คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 1 (1)
บทที่ ๑
คุณหนูสี่
ลาสเวกัส รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา
“คุณหนูโทรศัพท์จากฮ่องกงครับ” การ์ดคนสนิทในชุดดำเดินมาพร้อมกับส่งเครื่องโทรศัพท์ให้หญิงสาวที่กำลังนั่งถือไพ่ในมือสลับไปมาอย่างไม่ตั้งใจ หากแต่คล่องแคล่ว ว่องไว ไม่ต่างจากเซียนพนัน ในคาสิโนใหญ่
“แดดดี๊” หญิงสาวถามโดยที่ยังไม่ละมือออกจากไพ่สำรับนั้น
การ์ดคนเดิมพยักหน้าแทนคำตอบ
หล่อนวางไพ่ในมือลง แล้วรับโทรศัพท์มือถือจากคนสนิท ก่อนลุกขึ้นเดินหายเข้าไปยังห้องนั่งเล่นซึ่งเป็นห้องที่ใช้ประจำในยามว่าง หรือต้องการทำอะไรสักอย่างคนเดียว
หญิงสาวหายไปห้องนั่งเล่นครู่หนึ่งก็เดินออกมา การ์ดคนเดิมก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน เพราะรู้ดีว่าหลังจากวางสายแล้วนายสาวจะมีอะไรให้เขาทำหรือเตรียมการทุกครั้งจึงเลือกที่จะยืนรออยู่ ณ ตำแหน่งเดิม
“แด๊ดบอกแล้วใช่ไหมว่าฉันต้องกลับฮ่องกงวันเสาร์นี้”
“ครับนายท่านบอกผมเมื่อสักครู่ครับ”
“งั้นฝากด้วยแล้วกัน... เดี๋ยวฉันจะออกไปข้างนอก ไม่ต้องไปด้วยนะ” หญิงสาวบอกน้ำเสียงท้ายประโยคเป็นเชิงออกคำสั่งเล็กน้อย
น้อยครั้งนักที่หญิงสาวจะออกออกคำสั่งกับการ์ดคนสนิท
“แต่...”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะออกไปกับมิสเตอร์บราวน์” ชื่อบุคคลที่สามทำให้คนที่กำลังจะค้านต้องกลืนทุกถ้อยคำลงในลำคอทันที
“ครับคุณหนู” ชายหนุ่มรับคำ เสียงอยู่ในลำคอ
ทำไมหล่อนจะไม่รู้ว่าเวลานี้การ์ดคนสนิทนั้นดูไม่ค่อยเต็มใจ ด้วยเพราะทุกครั้งไปไหนมาไหนเขาจะติดสอยห้อยตามไปด้วยชนิดที่เรียกว่าเงาตามตัวเลยก็ว่าได้ หล่อนเองก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญอะไรเพราะเขามาทำตามหน้าที่ ดีเสียอีกมีเพื่อนร่วมเดินทาง มีเพื่อนคุยด้วย และที่สำคัญรู้สึกปล่อยภัย แต่ก็มีบ้างที่อยากมีความเป็นส่วนตัวอยู่คนเดียวหรืออยู่กับเพื่อนคนอื่นๆ ถึงเวลานั้นเขาก็ยินยอมแต่โดยดี หากแต่ลักษณะหรือน้ำเสียงเช่นนี้จะเกิดขึ้นบ่อยครั้งเวลาหล่อนบอกว่าหล่อนจะไปกับมิสเตอร์บราวน์
-----------------------------------------------------------------------------
เหม่ย จู หรือมุกตาภา ค่อยปลดเสื้อคลุมสีขาวออก และค่อยๆ หย่อนเท้าลงในอ่างน้ำที่ผสมไว้จนอุ่นได้ตามต้องการ หล่อนค่อยๆ หลับตาลงอย่างช้า
“เหม่ย แด๊ดจัดการเรื่องตั๋ววันเสาร์นี้ให้เรียบร้อยแล้วนะ รีบมาได้แล้ว แด๊ดคิดถึง” เสียงบิดาบุญธรรมดังขึ้นวนเวียนในห้วงความคิดหญิงสาวอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าหล่อนไม่อยากไป เพียงแค่รู้สึกว่าเวลาช่างหมุนเร็วเสียเหลือเกิน หล่อนรู้ดีว่าการไปฮ่องกงครั้งนี้ชีวิตต้องมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง และนับว่าเป็นครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิตด้วย
เมื่อสิบห้าปีก่อนหล่อนวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนจากการโดนไล่ล่าตามจับตัวของคนคุมบ่อนเสี่ยดำรงมาในบ่ายวันนั้น ชีวิตหล่อนก็เปลี่ยนแปลงไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากที่ต้องหยุดเรียนหนังสือไปหลังจากมารดาเสีย ก็ได้กลับมาเรียนใหม่ในโรงเรียนดีๆ ถึงแม้จะเป็นโรงเรียนประจำก็ตาม แต่อย่างน้อยการใช้ชีวิตอยู่ในประจำก็ยังดีกว่าอยู่ในบ่อนเสี่ยดำรง หรือไม่มีทีอยู่เลย หลังจากเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่สาม ชีวิตก็เปลี่ยนแปลงอีกครั้งเมื่อถูกส่งตัวให้มาเรียนไกลถึงประเทศสหรัฐอเมริกา หล่อนใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศนี้ตั้งแต่เรียนจบมัธยมศึกษาปีสามจนกระทั่งคว้าปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง และระหว่างเรียนนั้นยังต้องศึกษาในทุกเรื่องเกี่ยวกับคาสิโน ไม่ว่าจะการเล่น วิธีการทำไพ่ การทำกลโกงไพ่ และรวมถึงต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการพนันอื่นๆ ด้วย ซึ่งมิสเตอร์ เหลียง จวิ้น เจี๋ย ผู้เป็นบิดาบุญธรรม เป็นผู้ดำเนินการทุกอย่าง
“ทำไมมุกต้องเรียนรู้เรื่องพวกนี้ด้วยคะ” เป็นคำถามแรกที่หล่อนถามบิดาบุญธรรม เมื่อรู้ว่าต้องเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่มเติมไม่ใช่เพียงฉาบฉวยด้วย หากแต่ต้องเรียนรู้และฝึกฝนจนเก่งและชำนาญเทียบเซียนชั้นครู
“เพราะเหม่ยต้องมาดูแลเกาะเหม่ยจูให้แด๊ดไงล่ะ”
มุกตาภาเคยสงสัยที่ว่าทำไมบิดาบุญดาธรรมถึงเจาะจงส่งตัวหล่อนมาอยู่ที่รัฐนี้ตั้งแต่เด็ก ซึ่งเขาก็น่าจะรู้ว่า รัฐนี้เต็มไปด้วยธุรกิจการพนัน และเป็นศูนย์รวมความบันเทิงทุกรูปแบบ
‘เกาะเหม่ยจู’ เป็นคำตอบที่ไขข้อสงสัยได้ทันที หล่อนพอจะรู้มาอยู่บ้างว่าบิดาบุญธรรมทุ่มเงินหลายพันล้านเพื่อให้ได้เกาะนี้มาเพื่อทำเป็นคาสิโน ทุกอย่างถูกวางเป็นลำดับขั้นตอนแล้วทั้งหมด ซึ่งแน่นอนหล่อนคงปฏิเสธในสิ่งที่บิดาบุญธรรมวางแผนเอาไว้ให้ไม่ได้
คงถึงเวลาแล้วสินะที่ชีวิตใหม่จะเกิดขึ้นอีกครั้ง คิดได้เช่นนั้นหล่อนก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับเสียงเรียกเข้ามือถือก็ดังขึ้น ริมฝีปากบางได้รูปค่อยๆ คลีออกเผยให้รอยยิ้มอันมีเสน่ห์ที่ทำให้ใครหลายคนหลงใหลมาแล้วรวมทั้งหนุ่มเจ้าของชื่อคริต บราวน์ คิงตัน เจ้าของเบอร์ที่โทรเข้ามานี่ก็ด้วยเช่นกัน
“ไหนบอกว่าอีกหนึ่งชั่วโมงจะมาถึงไงคะ” หญิงสาวรู้ทันทีว่าคนที่นัดเอาไว้มาถึงแล้ว เพราะเป็นปกติ หากเขามาถึงและไม่เจอหล่อนในห้องประจำแล้วสิ่งแรกที่ทำคือโทรศัพท์หา
“ก็คิดถึงน่ะสิไม่ได้เจอตั้งหนึ่งอาทิตย์ อยู่ในห้องเหรอครับผมเข้าไปนะ” ถึงแม้จะเข้านอกออกในภายในบ้านหลังนี้ได้โดยที่ไม่โดนการ์ดประจำตัวเจ้าของบ้านจับโยนออกไปข้างนอกแล้วก็ตาม หากแต่ตรงไหนที่เป็นที่ส่วนตัว เขาก็ยังคงต้องขออนุญาตเสียก่อน
“ไม่ค่ะ มุกขอเวลาสิบห้านาทีนะคะ” พูดจบหล่อนก็กดตัดสายและลุกขึ้นจากอ่างน้ำคว้าผ้าเช็ดตัวพันรอบตัวแล้วก็รับจัดการตัวเองให้เรียบร้อย
หญิงสาวใช้เวลาตามที่บอกเมื่อครู ร่างสูงโปร่งในชุดเดรสกางเกงยาวสีขาวช่วงบนเป็นสายเดี่ยวอวดโชว์ผิวขาวนวลของไหล ลำคอ และเนินอกอวบอิ่มที่เผยให้เห็นไม่มากนัก
“ดูสิรีบมาจนมุกไม่มีเวลาเลือกเสื้อผ้าเลย”
ทุกคนรู้ดีว่า มุกตาภา เป็นคนเนี๊ยบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตัวเอง เรื่องงาน หรือเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับหล่อนและคนรอบข้าง จะออกไปไหนแต่ละครั้งต้องมีการวางแผน เสื้อผ้าหน้าผมต้องพร้อม ไม่มีทางเสียหรอกที่จะเจอมุกตาหรือคุณหนูสี่ในสภาพโทรมๆ หรือไม่พร้อมเจอผู้คน หากไม่ใช่เวลาส่วนตัวจริงๆ
“มุกใส่ชุดไหนก็สวยทั้งนั้นแหละครับ และ... ผมว่ายิ่งถ้าไม่ใส่อะไรเลยยิ่งสวยกว่านี้” คริตรีบลุกขึ้นมาคว้าร่างเล็กไปกอดเอาไว้ ประโยคสุดท้ายเขาจงใจกระซิบข้างหูหญิงสาวตรงหน้า ก่อนจะกดริมฝีปากลงบนแก้มนวลอย่างถือวิสาสะ
“พูดอย่างกับเคยเห็นอย่างนั้นแหละ” มุกตาภา ดันตัวเองออกจากเขาเล็กน้อย ก่อนจ้องหน้าและยิ้มทะเล้นให้
“ก็รอจนกว่าคุณยอมให้ผมเห็นนั่นแหละครับ” พูดจบเขาก็โน้มหน้าลงมาหวังประทับริมฝีปากเขากับหล่อนไว้ด้วยกัน หากแต่มุกตาภารู้ทันจึงรีบหลบเสียก่อน
“ไม่ค่ะ... เราเคยคุยกันแล้วนะคะ” หญิงสาวทำตาดุใส่ทันที
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะครับ”
“เมื่อมุกพร้อม”
“โอเคๆ รอพร้อมก็พร้อม” ชายหนุ่มจำต้องยอม เขาใช้นิ้วเรียวขึ้นมาจับแก้มนวลของหล่อนเล็กน้อยก่อนปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระ แล้วเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวใหญ่
“เดนีสบอกว่าเสาร์นี้คุณจะกลับฮ่องกงเหรอมุก” ขณะที่นั่งรอหล่อนอยู่ เขาทันได้ยินการ์ดคนสนิทของมุกตาภาคุยกับคนดูแลมุกตาภาและดูแลบ้านถึงเรื่องการเดินทางกลับฮ่องกงพอดี เขาจึงถามเพื่อความแน่ใจ
ตลอดเวลาที่มุกตาภาใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา ก็มีเพียงแอนนาที่คอยดูแลความเรียบร้อยทุกอย่างเหมือนผู้ปกครอง อาฟางคนช่วยดูแลทำความสะอาด และเดนีสการ์ดผู้พิทักษ์ติดตามตลอดไม่ยอมให้คาดสายตา
“ใช่ค่ะ”
“ไม่คิดจะบอกผมเลยเหรอ” น้ำเสียงติดน้อยใจเล็กน้อย
“ถ้ามุกบอกว่ามุกก็เพิ่งทราบคุณจะเชื่อไหม” หญิงสาวเดินตามนั่งข้างๆ แล้วเอาศีรษะแนบกับไหลเขาไว้อย่างลูกแมวขี้อ้อน
“ต่อให้คุณชี้ต้นไม้ และบอกว่าเป็นนก เป็นเสือ เป็นกระต่าย ผมก็เชื่อ” เขาตอบพร้อมกับดึงร่างเล็กออกห่างตัวเพื่อให้มองเห็นหน้าหล่อนชัดเจน เขาจ้องนัยน์ตาคมเขม็งเพื่อแสดงให้เจ้าหล่อนรู้ว่า เขาเชื่อทุกอย่างที่เป็นเธอ
“ขอบคุณค่ะ แด๊ดเพิ่งโทรมาบอกมุกเมื่อเช้าค่ะ”
“งั้น...” ชายหนุ่มนิ่งเงียบไป ทำให้มุกตาภาอดสงสัยไม่ได้ว่าจะพูดอะไรต่อ
“งั้น อะไรคะ” หญิงสาวขยับตัวมองหน้าเขารอคำตอบ
“ไปหาอะไรกินกันดีกว่า ผมหิวแล้ว”
ชายหนุ่มไม่รอให้หล่อนตอบตกลง รีบลุกขึ้นแล้วดึงร่างเล็กให้ลุกขึ้นตามมา เขาสอดแขนรอบเอวบางไว้อย่างเป็นเจ้าของซึ่งเจ้าหล่อนก็ไม่เกี่ยงงอน
---------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็น