ไหม
แต่เทอมนี้ ผมเรียน คณิตศาสตร์ ม.ต้น อยู่ ยังไม่มีเกรดวิชาคณิตศาสตร์ไปยื่น
ถึงจุดนี้ ความฝัน พังทลาย เมื่อเจ้าหน้าที่ตอบกลับมาว่า คุณไม่มีสิทธิ์สอบ!!!
ผมไม่เข้าใจตัวเองผมพยายามจะเขียนหนังสือขอความอนุเคราะห์ไปนะ
แต่เจ้าหน้าที่ตอบมาว่า โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่เรียนเข้มข้นมาก
เขาไม่แนะนำให้เราเรียนที่นี่ให้หาที่อื่นดู
ผมเฟลนะ ที่ได้ยินแบบนั้น อะไรคือสิ่งที่ผมต้องการ ผมอยากเรียนที่ มหิดลวิทย์ ส่วนนึงแหละ
เพราะเขามีเงินเดือนให้และผมจน และได้ยินมามากๆว่าในโรงเรียนมีความอบอุ่นมากมาย
แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันจบแล้ว เพราะผม ไม่มีสิทธิ์สอบ!
หลังจากนั้นไปซักพักหนึ่ง ผมก็ได้ตระหนักขึ้นมาว่า ไม่เห็นเป็นไร ไม่ได้เข้า รร.นั้นก็ไม่ตาย
ผมตัดสินใจจะสอบ SP ของ รร.ประจำอำเภอ และ ห้องวิทย์ รร.ประจำจังหวัดที่ผมอยู่ ผมต้องทำให้ได้
ในที่สุดผมก็เรียนจบ ชั้น ม.ต้น จาก กศน. ผมจบออกมาได้ด้วยผลการเรียนเฉลี่ย 3.41
ผมค่อนข้างดีใจนะ ถึงแม้จะไ่ม่สูงมาก แต่มันก็ดีกว่าตอนประถมมากเลย ผมได้เกรด 2.5 เอง
ผมตัดสินใจลาออกจากงานร้านเกมส์ และเข้าไปสมัครทำงานที่ KFC
และผมก็ย้ายไปอยู่บ้านยาย เนื่องจากตอนแรกผมอยู่ตัวคนเดียว มีเพียง แม่ ส่งเงินมาให้ใช้ + กับ ทำงานเอง
ด้วยความที่ว่า เงินเดือนที่ KFC ให้นั้นยังไงก็สูงกว่า ร้านเกมส์ที่ผมทำเป็นไหนๆ
ในที่สุดผมก็ได้งานที่ KFC และผมก็อ่านหนังสือไปด้วย เพื่อเตรียมสอบ
ผมทำงานไป เก็บเงินไป จนถึงเดือน ก.พ. 2554 เป็นช่วงที่มีการสมัคร SP
ผมไปสมัครสอบ SP โอ้วพระเจ้า ผมไปวันแรก แถมเป็นคนแรก
ครูที่รับสมัครปรึกษากันใหญ่ ว่าผมจะมีสิทธิ์สอบไหม ผมมาจาก กศน.
เขากลัวผมจะไม่ไหว อ้างไป หน่วยกิตที่ผมเรียนอาจจะไม่พอ
ในที่สุดครูคนนึงซึ่งผมคิดว่าคงเป็นครูที่เข้าใจความรู้สึกผมที่สุดในตอนนั้น
ครูเขาโทรหา รองวิชาการ สอบถามว่าจะให้เราสอบไหม อะไรยังไง
ในที่สุด รองวิชาการ ก็อนุมัติให้ผมสมัครได้
ผมก็แอบดีใจนะ มีสิทธิ์สอบด้วย ^^.!
ระหว่างผมกรอกใบสมัคร ผอ.ก็เดินมาหาผมแล้วถามครูว่ามีคนมาสมัครกี่คนแล้ว
ครูที่รับสมัครบอกว่า "นี่คนแรกค่ะ มาจาก กศน."
ผอ.พูดขึ้นมาว่า เธอจะสอบสู้เด็ก รร.เราได้หรอ ความรู้ กศน.
ผมยอมรับเลยนะผมเฟ้ลมากๆ เสียความรู้สึกมากๆเลย
ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกดูถูกด้วยความที่ผมจบจาก กศน.
ชั่งมัน! ผมเปลี่ยนมันให้กลายเป็นแรงผลักดัน แรงฮึด!~
ผมต้องสอบให้ติดให้ได้ คอยดู ฮุ่ยเล่!!!
หลังจากสมัครสอบ ผมก็ไปทำงานปกติ อ่านหนังสือเวลาว่างๆ
ในที่สุดมันก็ถึงวันสอบ SP ผมก็ไปสอบ
ผมได้นั่งที่นั่งแรก (ก็แหงหละไปสมัครซะคนแรก)
มีคู่แข่งประมาณ ร้อยกว่าๆ ได้มั้ง ล้วนแล้วแต่เป็นหัวกระทิ ของโรงเรียนนั้นทั้งนั้น (ผมว่านะ)
พระเจ้าช่วยลูกด้วย วิชาคณิตศาสตร์ ข้อสอบมันเป็นแบบอัตนัย
อยากจะร้องไห้มากๆ ผมยอมรับเลยนะผมทำไม่ค่อยได้เลย แต่ก็ยังพอถูไปได้ สุดท้าย
ผมก็ เฟล กับคณิตศาสตร์ไป
ช่วงบ่ายผมสอบวิทยาศาสตร์ วิชานี้ทำให้ผมสดชื่นมากเลยแหละขอบอก ^0^
ผมรู้สึก ถึงความมีชีวิตชีวา เพราะวิชานี้ ผมทำได้หลายข้อเลยแหละ คิดว่านะ
ในที่สุดก็จบลงไปสำหรับวันนี้
จนกระทั่งถึงวันประกาศผล ผมไปดูผลสอบ โอ้ว ผมตัวสั่น
ผมไม่อยากจะเชื่อเลย ผมสอบติดห้อง SP !!!
ผมไม่รู้จะพูดอะไรตอนนั้น ผมลบคำสบประมาทของ ผอ.ไปได้ว่า ผมจะทำได้หรอ
เด็ก กศน.คนนี้ จะสู้หัวกระทิ ของเขาได้หรอ ผมรู้สึกภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก
จนถึงวันรายงานตัว ผมเดินเข้า โรงเรียนอย่างมีเกียรติ คำดูถูกเริ่มลดลง
แต่ก็เจอ ครูคนนึงเป็น หัวหน้าฝ่ายวิชาการของโรงเรียน เขาก็มาคุยกับเรา
เขาบอกว่า จะเรียนไหวไหม มันหนักนะ ครูอยากให้เราเรียนห้องปกติมากกว่า
ผมก็ไม่รู้จะพูดไรเสียความรู้สึก มันมาอีกแล้ว แต่ผมก็ตอบครูไปว่า ผมคิดว่าผมไหวครับ!!
ผมรู้คะแนน และอันดับที่สอบได้ จากวันที่รายงานตัว
ผมสอบ วิชาคณิตศาสตร์ ได้ที่ 19 วิชาวิทยาศาสตร์ได้ที่ 2 รวมแล้วผมสอบได้ที่ 9
มันค่อนข้างจะภูมิใจนะ เย้ ภูมิใจสิ อย่างน้อยผมก็สอบติดแล้ว ผมมีที่เรียนแน่ๆ
แต่ผมก็ยังตัดสินใจไปสมัครสอบต่อที่ ห้องวิทย์ ธรรมดา ที่ รร.ประจำจังหวัด
ซึ่งมันรับสมัครสอบ ช่วงเดือนมีนาคม 2554
การไปสมัครสอบ ผมรู้สึกถึงความแตกต่าง ที่ รร.ประจำจังหวัดแห่งนี้ ผมไม่ได้รับการดูถูกอะไรเลย
เจ้าหน้าที่ ครู ที่รับสมัคร ไม่ได้พูดจาดูถูกอะไรเราเลย ไม่มีเลยซักนิด ไม่มีมาพูดว่า จะสอบได้หรอ
จะสู้ เด็ก รร.เขาได้หรอ ไม่มีซักคำ จนท. ครู ปฏิบัติ เหมือนกัน ทุกคน
ผมตัดสินใจ ลงสมัครไป 2 อันดับ คือ 1.วิทย์ 2.คำนวณ
ไม่รู้นะแต่ผมรู้สึกดีกับที่นี่ เพราะผมไม่ได้รับการดูถูก มีการยอมรับกัน
จนถึงวันสอบ
หลายๆวิชาผมพอทำได้ แต่ผมยอมรับเลย วิชาที่ผมทำไม่ได้คือ อังกฤษ กับ คณิตศาสตร์
อันที่จริง วิชาภาษาอังกฤษ ผมไม่ได้ทำแม้แต่ข้อเดียว เพราะ ด้วยผมเอาเวลาไปทำวิทยาศาสตร์ ทั้งหมด รู้ตัวอีกที ครูบอกเหลือ 5 นาที ผมเพิ่งจะทำ วิทยาศาสตร์ข้อสุดท้ายเสร็จ
มั่วแหลก อังกฤษ T.T
ผมไม่คาดหวังมากว่าผมจะติด เพราะที่ รร.ประจำจังหวัดแห่งนี้ มีคู่แข่งเยอะพอสมควร
มีคู่แข่งประมาณ 500 คน ในขณะที่รับสายวิทย์ 50 คน
มาถึงวันประกาศผล ผมไปดูผลสอบ+คะแนน
โอ้วพระเจ้า ! ผมดีใจอีกแล้ว ผมสอบติด ห้องวิทย์ รร.ประจำจังหวัด
ผมสอบได้ที่ 12 จาก 500 คน ผมดีใจมาก ผู้ปกครองคนนึงที่มาดูผล ถามผมว่าติดไหม
ผมตอบไปว่าติดครับ
เขาชมกลับมาว่าเก่งมาก!!~
ผมดีใจนะ มันถูกชื่นชม มันรู้สึกดี มันให้ความรู้สึกแตกต่างจาก การไปสอบ SP อีก รร.นึง
จนมาถึงวันรายงานตัว ผมไปรายงานตัว และมีนร.มารายงานตัวกันเยอะมาก
ไม่แปลกใจเท่าไหร่ การรายงานตัวจบไป
ผมกลับมาปรึกษาที่บ้านว่าผมจะเลือกอะไรดีระหว่าง ห้อง SP รร.ประจำอำเภอ กับ ห้องวิทย์ ธรรมดา รร.ประจำจังหวัด
ยายผม น้าผม เชียร์ให้ผมเข้า SP
ผมโทรไปหา รอง ผอ. โรงเรียนเทศบาลที่ผมเคยเรียนตอน ม.1 ท่านก็แนะนำให้ผมเอา SP
แต่การตัดสินใจของผมกลับแตกต่างออกไป
การเลือกที่เรียนของผม คงไม่เลือกแค่ห้องหรืออะไรแน่ๆ
มันเกี่ยวกับความรู้สึก
แม้ห้อง SP จะมีโอกาสต่างๆมากมาย ทั้ง การเข้าค่าย ออกทัวร์ บ่อย
แต่ในที่สุดผมก็ตัดสินใจเลือกที่จะเข้า รร.ประจำจังหวัด
เพราะอะไรหรอ เหตุผลมันง่ายนิดเดียว
เพราะที่ โรงเรียนประจำจังหวัด ผมไม่ได้โดนดูถูก แต่ผมถูกชื่นชม
มันสำคัญนะ มันเป็นกำลังใจอย่างนึงเลย
และแล้วก็มาถึงวันมอบตัว ผมไปกับยาย
ไปถึงห้องมอบตัว ซึ่งผมก็ได้พบกับ เพื่อนๆ ห้องผม มากมาย 50 คน
ระหว่างทางผมพบกับ พ่อของเพื่อนคนนึง ซึ่งสอบ SP ด้วยกัน เขามาจับมือผม
ผมงงมาก แต่ เขาก็บอกว่า เก่งมาก สอบติดทั้ง SP ทั้ง รร.ประจำจังหวัด
ผมรู้สึกสดชื่นมากๆเลยแหละที่โดนชม ^^
แล้วเวลามอบตัวก็มาถึง ครูขึ้นมารับมอบตัว
ครูคนนั้นเป็นครูที่ปรึกษาผมเอง ขออนุญาติ เอ่ยนาม ท่านชื่อ อาจารย์วิชพล
ครูวิชพลถามว่า ไหนๆ ใครที่มาจาก กศน.
ผมยกมือ ครูวิชพล กล่าวชื่นชมต่างๆนาๆ ว่าเป็นเด็ก กศน.แต่สามารถสอบเข้ามาได้
และบอกว่าเมื่อก่อนก็เคยมีเด็ก กศน.มาสอบเข้าได้แบบนี้ และตอนนี้ก็ประสบความสำเร็จไปแล้ว
ผมไม่รู้นะ ยายผมก็รู้สึกดี ผมก็รู้สึกดี มันมีคนมาชมหลายๆคน
สุดท้ายผมก็กลับไปทำงาน หลังจากสอบอะไรเสร็จหมดแล้ว
ระหว่างผมทำงาน ที่ KFC ผมบังเอิญไปเจอ ครูวิชพล มากินไก่
อาจารย์เห็นผมทำงาน อาจารย์บอกว่า เธอมาเรียนพิเศษกับครูก็ได้
ครูสอนฟิสิกส์ ครูให้เธอเรียนฟรี
"จบลงไปกับประสบการณ์ชีวิตก่อนที่จะเข้าเรียนม.ปลาย นะครับ มันเป็นอีกเหตุการณ์นึงที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิตผม แม้จะไม่ใช่ จุดเริ่มต้นที่ผมอยากเป็นหมอ แต่มันก็สำคัญมาก!"
ผมอยากจะบอกจากประสบการณ์ครั้งนี้ว่า กำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เมื่อคุณถูกดูถูก ถูกบั่นทอนกำลังใจ คุณจะรู้สึกเหนื่อย แต่มันต้องไม่ทำให้เราท้อถอย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น