ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักร้าวที่ปลายเหว

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 49


    บทที่ 2
     วันหยุดสุดสัปดาห์  ครูตาบนัดแนะนักเรียนมาทำความสะอาดโรงเรียน นิสากับบุหลัน และเพื่อน อีกกลุ่มหนึ่ง ถูกดึงไปช่วยทำอาหารในโรงครัว สาวชาวกรุงทำอาหารไม่เป็น จึงยกหน้าที่ทั้งหมดให้บุหลันสำแดงบทแม่ครัวเอก พร้อมเพื่อนลูกสมุนอีกกลุ่มใหญ่
     สาวน้อยคอยกวาดตามองหาหนุ่มเกเร เริ่มสับสนภายใน..แขนเรียวที่เคยต้องสัมผัสหยาบคาย กลายเป็นความทรงจำอันควรค่าแก่การระลึกถึงมิรู้ลืม หลายครั้งที่สาวน้อยเผลอลูบไล้บริเวณนั้น มุมปากมักเผลอยิ้มกริ่มลึกซึ้ง กลางห้วงอากาศว่างเปล่า พลันปรากฏภาพใบหน้าอันหล่อเหลาลอยไปมา
     ครูตาบคอยกำกับการทำงานของทุกฝ่ายด้วยตนเอง ท่านเป็นครูชรา นัยน์ตาหาได้ฝ้าฟางตามอายุขัย น้ำเสียงอันดังกังวาน น่าเกรงขาม คอยป้องตะโกนให้นักเรียนทำงานให้สะอาด เรียบร้อย ไม่ยกเว้นกระทั่งบุตรสาวสุดที่รัก ซึ่งกำลังขะมักเขม้นถูบันไดบริเวณทางเดินขึ้นห้องสมุด โดยมีหนุ่มเกเรร่วมแรงแข็งขัน
     นิสาตำหนิตนเองว่าโง่เขลา เธอไม่จำเป็นต้องกวาดตามองหนุ่มน้อยผู้นี้ให้เสียเวลา เพียงแค่ตามหาพรรณีให้เจอก็พอแล้ว ยามชำเลืองแลครูตาบ เธอตระหนักความจริงข้อหนึ่งว่า ท่านหาได้ยินดีกับการใกล้ชิด สนิทสนม ระหว่างบุตรสาวกับศิษย์หนุ่มจอมเกเร เห็นท่านเหลียวซ้ายแลขวา กระทั่งพบเห็นนิสา เลยเรียกตัวมา พลางสั่ง
     " นิสามาก็ดีแล้ว ทำกับข้าวกับปลาไม่เป็นก็มาถูบันไดแทนพรรณีเถอะ ครูจะส่งพรรณีเข้าไปช่วยในครัว "
     " ค่ะ "
     พรรณีลอบสบตากับหนุ่มจอมเกเรแว่บ จำใจลุกผละออกมา นิสากระวีกระวาดเข้ามาแทนที่ เธอยิ้มให้หนุ่มน้อย อีกฝ่ายเย็นชา ไร้ไมตรี ท่วงทีแข็งขันก่อนหน้านี้ พลันมลายหายสูญ นิสาก้มมองคราบผงซักฟอก คราบตะไคร่สีเขียวคลึ้ม กับแปรงลวดขนาดเหมาะมืออย่างชั่งใจ เธอไม่ชอบทำงานประเภทนี้ แต่เพื่อแลกกับการใกล้ชิดเขาชั่วขณะ ลองกล้ำกลืนดูหน่อยก็ได้
     " สะอาดหรือยัง " แสร้งถามหาเรื่องชวนคุย
     " ไม่มีตาดูเองหรือไง " ฝ่ายนั้นกระแทกเสียงห้วน แล้วเหน็บแนมชิงชังว่า " เป็นถึงลูกสาวนักการเมืองใหญ่ หลานสาวชาวกรุงผู้ใหญ่บ้าน ไม่จำเป็นต้องลดตัวมาสร้างภาพเรียกความศรัทธาจากชาวบ้านให้เสียเวลา ต่อให้เธอยืนเฉย ๆ เกร่ไปเกร่มา ใครหน้าไหนก็ไม่กล้าตำหนิติเตียน หาเรื่องใส่ตัวหรอก ไม่อยากทำก็อย่าทำเลย ไปไหนก็ไปเถอะ ฉันทำคนเดียวได้ "
     กล่าวจบ ก็คว้าถังน้ำมาสาดโครมโดยไม่สนใจว่า มันจะสร้างความเดือดร้อนให้นิสาที่นั่งยอง ๆ ขัดถูบันไดขั้นต่ำกว่า เธอเปียกไปครึ่งตัว มีเสียงหวีดร้องจากบรรดาเพื่อนนักเรียน ซึ่งบังเอิญเห็นเหตุการณ์ แต่ นิสากลับควบคุมความโกรธให้มันนอนนิ่งอยู่ภายใน ร่างน้อยเพียงลุกยืนปัดไม้ปัดมือ จังหวะก้มสำรวจสภาพมอมแมมของตัวเอง เธอเลยพลาดโอกาสเห็นสีหน้าและแววตาสำนึกผิดวูบหนึ่งของทรัพย์..
     นอกจากไม่แสดงปฏิกิริยาใด ๆ ตอบโต้การกระทำอันเป็นปฏิปักษ์แล้ว สาวน้อยยังเบนความชังของหนุ่มน้อยไปยังเส้นทางรักที่เต็มไปด้วยขวากหนาม เธอปรารภลอย ๆ ว่า
     " ฉันคิดว่าครูตาบไม่พอใจที่เธอสนิทสนมกับพรรณี "
     " สู่รู้ "
     ทรัพย์ตวาดไม่เต็มเสียง เขารู้เหมือนกัน โดยเฉพาะตัวเขาเองนั้น ครูตาบเคยเรียกไปพบตามลำพัง แล้วเอ่ยปากห้ามปราม ยกเหตุผลมาอ้างว่า
     " อายุเจ้ายังน้อย ยังเป็นนักเรียน ใจคอยังไม่หนักแน่น โอกาสเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดและผันแปรไปตามกาลเวลา เจ้าจงมุ่งมั่นร่ำเรียน ดีกว่าเสียเวลากับรักที่หาสาระแก่นสารไม่ได้ เมื่อถึงวันเวลาอันเหมาะสม ครูจะไม่ห้ามปรามเจ้าแม้สักครึ่งคำ "
     ทรัพย์ไม่กล้าขัดคำสั่ง เขาเคารพนับถือครูตาบประดุจบิดาบังเกิดเกล้า ตั้งแต่วัยเยาว์ เติบใหญ่สู่รุ่นหนุ่ม มีเพียงครูตาบคอยเมตตา เอาใจใส่ ท่านเข้าใจลึกซึ้งถึงปมด้อยที่ทรัพย์เผชิญตามลำพัง ท่านมองเห็นความอ่อนไหวต่อสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบ เย้ายั่ว ภายใต้ภาพลักษณ์อันธพาล แข็งกร้าว ทรัพย์ใช้มันเป็นหน้ากาก ปกปิดความอ่อนแอภายใน ชาวบ้านมีส่วนกดดันปมด้อยเขาให้เด่นชัดขึ้น ปลูกฝังอคติและพยาบาทรุนแรงในใจ มารดาหม้ายผู้น่าสงสาร ถูกรังเกียจเดียดฉันท์ ตามแรงปลุกปั่น ยุยง ของภรรยาผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งมีใจริษยา ด้วยว่าทราบเต็มอกว่าสามีหลงใหลคลั่งใคล้ยิ่งนัก..
     พรรณีเป็นเพื่อนรู้ใจในยามขมขื่น หล่อนเฝ้าปลอบโยน ให้กำลังใจ ตามประสาเด็ก ทรัพย์วิวาทกับเพื่อนร่วมรุ่น ได้รับบาดเจ็บ แผลเต็มตัว หล่อนก็คอยปฐมพยาบาลด้วยความห่วงใย จากวัยเยาว์สู่วัยรุ่น พรรณีจึงกลายเป็นสาวน้อยในฝัน ที่ทรัพย์เทิดทูนและมอบใจให้ด้วยใจภักดิ์
     หนุ่มน้อยรักมั่นคงต่อเพื่อนสาว และมั่นใจว่าอีกฝ่ายมีใจสนองตอบ ครูตาบเผยท่าทีไม่ชมชอบ แม้วาจาสอนสั่ง หากวิถีการกระทำของท่านคือการกีดกัน..
     หลังจากกิจกรรมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ครูตาบพาพรรณีกลับบ้าน ท่านกล่าวขอโทษที่มิได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันด้วย จำเป็นต้องรีบกลับ เนื่องจากมีแขกมาขอพบในช่วงบ่าย
     ทรัพย์ยืนมองครูตาบพาพรรณีเดินไปตามทางแคบ ๆ ลัดเลาะตามคันนา มุ่งสู่เคหสถาน โดยมีนิสาตามมาเปรย กระตุ้นโทสะ
     " ลูกชายนายอำเภอเพิ่งย้ายมาเหมือนกัน นายรู้แล้วใช่ไหม ครูตาบกับนายอำเภอรู้จักกันมาก่อน ท่านกำลังทำตัวเป็นสะพานเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างพรรณีลูกสาวท่านกับลูกชายนายอำเภอ "
     ทรวงอกกระเพื่อมตามแรงโทสะ นิสากระตุ้นให้มันเดือดพลุ่งพล่านได้สำเร็จบ่อยครั้ง เพียงแต่เธอไม่เคยรู้ตัวสักที ยามนี้ ทรัพย์แสร้งทำหูทวนลม เพราะไม่มีอารมณ์จะอาละวาด ทว่า..โสตสองข้าง มิอาจหลีกเร้นถ้อยคำบรรยายจากน้ำเสียงใส ไร้ความจริงใจ..
     " ได้ยินมาว่าลูกชายนายอำเภอรูปหล่อมาก ผิวขาว สะอาดสะอ้าน มีความเป็นผู้ดีเพียบพร้อม กิตติศัพท์ร่ำลือว่าเป็นนักกีฬา.. "
     " แล้วมาบอกฉันทำไม " นิสาสะดุ้งโหยง นึกครั่นคร้ามประกายดุร้ายกลางดวงตาวาวโรจน์คู่นั้น " เปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่าง " แข็งใจบอกออกไป " เย็นนี้ กลับไปถึงบ้าน ลองส่องกระจกให้ชัด ๆ ว่า เธอมีส่วนไหนที่พอจะทัดเทียมกับเขาได้บ้าง ฉันไม่อยากเห็นเธอหมดกำลังใจ หรือแพ้ตั้งแต่อยู่ในมุ้ง แต่เธอต้องยอมรับความจริงข้อหนึ่ง ครูตาบย่อมต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกสาวคนเดียวของท่าน "
     ทรัพย์หมุนกายขวับ กลับมาประจันหน้าผู้หญิงปากมาก ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำด้วยความโกรธไม่มีใครวิงวอนให้เธอพูด เขาเคยแสดงให้เห็นว่า ไม่ปรารถนาเป็นมิตร ไม่ต้องการเสวนา ทุกแววตาที่จ้องมอง เขาแน่ใจว่า เขาใส่ความชิงชังลงไปเต็มเปี่ยม ทำไมเธอจึงดื้อด้าน ทำเป็นไม่เข้าใจ ไม่รับรู้ พร่ำพูดจาทิ่มแทงหัวใจ หยิบยื่นความหวาดหวั่นพรั่นพรึงจากการสูญเสียพรรณีใส่ลงในความอ่อนแอภายใน เขาเกลียด..
     " อย่าลำพองว่าเป็นลูกหลานท่านพระยา ฉันไม่เคยกลัวคนพวกนั้น แล้วฉันก็ฆ่าเธอได้ด้วยมือเปล่า ไสหัวไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันตบไม่เกรงใจ.. "
     บุหลันเข้ามาขัดจังหวะ ช่วยคลี่คลายบรรยากาศตึงเครียดโดยไม่รู้ตัว ทรัพย์เป็นฝ่ายผละไป พร้อมกับไฟโทสะที่ยังดับไม่สนิท เขาจะบุกไปหาพรรณี ฟังจากปากหล่อนให้แน่ชัด
     ดึกสงัดคืนนั้น..ทรัพย์แอบบุกรุกเข้ามาถึงห้องนอน ย่องมาถึงหน้าเตียง พรรณีนอนหลับสบายในมุ้ง เขาพาตัวแฝงเร้นเข้ามา พลางปลุกเสียงแผ่ว  หล่อนสะดุ้งตื่นพร้อมกับความตระหนก เผยอเรียวปากคล้ายจะอุทาน ทรัพย์รีบตัดไฟแต่ต้นลม ประกบจุมพิตแน่น..
     บุตรสาวสุดที่รักของครูตาบ สั่นสะท้านวาบหวิว เรือนกายพลัดเข้าไปในปลอกแขนกระชับ พลังรักจากภายใน ถ่ายเทถึงใจผ่านกระแสเร่าร้อนจากจุมพิตโหยหา ทรัพย์จาบจ้วงสาวน้อยด้วยรักและเทิดทูน มอบกาย มอบใจ ให้จนหมดแล้ว หากหล่อนหันเหผันแปร แลเห็นชายอื่นดีเด่นไปกว่า เขาจะฆ่าตัวตายให้รู้แล้วรู้รอด..
     " ทรัพย์ พอแล้ว.. "
    สาวสวยยันอกกว้าง พลางปรามเสียงสะท้าน หล่อนมีความสุขอย่างประหลาดกับรสสัมผัสจาบจ้วงรุนแรง พลังรักซึ่งพลุ่งขึ้นอย่างเดือดดาล เกรี้ยวกราด ทรัพย์ไม่เคยฟังเสียงห้ามปราม หล่อนเองไม่เคยหลาบจำว่า ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ กระแสปรารถนาถูกกระตุ้นให้ฮึกเหิมเพิ่มพูน เขาถาโถมเรือนกายหนักและร้อนผ่าว ทอดทับกายระทวยอ่อนบาง เกลือกกลิ้งใบหน้าหล่อเหลา ฟอนเฟ้นความหอมหวาน นุ่มละมุน จากเนื้อนวล ราวกับคนคลุ้มคลั่ง เสียงยั่วยุแว่วดังผ่านสายลมดึก กระทบโสตสะท้านในยามนี้ นิสา..ผู้หญิงปากเสีย
     " เราไม่ยอม.. " ครางละเมอ ขณะฝ่ามือตะปบความหยุ่นอวบของทรวงอกสาว พรรณีหอบสะท้าน ครวญครางวาบหวิว กระแสแหลมลึกเสียวซ่านแล่นปราดทำร้ายทั่วขุมขน หล่อนเกลือกกลิ้งใบหน้าไปตามที่นอน ตะเกียกตะกายร่าง ดั่งว่าต้องการสลัดจากคลื่นปรารถนาเร้นลึก
     " พรรณต้องเป็นของเราคนเดียว เราไม่ยอมให้ใครมาพรากพรรณไปจากเรา ได้ยินไหม "
     สาวสวยไม่รับปากใด ๆ ลมหายใจรวยรินใกล้จะขาดห้วงด้วยความหฤหรรษ์ ทรัพย์กำลังมอบความตายอันแสนสุขมาให้ เขาลูบไล้แนวสะโพกอย่างเร้าใจ ฝังจุมพิตวิงวอน แสดงความเป็นเจ้าของอย่างถือดี กระทั่งสาวสวยครางกระเส่าไม่เป็นส่ำ..
     พอก่อนก็ได้..ทรัพย์กลืนแรงรักของตนอย่างยากลำบาก ตัดใจปล่อยมือจากเรือนร่างระทวย หรุบตากวาดมองเนื้อนวลเย้ยแสงสลัวที่โผล่พ้นอาภรณ์หลวม ไหล่มนเปลือยขาวผ่อง อวดโอ่เต็มสองตาวับวาว ส่วนเนินนูนบดเบียดกันจนเกิดร่องงดงามระหว่างทรวง เลยลามออกนอกคอเสื้อนอนหมิ่นเหม่..
     " บอกเรามาตามตรง คิดยังไงกับลูกชายนายอำเภอ "
     " คิดดี..รูปหล่อ ควงด้วยคงโก้ "
     หนุ่มรูปหล่อหรี่ตาหมั่นเขี้ยว เขาแค่สะกดกลั้นอารมณ์รักได้ชั่วคราว หล่อนกลับหาเรื่อง ยุยั่วอย่างผิดวิธี..สาวเจ้ามองปราดก็เข้าใจ รีบเอนกายอิงแอบแนบอก ออดอ้อนออเซาะเสียงอ่อนเสียงหวานว่า
     " หัดมีอารมณ์สุนทรีย์เสียบ้างสิ เราแค่ล้อเล่นสนุก ๆ จะมีใครที่ไหนสำคัญกับเรามากไปกว่าทรัพย์รูปหล่อคนนี้อีก บอกมาสิ.. เจ้าคิดเจ้าแค้นก็เท่านั้น ใจน้อยก็เท่านั้น ผู้ชายอะไร "
     " ผู้ชายที่ไม่เคยมีอะไรสักอย่างในชีวิตอย่างเรา จำเป็นต้องคิดให้มาก ไม่ใช่หรือ "
     พรรณีหน้าเสีย หล่อนไม่ตั้งใจกระทบกระทั่งปมด้อยเขา แค่แหย่เล่น หวังจะให้เขารู้สึกดีขึ้น อารมณ์เขาเกรี้ยวกราดมาจากไหนก็ไม่ทราบ
     " ทรัพย์ " หล่อนยกสองแขนโอบรอบคอชายคนรัก ปลอบประโลมรับขวัญรันทดด้วยจุมพิตห่วงหา " อย่าไปฟังใครยุยง เป่าหู เราไม่เคยคิดปันใจไปให้ใคร นอกจากทรัพย์ เรารักกันไม่ใช่หรือ เชื่อใจซึ่งกันและกันหน่อยสิ "
     นิสาน่ะสิ..บ่างช่างยุตัวร้าย เธอเจตนาสร้างความบาดหมาง ต้องการให้รักเกิดรอยร้าว ผู้หญิงชั่วช้า ว่านเครือผู้ใหญ่บ้าน ไม่เคยมีคนดี..
     หนุ่มน้อยสวมกอดสาวคนรักด้วยใจชื้น เขายิ้มในความมืด ก่อนซุกหน้านิ่งในซอกคอสาว พรมจุมพิตเสน่หาถ้วนทั่ว พาลากเรื่อยเปื่อยตามแนวระหงของลำคอ สัมผัสซุกไซ้ไหล่เปลือยสลับซ้ายขวา ผ่านเนินอกนูนสล้าง ทรัพย์หยุดนิ่งบริเวณนั้นนานกว่าบริเวณอื่น เขากัดปากข่มความหงิดหงิดกับเสียงบ่างช่างยุ ซึ่งเพิ่มแรงสะท้อน ก้องกังวาน เต็มโสต ผลักไสเท่าใดก็ไม่ยอมห่างหาย..นิสา ผู้หญิงบ้า..
     อารมณ์รักสะดุดกึก ขาดห้วง ซึ่งก็เป็นผลดีต่อหนุ่มสาววัยรุ่นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ฝ่ายหญิงมีจิตใจอ่อนไหว ไม่สามารถต้านทานกระแสปรารถนาอันแรงกล้า หล่อนสมยอมตามใจทรัพย์ได้ทุกวินาที หากฝ่ายนั้นร้องขอ หล่อนยังครองความสาว สะอาด บริสุทธิ์หมดจด ได้จนถึงเดี๋ยวนี้ เพราะทรัพย์สามารถควบคุมตนเองได้..
     " ได้ยินว่าเขาจะย้ายมาเรียนที่เดียวกับเรา จริงไหม "
     " พ่อบอกอย่างนั้น อ้อ..เขาคะยั้นคะยอให้เราเรียกเขาว่าพี่เจน..เขาชื่อเจนชนก "
     " เรียกล่ะสิ รอท่าอยู่แล้วนี่ "
     พรรณีหัวเราะ ตบปากผู้ชายช่างประชด หล่อนนอนกอดก่ายหนุ่มน้อยในมุ้งอันมิดชิด การกระทำอันคุ้นเคย ย่อมบ่งบอกได้ดีว่า ครั้งนี้มิใช่การลักลอบพบปะพร่ำพลอดฝากรักเป็นครั้งแรก หากแต่กระทำเป็นประจำ โดยที่ครูตาบมิเคยระแคะระคาย
     นิสาเพิ่งย้ายมาอยู่ได้ไม่นาน กลับเก่งกาจกว่า เธอพบเห็นและกำความลับของหนุ่มสาวไว้ในอุ้งมือ ทรัพย์กระโดดลงจากห้องนอนของพรรณีตอนเช้ามืด นิสาตื่นออกมาวิ่งออกกำลังกาย เขาเกรงผู้คนพบเห็น อุตส่าห์วิ่งอ้อมไปทางหลังบ้านไกลโข แล้ววกกลับมาด้านหน้าเพื่อสะดุดกับนิสา แล้วล้มกระแทกพื้น
     " อรุณสวัสดิ์ ฉันไม่ตาฝาดใช่ไหม เธอวิ่งออกมาจาก.. "
     ทรัพย์ถลันพรวด ยกมือปิดปากพล่อย ๆ ของเธอ ลากตัวพาวิ่งไปไกล จนได้ยินอีกฝ่ายร้องว่าเหนื่อย เขาจึงค่อยลดฝีเท้าลง ปล่อยมือเธอด้วย
     " เธอไปทำอะไรบ้านครูตาบแต่เช้า "
     " ยุ่ง "
     " แน่ใจนะว่า จะไม่ยอมบอก "
     อ้อ..ร่างสูงขยับ หน้าหล่อพลันตึง แววตาเครียด ฉุนกึกกับน้ำเสียงข่มขู่ ลำพองว่าตนมีไม้ตาย เอาสิ..สาวชาวกรุง บอบบาง อ้อนแอ้น กล้ากำแหงลบเหลี่ยมจอมเกเรประจำหมู่บ้านหรือ
     นิสากระพริบตางุนงง ไม่ค่อยพอใจนักที่เขาเฉยเมย แล้วหมุนกายผละไป ไม่แยแสกริ่งเกรงไพ่ในมือของเธอ มันไม่เป็นไปตามที่คาด เธอรีบวิ่งไล่หลังไปอย่างกระชั้นชิด แล้วตะโกนข่มขู่ออกไปว่า
     " เธอไม่กลัวว่าฉันจะฟ้องครูตาบหรือ ฉันว่าครูตาบต้องสนใจแน่ ๆ ว่าทำไมเธอจึงกระโดดลงจากหน้าต่างบ้านท่าน ฉันเดาว่าห้องนั้น ต้องเป็นห้องนอนของพรรณี "
     " ใช่ "
     ร่างสูงหยุดเดิน นิสาไม่ทันระวัง เธอชนเขาอย่างแรง ร่างกระเด็นไปล้มข้างทาง ความเจ็บปวดทำให้เธอโมโห ร้องด่าเขาว่า บ้า.. จากนั้นก็ได้ยินเขาสารภาพท้าทายเต็มสองหูว่า
     " ฉันนอนกับพรรณีทั้งคืน คนรักกัน อยู่ด้วยกัน มันแปลกตรงไหน เธอมันก็แค่ผู้หญิงโรคจิต ไม่มีผู้ชายปีนขึ้นไปนอนกอดด้วย  เลยอิจฉา ริษยา กลายร่างเป็นบ่างชั่ว หาเรื่องยุแยงให้คู่รักแตกคอกัน หน้าด้าน สิ้นคิด "
     นอกจากด่ารุนแรงแบบไม่ไว้หน้าแล้ว ร่างสูงของทรัพย์ยังก้าวมานั่งยอง ๆ ชี้หน้าคาดโทษสาวจอมยุ่ง สำทับเสียงหนักและกร้าว
     " อย่าสาระแนเรื่องของฉันอีก ฉายาจอมเกเรประจำหมู่บ้าน ไม่ใช่ได้มาแค่ลมปาก รู้จักฉันน้อยไปเสียแล้วนิสา แล้วจะมาโอดครวญว่าไม่เตือนกันก่อนไม่ได้.. "
     ดวงตาวาวโรจน์ ทอแสงดุร้าย เย็นเยียบ คราวนี้ทรัพย์โกรธจัด และเอาจริง เขาไม่เคยมีประวัติทำร้ายผู้หญิงมาก่อน นิสาอาจเป็นเหยื่อรายแรก ขึ้นอยู่กับว่า เธอรู้รักษาตัวรอดได้ดีแค่ไหน
     พายุโทสะพัดผ่านไปนานแล้ว นิสายังนั่งนิ่ง ขึงกายไม่ยอมลุก ดวงตาเบิกค้างอยู่ในอาการตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ฟังและรับรู้ เขากล้าเผยความลับเหลือเชื่อ โดยไม่เกรงกลัวว่า เธอจะนำไปเผยต่อครูตาบ เขากับพรรณีกำลังกระทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ผิดทำนองครองธรรม ครูตาบทราบเรื่องเข้า ย่อมไม่พอใจ
     ตลอดวันนั้น นิสาเรียนไม่รู้เรื่อง แม้บรรยากาศภายในห้องเรียนจะถูกแต่งแต้มสีสันด้วยการปรากฏตัวของเจนชนก ลูกชายนายอำเภอ
     สาวชาวกรุง จับทั้งสองมาเปรียบเทียบหาข้อแตกต่าง แล้วพบว่า ทรัพย์ถือกำเนิดต่ำต้อยตามท้องไร่ท้องนา ชีวิตติดดิน สมบุกสมบัน ธรรมชาติปั้นแต่งเรือนกายเขาให้สูงกำยำ แข็งแรง และแกร่งตามสภาพแวดล้อม เขาเป็นหนุ่มเกเร ปราดเปรียวประหนึ่งพยัคฆ์หนุ่ม
     เจนชนกบอบบางตามประสาลูกผู้ดี อุปนิสัยเรียบร้อย พูดจานุ่มนวล อ่อนโยน สำเนียงเนิบช้า ทุ้มกังวาน ฟังเสนาะโสต แตกต่างจากเสียงห้วนห้าว ระคายหู ที่นิสามักจะได้ยินอย่างเอือมระอา
     ละครดีเปิดฉากตอนโรงเรียนเลิก เมื่อลูกชายนายอำเภอชิงรักหักสวาท ด้วยการชักชวนพรรณีร่วมทางกลับบ้าน โดยหาเหตุว่าจะไปเยี่ยมครูตาบ เพื่อพูดคุยบางอย่าง
     สาวน้อยอมยิ้มในหน้า ยืนเคียงร่างสูงที่กอดอกมอง กรามสองข้างบดเข้าหากันเป็นสันนูน ก็ทำได้มากที่สุดแค่นั้นล่ะ อาละวาดมากเกินไป ยิ่งเท่ากับเผยความลับสุดยอด
     " อยากยิ้มก็เชิญไปยิ้มไกล ๆ " เขาสบถอะไรไม่ทราบคำหนึ่ง ส่ายหน้าเบื่อระอาหน้านิสาเต็มทน
     " ฉันก็ยิ้มตามประสาของฉัน " เสียงใสนุ่มนวล ไม่ถือสาหาความกับคนพาล " อีกอย่าง ฉันรู้สึกชื่นชมคู่พระคู่นางที่เดินเกี่ยวก้อย ชมนกชมไม้ระหว่างทางกลับบ้าน ดูไปแล้วก็เหมาะสมกันดี คล้ายกิ่งทองใบหยก อย่างที่ผู้ใหญ่ชอบพูดเปรียบเปรยกัน เธอเคยได้ยินอะไรดี ๆ แบบนี้มาก่อนไหม "
     " เคย..แต่..ไม่..บ่อย.. "
     หนุ่มเกเรเน้นเสียงหนักชัดและช้าทีละคำ ก่อนตะปบคอเสื้อสาวน้อย แล้วผลักหยาบคายเต็มแรง ร่างนิสาลอยลิ่วไปนอนคลุกฝุ่นใกล้ประตูทางออก เธอกรีดร้องตระหนกระคนเจ็บปวด คว้าก้อนหินก้อนเล็ก ๆ สองสามก้อน ขว้างปาสะเปะสะปะ ไล่หลังหนุ่มเกเร ไร้มารยาท น้ำตาจากความเจ็บปวด รินไหลอาบแก้ม ยามกะทันหัน กลับไม่สามารถพยุงกายลุกขึ้นได้ในทันที..
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×