ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 3
บทที่ 3
งานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดของเจนชนก ค่ำคืนนี้ กลายเป็นสีสันของหมู่บ้าน เสียงดนตรีบรรเลงในจังหวะคึกคัก สนุกสนาน เหมาะกับพรรคพวกเพื่อนฝูงหมู่วัยรุ่น บรรดาวัยรุ่นสาว ต่างบรรจงแต่งกายด้วยชุดที่ดีที่สุด หวังช่วงชิงตำแหน่งคู่ควงลูกชายนายอำเภอ
โต๊ะกลางจัดวางของขวัญมากมาย ถัดไปเป็นช่อดอกไม้ราคาแพง ซึ่งต้องหาซื้อมาจากตัวเมือง มีหลายช่อด้วยกัน เพื่อนสาวชาวกรุงของเจนชนกก็มาร่วมงานด้วยหลายคนเช่นกัน พวกหล่อนสร้างความท้อแท้ ถอดใจ แก่บรรดาสาว ๆ ในหมู่บ้านเป็นทิวแถว
ดูเหมือนเจนชนกจะมีคู่ควงพิเศษที่เห็นเด่นชัดอยู่หนึ่งคน หล่อนแต่งกายสวยงาม เครื่องประดับราคาแพง เรือนผมยาวสลวยตกแต่งด้วยกิ๊บน่ารัก คล้องแขนเจ้าของงาน กรีดกรายไปตามมุมต่าง ๆ ดั่งว่าโอ่อวด
นิสามาถึงงานพร้อมบุหลัน เธอมีของขวัญติดไม้ติดมือตามมารยาท ใจจริงไม่อยากมา เธอไม่ชอบงานเลี้ยงสังสรรค์ไร้สาระ เธอเองไม่เคยจัดงานวันเกิด เพราะมีความเห็นส่วนตัวว่า ทำให้สิ้นเปลือง และสร้างความยุ่งยาก ลำบาก ให้แก่บรรดาบ่าวไพร่
บุหลันแยกตัวไปสมทบกับกลุ่มเพื่อนอีกมุมหนึ่ง นิสาเดินเกร่ตามซุ้มเครื่องดื่ม เธอทราบจากบุหลันว่า ทรัพย์มาร่วมงานด้วย ในฐานะช่างเทคนิค คอยควบคุมดูแลเครื่องไฟภายในงาน แต่ตอนนี้ ยังหาไม่พบ
ผ่านพ้นช่วงเป่าเทียน ร้องเพลงอวยพรวันเกิด ตัดขนมเค้กแบ่งปันกันรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย ก็ถึงเวลาสำคัญที่หนุ่มสาวต่างรอคอย นั่นคือ การเต้นรำ..
เจนชนกเต้นรำในจังหวะลีลาศได้งดงาม คู่เต้นคือเพื่อนสาวชาวกรุงผู้เลอโฉม บุหลันร่ำร้องอยากเต้นบ้าง นิสาเลยอาสาจะสอนให้ เธอหันไปเห็นทรัพย์ในจังหวะนั้นพอดี เลยเกร่ไปยืนข้าง ๆ แสร้งถามเปรย ๆ ว่า
" เธอล่ะ เต้นเป็นกับเขาหรือเปล่า ลีลาศน่ะ "
ทรัพย์ทำหน้าเอือมระอาในตัวสาวน้อย เขาไม่หลบกระแสร้อนแรง ท้าทาย ในดวงตาสุกสกาวคู่นั้น เธอมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าเขาไร้ความสามารถ โดยอาจวัดจากนิสัยหยาบกระด้าง อารมณ์หุนหัน เกรี้ยวกราด เขาจึงย้อนเสียงเย็นกลับไปว่า
" ก็ต้องดูว่าใครเป็นคู่เต้น ถ้าเป็นเธอ ฉันก็ไม่เคยหัดมาก่อน แต่ถ้าพรรณี ฉันก็เต้นได้คล่องแคล่ว ชำนิชำนาญ.. "
นิสาเบะปากค้อนหมั่นไส้ หัวจิตหัวใจเขา ก็เห็นจะมีแต่พรรณีเท่านั้น วิเศษที่สุด ความคิดอ่านคับแคบชะมัด โลกอันกว้างใหญ่ ใช่ว่ามีผู้หญิงชื่อพรรณีเพียงคนเดียวเสียเมื่อไหร่ สาวน้อยค่อนขอดไม่หยุดยั้ง ขณะใช้ดวงตาขุ่นขวาง มองเงาหลังที่เคลื่อนห่าง แล้วหายเข้าไปในมุมสลัวข้างเวที
ครูตาบมาถึงงานพร้อมกับบุตรสาวแสนสวย หล่อนสวยจนนิสาอดชื่นชมแกมอิจฉาไม่ได้ พลางอิจฉาเลยเถิดไปยังหนุ่มจอมเกเร เขาประกาศลั่นไม่อายฟ้าอายดินว่า นอนกอดก่ายหล่อนไว้ทั้งคืน..
เจนชนกสลัดคู่ควงคนพิเศษในทันทีทันใด พาความสง่างามไปเคียงข้างสาวงาม พูดจาทักทายครูตาบสองสามคำ ก่อนเอ่ยขออนุญาตพาสาวงามไปเต้นรำ นิสาอมยิ้ม หางตาแลเห็นทรัพย์กระโดดลงมายืนจ้องเขม็งอยู่ข้างเวที ในมือยังถือสายไฟสองสามเส้น
" นอกจากทำตาแข็ง ๆ แล้ว เธอทำอะไรอื่น ๆ ได้อีกบ้างไหม "
สาวน้อยจอมสาระแน ไม่เคยหลาบจำว่า เธอมักจะเจ็บตัวสาหัสหลังพาปากมาระราน หนุ่มเกเร พอฟังเสียงกระตุ้นยั่วยุ เขาพลันลากแขนสาวน้อยค่อนข้างหยาบคาบ บีบแรงไม่ปรานี พาเข้าไปในฟลอร์ เขาเต้นรำจังหวะบ้าบอนั่นไม่เป็น แต่ในยามโทสะพลุ่งเดือด เป็นไปเป็นก็จะเต้น
" ยังมีหลายอย่างที่ฉันยังไม่ทำให้เธอเห็น " เขากระซิบเครียด " กรุณาสงบเสงี่ยมอยู่ในอกฉัน อย่าลองดี เพราะฉันอาจจับหน้าเธอฉีกกลางงาน พรุ่งนี้ไม่มีหน้าจะเดิน ต้องใช้ปี๊ปคลุมกันอาย "
นิสากลืนน้ำลาย เจ็บระบบบริเวณต้นแขนที่ปลอกนิ้วกดแช่นิ่งไว้นานแล้ว ทรัพย์ไม่สนใจ เพราะสายตาจับเขม็งคู่หนุ่มสาวกลางฟลอร์ ห่างไปเล็กน้อย เจนชนกตระกองกอดสาวงามต่อหน้าต่อตา ท่ามกลางผู้คนที่มาร่วมงานล้นหลาม พรรณีชะม้ายชายตา เผยยิ้มอ่อนหวาน เชิญชวนอีกฝ่ายเผลอไผล โน้มใบหน้าอันหล่อเหลาต่ำลง..
ทรัพย์หรี่ตานับหนึ่งไม่ถึงสอง เขาผลักนิสาล้มลง ร่างปราดเปรียวเคลื่อนเร็วดั่งพายุ พริบตาเดียวก็ถึงตัวเจนชนก หมัดหนักหน่วงกระแทกใส่ใบหน้าเต็มเหนี่ยว เลือดทะลักเป็นลิ่ม ลูกชายนายอำเภอ กระเด็นไปไกลก่อนจะลอยลงฟาดกับโต๊ะ กลิ้งเกลือกบนพื้น บิดกายไปมาด้วยความเจ็บปวดระคนตกใจ
เสียงกรีดร้องลั่นทั่วบริเวณงาน บรรยากาศสนุกสนาน พลันแปรเปลี่ยนไปในวินาทีนั้น ทรัพย์บันดาลให้มันเป็นไปอย่างนั้นด้วยแรงหึงหวง เขาถลันตามติด ขยุ้มคอเสื้อลูกชายนายอำเภอกระชากตัวลอย แล้วเงื้อหมัดสูงหมายต่อยซ้ำ ทันใดนั้น..เสียงประกาศิตของครูตาบพลันก้องกังวาน
" เจ้ากำลังทำอะไร "
ทรัพย์คลายหมัด คลายนิ้ว ลูกชายนายอำเภอร่วงผล็อยลงอีกครา โดยมีพรรณีรีบวิ่งเข้ามาคุกเข่าประคองอย่างตื่นตกใจ สีหน้าสาวงามแฝงความตระหนก ระคน ผิดหวัง ยามเงยแหงนขึ้นมองหนุ่มคนรัก
" ผมกำลังปกป้องศักดิ์ศรีให้พรรณี ครูตาบไม่เห็นหรือครับ เจ้าหมอนี่ตั้งใจลวนลาม.. "
" ลวนลามอะไร เราแค่เต้นรำกัน เขาตั้งใจปัดแมลงที่บินมาเกาะที่หางตาฉัน เธอจิตใจสกปรกไปเอง ขอโทษพี่เจนเดี๋ยวนี้ "
พรรณีเสียงเย็น หล่อนร้องสั่งคนรักให้ขอโทษลูกชายนายอำเภอต่อหน้าผู้คนมากมายในงาน ทรัพย์กัดปาก สะกดความโกรธจัด เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าว ได้ยินหล่อนร้องสำทับมาอีก..ขอโทษ
" ไม่ขอโทษ " เขาตะคอกกลับเสียงก้อง ชี้หน้าคนรัก ตัดพ้ออย่างผิดหวัง " ฉันจิตใจสกปรก..แล้วการที่เธอเอียงหน้า เอนกาย ให้เจ้านั่นมันจับมันลูบน่ะ สะอาดแค่ไหน เป็นอะไร..หลงรูปทองหนุ่มชาวกรุงเข้าแล้วกระมัง ถึงใจง่าย หน้าด้านนัก "
นิสาก้าวถลันเร็วอย่างลืมตัว เธอเห็นถนัดว่าพรรณีกระตุกกายเฮือกด้วยแรงโทสะ หล่อนโผเข้าหาหนุ่มเกเร เงื้อฝ่ามือฟาดเต็มหน้าดุร้าย เสียงฉาดเสนาะสดใส ได้ยินชัดถ้วนทั่ว ทรัพย์ขบกรามแน่น เหลือบชำเลืองแลนิสา ซึ่งหน้าถอดสี เธอมาถึงตัวเขาแล้ว แต่ห้ามปราม หรือเข้าขวางไม่ทัน
จอมเกเรสะบัดหน้า วิ่งฝ่าฝูงชนหายลับไปบริเวณด้านหลังของเวที นิสามองตาด้วยความเป็นห่วง ความเจ็บช้ำที่ได้รับจากสาวคนรัก ผลักดันให้เขาวิ่งเตลิดไป โดยไม่สนใจกำหนดทิศทาง ขวัญอันกระเจิดกระเจิง ทอดทิ้งกายสูงให้ทรุดฮวบอย่างร้าวรานบริเวณด้านหลังโรงเรียน สถานที่ซึ่งหนุ่มสาวเคยแอบมาพลอดรัก ฝากสัมพันธ์ เอ่ยปากผูกมัดสัญญาใจ..
นับจากเหตุการณ์ผันแปรคืนนั้น ผ่านมาแล้วสามวันเต็ม ๆ ไม่มีใครพบเห็นหนุ่มเกเรย้อนกลับมา กระทั่งมารดาหม้าย ยังไม่สามารถให้คำตอบอันกระจ่างแก่นิสา ที่หมั่นแวะเวียนมาถามข่าวคราว เธอพบพรรณีมายืนรอเจนชนกตอนโรงเรียนเลิก แต่ไม่กล้าเข้ามาซักไซ้ เกรงสาวงามจะเข้าใจผิด ทว่า..ความเป็นห่วงในสภาพจิตใจของหนุ่มเกเร ก็สร้างความกระวนกระวายให้เต้นเร่าภายใน นิสาหลับไม่เคยสนิท..
หากทว่า..สนธยาที่สี่เริ่มมาเยือน พรรณีเดินลัดเลาะไปตามสุมทุมพุ่มไม้ ผ่านทางเดินลาดชัน สู่เนินดินเขาเตี้ย ๆ ลูกหนึ่ง บริเวณด้านหลังโรงเรียน หล่อนทราบว่า.. ทรัพย์ต้องซ่อนตัวอยู่ที่นั่น
แผ่นหลังในเงาสลัวซุ่มซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ใกล้เนินเขา หนุ่มเกเรนั่งเซื่องซึม ทอดตาจับฟ้าฟากโน้น ใบหน้าหล่อเหลา ระบายด้วยความหมองเศร้า นัยน์ตาแดงก่ำอ้างว้าง สิ้นหวัง ความผิดหวัง เสียใจ ยังคอยตอกย้ำซ้ำเติมไม่สร่างซา พรรณีเห็นดีเห็นงามกับลูกชายนายอำเภอ หล่อนลงมือทำร้ายคนที่หล่อนเอ่ยปากว่ารักที่สุด ทำลายและเหยียบย่ำ โดยไม่เห็นค่า..
" โกรธนานจริง ๆ คนแสนงอน "
พรรณีแสร้งว่า กายบางทรุดนั่งแอบอิง เอียงหน้าซบไหล่บึกบึน ส่งเสียงออดอ้อน งอนง้อให้เขาคืนดีและหายโกรธว่า
" เรารอตั้งหลายคืน ทำไมไม่ยอมไป ใครเป็นฝ่ายปรักปรำใครก่อน คนรักกัน ไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกัน แล้วจะรักกันต่อไปทำไม ทรัพย์.. "
หนุ่มเกเรไม่อยากฟังคำแก้ตัว ไหล่บึกบึนสลัดจากใบหน้าเว้าวอน พยายามไม่มองแม้แต่ชำเลืองแล เพราะเกรงว่าตนจะใจอ่อน หากทว่า..สาวงามไม่ยอมแพ้ ยังตามติดมากอดหน้ากอดหลัง ปากก็พร่ำขอโทษ
" ขอโทษแล้วทำไม " เขาสะกดกิริยาของหล่อนไว้ด้วยน้ำเสียงร้าวราน " พรรณตบหน้าเราต่อหน้าเจ้านั่น พรรณเห็นมันดีกว่าเรา รักมันมากนัก ก็ไม่ต้องมาวุ่นวายกับเราอีก "
" ทรัพย์ "
" เรามันก็แค่ลูกชาวนาชาวไร่ นิสัยป่าเถื่อน ความรู้น้อย สมบัติผู้ดีก็ไม่มี ทำถูกก็ดูเป็นผิด เจ้าหมอนั่น มันลูกนายอำเภอ เราเห็นกับตาว่ามันพยายามจะจูบพรรณ เราออกโรงปกป้อง เพราะเราห่วง เราหวง แต่พรรณกลับตัดสินว่ามันเป็นฝ่ายถูก..ไปให้พ้น "
" ไปไหนล่ะ "
" ไปตายที่ไหนก็ไป ไปโดดเหวตายเสียได้ยิ่งดี "
ถัดจากเนินเขาเตี้ย ๆ จากตรงนี้ไปประมาณยี่สิบก้าว ณ ตรงนั้นคือจุดสิ้นสุดของแผ่นดิน เหวอันลึกชันซ่อนอยู่ใต้พงหญ้ารกเรื้อ หากไม่ชำนาญพื้นที่ ขาดความระมัดระวัง ก็มีสิทธิ์ร่วงลงไปตายเอาง่าย ๆ
พรรณีเงียบไปนานจนผิดสังเกต ทรัพย์นิ่วหน้าสงสัย ใบหน้าดุร้ายค่อย ๆ เหลียวกลับมาหาคำตอบ แล้วใจหายวาบ เมื่อเห็นพรรณีมุ่งตรงไปยังปากเหว เขาซอยเท้าตามไป แล้วดึงหล่อนกลับมา ร้องด่าเอ็ดอึง
" เป็นบ้าอะไร.. "
" ก็ใครไล่ให้เราไปตาย อยากให้เราตายก็บอกตรง ๆ สิ เราทำให้ได้อยู่แล้ว ปล่อย..ไม่ต้องมาแตะเนื้อต้องตัวเรา เกลียดเราแล้วไม่ใช่หรือ เราตามมาง้อก็ไม่ยอมคืนดีด้วย มีคนใหม่แล้วนี่ เราเลยหมดความหมาย "
ทรัพย์กระพริบตางุนงงเล็กน้อย ลืมความโมโหโกรธา หรือแม้แต่อาการน้อยเนื้อต่ำใจ แต่กลับฉงนสนเท่กับเสียงกระเง้ากระงอด พาดพิงถึงบุคคลที่สาม ปรักปรำส่งเดชแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด เขาไม่เคยมีใครทั้งนั้น ใจดวงนี้รักและซื่อสัตย์ต่อหล่อนเพียงผู้เดียว
" พูดให้รู้เรื่อง คนใหม่อะไรที่ไหน อย่าเฉไฉปั้นเรื่อง กลบเกลื่อนคดีของตัวเองเสียให้ยาก "
พรรณีลอบยิ้มในความมืด หล่อนแสร้งหาเรื่องส่งเดช เพื่อให้เขาลืมเลือนความโกรธ และคืนดีด้วย ตลอดหลายคืนที่เขาไม่แวะเวียนไป จิตใจของหล่อนรุ่มร้อน ขาดความสงบ ทั้งห่วงใย โหยหา สับสนในตนเองจนแยกไม่ออกว่า ต้องการให้เขามางอนง้อ หรือปรารถนาให้เขาเสนอบทรักอันวาบหวาม กันแน่
ทรัพย์พาหล่อนห่างจากปากเหว กลับมานั่งที่จุดเดิม เขากดตัวหล่อนให้นั่งก่อน ตัวเองแค่ทรุดลงยอง ๆ จ้องตาคนหาเรื่อง แสงขรึม จริงจัง
" อย่าหมิ่นน้ำใจ และ ความรัก ของเราอีก เพื่อพรรณ เราทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น แม้แต่แลกด้วยชีวิต เราก็ไม่เกี่ยง เราแค่ขอให้พรรณรักเราคนเดียว อย่าปันใจไปให้ชายอื่น "
พรรณีวาบหวามดื่มด่ำ เคลิบเคลิ้มในถ้อยวาจารำพัน ยิ่งใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มเกเรพาลงมาซุกในตัก ยิ่งหวั่นไหว หล่อนสอดแทรกนิ้วเรียวเข้าไปในเรือนผมดกหนา ลูบศีรษะหนุ่มคนรักด้วยใจภักดิ์ ใจปอง กระแสรุมเร้าภายในกำลังเพรียกหาสัมผัสอ่อนหวาน..
สายลมแรงเหนือปากเหวโบยโบก พลิ้วสะบัดกิ่งไม้ใบหญ้าที่ขึ้นปกคลุมอาณาบริเวณนั้นจนรกชัฏ มันกลายเป็นฉากพฤกษาธรรมชาติ ที่กางกั้นหนุ่มสาวในห้วงรัก มิให้ถูกรบกวนจากบุคคลภายนอก นิสา..คือบุคคลผู้นั้น เธอลอบติดตามพรรณีมาห่าง ๆ แล้วพลันพบเห็นภาพอันแสนรัญจวนเหนือเนินดินกลางดงไม้..
สาวน้อยชาวกรุงหายใจแรง เสียงเต้นระส่ำระสาย ค่อย ๆ เลื่อนตัวลงมาจากที่ซ่อน ลากฝีเท้าย้อนกลับบ้านอย่างขมขื่น ตระหนักต่อความจริงอันโหดร้ายว่า..เธอหลงรักหนุ่มเกเรเข้าแล้ว
น้ำตาร้อนระอุรินหลั่งเปียกหมอน ยามพลิกกายรุ่มร้อน เกิดจินตภาพกลางเนินดินเด่นชัด ทรัพย์เล้าโลมสาวคนรักด้วยอารมณ์อันรุนแรง เสียงครวญครางกระเส่ากระสันดังแว่วแผ่วผ่านสายลม แทรกผ่านเข้ามาในห้วงโสต พรรณีกระบิดกระบวนร้อนรักในปลอกแขน จุมพิตเร่าร้อน กายหนักหน่วงโถมทับแนบชิด ฝ่ามือปราดเปรียวแสนซนตระโบมโลมไล้อย่างเป็นเจ้าของ..
นิสาเซื่องซึม ไม่ร่าเริงเหมือนเช่นเคย บุหลันสังเกตพบความเปลี่ยนแปลงในวันรุ่งขึ้น และวันต่อ ๆ มา เธอนั่งใจลอย ไม่ได้ยินหรือฟังเสียงรอบข้าง บุหลันใจหายวาบ เมื่อเธอเดินเข้าโรงอาหาร แล้วปะทะชนกับร่างสูงของทรัพย์ โดยปราศจากการตอบโต้ เธอเพียงแต่เบี่ยงกาย หลีกทางให้เขาจากไปอย่างเงียบ ๆ และโดยไม่รู้ตัวเช่นกันว่า ทรัพย์อึดอัดกับพฤติกรรมซับซ้อนทางใจของเธอเป็นอย่างยิ่ง..
เย็นวันหนึ่ง..สาวน้อยไปยืนปรากฎตัวอยู่เหนือปากเหวลึกชัน หรุบตามองลงไป สำรวจความเวิ้งว้าง ปกคลุมด้วยความรกเรื้อ เขียวครึ้มของป่าดิบ มองไม่เห็นว่า ก้นเหวสิ้นสุดลง ณ ตรงไหน มันคงลึกมาก และหากเธอพลัดตกลงไป..วินาทีอันระทึกพลันอุบัติขึ้น ท่ามกลางความใจหายของทรัพย์
หนุ่มเกเรโถมตัวกระชากแขนสาวน้อย รอดพ้นจากกองดินที่ทรุดตัวแล้วยวบลงโดยไม่คาดฝัน มันเป็นจุดอันตรายต่อชีวิตของนิสา เธอเหยียบยื่นอยู่ตรงจุดนั้น เด็กบ้า..
" เป็นบ้าอะไร อยากพลัดตกลงไปตายหรือไง มีที่วิ่งเล่นตั้งเยอะแยะข้างล่าง แร่มาอวดเก่งถึงบนนี้ "
เขาสบถด่าเธอไม่ขาดปาก ใจเขายังเต้นโครมคราม บอกไม่ถูกว่า หากเขาช้าไปเพียงครึ่งก้าว แลเห็นร่างน้อยร่วงละลิ่วลงสู่เบื้องล่าง เขาจะรู้สึกอย่างไร ศัตรู..ไม่..แค่ว่านเครือของศัตรูประสบเคราะห์กรรมถึงชีวิต ควรยินดีปรีดา จัดงานเลี้ยงฉลองใช่หรือไม่..
" จะไปไหน..กลับบ้าน "
นิสาสลัดตัวออกจากสองแขนที่โอบรัดหลวม ๆ สองเท้าก้าวฉับ ๆ ผละหนี ทิศทางยังคงมุ่งหน้ากลับไป ณ จุดเดิม เป็นอะไรของเธอ ปกติไม่เคยแผลงฤทธิ์ มากพยศ เหมือนยามนี้
" ฉันบอกว่ากลับบ้าน " ทรัพย์ซอยเท้าตามมากระชากข้อแขน ร้องด่าเสียงต่ำ " อย่าดัดจริต "
" เธอนั่นแหละกลับบ้าน ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน "
หนุ่มเกเรเลิกคิ้ว แปลกใจว่าเธอหาญกล้ามาขึ้นเสียง ตะคอกใส่หน้า แล้วผลักอกเขาเต็มแรง ก่อนจะผลุนผลันจ้ำอ้าวไปกระฟัดกระเฟียดนั่งบนเนินดิน ลักษณะอาการเหมือนน้องสาวงอแง เด็กหนุ่มโคลงศีรษะ เกิดความเอ็นดูแว่บ..
" รู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่ " นิสาถามดี ๆ อารมณ์ร้อนค่อยทุเลาลงบ้าง
" ฉันไม่รู้ ..ฉันก็มานั่งเล่นที่นี่ทุกวันก่อนกลับบ้านอยู่แล้ว "
เขาตอบดี ๆ กลับมา นิสาเลยผิดหวัง เพราะอุตส่าห์หลงปลื้มว่าเขาติดตามหาด้วยความห่วงใย เข้าข้างตัวเองอย่างน่าไม่อาย..
แสงตาเศร้าสลด กับดวงหน้าหมองหม่น กลายเป็นเงาสะท้อนกลางแสงสลัวยามเกือบพลบ นิสาแลดูสวยซึ้งประหลาด ทรัพย์เผลอพิศลึกซึ้ง บังเกิดคำถามพิศวงกลางห้วงใจว่า เริ่มร้อนรุ่มกับการเฉยเมยของเธอตั้งแต่เมื่อใด ยามกวาดตาแล้วไม่เห็นเงากรีดกรายซุกซน ความห่วงใยก็ย่างกรายมาเยือน..
นึกย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่กี่นาที เขายังไม่หายหวาดเสียว เขามิได้เผยความจริงว่า การหายตัวไปตั้งแต่บ่ายของเธอ ทำให้เขากลัดกลุ้ม ขาดสมาธิ อีกทั้งไม่มีวันสารภาพว่า เขาเดินตามหาเธอทั่วทั้งโรงเรียน ก่อนจะเลยมาถึงสถานที่แห่งนี้ แล้วหัวใจกระตุกแทบหยุดเต้น เมื่อเห็นร่างเธอซวนเซตามแรงยุบยวบของเนื้อดินเหนือปากเหว เขาจะไม่บอกเธอว่า ในวินาทีนั้น เขาลืมตายไปแล้ว ขอเพียงเหนี่ยวรั้งชีวิตเธอไว้ให้รอดพ้นเงื้อมมือมัจจุราชได้สำเร็จ บ้าชะมัด..
" แล้วนายมายุ่งกับฉันทำไม "
" ฉันไม่ได้ยุ่ง แต่ยังไม่อยากเห็นผู้หญิงจุ้นจ้านคนหนึ่งตายจากไปต่อหน้าต่อตา ก็ยังเจ็บใจอยู่นี่ไง ทำไมต้องให้ฉันมาเห็นทันเวลาก็ไม่ทราบ "
นิสามองตาคนพูด ราวกับจะค้นหาความจริงเบื้องหลังประโยคทีเล่นทีจริง เสียงนุ่มนวลเช่นนั้น นิสายิ่งไม่เคยสัมผัสมาก่อน ช่างหวานระรื่น กำซาบโสตเสียจนบรรยายไม่ถูก ประกายตาอ่อนแสงกร้าว เปล่งรัศมีเรื่อเรือง เป็นครั้งแรกเช่นกันที่เขายอมสบตานิ่ง ๆ เปิดโอกาสให้นิสาชื่นชมความงดงามของดวงตาเรียวใหญ่ได้อย่างอิ่มเอม..
งานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดของเจนชนก ค่ำคืนนี้ กลายเป็นสีสันของหมู่บ้าน เสียงดนตรีบรรเลงในจังหวะคึกคัก สนุกสนาน เหมาะกับพรรคพวกเพื่อนฝูงหมู่วัยรุ่น บรรดาวัยรุ่นสาว ต่างบรรจงแต่งกายด้วยชุดที่ดีที่สุด หวังช่วงชิงตำแหน่งคู่ควงลูกชายนายอำเภอ
โต๊ะกลางจัดวางของขวัญมากมาย ถัดไปเป็นช่อดอกไม้ราคาแพง ซึ่งต้องหาซื้อมาจากตัวเมือง มีหลายช่อด้วยกัน เพื่อนสาวชาวกรุงของเจนชนกก็มาร่วมงานด้วยหลายคนเช่นกัน พวกหล่อนสร้างความท้อแท้ ถอดใจ แก่บรรดาสาว ๆ ในหมู่บ้านเป็นทิวแถว
ดูเหมือนเจนชนกจะมีคู่ควงพิเศษที่เห็นเด่นชัดอยู่หนึ่งคน หล่อนแต่งกายสวยงาม เครื่องประดับราคาแพง เรือนผมยาวสลวยตกแต่งด้วยกิ๊บน่ารัก คล้องแขนเจ้าของงาน กรีดกรายไปตามมุมต่าง ๆ ดั่งว่าโอ่อวด
นิสามาถึงงานพร้อมบุหลัน เธอมีของขวัญติดไม้ติดมือตามมารยาท ใจจริงไม่อยากมา เธอไม่ชอบงานเลี้ยงสังสรรค์ไร้สาระ เธอเองไม่เคยจัดงานวันเกิด เพราะมีความเห็นส่วนตัวว่า ทำให้สิ้นเปลือง และสร้างความยุ่งยาก ลำบาก ให้แก่บรรดาบ่าวไพร่
บุหลันแยกตัวไปสมทบกับกลุ่มเพื่อนอีกมุมหนึ่ง นิสาเดินเกร่ตามซุ้มเครื่องดื่ม เธอทราบจากบุหลันว่า ทรัพย์มาร่วมงานด้วย ในฐานะช่างเทคนิค คอยควบคุมดูแลเครื่องไฟภายในงาน แต่ตอนนี้ ยังหาไม่พบ
ผ่านพ้นช่วงเป่าเทียน ร้องเพลงอวยพรวันเกิด ตัดขนมเค้กแบ่งปันกันรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย ก็ถึงเวลาสำคัญที่หนุ่มสาวต่างรอคอย นั่นคือ การเต้นรำ..
เจนชนกเต้นรำในจังหวะลีลาศได้งดงาม คู่เต้นคือเพื่อนสาวชาวกรุงผู้เลอโฉม บุหลันร่ำร้องอยากเต้นบ้าง นิสาเลยอาสาจะสอนให้ เธอหันไปเห็นทรัพย์ในจังหวะนั้นพอดี เลยเกร่ไปยืนข้าง ๆ แสร้งถามเปรย ๆ ว่า
" เธอล่ะ เต้นเป็นกับเขาหรือเปล่า ลีลาศน่ะ "
ทรัพย์ทำหน้าเอือมระอาในตัวสาวน้อย เขาไม่หลบกระแสร้อนแรง ท้าทาย ในดวงตาสุกสกาวคู่นั้น เธอมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าเขาไร้ความสามารถ โดยอาจวัดจากนิสัยหยาบกระด้าง อารมณ์หุนหัน เกรี้ยวกราด เขาจึงย้อนเสียงเย็นกลับไปว่า
" ก็ต้องดูว่าใครเป็นคู่เต้น ถ้าเป็นเธอ ฉันก็ไม่เคยหัดมาก่อน แต่ถ้าพรรณี ฉันก็เต้นได้คล่องแคล่ว ชำนิชำนาญ.. "
นิสาเบะปากค้อนหมั่นไส้ หัวจิตหัวใจเขา ก็เห็นจะมีแต่พรรณีเท่านั้น วิเศษที่สุด ความคิดอ่านคับแคบชะมัด โลกอันกว้างใหญ่ ใช่ว่ามีผู้หญิงชื่อพรรณีเพียงคนเดียวเสียเมื่อไหร่ สาวน้อยค่อนขอดไม่หยุดยั้ง ขณะใช้ดวงตาขุ่นขวาง มองเงาหลังที่เคลื่อนห่าง แล้วหายเข้าไปในมุมสลัวข้างเวที
ครูตาบมาถึงงานพร้อมกับบุตรสาวแสนสวย หล่อนสวยจนนิสาอดชื่นชมแกมอิจฉาไม่ได้ พลางอิจฉาเลยเถิดไปยังหนุ่มจอมเกเร เขาประกาศลั่นไม่อายฟ้าอายดินว่า นอนกอดก่ายหล่อนไว้ทั้งคืน..
เจนชนกสลัดคู่ควงคนพิเศษในทันทีทันใด พาความสง่างามไปเคียงข้างสาวงาม พูดจาทักทายครูตาบสองสามคำ ก่อนเอ่ยขออนุญาตพาสาวงามไปเต้นรำ นิสาอมยิ้ม หางตาแลเห็นทรัพย์กระโดดลงมายืนจ้องเขม็งอยู่ข้างเวที ในมือยังถือสายไฟสองสามเส้น
" นอกจากทำตาแข็ง ๆ แล้ว เธอทำอะไรอื่น ๆ ได้อีกบ้างไหม "
สาวน้อยจอมสาระแน ไม่เคยหลาบจำว่า เธอมักจะเจ็บตัวสาหัสหลังพาปากมาระราน หนุ่มเกเร พอฟังเสียงกระตุ้นยั่วยุ เขาพลันลากแขนสาวน้อยค่อนข้างหยาบคาบ บีบแรงไม่ปรานี พาเข้าไปในฟลอร์ เขาเต้นรำจังหวะบ้าบอนั่นไม่เป็น แต่ในยามโทสะพลุ่งเดือด เป็นไปเป็นก็จะเต้น
" ยังมีหลายอย่างที่ฉันยังไม่ทำให้เธอเห็น " เขากระซิบเครียด " กรุณาสงบเสงี่ยมอยู่ในอกฉัน อย่าลองดี เพราะฉันอาจจับหน้าเธอฉีกกลางงาน พรุ่งนี้ไม่มีหน้าจะเดิน ต้องใช้ปี๊ปคลุมกันอาย "
นิสากลืนน้ำลาย เจ็บระบบบริเวณต้นแขนที่ปลอกนิ้วกดแช่นิ่งไว้นานแล้ว ทรัพย์ไม่สนใจ เพราะสายตาจับเขม็งคู่หนุ่มสาวกลางฟลอร์ ห่างไปเล็กน้อย เจนชนกตระกองกอดสาวงามต่อหน้าต่อตา ท่ามกลางผู้คนที่มาร่วมงานล้นหลาม พรรณีชะม้ายชายตา เผยยิ้มอ่อนหวาน เชิญชวนอีกฝ่ายเผลอไผล โน้มใบหน้าอันหล่อเหลาต่ำลง..
ทรัพย์หรี่ตานับหนึ่งไม่ถึงสอง เขาผลักนิสาล้มลง ร่างปราดเปรียวเคลื่อนเร็วดั่งพายุ พริบตาเดียวก็ถึงตัวเจนชนก หมัดหนักหน่วงกระแทกใส่ใบหน้าเต็มเหนี่ยว เลือดทะลักเป็นลิ่ม ลูกชายนายอำเภอ กระเด็นไปไกลก่อนจะลอยลงฟาดกับโต๊ะ กลิ้งเกลือกบนพื้น บิดกายไปมาด้วยความเจ็บปวดระคนตกใจ
เสียงกรีดร้องลั่นทั่วบริเวณงาน บรรยากาศสนุกสนาน พลันแปรเปลี่ยนไปในวินาทีนั้น ทรัพย์บันดาลให้มันเป็นไปอย่างนั้นด้วยแรงหึงหวง เขาถลันตามติด ขยุ้มคอเสื้อลูกชายนายอำเภอกระชากตัวลอย แล้วเงื้อหมัดสูงหมายต่อยซ้ำ ทันใดนั้น..เสียงประกาศิตของครูตาบพลันก้องกังวาน
" เจ้ากำลังทำอะไร "
ทรัพย์คลายหมัด คลายนิ้ว ลูกชายนายอำเภอร่วงผล็อยลงอีกครา โดยมีพรรณีรีบวิ่งเข้ามาคุกเข่าประคองอย่างตื่นตกใจ สีหน้าสาวงามแฝงความตระหนก ระคน ผิดหวัง ยามเงยแหงนขึ้นมองหนุ่มคนรัก
" ผมกำลังปกป้องศักดิ์ศรีให้พรรณี ครูตาบไม่เห็นหรือครับ เจ้าหมอนี่ตั้งใจลวนลาม.. "
" ลวนลามอะไร เราแค่เต้นรำกัน เขาตั้งใจปัดแมลงที่บินมาเกาะที่หางตาฉัน เธอจิตใจสกปรกไปเอง ขอโทษพี่เจนเดี๋ยวนี้ "
พรรณีเสียงเย็น หล่อนร้องสั่งคนรักให้ขอโทษลูกชายนายอำเภอต่อหน้าผู้คนมากมายในงาน ทรัพย์กัดปาก สะกดความโกรธจัด เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าว ได้ยินหล่อนร้องสำทับมาอีก..ขอโทษ
" ไม่ขอโทษ " เขาตะคอกกลับเสียงก้อง ชี้หน้าคนรัก ตัดพ้ออย่างผิดหวัง " ฉันจิตใจสกปรก..แล้วการที่เธอเอียงหน้า เอนกาย ให้เจ้านั่นมันจับมันลูบน่ะ สะอาดแค่ไหน เป็นอะไร..หลงรูปทองหนุ่มชาวกรุงเข้าแล้วกระมัง ถึงใจง่าย หน้าด้านนัก "
นิสาก้าวถลันเร็วอย่างลืมตัว เธอเห็นถนัดว่าพรรณีกระตุกกายเฮือกด้วยแรงโทสะ หล่อนโผเข้าหาหนุ่มเกเร เงื้อฝ่ามือฟาดเต็มหน้าดุร้าย เสียงฉาดเสนาะสดใส ได้ยินชัดถ้วนทั่ว ทรัพย์ขบกรามแน่น เหลือบชำเลืองแลนิสา ซึ่งหน้าถอดสี เธอมาถึงตัวเขาแล้ว แต่ห้ามปราม หรือเข้าขวางไม่ทัน
จอมเกเรสะบัดหน้า วิ่งฝ่าฝูงชนหายลับไปบริเวณด้านหลังของเวที นิสามองตาด้วยความเป็นห่วง ความเจ็บช้ำที่ได้รับจากสาวคนรัก ผลักดันให้เขาวิ่งเตลิดไป โดยไม่สนใจกำหนดทิศทาง ขวัญอันกระเจิดกระเจิง ทอดทิ้งกายสูงให้ทรุดฮวบอย่างร้าวรานบริเวณด้านหลังโรงเรียน สถานที่ซึ่งหนุ่มสาวเคยแอบมาพลอดรัก ฝากสัมพันธ์ เอ่ยปากผูกมัดสัญญาใจ..
นับจากเหตุการณ์ผันแปรคืนนั้น ผ่านมาแล้วสามวันเต็ม ๆ ไม่มีใครพบเห็นหนุ่มเกเรย้อนกลับมา กระทั่งมารดาหม้าย ยังไม่สามารถให้คำตอบอันกระจ่างแก่นิสา ที่หมั่นแวะเวียนมาถามข่าวคราว เธอพบพรรณีมายืนรอเจนชนกตอนโรงเรียนเลิก แต่ไม่กล้าเข้ามาซักไซ้ เกรงสาวงามจะเข้าใจผิด ทว่า..ความเป็นห่วงในสภาพจิตใจของหนุ่มเกเร ก็สร้างความกระวนกระวายให้เต้นเร่าภายใน นิสาหลับไม่เคยสนิท..
หากทว่า..สนธยาที่สี่เริ่มมาเยือน พรรณีเดินลัดเลาะไปตามสุมทุมพุ่มไม้ ผ่านทางเดินลาดชัน สู่เนินดินเขาเตี้ย ๆ ลูกหนึ่ง บริเวณด้านหลังโรงเรียน หล่อนทราบว่า.. ทรัพย์ต้องซ่อนตัวอยู่ที่นั่น
แผ่นหลังในเงาสลัวซุ่มซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ใกล้เนินเขา หนุ่มเกเรนั่งเซื่องซึม ทอดตาจับฟ้าฟากโน้น ใบหน้าหล่อเหลา ระบายด้วยความหมองเศร้า นัยน์ตาแดงก่ำอ้างว้าง สิ้นหวัง ความผิดหวัง เสียใจ ยังคอยตอกย้ำซ้ำเติมไม่สร่างซา พรรณีเห็นดีเห็นงามกับลูกชายนายอำเภอ หล่อนลงมือทำร้ายคนที่หล่อนเอ่ยปากว่ารักที่สุด ทำลายและเหยียบย่ำ โดยไม่เห็นค่า..
" โกรธนานจริง ๆ คนแสนงอน "
พรรณีแสร้งว่า กายบางทรุดนั่งแอบอิง เอียงหน้าซบไหล่บึกบึน ส่งเสียงออดอ้อน งอนง้อให้เขาคืนดีและหายโกรธว่า
" เรารอตั้งหลายคืน ทำไมไม่ยอมไป ใครเป็นฝ่ายปรักปรำใครก่อน คนรักกัน ไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกัน แล้วจะรักกันต่อไปทำไม ทรัพย์.. "
หนุ่มเกเรไม่อยากฟังคำแก้ตัว ไหล่บึกบึนสลัดจากใบหน้าเว้าวอน พยายามไม่มองแม้แต่ชำเลืองแล เพราะเกรงว่าตนจะใจอ่อน หากทว่า..สาวงามไม่ยอมแพ้ ยังตามติดมากอดหน้ากอดหลัง ปากก็พร่ำขอโทษ
" ขอโทษแล้วทำไม " เขาสะกดกิริยาของหล่อนไว้ด้วยน้ำเสียงร้าวราน " พรรณตบหน้าเราต่อหน้าเจ้านั่น พรรณเห็นมันดีกว่าเรา รักมันมากนัก ก็ไม่ต้องมาวุ่นวายกับเราอีก "
" ทรัพย์ "
" เรามันก็แค่ลูกชาวนาชาวไร่ นิสัยป่าเถื่อน ความรู้น้อย สมบัติผู้ดีก็ไม่มี ทำถูกก็ดูเป็นผิด เจ้าหมอนั่น มันลูกนายอำเภอ เราเห็นกับตาว่ามันพยายามจะจูบพรรณ เราออกโรงปกป้อง เพราะเราห่วง เราหวง แต่พรรณกลับตัดสินว่ามันเป็นฝ่ายถูก..ไปให้พ้น "
" ไปไหนล่ะ "
" ไปตายที่ไหนก็ไป ไปโดดเหวตายเสียได้ยิ่งดี "
ถัดจากเนินเขาเตี้ย ๆ จากตรงนี้ไปประมาณยี่สิบก้าว ณ ตรงนั้นคือจุดสิ้นสุดของแผ่นดิน เหวอันลึกชันซ่อนอยู่ใต้พงหญ้ารกเรื้อ หากไม่ชำนาญพื้นที่ ขาดความระมัดระวัง ก็มีสิทธิ์ร่วงลงไปตายเอาง่าย ๆ
พรรณีเงียบไปนานจนผิดสังเกต ทรัพย์นิ่วหน้าสงสัย ใบหน้าดุร้ายค่อย ๆ เหลียวกลับมาหาคำตอบ แล้วใจหายวาบ เมื่อเห็นพรรณีมุ่งตรงไปยังปากเหว เขาซอยเท้าตามไป แล้วดึงหล่อนกลับมา ร้องด่าเอ็ดอึง
" เป็นบ้าอะไร.. "
" ก็ใครไล่ให้เราไปตาย อยากให้เราตายก็บอกตรง ๆ สิ เราทำให้ได้อยู่แล้ว ปล่อย..ไม่ต้องมาแตะเนื้อต้องตัวเรา เกลียดเราแล้วไม่ใช่หรือ เราตามมาง้อก็ไม่ยอมคืนดีด้วย มีคนใหม่แล้วนี่ เราเลยหมดความหมาย "
ทรัพย์กระพริบตางุนงงเล็กน้อย ลืมความโมโหโกรธา หรือแม้แต่อาการน้อยเนื้อต่ำใจ แต่กลับฉงนสนเท่กับเสียงกระเง้ากระงอด พาดพิงถึงบุคคลที่สาม ปรักปรำส่งเดชแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด เขาไม่เคยมีใครทั้งนั้น ใจดวงนี้รักและซื่อสัตย์ต่อหล่อนเพียงผู้เดียว
" พูดให้รู้เรื่อง คนใหม่อะไรที่ไหน อย่าเฉไฉปั้นเรื่อง กลบเกลื่อนคดีของตัวเองเสียให้ยาก "
พรรณีลอบยิ้มในความมืด หล่อนแสร้งหาเรื่องส่งเดช เพื่อให้เขาลืมเลือนความโกรธ และคืนดีด้วย ตลอดหลายคืนที่เขาไม่แวะเวียนไป จิตใจของหล่อนรุ่มร้อน ขาดความสงบ ทั้งห่วงใย โหยหา สับสนในตนเองจนแยกไม่ออกว่า ต้องการให้เขามางอนง้อ หรือปรารถนาให้เขาเสนอบทรักอันวาบหวาม กันแน่
ทรัพย์พาหล่อนห่างจากปากเหว กลับมานั่งที่จุดเดิม เขากดตัวหล่อนให้นั่งก่อน ตัวเองแค่ทรุดลงยอง ๆ จ้องตาคนหาเรื่อง แสงขรึม จริงจัง
" อย่าหมิ่นน้ำใจ และ ความรัก ของเราอีก เพื่อพรรณ เราทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น แม้แต่แลกด้วยชีวิต เราก็ไม่เกี่ยง เราแค่ขอให้พรรณรักเราคนเดียว อย่าปันใจไปให้ชายอื่น "
พรรณีวาบหวามดื่มด่ำ เคลิบเคลิ้มในถ้อยวาจารำพัน ยิ่งใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มเกเรพาลงมาซุกในตัก ยิ่งหวั่นไหว หล่อนสอดแทรกนิ้วเรียวเข้าไปในเรือนผมดกหนา ลูบศีรษะหนุ่มคนรักด้วยใจภักดิ์ ใจปอง กระแสรุมเร้าภายในกำลังเพรียกหาสัมผัสอ่อนหวาน..
สายลมแรงเหนือปากเหวโบยโบก พลิ้วสะบัดกิ่งไม้ใบหญ้าที่ขึ้นปกคลุมอาณาบริเวณนั้นจนรกชัฏ มันกลายเป็นฉากพฤกษาธรรมชาติ ที่กางกั้นหนุ่มสาวในห้วงรัก มิให้ถูกรบกวนจากบุคคลภายนอก นิสา..คือบุคคลผู้นั้น เธอลอบติดตามพรรณีมาห่าง ๆ แล้วพลันพบเห็นภาพอันแสนรัญจวนเหนือเนินดินกลางดงไม้..
สาวน้อยชาวกรุงหายใจแรง เสียงเต้นระส่ำระสาย ค่อย ๆ เลื่อนตัวลงมาจากที่ซ่อน ลากฝีเท้าย้อนกลับบ้านอย่างขมขื่น ตระหนักต่อความจริงอันโหดร้ายว่า..เธอหลงรักหนุ่มเกเรเข้าแล้ว
น้ำตาร้อนระอุรินหลั่งเปียกหมอน ยามพลิกกายรุ่มร้อน เกิดจินตภาพกลางเนินดินเด่นชัด ทรัพย์เล้าโลมสาวคนรักด้วยอารมณ์อันรุนแรง เสียงครวญครางกระเส่ากระสันดังแว่วแผ่วผ่านสายลม แทรกผ่านเข้ามาในห้วงโสต พรรณีกระบิดกระบวนร้อนรักในปลอกแขน จุมพิตเร่าร้อน กายหนักหน่วงโถมทับแนบชิด ฝ่ามือปราดเปรียวแสนซนตระโบมโลมไล้อย่างเป็นเจ้าของ..
นิสาเซื่องซึม ไม่ร่าเริงเหมือนเช่นเคย บุหลันสังเกตพบความเปลี่ยนแปลงในวันรุ่งขึ้น และวันต่อ ๆ มา เธอนั่งใจลอย ไม่ได้ยินหรือฟังเสียงรอบข้าง บุหลันใจหายวาบ เมื่อเธอเดินเข้าโรงอาหาร แล้วปะทะชนกับร่างสูงของทรัพย์ โดยปราศจากการตอบโต้ เธอเพียงแต่เบี่ยงกาย หลีกทางให้เขาจากไปอย่างเงียบ ๆ และโดยไม่รู้ตัวเช่นกันว่า ทรัพย์อึดอัดกับพฤติกรรมซับซ้อนทางใจของเธอเป็นอย่างยิ่ง..
เย็นวันหนึ่ง..สาวน้อยไปยืนปรากฎตัวอยู่เหนือปากเหวลึกชัน หรุบตามองลงไป สำรวจความเวิ้งว้าง ปกคลุมด้วยความรกเรื้อ เขียวครึ้มของป่าดิบ มองไม่เห็นว่า ก้นเหวสิ้นสุดลง ณ ตรงไหน มันคงลึกมาก และหากเธอพลัดตกลงไป..วินาทีอันระทึกพลันอุบัติขึ้น ท่ามกลางความใจหายของทรัพย์
หนุ่มเกเรโถมตัวกระชากแขนสาวน้อย รอดพ้นจากกองดินที่ทรุดตัวแล้วยวบลงโดยไม่คาดฝัน มันเป็นจุดอันตรายต่อชีวิตของนิสา เธอเหยียบยื่นอยู่ตรงจุดนั้น เด็กบ้า..
" เป็นบ้าอะไร อยากพลัดตกลงไปตายหรือไง มีที่วิ่งเล่นตั้งเยอะแยะข้างล่าง แร่มาอวดเก่งถึงบนนี้ "
เขาสบถด่าเธอไม่ขาดปาก ใจเขายังเต้นโครมคราม บอกไม่ถูกว่า หากเขาช้าไปเพียงครึ่งก้าว แลเห็นร่างน้อยร่วงละลิ่วลงสู่เบื้องล่าง เขาจะรู้สึกอย่างไร ศัตรู..ไม่..แค่ว่านเครือของศัตรูประสบเคราะห์กรรมถึงชีวิต ควรยินดีปรีดา จัดงานเลี้ยงฉลองใช่หรือไม่..
" จะไปไหน..กลับบ้าน "
นิสาสลัดตัวออกจากสองแขนที่โอบรัดหลวม ๆ สองเท้าก้าวฉับ ๆ ผละหนี ทิศทางยังคงมุ่งหน้ากลับไป ณ จุดเดิม เป็นอะไรของเธอ ปกติไม่เคยแผลงฤทธิ์ มากพยศ เหมือนยามนี้
" ฉันบอกว่ากลับบ้าน " ทรัพย์ซอยเท้าตามมากระชากข้อแขน ร้องด่าเสียงต่ำ " อย่าดัดจริต "
" เธอนั่นแหละกลับบ้าน ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน "
หนุ่มเกเรเลิกคิ้ว แปลกใจว่าเธอหาญกล้ามาขึ้นเสียง ตะคอกใส่หน้า แล้วผลักอกเขาเต็มแรง ก่อนจะผลุนผลันจ้ำอ้าวไปกระฟัดกระเฟียดนั่งบนเนินดิน ลักษณะอาการเหมือนน้องสาวงอแง เด็กหนุ่มโคลงศีรษะ เกิดความเอ็นดูแว่บ..
" รู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่ " นิสาถามดี ๆ อารมณ์ร้อนค่อยทุเลาลงบ้าง
" ฉันไม่รู้ ..ฉันก็มานั่งเล่นที่นี่ทุกวันก่อนกลับบ้านอยู่แล้ว "
เขาตอบดี ๆ กลับมา นิสาเลยผิดหวัง เพราะอุตส่าห์หลงปลื้มว่าเขาติดตามหาด้วยความห่วงใย เข้าข้างตัวเองอย่างน่าไม่อาย..
แสงตาเศร้าสลด กับดวงหน้าหมองหม่น กลายเป็นเงาสะท้อนกลางแสงสลัวยามเกือบพลบ นิสาแลดูสวยซึ้งประหลาด ทรัพย์เผลอพิศลึกซึ้ง บังเกิดคำถามพิศวงกลางห้วงใจว่า เริ่มร้อนรุ่มกับการเฉยเมยของเธอตั้งแต่เมื่อใด ยามกวาดตาแล้วไม่เห็นเงากรีดกรายซุกซน ความห่วงใยก็ย่างกรายมาเยือน..
นึกย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่กี่นาที เขายังไม่หายหวาดเสียว เขามิได้เผยความจริงว่า การหายตัวไปตั้งแต่บ่ายของเธอ ทำให้เขากลัดกลุ้ม ขาดสมาธิ อีกทั้งไม่มีวันสารภาพว่า เขาเดินตามหาเธอทั่วทั้งโรงเรียน ก่อนจะเลยมาถึงสถานที่แห่งนี้ แล้วหัวใจกระตุกแทบหยุดเต้น เมื่อเห็นร่างเธอซวนเซตามแรงยุบยวบของเนื้อดินเหนือปากเหว เขาจะไม่บอกเธอว่า ในวินาทีนั้น เขาลืมตายไปแล้ว ขอเพียงเหนี่ยวรั้งชีวิตเธอไว้ให้รอดพ้นเงื้อมมือมัจจุราชได้สำเร็จ บ้าชะมัด..
" แล้วนายมายุ่งกับฉันทำไม "
" ฉันไม่ได้ยุ่ง แต่ยังไม่อยากเห็นผู้หญิงจุ้นจ้านคนหนึ่งตายจากไปต่อหน้าต่อตา ก็ยังเจ็บใจอยู่นี่ไง ทำไมต้องให้ฉันมาเห็นทันเวลาก็ไม่ทราบ "
นิสามองตาคนพูด ราวกับจะค้นหาความจริงเบื้องหลังประโยคทีเล่นทีจริง เสียงนุ่มนวลเช่นนั้น นิสายิ่งไม่เคยสัมผัสมาก่อน ช่างหวานระรื่น กำซาบโสตเสียจนบรรยายไม่ถูก ประกายตาอ่อนแสงกร้าว เปล่งรัศมีเรื่อเรือง เป็นครั้งแรกเช่นกันที่เขายอมสบตานิ่ง ๆ เปิดโอกาสให้นิสาชื่นชมความงดงามของดวงตาเรียวใหญ่ได้อย่างอิ่มเอม..
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น