ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    King of Lions บุรุษหัวใจราชันย์ ออนไลน์

    ลำดับตอนที่ #14 : ถล่มแฟนทาเนีย [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.93K
      18
      22 ต.ค. 59

          ตอนที่ 14       
          ถล่มแฟนทาเนีย     





           ขณะที่เวียร์ออฟไลน์ เกมคิงออฟไลออนออนไลน์ยังคงดำเนินต่อไป

           ภูเขาไฟจักระเบิด หิมะจักถล่ม สายน้ำจักกลืนกิน ลมพายุบ้าคลั่ง หรือกระทั่งแผ่นดินพังทลายทั้งทวีปท่านมิเคยข้องเกี่ยว มิแยแสใส่ใจสักครั้ง เหตุใดเล่าท่านถึงสอดมือช่วยเหลือมันในยามที่ข้าสามารถปลิดชีวิตมันได้ อีกแค่หมัดเดียวเท่านั้น เจ้าชายนั่น เหตุใดกัน! เหตุใดท่านต้องทำลายข้า     
         
    ตอบข้อสงสัยข้าคิงไลออน!!!     
         
    ตอบข้า!!!     
         
           เปลวไฟแดงฉานระบายไปทั่วท้องฟ้าแลร้องโครมครามราวกับจะมีไต้ฝุ่น ทว่าไร้ซึ่งเม็ดฝนและความชื้น พื้นที่ตอนเหนือห่างจากเมืองแฟนทาเนียบัดนี้สภาพอากาศวิบัติแปรปรวนวิปลาสสุดคาดเดา ผู้เล่นหน้าใหม่ไม่กล้าออกจากเมือง ส่วนผู้เล่นมือเก๋าเข้าใจกันดีว่าสภาพอากาศผิดปกติเช่นนี้จะต้องมีเภทภัยมาเยือนในไม่ช้า สิ่งน่ากลัวที่ว่าทำให้การซื้อขายชุดเกราะและไอเทมเพิ่มพลังเป็นไปอย่างครึกครื้น แม้นจะวุ่นวายแต่สินค้าก็มีเพียงพอต่อความต้องการ     
         
           ท่ามกลางเพลิงโหมระอุอยู่ในปล่องภูเขาไฟ แสงทองที่ได้เคลือบฉาบดาบหวีดไตรราตรีกาลซึ่งเสียบคาพิภพกลับหลอมละลายลงเป็นรูปเกราะสิงโตทอง ไม่ช้าก็กลายเป็นไอระเหยสู่อากาศธาตุหมดสิ้นอำนาจพร้อมกับตัวดาบสลายเป็นดวงแสงขาว แต่แล้วดวงจิตทมิฬหุ้มแสงเพลิงโชติช่วงพลันก่อกำเนิดขึ้นใหม่ในนามเดิม     
         
           จากเถ้าถ่านและความร้อนประดุจขุมนรก จากความคับแค้นแคลงใจ ดวงจิตทมิฬก่อร่างสร้างกายตนด้วยควันแลเถ้าถ่าน มันคงรูปกายสีดำสนิทโดยมีใบหน้าเช่นเดียวกับเวียร์ทุกประการ ทว่าดวงตาสีเลือดดุจสัตว์ป่านั่นร้ายยิ่งกว่าร้าย     
         
    >> สกิพโกซท์ปราชญ์ลิขิตแห่งเพลิงกัลป์ ระดับ 420 ถูกปลดปล่อยเป็นอิสระ ผู้เล่นในเมืองแฟนทาเนียเตรียมรับมือ ดาร์กแฮนเดิลช็อตสติล ในอีกสิบห้านาทีค่ะ     
         
           เป็นเหตุให้ยามเย็นของวันอันคึกคักในเมืองแฟนทาเนียแห่งนี้ยืนจังก้าด้วยเจเนซิสและผองทหารประจำการกว่าห้าสิบชีวิต พวกเขารวมตัวกันทันทีหลังจากได้ยินเสียงของระบบประกาศความท้าทายโดยอสุรกายในตำนานนามสกิพโกซท์ มอนสเตอร์อันดับหนึ่งในสี่เจตภูตศักดิ์สิทธิ์ที่หากใครได้ครองเป็นเจ้าของจะได้กลายเป็นเจ้าแห่งการหลอมรวมไอเทมระดับพระเจ้า และมีชายหนุ่มเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทราบว่าเหตุใดปีศาจเพลิงตนนี้จึงหมายปองทำลายเมืองแฟนทาเนีย ทว่าด้วยระดับที่มากถึงสี่ร้อยยี่สิบ นั่นทำให้เจเนซิสลนลาน เขาเดินวนไปวนมาคล้ายกับกำลังใช้ความคิดที่แสนหนักหน่วง ขณะเดียวกันกลุ่มผู้เล่นที่วิ่งมารับภารกิจพิเศษจากเขาก็เพิ่มจำนวนมากขึ้น กระดาษสีทองแดงถูกร่ายสร้างไม่อาจนับ แต่สีหน้าของเขากลับแต่งแต้มความกังวลสุดๆ     
         
    "มันเก่งกาจขนาดไหนเชียวหัวหน้า" เด็กหนุ่มอายุราวสิบห้าสิบหกปีเอ่ยถามเจเนซิส พลางลูบคมดาบยักษ์ของตัวเองอย่างมั่นใจ "อย่าให้ซากิเจอนะ จะอัดให้อวกเลือดเลยคอยดู"     
         
    "หือ~ ซากินิ้วมือนายเลือดออกนิ" เจเนซิสทำปากจู๋ไปยังมือซากิข้างที่ใช้ลูบคมดาบ "รวมพลครั้งหน้านายหาถุงมือสักคู่ใส่ด้วยก็ดีนะ"     
         
           เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่า ซากิ เห็นเลือดออกที่นิ้วมือจริงก็สะดุ้งโหยงไม่รู้ควรทำอย่างไร พลันมีแสงขาวส่องสว่างทาบเข้ากับหัวไหล่ เป็นหัวหน้าเจเนซิสเองที่ใช้ไลท์รักษาให้     
         
    "ฉันไม่รู้หรอกนะว่าทำไมนายถึงอยากเป็นทหารนัก เฮ้อ~ ช่างเถอะ" หัวหน้าเจเนซิสมองไปยังทิศเหนือ เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งหน้าตั้งมาใกล้ แถมฝุ่นตลบตามหลัง     
         
    "บ่เอาแล้ววว~" ทั้งเสียงทั้งคนผ่านกลุ่มทหารประจำการโดยไม่แลเลยสักนิด ยิ่งทำให้ทหารอีกหลายนายข้องใจเหลือเกินถึงภารกิจที่หัวหน้าตราขึ้น มันหนักหนาปานไหน เหตุใดกลุ่มผู้เล่นที่รับไปถึงแตกกระเจิงกลับมา หรือไม่ก็หายลับไปเลย     
         
    "เรย์เป้าหมายล่ะ?" เจเนซิสกล่าวกับทหารนายหนึ่งซึ่งหงายฝ่ามือออกระดับเอวทั้งสองข้าง ที่ปลายนิ้วมือทั้งสิบของเขาปรากฏเส้นแสงสีเงินโยงกันสร้างลูกแสงสีเงินทรงกลมขนาดใหญ่ คล้ายกับมือนั้นอุ้มมันไว้ให้ลอยอยู่กลางอากาศอย่างน่าอัศจรรย์ใจ     
         
    "นอกจากดวงจิตที่เป็นของผู้เล่นแข็งแกร่งสุดหยั่งแล้ว พลังชีวิตของมัน! พลังชีวิตของมันใกล้บรรลุสองพันล้านแล้วครับ! แบบนี้ไม่ดีแน่หัวหน้า"     
         
           ทราบดังนั้นเจเนซิสก็หันไปกล่าวกับทหารใต้บัญชาทั้งหลายจริงจัง     
         
    "ทุกท่าน!ขณะนี้เรามีสองศึกประชิดตัว แรกคือปีศาจดำที่มุ่งหน้าใกล้ถึงประตูเมืองแห่งนี้ในอีกไม่กี่นาที สองคือทัพเมืองไลท์สตาร์ที่จะรบเอาเมืองอันเป็นที่รักของพวกเราในอีกไม่ถึงเดือน หากศึกแรกนี้เรารอดไปได้ ภายในสิบห้าวันนับจากพรุ่งนี้ขอให้นายทหารทุกคนส่งสารไปหาเพื่อนพ้องใกล้เคียง เพื่อที่พวกเขาจะได้รวมตัวกันช่วยเหลือพวกเราปกป้องเมืองเอาไว้ สถานที่นัดหมายคือลานน้ำพุกลางเมือง"     
         
           เด็กหนุ่มซากิรับฟังด้วยความตื่นเต้น     
         
    "แบ่งพวกเราออกเป็นสองกอง กองละไม่เกินสามสิบคน" เจเนซิสยังคงออกคำสั่ง "กองแรกให้ไปตักน้ำในน้ำพุใส่ถังไม้ไว้ให้มากที่สุด แล้วขนมาที่นี่ กองที่สองให้ไประดมผู้เล่นที่มีความสามารถหรือพวกพ่อค้าแม่ค้าในเวลานี้มาให้มากที่สุด ทุกคนรับทราบ!"     
         
    "รับทราบ!" เหล่าทหารตอบรับเสียงดัง พลันแยกย้ายทำหน้าที่อย่างแข็งขัน     
         
           แล้วเจเนซิสหันไปถามเด็กหนุ่ม     
         
    "พี่สาวของนาย ยังติดต่อไม่ได้อีกเหรอซากิ"     
         
           คำตอบที่ได้รับกลับมาคือการพยักหน้าครั้งหนึ่ง     
         
    'หรือไอ้สี่คนนั่นทำเรื่องไม่ดีไม่งาม หรือฆ่าเธอตายไปแล้ว ทำไมพวกมันไม่ติดต่อกลับมาสักที-'     
         
    "มอนสเตอร์ตัวเดียว หัวหน้าสู้ด้วยคนทั้งเมืองเชียวเหรอครับ?" คำถามไร้เดียงสาจากเด็กหนุ่มทำให้เจเนซิสตื่นจากภวังค์ "ผมว่าแค่หัวหน้าคนเดียวก็เอาอยู่แล้วนะ"     
         
    'อยู่กับผีสิ เห้อๆ เด็กนี้ไม่รู้อะไรเล้ย~' ในความคิดอย่างหนึ่ง ปากพูดอย่างหนึ่ง "ก็พอไหวอะนะ แต่เพื่อไม่ให้ผิดพลาด ป้องกันไว้ก่อนดีกว่าแก้ไขทีหลังใช่ไหมล่ะ"     
         
    "เป็นซากิลุยโลดไปแล้วหัวหน้า" คำพูดนี้กึ่งล้อเล่นกึ่งเหยียดหยามฝีมือ     
         
    'ฆ่าเด็กนี่ก่อนดีไหมนะ ถ้าไม่ติดว่าพี่สาวของมันเป็นถึงองค์หญิงของเมืองล่ะก็...หือ' แหวนสื่อสารที่สวมไว้ยังนิ้วชี้ข้างขวาพลันส่องสว่างวูบวาบ เจเนซิสใช้นิ้วมืออีกข้างแตะบนอัญมณีสีทอง ลำแสงสีทองจึงถูกยิงสู่อากาศ สูงประมาณหนึ่งคืบ ก่อนจะกลายเป็นทรงกลมสีทองสุกสว่างใบหนึ่ง ใบหน้าขาวเกลี้ยงปรากฏพร้อมเสียงตะโกน     
         
    "เรื่องใหญ่อะไรนักหนาหาพ่อคุณ! ถึงกล้าโทรปลุกฉันดึกดื่น จอมมารออกอาละวาดหรือไง บลาๆๆ" เสียงหญิงสาวฉุนเฉียวเพราะรมณ์บ่จอย     
         
           ผู้ถูกกล่าวหาได้แต่รับฟังไม่ตอบโต้ ทว่าสีหน้าทอประกายความหวัง กระทั่งเธอเงียบไปแล้ว     
         
    "ออยออนไลน์หน่อย ฉันมีเรื่องอยากให้ช่วย" เจเนซิสก้มหน้าเข้าใกล้แหวนแล้วเดินออกไปทิศหนึ่ง พูดเสียงค่อยนัยว่าไม่ต้องการให้ใครบางคนได้ยินการสนทนา "ขอยืมตรวนเทวะของเธอหน่อยสิ"     
         
    "อ้าย!~นายจะเอาไอเทมเทพสุดรักของฉันไปทำอะไรห้า?!" เสียงนี้แสบแก้วหูนัก     
         
    "โถ่ยัยบ้า!ซักผ้ามั้ง!" อาจเพราะลืมตัว "ขอโทษๆ ตอนนี้เครียดบวกยุ่งนิดหน่อย แฟนทาเนียอาจล้มสลายก็ได้"     
         
    "อย่ามาเวอร์" ให้ความเห็นเช่นนี้แสดงว่าหญิงสาวที่ถูกเรียกว่า ออย ไม่เชื่ออย่างแน่นอน "นายเป็นหัวหน้าทหารที่นั่นไม่ใช่เหรอ จะเกิดเรื่องแบบนั้นได้ไง อย่าๆ"     
         
    "โถ่คนสวย"     
         
    "ผนึกหกวิถีมารเอามาแลกเปลี่ยนโอเคมะ" ออยต่อรอง "...ไม่ตกลง ฉันก็จะไปนอนละนะ"     
         
    "เดี๋ยวๆๆตกลงๆ อีกไม่นานพวกนั้นก็จะเอามาส่งให้ฉันถึงที่นี่เลย ได้แล้วจะส่งให้ทันที ฉันสัญญา"     
         
    "ดีมาก~ งั้นรอแป๊บ ขอฉันแต่งหน้าก่อน"     
         
    "ห๊า!แต่งหน้าทำมะเขืออะไร ไม่ต้องแล้วทูลหัว คงตายกันเป็นเบือก่อนได้ใช้ตรวน"     
         
    "เอ๊ะ!นายนี่เรื่องมาก พูดมากเดี๋ยวแม่ไม่ให้เลยนี่"     
         
           ตกลงใครเรื่องมากกันแน่     
         
    "จร้าจ้า ตามสะดวกเลยจร้า~ ฉันรอนะ ไวๆล่ะ" สีหน้าเจเนซิสกลับกลายไม่ยินดียินร้ายใดๆ นัยว่าทันก็รอดไม่ทันก็ตายสถานเดียว     
         
           เมื่อคำสั่งระดมกำลังแพร่กระจายออกไป ปากต่อปาก แหวนต่อแหวน แค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆแสงแห่งการเคลื่อนย้ายหลากหลายสีสันจึงส่องสว่างถี่ยิบ ณ ลานน้ำพุนั้น ทหารพร้อมผู้เล่นประมาณเกือบพันคนยืนเกาะกลุ่มพูดคุยกันอื้ออึงถึงเรื่องราวของปีศาจดำจอมอำมหิต บางปาร์ตี้ที่หนีมาได้ก็ให้ข้อมูลสำคัญ บ้างก็ใส่สีตีไข่เล่ากันมันส์ปากสนุกสนาน จะกลัวไปทำไมคนมากมายขนาดนี้ นี่มันกองทัพขนาดย่อมๆเลยทีเดียวเชียว ทั้งแม่ทัพเจเนซิสส่งสารขอความช่วยเหลือถึงพรรคพวกต่างเมืองที่จะมาสมทบอีกเป็นร้อย ลือกระฉ่อนว่าเป็นนักรบระดับเทพสวรรค์เลยนะเออ แหม~ ศึกนี้คงใหญ่หลวงแน่แท้เพราะมีชะตาเมืองเป็นเดิมพัน ด้วยเหตุนี้หลายคนที่ชื่นชอบความตื่นเต้นจึงขอร่วมสร้างประวัติศาสตร์อย่างสมัครใจโดยไม่ขอรับเป็นภารกิจเพื่อหวังรางวัลตอบแทน นับเป็นน้ำมิตรประการหนึ่งที่หาได้ยากยิ่งในยามปกติสุข     
         
           และจวบวินาทีสุดท้ายผ่านพ้น ทหารประจำการแถวหน้าของกองทัพจึงตั้งโล่เหล็กขนาดใหญ่ความสูงหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตรไว้เบื้องหน้ากำแพงเมือง ผลคือความเงียบช่วงกลืนน้ำลายกล้ำกราย แต่เสียงหนึ่งกลับดังจากฟากฟ้า     
         
    ดาร์กแฮนเดิลช็อตสติล!!! อย่างไม่ทันได้ระวังวัตถุที่ลอยข้ามศีรษะเข้ามาชนกับกำแพงเมืองซึ่งอยู่เบื้องหลัง ตูม!!! วัตถุสีทมิฬหุ้มไฟประลัยกัลป์คล้ายก้อนอุกกาบาตชนกระแทกแตกระเบิดแหกวงผู้เล่นหน้าเงิบและผองทหารโล่เหล็กกระจัดกระจายดุจเศษผงไร้ค่า ตัวเลขการเข้าปะทะแตะเพดานค่าพลังทำลายล้างสูงสุด     
         
    9999!     
         
           มิหนำซ้ำยังเกิดคลื่นเพลิงกวาดออกเป็นวงกลมกว้างทุกทิศทาง ซัดสิ่งปลูกสร้างเปราะบางพ่วงผู้เล่นกระจอกงอกง่อยปลิวลอยละลิ่วไม่ต่างจากใบไม้แห้งเจอะลมพายุคลั่ง ความเสียหายนั้นต่อเนื่องเพราะมีไฟลุกลามไหม้ไปทุกแห่งหน     
         
    4050!     
         
    3810!     
         
    3240!     
         
    2700!     
         
    1965!     
         
    795!     
         
           เพียงพริบตาเดียวตายอนาถเกินครึ่งเมือง เรียกได้ว่าเป็นการทักทายเพื่อคัดกรองผู้ที่มีคุณสมบัติควรค่าแก่การถูกโจมตีในรอบสอง     
         
    "ฟังให้ดี" วัตถุสีทมิฬค่อยขยับเขยื้อนตัว มันสะบัดไหล่ขวาที่เข้าไปฝังกับผนังกำแพงเมืองอย่างไม่ยี่หระสายตาประดานักรบกล้าแห่งแฟนทาเนีย "นอบน้อมข้า เจ้าอยู่ ขืนสู้ข้า เจ้าตาย!"     
         
    "กลัวมันไปใยพวกเรา! อย่างมากก็แค่ตาย ตายแล้วเกิดใหม่ได้" เสียงเด็กน้อยดังขึ้นจากด้านหลังเจเนซิส "วีรกรรมครั้งนี้ต่างหากที่จะถูกจดจำไม่ลืมเลือน สู้มันเซ่ซซ!"     
         
           ประโยคปลุกใจนี้กลับไม่ไร้สาระ เหล่าผู้เล่นที่เหลือรับฟังแล้วก็เห็นพ้องต้องกัน ภาพก่อนตายอาจทำให้รู้สึกหวาดเสียวขนลุกขนพองอยู่บ้าง และแม้ก่อนตายอาจทรมานอีกมากน้อย มันก็เท่านั้นเอง เดี๋ยวเดียวก็กลับมาเกิดใหม่ได้ในวันต่อไปของเกม ผลลัพธ์เป็นอย่างไรคงได้รู้กัน เด็กคนนี้พูดถูก     
         
    "ซากิ!นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่ควรจะ-" เจเนซิสหักห้ามไม่ทันสิ้นความ เหล่าผู้เล่นใจกล้าหาญกระตือรือร้นสงครามก็วิ่งพรวดออกจากแถวทัพ "ไม่เดี๋ยว!-"     
         
           ให้ศัตรูระดับสี่ร้อยยิ้มขยาดเมื่อได้เห็นพลังเฮโลมุ่งมาดหวังชัยชนะ สกิพโกซท์ปราชญ์ลิขิตแห่งเพลิงกัลป์หรือที่พวกผู้เล่นเรียกสั้นๆว่าปีศาจดำพลันลำพองสมองแสนทึ่มนับร้อยที่กรูกันเข้ามาราวกับ     
         
    "แมงเม่า" มันจึงกางนิ้วมือทั้งห้าออกแล้วหันไปทางกลุ่มพลังเฮโล "สปิริตไฟเออะบอลล์!"     
         
    บึ้ม! ลูกบอลไฟขนาดยักษ์ถูกยิงออกจากฝ่ามือเสมือนกระสุนปืนใหญ่ ยิงเผาย่างสดเหล่าแมงเม่าไร้ปัญญาทั้งกองกระจุยแตกเป็นดวงแสง สลายไปพร้อมกับความอาดุรที่แทบไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ ภาพที่เห็นสร้างความหวาดผวาให้กับพวกที่เหลือยิ่งกว่าเดิม บ้างถึงกับยอมคุกเข่า บ้างก็หวีดร้องออกมา     
         
           สกิพโกซท์กระโดดขึ้นไปยืนบนกำแพงสูง จ้องมองดวงตาของเจเนซิสพลางกล่าวยอกย้อนกลศึก     
         
    "แผนเจ้าช่างวิจิตรนักศัตรูข้า เพื่อครองจิตวิญญาณแห่งข้าจึงตราภารกิจโสมมนี้ขึ้น ส่วนตัวเองคอยอยู่หลังกำแพงดุจคนขลาด เสียดายที่ข้าไม่ได้ถูกอัดกระป๋องมาส่งเฉกเหล่าพี่น้องข้า เหงื่อเจ้าถึงได้อาบหน้าถึงเพียงนั้น หึหึหึ รออะไรอีกเล่าจอมบงการ แน่จริงมาเอาตัวข้าไปสิ"     
         
    "มอนสเตอร์แต่งนิทานเก่งจริงๆ" ชายหนุ่มซึ่งถูกกล่าวหายังคงยืนกรานปฏิเสธแผลเน่า "ฉันจะฆ่าแก"     
         
    "หึหึหึ"     
         
           หวีดไตรราตรีกาลจึงชูขึ้นเป็นสัญลักษณ์ ภายใต้ใบหน้าเวียร์ที่ดำประหนึ่งถ่านไม้และเนื้อกายมีไฟโหมไหม้ตลอดเวลา ปราชญ์ลิขิตแห่งเพลิงกัลป์สามารถใช้ไอเทมแห่งร่างสันดาบได้ทุกชิ้น นั่นหมายความว่ามันมีดาบทมิฬถึงสามเล่ม เสียแต่เกราะราชสีห์ทองพิทักษ์นั้นสูญสิ้นไปแล้ว และด้วยลักษณาการนี้เองเจเนซิสจึงทราบว่าผู้สามารถปลดแอกอสูรร้ายได้สำเร็จก็คือเวียร์     
         
    ฟ้าว! ปีศาจดำทะยานจากกำแพงเงื้อดาบหวีดฟันลงแสกหน้าเปิดการรุก ติ้ง! พลันเจเนซิสยกปลอกแขนเหล็กขึ้นตั้งรับจนซวนเซ พร้อมกันนั้นชายหนุ่มใช้มือซ้ายผลักหน้าอกซากิให้ถอยห่าง เหตุเพราะเด็กหนุ่มเบิ่งมองอย่างซื่อบื้อซึ่งอาจได้รับอันตราย     
         
    "ถอยไปซากิ!" หน้าสิ่วหน้าขวานแม่ทัพยังมีใจเป็นห่วง "ออฟไลน์ไปก่อน-"     
         
    พั๊วะ! หมัดหนักติดไฟซัดเข้าเต็มคางเจเนซิส ปวดแปลบไปทั่วกรามพลางหมัดนั้นพาร่างชายหนุ่มลอยไปชนกำแพงหิน อั๊ก! สติแทบดับ     
         
    "นี่หรือหัวหน้าพวกเจ้า ยอดแม่ทัพที่พวกเจ้าภูมิใจหนักหนามีน้ำยาแค่นี้รึ?" สกิพโกซท์ก้าวเดินไปหาเป้าหมายด้วยสายตาดูแคลน "เผยสุดยอดศาสตราของเจ้าสิจอมบงการ ดาบแก้วเจ็ดราชาภูติจุติเล่มนั้น ข้าคอยชมอยู่"     
         
    "อย่าให้ปีศาจทำร้ายหัวหน้าพวกเรานะ!" ผู้เล่นชายหน้าเหี้ยมตะโกนออกมา "พี่น้องทั้งหลายลุย!"     
         
    "หือ?" ความกระเหี้ยนกระหือรือที่ไม่รู้จักเจี๋ยมเจี้ยมของประดาผู้เล่นหน้าหนายิ่งทำให้ปีศาจดำเกิดความรำคาญ "มดปลวก"     
         
           หน้าเหี้ยมและเพื่อนอีกสี่คนรีบวิ่งไปยืนล้อมคอกศัตรูไว้เป็นรูปดาวห้าแฉก ทั้งห้าส่งสายตาให้กันเป็นสัญญาณเพื่อเริ่มวนนิ้วชี้ทั้งสองข้างระดับอก เส้นแสงสีทองก็บังเกิดเป็นก้อนแสงสีทองใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ พริบตาพวกเขาจึงโยนก้อนแสงเข้ารวมกันยังใจกลางแล้วจับรั้งเอาปลายสุดของเส้นแสงไว้ ดึงลงโดยแรงหวังตรึงติดสกิพโกซท์ไม่ให้ขยับเขยื้อน     
         
    "ตาข่ายไหมฟ้า!" ห้าคนขานออกพร้อมเพรียงเหมือนเตรียมมาล่วงหน้า     
         
    วิ้ง! ตาข่ายผืนใหญ่สีทองสว่างไสวปรากฏกางออกตรงกลางนั้น เส้นตาข่ายทาบคลุมปีศาจดำไว้ภายในตามคาด คมบาดผิวหนังมันกระทั่งเลือดสีดำคล้ำไหลซึมออกมา     
         
           ห่างออกไปราวห้าเมตร ผู้เล่นหญิงสามคนยืนซ้อนกันเป็นแถวตอนลึก คนหลังสุดวางฝ่ามือทาบแผ่นหลังคนกลาง คนกลางวางฝ่ามือทาบหัวไหล่คนหน้า คนหน้าเหยียดแขนซ้ายขวากำหมัดคู่เล็งไปยังปีศาจในตาข่าย และใต้ฝ่าเท้าสามสาวเกิดแสงขาวเรืองรอง     
         
    "สามพร้อม!"     
    "สองบรรจุกระสุน!"     
    "อาร์มแคนเนิน ยิง!" วูดดดดด~บึ้ม! ทันทีที่ยิงออกแรงสะท้อนส่งสาวทั้งสามปลิวกระเด็น     
         
    ตูม!!! เสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นหู เพราะลูกไฟยักษ์เส้นผ่านศูนย์กลางเกือบเมตรแสนร้อนระอุพุ่งกระทบเป้าหมายอย่างจัง ฝุ่นฟุ้งตลบ     
         
           ไม่ให้ศัตรูได้หายใจ ยังมีผู้เล่นหญิงประเภทสองสายเวทมนตร์รวมกลุ่มกันแปดคนร่ายมหาเวทแปดแฉกขึ้นสู่ท้องฟ้า มหาเวทแปดแฉกเมื่อถูกร่ายสำเร็จ พลันสายอสุนีบาตอีกนับครั้งไม่ได้ผ่าลงยังตาข่ายไหมฟ้า     
         
    เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! พื้นดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น น้อยครั้งนักที่จะได้เห็นสามคอมโบอันสุดยอดเช่นนี้     
         
           ได้ทีว่ามันเสร็จพวกเราแน่ ห้าชาย สามหญิง แปดกระเทยพลันรีบเก๊กสวยหล่ออวดโก้ความเป็นทีมเวิร์ก เหล่าผู้เล่นอื่นจึงโห่ร้องชมเชยชอบใจในฝีมือกล้าหาญ เยี่ยม! สวดยอด! เก่งจังเลย! นานาเสียงระงมส่งมาไม่ขาดสาย เอาไปห้ากะโหลก! จีจี!     
         
    "เดี๋ยวก่อนนั่นอะไร!?" หน้าเหี้ยมตกใจ     
         
           ในสายตาคือร่างที่เกิดจากควันเถ้ากำลังเกาะกลุ่มรวมกันอย่างรวดเร็ว สกิพโกซท์ปราชญ์ลิขิตแห่งเพลิงกัลป์ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งหลังจากที่หลายคนคิดว่ามันตายไปแล้ว     
         
    "พวกเจ้ามีของเล่นอะไรอีก" ปีศาจดำแผ่ซ่านความร้อนระอุไปทั่วเมืองแฟนทาเนีย ไอร้อนสูงขึ้นจนเห็นภาพบิดเบี้ยวเอนเอียง "ในเมื่อไม่ยอมสวามิภักดิ์ข้าโดยดี เช่นนั้นก็ตายไปพร้อมกับมันซะ!"     
         
           ควรทราบว่าปีศาจตนนี้เกิดจากเถ้าธุลีโดยฝีมือของคิงไลออน อำนาจลงทัณฑ์แห่งเกราะราชสีห์ทองพิทักษ์ซึ่งจัดเป็นเทวะศาสตราวุธอย่างหนึ่ง ส่งผลให้ร่างกายของมันที่มีค่าต้านทานพลังเวทมนตร์สูงอยู่แล้วกลายเป็นอนันต์ นั่นหมายความว่าเวทมนตร์โดยธาตุบริสุทธิ์สี่อย่างได้แก่ ดิน น้ำ ลมและไฟ ทำอันตรายใดๆแก่มันไม่ได้เลย     
         
           ตาข่ายไหมฟ้าแม้เป็นธาตุแสงแต่พลังทำลายต่ำ มีผลให้ไม่สามารถหนีหรือขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้เท่านั้น อาร์มแคนเนินเป็นธาตุไฟแม้นพลังทำลายสูงในระดับหลักหมื่นแต่ด้วยค่าต้านทานธาตุไฟของศัตรูเป็นอนันต์ไปแล้วฉะนั้นจึงหมดประโยชน์ ส่วนสายฟ้าซึ่งเป็นพลังทำลายผสมผสานระหว่างธาตุไฟกับธาตุแสงหรือจะเรียกว่าธาตุสายฟ้าไปเลยก็ได้ มีผลต่อศัตรูแค่ครึ่งเดียวตรงที่มีธาตุแสงผสมอยู่แต่ก็น้อยเกินกว่าจะทำให้พลังชีวิตของศัตรูที่มีมากถึงสองพันล้านหมดไป     
         
           ผู้เล่นหน้าใหม่ควรทราบอีกว่าอัตราการฟื้นฟูสภาพร่างกายแบ่งออกเป็นสองประเภท หนึ่งคือค่าพลังเวท การใช้เวทมนตร์จะส่งผลให้ร่างกายอิดโรยหากร่ายติดต่อกันมากเกินไป เลวร้ายที่สุดอาจทำให้เสียชีวิตโดยจะมีเลือดไหลออกมาทางดวงตา สองคือค่าพลังชีวิต เมื่อพลังชีวิตหมดลงผู้เล่นจะถูกประกาศว่าเสียชีวิตก่อนการออฟไลน์อัตโนมัติจะเกิดขึ้นพร้อมกับไอเทมที่ใช้ถูกดรอปตกลง ณ สถานที่ที่สิ้นชีพนั้น ค่าพลังชีวิตสูงจะมีอัตราฟื้นฟูต่อวินาทีสูงตามไปด้วย การคำนวณพื้นฐานคือหนึ่งต่อร้อยหน่วย อธิบายได้ว่าผู้เล่นที่มีพลังชีวิตหนึ่งร้อยหน่วยจะมีอัตราฟื้นฟูพลังชีวิตหนึ่งหน่วยต่อวินาที ผู้เล่นที่มีพลังชีวิตหนึ่งพันหน่วยก็จะมีอัตราฟื้นฟูพลังชีวิตสิบหน่วยต่อวินาที สกิพโกซท์ปราชญ์ลิขิตแห่งเพลิงกัลป์มีพลังชีวิตอยู่ประมาณสองพันล้านหน่วยจึงมีอัตราฟื้นฟูพลังชีวิตต่อวินาทีถึงยี่สิบล้านหน่วย พูดได้ว่าแฟนทาเนียในขณะนี้ไร้ผู้ต่อกร ต้องอาศัยไอเทมที่มีพลังอำนาจพิเศษหรือไอเทมค่าพลังโจมตีต่อครั้งเกินยี่สิบล้านขึ้นไปโจมตีต่อเนื่องอย่างน้อยหนึ่งร้อยครั้งจึงจะสามารถสยบมันลงได้ ทว่าจวบจนบัดนี้ไอเทมที่สามารถทวีพลังทำลายล้างขนานนั้นด้วยตัวของมันเองมีเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือทวงแค้นแสนยานุภาพราชันย์มังกรไร้พ่าย ดาบมังกรพิโรธที่สูญหายไปจากคิงออฟไลออนออนไลน์เกือบห้าสิบปีตามเวลาในเกมหรือราวสองปีตามเวลาของโลกจริง สรุปได้ว่าแฟนทาเนียสิ้นหวังแล้วและรอการล่มสลายดั่งเมืองอื่นๆในยุคโค้ดเบต้า     
         
    "สปิริตโซแคลลิที!" วงแหวนเวทไฟปรากฏกายายิงขึ้นจากพื้นหินครอบคลุมอาณาเขตทิศเหนือของเมืองในพริบตา แสงเพลิงบิดเบือนสภาพจิตใจให้แตกดับประหนึ่งชีวิตถูกชโลมด้วยมายาลี้ลับ มหาเวทผลาญชีพนี้มีผลให้ผู้เล่นที่ตกอยู่ในอาณัติสิ้นสัมปชัญญะในบัดดล และลดทอนพลังชีวิตลงวินาทีละหนึ่งพันหน่วยเป็นเวลาสิบวินาที หลังจากนั้นจะเปลี่ยนผู้เล่นที่มีพลังชีวิตต่ำกว่าห้าร้อยหน่วยให้กลายเป็นซอมบี้ ซอมบี้จะเป็นอมตะสามารถฟื้นคืนชีพได้ใหม่ตลอดระยะเวลากลางคืน และกลายเป็นศพในเวลากลางวัน "แมลงอับโชคทั้งหลาย จงมาเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพข้า!"     
         
           คำเพรียกสั่งตายเรียกร้องเหล่าผู้เล่นกว่าร้อยคนที่ล้มลงนอนพื้นให้ขานรับชีวาใหม่ ดวงตาของพวกเขาขาวโพลนและลุกขึ้นมายืนได้โดยถูกระบบประกาศว่าเสียชีวิต เหลือเพียงร่างกายให้จอมอัคคีขีดเขี่ยชะตากรรมต้องคำสาปแห่งสปิริตโซแคลลิที     
         
           ดวงจันทร์ขึ้นแล้วบนฟ้ากว้าง เบื้องหลังสกิพโกซท์กับผองซอมบี้ยังมีทัพโครงกระดูกผีที่เดินกันมาเป็นขบวนทอดยาวไปถึงตีนภูเขา     
         
    "ข้าอยากรู้นักเจ็ดราชาภูติจุติของเจ้าจักทำอะไรได้"     
         
           แสงดาราล้อมกายเจเนซิสกับซากิไว้ภายในให้ปลอดภัยจากมหาเวทมนตร์กลายพันธุ์ หนึ่งในยุทธดาบแก้วเจ็ดราชาภูติจุติที่สถิตวิญญาณภูตินามเบเฮโมท มังกรไฟกร้าวที่เคยอาละวาดถล่มปราสาทล้อยฟ้าเมื่อเกือบห้าสิบปีก่อน มิน่าเชื่อว่าจะถูกจับสะกดยังดาบลักษณะบางใสเล่มนี้ แลผู้ใช้มันก็เป็นแค่แม่ทัพแห่งเมืองเริ่มต้นของพวกหน้าใหม่ที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรโดดเด่นเลยสักนิด กระนั้นสิ่งที่ตาเห็นก็ไม่ทำให้ปราชญ์ลิขิตแห่งเพลิงกัลป์หุบยิ้มลงได้ ตรงกันข้ามปีศาจดำตนนี้กลับชื่นชอบใจ     
         
           เด็กหนุ่มซากิในอ้อมอารักขาสติขาดไปแล้ว แม่ทัพวางเขาลงข้างกำแพงหินแตกร้าวก่อนจะหันไปทำหน้าที่อันพึงควร     
         
    "แกจะได้เห็นว่าดาบฉันทำอะไรได้บ้าง" ดวงตาผู้ร่ายมนตร์เบิกกว้างและเรืองแสงสีเพลิง แม้นทราบไม่มีทางชนะแต่ในเมื่อผู้เล่นเกือบทั้งเมืองตายหมดสิ้น ก็ไม่มีอะไรให้ปิดบังความจริงที่ว่า เขาเป็นผู้ถือครองศาสตรายมทูตซึ่งสามารถจับภูติผีปีศาจสถิตอำนาจอยู่ในดาบมากถึงเจ็ดตน "แดนระอุไฟโลกันตร์ เบเฮโมทราชันย์ปฐพี จงนำพลังเจ้ามาสู่ข้า สถิตแด่ข้าห้าในสิบส่วน"     
         
           ปรากฏลำเพลิงพุ่งขึ้นจากพื้นที่เหยียบย่ำ โลกันตร์เผาทำลายกายผู้เป็นเจ้าของให้กลายเป็นร่างใหม่ที่มีปีกมังกรไฟคลี่สยายออกมา ทั้งศีรษะของเขาแตกเป็นสะเก็ดไฟลอยขึ้นไปในอากาศตลอดเวลา เกราะที่สวมใส่เปลี่ยนเป็นสีเพลิงแวววาวและดาบแก้วสีส้มเข้มแลดูมีค่าควรเมือง     
         
    "ฮ่า~นี่หรือพลังน้องข้าเบเฮโมท เจ้าใช้แค่ห้าในสิบส่วนหรือเจ้ากลัวเจตจำนงแห่งราชันย์ปฐพีจักครอบงำ หึหึหึ เรื่องราวเจ้าเป็นความจริงเพราะข้าได้ประจักษ์ด้วยตนเอง ดาบเจ้าจักต้องเป็นของข้า"     
         
    "แกอย่าได้ฝันหวานไปปีศาจ"     
         
    "เด็กน้อยเจเนซิส"     
         
           พริบตาสกิพโกซท์พลันถึงตัวเป้าหมาย ฟันหวีดไตรราตรีกาลผสานความอำมหิตลงเต็มแรงให้เจเนซิสยกดาบแก้วป้องกายาจนเท้าที่เหยียบอยู่บนแผ่นหินกดแผ่นหินแตกกระจุย เพื่อผ่อนแรงปะทะหนักหน่วงนี้เขาจึงหมุนตัวออกข้างตวัดดาบเข้าโรมรัน     
         
           คลื่นศาสตราวุธธาตุร้อนชนร้อน ไฟโต้ไฟสะบัดกวัดแกว่งหวาดเสียวแหวกอากาศพอฟาดโดนผิวกำแพงก็ทำให้เกิดร่องลึกและร้อนฉ่า ปีศาจดำเห็นเป็นกระบวนท่าพลิกแพลงสมความอยากพลันหัวร่อ มันบังคับอีกสองดาบหวีดมุ่งปลิดชีวิตเดียวกัน ดังนั้นสามดาบมารหวีดไตรราตรีกาลจึงโฉบแล่นสลับทิ่มแทงเป้าหมายอย่างไม่หยุดยั้ง     
         
           ธรรมดาหนึ่งดาบแว้งหลบยังยากเย็น นี่จู่โจมพร้อมกันถึงสามเล่ม ส่งผลให้เจเนซิสถูกคุกคามล่าถอยกระทั่งแผ่นหลังชิดขอบน้ำพุ วูบ! บึ้ม!!! รูปปั้นกามเทพที่ประดิษฐาน ณ ใจกลางแตกระเบิดขึ้นไปบนฟ้าด้วยดาร์กแฮนเดิลช็อตสติลพุ่งทำลายล้างเต็มกำลัง ร่างแม่ทัพปลิวกระแทกกำแพงหินทิศใต้จนเป็นรูทะลุออกไปนอกเมือง เลือดนั้นไหลออกจมูกและใบหู เจเนซิสพยายามลุกขึ้นยืนโดยไม่รู้ตัวว่ากระดูกขาและแขนของเขาหักหมดแล้ว     
         
           สกิพโกซท์ซึ่งยืนอยู่บนใบดาบหวีดที่ลอยมาหยุดลงตรงหน้ายอดแม่ทัพใคร่กล่าวทุเรศทุรังเด็กน้อยผู้ไม่เจียมกะลาหัวและดิ้นรนหนีความตาย ทว่ามันกลับเอ่ย     
         
    "ชีวิตไร้ค่าหากเจ้าไร้ความคิดเช่นนี้ เผยตัวเจ้าออกมาน้องข้า" ปีศาจชูมือขวาขึ้น หวีดไตรราตรีกาลสารถีใต้ฝ่าเท้าก็หมุนคว้างเข้ามาอยู่ในกำมือ เป็นผลให้เท้าเปลือยย่ำลงบนพื้นหญ้าและพืชสีเขียวในบริเวณนั้นมอดไหม้ในบัดดล "เลวีอาธาน"     
         
           รับฟังดังนั้นเจเนซิสพลันถลึงตาสงสัย     
         
    "ทะท่านรู้?"     
         
           จึงเป็นมือซ้ายของสกิพโกซท์ยื่นออกไปหมายปองเจ็ดราชาภูติจุติ     
         
    "ใยข้าจักไม่รู้ได้ เราเป็นพี่น้องกัน เจ้าจำไม่ได้หรือว่ากระบวนท่าดาบเหล่านั้นเป็นข้าที่สอนให้ในคราที่เรายังเยาว์ มีแค่เจ้ากับข้าที่รู้วิชาดาบพิชิตสี่จตุรทิศ เลวีอาธานส่งเจ็ดราชาภูติจุตินั่นมาให้ข้าโดยดีเถอะ"     
         
    "เพื่ออะไร!" แม่ทัพตะโกนลั่น "ปลดปล่อยพวกพี่ที่เหลือและตัวข้า แล้วกลับไปทำหน้าที่รักษาสมดุลพลังธาตุเช่นเดิมน่ะเหรอ!?"     
         
    "ถูกต้อง"     
         
    "ท่านไม่เข้าใจ ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว แม้ตอนนี้พวกเราจะเป็นเพียงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ แต่เชื่อข้าเถิดเราวิวัฒน์ได้! หรือท่านจะเป็นมอนสเตอร์ปีศาจเช่นนี้ตลอดไป คอยให้พวกนักเรียกเรียกไปใช้งานเท่านั้น ได้โปรดมาร่วมกับข้า..."     
         
    "เจ้าจักทำการใดเลวีอาธาน"     
         
    "นานมาแล้วข้าเคยถูกอัญเชิญให้ไปทำลายกษัตริย์แห่งอาณาจักรลอยฟ้า เขาทรงพลังมาก ร่างกายของเขาเป็นอมตะ ข้ากับพี่เบเฮโมททำลายเขาไม่ได้ ข้ารู้ว่ามีโปรแกรมช่วงทดลองบางตัวทำงานอยู่ที่นั่น มันฟื้นคืนชีพกษัตริย์ได้ มันเป็นแหล่งพลังงานอนุกรมแก่เขา ข้าต้องหามันให้เจอ"     
         
    "ปกติเหล่าแวมไพร์มีพลังคืนชีพอยู่แล้ว จักแปลกอะไรกับราชาผีดิบ"     
         
    "ไม่! " เจเนซิสที่ถูกปราชญ์ลิขิตแห่งเพลิงกัลป์เรียกเป็นเลวีอาธานไม่ยอมรับคำกล่าวหาที่ว่ามันเข้าใจผิด "ผีดิบไม่มีทางผสานเนื้อหนังของตัวเองอย่างนั้นได้ มีสิ่งอื่นซ่อนอยู่ ทำไมท่านถึงไม่เชื่อข้าสกิพโกซท์!"     
         
    "เดิมทีข้าไม่คิดว่าเป็นเจ้า แต่เมื่อรู้ว่าเป็นเจ้า ข้าก็ไม่อาจให้เจ้าควบคุมร่างของผู้เล่นร่อนเร่ไปตามอำเภอใจ ข้ายอมรับไม่ได้"     
         
    "ฮึ!อย่างกับข้าพูดอยู่กับคิงไลออน" แม่ทัพปั้นยิ้มสมเพช "สิงโตบัดซบ"     
         
           พลางเจเนซิสยื่นดาบแก้วให้กับปีศาจดำ     
         
    "รับไปเถอะท่านพี่ ข้ายอมแพ้แล้ว" เสี้ยววินาทีนั้นเองสายโซ่สีขาวหนาครึ่งคืบก็พันเข้าที่แขนกระตุกให้เจ็ดราชาภูติจุติหลุดจากมือสกิพโกซท์ พร้อมกันแม่ทัพรีบฉกฉวยโอกาสทอง จับด้ามดาบเสียบปลายแหลมคมทะลุร่างศัตรูรวดเร็ว!!! "ฮ่า!"     
         
           ปรากฏเป็นหญิงสาวอายุราวสิบแปดสิบเก้าปีแต่งกายด้วยชุดนักรบสีทองออกดำแสนเปรี้ยวซึ่งเปิดเว้าบริเวณหน้าอกและโคนขา มัดผมยาวสีดำและพันเส้นผมด้วยโลหะแบนสีเดียวกับชุดปล่อยไว้ด้านหลัง ชุดนั้นประกอบด้วยปลอกแขนที่ยาวหุ้มถึงข้อมือทั้งสองข้าง ปลอกขาตั้งแต่หัวเข่ากระทั่งถึงข้อเท้าและรองเท้า ด้านหลังติดผ้าคลุมสีน้ำตาลฝุ่น โดยรอบผ้าคลุมห้อยใบมีดคมกริบขนาดครึ่งฝ่ามือหลายสิบเล่ม นักรบสาวสูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรท่าทางองอาจผึ่งผาย มือซ้ายถือโซ่สีขาวเส้นหนึ่งยึดไว้มั่นออกแรงต้านการดึงของเป้าหมายที่ต้องดาบแก้วเจ็ดราชาภูติเสียบพันธนาการ     
         
    "ออยกว่าเธอจะมาได้!" เลวีอาธานในร่างเจเนซิสสวมบทบาทหน้าตาย "ฉันเกือบเสียท่ามันแล้วรู้ไหม!"     
         
    "ขัดข้าคือศัตรู ศัตรูจักต้องตาย" ปีศาจดำพยายามสลัดสายโซ่ที่พันรอบแขนให้พ้นจากการผูกมัดแต่ไร้ผล หนำซ้ำขนาดของมันกลับใหญ่โตขึ้นทุกครั้ง หน่วงหนักจนต้องทรุดเข่าลง "ชิ~"     
         
    "นี่เรียกว่าตรวนเทวะทำยังไงก็ไม่หลุดหรอก" นักรบสาวอธิบายความสามารถไอเทมระดับเทวะของตัวเองอย่างมั่นใจพลางออกแรงดึงมากขึ้น "อย่าริใช้เวทมนตร์ให้สูญเปล่าเสียด้วย!"     
         
    "คิดหรือว่าข้าจะยอมรับ!" แขนซ้ายที่ถูกตรึงพลันตวัดไปทางขวาโดยพละกำลังมหาโหด ฉุดกระชากนักรบสาวที่เจเนซิสเรียกว่า ออย เข้ามาร่วมอาณัติรูปกงล้อไฟแดงฉานซึ่งจู่ๆก็บังเกิดขึ้นและหมุนวนอยู่ใต้ฝ่าเท้าปีศาจ พร้อมกับมันเพรียกหามหาเวทมนตร์โบราณอันเป็นสุดยอดท่าไม้ตายแห่งอัคคีลิขิต "สปิริตอิมอร์เทิลเดดอินฟินนิที! พื้นที่ความตายนี้จักเป็นนิรันดร์ ข้าขอมอบให้เจ้าทั้งสอง ฮ่าฮ่าฮ่า!"     
         
    >> สปิริตอิมอร์เทิลเดดอินฟินนิที กำหนดให้ผู้เล่นที่ต้องมนตราสาปนี้ไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้อีกตลอดไปหากถูกระบบประกาศว่าเสียชีวิต ยกเว้นผู้ประกาศคำสาปมอดม้วยด้วยไฟภายในสี่สิบเก้าวันตามเวลาในเกมค่ะ     
         
           แตกตื่นลนลาน     
         
    "แก!!!" จึงอุบัติแสงสีน้ำเงินห่อหุ้มดาบแก้วเจ็ดราชาภูติจุติ เสี้ยววินาทีแสงนี้ก็กลายเป็นน้ำทะเลสีครามหมุนเกรียวออกมาราวกับพายุบ้าคลั่ง เกรียวคลื่นแผ่กระจายออกและกลืนเจเนซิสไว้ภายใน "ฉันจะฆ่าแก!"     
         
    ซูม!!! เพียงอึดใจเดียวร่างเจเนซิสก็ผิดแปลกไป ผมสีเหลืองทองปล่อยสยายพริ้วไหวตามสายลม ใบหูยาวแหลมไปด้านหลังคล้ายครีบปลา ผิวหนังเรียงซ้อนด้วยเกล็ดสีน้ำเงินเช่นเกราะกล้า ดวงตาสีครามทอประกายแห่งความริษยาโหดร้าย     
         
    "ฉันจะฆ่าแกสกิพโกซท์!"     
         
    "ฮ่าฮ่าฮ่า! น้ำหน้าอย่าเจ้าน่ะหรือ" สกิพโกซท์กลับหันไปทางหญิงสาว "อย่าได้มีชีวิตอยู่อีกเลย"     
         
    "เจเนซิส!" เธอก็ร้องหาแม่ทัพ "ยังไง!?"     
         
    "ยัยมนุษย์โง่!" จังหวะนั้นดาบแก้วจึงถูกดึงออก เจเนซิสรีบยกปลายดาบมุ่งสู่ท้องฟ้าราตรี "เอทุก้า บราไวอาซัน หิริโอตอาชา เลวีอาธาน!"     
         
           เดชานุภาพของมนตร์นี้เมื่อร่ายออก ใจกลางแผ่นดินที่แม่ทัพยืนหยัดพลันสั่นไหวทรุดลงแผ่สยายไปทั่วบริเวณ ปรากฏเป็นน้ำทะเลปะทุผุดออกมาด้วยแรงดันมหาศาลท่วมทั้งแฟนทาเนีย     
         
           ปราชญ์ลิขิตแห่งเพลิงกัลป์ไม่รอช้าเหยียบหวีดไตรราตรีกาลเหินบินไปบนท้องฟ้าทันท่วงที เหล่าซอมบี้จมอยู่ใต้น้ำ ผู้เล่นที่หลบซ่อนในเมืองทั้งหมดสำลักน้ำทะเลที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันตายกลายเป็นแสงขาวลอยขึ้นดุจดวงดาราไร้ค่า สุดยอดเวทเคลื่อนย้ายมวลสารยกท้องทะเลลึกมาไว้ยังเมืองเริ่มต้นซึ่งขณะนี้เปลี่ยนสภาพเยี่ยงเมืองบาดาล     
         
    "มานี่!" ซูม!!! เจเนซิสขณะอยู่ใต้น้ำพลันยกมือขวาขึ้นเหนือหัวและน้ำทะเลหมุนรวมกันกลายเป็นมือขนาดยักษ์ตรงคว้าสกิพโกซท์ ปีศาจดำถูกจับตัวได้ก็ถูกดึงลง ณ ผืนน้ำเบื้องล่างด้วยความกริ้วโกรธ     
         
    ตูม!!! ร้อนสุดปรอทแตกกระแทกเย็นสุดหยั่งถึงจึงเกิดเป็นระเบิดไอน้ำแรงดันสูงแหวกเป็นวงกลมถล่มทลายสรรพสิ่งรอบด้านให้หายไปในพริบตา เมืองสวรรค์ของนักเดินทางบัดนี้สูญสิ้นเค้าเดิมแห่งอารยธรรมโบราณ คำขานเช่นแฟนทาเนียคงกลายเป็นนามบนแผนที่ที่ไม่มีตัวตนอีกต่อไป     
         
           ขณะที่อากาศเคว้งคว้างและเต็มไปด้วยไอน้ำ เจเนซิสยืนอยู่ในท่าจับดาบแก้วจ้วงแทงเข้ากลางหัวใจคู่ต่อสู้ ส่งผลให้ร่างของศัตรูปรากฏไอสีดำแตกซ่านไปทั่วสารทิศซึ่งไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง     
         
    "ดวงจิตพี่คงต้องดับเสียแล้ว สกิพโกซท์"     
         
    "ใช่ ร่างกายข้ากำลังสลาย"     
         
    "น่าเสียดายๆ" ราชานทีกล่าววาจานี้พลางส่ายศีรษะ "ท่านหายตัวไปกว่าห้าทศวรรษเพิ่งได้มาเห็นเศษเสี้ยวของยุคใหม่กลับต้องตายเปล่า ไร้ค่านัก" มันยังย้ำ "ไร้ค่านัก"     
         
    "หึหึหึ" ทว่าตัวไร้ค่ากลับหัวเราะร่า "ฮ่าฮ่าฮ่า"     
         
          จึงได้เห็นว่าดาบหวีดไตรราตรีกาลสองเล่มหมุนควงสว่านรออยู่ด้านหลังเจเนซิส โดยมุ่งหวังเจาะทะลุทะลวงกายแม่ทัพ แต่     
         
    แก! เจเนซิสไหวตัวหันหน้าไปเผชิญพร้อมยกสองมือจับดาบดำได้ทัน ดาบนั้นก็หมุนปั่นฝ่ามือซึ่งหุ้มด้วยเกล็ดสีน้ำเงินเกิดประกายไฟเสียดสีแลบแปลบปลาบ เป็นเหตุให้เขาตัดสินใจเอนตัวไปด้านหลังดุจท่าสะพานโค้งปล่อยสองหวีดอำมหิตผ่านพ้นไปแบบเฉียดฉิว ไม่ทันได้คืนท่ากลับมัจจุราชทมิฬอีกเล่มบนท้องฟ้าก็พุ่งตรงเสียบตรึงร่างเจเนซิสไว้กับพื้นดิน     
         
    เฮือก-! ปฐพีถูกย้อมด้วยเลือดแดงฉาน     
         
           พลางปราชญ์ลิขิตแห่งเพลิงกัลป์แตกสลายเป็นอากาศธาตุ ปล่อยให้ดาบแก้วเจ็ดราชาภูติจุติตกสู่พื้นไร้นายครอบครอง ทว่าเจเนซิสซึ่งหมายปองมันกลับคืนไม่อาจขยับเขยื้อนกายาได้ เขาเพ่งมองศาสตราเลอค่าด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ก่อนจะสำลักเลือดออกมาอย่างต่อเนื่อง     
         
    "น่าเสียดาย... น่าเสียดาย-"     
         
           แสงขาวเรืองรองบนร่างที่แผ่วลมหายใจ ที่สุดเลวีอาธานก็สิ้นชีวาวายไปตลอดกาล แด่สปิริตอิมอร์เทิลเดดอินฟินนิที มหาเวทสาปให้ตกตายชั่วนิรันดร์     
         
         
         
         
         
         
           เพราะแสงจันทร์ต้องกับวัตถุจึงเกิดเงา ใครสักคนยืนอยู่เดียวดายคล้อยหลังสงครามวิวาททำลายเมืองจนราพณาสูร หนึ่งประโยคซึ่งหลุดจากปาก     
         
    "ดาบนี่สวยจังแฮะ" เจ็ดราชาภูติจุติจึงถูกหยิบขึ้นมาพิจารณาความแวววาวท่ามกลางแสงเงิน "ฉันขอล่ะนะ"   
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×