ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โซ่รัก โซ่เสน่หา (E-Book)

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 2 (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 5 ม.ค. 59



    เสียงหัวเราะ ประสานกันระหว่างเด็กน้อยกับน้าสาวเสริมให้บรรยากาศภายในห้องครัวเย็นนี้ดูสดชื่นกว่าทุกวัน เด็กทั้งสองคนกำลังช่วยกันแต่งหน้าไอศกรีมอย่างสนุกสนานโดยมีปานชนกกับป้านวลคอยเป็นลูกมือให้

    สงสัยคุณแม่จะมาแล้ว เดี๋ยวยายนวลไปเปิดประตูให้คุณแม่นะคะ พูดจบร่างท้วมก็แยกออกจากครัวตรงไปที่หน้าบ้านทันที

    คุณแม่ขา วันนี้น้องพาฝันทำไอติมให้คุณแม่ด้วยค่ะ แฝดคนน้องรีบวิ่งนำหน้าพี่สาวตรงเข้าหาณรันดาพร้อมอ้าแขนให้เธออุ้มขึ้นอีกด้วย

    เหรอคะ ไหนพาคุณแม่ไปดูหน่อยซิว่ากินได้หรือเปล่า ณรันดาพูดพลางหอมแก้มแฝดคนน้องที่เธอกำลังอุ้มอยู่โดยไม่ลืมที่จะย่อตัวลงไปหอมแก้มแฝดคนพี่ด้วย

    นี่ค่ะ พี่ทอฝันกับน้องพาฝัน น้าป่าน คุณยายนวลช่วยกันทำให้คุณแม่ค่ะ น้องทอฝันรีบรายงานพร้อมฉุดมือมารดาให้เดินตามไปในครัว

    โอ้โห...น่ากินจังเลย ไหนให้คุณแม่ลองชิมหน่อยซิว่าอร่อยหรือเปล่า แล้วณรันดาก็ตักไอศกรีมที่เด็กทั้งสองเพิ่งแต่งหน้าเสร็จเมื่อครู่เข้าปาก

    “อื้ม...อร่อยที่สุดเลย ณรันดาทำตาโตพร้อมด้วยน้ำเสียงยืนยันว่าไอศกรีมตรงหน้าอร่อยจริงๆ เด็กน้อยยิ้มแก้มแทบปริ ที่ได้ยินคำชมจากมารดา

    แล้วเป็นไงบ้างคะ วันนี้สองสาวดื้อกับน้าป่านหรือเปล่าคะ ณรันดาเอ่ยถามพร้อมกับตักไอศกรีมป้อนให้ลูกสาวทั้งสองคนไปด้วย

    ไม่ดื้อเลยค่ะ สองเสียงดังขึ้นเกือบจะพร้อมกัน

    เอ...จริงหรือเปล่าน้า ณรันดาทำทีเหมือนไม่เชื่อที่ลูกสาวตัวแสบพูด

    จริงค่ะ ไม่เชื่อถามน้าป่านดูก็ได้ น้องพาฝันรีบตอบพร้อมกับหันมองหน้าน้าสาวอย่างต้องการคำยืนยัน

    โอเคๆ คุณแม่เชื่อก็ได้ อะ มาช่วยคุณแม่กินก่อนเร็ว เดี๋ยวละลายหมด อดกินกันพอดี พูดจบณรันดาก็อุ้มลูกสาวขึ้นนั่งบนเก้าอี้ทีละคนพร้อมกับเลื่อนถ้วยไอศกรีมถ้วยใหญ่ไว้ตรงหน้าเด็กทั้งคู่ จากนั้นสองพี่น้องก็ทำหน้าที่จัดการไอศกรีมในถ้วยโดยไม่ลืมที่จะตักป้อนณรันดา ปานชนก และป้านวลที่ยืนมองดูทั้งสองคนอย่างเอ็นดู

    นี่ปลาย วันนี้ตอนเสร็จงานนะ อยู่ๆ น้องพาฝันเกิดคิดถึงเธอขึ้นมาซะงั้นแหละ ปานชนกเล่าให้เพื่อนรักฟังขณะที่เด็กทั้งคู่กำลังนั่งดูการ์ตูนหน้าทีวีกับป้านวลอยู่

    เฮ้อ...เราสงสารลูกจังเลย ไหนจะเรียน และยังต้องมาทำงานตั้งแต่เด็กอีก พูดจบหญิงสาวค่อยๆ พ่นลมหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ

    เอาน่า อาจเป็นเพราะว่าวันนี้ยายสองแสบดันเห็นเพื่อนๆ มีพ่อแม่มาด้วยนั่นแหละ เลยรู้สึกอยากให้แม่ตัวเองมาเหมือนคืนอื่นๆ บ้าง...อย่าคิดมาก นี่เดี๋ยวก็เหลือไปถ่ายชุดเด็กที่สตูอีกงานเดียวยายสองแสบก็ว่างแล้ว เราค่อยพาไปเที่ยวกัน ปลายจะได้พักสมองบ้าง ปานชนกพยายามพูดไม่ให้เพื่อนคิดมาก

    เออ ป่าน พรุ่งนี้เรารบกวนให้มาอยู่เป็นเพื่อนเด็กๆ หน่อยนะ พอดีคุณมาร์คชวนเราไปงานเลี้ยงเป็นเพื่อนน่ะ ณรันดาเอ่ยบอกเพื่อนอย่างเกรงใจ

    ชื่อมาร์ค ที่ดังขึ้นทำให้หัวใจปานชนกเต้นผิดจังหวะขึ้นมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวมือไม้ที่ก็วางอยู่ดีๆ ก็ดันเกิดรู้สึกว่ามันไม่มีที่วางซะอย่างนั้น ทว่าก็พยายามเก็บอาการเอาไว้ไม่ใช้เพื่อนรักได้รู้ถึงอาการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง

    “อืม...ได้ซิไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเรามาอยู่เป็นเพื่อนเอง ปลายไปเถอะ รู้จักออกงานบ้างก็ดีเหมือนกัน” หญิงสาวตั้งสติเล็กน้อยก่อนรับคำเพื่อนรัก

    ขอบใจมากนะจ๊ะ...เราเกรงใจป่านจังเลย จริงๆ เราไม่อยากจะไปหรอกแต่ก็เกรงใจคุณมาร์ค เราปฏิเสธเขามาหลายงานแล้ว ณรันดารีบอธิบายให้เพื่อนเข้าใจ

    ดีแล้วละปลาย คุณมาร์คเขาเป็นคนดี เราว่าปลายลองเปิดใจดูเขาหน่อยก็ดีนะ” แนะนำเพื่อนรักไปเช่นนั้น หัวใจตัวเองก็กระตุบวาบแปลก

    ป่านก็รู้ว่าเรายังไม่พร้อม แค่ทุกวันนี้เราจะหาเวลาให้ลูกได้ยังยากเลย ณรันดาดึงเรื่องเวลาและลูกขึ้นมาเป็นข้ออ้าง

    ณรันดานั้นรู้ใจตัวเองดีว่า เพราะอะไรที่เธอถึงไม่สามารถที่จะเปิดใจรับมาร์คได้ ทั้งที่มาร์คก็ดีกับเธอทุกอย่าง ทว่าเธอกลับมีความรู้สึกว่าเธอนั้นไม่ดีพอสำหรับมาร์ค แต่ในใจลึกๆ นั้นคงเป็นเพราะ...เธอยังคงลืมพ่อของลูกฝาแฝดเธอไม่ได้นั่นเอง

     

    ณรันดาในชุดราตรียาวสีฟ้าน้ำทะเลพร้อมด้วยกระเป๋าใบเล็กที่เธอถือติดมืออยู่ ผมยาวถูกเกล้าขึ้นไว้ ปล่อยเพียงปอยผมลงมาน้อยๆ รับกับใบหน้ารูปไข่ เปลือกตาถูกแต่งแต้มสีสันด้วยเครื่องสำอางบางๆ แพขนตายาวหนาถูกดัดและปัดด้วยมาสคาร่าสีน้ำตาลอ่อน เสริมให้ดวงตาโตนั้นดูคมกว่าเดิม ริมฝีปากระเรื่อสีชมพูอ่อนด้วยลิปสติกชั้นดี ลำคอระหงเวลานี้ถูกประดับด้วยเครื่องเพชรชุดเล็ก สีของชุดนั้นยิ่งขับเครื่องเพชรให้ดูเด่นขึ้นอีกเป็นเท่าตัว

    คุณแม่สวยจังเลยค่ะ เสียงใสของแฝดคนพี่ดังขึ้นเมื่อเห็นมารดาลงมาจากด้านบนของบ้าน

    สวยจริงหรือเปล่าคะ ณรันดาแสร้งถามลูกสาวพลางส่งยิ้มหวานให้

    สวยจริงๆ ค่ะ น้องทอฝันยังคงเป็นคนตอบ ก่อนเสียงขานเรียกคุณแม่จากแฝดคนน้องจะดังขึ้น

    “คุณแม่ขา”

    ว่าไงคะน้องพาฝัน ณรันดาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ต้นเสียงทันที เมื่อสังเกตเห็นใบหน้าลูกสาวคนเล็กปราศจากรอยยิ้ม และดูไม่ร่าเริงเหมือนเคย

    คุณแม่รีบกลับมานะคะ น้องพาฝันคิดถึง พูดจบเจ้าตัวเล็กก็โผเข้ากอดเอวมารดาเอาไว้แน่นอย่างไม่ต้องการห่าง

    ค่ะ คุณแม่จะรีบกลับ หนูสองคนต้องไม่ดื้อกับน้าป่านและคุณยายนวลนะคะ

    เธอกระชับวงแขนกับร่างเล็กของแฝดคนน้องไว้ ก่อนก้มลงหอมแก้มอย่างห่วงใยพลางปรายตามองหน้าน้องทอฝันที่นั่งอยู่กับปานชนกและกำลังหัวเราะน้อยๆ ที่เห็นน้องสาวกำลังอ้อนแม่

    ณรันดารู้ดีว่าแฝดคนเล็กค่อนข้างจะติดเธอมากกว่าแฝดคนโต และดูเหมือนว่าน้องทอฝันก็รับรู้เช่นนั้นเหมือนกัน ทำให้เด็กน้อยไม่รู้สึกอิจฉาหรือรู้สึกว่าคุณแม่นั้นลำเอียงแต่อย่างใด

    ณรันดานั่งคุยกับลูกสาวทั้งสองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรถยุโรปสีดำสนิทก็มาจอดหน้าบ้าน เธอจึงแยกตัวออกจากลูกสาว โดยไม่ลืมที่จะหันไปย้ำไม่ให้ลูกสาวดื้อ และสัญญากับลูกสาวว่าจะรีบกลับมา

    ปานชนกเดินออกมาส่งณรันดา พลางบอกให้เพื่อนรักไม่ต้องเป็นห่วงลูกสาวสองคน และอยู่ๆ หัวใจหญิงสาวก็เต้นรัวเร็วจนจับจังหวะไม่ได้ เมื่อร่างสูงใหญ่เจ้าของรถยุโรปคันหรูก้าวลงมาจากรถ เพื่อมาเปิดประตูรถอีกฝั่งให้ณรันดา และที่หนักหนาไปกว่านั้นคือขาแข่งเริ่มสั่นเธอแทบจะล้มทั้งยืน เมื่อชายหนุ่มค้อมศีรษะให้เพื่อเป็นการทักทายอย่างสุภาพ

    ณรันดาสัมผัสได้ถึงท่าทางของเพื่อนรักที่เปลี่ยนไป เจ้าหล่อนยิ้มน้อยๆ ให้กับปานชนก ก่อนแตะมือเบาๆ เข้าที่ฝ่ามือของเพื่อนรักเพื่อเป็นการลาหรืออีกนัยก็เพื่อเรียกสติอีกฝ่ายให้กลับมา

     

    งานที่มาร์คชวนมานั้นเป็นงานแฟชั่นการกุศล โดยมีคุณหญิงกาญจนา มารดาเขาเป็นประธานในการจัดงาน บรรยากาศภายในงานนั้นมีแต่คุณหญิงคุณนายและบรรดาลูกๆ ไม่ว่าจะเป็นลูกสาวหรือลูกชายที่ต่างพามาร่วมงาน เพื่อหวังจะให้เด็กๆ ได้รู้จักมักจี่กัน หรืออีกนัยก็เหมือนกับว่าพากันมาดูตัว

    มาร์คเดินควงคู่ณรันดาเข้ามาในงาน สร้างความแปลกใจให้แก่บรรดาคุณหญิงคุณนายที่มาร่วมงาน และเป็นจุดสนใจต่อสื่อมวลชนอยู่ไม่น้อย เพราะแต่ไหนแต่ไรมา มาร์ค หนุ่มนักธุรกิจชื่อดังคนนี้ไม่เคยควงสาวคนไหนออกงานแม้แต่ครั้งเดียว จะว่าไปแล้วก็เพิ่งมีงานนี้งานแรก แถมหญิงสาวที่เขาควงคู่ออกงานด้วยวันนี้ยังเป็นผู้หญิงที่สวยหมดจดเลยทีเดียว ที่สำคัญรูปร่างภายใต้ชุดราตรีนั้นไม่ได้บ่งบอกเลยว่าเคยมีลูกมาก่อน

    คิดว่าจะไม่มาซะอีกนะจ๊ะหนูปลาย คุณหญิงกาญจนาเอ่ยขึ้น พลางรับไหว้หญิงสาวตรงหน้า

    ผมบอกคุณแม่แล้วไงครับว่าผมจะพาคุณปลายมาด้วย ก็ต้องมาสิครับ

    “เอ้าๆ อย่ามัวแต่พูดอยู่ พาหนูปลายไปหาอะไรกินก่อน ใกล้เวลาเปิดงานแล้ว คุณหญิงกาญจนาพูดพลางรุนหลังให้ลูกชายเดินนำหน้าณรันดาไป

    แฟนตามาร์คหรือคะคุณพี่ หน้าตาสะสวย กิริยามารยาทก็ดีนะคะ เสียงคุณหญิงอรพินดังขึ้นทันทีที่สองร่างก้าวพ้นจากกลุ่มไป

    พี่ก็ไม่รู้เขาเหมือนกันนะ แต่เห็นตามาร์คเทียวไล้เทียวขื่ออยู่นานแล้ว คุณหญิงกาญจนาหันมาตอบ ใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างเห็นได้ชัด

    ดูเหมือนคุณพี่จะพอใจเด็กคนนี้อยู่ไม่น้อยนะคะ

    ถ้าลูกพี่รัก พี่ก็ต้องรักด้วยนั่นแหละ...เพราะถ้าลูกพี่มีความสุข พี่ก็พลอยมีความสุขไปด้วย คำตอบนั้นออกมาจากใจจริงของคุณหญิงกาญจนา

    ใช่ค่ะ น้องก็เหมือนกันค่ะ ลูกรักใคร น้องก็ต้องรักด้วยเหมือนกัน หัวอกคนเป็นแม่นี่คะ พูดจบสองคุณหญิงก็พากันหัวเราะน้อยๆ

    เอ...ว่าแต่วันนี้ลูกชายน้องอรไม่มาด้วยหรือคะ คุณหญิงกาญจนาเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง

    มาสิคะ...เดี๋ยวคงมาค่ะคุณหญิงอรพินตอบ สายตาพยายามมองหาลูกชาย เผื่อว่าคนที่กำลังพูดถึงจะมาถึงงานแล้ว

    สองคุณหญิงสนทนากันอยู่ครู่ใหญ่ เมื่อใกล้เวลาที่กำหนด พิธีกรบนเวทีก็เริ่มทำหน้าที่ดำเนินรายการ ทั้งคุณหญิงกาญจนาและคุณหญิงอรพินจึงพากันเดินไปนั่งที่โต๊ะวีไอพี โดยมีมาร์คกับณรันดาเดินตามไปสมทบที่โต๊ะทีหลัง พร้อมด้วยร่างเล็กๆ ที่เพิ่งก้าวเข้ามาใหม่เมื่อครู่

    มาแล้วเหรอยายโรส แล้วพี่ชายเราล่ะ คุณหญิงอรพินทักลูกสาวก่อนถามถึงลูกชาย

    มาพร้อมกันค่ะ แต่เห็นบอกว่าเจอเพื่อน เดี๋ยวตามมาค่ะ

    คุณพี่คะนี่ยายโรส ลูกคนเล็กค่ะ...ไม่รู้ว่าคุณพี่จะจำได้หรือเปล่า คุณหญิงอรพินแนะนำลูกสาวให้คุณหญิงกาญจนารู้จัก ถึงแม้ว่าสองสาวต่างวัยนี้จะเคยเจอกันมาก่อน แต่นั่นมันก็นานเป็นสิบปีแล้ว

    รสรินทร์ยกมือไหว้ทำความเคารพด้วยท่าทางอ่อนน้อมอย่างจริงใจ ไม่ได้แสแสร้งเหมือนกับบุตรสาวคุณหญิงคุณนายคนอื่นๆ ที่พามาแนะนำให้คุณหญิงกาญจนารู้จัก

            ณรันดาเดินออกจากงานมาเงียบๆ หลังจากที่บอกคุณหญิงกาญจนากับมาร์คว่าจะมาเข้าห้องน้ำ หญิงสาวเดินลัดเลาะมาจนถึงบริเวณสระว่ายน้ำของโรงแรมแล้วตรงไปยังเก้าอี้ตัวยาวมีเบาะสำหรับนั่งว่างอยู่มุมหนึ่งของสระว่ายน้ำก่อนทิ้งตัวลงนั่ง ถอดรองเท้าส้นสูงออก ก่อนใช้มือเรียวค่อยๆ บีบนวดบริเวณปลายเท้าอย่างเบามือ

    ณรันดายังคงยึดเก้าอี้ตัวเดิมไว้ ปล่อยตัวตามสบายอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ โดยไม่ทันสังเกตว่าเวลานี้กำลังมีคนจ้องมองเธออยู่อย่างไม่ละสายตา

    ปลาย นั่นคุณใช่ไหม

    เสียงคุ้นหูนั้นทำให้หัวใจณรันดาเต้นเร็วผิดปกติ ถึงแม้ว่าเขาจะเรียกเธอเพียงครั้งเดียว ทว่าเธอกลับมั่นใจว่าเสียงนั้นต้องเป็นของเขาแน่ๆ

    ผู้ชายไร้หัวใจ

    หากแต่ในใจเธอกลับพยายามคัดค้านว่าไม่ใช่ ต้องไม่ใช่ เพราะเธอไม่อยากเจอเขาอีก เธอกำลังหนีเขา และก็หนีเขาได้มาหลายปีแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เธอกับเขาจะได้มาพบกันอีกในวันนี้

    ปลาย ปลายใช่ไหม รวิชญ์เรียกชื่อหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้ง

    เป็นผลให้ณรันดาจำต้องเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงด้วยความอยากรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แล้วหัวใจก็กระตุกวาบขึ้นมาทันที มือชา หน้าชา จนถึงใบหู

    ใช่เขาจริงๆ เป็นไปไม่ได้ ไม่จริง นี่เรากำลังหนีผู้ชายคนนี้อยู่ เป็นไปไม่ได้ที่จะหนีเขาไม่พ้น ไม่จริง เป็นไปไม่ได้

    คำพูดเหล่านี้ดังอยู่ในอก ใบหน้านวลส่ายน้อยๆ อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองที่ได้เจอเขาวันนี้ ที่นี่ สีหน้าเจ้าหล่อนเวลานี้แสดงออกชัดเจนว่ากำลังตกใจอยู่ไม่น้อย

    ปลาย คุณจริงๆ ด้วย รวิชญ์เอ่ยขึ้นอีกครั้ง คราวนี้น้ำเสียงและสีหน้าแววตาของเขาฉายชัดว่ากำลังดีใจมาก และน่าจะดีใจมากที่สุดในชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้

    นับจากวันที่ณรันดาหนีจากเขาไปเงียบๆ ไม่ทิ้งแม้แต่จดหมายหรือข้อความใดๆ ไว้ มีเพียงแต่ของมีค่าที่เขาเคยซื้อให้เธอด้วยความเสน่หา หวังตอบแทนเธอที่เธอให้ความสุขกับเขาได้ทุกครั้ง ทุกเวลาที่เขาต้องการเท่านั้น ที่เธอทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า

    และจากวันนั้น เขาก็รอคอยเธอและตามหาตัวเธออย่างมีความหวัง จนเวลาล่วงไปจนเกือบสี่ปีแล้ว ใครเลยจะรู้ว่าเขาและเธอจะได้กลับมาเจอกันอีกในวันนี้อย่างไม่คาดฝัน

    ณรันดารีบลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมสวมรองเท้า แล้วก้าวออกจากเก้าอี้ที่ตัวเธอเพิ่งยึดเอาไว้นั่งพักอยู่ทันที เมื่อเห็นว่าร่างสูงของผู้ชายที่เธอพยายามหนีมาโดยตลอดกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ ทว่ามือแข็งแรงของเขากลับไม่รอช้า รีบคว้าข้อมือเรียวเอาไว้ได้ก่อนที่เธอจะเดินพ้นเก้าอี้ตัวนั้นไป

    ขอโทษนะคะ ดิฉันว่าคุณคงจำคนผิด...กรุณาปล่อยมือดิฉันด้วยค่ะ ณรันดาเอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรก พยายามบิดข้อมือเรียวให้พ้นจากพันธนาการของเขา ทว่ายิ่งเธอพยายามเอาออก เขายิ่งบีบมันแน่นขึ้น

    ผมไม่มีทางจำเมียผมผิดคนหรอกครับ น้ำเสียงที่ลอดไรฟันออกมานั้นหนักแน่นและชัดเจน แววตาฉายแววดุดันเล็กน้อย

    ณรันดาได้ยินที่เขาพูดถึงกับทำตาโต ด้วยไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาเช่นนี้

    นี่คุณพูดอะไรของคุณมิทราบ ณรันดาถามออกไปเสียงแข็ง

    ทำไม หรือว่าแค่คำพูดมันไม่เพียงพอ คุณต้องการให้ผมพิสูจน์ในสิ่งที่ผมพูดหรือเปล่าล่ะ...ก็ดีเหมือนกัน จะได้รู้กันไปเลยว่าคุณเป็นเมียผมจริงๆ หรือเปล่า พูดจบรวิชญ์ก็ดึงร่างบางเข้ามาปะทะอกกว้างของเขา สองแขนแข็งแรงรีบรวบเอวบางเอาไว้ทันที

    อุ๊ย...นี่คุณปล่อยฉันนะ ฉันบอกให้ปล่อยไงล่ะ ณรันดาทั้งทุบทั้งตีเข้าที่อกกว้างอย่างเต็มแรง ทว่าดูเหมือนสิ่งที่เธอทำไปนั้นมันยิ่งทำให้เธอเป็นฝ่ายเจ็บมือเปล่าๆ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้สึกอะไรกับการกระทำของเธอเลยแม้แต่น้อย

    ปลาย ผมคิดถึงคุณจังเลย รวิชญ์กดริมฝีปากของเขาเข้ากับแก้มนวลอย่างถือสิทธิ์ก่อนกระซิบริมหูเธอ

    ปล่อยนะ คุณไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับฉันนะ

    ปลาย คุณใจร้ายมาก คุณหนีผมไปทำไม ไหนคุณลองบอกผมมาซิว่าคุณหนีผมทำไม ริมฝีปากเขายังคงวนเวียนซุกไซ้ซอกซอนหาความหอมหวานบนใบหน้านวลของเธออยู่ไม่ขาด

    หญิงสาวก็ยังคงพยายามหลบหนีริมฝีปากซุกซนนั้น แต่ด้วยที่เธอกำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพราะโดนเขารวบร่างไว้แนบแน่น จึงไม่สามารถรอดพ้นจากการกระทำของเขาไปได้

    ฮึ...ใจร้ายเหรอคะ ใครกันแน่ที่ใจร้าย ปล่อยดิฉันเถอะค่ะคุณรวิชญ์ เรื่องระหว่างคุณกับฉันมันจบไปนานแล้ว เราอย่ามารื้อฟื้นมันอีกเลยค่ะ

    ผมไม่ปล่อย คราวนี้ผมจะไม่ยอมให้คุณหนีผมไปได้อีกแล้วปลาย เขากดริมฝีปากเข้าที่แก้มนวลอีกครั้งก่อนถอนออกมาจ้องใบหน้านวลของเธออีกครั้ง

    ฉันบอกคุณแล้วไงคะว่าเรื่องของเรามันจะ... เสียงเธอถูกเขากลืนกลับเข้าไปในลำคอเมื่อริมฝีปากเขาประกบเข้ากับริมฝีปากเธอ รวิชญ์จู่โจมเธออย่างไม่ทันให้เธอได้ตั้งตัว

    ณรันดาพยายามบ่ายเบี่ยงหลบหลีกเขาในคราแรก แล้วอยู่ๆ ความรู้สึกแปลกๆ ความวาบหวามก็แทรกเข้ามาทันทีที่เขาคลี่ริมฝีปากเธอออกเพื่อมอบจูบอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ลิ้นอุ่นของเขาค่อยๆ ไล้แตะแต้มบนเรียวปากบางจนเธอต้องเผยอริมฝีปากขึ้นอย่างเผลอไผลเพียงเพื่อต้องการสูดเอาอากาศหายใจเท่านั้น ลิ้นซุกซนก็สอดแทรกเข้ามาอย่างถือสิทธิ์ทันที

    ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะเข้าข้างเธอหรือว่าจงใจกลั่นแกล้งเขา ก่อนที่อะไรต่อมิอะไรจะเกินเลยไปกว่านี้ ก่อนที่เธอและเขาจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ เสียงของหญิงสาวร้องเรียกชื่อรวิชญ์ก็ดังขึ้น เป็นผลให้รวิชญ์รีบถอนริมฝีปากออกทันที แขนแข็งแรงปล่อยร่างบางเป็นอิสระกะทันหัน

    พี่วิชญ์คะ พี่วิชญ์

    ณรันดาเหยียดริมฝีปากยิ้มที่มุมปากน้อยๆ พร้อมด้วยสายตาที่จ้องมองเขาอย่างเหยียดๆ

    ฮึ...นี่หรือคนที่บอกว่าคิดถึงกันเมื่อครู่ นี่หรือคนที่กล่าวหาฉันว่าใจร้าย และนี่หรือคือคนที่ประกาศว่าจำเมียตัวเองได้แค่ นี้ยังกลัวจนถอยกรูดไม่เป็นท่า รวิชญ์ คนอย่างคุณมันก็เท่านี้ ยังไงคุณมันก็แค่คนขี้ขลาดและไร้หัวใจในสายตาฉันเหมือนเดิม

    ณรันดาเอ่ยออกมาตามที่ใจคิด แล้วเธอก็หมุนร่างเดินตรงกลับเข้างานโดยไม่หันกลับมามองเขาอีก ปล่อยให้เขายืนหน้าชาอยู่กับสิ่งได้ยินเมื่อครู่


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×