คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 2 (2)
มาต่อให้ค่ะ
เย็นนี้ห้างสรรพสินค้าชื่อดังผู้คนค่อนข้างเยอะเป็นพิเศษ เนื่องจากบริเวณลานด้านหน้าของห้างใหญ่มีการจัดงานเปิดตัวนมผงยี่ห้อดัง มีทั้งเวทีการแสดงต่างๆ ของเด็ก พร้อมทั้งการประกวดความสามารถของเด็กๆ พื้นที่บริเวณรอบๆ เวทียังมีซุ้มเกมจัดไว้ให้เด็กและผู้ปกครองร่วมสนุกเล่นเกมชิงของรางวัล รวมทั้งยังมีซุ้มให้เด็กและผู้ปกครองได้มีโอกาสทำกิจกรรมร่วมกันอีกหลายซุ้ม
เมื่อได้เวลาเปิดงาน พิธีกรสาวสวยซึ่งเป็นดาราสาวชื่อดังก็เริ่มทำหน้าที่ดำเนินรายการพิธีเปิดงานโดยเชิญผู้บริหารของบริษัทนมผงชื่อดังขึ้นมากล่าวเปิดงาน จากนั้นก็เป็นการแสดงเล็กๆ น้อยๆ ของเด็กนักเรียนโรงเรียนอนุบาลย่านนั้น
จากนั้นก็ถึงไอไลต์ของงาน เด็กน้อยสองคนในชุดกระโปรงบานสีชมพูสดด้วยกันทั้งคู่ คนหนึ่งในมือถือแก้วนมโดยถือโชว์โลโก้ยี่ห้อนมผงออกสู่สายผู้คน ส่วนในมืออีกคนหนึ่งถือกระป๋องนมผงโดยหันโลโก้ยี่ห้อของนมผงออกเช่นกัน
น้องทอฝันกับน้องพาฝันค่อยๆ เดินออกมาตามแคตวอล์กที่ทางทีมงานจัดไว้ ทั้งคู่เดินมาหยุดโพสท่าให้บรรดาตากล้องได้จับภาพความน่ารักของทั้งคู่อยู่ที่กลางเวที เด็กสองคนสามารถดึงดูดสายตาทุกคู่ของทุกคนที่เข้ามาร่วมงานนั้นให้จดจ้องอยู่ที่ร่างเล็กนั้นไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ที่สำคัญไปกว่านั้นสองนางแบบตัวน้อยยังดึงเอาสายตาคมกริบของรวิชญ์ให้ต้องจ้องมองร่างเล็กบนเวทีอย่างไม่ละสายตาด้วยเช่นกัน
รวิชญ์มาถึงที่ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ตั้งแต่งานยังไม่เริ่ม เขาพยายามมองหาสองนางแบบตัวน้อย ตั้งแต่เริ่มเดินเข้ามาถึงงาน แต่ก็ไม่เห็น เพิ่งจะเจอก็ตอนที่ทั้งคู่กำลังวาดลวดลลายบนเวทีอยู่นั่นแหละ ชายหนุ่มรีบขยับตัวให้เข้าใกล้เด็กสองคนมากขึ้น เขาอยากเห็นหน้าเด็กสองคนนี้ให้ชัดๆ ยิ่งเข้าใกล้ ยิ่งเห็นหน้าได้ชัดเจนขึ้น เขายิ่งรู้สึกว่าแววตาใสสองคู่นี้ช่างคุ้นตาเขายิ่งนัก โดยเฉพาะคนที่ถือกระป๋องนม และยังรอยยิ้มจากริมฝีปากจิ้มลิ้นนั่นอีก ยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนรู้จักกับเด็กสองคนนี้มาก่อนอย่างบอกไม่ถูก มันช่างคุ้นตามากนัก แต่ทำไมเขาถึงนึกไม่ออกว่ามันเหมือนใคร และเคยเห็นที่ไหน เวลานี้เขาอยากจะให้เด็กสองคนนี้ทำงานเสร็จเร็วๆ เพื่อที่จะได้เข้าไปพูดคุยด้วย
หลังจากที่สองนางแบบตัวน้อยยืนโพสท่าถ่ายรูปอยู่ไม่นานทั้งคู่ก็เดินกลับไปด้านหลังเวที เมื่อพ้นฉากด้านหน้าเวทีก็พุ่งตรงหาปานชนกทันที ยามที่ไม่มีแม่มาด้วยเช่นนี้เด็กสองคนจะติดเธอเป็นอย่างมาก เสร็จงานปุ๊บสองสาวจะต้องวิ่งเข้าหาเธอทันทีเหมือนต้องการกำลังใจหรือคำชมจากเธอ ซึ่งเด็กน้อยสองคนก็ไม่เคยผิดหวังเลยสักครั้ง
“เก่งมากเลยค่ะน้องทอฝัน น้องพาฝัน วันนี้เอาอะไรเป็นรางวัลดีคะ” ปานชนกเอ่ยชม แขนเรียวสองข้างโอบกอดเด็กน้อยสองคนไว้อย่างรักใคร่
“เอาคุกกี้รสช็อกโกแลตค่ะ” เสียงน้องทอฝันดังขึ้นบอกน้าสาวทันที ปานชนกยิ้มให้นิดหนึ่งก่อนหันมองหน้าเด็กอีกคน เมื่อสังเกตเห็นว่าแฝดคนน้องไม่แสดงความคิดเห็น ซึ่งผิดวิสัยเจ้าตัวนัก
“น้องพาฝันเป็นอะไรไปคะ...ทำไมวันนี้หนูดูเงียบจัง” ปานชนกถามขึ้น พลางลูบศีรษะเด็กน้อยไปด้วย
“น้องพาฝันคิดถึงคุณแม่ อยากให้คุณแม่มาด้วยจังค่ะ” สิ้นเสียงเด็กน้อย ปานชนกก็คว้าร่างเล็กเข้ามาโอบกอดไว้ทันที
“โธ่ลูก...ทำไมวันนี้ถึงเกิดคิดถึงคุณแม่ขึ้นมาล่ะคะ”
“สงสัยคงเพราะวันนี้เด็กเยอะ และส่วนมากเด็กๆ ก็มีคุณพ่อหรือคุณแม่มาด้วยกันทั้งนั้น แกคงอยากให้คุณแม่แกมาบ้างนั่นแหละค่ะ” เสียงผู้จัดงานดังขึ้น เมื่อเดินมาทันได้ยินที่น้องพาฝันพูด
“คงใช่ค่ะ...คุณแม่เขาก็งานเยอะเหลือเกิน วันนี้ก็ดันต้องอยู่ดูเด็กนักเรียนแทนครูเวร เลยมาไม่ได้” ปานชนกเงยหน้าขึ้นมองผู้จัดงาน แขนยังคงโอบร่างเล็กของน้องพาฝันไว้อยู่ มืออีกข้างพลางลูบศีรษะแฝดผู้พี่ไปด้วย
“อ้อ...ถ้างั้นเดี๋ยวพี่ขอตัวน้องทอฝันกับน้องพาฝันไปถ่ายรูปด้านหน้าก่อนนะคะ”
“ค่ะ...เดี๋ยวป่านพาออกไปค่ะ” พูดพลางก้มลงมองหน้าเด็กแฝดทั้งคู่อีกครั้ง
“ไปค่ะ เราออกไปถ่ายรูปกันก่อน ถ่ายเสร็จเราจะได้กลับบ้านไปหาคุณแม่กัน วันนี้เราซื้อของไปทำให้คุณแม่กินกันดีกว่านะคะ” ปานชนกดันร่างน้องพาฝันออกจากอ้อมกอดเล็กน้อย
“ค่ะ วันนี้น้องพาฝันจะทำไอติมให้คุณแม่กิน” จากใบหน้าที่ดูเศร้าน้อยๆ เมื่อครู่ เวลานี้กลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง พร้อมแววตามุ่งมั่นของเด็กที่ตั้งใจจะทำอะไรสักอย่าง
“พี่ทอฝันก็จะทำไอติมให้คุณแม่ด้วยค่ะ” ทอฝันรีบพูดสมทบขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้
“โอเค งั้นเรารีบออกไปถ่ายรูปกันก่อน จะได้รีบกลับไปทำไอติมกันนะคะ” พูดจบปานชนกก็ลุกขึ้นจูงมือทั้งคู่ออกไปด้านหน้าของงาน
น้องทอฝันกับน้องพาฝันออกมาให้บรรดาสื่อมวลชนถ่ายรูปอีกครั้ง ตลอดจนถ่ายกับบรรดาคนที่ชื่นชอบความน่ารักของเด็กทั้งสอง โดยที่ปานชนกไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทีมผู้จัดงานเป็นคนคอยดูแลแทน ส่วนเธอก็แค่คอยมองดูห่างๆ เท่านั้น
“สวัสดีค่ะ ขอคุณลุงคุยด้วยหน่อยได้ไหมคะ” รวิชญ์เดินตรงเข้าหาร่างเล็กๆ ทั้งสองคนทันทีเมื่อเห็นว่าเวลานี้เด็กทั้งคู่กำลังให้ความสนใจกับซุ้มเกม
“สวัสดีค่ะ” น้องทอฝัน แฝดคนพี่กล่าวขึ้น และดูเหมือนเวลานี้แฝดคนน้องนั้นจะยืนหลบหลังแฝดผู้พี่เสียแล้ว
“หนูชื่ออะไรคะ” รวิชญ์ย่อเข่าลงนั่งเพื่อที่จะได้คุยกันง่ายขึ้น
“หนูชื่อพี่ทอฝันค่ะ ชื่อจริงชื่อเด็กหญิงรวีรินดาค่ะ” แฝดคนพี่ตอบอย่างฉะฉานทันที
“แสดงว่าหนูเป็นพี่สิคะ” เขาถามขึ้นอีกครั้งหลังจากได้ยินที่เด็กน้อยแทนตัวเองว่าพี่
“ใช่ค่ะ”
“แล้วหนูล่ะคะ ชื่ออะไรเอ่ย” รวิชญ์เบี่ยงหน้านิดหนึ่งเพื่อจะได้มองหน้าเด็กอีกคนที่เงียบ ไม่ตอบอะไร แถมเจ้าตัวยังคงยืนหลบหลังพี่สาวอยู่เช่นเดิม
“ชื่อน้องพาฝันค่ะคุณลุง ชื่อจริงเด็กหญิงรวีรันตราค่ะ” แฝดผู้พี่ตอบแทนเมื่อเห็นว่าน้องสาวยังเงียบ ไม่ยอมตอบ
“แล้วคุณพ่อกับคุณแม่หนูชื่ออะไรคะ” รวิชญ์รีบถามทันที ด้วยความที่อยากรู้ว่าใครกันที่เป็นพ่อแม่ของเด็กน่ารักและช่างเจรจานี้คู่นี้
“คุณแม่หนูชื่อ...” น้องทอฝันตอบได้เพียงเท่านั้น ก็ต้องหันมายังต้นเสียงที่ร้องเรียกชื่อตัวเองกับน้องสาวเสียก่อน
“น้องทอฝัน น้องพาฝันคะ ไปกันได้แล้วค่ะ คุณน้ารออยู่ค่ะ”
“หนูไปก่อนนะคะ จะรีบกลับไปทำไอติมให้คุณแม่กิน...สวัสดีค่ะ” พูดจบเด็กน้อยทอฝันก็ยกมือขึ้นไหว้ ก่อนคว้าแขนแฝดผู้น้องพากันวิ่งตรงไปหาปานชนกทันที
รวิชญ์ได้แต่ยิ้มและมองตามร่างเล็กสองร่างนั้นวิ่งไปจนถึงหญิงสาวร่างบางคนหนึ่ง ที่กำลังยืนกอดอกรออยู่ ทว่าเขาเห็นเพียงด้านข้างของเธอเท่านั้น
ปานชนกเห็นแต่แรกแล้วว่ามีชายหนุ่มแต่งตัวดีกำลังคุยกับเด็กๆ อยู่ แต่เธอไม่ได้เข้าไปยุ่งเพราะคิดว่ายังอยู่ในสายตา ไม่น่าจะเป็นอันตราย และอีกอย่างเธอเห็นว่าทีมงานก็อยู่ตรงนั้นอีกหลายคน หากเธอเดินเข้ามาสักหน่อยและหากตอนที่คุยกันอยู่นั้นเขาหันหน้ามาทางเธอสักนิด เธอคงรู้ไปแล้วว่าชายร่างสูงนั้นเป็นใคร
--------------------------------------------------------------
อัพให้ทุกวันจัทร์ พุธ และศุกร์ นะคะ
อย่าลืมนะคะ ใครอยากได้เป็นรูปเล่มแจ้งไว้ที่คอมเม้นต์ด้วยนะคะ
สำหรับใครที่อยากอ่านแบบเต็มเรื่อง โหลดได้เลยค่ะ
https://www.mebmarket.com
แล้วค้นชื่อเรื่อง โซ่รัก โซ่เสน่หา ได้เลยนะคะ
หรือ ดาวน์โหลด จากลิ้งที่หน้าแรกของหน้านิยายเรื่องนี้ ก็ได้นะคะ
ขอบคุณที่อุดหนุนกันนะคะ
โหลดแล้วส่งหลักฐานในการโหลดที่เม้นต์เลยนะคะ 23 ตุลาคม 2558 มีรางวัลให้ค่ะ
จับแจกกันไป (ของรางวัล แจ้งอีกครั้งนะคะ)
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
กษิรา
ความคิดเห็น