ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1
บทที่ 1
เด็กหนุ่มวัยสิบแปดเศษ ๆ ก้าวยาว ๆ ผ่านซุ้มไม้สำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจของนักเรียนระดับมัธยมปลาย ซึ่งขณะนี้มีนักเรียนชายหญิง นั่งสนทนากันประปราย สีหน้าของเด็กหนุ่มขุ่นขึ้ง กิริยาการเดินค่อนข้างหุนหัน บอกอารมณ์โกรธที่คุกรุ่นอยู่ภายใน
" นั่นน่ะ..นายทรัพย์ จอมเกเรประจำโรงเรียน คนในหมู่บ้านไม่ค่อยชอบหน้าเขา เธอเพิ่งจะย้ายมาอยู่ที่นี่ ยังไม่รู้จักอุปนิสัยใจคอเขาอย่างถ่องแท้ ควรระวังตัว และอยู่ให้ห่างเขาให้มากที่สุด ยิ่งไกลเท่าไหร่ยิ่งดี ฉันเตือนด้วยความหวังดี "
สาวน้อยในชุดกระโปรงสีขาวนวล พยักหน้ารับคำ ขณะกวาดตามองเงาหลังของเด็กหนุ่มผู้ถูกกล่าวถึงในทางลบอย่างพิจารณาและสนใจ บุหลันยังกระซิบข้างหูต่อไปอีกว่า
" สงสัยจะโดนครูตาบทำโทษเอาอีก ถึงได้หน้างอเป็นม้าหมากรุกแบบนั้น " หล่อนหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะปรารภว่า " ยังดีว่า หมู่บ้านเรามีครูตาบเป็นที่พึ่ง โดยเฉพาะเจ้าโย่งจอมเกเรน่ะ ทั้งกลัว ทั้งเกรง ครูตาบเป็นที่สุด ไม่มีใครปราบพยศร้ายของเจ้าหมอนี่ได้เลย นอกจากครูตาบคนเดียว "
หน้าตาหล่อเหลาไม่เบา เด็กสาวในชุดกระโปรงสีขาวนวลกลับไพล่คิดไปอีกเรื่อง เธอเห็นหน้าเขาแว่บเดียวในจังหวะที่เขาก้าวผ่าน ลำคอตั้งตรง หน้าตรง แน่วแน่ ตัวสูงโย่งและเดินได้เร็วมาก
" หากเขารู้ว่าเธอเป็นหลานสาวผู้ใหญ่บ้านล่ะก็ ฉันรับรองว่าหน้าเธอเขาไม่มีทางแล เขาเกลียดลุงกับป้าของเธอ เกลียดแบบเข้ากระดูกดำ "
อ้าว..คำบอกเล่าตรงนี้น่าสนใจกว่าเสียแล้ว นิสาดึงสายตากลับจากร่างสูงโย่งที่ห่างออกไปเกือบถึงรั้วโรงเรียนแล้ว พร้อมกับเอ่ยถามอย่างสงสัยว่า
" ทำไมเป็นแบบนั้น ลุงกับป้าไปทำอะไรให้เขารู้สึกอย่างนั้น "
" ฉันก็ไม่รู้รายละเอียดนักหรอก แต่ฟังผู้ใหญ่เล่าต่อ ๆ กันมาน่ะ นายทรัพย์น่ะ ฝังใจว่าลุงของเธอ เป็นต้นเหตุทำให้พ่อเขาต้องตาย ทำให้แม่เขาต้องกลายเป็นหม้าย ทำให้เขาต้องกำพร้าพ่อ "
นิสากระพริบตาฟังอย่างสนใจ แววตากระตือรือร้น ออกน่าเสียดายไม่น้อย หากต้องเป็นอริกับหนุ่มรูปหล่อ มาดเข้ม โดยมีสาเหตุมาจากบุคคลรุ่นก่อน
เสียงสัญณาณหมดเวลาพักย่อยดังขึ้น นักเรียนทุกกลุ่มกระวีดกระวาดกลับเข้าห้องเรียน บุหลันจูงมือนิสาพาไปยังห้องเรียน เธอเพิ่งจะมาถึงวันนี้ ยังไม่รู้จักใคร คนแรกที่เธอพบและรู้จักก็คือบุหลัน หล่อนมีมนุษยสัมพันธ์ดี ต้อนรับเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หลังจากพูดคุยกันตามมารยาทแล้ว ค่อยพบว่า หล่อนเป็นเพื่อนใหม่ที่น่าคบหาไม่น้อย
ครูสาวท่านหนึ่ง ซึ่งบุหลันแนะนำว่าชื่อราตรี ก้าวเข้ามาพร้อมตำราสองสามเล่มในมือ ท่านสวมแว่นสายตาหนาเตอะ อายุไม่น่าจะเกินสามสิบห้า ผมยาวสีน้ำตาลรวบเรียบร้อยด้วยโบสีดำ หล่อนได้รับมอบหมายจากครูใหญ่ ให้แนะนำนิสากับเพื่อนร่วมชั้น ก่อนที่ท่านจะเอ่ยกระไร หนุ่มน้อยร่างสูงโย่ง เจ้าของฉายาจอมเกเรประจำหมู่บ้าน พลันปรากฏตัวก้าวเข้ามาเงียบ ๆ
ร่างสูงผ่านนิสาไปอย่างเฉยเมย ที่นั่งของเขาอยู่เกือบหลังห้อง มีโต๊ะเพียงตัวเดียวสำหรับจอมเกเร บุคคลอันตราย ไม่มีใครต้องการคบหาสมาคมด้วย
เมื่อครูสาวเรียกเธอออกไปยืนหน้าชั้น พลางกล่าวแนะนำให้เพื่อนร่วมชั้นรู้จัก หากแค่แนะนำชื่อ คงไม่กระไรนัก ทว่า..ครูสาวจำเพาะต้องเอ่ยอ้างว่าเธอเป็นหลานสาวคนสวยของผู้ใหญ่บ้าน ดวงตาเฉยเมยก่อนหน้านี้ พลันเปล่งแสงวาวขึ้น มุมปากคลี่ยิ้มเหยียดเยาะ ใบหน้าคมคายฉายความรู้สึกชัดแจ้งว่า..ชิงชัง
นิสาพยายามผูกไมตรี ด้วยการสบตาเย็นชาคู่นั้น โปรยยิ้มอ่อนหวาน หวังว่าความจริงใจของเธอ จะลบเลือนอคติฝังลึก ทว่า..ไร้ประโยชน์ หนุ่มน้อยไม่เพียงปฏิเสธไมตรีแบบไม่แยแส เขายังเมินหน้า ทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง
นิสากลับมานั่ง บุหลันสะกิดแล้วพยักเพยิดเป็นเชิงเตือนให้ระลึกถึงคำบอกเล่า และการคาดคะเนอันแม่นยำก่อนหน้านี้ เธอพยักหน้ารับ และเชื่อถือ ส่งยิ้มไม่สดใสนัก เรียนก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะสมาธิส่วนหนึ่ง แบ่งปันไปครุ่นคิดเกี่ยวกับการลบเลือนอคติในใจหนุ่มรูปหล่อ
ตอนเย็น โรงเรียนเลิกแล้ว บุหลันเดินคุยไปพลาง ตะโกนอำลาเพื่อนไปพลาง หล่อนเป็นสาวน้อยในหมู่บ้าน มีความสวยใส บริสุทธิ์ ดวงตากลมโต ผมยาวถัดเปียสองข้าง สวมชุดนักเรียนกลางเก่ากลางใหม่ บิดากับมารดา ทำงานในตัวเมือง กว่าจะกลับก็ค่ำมืด หล่อนเลยไม่ค่อยกระตือรือร้นกลับบ้าน
สาวน้อยในชุดกระโปรงสีขาวนวล ชะงักเท้าเล็กน้อย เพ่งมองเด็กสาวผมยาวประบ่า หน้าหวานใส ยิ้มละไม ดวงตาส่องเสน่ห์เร้นลึกเป็นประกาย หล่อนสามารถเข้าใกล้หนุ่มจอมเกเร โดยไม่เผชิญกับปฏิกิริยาต่อต้าน นิสาตั้งข้อสังเกตว่า ทั้งสองค่อนข้างสนิทสนม และคุ้นเคยกันเป็นพิเศษ
" ชื่อพรรณี " บุหลันเฉลยให้ฟัง "ลูกสาวคนเดียวของครูตาบ สวยที่สุดในหมู่บ้านเรา มีหนุ่ม ๆ ในหมู่บ้าน ในตัวเมือง ให้ความสนใจมากมาย แวะเวียนมาเกาะแกะให้เห็นก็หลายคนอยู่นะ แต่เป็นที่รู้ ๆ กันว่า ครูตาบหวงลูกสาวมาก กีดกันทุกวิถีทาง หนุ่มหน้าไหนก็เข้าไม่ถึง "
" ยกเว้นจอมเกเรของเธอล่ะสิ " นิสาคะเน บุหลันตีแขน ทำตาโต ร้องเอ็ดอึงว่า
" อย่ามาพูดส่งเดชนะ นายนั่นไม่เคยอยู่ในสารบบของฉันเลยสักนิด หน้าตาแบบนั้น นิสัยแบบนั้น ต่อให้เหลือเขาคนเดียวในโลก ฉันก็ยินดีจะครองความเป็นโสดไปจนตาย "
นิสาเผยยิ้มอ่อนหวาน ดวงตาสุกสกาวยังตรึงที่หนุ่มสาวคู่นั้น ต่างกระซิบกระซาบ หยอกล้อสนิทสนม ฝ่ายหญิงออกอาการขวยเขินบางครา ทุบตีต้นแขนบ้าง หยิกแก้มบ้าง โดยไม่รู้สึกตัวสักนิดว่า มีใครกำลังเฝ้าดูพฤติกรรมอย่างใส่ใจ
" ให้ฉันเดานะ สักวันครูตาบต้องเสียใจแน่ ๆ หากยังทำใจเย็น ปล่อยเจ้าหมอนั่นคลุกคลีใกล้ชิดลูกสาวต่อไป "
นิสาไม่เห็นด้วยนัก ตามสายตาที่เห็น เจ้าหมอนั่นมิได้เป็นฝ่ายคลุกคลีใกล้ชิด หากแต่อีกฝ่ายมีใจสนองตอบด้วย ไม่ต้องอธิบายให้ชัดเจนลงไปว่า สัมพันธ์ของทั้งสองลึกซึ้งเกินขอบเขตเพื่อน
บุหลันเจอเพื่อนสนิทสองสามคน ซึ่งเรียนต่างห้องกัน หล่อนเอ่ยขอตัวกับนิสา แล้วปลีกตัวไปอย่างร่าเริง ชีวิตของหล่อนดูเหมือนจะมีความสุขกับการพูดคุยไร้สาระไปวันหนึ่ง ๆ โดยเฉพาะเรื่องที่พูด มักจะพาดพิงถึงบุคคลอื่น
สาวน้อยกรายกลับมานั่งทำการบ้านในห้องเรียนตามลำพัง มีการบ้านอื่น ๆ อีกหลายชิ้น รอให้เธอสะสาง เนื่องมาจากเธอย้ายมาช้าเกินไป โรงเรียนเปิดเทอมเกือบสองเดือนแล้ว กว่าบิดาจะสะสางงานลงตัว แล้วย้ายมาประจำที่นี่ เวลาก็ล่วงเลยเกินการณ์ ปัญหาหนักอกเลยมาตกที่บุตรสาว
เวลาผ่านไปนานพอควร..สาวน้อยเงยหน้าจากกองสมุด แล้วพบว่าบรรยากาศภายในห้องเรียนขะมุกขมัว ยามมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีหม่นมัว ค่ำแล้ว..เธอรำพึงในใจ แล้วรีบเก็บสัมภาระกองใหญ่ หอบใส่อกลวก ๆ
เมื่อออกจากห้องมาถึงเชิงบันได เธอกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงมา และโดยไม่ทันระวัง จึงพุ่งชนกับบุคคลที่ก้าวสวนขึ้นมา ตำราหลายเล่มร่วงกรู พร้อมกับร่างน้อยเสียหลัก หงายหลังล้มกระแทกขั้นบันไดอย่างแรง เธอเปล่งเสียงอุทานเจ็บปวด นิ่วหน้าให้ฝ่ายนั้นแลเห็น แล้วสมน้ำหน้า
" เพาะนิสัยวางก้ามเสียจนเคยล่ะสิ เดินลำพองกร่างเสียจนมองไม่เห็นหัวชาวบ้าน "
" เธอพูดอะไร " นิสาร้องถามเสียงห้วน ยันกายลุกยืนได้เอง แม้จะเจ็บบริเวณบั้นเอวกับแผ่นหลัง " เธอเป็นฝ่ายโผล่มาชนฉันเอง ความจริงสิ่งที่เธอควรทำคือขอโทษ แล้วช่วยเก็บหนังสือให้ฉันต่างหาก "
สาวน้อยข่มความเจ็บ ก้มลงเก็บหนังสือหลายเล่ม ที่ร่วงหล่นตามขั้นบันได โดยมีหนุ่มร่างโย่งก้าวตามมาเฉย ๆ
" ลุงเธอไม่บอกหรือไงว่า แถวนี้มีอันธพาลออกหากินเวลาพระอาทิตย์ตก หน้าขาว ๆ หุ่นสวย ๆ แบบเธอ คงต้องใจพิลึก "
เขาหัวเราะในลำคอ ก่อนจะหมุนกายย้อนกลับขึ้นข้างบน นิสามองตามแล้วคาดเดาว่า เขาต้องลืมอะไรบางอย่างไว้ในห้อง ครั้นนึกได้ค่อยย้อนกลับมาเอา แต่เธอมิได้รอดูว่าสิ่งของที่ว่านั้นคืออะไร แม้เขาจะเปล่งวาจาไม่เป็นมิตร แต่สิ่งที่เขาบอก ก็ชวนให้น่าระแวงไม่น้อย เธอควรรีบกลับบ้านก่อนฟ้าจะมืดยิ่งขึ้น
วัยรุ่นในชุดยีนส์กลางเก่ากลางใหม่ เดินเกาะกลุ่มกันมา ส่งเสียงหัวเราะลั่นซอยเปลี่ยว นิสากลั้นหายใจ ทำใจดีสู้เสือ แสร้งเดินไม่รู้ไม่ชี้ แม้สองขาจะสั่นด้วยความหวาดหวั่น เธอหายใจไม่ทั่วท้อง ขณะยิ่งเดิน ยิ่งเข้าใกล้ แล้วพลันกลุ่มวัยรุ่นก็สร้างความตระหนกแก่เธอ ด้วยการกระจายออกโอบล้อมเธอไว้
" นึกว่าสาวสวยบ้านไหน..หลานสาวผู้ใหญ่นี่เอง จำพี่ได้ไหม เราพบกันแล้วตอนที่อาของพี่ขับรถไปรับน้องที่สถานีไงจ๊ะ พี่ยังช่วยหิ้วกระเป๋าให้น้องเลย ยังไม่ขอบใจพี่เลยนะจ๊ะ "
" ขอบใจ " เสียงสาวน้อยสั่นด้วยความกลัว เรียกเสียงหัวเราะก้องกังวานขึ้นในกลุ่ม
" ขอบใจอย่างเดียวเองหรือจ๊ะ มีอย่างอื่นไหม สักนิดสักหน่อย "
หัวโจกพยายามกระตุ้นความกลัวในใจ ด้วยการก้าวถลันเข้าใกล้ ยื่นหน้าเข้ามา หมายลวนลามพวงแก้มซีดขาว นิสารีบทรุดนั่งลง พร้อมกับหลับตากรีดร้อง
" พอแล้ว.. " กังวานทุ้มกะทันหันก้องกลางซอย นิสาถูกฉุดให้ลุกขึ้น เธอเกือบกรีดร้องอีกครั้ง หากแต่พอลืมตาแล้วพบว่า บุคคลนั้นคือนายทรัพย์ จอมเกเร ใจเธอจึงชื้นขึ้นมาเองโดยประหลาด
วัยรุ่นกลุ่มนั้น มองหน้ากันเองครู่หนึ่ง หัวโจกยักไหล่ยโสใส่จอมเกเร ก่อนจะเปล่งเสียงว่า ถอย..แล้วพาพรรคพวกผละไป นิสาถอนใจเฮือกยาว ความตระหนกตกใจจากเหตุการณ์ ยังนำพาความเลอะเลือนมาสู่ ตำราหลายเล่มยังกระจายเกลื่อนเต็มพื้น ร่างน้อยต้องซอยเท้าเร็วกว่าปกติ เป็นไปตามแรงฉุดลากของอีกฝ่าย จวบจนมองเห็นเรือนไม้ยกพื้นของผู้ใหญ่บ้าน เธอค่อยนึกได้ว่า ปล่อยให้นายทรัพย์ตะปบแขนไว้นานแล้ว ตอนนี้ก็รู้สึกเจ็บระบบ ร้าวไปทั่ว
" ปล่อยแขนฉันได้แล้ว ถึงบ้านลุงแล้ว คงไม่มีอะไรอันตรายอีก " เธอว่า แต่อดเหลียวหลังไปสำรวจความมืดไม่ได้ " พวกนั้นกลัวเธอหรือ "
" เปล่า..ความจริงพวกเขาแค่ล้อเธอเล่น ใครที่ไหนจะกล้าหาญชาญชัย ข้องแวะกับว่านเครือผู้ใหญ่ "
" หมายความว่ายังไง "
หนุ่มจอมเกเรยักไหล่ ปรายตามองคู่สนทนาอย่างชิงชัง หน้าตาเธอก็สะสวย เหมาะสมจะเป็นสาวชาวกรุง บางทีเธออาจจะอึดอัดเอาการ กับการย้ายที่เรียน มาหมกอยู่ในโรงเรียนเล็ก ๆ กลางหมู่บ้าน ซึ่งห่างไกลตัวเมือง และความเจริญทางเทคโนโลยี เขาอาจให้ความช่วยเหลือ หรือแนะนำการปรับตัวให้เข้ากับสถานที่แห่งใหม่ หากเพียงแต่เธอไม่มีส่วนเกี่ยวดองเป็นเครือญาติของผู้ใหญ่บ้าน..ใช่ล่ะ เธอไม่มีความผิด แต่เขาเกลียดเธอ เกลียดทุกคนที่เกี่ยวข้องกับผู้ใหญ่บ้าน..
" เดี๋ยว นายทรัพย์.. " นิสารีบเรียก เมื่อร่างสูงก้าวผละไปเงียบ ๆ ปราศจากคำอธิบายใด ๆ " ฉันขอบใจที่เข้ามาช่วย "
" ไม่ต้อง " อีกฝ่ายไม่รับตามเคย " เก็บไว้หว่านกับคนอื่น ฉันแค่ไม่ต้องการให้เพื่อนฉันเดือดร้อน เพราะลุงเธอ ต้องวางก้ามไปเอาเรื่องแน่ ๆ แล้วน้ำหน้าอย่างเธอ เรื่องไม่แล่นไปฟ้อง ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เลิกคิดว่าฉันหวังดี ตามไปช่วย..เพราะมันเป็นความคิดที่ผิดถนัด "
อะไรกัน..นิสาขึงตาวาววับใส่เงาหลังที่ค่อยกลืนเข้าไปในความมืด เธอทำอะไรผิด เหตุใดเขาจึงตั้งหน้าตั้งตาเป็นอริอย่างไร้เหตุผล หากเรื่องที่บุหลันเล่ามาเป็นความจริงทั้งหมด แล้วเป็นความผิดของเธอด้วยหรือไร หน้าตาดี แต่ไร้หัวคิดชะมัด เธอด่าในใจ..ก่อนเข้าบ้าน
มารดาตบอกโล่งใจทันทีที่เห็นสาวน้อยกลับมา ท่านร้องเอ็ดเสียงขรม อะไรก็ไม่ทราบ นิสาไม่สนใจฟัง เธอปลีกตัวเข้าห้อง นั่งเงียบ ๆ บนเตียง ครุ่นคิดถึงอคติฝังใจของหนุ่มจอมเกเร บางทีมารดาอาจรู้รายละเอียดกว่าที่บุหลันเล่าให้ฟัง เธอจะลองไปเลียบเคียงถามดูหน่อย
" ลุงแกน่ะ ร้ายกาจจะตาย " มารดาเล่ายิ้ม ๆ ทำท่าทบทวนเหตุการณ์ในอดีต ลำดับเรื่องราวช้า ๆ " เท่าที่รู้มา แม่ของเจ้าทรัพย์น่ะ ขึ้นชื่อว่าสวยชนิดหาตัวจับยาก ลุงแกน่ะแอบหลงรัก ลืมหูลืมตาไม่ขึ้น งัดวิชาเจ้าชู้ยักษ์มาใช้จนหมดทุกตำรา ก็ไม่สามารถเอาชนะใจสาวสวยได้ นอกจากไม่สำเร็จแล้ว ยังช้ำใจ อับอายหนักไปกว่า เมื่อสาวเจ้าเข้าพิธีแต่งงานกับพ่อของเจ้าทรัพย์ "
" ลุงอกหักยับเยินสิคะ " เธอคะเนอย่างเข้าใจ มารดายิ้ม พลางผงกศีรษะยอมรับ แล้วเล่าต่อว่า
" ตอนนั้นลุงแกน่ะ ยังไม่เป็นผู้ใหญ่บ้าน แต่เป็นลูกชายคนโต เลยได้รับการตามอกตามใจจนเสียนิสัย แพ้ไม่รู้จักแพ้ คอยหาทางกลั่นแกล้งพ่อเจ้าทรัพย์อยู่เสมอ ทำมาหากินก็ลำบาก เพราะลุงแกปิดหนทางไปเสียหมด สุดท้าย หลังจากได้ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านได้ไม่นาน ก็วางแผนล่อให้พ่อเจ้าทรัพย์เข้าป่าไปล่าเสือ "
" แล้วพ่อเขาก็ถูกเสือฆ่าตาย " เธอเดาอย่างตื่นเต้น
" แกฟังแล้วอย่าเอ็ดไป " มารดาลดเสียงลง " ชาวบ้านลือให้แซ่ดว่า ลุงแกน่ะแหละเป็นคนยิงพ่อเจ้าทรัพย์ แล้วโยนบาปไปให้เสือเคราะห์ร้ายตัวนั้น อ้างข้าง ๆ คู ๆ ว่า เสือวิ่งเร็ว เลยยิงพลาดเป้า ไม่มีใครหลงคำโป้ปดมดเท็จของลุงแกหรอก แต่ไม่รู้จะคัดค้านหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวทำไม เรื่องก็เลยค่อย ๆ เงียบไป คนอื่นพากันลืมไปหมดแล้ว จะมีก็แต่เจ้าทรัพย์ที่ยังอาฆาตพยาบาทลุงแกจนถึงเดี๋ยวนี้ "
ซึ่งก็ไม่ใช่ความผิดของเขาใช่ไหม..สาวน้อยกลับมายังห้องพักของตน พลางทอดกายอ้อยอิ่ง เหม่อลอยครุ่นคิดถึงเรื่องราวแต่หนหลัง นำมาเชื่อมกับเหตุปัจจุบัน ทรัพย์ช่างน่าสงสาร เขากำพร้าบิดา เพราะน้ำมือของลุงผู้ใหญ่ สมควรให้เขาคลั่งแค้น ผูกพยาบาท และตั้งป้อมเป็นศัตรูกับทุกคนที่เกี่ยวดองเป็นว่านเครือ หรือแม้กระทั่งเธอเอง มีทางใดบ้างหนอ สามารถนำเธอให้เข้าใกล้ตัวเขามากที่สุด เพื่อให้เธอได้มีโอกาสชดเชยในสิ่งที่เขาขาดแคลน อย่างน้อยก็..ความรักและความอบอุ่นจากบิดา..
ด้วยปณิธานแน่วแน่..นิสาจึงมาปรากฎตัวหน้าบ้านของเด็กหนุ่มตั้งแต่เช้าตรู่ หมอกสีขาวยังลอยเหนือพื้นหญ้า เผยความละมุนกลางแดดอุ่น เธอคลี่ยิ้มกว้าง หมายมั่นเอาชนะใจฝ่ายตรงข้ามด้วย..ใจ
" ฉันกลัว ไม่กล้าเดินไปโรงเรียน เลยแวะมาชวนเธอเดินไปเป็นเพื่อน "
" ทำไมฉันต้องช่วยเหลือเธอ " อีกฝ่ายตั้งป้อมยักท่า เสียงปฏิเสธไร้น้ำใจแข็งกระด้างเชียว
มารดาหม้ายของทรัพย์ โผล่หน้ามาให้ยลโฉม นิสายังแลเห็นเค้าความงามชนิดหาตัวจับยากที่ยังหลงเหลือบนกรอบหน้าหม่นหมอง ริ้วรอยแห่งวัยบดบังความสวยเสียส่วนหนึ่ง ไม่แปลกใจว่า เหตุใดลุงของเธอ จึงกระทำการบุ่มบ่าม ก่อบาปรัก และจุดไฟแค้น ให้โชติช่วงมานานนับปี
" เข้ามานั่งในบ้านก่อนสิแม่หนู ทรัพย์..ชวนเพื่อนมากินข้าวเช้าด้วยกันก่อนไปโรงเรียน "
" ขอบคุณค่ะป้าดอกไม้ "
หนุ่มหน้างอ เลิกคิ้ว เผยอริมฝีปากคล้ายจะกล่าวห้ามหรือคัดค้าน แต่ไม่ทันการณ์ นิสารีบเบี่ยงตัวผ่านช่องแคบ ๆ ระหว่างประตูกับกายสูงของจอมเกเร เข้ามานั่งประจบประแจงคนแก่ รีบกุลีกุจอตักข้าวใส่จาน ไม่ถือตัวว่าตนเป็นสาวชาวกรุง ยอมนั่งแหมะลงกับพื้นที่ปูลาดด้วยเสื่อผืนเก่า ๆ
" กับข้าวพื้น ๆ ทั้งนั้นนะแม่หนู ได้ยินว่าเป็นหลานสาวผู้ใหญ่ เพิ่งย้ายมาอยู่ใช่ไหม เคยอยู่แต่ในเมือง กินของดี ๆ .. "
" แม่.. " ทรัพย์รีบขัด เขายอมกลับมานั่งข้างแม่ตัวดีอย่างจำใจ ปรายตาชิงชังมองแว่บ ก่อนเอ่ยตีวัวกระทบคราดกับมารดาว่า " อย่ากังวลกับคนในเมืองให้มากนัก เราไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองกับลูกหลานท่านพระยา ถึงจะเป็นนักการเมืองใหญ่โต แต่ลองว่ามาซุกหัวอยู่ถึงนี่ แสดงว่าดีไม่จริง "
" ทรัพย์ "
มารดากระแอม แล้วเรียกชื่อบุตรชายด้วยเสียงกำหราบ เขาหุบปากสนิท ก้มหน้านิ่ง นิสาลอบยิ้ม พร้อมกับเลิกเชื่อถือคำบอกเล่าเกินจริงของบุหลัน หนุ่มรูปงามตรงหน้าเธอ นอกจากไม่แสดงกิริยาเกเร หยาบคาย ยังเต็มไปด้วยความเรียบร้อย เคารพนบน้อม รู้มารยาท..
" เราพอจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับมรสุมการเมืองที่พ่อของแม่หนูกำลังเผชิญอยู่บ้างเหมือนกัน เสียใจด้วยที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ อย่าถือสาคำพูดของทรัพย์เลยนะแม่หนู เขาไม่มีเจตนาซ้ำเติมหรือถากถางแม่หนูหรอก "
" หนูทราบดีค่ะป้าดอกไม้ ทราบว่าเขาใจดีแต่ปากร้าย "
โดยเหน็บแนมต่อหน้ามารดา อีกฝ่ายได้เปรียบชิงชัง ยิ้มเยาะหยัน เย้ายั่ว เพราะถือดีว่ามีมารดาคอยกันท่า จอมเกเรตอบโต้ได้ไม่ถนัดนัก นิสาจึงเห็นแค่ดวงตาลุกวาว ถลึงดุร้าย บางที เขาคงกำลังด่านิสาก็ได้ว่าปากเสีย..
รอจนออกจากบ้าน เดินไกลจากตัวบ้านพอสมควร ทรัพย์ค่อยคิดบัญชี เขาหยุดเดินกะทันหัน นิสาเดินตามหลังมาในระยะกระชันชิด จึงชนแผ่นหลังเขาเต็มแรง เขาไม่สนใจ แต่ยังรีบคว้าแขนเพื่อประคองไม่ให้อีกฝ่ายล้มหงายไปข้างหลัง
" คราวหน้า ไม่ต้องไปที่บ้านฉันอีก ฉันไม่ต้อนรับพรรคพวกของผู้ใหญ่ "
โผงผางไม่เกรงใจ ทุกถ้อยคำเปล่งด้วยน้ำเสียงห้วน กระด้าง และไร้ไมตรีที่ควรมี ร่างสูงหมุนกลับ ก้าวเดินต่อไป แต่แล้วพลันหยุดกึกลงอีกครั้ง เมื่อได้ยินฝ่ายนั้นย้อนมาว่า
" เกรงใจใครบางคน หรือกลัวไปว่าใครบางคนจะเข้าใจผิดกันแน่ "
เขาหมุนกายกลับมาจ้องตาคนพูด ตอนแรกก็งงว่าหมายถึงอะไร แต่ครั้นกวาดตามองตามสายตาฝ่ายนั้น ค่อยพบว่าพรรณีกำลังมุ่งหน้าตรงมา จึงค่อยเข้าใจ..
นิสาไม่ถึงกับไร้เหตุผล เพราะทรัพย์เกิดอาการหายใจไม่ทั่วท้อง ทันทีที่พรรณีมองเขาอย่างสำรวจ สลับกับพินิจพิศเพ่งนิสาอย่างเคลือบแคลง เขาลืมตัวด้วยเกรงสาวสวยเข้าใจผิดจริง ๆ จึงลากแขนหล่อนพาห่างนิสาไปไกล ค่อยยื่นหน้ากระซิบกระซาบด้วยความสนิทชิดเชื้อ
ทั้งสองแยกทางกันบริเวณปากทางเข้าโรงเรียน นิสาก้าวตามมาช้า ๆ เธอรอจนเงาหลังสาวสวยหายลับไปจากครองจักษุ ค่อยปรารภลอย ๆ เข้าหูทรัพย์ว่า
" ได้ยินว่าครูตาบหวงลูกสาวราวกับไข่ในหิน ฉันมองเห็นอุปสรรควางเกะกะเต็มไปหมด เส้นทางรักของเธอ มันช่างวิบากเสียนี่กระไร แน่ใจหรือ..ว่ารักของนายจะราบรื่น ตลอดรอดฝั่ง "
ทรัพย์ไม่นิยมผู้หญิงปากมาก โดยเฉพาะกิริยาลอยหน้าลอยตา ให้ท่าผู้ชายแบบที่นิสากำลังทำอยู่ ยิ่งดูยิ่งขัดตา เขาหยุดเดินเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบในเช้านี้ พลางหรี่ตามองผู้หญิงปากเสียนิ่งอยู่ ก่อนเปรยลอย ๆ ว่า
" หากมันจะไม่ตลอดรอดฝั่ง ก็เห็นว่ามีปีศาจสาวปากเสีย ๆ ตนหนึ่ง กำลังแหกปากสาปแช่ง ตามนิสัยริษยา แต่ฉันกล้ายืนยันได้ว่า มันจะไม่ล่มเพราะครูตาบแน่นอน ไป..ไปผุดไปเกิดในนรกขุมไหนกก็ได้ แม่ลูกสาวนักการเมืองไร้บัลลังก์ "
ปากร้ายเสียด้วย..นิสายิ้มรับสำเนียงห้วนหยาบ เขาจงใจใช้วาจาเชือดเฉือน เพื่อกระตุ้นไฟโกรธให้ลุกฮือ นิสาจะได้เลิกวุ่นวายกับเขาเสียที น่าเสียดาย..ทรัพย์ไม่เคยล่วงรู้ปณิธานแน่วแน่ของเธอ ดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขากระทำลงไป จึงไม่ต่างจากการถมทรายลงในทะเล นิสาหาได้รู้ร้อนรู้หนาว หรือแม้แต่จะคิดเคืองขุ่นสักนิด ก็หาไม่..
ตลอดเวลาในห้องเรียน บุหลันสังเกตพบว่า นิสาไม่ค่อยตั้งใจฟังคำสอนของครูนัก เธอมัวแต่ชำเลืองแลหนุ่มจอมเกเร ซึ่งละทิ้งการเรียนเช่นเดียวกัน ใบหน้าหล่อขรึมแกมเศร้า หันไปทางหน้าต่าง ดวงตาเข้มดุร้ายเป็นนิจ ทอดจับภาพทิวเขาสูงสลับซับซ้อน ริมฝีปากซึ่งมักจะเม้มเข้าหากันหลายครั้ง ยิ่งทำให้นิสารับรู้ว่า เขากำลังมีเรื่องครุ่นคิดอยู่ภายใน..
พอถึงเวลาเลิกเรียน สาวน้อยรีบวิ่งตัวปลิว มาดักรอเด็กหนุ่มบริเวณประตูทางออก ซ่อนความขบขันไว้ภายใต้สีหน้าทะเล้น ทรัพย์ถอนใจ ขมวดคิ้ว แสดงท่าทางรำคาญเปิดเผย เขาส่ายหน้ากัดปากหงุดหงิด เมื่อฟังอีกฝ่ายตอแยว่า
" ฉันมารอกลับบ้านพร้อมกัน ก็ฉันยังไม่หายกลัว "
" แต่ฉันไม่สนใจความกลัวจอมปลอมของเธอ ฉันมารอพรรณี ไสหัวไป "
นิสาตั้งท่าจะก่อกวน หากทว่า..ทำได้แค่คิด เพราะพรรณีปรากฏตัวขึ้นทางด้านหนึ่ง หล่อนส่งยิ้มลึกซึ้งให้เด็กหนุ่ม หาได้สนใจนิสาที่ยืนหน้าแห้ง ยิ้มเจื่อน ตรึงนิ่งอยู่กับที่ ได้แต่เบิ่งตามองหนุ่มสาวจูงมือ เดินกระหนุงกระหนิง ฝ่ายชายดูเหมือนนิยมชมชอบการยื่นหน้าเข้าใกล้ กระซิบกระซาบรักใคร่ ฝ่ายหญิงก็แก้ขวยเขินด้วยการทุบตีไม่จริงจัง แลไปน่าอิจฉา..
เด็กหนุ่มวัยสิบแปดเศษ ๆ ก้าวยาว ๆ ผ่านซุ้มไม้สำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจของนักเรียนระดับมัธยมปลาย ซึ่งขณะนี้มีนักเรียนชายหญิง นั่งสนทนากันประปราย สีหน้าของเด็กหนุ่มขุ่นขึ้ง กิริยาการเดินค่อนข้างหุนหัน บอกอารมณ์โกรธที่คุกรุ่นอยู่ภายใน
" นั่นน่ะ..นายทรัพย์ จอมเกเรประจำโรงเรียน คนในหมู่บ้านไม่ค่อยชอบหน้าเขา เธอเพิ่งจะย้ายมาอยู่ที่นี่ ยังไม่รู้จักอุปนิสัยใจคอเขาอย่างถ่องแท้ ควรระวังตัว และอยู่ให้ห่างเขาให้มากที่สุด ยิ่งไกลเท่าไหร่ยิ่งดี ฉันเตือนด้วยความหวังดี "
สาวน้อยในชุดกระโปรงสีขาวนวล พยักหน้ารับคำ ขณะกวาดตามองเงาหลังของเด็กหนุ่มผู้ถูกกล่าวถึงในทางลบอย่างพิจารณาและสนใจ บุหลันยังกระซิบข้างหูต่อไปอีกว่า
" สงสัยจะโดนครูตาบทำโทษเอาอีก ถึงได้หน้างอเป็นม้าหมากรุกแบบนั้น " หล่อนหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะปรารภว่า " ยังดีว่า หมู่บ้านเรามีครูตาบเป็นที่พึ่ง โดยเฉพาะเจ้าโย่งจอมเกเรน่ะ ทั้งกลัว ทั้งเกรง ครูตาบเป็นที่สุด ไม่มีใครปราบพยศร้ายของเจ้าหมอนี่ได้เลย นอกจากครูตาบคนเดียว "
หน้าตาหล่อเหลาไม่เบา เด็กสาวในชุดกระโปรงสีขาวนวลกลับไพล่คิดไปอีกเรื่อง เธอเห็นหน้าเขาแว่บเดียวในจังหวะที่เขาก้าวผ่าน ลำคอตั้งตรง หน้าตรง แน่วแน่ ตัวสูงโย่งและเดินได้เร็วมาก
" หากเขารู้ว่าเธอเป็นหลานสาวผู้ใหญ่บ้านล่ะก็ ฉันรับรองว่าหน้าเธอเขาไม่มีทางแล เขาเกลียดลุงกับป้าของเธอ เกลียดแบบเข้ากระดูกดำ "
อ้าว..คำบอกเล่าตรงนี้น่าสนใจกว่าเสียแล้ว นิสาดึงสายตากลับจากร่างสูงโย่งที่ห่างออกไปเกือบถึงรั้วโรงเรียนแล้ว พร้อมกับเอ่ยถามอย่างสงสัยว่า
" ทำไมเป็นแบบนั้น ลุงกับป้าไปทำอะไรให้เขารู้สึกอย่างนั้น "
" ฉันก็ไม่รู้รายละเอียดนักหรอก แต่ฟังผู้ใหญ่เล่าต่อ ๆ กันมาน่ะ นายทรัพย์น่ะ ฝังใจว่าลุงของเธอ เป็นต้นเหตุทำให้พ่อเขาต้องตาย ทำให้แม่เขาต้องกลายเป็นหม้าย ทำให้เขาต้องกำพร้าพ่อ "
นิสากระพริบตาฟังอย่างสนใจ แววตากระตือรือร้น ออกน่าเสียดายไม่น้อย หากต้องเป็นอริกับหนุ่มรูปหล่อ มาดเข้ม โดยมีสาเหตุมาจากบุคคลรุ่นก่อน
เสียงสัญณาณหมดเวลาพักย่อยดังขึ้น นักเรียนทุกกลุ่มกระวีดกระวาดกลับเข้าห้องเรียน บุหลันจูงมือนิสาพาไปยังห้องเรียน เธอเพิ่งจะมาถึงวันนี้ ยังไม่รู้จักใคร คนแรกที่เธอพบและรู้จักก็คือบุหลัน หล่อนมีมนุษยสัมพันธ์ดี ต้อนรับเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หลังจากพูดคุยกันตามมารยาทแล้ว ค่อยพบว่า หล่อนเป็นเพื่อนใหม่ที่น่าคบหาไม่น้อย
ครูสาวท่านหนึ่ง ซึ่งบุหลันแนะนำว่าชื่อราตรี ก้าวเข้ามาพร้อมตำราสองสามเล่มในมือ ท่านสวมแว่นสายตาหนาเตอะ อายุไม่น่าจะเกินสามสิบห้า ผมยาวสีน้ำตาลรวบเรียบร้อยด้วยโบสีดำ หล่อนได้รับมอบหมายจากครูใหญ่ ให้แนะนำนิสากับเพื่อนร่วมชั้น ก่อนที่ท่านจะเอ่ยกระไร หนุ่มน้อยร่างสูงโย่ง เจ้าของฉายาจอมเกเรประจำหมู่บ้าน พลันปรากฏตัวก้าวเข้ามาเงียบ ๆ
ร่างสูงผ่านนิสาไปอย่างเฉยเมย ที่นั่งของเขาอยู่เกือบหลังห้อง มีโต๊ะเพียงตัวเดียวสำหรับจอมเกเร บุคคลอันตราย ไม่มีใครต้องการคบหาสมาคมด้วย
เมื่อครูสาวเรียกเธอออกไปยืนหน้าชั้น พลางกล่าวแนะนำให้เพื่อนร่วมชั้นรู้จัก หากแค่แนะนำชื่อ คงไม่กระไรนัก ทว่า..ครูสาวจำเพาะต้องเอ่ยอ้างว่าเธอเป็นหลานสาวคนสวยของผู้ใหญ่บ้าน ดวงตาเฉยเมยก่อนหน้านี้ พลันเปล่งแสงวาวขึ้น มุมปากคลี่ยิ้มเหยียดเยาะ ใบหน้าคมคายฉายความรู้สึกชัดแจ้งว่า..ชิงชัง
นิสาพยายามผูกไมตรี ด้วยการสบตาเย็นชาคู่นั้น โปรยยิ้มอ่อนหวาน หวังว่าความจริงใจของเธอ จะลบเลือนอคติฝังลึก ทว่า..ไร้ประโยชน์ หนุ่มน้อยไม่เพียงปฏิเสธไมตรีแบบไม่แยแส เขายังเมินหน้า ทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง
นิสากลับมานั่ง บุหลันสะกิดแล้วพยักเพยิดเป็นเชิงเตือนให้ระลึกถึงคำบอกเล่า และการคาดคะเนอันแม่นยำก่อนหน้านี้ เธอพยักหน้ารับ และเชื่อถือ ส่งยิ้มไม่สดใสนัก เรียนก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะสมาธิส่วนหนึ่ง แบ่งปันไปครุ่นคิดเกี่ยวกับการลบเลือนอคติในใจหนุ่มรูปหล่อ
ตอนเย็น โรงเรียนเลิกแล้ว บุหลันเดินคุยไปพลาง ตะโกนอำลาเพื่อนไปพลาง หล่อนเป็นสาวน้อยในหมู่บ้าน มีความสวยใส บริสุทธิ์ ดวงตากลมโต ผมยาวถัดเปียสองข้าง สวมชุดนักเรียนกลางเก่ากลางใหม่ บิดากับมารดา ทำงานในตัวเมือง กว่าจะกลับก็ค่ำมืด หล่อนเลยไม่ค่อยกระตือรือร้นกลับบ้าน
สาวน้อยในชุดกระโปรงสีขาวนวล ชะงักเท้าเล็กน้อย เพ่งมองเด็กสาวผมยาวประบ่า หน้าหวานใส ยิ้มละไม ดวงตาส่องเสน่ห์เร้นลึกเป็นประกาย หล่อนสามารถเข้าใกล้หนุ่มจอมเกเร โดยไม่เผชิญกับปฏิกิริยาต่อต้าน นิสาตั้งข้อสังเกตว่า ทั้งสองค่อนข้างสนิทสนม และคุ้นเคยกันเป็นพิเศษ
" ชื่อพรรณี " บุหลันเฉลยให้ฟัง "ลูกสาวคนเดียวของครูตาบ สวยที่สุดในหมู่บ้านเรา มีหนุ่ม ๆ ในหมู่บ้าน ในตัวเมือง ให้ความสนใจมากมาย แวะเวียนมาเกาะแกะให้เห็นก็หลายคนอยู่นะ แต่เป็นที่รู้ ๆ กันว่า ครูตาบหวงลูกสาวมาก กีดกันทุกวิถีทาง หนุ่มหน้าไหนก็เข้าไม่ถึง "
" ยกเว้นจอมเกเรของเธอล่ะสิ " นิสาคะเน บุหลันตีแขน ทำตาโต ร้องเอ็ดอึงว่า
" อย่ามาพูดส่งเดชนะ นายนั่นไม่เคยอยู่ในสารบบของฉันเลยสักนิด หน้าตาแบบนั้น นิสัยแบบนั้น ต่อให้เหลือเขาคนเดียวในโลก ฉันก็ยินดีจะครองความเป็นโสดไปจนตาย "
นิสาเผยยิ้มอ่อนหวาน ดวงตาสุกสกาวยังตรึงที่หนุ่มสาวคู่นั้น ต่างกระซิบกระซาบ หยอกล้อสนิทสนม ฝ่ายหญิงออกอาการขวยเขินบางครา ทุบตีต้นแขนบ้าง หยิกแก้มบ้าง โดยไม่รู้สึกตัวสักนิดว่า มีใครกำลังเฝ้าดูพฤติกรรมอย่างใส่ใจ
" ให้ฉันเดานะ สักวันครูตาบต้องเสียใจแน่ ๆ หากยังทำใจเย็น ปล่อยเจ้าหมอนั่นคลุกคลีใกล้ชิดลูกสาวต่อไป "
นิสาไม่เห็นด้วยนัก ตามสายตาที่เห็น เจ้าหมอนั่นมิได้เป็นฝ่ายคลุกคลีใกล้ชิด หากแต่อีกฝ่ายมีใจสนองตอบด้วย ไม่ต้องอธิบายให้ชัดเจนลงไปว่า สัมพันธ์ของทั้งสองลึกซึ้งเกินขอบเขตเพื่อน
บุหลันเจอเพื่อนสนิทสองสามคน ซึ่งเรียนต่างห้องกัน หล่อนเอ่ยขอตัวกับนิสา แล้วปลีกตัวไปอย่างร่าเริง ชีวิตของหล่อนดูเหมือนจะมีความสุขกับการพูดคุยไร้สาระไปวันหนึ่ง ๆ โดยเฉพาะเรื่องที่พูด มักจะพาดพิงถึงบุคคลอื่น
สาวน้อยกรายกลับมานั่งทำการบ้านในห้องเรียนตามลำพัง มีการบ้านอื่น ๆ อีกหลายชิ้น รอให้เธอสะสาง เนื่องมาจากเธอย้ายมาช้าเกินไป โรงเรียนเปิดเทอมเกือบสองเดือนแล้ว กว่าบิดาจะสะสางงานลงตัว แล้วย้ายมาประจำที่นี่ เวลาก็ล่วงเลยเกินการณ์ ปัญหาหนักอกเลยมาตกที่บุตรสาว
เวลาผ่านไปนานพอควร..สาวน้อยเงยหน้าจากกองสมุด แล้วพบว่าบรรยากาศภายในห้องเรียนขะมุกขมัว ยามมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีหม่นมัว ค่ำแล้ว..เธอรำพึงในใจ แล้วรีบเก็บสัมภาระกองใหญ่ หอบใส่อกลวก ๆ
เมื่อออกจากห้องมาถึงเชิงบันได เธอกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงมา และโดยไม่ทันระวัง จึงพุ่งชนกับบุคคลที่ก้าวสวนขึ้นมา ตำราหลายเล่มร่วงกรู พร้อมกับร่างน้อยเสียหลัก หงายหลังล้มกระแทกขั้นบันไดอย่างแรง เธอเปล่งเสียงอุทานเจ็บปวด นิ่วหน้าให้ฝ่ายนั้นแลเห็น แล้วสมน้ำหน้า
" เพาะนิสัยวางก้ามเสียจนเคยล่ะสิ เดินลำพองกร่างเสียจนมองไม่เห็นหัวชาวบ้าน "
" เธอพูดอะไร " นิสาร้องถามเสียงห้วน ยันกายลุกยืนได้เอง แม้จะเจ็บบริเวณบั้นเอวกับแผ่นหลัง " เธอเป็นฝ่ายโผล่มาชนฉันเอง ความจริงสิ่งที่เธอควรทำคือขอโทษ แล้วช่วยเก็บหนังสือให้ฉันต่างหาก "
สาวน้อยข่มความเจ็บ ก้มลงเก็บหนังสือหลายเล่ม ที่ร่วงหล่นตามขั้นบันได โดยมีหนุ่มร่างโย่งก้าวตามมาเฉย ๆ
" ลุงเธอไม่บอกหรือไงว่า แถวนี้มีอันธพาลออกหากินเวลาพระอาทิตย์ตก หน้าขาว ๆ หุ่นสวย ๆ แบบเธอ คงต้องใจพิลึก "
เขาหัวเราะในลำคอ ก่อนจะหมุนกายย้อนกลับขึ้นข้างบน นิสามองตามแล้วคาดเดาว่า เขาต้องลืมอะไรบางอย่างไว้ในห้อง ครั้นนึกได้ค่อยย้อนกลับมาเอา แต่เธอมิได้รอดูว่าสิ่งของที่ว่านั้นคืออะไร แม้เขาจะเปล่งวาจาไม่เป็นมิตร แต่สิ่งที่เขาบอก ก็ชวนให้น่าระแวงไม่น้อย เธอควรรีบกลับบ้านก่อนฟ้าจะมืดยิ่งขึ้น
วัยรุ่นในชุดยีนส์กลางเก่ากลางใหม่ เดินเกาะกลุ่มกันมา ส่งเสียงหัวเราะลั่นซอยเปลี่ยว นิสากลั้นหายใจ ทำใจดีสู้เสือ แสร้งเดินไม่รู้ไม่ชี้ แม้สองขาจะสั่นด้วยความหวาดหวั่น เธอหายใจไม่ทั่วท้อง ขณะยิ่งเดิน ยิ่งเข้าใกล้ แล้วพลันกลุ่มวัยรุ่นก็สร้างความตระหนกแก่เธอ ด้วยการกระจายออกโอบล้อมเธอไว้
" นึกว่าสาวสวยบ้านไหน..หลานสาวผู้ใหญ่นี่เอง จำพี่ได้ไหม เราพบกันแล้วตอนที่อาของพี่ขับรถไปรับน้องที่สถานีไงจ๊ะ พี่ยังช่วยหิ้วกระเป๋าให้น้องเลย ยังไม่ขอบใจพี่เลยนะจ๊ะ "
" ขอบใจ " เสียงสาวน้อยสั่นด้วยความกลัว เรียกเสียงหัวเราะก้องกังวานขึ้นในกลุ่ม
" ขอบใจอย่างเดียวเองหรือจ๊ะ มีอย่างอื่นไหม สักนิดสักหน่อย "
หัวโจกพยายามกระตุ้นความกลัวในใจ ด้วยการก้าวถลันเข้าใกล้ ยื่นหน้าเข้ามา หมายลวนลามพวงแก้มซีดขาว นิสารีบทรุดนั่งลง พร้อมกับหลับตากรีดร้อง
" พอแล้ว.. " กังวานทุ้มกะทันหันก้องกลางซอย นิสาถูกฉุดให้ลุกขึ้น เธอเกือบกรีดร้องอีกครั้ง หากแต่พอลืมตาแล้วพบว่า บุคคลนั้นคือนายทรัพย์ จอมเกเร ใจเธอจึงชื้นขึ้นมาเองโดยประหลาด
วัยรุ่นกลุ่มนั้น มองหน้ากันเองครู่หนึ่ง หัวโจกยักไหล่ยโสใส่จอมเกเร ก่อนจะเปล่งเสียงว่า ถอย..แล้วพาพรรคพวกผละไป นิสาถอนใจเฮือกยาว ความตระหนกตกใจจากเหตุการณ์ ยังนำพาความเลอะเลือนมาสู่ ตำราหลายเล่มยังกระจายเกลื่อนเต็มพื้น ร่างน้อยต้องซอยเท้าเร็วกว่าปกติ เป็นไปตามแรงฉุดลากของอีกฝ่าย จวบจนมองเห็นเรือนไม้ยกพื้นของผู้ใหญ่บ้าน เธอค่อยนึกได้ว่า ปล่อยให้นายทรัพย์ตะปบแขนไว้นานแล้ว ตอนนี้ก็รู้สึกเจ็บระบบ ร้าวไปทั่ว
" ปล่อยแขนฉันได้แล้ว ถึงบ้านลุงแล้ว คงไม่มีอะไรอันตรายอีก " เธอว่า แต่อดเหลียวหลังไปสำรวจความมืดไม่ได้ " พวกนั้นกลัวเธอหรือ "
" เปล่า..ความจริงพวกเขาแค่ล้อเธอเล่น ใครที่ไหนจะกล้าหาญชาญชัย ข้องแวะกับว่านเครือผู้ใหญ่ "
" หมายความว่ายังไง "
หนุ่มจอมเกเรยักไหล่ ปรายตามองคู่สนทนาอย่างชิงชัง หน้าตาเธอก็สะสวย เหมาะสมจะเป็นสาวชาวกรุง บางทีเธออาจจะอึดอัดเอาการ กับการย้ายที่เรียน มาหมกอยู่ในโรงเรียนเล็ก ๆ กลางหมู่บ้าน ซึ่งห่างไกลตัวเมือง และความเจริญทางเทคโนโลยี เขาอาจให้ความช่วยเหลือ หรือแนะนำการปรับตัวให้เข้ากับสถานที่แห่งใหม่ หากเพียงแต่เธอไม่มีส่วนเกี่ยวดองเป็นเครือญาติของผู้ใหญ่บ้าน..ใช่ล่ะ เธอไม่มีความผิด แต่เขาเกลียดเธอ เกลียดทุกคนที่เกี่ยวข้องกับผู้ใหญ่บ้าน..
" เดี๋ยว นายทรัพย์.. " นิสารีบเรียก เมื่อร่างสูงก้าวผละไปเงียบ ๆ ปราศจากคำอธิบายใด ๆ " ฉันขอบใจที่เข้ามาช่วย "
" ไม่ต้อง " อีกฝ่ายไม่รับตามเคย " เก็บไว้หว่านกับคนอื่น ฉันแค่ไม่ต้องการให้เพื่อนฉันเดือดร้อน เพราะลุงเธอ ต้องวางก้ามไปเอาเรื่องแน่ ๆ แล้วน้ำหน้าอย่างเธอ เรื่องไม่แล่นไปฟ้อง ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เลิกคิดว่าฉันหวังดี ตามไปช่วย..เพราะมันเป็นความคิดที่ผิดถนัด "
อะไรกัน..นิสาขึงตาวาววับใส่เงาหลังที่ค่อยกลืนเข้าไปในความมืด เธอทำอะไรผิด เหตุใดเขาจึงตั้งหน้าตั้งตาเป็นอริอย่างไร้เหตุผล หากเรื่องที่บุหลันเล่ามาเป็นความจริงทั้งหมด แล้วเป็นความผิดของเธอด้วยหรือไร หน้าตาดี แต่ไร้หัวคิดชะมัด เธอด่าในใจ..ก่อนเข้าบ้าน
มารดาตบอกโล่งใจทันทีที่เห็นสาวน้อยกลับมา ท่านร้องเอ็ดเสียงขรม อะไรก็ไม่ทราบ นิสาไม่สนใจฟัง เธอปลีกตัวเข้าห้อง นั่งเงียบ ๆ บนเตียง ครุ่นคิดถึงอคติฝังใจของหนุ่มจอมเกเร บางทีมารดาอาจรู้รายละเอียดกว่าที่บุหลันเล่าให้ฟัง เธอจะลองไปเลียบเคียงถามดูหน่อย
" ลุงแกน่ะ ร้ายกาจจะตาย " มารดาเล่ายิ้ม ๆ ทำท่าทบทวนเหตุการณ์ในอดีต ลำดับเรื่องราวช้า ๆ " เท่าที่รู้มา แม่ของเจ้าทรัพย์น่ะ ขึ้นชื่อว่าสวยชนิดหาตัวจับยาก ลุงแกน่ะแอบหลงรัก ลืมหูลืมตาไม่ขึ้น งัดวิชาเจ้าชู้ยักษ์มาใช้จนหมดทุกตำรา ก็ไม่สามารถเอาชนะใจสาวสวยได้ นอกจากไม่สำเร็จแล้ว ยังช้ำใจ อับอายหนักไปกว่า เมื่อสาวเจ้าเข้าพิธีแต่งงานกับพ่อของเจ้าทรัพย์ "
" ลุงอกหักยับเยินสิคะ " เธอคะเนอย่างเข้าใจ มารดายิ้ม พลางผงกศีรษะยอมรับ แล้วเล่าต่อว่า
" ตอนนั้นลุงแกน่ะ ยังไม่เป็นผู้ใหญ่บ้าน แต่เป็นลูกชายคนโต เลยได้รับการตามอกตามใจจนเสียนิสัย แพ้ไม่รู้จักแพ้ คอยหาทางกลั่นแกล้งพ่อเจ้าทรัพย์อยู่เสมอ ทำมาหากินก็ลำบาก เพราะลุงแกปิดหนทางไปเสียหมด สุดท้าย หลังจากได้ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านได้ไม่นาน ก็วางแผนล่อให้พ่อเจ้าทรัพย์เข้าป่าไปล่าเสือ "
" แล้วพ่อเขาก็ถูกเสือฆ่าตาย " เธอเดาอย่างตื่นเต้น
" แกฟังแล้วอย่าเอ็ดไป " มารดาลดเสียงลง " ชาวบ้านลือให้แซ่ดว่า ลุงแกน่ะแหละเป็นคนยิงพ่อเจ้าทรัพย์ แล้วโยนบาปไปให้เสือเคราะห์ร้ายตัวนั้น อ้างข้าง ๆ คู ๆ ว่า เสือวิ่งเร็ว เลยยิงพลาดเป้า ไม่มีใครหลงคำโป้ปดมดเท็จของลุงแกหรอก แต่ไม่รู้จะคัดค้านหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวทำไม เรื่องก็เลยค่อย ๆ เงียบไป คนอื่นพากันลืมไปหมดแล้ว จะมีก็แต่เจ้าทรัพย์ที่ยังอาฆาตพยาบาทลุงแกจนถึงเดี๋ยวนี้ "
ซึ่งก็ไม่ใช่ความผิดของเขาใช่ไหม..สาวน้อยกลับมายังห้องพักของตน พลางทอดกายอ้อยอิ่ง เหม่อลอยครุ่นคิดถึงเรื่องราวแต่หนหลัง นำมาเชื่อมกับเหตุปัจจุบัน ทรัพย์ช่างน่าสงสาร เขากำพร้าบิดา เพราะน้ำมือของลุงผู้ใหญ่ สมควรให้เขาคลั่งแค้น ผูกพยาบาท และตั้งป้อมเป็นศัตรูกับทุกคนที่เกี่ยวดองเป็นว่านเครือ หรือแม้กระทั่งเธอเอง มีทางใดบ้างหนอ สามารถนำเธอให้เข้าใกล้ตัวเขามากที่สุด เพื่อให้เธอได้มีโอกาสชดเชยในสิ่งที่เขาขาดแคลน อย่างน้อยก็..ความรักและความอบอุ่นจากบิดา..
ด้วยปณิธานแน่วแน่..นิสาจึงมาปรากฎตัวหน้าบ้านของเด็กหนุ่มตั้งแต่เช้าตรู่ หมอกสีขาวยังลอยเหนือพื้นหญ้า เผยความละมุนกลางแดดอุ่น เธอคลี่ยิ้มกว้าง หมายมั่นเอาชนะใจฝ่ายตรงข้ามด้วย..ใจ
" ฉันกลัว ไม่กล้าเดินไปโรงเรียน เลยแวะมาชวนเธอเดินไปเป็นเพื่อน "
" ทำไมฉันต้องช่วยเหลือเธอ " อีกฝ่ายตั้งป้อมยักท่า เสียงปฏิเสธไร้น้ำใจแข็งกระด้างเชียว
มารดาหม้ายของทรัพย์ โผล่หน้ามาให้ยลโฉม นิสายังแลเห็นเค้าความงามชนิดหาตัวจับยากที่ยังหลงเหลือบนกรอบหน้าหม่นหมอง ริ้วรอยแห่งวัยบดบังความสวยเสียส่วนหนึ่ง ไม่แปลกใจว่า เหตุใดลุงของเธอ จึงกระทำการบุ่มบ่าม ก่อบาปรัก และจุดไฟแค้น ให้โชติช่วงมานานนับปี
" เข้ามานั่งในบ้านก่อนสิแม่หนู ทรัพย์..ชวนเพื่อนมากินข้าวเช้าด้วยกันก่อนไปโรงเรียน "
" ขอบคุณค่ะป้าดอกไม้ "
หนุ่มหน้างอ เลิกคิ้ว เผยอริมฝีปากคล้ายจะกล่าวห้ามหรือคัดค้าน แต่ไม่ทันการณ์ นิสารีบเบี่ยงตัวผ่านช่องแคบ ๆ ระหว่างประตูกับกายสูงของจอมเกเร เข้ามานั่งประจบประแจงคนแก่ รีบกุลีกุจอตักข้าวใส่จาน ไม่ถือตัวว่าตนเป็นสาวชาวกรุง ยอมนั่งแหมะลงกับพื้นที่ปูลาดด้วยเสื่อผืนเก่า ๆ
" กับข้าวพื้น ๆ ทั้งนั้นนะแม่หนู ได้ยินว่าเป็นหลานสาวผู้ใหญ่ เพิ่งย้ายมาอยู่ใช่ไหม เคยอยู่แต่ในเมือง กินของดี ๆ .. "
" แม่.. " ทรัพย์รีบขัด เขายอมกลับมานั่งข้างแม่ตัวดีอย่างจำใจ ปรายตาชิงชังมองแว่บ ก่อนเอ่ยตีวัวกระทบคราดกับมารดาว่า " อย่ากังวลกับคนในเมืองให้มากนัก เราไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองกับลูกหลานท่านพระยา ถึงจะเป็นนักการเมืองใหญ่โต แต่ลองว่ามาซุกหัวอยู่ถึงนี่ แสดงว่าดีไม่จริง "
" ทรัพย์ "
มารดากระแอม แล้วเรียกชื่อบุตรชายด้วยเสียงกำหราบ เขาหุบปากสนิท ก้มหน้านิ่ง นิสาลอบยิ้ม พร้อมกับเลิกเชื่อถือคำบอกเล่าเกินจริงของบุหลัน หนุ่มรูปงามตรงหน้าเธอ นอกจากไม่แสดงกิริยาเกเร หยาบคาย ยังเต็มไปด้วยความเรียบร้อย เคารพนบน้อม รู้มารยาท..
" เราพอจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับมรสุมการเมืองที่พ่อของแม่หนูกำลังเผชิญอยู่บ้างเหมือนกัน เสียใจด้วยที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ อย่าถือสาคำพูดของทรัพย์เลยนะแม่หนู เขาไม่มีเจตนาซ้ำเติมหรือถากถางแม่หนูหรอก "
" หนูทราบดีค่ะป้าดอกไม้ ทราบว่าเขาใจดีแต่ปากร้าย "
โดยเหน็บแนมต่อหน้ามารดา อีกฝ่ายได้เปรียบชิงชัง ยิ้มเยาะหยัน เย้ายั่ว เพราะถือดีว่ามีมารดาคอยกันท่า จอมเกเรตอบโต้ได้ไม่ถนัดนัก นิสาจึงเห็นแค่ดวงตาลุกวาว ถลึงดุร้าย บางที เขาคงกำลังด่านิสาก็ได้ว่าปากเสีย..
รอจนออกจากบ้าน เดินไกลจากตัวบ้านพอสมควร ทรัพย์ค่อยคิดบัญชี เขาหยุดเดินกะทันหัน นิสาเดินตามหลังมาในระยะกระชันชิด จึงชนแผ่นหลังเขาเต็มแรง เขาไม่สนใจ แต่ยังรีบคว้าแขนเพื่อประคองไม่ให้อีกฝ่ายล้มหงายไปข้างหลัง
" คราวหน้า ไม่ต้องไปที่บ้านฉันอีก ฉันไม่ต้อนรับพรรคพวกของผู้ใหญ่ "
โผงผางไม่เกรงใจ ทุกถ้อยคำเปล่งด้วยน้ำเสียงห้วน กระด้าง และไร้ไมตรีที่ควรมี ร่างสูงหมุนกลับ ก้าวเดินต่อไป แต่แล้วพลันหยุดกึกลงอีกครั้ง เมื่อได้ยินฝ่ายนั้นย้อนมาว่า
" เกรงใจใครบางคน หรือกลัวไปว่าใครบางคนจะเข้าใจผิดกันแน่ "
เขาหมุนกายกลับมาจ้องตาคนพูด ตอนแรกก็งงว่าหมายถึงอะไร แต่ครั้นกวาดตามองตามสายตาฝ่ายนั้น ค่อยพบว่าพรรณีกำลังมุ่งหน้าตรงมา จึงค่อยเข้าใจ..
นิสาไม่ถึงกับไร้เหตุผล เพราะทรัพย์เกิดอาการหายใจไม่ทั่วท้อง ทันทีที่พรรณีมองเขาอย่างสำรวจ สลับกับพินิจพิศเพ่งนิสาอย่างเคลือบแคลง เขาลืมตัวด้วยเกรงสาวสวยเข้าใจผิดจริง ๆ จึงลากแขนหล่อนพาห่างนิสาไปไกล ค่อยยื่นหน้ากระซิบกระซาบด้วยความสนิทชิดเชื้อ
ทั้งสองแยกทางกันบริเวณปากทางเข้าโรงเรียน นิสาก้าวตามมาช้า ๆ เธอรอจนเงาหลังสาวสวยหายลับไปจากครองจักษุ ค่อยปรารภลอย ๆ เข้าหูทรัพย์ว่า
" ได้ยินว่าครูตาบหวงลูกสาวราวกับไข่ในหิน ฉันมองเห็นอุปสรรควางเกะกะเต็มไปหมด เส้นทางรักของเธอ มันช่างวิบากเสียนี่กระไร แน่ใจหรือ..ว่ารักของนายจะราบรื่น ตลอดรอดฝั่ง "
ทรัพย์ไม่นิยมผู้หญิงปากมาก โดยเฉพาะกิริยาลอยหน้าลอยตา ให้ท่าผู้ชายแบบที่นิสากำลังทำอยู่ ยิ่งดูยิ่งขัดตา เขาหยุดเดินเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบในเช้านี้ พลางหรี่ตามองผู้หญิงปากเสียนิ่งอยู่ ก่อนเปรยลอย ๆ ว่า
" หากมันจะไม่ตลอดรอดฝั่ง ก็เห็นว่ามีปีศาจสาวปากเสีย ๆ ตนหนึ่ง กำลังแหกปากสาปแช่ง ตามนิสัยริษยา แต่ฉันกล้ายืนยันได้ว่า มันจะไม่ล่มเพราะครูตาบแน่นอน ไป..ไปผุดไปเกิดในนรกขุมไหนกก็ได้ แม่ลูกสาวนักการเมืองไร้บัลลังก์ "
ปากร้ายเสียด้วย..นิสายิ้มรับสำเนียงห้วนหยาบ เขาจงใจใช้วาจาเชือดเฉือน เพื่อกระตุ้นไฟโกรธให้ลุกฮือ นิสาจะได้เลิกวุ่นวายกับเขาเสียที น่าเสียดาย..ทรัพย์ไม่เคยล่วงรู้ปณิธานแน่วแน่ของเธอ ดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขากระทำลงไป จึงไม่ต่างจากการถมทรายลงในทะเล นิสาหาได้รู้ร้อนรู้หนาว หรือแม้แต่จะคิดเคืองขุ่นสักนิด ก็หาไม่..
ตลอดเวลาในห้องเรียน บุหลันสังเกตพบว่า นิสาไม่ค่อยตั้งใจฟังคำสอนของครูนัก เธอมัวแต่ชำเลืองแลหนุ่มจอมเกเร ซึ่งละทิ้งการเรียนเช่นเดียวกัน ใบหน้าหล่อขรึมแกมเศร้า หันไปทางหน้าต่าง ดวงตาเข้มดุร้ายเป็นนิจ ทอดจับภาพทิวเขาสูงสลับซับซ้อน ริมฝีปากซึ่งมักจะเม้มเข้าหากันหลายครั้ง ยิ่งทำให้นิสารับรู้ว่า เขากำลังมีเรื่องครุ่นคิดอยู่ภายใน..
พอถึงเวลาเลิกเรียน สาวน้อยรีบวิ่งตัวปลิว มาดักรอเด็กหนุ่มบริเวณประตูทางออก ซ่อนความขบขันไว้ภายใต้สีหน้าทะเล้น ทรัพย์ถอนใจ ขมวดคิ้ว แสดงท่าทางรำคาญเปิดเผย เขาส่ายหน้ากัดปากหงุดหงิด เมื่อฟังอีกฝ่ายตอแยว่า
" ฉันมารอกลับบ้านพร้อมกัน ก็ฉันยังไม่หายกลัว "
" แต่ฉันไม่สนใจความกลัวจอมปลอมของเธอ ฉันมารอพรรณี ไสหัวไป "
นิสาตั้งท่าจะก่อกวน หากทว่า..ทำได้แค่คิด เพราะพรรณีปรากฏตัวขึ้นทางด้านหนึ่ง หล่อนส่งยิ้มลึกซึ้งให้เด็กหนุ่ม หาได้สนใจนิสาที่ยืนหน้าแห้ง ยิ้มเจื่อน ตรึงนิ่งอยู่กับที่ ได้แต่เบิ่งตามองหนุ่มสาวจูงมือ เดินกระหนุงกระหนิง ฝ่ายชายดูเหมือนนิยมชมชอบการยื่นหน้าเข้าใกล้ กระซิบกระซาบรักใคร่ ฝ่ายหญิงก็แก้ขวยเขินด้วยการทุบตีไม่จริงจัง แลไปน่าอิจฉา..
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น