ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sword of King จักรวรรดิศาสตรา ออนไลน์

    ลำดับตอนที่ #2 : มินะทอร์ [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 93
      0
      18 เม.ย. 59

    ตอนที่ 2
    มินะทอร์






           และแล้วผมก็จากห้องแต่งตัวมาด้วยจูบที่ยังร้อนผ่าวติดริมฝีปาก มันเหมือนกับคราบความทรงจำแสนหวานที่คุณสามารถจินตนาการได้ว่ามันไม่จริง คุณอาจพูดได้ว่ามันเป็นของปลอม ครับ ผมก็ไม่ได้เถียงคุณว่ามันไม่ปลอม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อดคิดถึงเบลล์ไม่ได้ ผู้กล้าน่ะไม่แต่งตัวบ่อยๆคุณก็รู้ ฮ่า ผมหมายถึงเรามีโอกาสแค่ครั้งเดียวที่จะแต่งตัวก่อนลงสนามจริง และตอนนี้ผมก็มายืนอยู่หน้าประตูเมืองเริ่มต้น เมืองแฟนทาเนีย

           ที่อื่นน่ะผมเป็นเทพ ทว่าสำหรับที่นี่ทุกอย่างเริ่มต้นใหม่ ผมเลือกชุดนักรบรับจ้าง ใช่ คุณก็เดาถูกเพราะผมชอบดาบ ผมมีดาบเอ่อ...ดาบสั้นมั้ง มันยาวแค่ไม้บรรทัดเดียวเอง ดาบยาวสิบสองนิ้ว ดาบสั้นแหละนะ ผมถือดาบมือขวา ส่วนมือซ้ายผมถือโล่ไม้ มันมีที่จับเหมือนกับฝาหม้อเพียงแต่เป็นผ้าเหนียวๆไม่ใช่เมลามีน พูดคำศัพท์ออกมาอีกแล้ว เมลามีนก็คือสารที่มีคุณสมบัติหน่วงไฟ ง่ายๆว่าทนความร้อนได้ดี พวกหูของฝาหม้อไงสีดำๆหน่อย

           อา~นานเท่าใดแล้วที่ผมทิ้งเมืองเริ่มต้นไป ในแดนอารยธรรมที่เจริญกว่าผมแทบลืมทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับที่นี่ เสมือนความรู้สึกของเด็กบ้านนอกที่ใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเป็นเวลานานกว่าจะได้กลับบ้านสักครั้ง ลองสูดกลิ่นไอความคลาสสิคสิครับ อา~ปลอดมลพิษว่าไหม ทุกอย่างคิดว่าน่าจะยังคงเดิม ดูได้จากสารรูปของประตูเมืองที่ทำจากไม้เนื้อแข็งเก่าแก่ นั่นไงชื่อของผมยังจารึกไว้เลย ตรงมุมขวาล่างของประตูน่ะ 'ระห่ำเวียร์' ฮ่าฮ่าฮ่า ฝีมือของผมเอง

           ไม้ส่วนใหญ่ตัดมาจากป่ายักษ์ทางทิศตะวันตกโน่น มีชื่อเรียกว่าป่าไจก้า ต้นไม้แต่ละต้นที่นั่นสูงใหญ่ทะมึนมืด แฝงเร้นสัตว์ร้ายและพวกปีศาจอยู่ภายในเต็มไปหมด นึกถึงก็ยังรู้สึกว่ามันสยองขวัญนะที่มีป่าแบบนั้นใกล้กับเมืองเริ่มต้นเนี่ย ก็อย่างเคย ต้องกลับไปถามแผนกออกแบบว่าคิดพิเรนอะไรกัน

    "สวัสดีผู้กล้าหาญ มาใหม่สินะ ข้าชื่อเบรเกนซ์" ชายร่างสูงสวมเกราะเก่าๆกับกางเกงขาด มือขวาถือหอกตั้งขึ้นซึ่งสูงกว่าตัวเขาราวห้านิ้วกล่าวทักทายผมที่หน้าประตูเมือง เขาน่าจะเดินมาจากหลังกำแพงเมืองเพราะทีแรกผมมองไม่เห็นเขา "เจ้าชื่ออะไร"

           มันเป็นขั้นตอนในการทำความรู้จักกัน จะมีสักกี่ครั้งที่ผู้เล่นอย่างเราๆจะทักปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้ก่อน กว่าร้อยละแปดสิบเป็นธรรมดาที่เจ้าบ้านจะต้องทักแขก และถ้าคุณอยากจะสนทนากับนายทหารหอกยาวคนนี้ก็บอกชื่อของคุณไปเลย แต่ผมไม่ล่ะ เสียเวลา

    "แหม งั้นไว้คราวหลังก็ได้" ชายคนเดิมเอ่ยกับผมในขณะที่ผมเดินผ่านเขาและเข้าไปในเมือง "แล้วเจอกันน้าาา"

           เทียบกันแล้วสาวเบลล์ยังจะตอบสนองต่อผู้เล่นดีกว่าซะอีก ทั้งการเคลื่อนไหว การใช้สายตา การแสร้งทำสีหน้า และก็จูบนั่น...ลืมไม่ลงจริงๆแฮะ บ้าน่านั่นมันโปรแกรมคอมพิวเตอร์นะไอ้เวียร์ เอาล่ะบอกตัวเองซิว่างานเช้านี้คืออะไร อื่ม...ถามผู้เล่นด้วยกันว่าเขาต้องการอะไรใช่ไหมล่ะ โอเค แล้วไหนเป้าหมาย?

           ซ้ายมือของผมคือโซนขายของ พื้นที่ชิดขอบกำแพงเมืองด้านใน ตรงที่ผมยืนอยู่นี้ยาวไปจนถึงน้ำพุตรงนั้น ทว่าร้างเปล่าผู้คน (-*-) ไม่มีใครมาแบของขายกันเลยเหรอ

     
    ไม่มีเลย...โล่ง

           โอเคไม่เป็นไร มาดูทางขวามือผมบ้าง เป็นพวกร้านค้าของเอ็นพีซี ใช้ตัวย่อ NPC ย่อคำว่า Non Player Character หรือง่ายๆว่าปัญญาประดิษฐ์นั่นแหละครับ ห๊ะ (-*-)
     
    ปิดกิจการ

           เฮ้ย!นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย เมืองเริ่มต้นมันสำคัญนะเว้ยเฮ้ย ไม่ใช่เมืองร้าง คนไปไหนหมดวะ?

    .

    .

    .

    "ไงครับ ผมชื่อเวียร์" สุดท้ายก็ต้องกลับไปถามคนเฝ้าประตู "โทษที คุณชื่ออะไรนะ"

           นายทหารหอกยาวหัวเราะเล็กน้อย ส่วนผมรู้สึกเสียหน้ายังไงไม่รู้สิ

    "ข้าเบรเกนซ์ ยินดีที่รู้จัก"

    "ยินดีเช่นกัน ว่าแต่คนหายไปไหนหมด เบรเกนซ์เห็นบ้างไหม"

    "ข้าเห็นผู้กล้าสามคนวิ่งเข้าป่าไปประมาณชั่วโมงก่อน เจ้าหาเพื่อนเหรอเวียร์"

    "ไม่ แค่ไม่เห็นคนอยู่ในเมืองเลย เกิดอะไรขึ้นกับที่นี่ ทำไมร้านค้าของเอ็นพีซีถึงปิดกิจการ"

           ...

    "เดี๋ยวนี้ผู้กล้าน้อยลง ข้ารู้มาว่าระบบการเกิดของผู้กล้าเปลี่ยนไป เปลี่ยนเป็นการสุ่มให้เกิดที่ไหนก็ได้ และก็ไม่บ่อยนักที่จะมาเกิดที่เมืองนี้ ก็ไม่แปลกหรอกนะที่พวกเอ็นพีซีจะปิดร้าน"

    "ไม่เห็นรู้เรื่องนี้เลย" ต้องกลับไปถามป๊ะป๋าจอมซ่าซะแล้ว ว่าปิดเทอมก่อนสั่งทำอะไรไปบ้าง ตัวดีจริงๆ

    "ข้าดีใจที่เจ้าถูกสุ่มมาเกิดหน้าประตูเมือง ^^ พอข้าเห็นเจ้าข้าก็เลยเดินออกมา"

    "อ้อครับ คงเป็นอย่างนั้นแหละ" ที่จริงเลือกมาเกิดเลยต่างหาก การได้ช่วยงานบริษัทในช่วงปิดเทอมยาวนี่มันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่มาเจอแบบนี้ตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงานก็ไม่ไหวนะถึงจะบอกว่าเป็นช่วงโค้ดเบต้าก็เถอะ "แล้วผมจะรับแหวนสื่อสารได้ที่ไหนล่ะ"

           คุณควรทราบว่าไอเทมชิ้นแรกที่ผู้กล้าทุกคนควรมีติดตัวไว้ก็คือแหวนสื่อสาร จำไม่ผิดสามารถรับได้ที่อาคารบริการผู้เล่นซึ่งมีอยู่ทุกเมืองและรับได้ฟรี แต่ผมไม่เห็นอาคารที่ว่าในเมืองแฟนทาเนีย อย่าบอกนะว่ามันถูกย้ายหรือทำลายทิ้งไปแล้ว

    "รับได้ที่ข้า"

           โห นี่คนน้อยขนาดว่ายกทั้งอาคารมาไว้ที่ทหารคนเดียวเนี่ยนะ เหลือเชื่อจริงๆ

    "จริงสิ"

    "จริง ข้าให้เจ้าเลือก" เบรเกนซ์แบมือซ้ายออกก็ปรากฏแหวนอยู่สามวง ขนาดของแต่ละวงใหญ่มาก นิ้วช้างละมั้งจึงจะใส่ได้พอดี เอ...ช้างไม่มีนิ้วนี่หว่า~ แหวนแต่ละวงมีอัญมณีติดอยู่เป็นหัวของแหวน มีสีแดง ขาวและสีดำ "เอาสีไหน"

           อย่างกับให้ขนมเด็กเลย

    "สีดำ" ผมตอบพร้อมกับหยิบมันมาสวมไว้ที่นิ้วนางข้างขวา ว้าว~ขนาดของวงแหวนหดเล็กลงจนพอดีกับนิ้วมือเป๊ะๆ "สวยแฮะ"

    "เจ้าชอบข้าก็ชอบด้วย เอาอย่างนี้สิเวียร์ ตอนนี้เจ้าระดับหนึ่งใช่ไหม"

    "ใช่" ก็เพิ่งเกิดใหม่ ถามอะไรแปลกๆ

    "ถ้าเจ้าไปล่าลูกหมูป่ามาให้ข้าได้สามตัว ข้าจะให้เจ้าสี่ร้อยทอง และหลังจากนั้นข้าจะรับซื้อลูกหมูป่าจากเจ้าจำนวนไม่อั้นเลย ให้ราคาตัวละสองร้อยทอง สนใจหรือเปล่า"

    "โอเคได้ ครั้งแรกสามตัวแลกสี่ร้อย ครั้งต่อไปแลกตัวละสองร้อย"

           ทำไงได้ล่ะ ก็ตอนนี้ไม่มีคน ออกไปล่าหมูเก็บเวลก่อนก็ไม่เลวนะ ดีกว่าปล่อยเวลาทิ้งไปเฉยๆมันน่าเบื่อจะตายไป อ้อ เกือบลืมไปคุณอาจกำลังสงสัยว่าแหวนสื่อสารนี่มันมีประโยชน์อะไร ครับ มันเอาไว้สำหรับบันทึกชื่อของเพื่อนๆในเกม เอาไว้แชทสดคุยกัน แต่ออฟชั่นเหล่านั้นผมไม่สน มันสำคัญต่อผมตรงที่มีแผนที่ เวลาที่ผมเดินไปไหนต่อไหนมันจะเริ่มบันทึกแผนที่ เราสามารถใช้มันแลกหรืออัพเกรดแผนที่กับเพื่อนๆได้ รู้ทางก็รู้ภัย เอาตัวรอดได้ไงล่ะ

           เบรเกนซ์บอกว่าหมูป่าจะอยู่ในป่าไผ่ นี่ผมก็เดินมาเกือบยี่สิบนาทีแล้วเพิ่งจะเห็นป่าไผ่อยู่ตีนภูเขาโน่น โหย~ทำไมมันไกลแบบนี้วะ นี่จะมาเก็บเวลนะไม่ใช่ลุยดันเจี้ยน ถึงว่ายอดคนเล่นถึงได้น้อยลงทั้งที่เปิดให้เล่นฟรี แผนกออกแบบผังเมืองเย็นนี้เราได้คุยกันยาวแน่ อ๊ะ! นั่นใคร?

           ดูเหมือนจะเป็นผู้หญิงแต่งกายชุดนักรบฝึกหัดเหมือนๆกับผมเดินอยู่ไม่ไกลนัก โชคดีเจอผู้เล่นแล้ว! อิอิ จะได้ถามๆแล้วก็ออกไปจากเขตเมืองเริ่มต้นอันเงียบเหงานี่เสียที แล้วก็ไปฉะกับผู้จัดการแผนกออกแบบของเมืองแฟนทาเนีย หลังจากนั้นจะได้กลับบ้านอาบน้ำนอนแต่หัวค่ำ หมายถึงเสร็จงานไวก็พักไวน่ะครับ

           เมื่อวาดฝันแนวทางเป็นไปตามนั้น ผมจึงรีบวิ่งไปหาเธอ จัดเต็มสปีดเลยขอบอก

           ผ่านพื้นที่กว้างใหญ่ที่มีพุ่มไม้เตี้ยๆขึ้นเต็มไปหมด รองเท้าผมเหยียบลงไปบนพื้นหญ้าคละสลับกับก้อนกรวดสีขาวๆเทาๆขนาดเล็ก จะว่าเป็นพื้นที่ของน้ำตกหรือว่าสนามรบก็ระบุไม่ได้ มันห่วยมาก

    "นี่คุณ!" พอได้ระยะผมก็ตะโกนเรียกทันที "คุณน่ะ!เฮ้!"

           เสียงไปถึงเธอ เธอก็หันมา...

    "เฮ้ย!" เบลล์!!! เฮ้ย!เธอออกมาจากห้องแต่งตัวได้ด้วยเหรอ? "ดะเดี๋ยวก่อน! จะวิ่งไปไหน!"

           สาวเจ้าเห็นหน้าผมก็วิ่งตูดงอนไปเลยครับผม อุบ๊ะ! นี่รังเกียจจูบของผมขนาดนั้นเชียว ถึงผมจะฉกฉวยกึ่งบังคับแต่ผมก็ไม่มีเจตนาร้ายนะ เอาก็เอาสิ! ผมเป็นพวกมั่นใจในตัวเองสูงซะด้วย เรื่องมารังเกียจกันแบบนี้ผมรับไม่ได้อย่างแรง เวียร์รับไม่ได้! เธออยากวิ่งฉันก็จะวิ่งไล่จับเธอล่ะยัยเบลล์

    "นี่หยุดนะ!"

    "ช่วยด้วย!" เบลล์ตะเบ็งเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นๆที่อาจจะได้ยิน เธอคงไม่รู้สินะว่าผู้กล้าในเขตเมืองตอนนี้น่ะมีแค่ผมกับเธอ "กรี๊ดดด!อย่านะ!"

           ผมห้อตะบึงเต็มกำลังดุจม้าศึกที่คึกคะนองโถมเข้าสู่สมรภูมิเดือด คราวก่อนได้เพียงจูบก็ละไป คราวนี้เจอกันไม่ยอมทักทาย สงสัยจะต้องให้บทเรียนราคางามหน่อยแล้ว จะได้รู้จักเวียร์มากขึ้น

    "จะไปไหน!" ในทางโค้งมือขวาผมใกล้คว้าชายเสื้อเบลล์ได้กลับหลุดไปอย่างน่าเสียดาย ก็ไอ้ก้อนกรวดเส็งเคร็ง!มันทำผมไถลลื่นหน้าเกือบทิ่มพุ่มไม้ แต่ผมไม่หยุดหรอกนะ ผมยังมีแรงเหลือเฟือ สูดลมหายใจเข้า สูดดดดดดดดด "มานี่อีหนู!"

           เป็นถึงลูกชายท่านประธานที่น่าเคารพกลับมาวิ่งไล่จับผู้หญิงคนหนึ่งอย่างกับพวกโรคจิต ถึงจะดูไม่ค่อยเข้าท่าทว่าก็ได้ความเพลิดเพลินไปอีกแบบ วู้!รู้สึกดีเป็นบ้า!

    "กรี๊ดดดดดด!!!"

    "มานี่!" แล้วมือขวาก็คว้าได้เสื้อของเธอ ดึง! ซาดดดดดด~ เฮ้ย!เสื้อขาด! หลุดไปอีกแล้ว "หน่อย!"

           คงเป็นเคราะห์กรรมของเอ็นพีซีตัวนี้ที่มาเจอคนอย่างผม เท้าวิ่งส่วนแขนไขว้กันเพื่อปิดหน้าอกตัวเองแบบนั้นมันจะไปได้สักกี่อึดใจเทียว แบบนี้สิดี รู้สึกกระชุ่มกระชวยยังไงบอกไม่ถูก ฮ่าฮ่าฮ่า!

    "ว้าย!อย่านะ!ช่วยด้วยค้าาาา!ใครก็ได้ช่วยที!"

    "ไม่รอด!"

           ผมกระโจนเต็มกำลังจับแขนของเธอแล้วล้มตัวเองลง กรี๊ด! เป็นเหตุให้เบลล์ล้มลงไปด้วย โอ้ย! เราสองคนกลิ้งขลุกกอดกันเหมือนกับมัดข้าวต้ม หมุนแล้วก็หมุน เมื่อได้โอกาสผมจึงกดเธอติดพื้นหญ้าพลางแสยะยิ้มอย่างผู้ได้ชัยชนะ ยะฮู้!เธอถูกผมคร่อมไร้ทางหนี แต่ว่าเราสองคนหอบสุดๆ

    วูบ! ผมสัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างกวัดมาอย่างไวเกินจะมองเห็นได้ทัน ปังงง!!! อะไรวาวๆตีเข้าสีข้างผมอย่างแรง แรงจริงๆคุณ ให้ตายเถอะงานนี้คงมีซี่โครงหักไม่ก็ตับแตก ผมอ้าปากค้าง สติผมแทบดับในขณะที่ร่างของตัวเองลอยคว้างกลางอากาศ น่ะนั่นมันตัวอะไร?

           โล่ไม้ที่ยังไม่ทันได้ใช้ของผมก็ถูกใช้แล้วเรียบร้อย แตกเป็นเสี่ยงๆ เสียงดังปังเมื่อกี้แยกมันกลายเป็นเศษไม้ไร้ค่าในบัดดล แขนซ้ายผมชาไม่รู้เรื่องพอพอกับสีข้างด้านซ้ายของผม จุกเสียดแน่นไปหมด คล้ายกับอาการภาษิตน้ำท่วมปากพูดอะไรไม่ออก มันตื้นตันครับแต่ไม่ซาบซึ้งอะไรทั้งนั้น

           จากร่างเงาดำทะมึนที่ผมเห็นแว๊บๆ ตอนนี้ผมนอนตาเหลือกอยู่บนพื้นหญ้า ใช่ว่าเป็นเพราะหน้าอกหน้าใจกลมๆภายใต้เสื้อกล้ามสีขาวของสาวเบลล์หรอกนะ ทว่าผมเห็นมินะทอร์ มินะทอร์! ควายเอ้ย!ไอ้ตัวนี้มาได้ยังไงวะ! นี่มันเขตเมืองเริ่มต้นนะ ทำไมมีมอนสเตอร์เขตวิหารร้างมายืนจังก้าหน้ากระบือได้ล่ะ เฮ้ย!!!

    ฟึบ!!! มินะทอร์ครึ่งบนเป็นควายครึ่งล่างเป็นคนตัวล่ำๆสูงราวสองเมตรครึ่งวาดขวานลงมาจามกับหญ้าดังฟึบ! พื้นนี่แหวกออกจากกันเป็นรอยหน้าขวานเลยขอบอก เบลล์! เธอช่วยผมไว้ครับ โอ้แม่เจ้า! เธอคว้ามือขวาของผมแล้วลากผมไปกับพื้น ยัยนี่เอาแรงมาจากไหนเยอะแยะ โอ้ยๆๆๆ ปวดๆๆ ถูกคุณเธอจับลากไปแบบนี้มันปวดสีข้างเหลือเกินให้ตายเถอะ โอ้ยๆๆน้ำตาจะเล็ด เบาๆๆ เพิ่งทราบว่าแท้จริงสาวเบลล์ไม่ได้วิ่งหนีผมคนเดียว แต่หนีเจ้านี่ด้วย คิดว่ามันคงวิ่งออกมาจากป่าเยื้องไปทางขวาด้านหลังของผม เธอเห็นก่อนก็เลยใส่เกียร์หมาน้อยวิ่งหูตูบ ส่วนผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะถูกความหื่นครอบงำจิตใจจึงสับเกียร์หมาบ้ากะเข้าคลุกเคล้าหมาน้อย

           เดชะบุญหมาน้อยช่วยชีวิตให้หนีรอดจากภัยอันตราย ห๊ะ! มินะทอร์วิ่งตาม! เธอๆๆๆๆไวกว่านี้หน่อยได้ไหม วิ่งเข้าๆ อุ๊ยตาย!

    เคล็ง!!! ขวานยักษ์จามใส่หินกรวดในขณะที่ผมแยกขาออกทัน ได้เสียวจริงๆครับพี่น้อง คมขวานเฉียดไข่ผมไปสองเซ็นติเมตร! นี่ถ้าโดนขึ้นมานะฉันจะไปฟ้องพ่อให้จับแกใส่หม้อตุ๋นเป็นเนื้อเปื่อยเลยไอ้ทุย

           อย่างไรเราเป็นผู้ชาย ขืนตกใจเป็นกระต่ายแบบนี้เสียหมาแน่ ในเมื่อดาบยังอยู่ที่เอว เอาวะ! สู้กับมันสักตั้งจะเป็นไรไป

    "ย้า!" ถ้าไม่ใช่เพราะระดับเริ่มต้นมีขีดจำกัดก็ใช่ว่าผมจะทำอะไรไม่ได้ ดาบสั้นตวัดหมายปัดคมขวานคร่าชีพ เฮ้ยวืด! ทำไมรู้สึกวืด? "ยัยเบลล์ลลลลลลลลล! ว๊ากกกกกกเธอทำอะไรเนี่ยยยยยยยยยย~"

           ครับ แหกปากเป็นหมาหลง ได้ไงล่ะก็แม่สาวนักบู๊ฉุดผมลงเหว!

    ตูม!!! ตูม!!! สองตูมดังติดๆกันด้วยพระกับนางดิ่งลงมาจากสวรรค์ชั้นฟ้า จากหน้าผาสูงสู่สายน้ำเย็นฉ่ำและเชี่ยวกราก ในที่สุดสองเราก็หนีเจ้าทุยพ้น ฮ่าฮ่า ไอ้ควายโง่แน่จริงโดดตามลงมาซิว่ะ ว่าแต่ว่า...สาวเบลล์อยู่ไส?

    "ชะ!" ใยเจ้าผลุบๆโผล่ๆเช่นนั้นล่ะ "ช่วยด้วย!"

           ปัดโธ่~ ว่ายน้ำไม่เป็นยังจะชวนมาเล่นอีกแน่ะ สงสัยชอบตัวเปียก เสื้อบางยังจะให้โดนน้ำอีกแหม~จะอ่อยเหยื่อมากไปแล้วนะแม่คุณ จริงจังหน่อยอย่ามาแกล้งอำ ปัญญาประดิษฐ์ว่ายน้ำไม่เป็นนี่นะ ขำตายเถอะ

           เป็นถึงลูกชายท่านประธานไหนเลยจะถูกสายน้ำรับประทาน เพียงท่าฟรีสไตล์ตีเฉียงก็กินขาดพากายที่ปวดแปล๊บถึงฝั่งอย่างปลอดภัยแฮ อ่าว~ ผมซึ่งนั่งอยู่บนฝั่งกลับเห็นเบลล์จมน้ำหายไปต่อหน้าต่อตาซะงั้น






           เปลวไฟถูกปลุกขึ้นมาจากกองฟื้นที่หาได้ไม่ยากนักตามตลิ่งริมฝั่ง คาถาเกี่ยวกับเพลิงผมก็พอรู้อยู่บ้างแม้นไม่ใช่สายถนัดแต่ก็ใช้ได้ในยามนี้ ดูสิครับ ภูมิทัศน์แถวนี้ก็ไม่เลว มีต้นไม้ลำต้นสีขาวกับใบพลอมแพลม ต้นหญ้าสีเขียวอยู่เป็นกระจุกกระจัดกระจายหรอมแหรม ดินเหนียวกับก้อนกรวดสีต่างๆปูเป็นพื้นขนานยาวไปกับบสายธาร ฝีมือเด็กฝึกงานแน่นอน พวกนี้ค่าจ้างต่ำแต่แรงงานดี คือฝีมือห่วยทว่าอึดถึกทน บางมหาวิทยาลัยดังๆส่งมาให้เราใช้งานดุจทาสโดยไม่ต้องจ่ายสักสตางค์เดียว แร่มเบย ถ้าเป็นผู้หญิงน่ารักก็ไม่ว่าหรอก รับมาเถอะ ถือว่าช่วยสนับสนุนการศึกษาและเยียวยาค่าหอพัก ค่ารถ ค่าโทรศัพท์ใหม่ แลค่าจิปาถะเหตุผลแห่งความกระสันอยาก เอ๋...หน้าตายัยนี่ก็คล้ายเด็กฝึกงานที่บริษัทอยู่เหมือนกันนะ คงงั้นแหละ มาฝึกงานทีก็เกือบร้อยคน สำคัญไม่ใช่กิจอะไรที่คนอย่างผมต้องไปสนใจจดจำใช่ป๊ะ? ใช่อยู่แล้ว

    "นี่ ยังไม่หายหนาวอีกเหรอ"

           ผมเอ่ยถามสาวเบลล์ในขณะที่เธอนั่งอยู่ตรงข้าม ตั้งแต่กระโดดลงไปช่วยเธอขึ้นมาจากน้ำ แม่นี่ก็นั่งชันเข่าอยู่อย่างนี้ไม่พูดไม่จา

    "เอาน่า ก็บอกแล้วว่าเข้าใจผิด ใครจะไปตรัสรู้ว่าตัวละครที่ถูกออกแบบมาอย่างเธอจะว่ายน้ำไม่เป็น เป็นคนอื่นก็คิดอย่างผมทั้งนั้นแหละน่า"

           ไม่มีเสียงตอบรับจากระบบที่ผมกำลังสนทนาด้วย เบลล์ยังผิงไฟในท่านั้นกระทั่งเวลาผ่านไปราวห้านาที... หญิงสาวจึงมีปฏิกิริยาตอบสนองผ่านคำพูดแสนหวานหู

    "คนเห็นแก่ตัว"

           ถึงเสียงจะเบาแต่ระบบโสตประสาทผมจับได้ทุกถ้อยแถลง คนเห็นแก่ตัวงั้นเหรอเธอจ๋า

    "ผมอุตส่าห์ช่วยคุณไว้นะ! ดีแค่ไหนคุณไม่จมน้ำตาย!"

           สาวเบลล์ตาขวางในบัดดล

    "และไม่เพราะฉันนายคงตายไปนานแล้ว! ยิ่งกว่านั้น"

           ยิ่งกว่าอะไร

    "มีผู้กล้าที่ไหนเขานั่งหัวเราะมองดูผู้หญิงกำลังจะจมน้ำตายบ้าง! สิ่งที่นายทำกับฉัน" เธอก้มหน้าพลางตัวสั่นเทิ้ม "คนอย่างนาย คนอย่างนายนี่มัน..."

    "ผมขอโทษ" จังหวะนั้นผมกลับรู้สึกว่าสิ่งที่ลงไปไม่ถูกต้องเลยสักอย่างเดียว ผมจึงถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วลุกไปสวมมันไว้บนไหล่เบลล์ "ขอโทษนะเบลล์"

           การกระทำนั่นทำให้เธอรับทราบว่าคนอย่างเวียร์เป็นผู้ใหญ่พอจะแยกแยะถูกผิด หาใช่เด็กอวดเกรียนเกเรที่หน้าตาดีเพียงประการเดียวไม่ อ้อ แถมบ้านรวยมากด้วย

    "ขอบคุณนะที่ช่วยชีวิตผมไว้"

    "อื้อ~"

           ไม่มีคำพูดใดอีกหลังจากนั้นระหว่างเราสองกับกองไฟที่ใกล้จะมอด แสงตะวันเริ่มจางหายไปทีละน้อยพร้อมกับเสียงฝูงนกขณะบินกลับรังอยู่เหนือศีรษะ ตรงหน้าผมคือหน้าผาสูงชะลูดไร้ทางป่ายปีน เบื้องหลังเห็นเงาป่าดิบชื้นไม่ไกลนัก ควรจะชวนสาวน่ารักไปพักเคียงป่าหรือที่ไหนดี หรือโรงแรม?

    เดี๋ยวก่อนผมไม่ได้คิดทะลึ่งอะไรนะ มีโรงแรมให้พักจริงๆ แต่คงไม่ได้หรอกเพราะมันอยู่อีกเมืองซึ่งต้องเดินไปทางทิศใต้ อย่างไกลและก็ไม่ใช่เป้าหมายของวันนี้ ...วันนี้? โถ่เอ๋ย~หมดวันไปฟรีๆจนได้ ในขณะที่คิดเรื่อยเปื่อยสาวเบลล์ผู้ร่วมชะตากรรมก็เอ่ยขึ้นมาว่า

    "จะมืดแล้วนะ จะให้นอนที่ไหน"

    ...? เป็นที่น่าสังเกตอีกครั้งหนึ่งว่าเอ็นพีซีตัวนี้ก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปนอนที่ไหน ปัญญาประดิษฐ์แต่ไม่ยักจะรู้ว่าตัวเองต้องไปนอนที่ไหน โอโห คิดเหมือนที่ผมเพิ่งคิดไปเลย คิดเหมือนมนุษย์จริงๆขึ้นทุกทีสินะ

    "ถามตรงๆนะเบลล์ เธอไม่ใช่เอ็นพีซีใช่ไหม"

    ... หญิงสาวพลันเงียบ

    "กะแล้วเทียว ถึงว่า~"

    "ถึงว่าอะไร ฉันเป็นเอ็นพีซีแน่นอน!" ด้วยเสียงที่หยาบกระด้างคละความตกใจ "มะไม่งั้นฉันจะอยู่ในห้องแต่งตัวของผู้กล้าได้ไงล่ะ"

    เหตุผลของเธอก็ฟังเข้าท่า แต่ผมยังไม่เชื่อหรอก เฮ้ ผมก็พอเขียนโปรแกรมเป็นนะ ดังนั้นผมจึงมีตรรกในการตรวจสอบพวกปัญญาประดิษฐ์ขั้นพื้นฐาน ง่ายๆด้วยการถามรหัสประจำตัวของเธอหรือที่เรียกกันว่าหมายเลขไอดีนั่นแหละ

    "บอกรหัสไอดีมา"

    "ระรหัสอะไรนะ"

    "ก็หมายเลขประจำตัวเธอไง อย่าบอกนะว่าเธอไม่มีไอดี" พลางผมใช้เสียงสูง "มีม๊าย~"

    "อ้อ ฉันชื่อเบลล์ อายุสิบเจ็ดปี อาชีพนักรบรับจ้างระดับหนึ่ง หมายเลขประจำตัวคือ บีอีทีเอเก้าสามห้าเอสสองสามค่ะ"

    "บีต้าเก้าสามห้าเอสงั้นเหรอ" ผมกำลังคิดคำนึงถึงคำพูดที่พ่อเคยบอกว่ารหัสพวกนี้จะถูกสร้างโดยไลออน ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงทดสอบสมรรถนะเครื่องเล่นเสมือนจริงโค้ดบีต้าเอสกับเกมจักรวรรดิศาสตราเวอร์ชันหนึ่งจุดสองสาม อื่ม... สาวเบลล์บอกว่าเธอหมายเลขบีอีทีเอเก้าสามห้าเอส ก็คือ บีต้าเก้าสามห้าเอส เมื่อตัดเก้าสามห้าออก ก็ได้ บีต้าเอส ส่วนสองกับสามก็ตรงกับเวอร์ชันของเกมพอดี นั่นแสดงว่าหมายเลขไอดีของเธอคือ เก้าสามห้า

    ทว่าในตอนนี้ผมก็ไม่มีปัญญาจะพิสูจน์ว่าหมายเลขเก้าสามห้านี้มีอยู่จริงและหมายถึงปัญญาประดิษฐ์อย่างเบลล์ แต่คงไม่ใช่แน่ แม่สาวนักบู๊นี่ไม่ใช่ผู้เล่นจริงๆหรอก ด้วยความจริงที่ว่าไม่มีผู้เล่นคนไหนสามารถรู้รหัสที่ไลออนสร้างให้ได้ มิหนำซ้ำรูปแบบการจัดเรียงตัวเลขแบบนี้ก็ใช้กับโปรแกรมหรือเอ็นพีซีเท่านั้น เฮ้อ~คิดมากไปไหมเวียร์

    ตูม!!! จู่ๆก็เกิดเสียงดังจนน่าตกใจ! อะไรสักอย่างกระทบสายน้ำ

    "หนีเร็ว!" พลันคุณเธอตะเบ็งเสียงราวกับคนเจอผี "หนีก่อน!"

    มอออ!!! มินะทอร์ตัวเดิมร้องกังวานในขณะที่มันเริ่มวิ่งตะบึงตัดกระแสน้ำเข้ามาใกล้! คือสุดท้ายมันตัดสินใจกระโดดตามมาเหรอเนี่ย!? ตายๆๆๆ ฉันเพิ่งเลเวลหนึ่ง! เฮ้ยคนนะไม่ใช่หญ้า

    "มาทางนี้!" ผมรู้ว่าต้องไปที่ไหน ทุยตัวนี้สุดท้ายต้องไม่กล้าตามมาแน่นอน อะ... (-*-) แล้วเธอวิ่งไปไหนน่ะเบลล์

    กรี๊ดดด! โน่นวิ่งไปโน่นแล้วโดยมีเจ้าควายยักษ์ตามตูด รู้เลยว่าการมีสตินี่สำคัญมากๆ ไม่อย่างนั้นสาวเจ้าคงไม่ฉุดผมโดดเหวจริงไหมครับ ฮ่าฮ่าฮ่า~ ลาก่อนเบลล์

    คำถามท้ายตอน : คุณคิดว่าผมกับเบลล์ใครอายุมากกว่ากัน?
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×