ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Zombie World Online

    ลำดับตอนที่ #4 : เดวิลเมคราย [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 19 เม.ย. 59


    ตอนที่ 4
    เดวิลเมคราย






           เหล่าหิมะยามเช้านั้นตกลงมาอย่างมากมาย ไร้แสงตะวันฉายส่องลอดจากกลีบเมฆ ความหนาวเย็นของวันนี้ไม่ต่างจากวันวาน ฤดูอันแสนหวานของไคท์ที่จะได้พบกับวิคตอเรียยังคงดำเนินต่อไป หนุ่มไคท์ตื่นแต่เช้าและพร้อมจะผจญภัยด้วยความกระสันสั่น หนึ่งคืออยากอวดโฉมชุดใหม่ที่ไฉไลกว่าใครอื่น สองคืนอยากเป็นดั่งเคนจิที่มาดมั่นงำความสามารถ เส้นทางของคนเก่งย่อมแนะนำโดยคนเก่ง ฉะนั้นเราจะเคลียร์ทุกภารกิจ ทุกงานที่วิคตอเรียมอบให้ เราต้องทำได้ ยะฮู้!

           เพราะนักเดินทางน้อยคนจะตื่นเวลานี้ มันเช้าเกินไปที่จะแหกขี้ตามาเริ่งร่าท่ามกลางหิมะเหมือนกับองค์ชายพระองค์นั้น สองสามคนใต้ต้นไม้ไร้ใบมองดูไคท์เดินผ่านไป นั่นใครว่ะนั่น โห ดูชุดมันสิ เอ่อว่ะสวยว่ะ ถ้าจะแพง ต่างตกตะลึงแกมอิจฉาตาร้อนที่นานทีจะมีพวกเศรษฐีหรือไม่ก็เทพมาปรากฏตัวให้เห็นอย่างนี้

           เซตชุดองค์ชายคึกคะนองประกอบด้วย หมวกเอียงสีขาวติดปีกนกสีขาวยาวไปด้านหลังหนึ่งใบ เพิ่มค่าความสวยงามห้าแต้ม เสื้อตัวในสีขาวตัดสีดำในแนวตรงหนึ่งตัว เพิ่มค่าความสวยงามห้าแต้ม เสื้อคลุมขนสัตว์อย่างหนาคอฟูสีขาวประดับสายโซ่ขนาดเล็กสีทองร้อยจากกระดุมทองบนไหล่ขวาถึงอกด้านซ้ายหนึ่งตัว เพิ่มค่าความสวยงามสิบแต้ม และสุดท้ายคือกางเกงพร้อมรองเท้าบูทสำหรับลุยหิมะแสนเก๋ไก๋ เพิ่มค่าความสวยงามอีกห้าแต้ม รวมแล้วเซตนี้เพิ่มค่าความสวยงามให้กับผู้สวมใส่ยี่สิบห้าแต้ม ซึ่งถือว่าไม่น้อยเลยสำหรับนักเดินทางหน้าใหม่ที่หมู่บ้านเริ่มต้น บางทีอาจดูหรูหราฟุ่มเฟือยเวอร์ แล้วต้องแคร์ด้วยหรือ?ว่าคนอื่นจะคิดยังไง หนุ่มไคท์หาได้แยแสสนใจไม่ เดินเชิดลูกเดียวเสี่ยวในปฐพี ก็อย่างว่า...ชุดมันสวยพอใจจะโชว์ มีไรมะ อิอิ

           ชุดสวยมีอะไรดี? เมื่อสงสัยเช่นนี้ก็เท่ากับถามว่าค่าความสวยงามนั้นมีไว้ทำไมกัน? แน่นอนหนึ่งนั้นใช้อวดบารมีเทพเป็นหมายมั่น นอกจากจะมีแสงสว่างเรืองระยิบระยับแล้วมันยังหมายถึงชนผู้มีปัญญาสามารถสรรหาทรัพย์สมบัติบำรุงตน สองช่วยในเรื่องของแฟชั่น บ่งบอกรสนิยมลึกๆในจิตใจ เช่น แต่งเป็นอัศวินดำเกราะมารสะท้านสามโลก หรือแต่งเป็นนางฟ้าปีกมหึมาตัวการก่อทอร์นาโด หรือแต่งเป็นขอทานซอมซ่อที่ถือขันทองคำ หรือกระทั่งแต่งเป็นมนุษย์ต้นไม้เขียว? จะเป็นตัวอะไรก็ช่างเถอะ ค่าความสวยงามนั้นก็ไม่ทำให้เก่งกาจขึ้นแต่ประการใด อ่าว~ ความจริงก็ดีกว่าใส่กางเกงในเดินลุยหิมะชิมิ

    "ว้าว~ไคท์ ไปได้ชุดนี้มาจากไหน!" วิคตอเรียเห็นเป็นต้องทัก อดไม่ได้จริงๆบอกตง "ปล้นจี้ใครมาหรือเปล่า ล้อเล่น"

    "ฮ่าฮ่าฮ่า!" เจ้าหนุ่มเปิดการสนทนาตอบด้วยเสียงหัวเราะอย่างภาคภูมิ ดังกลบหูเหล่านักเดินทางผู้ไม่ยอมนอนหลายคนที่ยืนอยู่ในบริเวณใกล้เคียง "ฮ่าฮ่าฮ่า!"

    "แหม นี่จะไม่ยอมบอกกันหน่อยหรือ"

    "ฮ่าฮ่าฮ่า!ฮ่าฮ่าฮ่า!"

           วิคตอเรียชักเซ็ง (-*-)

    "ถ้าจะบ้า" เด็กสาวชุดซอมซ่อกล่าวกับเพื่อนชายของเธอที่มอมแมมพอกัน "หัวเราะอยู่ได้"

    "อย่าไปสนใจเลย" เพื่อนชายของเด็กสาวออกอาการอิจฉานิดๆ "พวกหลงตัวเองไง"

    "ฮ่าฮ่าฮ่า!" ถึงจะได้ยินแบบนั้น หนุ่มไคท์ก็ยังปิติ ส่ายหางเริงร่าเช่นเดิม "อิอิอิ ฮ่าฮ่าฮ่า!"

    "เอาล่ะๆ เจ้ามาหาข้าก็ดีแล้ว" วิคตอเรียตัดบท "ช่วยข้าหน่อยนะไคท์"

    "ขอรับนายหญิง" พลางโค้งศีรษะลงราวกับผู้ดีอังกฤษแนะนำตัวเองในงานเต้นรำยามค่ำปานนั้น เด็กสาวไม่อาจทนดูต่อไปได้ เดินสะบัดบ๊อบใส่ไปโน่นแล้ว "อิอิ มีงานใดให้ข้าน้อยรับใช้"

    "โอ้~เจ้าอย่าได้มากพิธีนักท่านชาย" วิคตอเรียรีบเข้าเรื่อง "มีเบาะแสจากนักเดินทางว่าพวกเขาเห็นม้าของข้าเดินอยู่ในส่วนลึกของผาจิ้งจอกขาว เจ้าพอจะ-"

    "ข้าน้อยจะพาม้าที่หลงทางนั้นกลับมาหานายของมัน ข้าน้อยจะรีบไปรีบกลับ มิให้นายหญิงคอยนาน"

    "แต่เบาะแสอาจเป็นแค่ความเข้าใจผิด ไคท์ข้าเชื่อใจเจ้า อยากให้เจ้าไปเห็นเองกับตาว่าพอมีร่องรอยใดเกี่ยวกับม้าของข้าจริงหรือไม่ จะรบกวนเจ้ามากไปไหม"

    "ไม่รบกวนเลยขอรับ" พร้อมส่งสายตาหวานฉ่ำให้วิคตอเรีย "ข้าน้อยสมัครใจอย่างยิ่ง แม้นไม่พบม้าข้าน้อยจะกลับมาพร้อมข่าวดีแน่"

    "ว้าว~ข้าดีใจที่มีเจ้าช่วยเหลือ"

    "ข้าน้อยก็ดีใจที่นายหญิงเชื่อใจ" ไคท์ถือโอกาสงามสอดมือขวาตนรวบมือขวาของวิคตอเรียขึ้นมาจูบหลังมือ จุ๊บ นี่ถ้าจะดูหนังฝรั่งมากไป เป็นเหตุให้เพื่อนชายของเด็กสาวสะบัดบ๊อบซึ่งยังคงยืนดูอยู่อ้วกข้าวต้มออกมาทันที "ม้าของนายหญิงจะต้องกลับมาแน่ ข้าน้อยสัญญา"

    "อา~..." วิคตอเรียชักทำตัวไม่ถูก "ขะข้าจะให้ค่าตอบแทนเจ้าห้าสิบมินนิบลูคริสตัลสำหรับการยืนยันเบาะแส และจะให้อีกสิบบลูคริสตัลหากนำม้าของข้ากลับมาได้โดยปลอดภัย"

           ฟังว่าเป็นหน่วยใหม่ 'บลูคริสตัล' ไม่ใช่ 'มินนิบลูคริสตัล' หนุ่มไคท์ก็หูผึ่งตื่นจากภวังค์

    "ท่านว่าสิบบลูคริสตัลเหรอ?"

    "ใช่"

    "ไม่ใช่สิบมินนิบลูคริสตัลนะ ประโยคหลังน่ะ"

    "ไม่ใช่จ๊ะ"

    "มันต่างกันยังไงครับ"

           วิคตอเรียก็ยิ้ม

    "หนึ่งร้อยมินนิบลูคริสตัลคือหนึ่งบลูคริสตัล ข้าจะให้เจ้าหนึ่งพันมินนิบลูคริสตัลสำหรับการพาม้าของข้ากลับมาหาข้า"

    "เยส!"



    หมู่บ้านอิว ผาจิ้งจอกขาว หกนาฬิกาสามสิบนาที วันที่หนึ่งของโชคดี



           เส้นทางจากเบื้องล่างตัดขึ้นทางลาดชิดแนวหน้าผาจนมาถึงเขตป่าไร้ใบด้านบนของผาจิ้งจอกขาว คือเส้นทางเดิมที่ไคท์ใช้เดินขึ้นมาเหมือนคราวก่อน บัดนี้เขายืนอยู่ที่ที่เคยเห็นลูกหมาป่าตัวขาว โดยรอบบริเวณนี้ไม่มีนักเดินทางเลยสักคน ถ้ามองเข้าไปในป่าจะเห็นว่า...มันไม่น่าเข้าไปเลยนะ วิเวกวังเวงพิกลยังไงไม่รู้สิ เห้อ~ หากต้องวิ่งหนีหมาบ้าพวกนั้นอีก ชุดนี่คงกลายเป็นเศษผ้าแน่ เหอะๆ

    "หือ นั่น" พลันหนุ่มไคท์สังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างในป่า "ม้าเหรอ?"

           อะไรจะโชคดีขนาดว่าเจอม้าของวิคตอเรียง่ายนัก ไม่จริงหรอกน่าไหนว่ามันอยู่ในป่าลึก อื่ม...อาจเป็นม้าของใครก็ได้ เอ็นพีซีมีเยอะแยะไป เพราะคิดอย่างนี้ไคท์จึงตัดใจก้าวเข้าไปในป่าทางทิศตะวันออกแทน

           เขาหารู้ไม่ว่าเจ้าม้าตัวสีน้ำตาลที่เห็นนั่นแหละ คือม้าที่หายไปของวิคตอเรียล่ะ แป๋วแป่ว

    "ทำไมป่าวันนี้มันเงียบจัง หมาเหมอไม่เจอสักตัว น่าเบื่อจริงจิ้งงง" หนุ่มไคท์บ่นพึมพำเพียงลำพังอยู่นานพอควร ก่อนจะเห็นว่าเบื้องหน้ามีธารน้ำแข็งกว้างราวสามสี่วาเศษ "นี่หนาวขนาดน้ำกลายเป็นน้ำแข็งเชียวเหรอ! แร่มๆ"

           ทึ่งเสร็จก็ถอดเสื้อคลุมตัวงามแขวนกับต้นไม้ ตัวเองลงไปนอนทาบบนน้ำแข็ง เล่นตะเกียกตะกายตามจินตนาการฝันเฟื่องประเทืองอารมณ์สมความอยาก



    ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง...



           พบว่ามีตุ๊กตาหิมะไร้จมูกปรากฏกายขึ้นเต็มสองฝั่งลำธาร ???

    "แป๊งๆๆ! เรายึดพื้นที่ไว้หมดแล้ว พวกกบฎยอมจำนนซะ!" ไคท์ตะโกนใส่ตุ๊กตาหิมะหัวกลมที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ตัวเองหลบอยู่หลังตุ๊กตาหิมะตัวใหญ่ "ปืนใหญ่พร้อม ยิงได้!"

           แล้วกระสุนปืนใหญ่หิมะก็ยิงข้ามธารน้ำไปโดนใส่ลำตัวเจ้าหัวกลมจนล้มแผละ หนุ่มไคท์รีบสไลเดอร์ไปฝั่งตรงข้ามทันที เขากำลังทำอะไรน่ะ?

    "พวกเราอย่ายอมแพ้! สู้มัน!" ฝ่ายเจ้าหัวกลมระดมพลยิงตอบโต้ กระสุนหิมะลูกน้อยจำนวนมากขว้างไปยังฝ่ายตุ๊กตาหิมะตัวใหญ่ "แป๊งๆๆ!แป๊งๆๆๆ!"

           เห้อ~งานนี้ศรีธัญญาคงหาทางออกให้ไคท์ได้แน่

    "เฮ้ย!ม้ามาไงอะ!" ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดไข่เสียดผืนน้ำแข็ง ม้าสีน้ำตาลตัวเดิมที่เห็นเมื่อตอนเช้าก็มานอนข้างต้นไม้เฉยเลย "เฮ้ยๆอย่ากัดเสื้อข้า!"

           เจ้าม้าคงหิวหญ้าสด คิดว่าเสื้อคลุมบวกค่าความสวยงามสิบแต้มเป็นอาหาร หนุ่มไคท์จึงโผนทะยานเข้าคว้าเสื้อคลุมตัวสวยอย่างไว พลางต่อว่าเจ้าม้าหน้าทะเล้น

    "พ่อแม่ไม่สั่งสอนหรือไง ทำแบบนี้ทรัพย์สินชาวบ้านเขาเสียหายนะ รู้จักคิดมั่ง" โมโหๆ "ดีนะที่ยังไม่ขาด ถ้าขาดล่ะข้าจะตีเจ้าให้ตายเลย ม้าไร้การศึกษา ยังจะมองหน้าอีก!"

    ฮี่ๆ เจ้าม้าก็ร้อง ฮี่ๆ

    "ฮี่ๆอะไรไม่รู้เรื่อง ไปเลยไป!" ปากไล่มือก็ปาหิมะใส่ "ไปไกลๆเลย ไม่ชอบ ไป!"

           เจ้าม้าหน้าทะเล้นเมื่อถูกไล่ก็เดินคอตกจากไปแต่โดยดี มันคงคิดว่าคนจะมีหญ้าให้กิน ที่ไหนได้เจอหิมะปาใส่ซะงั้น น่าสงสารจูงเบย

    "แป๊งๆๆๆๆ! พวกกบฎเจ้าถูกล้อมแล้ว" ส่วนไคท์กลับไปรบเหมือนเดิม "แน่จริงเข้ามาเซ่! เจอระเบิด ตูม!"

           เง้อ~



    ห่างออกไปประมาณสี่ร้อยเมตร



    "โหย~ง่วงอยู่เลยอะรีโน หนาวก็หนาว เรากลับไปที่ห้องก่อนเถอะ ตอนบ่ายๆค่อยมาใหม่เน๊อะ" เสียงคิวคร่ำครวญคิดถึงที่นอนเป็นหมายมั่นดังขึ้นเรื่อย "แค่พู่ประดับทองแดงชิ้นเดียว ไว้ฉันมาหาเองได้น่า"

    "ไม่" คำตอบสั้นๆจากสาวแว่น เธอเดินนำเพื่อนผมแกละก้าวหนึ่งเสมอ "ถึงจะเป็นแค่ภารกิจเล็กๆแต่ผานี่อันตรายมาก ช่วงเช้าคนน้อยเราจึงควรรีบเก็บแต้มภารกิจย่อยพวกนี้ให้เสร็จไวๆ สำคัญเลยฉันจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนเข้าใกล้เธอเด็ดขาด ดังนั้นทำใจซะแล้วเดินตามมาดีๆ"

    "ดุอีก!" คิวร้อง "งั้นเสร็จแล้วเลี้ยงขนมหวานฉันเลยนะ สองถ้วย"

    "ได้"

           ใกล้กับริมป่าไร้ใบ พื้นหิมะสีขาวพราวตายิ่ง สองสาวเห็นบางสิ่งต่างไปจากหิมะ มันคือพู่ประดับทองแดงไม่ผิดแน่ หล่นอยู่เบื้องหน้าไม่กี่สิบเมตร นั่น! พลันได้สบลูกหมาตัวน้อยขนปุยสีขาวเหมือนสีของหิมะ น่ารักอะ! เจ้าหมาน้อยไร้เดียงสาก็วิ่งไปคาบพู่ประดับทองแดงตัดหน้าสองสาวเฉย กริ๊ดดด! เสียงสาวผมแกละดังลั่น หาได้รู้กระไรไม่แค่อยากได้ลูกหมาไปเลี้ยง

    "รีโน!จับให้หน่อยๆฉันอยากได้" คิวแสดงอาการเต็มที่ หูตาตื่นขึ้นมาเทียว "นะนะนะรีโน"

           สาวแว่นหันขวับจ้องเพื่อน ยืนเท้าสะเอวเป็นทีว่าไม่ได้

    "ไม่ได้คิว! เธอจะเป็นแม่มดนะไม่ใช่ผู้ฝึกสัตว์ คนละสายอาชีพกัน อีกอย่างนั่นลูกหมาป่า เชื่อสิ เห็นลูกเดี๋ยวคงได้เห็นพ่อแม่มัน"

    "ตะแต่ว่ารีโน-"

    "ไม่ก็คือไม่ ... หือ? เจ้าหมานั่นคาบอะไรน่ะ...เธอเห็นเหมือนกันใช่ไหม?"

    "กระดูกมั้ง"

    "กระดูกอะไรมีสายเชือกห้อยแบบนั้น ห๊ะ นั่นแหละ!พู่ประดับทองแดง!"

    "เอ๋?"

    "จับมันเร็ว!"

           เมื่อคนเห็นหมาและหมาได้ยินเสียงคน หมาน้อยก็วิ่งเข้าไปในป่า กะว่าหนนี้ได้ของไปถึงรังแน่ จะไม่ยอมพลาดท่าเหมือนกับที่เคยพลาดให้กับไอ้บ้าหนก่อนเด็ดขาด อิ๋ง~ คิดแล้วหมาน้อยก็ใส่เกียร์สูงวิ่งขนาบไปกับธารน้ำแข็ง



    ณ กองกำลังตุ๊กตาหิมะแห่งการปฎิวัติของนายพลไคท์ สองร้อยเมตรก่อนเจ้าหมาน้อยจะวิ่งมาถึง



    "สถานการณ์ตึงเครียดเมื่อพวกกบฎไม่ยอมจำนน เกิดอะไรขึ้น!?" หนุ่มไคท์ยังเล่นไม่เลิก ทึกทักหักมุมสงครามเอาเองตามใจตนปรารถนา "แล้วเสี้ยงปืนก็ดัง แป๊งๆๆ!"

           ฝ่ายกบฎที่เรียกตัวเองว่า 'เชอร์โนบิล' เมื่อถูกทหารทางการล้อมกรอบนานหลายเดือนก็เริ่มขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม มีบางส่วนล้มป่วยลงด้วยโรคประหลาดซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากการติดเชื้อบางอย่างในกระแสเลือด ทำให้ไม่สามารถควบคุมสติสัมปชัญญะได้ ผู้ป่วยจะมีไข้สูงสองถึงสามวัน ต่อมาจะชักและหมดสติ ยังมีข่าวลือออกมาว่าพวกเขาฆ่ากันเองเพื่อความอยู่รอด แล้วในที่สุดทหารทางการบุกทะลวงเข้าไปในเขตป้องกันตัวเองของฝ่ายกบฎได้

           จินตนาการถึงตอนนี้ตุ๊กตาหิมะที่ถูกตราว่าเป็นกบฎก็ล้มลมทีละตัวสองตัว ไคท์ผลักพวกมันล้มลงไปประกอบเรื่องจิ้นในจินตนาการของเขา

    "นั่นยังมีผู้รอดชีวิต" ทหารนายหนึ่งในชุดคอมมานโดวิ่งเข้าไปหาเด็กผู้หญิงที่นั่งหลังพิงกำแพง เธอดูอิดโรยอย่างมาก หนุ่มไคท์ก็ถามตุ๊กตาหิมะไปว่า "หนูๆ เฮ้เธอยังหายใจ!"

           ต้องจินตนาการต่อไปว่าทหารทางการนายนั้นตะโกนบอกเพื่อนทหารอีกสองนายที่เดินตามติดเข้ามาภายในโรงงาน พบศพผู้เสียชีวิตไม่ห่างจากเด็กผู้หญิง ใช่...มีตุ๊กตาหิมะตัวหนึ่งล้มอยู่ข้างๆ

    "นัยน์ตาขาวไปหมด ตาดำกลอกขึ้นไปด้านบน ตัวร้อนมาก" ทหารคนเดิมเปิดเปลือกตาเด็กผู้หญิง ท่ามกลางความสลัวของแสงไฟที่มีกำลังไม่พอจ่ายความสว่างออกมา ทหารทั้งหมดสามนายเห็นพ้องต้องกันว่าจะนำตัวเด็กผู้หญิงคนนี้ออกไปจากโรงงาน ว่าแล้วก็อุ้มเธอขึ้นหลัง "อดทนนะ"

           เวลานี้ไคท์แบกตุ๊กตาหิมะแล้วเรียบร้อย ทันทีที่กำลังจะก้าวข้ามธารน้ำแข็ง หมาน้อยตัวหนึ่งพลันวิ่งด้วยความเร็วสูง เอ๋ง!โอ้ย! ชนใส่เขาอย่างจัง ทั้งคนทั้งหมาร้องออกเกือบจะพร้อมกัน และหนุ่มไคท์ถึงกับหงายหลังล้มทับเด็กผู้หญิงจนศีรษะบี้แบน เฮ้ยหมาบ้า! เจ้าหนุ่มเอ็ดตะโรใส่ลูกสุนัขจิ้งจอกอย่างเดือดดาลที่จู่ๆมาทำลายเรื่องในจินตนาการสุดเจิดของเขา เจ้านี่! แถมยังจำได้อีกว่าหมาตัวนี้คือตัวเดียวกันกับที่พบคราวก่อน

    นั่นอะไร? ไคท์จึงได้เห็นพู่ประดับทองแดงที่เจ้าหมาทำหล่นตอนชนกับเขา มันตกอยู่บนพื้นหิมะใกล้กับเด็กผู้หญิงหัวบี้ เจ้าหนุ่มก็เลยหยิบขึ้นมาเชยชมก่อนจะทราบว่าลูกหมาขนปุยเจ้าของพู่เผ่นแนบไปโน้น~เข้าป่าเข้าดงไปไกลมากแล้ว

    "เหอะๆให้ไวเลยนะหมาบ้า" หนุ่มไคท์ปั้นหน้าเย้ยหยันยามกระหยิ่มที่ไม่ต้องวิ่งไล่ก็ได้ของมาง่ายๆ กระนั้นเขาก็ได้ยินเสียงใสๆดังมาจากทิศเบื้องหลัง "หือ?"

    "มันไปทางไหนแล้วรีโน? มาทางนี้"

           นี่มันเสียงของยัยตัวร้ายแอบจิตใช่ไม่ใช่? หึหึหึ ดีจริงๆ

    "คิวฉันเห็นรอยเท้าของมัน ทางนี้ต่างหาก มาเร็ว!"

           สองสาวไล่กวดลูกสุนัขจิ้งจอกจนพบกับประติมากรรมตุ๊กตาหิมะเกือบร้อยตัวตั้งตระหง่านอยู่สองฝากฝั่งธาร ??? พวกตุ๊กตาหิมะราวกับมีชีวิต มองจ้องมาราวกับว่ามีความแค้นหลายชั่วโคตรต่อกันปานนั้น

    "อะไรเนี่ย? ตุ๊กตาหิมะเต็มไปหมด" คิวโพล่งอย่างตะลึงงัน "ใครปั้นกันนะ"

    "คิวระวังตัว" สาวแว่นรีโนส่งเสียงเตือนเพื่อนสาวผมแกละ "รู้สึกยังไงชอบกล"

           ...หนึ่งในตุ๊กตาหิมะจึงกล่าวขึ้นในขณะที่ผู้มาเยือนยังคงไม่กล้าเข้าใกล้

    "เจ้าสองคนมีบาป~" น้ำเสียงฟังสยองให้รู้สึกสยิวชวนเสียวซ่านดีแท้นะไคท์ "เจ้าสองคนมีบาป~"

    "ตุ๊กตาหิมะพูดได้!" คิวร้อง เธอรีบวิ่งไปเกาะชายเสื้อของรีโน

    "มอนสเตอร์สินะ" สาวแว่นเข้าใจว่าเหล่าตุ๊กตาหิมะคือสัตว์ประหลาดในท้องถิ่นนี้ ดังนั้นเตรียมตัวลุยด้วยปืนพลาสมา "พวกนี้ไม่น่าจะเก่ง คิวเธอหลบอยู่ข้างหลังฉัน"

    โพละ ก้อนหิมะจากไหนไม่รู้ปาใส่ใบหน้าของรีโน สาวแว่นเจอเข้าไปเต็มๆในยามที่เธอหันไปพูดกับคิวแล้วกำลังหันกลับมา เย็นไปทั้งหน้าเลยก็ว่าได้ เป็นว่าฝ่ายมอนสเตอร์เปิดฉากรบก่อน โอ้ย! ครานี้สาวผมแกละก็ถูกลูกหิมะปริศนาปาใส่หน้าเช่นกัน โดนปาใส่แรงๆก็เจ็บได้เหมือนกันนะจ๊ะ

    "อิอิอิ" หนุ่มไคท์แอบหัวเราะชอบใจที่ได้ทำตามใจอยาก ก่อนหน้านี้ทำกับเขาถึงตาย ไคท์ไม่โกรธแค้นก็บ้าแล้ว "สมสม"

           เป็นเหตุให้รีโนโมโหจนได้ สาวแว่นยกมือขวาขึ้นเป็นรูปปืนกระหน่ำยิงหัวตุ๊กตาหิมะเสียกระจุย ปั้ง!ปั้ง!ปั้ง!ปั้ง!ปั้ง!ปั้ง! หกนัดซ้อนพร้อมสังเกตการเคลื่อนไหวเชิงตอบโต้ของฝ่ายมอนสเตอร์

    เงียบ... มอนสเตอร์ตุ๊กตาหิมะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

           ยิ้มเล็กๆกระตุกบนใบหน้าสาวหวาน ทันใดรีโนก็กระโจนใส่ประดาตุ๊กตาหิมะชั่วร้าย เท้าขวากวาดขึ้นเตะหัวตุ๊กตาหิมะ แตกโพละ! ขวาถึงพื้นหิมะ เท้าซ้ายก็วาดลายบ้าง หัวตุ๊กตาหิมะแตกโพละ! โพละ! โพละ! เธอกระโดดสลับเท้าไปมาพลางเมื่อคูลดาวน์ (Cool Down) ของปืนหมดลง กระสุนอีกหกนัดก็บรรจุเข้ารอบใหม่ ปั้ง!ปั้ง!ปั้ง!ปั้ง!ปั้ง!ปั้ง! ยิงจากมือขวาของเธอซัดศัตรูอีกหกตัวหัวกระจุยไปเลย เป็นไงล่ะพวกมอนสเตอร์ไร้น้ำยา ห๊ะๆ อย่ามาริเล่นสนุกกับฉัน

    "กริ๊ด!" เสียงหวีดร้องของคิวดังขึ้นด้านหลังสาวแว่น เพราะในขณะที่มือปืนพัวพันกับเหล่าตุ๊กตาหิมะจอมนิ่ง ศัตรูที่ไม่คาดคิดพลันปรากฏกายโฉบตัวเพื่อนสาวของเธอไป และมันซัดหิมะใส่หน้าเธอด้วย แผละ!

    "ฮ่าฮ่าฮ่า!" อุบัติเสียงหัวเราะเยาะเย้ยอย่างสาสมใจของบุรุษเพศผู้ยังไม่แตกเนื้อหนุ่มมากพอทิ้งทวนให้รีโนค้อนมองตาแดงก่ำ จะตามก็ตามไม่ทันเพราะเจ้าหนุ่มสามารถวิ่งบนธารน้ำแข็งได้ดั่งเหินบิน มิคาดว่าการเอาไข่ถูกับผืนน้ำแข็งนานเป็นชั่วโมงจะทำให้ไคท์กลายเป็นผู้ใช้ความลื่นของน้ำแข็งจนเป็นประโยชน์ต่อการลักพาตัวสาวน้อยที่น่าสงสารอย่างคิวไปได้อย่างง่ายดายสวดยอด "ฮ่าฮ่าฮ่า! จงทุกข์ใจไว้น้องแว่น ฮ่าฮ่าฮ่า!"



    หมู่บ้านอิว ผาจิ้งจอกขาว เก้านาฬิกาสิบสองนาที วันที่หนึ่งของโชคดี



           ป่าไร้ใบแถบนี้ดูรกนัก คนรู้จักสักกี่คนจะหาเหมือน เพียงหนุ่มไคท์เคยได้ผ่านอย่างลางเลือน เขาก็เคลื่อนกายามาอย่างไว หนึ่งสาวคิวหลังร้องเพราะถูกลัก มิยึกยักบ่ายเบี่ยงเกี่ยงไปไหน ไคท์อุ้มลงตรงที่หมายก็แคลงใจ เพราะเหตุใดเธอยังยิ้มไม่โวยวาย

    "รู้จักที่แถวนี้เหรอ 'น้องคิว' " ไม่จำเป็นต้องปกปิดซ่อนพรางอันใดกับแม่สาวเมดหูแมว เธอผู้คิดฆ่าเขาด้วยยาพิษกับมารยาสาไถย แถมเน้นชื่อคิวประหนึ่งว่าจำชื่อได้และจะจดจำตลอดไป แค้นนั้นเจ้าหนุ่มสุมมันไว้ในอก "ทำท่าสบายใจเหลือเกินนะ"

    "ไม่รู้จักย่ะ แล้วจะทำไม ไอ้โรคจิต อิอิ" คิวไม่หวั่นกลัวเลยสักนิด โต้วาจาพร้อมกับทำแววตายั่วยุ "จะอนาจารฉันเหรอ หรือข่มขืนกลางป่าเขา ไม่เอานะหิมะมันเย็นเกินไป"

           แผนว่าจะจับคุณเธอมาปล่อยกลางป่าให้ร้องไห้ขี้มูกไหลไหนกลายกลับให้สาวเจ้าชอบใจไปได้ คำพูดก็ทะลึ่งตึงตังดีแท้ ใครจะอยากถูกเนื้อต้องตัวเธอมิทราบ

    "ผมอยากทำตายล่ะ สมองคิดเรื่องดีๆเป็นไหม ผมรู้อะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ"

    "หรา แล้วจะทำอะไรมิทราบ"

           จากธารน้ำแข็ง วิ่งมาได้ไกลโขไคท์ก็หยุดอยู่บริเวณหนึ่งที่เขาเคยวิ่งหนีหมาป่าทั้งฝูงเมื่อคราวก่อน หนุ่มไคท์ปล่อยคิวเป็นอิสระ หวังจะได้เห็นน้ำตาของการสำนึกผิด ผิดที่ให้ยาพิษแก่เขา เป็นว่าเขาผิดเองหรือเปล่าที่กินยาพิษชามนั้นเข้าไปโดยสมัครใจ ดูเหมือนเธอไม่มีความกังวลใดๆเลยนะเนี่ย

    "ผมจะทิ้งคุณไว้กลางป่าตรงนี้ ให้หมาป่ามาวิ่งไล่กัดคุณ" ไคท์กอดอกหันหลังให้คิว ลั่นความประสงค์แห่งการลงทัณฑ์ "ถ้าคุณกลัวคุณจะต้องขอโทษผม สำนึกผิดที่เคยทำไม่ดีกับผม ผมถึงจะพาคุณออกไป"

    "ไม่"

           ไม่! ไม่อย่างนั้นเหรอ...

    "ดี งั้นผมไปล่ะ"

    "เชิญเลยย่ะ เดี๋ยวฉันขี่ม้าตัวนั้นออกไปเองได้"

           ม้า?

    "(-*-)" หนุ่มไคท์จึงได้เห็นม้าตัวเดิมที่คิดจะกินเสื้อคลุมขนสัตว์ตัวสวยของเขา มันมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง? แล้วมันยังมองมาที่เขาด้วยสีหน้าทะเล้นเผยอฟันเหยินนั่นอีก หนอย~คงจะตามมารังควานเป็นแน่ "อื่ม..."






           สุขสำราญบานหัวใจอะไรอย่างนี้ ดูให้ดีข้าคนนี้ขี่อาชาเป็นกับเข้าด้วย อิอิ ประหนึ่งพ่อค้าทาสจากแดนระอุส่งทาสมาขายยังหมู่บ้านต้องสาป ข้าจึงต้องร้องประกาศเผื่อว่าทาสของข้าจะขายได้ราคาแพง เอ้า! เดินมาไวๆสิ

    "ชั่วช้า พ่อค้าทาสอะไร ฉันไม่ใช่ทาสของนายนะ อีตาบ้า! โอ้ย!เมื่อยแล้วนะหยุดสักทีเถอะ!" คิวโวยวายใหญ่ เพราะไคท์มัดมือเธอด้วยเชือกเส้นยาวที่หาเจอในกระเป๋าผ้าซึ่งแขวนอยู่บนหลังม้า เจ้าหนุ่มตั้งใจกลั่นแกล้งแม่มดน้อยให้สมความผิดที่คิดฆ่าเขา ดังนั้นจึงเอาปลายเชือกอีกด้านหนึ่งไปมัดกับลำตัวม้า ตัวเองทดลองขึ้นขี่ม้าพาสาวเจ้าเดินวนในป่าเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว "จะพาฉันไปไหนเนี่ย ไอ้โรคจิต!"

    "ไม่กระดี๊กระด๊าแล้วเหรอ ไม่รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวแล้วเหรอ จนกว่าคุณจะขอโทษผม! และข้าก็จะไม่พูดกับเจ้าแล้วด้วย ไหนๆเจ้าม้าน่ารัก ลองวิ่งหน่อยซิ"

    "วิ่ง? ไอ้บ้า!ๆๆๆๆ" ม้าวิ่ง คนถูกลากจูงก็ต้องวิ่งด้วย เหนื่อยคูณสองคูณสามกันเลยทีเดียวเทียว "หยุดนะๆๆๆ ไอ้โรคจิตหยุดนะ! ม้าบ้า! ว้าย!"

           หนุ่มไคท์สัมผัสได้ถึงชัยชนะที่บังเกิดในหัวใจ การได้ทรมานผู้หญิงเป็นความสุขที่หาได้ยากนัก ว้าว~ฟังเสียงของเธอสิ ดีจริงๆ เอ้าวิ่งไวกว่านี้หน่อย

           ม้าฟันเหยินมีนายมาขี่ก็ดีใจ นายบอกให้วิ่งไวๆก็โชว์สุดฤทธิ์ โอ้ย! ลากถูลากถลากไถลคิวจนหน้าคะมำ ลากสาวน้อยผมแกละไถลไปกับพื้นหิมะ แต่เธอก็ใจแข็งมิปริปากขอโทษไคท์สักที ส่วนไคท์ก็หนำใจไม่หยุดม้าสักที

    "เยี่ยมเลยเจ้าม้า ต่อไปวิ่งเข้าไปในป่านั่นเลย ยะฮู้!"

           ป่ารกและไม้หนามรออยู่ตรงหน้าแล้ว หาใช่พื้นหิมะเรียบๆต่อไปไม่ ทีนี้ละมันส์แน่ หุหุ

    .

    .

    .

    "บุกเข้าไปในป่าดั่งตะลุยดินแดนเถือน!" ม้าวิ่งอยู่ในป่าเป็นเวลาเกือบชั่วโมง

    "ข้ามสายน้ำเชี่ยวกรากในดินแดนไร้วัฒนธรรม!" ม้าวิ่งผ่านน้ำในป่าไปๆมาๆเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง

    "ขึ้นภูเขาสูงชันแห่งเอเวอเรสต์! รอบที่หนึ่ง!" จากป่าม้าก็วิ่งขึ้นภูเขาหิมะ อีม้านี่ก็วิ่งได้วิ่งดี

    "ขึ้นภูเขาสูงชันแห่งเอเวอเรสต์! รอบที่สอง!" ม้าวิ่งขึ้นภูเขาหิมะลูกเดิมหลังจากวิ่งลงมาแล้วเป็นรอบที่สอง

    "รอบที่สาม!"

    "รอบที่สี่!"

    "ห้า!"



    หมู่บ้านอิว ผาจิ้งจอกขาว สิบแปดนาฬิกาสามสิบนาที ยามพี้โพ้ใกล้ค่ำ



    "โอ้ยเหนื่อยโว้ย! ไม่คิดว่าขี่ม้าทั้งวันจะเหนื่อยขนาดนี้ ก้นช้ำหมดแล้วมั้งเนี่ย" หลังจากเล่นสนุกมาทั้งวัน หนุ่มไคท์จึงหยุดพักยังริมป่า จะกลับหมู่บ้านก็ไม่ได้เพราะต้องหาม้าของวิคตอเรียให้เจอเสียก่อน ไหนจะไร้ซึ่งวี่แววใดๆสักรอยเท้าหนึ่งของม้าก็หาไม่พบ เซ็งจริงๆ แล้วไอ้ที่ขี่มาทั้งวันนี้เรียกว่าม้าหรือเปล่า? "อุ้ย!ตายจริง ลืมไปเลย"

           ไคท์คงนึกถึงเชลยสาว แย่แล้วนี่เขาลากเธอเล่นไปทั่วป่าและภูเขาเพลินจนลืมไปว่าเธออาจตายไปแล้วก็ได้ ดังนั้นจึงรีบวิ่งไปที่เจ้าม้าฟันเหยิน ส่วนม้าทรหดตัวนี้ก็ไม่ไปไหน ขนาดว่าหนุ่มไคท์ไม่ได้มัดเชือกมันก็ยังยืนอยู่เฉยๆ

    "ก่อกองไฟก่อน เดี๋ยวหนาวหนัก" อ่าว~นึกว่าจะไปดูเด็กสาวคิว ที่ไหนได้ล้วงเอากล่องไม้ขีดจากกระเป๋าผ้าบนหลังม้าซะงั้น "หาฟืนๆต้องเป็นไม้แห้งๆสินะ"

           ไคท์มองไปรอบตัวอย่างอาดูรจิต หิมะยังคงตกอยู่เหมือนเคยแม้นจะเบาบางลง ต้นไม้ก็ชื้นเปียกเพราะมีหิมะเกาะจับทั้งวันทั้งคืน แล้วจะไปหาไม้แห้งๆมาเป็นเชื้อไฟได้จากไหน ทันใดสายตาอันเฉียบขาดของเขาก็มองเห็น...เสื้อผ้าของเชลย

           หากมองจากที่ไกลไม่มากนักจะเห็นว่ามีชายผู้หนึ่งกำลังนั่งยองๆถอดเสื้อผ้าผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกมัดมือด้วยเชือก เธอคงจะเป็นผู้กระทำความผิดร้ายแรงของบ้านเมือง เขาจึงต้องจับเธอแก้ผ้าเสียอย่างนั้น หรือความต่ำช้าเลวทรามได้คุกคามความเป็นสุภาพบุรุษของเขาจนหมดสิ้น หนุ่มไคท์อาจทำเพราะจำใจ เขาอาจเพียงต้องการเอาตัวรอดจากคืนอันโหดร้ายโดยไม่มีเจตนาล่วงเกินเชลยสาว...มั้ง มั้งนะ

           เสื้อผ้าถูกเอาไปเผา ไฟนั้นก็ติดขึ้นมาไหม้ฟืนเปียกๆ พอฟืนแห้งก็กลายเป็นเชื้อของไฟต่อไป แลไคท์นั่งผิงไฟอย่างสบายอุราไม่คิดจะเจรจากับผู้ใดอีก จะให้พูดกับใครล่ะ ตัวหนึ่งเป็นม้าอีกคนก็สลบเหมือด ลันลาๆ~ฉันสบายใจคนเดียวก็พอแล้ว อิอิอิ



    ในจินตนาการของหนุ่มไคท์



           เด็กผู้หญิงถูกนำตัวออกมาจากโรงงาน ทหารใจหล่อซึ่งก็คือเขาเองพาเธอออกมานอนพักใต้ต้นไม้ใหญ่ ไคท์กำลังปฐมพยาบาลขั้นต้นแก่เด็กผู้หญิงโดยการถอดเสื้อผ้าของเธอเนื่องจากว่าเสื้อผ้าเหล่านั้นเลอะคราบสารเคมีเป็นจำนวนมากจึงเกรงว่าจะเป็นอันตราย หนุ่มไคท์ทำสุดกำลังเท่าที่จะสามารถถอดออกได้และต้องไม่ติด 'ฉอฉิ่ง' ไม่อย่างนั้นเรื่องจิ้นของเขาอาจถูกแบนได้ ที่น่าหวั่นวิตกคือเธอยังไม่ได้สติเพราะไข้ขึ้นสูง ส่วนเพื่อนทหารอีกสองนายก็กลับเข้าไปสำรวจตรวจหาผู้ที่อาจรอดชีวิตภายในโรงงานนรก

           ทหารใจหล่อเมื่อถอดเสื้อผ้าของเด็กผู้หญิงออกจนเกือบหมดก็เกิดความอุจาดตา ทีนี้กลับเกรงว่าตัวเองอาจต้องสวดมนต์สงบจิตสงบใจเพื่อไม่ให้หลงใหลไปกับสรีระร่างกายอันเย้ายวนกวนกิเลสทั้งห้า ไคท์จึงถอดเสื้อทหารตัวหนามาปกปิดร่างกายของเธอ อามิตตาพุทธ~ หิริโอตัปปะ หิริโอตัปปะ อาโนะฮานะ มาดะซึชิตะ อิโต้ จุนจิ นารูโตะ โดเรม่อน แล้วก็ลงเอยด้วยการนั่งสวดมนต์ให้เธอ ขอให้เธออย่าได้เป็นอะไรเลย

           ทันใดนั้นเอง! เด็กผู้หญิงก็ลืมตาขึ้น! ผาง! ไม่น่าเชื่อว่าบทสวดมนต์จากทหารใจหล่อจะได้ผล นี่แหละหนาเขาว่าแรงใจคือพลังอันสูงส่ง เธอเห็นหน้าเขาก็จำความได้ เขาเห็นหน้าเธอก็ยิ้มให้อย่างมีเยื่อใยอย่างกะหนังรักเกาหลี

    "เลว!!!" น้ำคำแรกพร้อมหมัดลุ่นๆซัดเข้าเต็มเบ้าตาหนุ่มไคท์ โอ้ย!!! ลูกกะตาแทบยุบเข้าไปในกะโหลก "สารเลว!!!"

           สาวคิวเดือดอย่างกับหม้อน้ำ คนบ้าไรลากเธอตั้งแต่เช้ายัน... คิวมองไปรอบๆพบว่ามืดค่ำไปแล้ว คนบ้าไรลากเธอตั้งแต่เช้ายันค่ำ! ทำไมทำกับผู้หญิงแบบนี้ล่ะหา! แล้วพอโวยวายเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวของไคท์ที่เจ้าหนุ่มตั้งใจนำมาห่มกายเธอไว้ก็ร่วงกองอยู่ที่ข้อเท้า ! ลมหนาวโชยมาให้สยิวกายอะไรอย่างนี้

    กรี๊ดดดดดดดดด!!!!!!!!!~~~~~~~~~ เสียงร้องนี้ดังลั่นป่าเลยทีเดียวเทียว

    "จังไร!!!" พลางคิวกระโดดเข้าฟัดซัดทั้งกําปั้นและแบมือตบหน้าอีตาคนหื่นกามวิตถารเลวทรามจังไรรัวใส่ไม่ยั้งชั่งแรงไถ จัดเต็มทั้งไม้ทั้งฟืนคว้าได้เป็นกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ ตุบตับ!ตุบตับ!ตุบตับ!ตุบตับ!ตุบตับ!ตุบตับ! เห็นสภาพตัวเองถูกแก้ผ้าเหลือแต่ชั้นในก็กรี๊ดอีก

    กรี๊ดดดดดดดดด!!!!!!!!!~~~~~~~~~ เสียงร้องนี้ดังลั่นป่าเป็นหนที่สอง

           เลือดเปรอะเปื้อนสาดกระจายสยดสยอง เมื่อในจินตนาการของหนุ่มไคท์พบว่าตัวเองถูกเด็กผู้หญิงที่ช่วยเหลือไว้กัดกระชากเข้าที่คอ โลหิตไหลทะลักทลาย เธอกลายเป็นผีดิบไปแล้ว! และทำร้ายเขาจวบจนปางตาย โดยเฉพาะเลือดกำเดานี่พุ่งออกมาเยอะเหลือเกินให้ตายเถอะ

           และแล้วเจ้าหนุ่มก็สวมกอดคิวแน่น ยุติบทบาทถูกผีดิบกินเนื้อกินหนังในจินตนาการ คิวยังคงดิ้นพล่านราวกับพยาธิโดนยาถ่าย เธอต่อว่าด่าทอถึงโคตรตระกูลไคท์

    "ไอ้พ่อเป็นโจร! ไอ้คนไม่มีแม่สั่งสอน! เหี้ย!!!" คำว่าตัวเงินตัวทองดังเข้าไปในรูหูป่วนถึงสมองสั่งการสะดุ้งไปทั่วร่าง หนุ่มไคท์มือขวาว่างจึงคว้ากำหิมะสดๆยัดปากคุณ
    เธอ "ไอ้-อ๊วก แค๊กๆ"

    "ชู~เงียบก่อนเดี๋ยวค่อยทะเลาะกันต่อ"

    "ไอ้-" ด่าไม่ทันเป็นคำ เจ้าหนุ่มก็รีบเอามือปิดปากคิวอย่างไว เงียบสิ!

           ไคท์คลายกอดแล้วชี้ไปที่มุมมืดของป่า ทั้งเขาทั้งเธอเห็นว่ามีใครคนหนึ่งเดินโซซัดโซเซตรงมาหา ท่าทางอย่างกับคนเมา คิวพลันดีใจที่มีคนอื่นในป่านอกจากอีตาโรคจิตคิดลามก ที่ไหนได้ต้องตกใจยามเมื่อแสงจากกองไฟพอจะส่องเห็นเค้าโครง

           หัวแบะ!ขากรรไกรเปิด แขนและขาขาดวิ่น เลือดเขรอะเนื้อตัวเหม็นสาบอย่างกับซากศพ

           หนุ่มไคท์อ้ำอึ้งทำอะไรไม่ถูก ได้แต่อ้าปากหวอนึกถึงเรื่องจิ้นของตัวเอง ส่วนคิวกลัวฉี่แทบราด ใกล้จะร้องไห้เต็มทน

    .

    .

    .

    กรี๊ดดดดดดดดด!!!!!!!!!~~~~~~~~~ ดังลั่นป่าอีกตามเคย



    ที่เห็นนั่นไม่ใช่คนแน่



    ชื่อเกมนี้ก็บอกอยู่แล้วว่า Zombie World Online เล่นเพลินจนนึกไปเลยว่ามันเป็นเกมฆ่าผีดิบที่เน้นการใช้พลังพลาสมา แต่ไหนเล่ากันว่าผีดิบหรือซอมบีศพเดินได้นี้จะพบได้ในเมืองร้างถัดจากป้อมปราการป้องกันตัวเองซึ่งตั้งขวางอยู่ระหว่างเมืองร้างกับหมู่บ้านเริ่มต้น นี่เจอกันบนภูเขาเลย!

    "นั่นอะไรน่ะ!?มันตัวอะไร?!" เมื่อมือหลุดจากปาก สาวน้อยผมแกละจึงรีบถาม ทว่าเธอไม่ต้องการคำตอบอะไรหรอก คือว่ากรี๊ดมากไปจนสติเตลิด "ซอมบี้ใช่ไหม! ผีดิบ!"

    "อื่ม" คำตอบจากใบหน้าที่พยักว่าใช่ ตามด้วยน้ำคำสั้นๆแสนแผ่วเบาที่ฟังแล้วรู้เรื่อง "หนีกันเถอะ~"

    ฮี่ๆ!!! เพราะเจ้าหนุ่มโดดขึ้นม้าไวดุจอินทรีย์โฉบเหยื่อพลางใช้ฝ่ามือขวาตบบั้นท้ายอันกลมกลึงของม้ามันจึงตกใจร้องเสียงหลง เป็นเหตุให้ม้าฟันเหยินถีบเท้าทะยานจนหิมะกระเด็น แลมุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง จากประสบการณ์การขี่ของไคท์ที่เพิ่งฝึกปรือในครึ่งวันนี้ก็เพียงพอแล้วที่เขาจะเอาตัวรอดจากอันตราย ย๊ะฮู้! หนุ่มไคท์กู่ร้องดุจอินเดียนแดงออกศึก ฮู้เล่ๆ~วู้วู้วู้~

    เดชะบุญของสาวคิวที่มีคนดีอยู่ใกล้ ไคท์ย่อมไม่ลืมผู้ร่วมชะตากรรมแอบจิตที่ยืนทำหน้าบื้อราวกับวิญญาณยังไม่กลับเข้าร่าง เชือกเจ้ากรรมที่มัดเป็นบ่วงไว้จึงถูกโยนออกไปคล้องคอสาวน้อยพอดี หมับ! แล้วลากทาสสาวถลากไถลไปกับพื้นหิมะไม่ต่างจากตอนบ่าย เห้อ~ กรรมใดใครก่อเชือกที่กะไว้รวบตัวดันไปมัดคอเสียได้ เอาน่าไม่ปล่อยให้โดนผีดิบกินก็ดีแค่ไหนแล้วเออ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×