ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Zombie World Online

    ลำดับตอนที่ #2 : งานของนักเดินทาง [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 18 เม.ย. 59


    ตอนที่ 2
    งานของนักเดินทาง






           เวิ้งฟ้าปลอดโปร่งปราศจากหมู่เมฆา หิมะขาวยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ใต้ต้นไม้ไร้ใบที่ขึ้นติดกับผาหิน เห็นมีอิสตรีพองามกำลังเจรจากับบรรดานักเดินทางผู้ปราดเปรื่องประเทืองปัญญาที่ต่างแวะเวียนกันมาไม่ขาดสาย ด้านหลังของอิสตรีคนนั้นคือรถลากไม่ผิดแน่ มีสองล้อคล้ายกับเกวียนทว่าขนาดเล็กกว่า นั่นธงของศาสนจักรหรือไรกันที่สะบัดพริ้วไปตามลม ธงพื้นขาววาดสัญลักษณ์ดาบไขว้สีแดงไว้ตรงกลาง เสาธงปักอยู่ท้ายรถลากซึ่งใกล้กันนั้นมีกล่องเหล็กสีเงินวางไว้ด้วย กล่องเหล็กบรรจุดาบหลากหลายขนาด เข้าใจว่าผู้เก่งกาจเท่านั้นจะได้ครองมัน อิอิ หนึ่งในนั้นต้องเป็นเรา ไคท์ นักรบวัยสิบเจ็ดปีผู้ชาญสมรภูมิเดือด ก๊ากๆๆ แค่คิดก็สนุกแล้ว

           รองเท้าหนุ่มไคท์เปื้อนหิมะหนาใช้ได้ เจ้าหนุ่มสลัดน้องหิมะทิ้งก่อนจะย่างสามขุมเข้าไปหาวิคตอเรีย

    "สวัสดียามบ่ายครับ ข้าชื่อไคท์"

    "หือ?"

    "ข้ามาใหม่ อยากทราบนามอันสูงส่งของท่านอัศวิน"

           พิจารณาเธอแล้ว ทำไมใบหน้ามีรอยแผลเต็มไปหมด ไหนจะแขนซ้ายที่พันผ้าพันแผลนั่นอีก ยังมีคราบเลือดติดอยู่เลย อี๋~

    "ข้าชื่อวิคตอเรีย เจ้ามีธุระอะไรกับข้า" น้ำเสียงของวิคตอเรียบ่งบอกความสนใจในตัวไคท์น้อยมาก "ถ้าเจ้าต้องการงานจากข้า เจ้าต้องมีทักษะการใช้พลังพลาสมาขั้นที่สามขึ้นไป ตอนนี้เจ้าควรรีบไปฝึกฝน"

           พวกเอ็นพีซีนี่รู้ดีกันจังเลยนะ เข้าถึงข้อมูลนักเดินทางโดยไม่ต้องถามนี่มันจะละเมิดสิทธิ์กันไปหน่อยไหม แต่ก็ช่างเถอะหนุ่มไคท์ซะอย่าง ชวนเธอคุยไปเดี๋ยวก็ได้เรื่องเองแหละ

    "ข้าคิดว่าข้าพร้อมที่จะทำหน้าที่ปกป้องผู้คนที่หมู่บ้านแห่งนี้ ข้าอยากช่วยเหลืองานของท่าน" แถได้อย่างมีเหตุผล ...หรือเปล่า? "เชื่อสิแล้วท่านจะชอบข้า"

    "ข้าไม่มีงานแบบนั้นให้ใครทำหรอกนะ ข้าเพียงแต่ผ่านมาเท่านั้น"

    "แสดงว่าตั้งใจจะไปที่อื่นเหรอ จะไปไหนน่ะ"

    "มีการสู้รบที่ 'มูทอริกกี้' ขึ้นไปทางเหนือไกลจากที่นี่เจ็ดวันเดินทางถ้าเดินเท้า ทีแรกข้ามีม้ากับรถลาก แต่ตอนนี้ม้าของข้าหายไป"

    "อ้อ~ท่านก็เลยติดเเหง็ก แสดงว่าท่านมีหน้าที่อย่างอื่นในการรบละสิ ท่านไม่ได้รบกับแนวหน้าใช่ไหมแบบนี้"

    "การวิเคราะห์ของเจ้าช่างน่าสนใจ ไหนลองบอกข้า เจ้ารู้ได้ยังไง"

           เข้าทางแถแล้ว

    "หนึ่งคือท่านยืนอยู่บนเส้นทางที่จะนำไปสู่ดินแดนอื่น แทนที่จะเข้าไปนั่งในกระท่อมนั่น" ชี้ให้ดูอีกต่างหาก "แสดงว่าท่านมีกิจอันเร่งด่วน"

    "ว่าต่อไป"

    "เนื้อตัวท่านมีรอยแผลเต็มไปหมดแต่เหมือนจะไม่ใช่รอยที่เกิดจากดาบหรืออาวุธมีคม มันเหมือนกับ...โทษนะครับ" หนุ่มไคท์ชะโงกหน้าเข้าไปมองรอยแผลที่แก้มซ้ายของวิคตอเรีย "รอยของกิ่งไม้ อื่ม...ตกเขามาใช่ไหม"

    "เจ้ารู้?"

    "ดูล้อรถลากนั่นสิ" ล้อไม้มีรอยบิ่นและรอยถูกขีดข่วนเป็นทางยาว "ถ้าวิ่งบนถนนธรรมดาคงมีสภาพดีกว่าที่เห็น ม้าของท่านคงจะพยศแล้วลากรถท่านออกนอกเส้นทาง สุดท้ายม้าหลุดและท่านกลิ้งตกเขา เขาลูกนั้นใช่ไหม"

           พาวิคตอเรียมองไปยังภูเขาด้านหลัง ไกลลิบสุดสายตาที่เส้นทางนี้ทอดผ่านมา

    "โอ๊ะ!เจ้าเป็นนักเดินทางธรรมดาคนหนึ่งจริงหรือเนี่ย"

    "แน่นอน เพิ่งล็อกอินตอนเก้าโมงนี่เอง"

    "การวิเคราะห์ของเจ้าเจ๋งมาก แต่ข้าไม่ได้ตกเขาหรอกนะ ข้าปล่อยม้ากินหญ้า แต่จู่ๆมันก็เตลิดไป ข้าไล่จับมันขณะที่มันวิ่งเข้าไปในดงไม้หนามบนผาลูกนี้ ข้างบนน่ะเป็นป่ารกชัฏ ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ข้าก็ยังหาม้าของข้าไม่เจอ เจ้าเป็นคนมีไหวพริบดี ข้าจะละเว้นกฎเกณฑ์ให้สักครั้ง อยากจะช่วยข้าอยู่ไหมล่ะ"

           เดาถูกหรือผิดไคท์หาได้สนไม่ ได้งานเท่ๆทำดีกว่าเล่นกับหิมะเยอะ ดังนั้นตอบกลับไปทันที

    "แน่นอน! ข้ายินดีมาก"

    "Good! ข้ามีค่าจ้างให้เจ้าสำหรับงานแรกยี่สิบห้ามินนิบลูคริสตัล ช่วยตามหาพู่ประดับของข้าให้ที ข้าทำหายตอนไล่จับม้า น่าจะอยู่บนผาลูกนี้แหละนะ ฝากหน่อยได้ไหมข้ายังต้องคุยกับนักเดินทางอีกหลายคน"

    "ได้ครับ!"

    "พู่ประดับนั้นเราชาวอัศวินแห่ง 'โซโลเดลเฟีย' ใช้เป็นสัญลักษณ์ประดับยศ ของข้าน่ะสีทองแดง หาเจอแล้วรีบกลับมาหาข้าล่ะ"

    "โอเช ท่านหายห่วงได้ งานใดที่กลายเป็นของข้า ไม่มีคำว่าล้มเหลว"

    >> การช่วยเหลือกิจแม้เล็กน้อยของผู้เดือดร้อนเป็นน้ำใจของนักเดินทาง ขณะนี้ท่านต้องตามหาพู่ประดับที่หายไปของวิคตอเรีย ท่านจงพยายามเข้า



    หมู่บ้านอิว ผาจิ้งจอกขาว สิบสี่นาฬิกาห้าสิบนาที



           เดินมาก็ไกล กว่าจะขึ้นมาบนผาได้ โอยยย~แข้งขาอ่อนไปหมดแล้ว มองไปทางไหนก็มีแต่หิมะกับป่าไร้ใบ ...หิว... เพิ่งรู้สึกตัวว่าหิวจูงเบย หนุ่มไคท์ชักแสบท้อง จ้องไปที่ผืนหิมะพลันเกิดคำถามในใจ กินได้ไหมหิมะน่ะ?

           รอช้าอยู่ใยเล่าไม่มีใครอยู่แถวนี้สักหน่อย หม่ำละนะ ง่ำ!

    แหวะ! ไคท์รับรสชาติจืดสนิทนี่ไม่ไหว แหวะ~น้ำแข็งป่นยังจะอร่อยกว่าอีก

    "โหยยย!" เขาตะโกนก้อง "ตกลงมาทำไมเยอะแยะ! หนาวก็หนาว! กินก็ไม่ได้ ไร้ประโยชน์นนนนน~~~"

    .
    .
    .

           ไร้เสียงตอบกลับแต่ อะ! นั่นอะไรน่ะ?

           เหมือนมีอะไรวาวๆอยู่ตรงโน้น ใกล้กับป่านั่น เห้ย! นั่นมัน...

    "ลูกหมาเหรอ?" จากนั่งสลดไคท์จึงลุกพรวดขึ้น "หึหึหึ มีของกินแล้วเรา"

           กินหมา?

    "มามะๆ" หนุ่มไคท์ค่อยๆย่องหาลูกหมาขนปุกปุยสีขาว ลูกหมาตัวน้อยหารู้ไม่ว่ามีอันตรายเข้ากล้ำกราย "มาหาพ่อมามะ"

           เมื่อได้ระยะเหมาะสม เหยื่อซึ่งกำลังติดพันดมโลหะบางอย่างที่ถูกหิมะกลบช่างไร้เดียงสานัก ไคท์ก็ย่อกายลงนอนคว่ำกับผืนหิมะ จากนั้นเขาจึงเริ่มตะเกียกตะกายในท่าอันพิสดารเหนือจินตนาการเพื่อเข้าไปใกล้เป้าหมายอย่างเงียบๆ

           จังหวะเดียวกับลูกหมาตัวน้อยคาบโลหะสีทองแดงที่มีเชือกสีแดงร้อยเป็นพวงขึ้นมา ???

    อิ๋ง~ เจ้าหมาครางพลางคาบพู่ประดับ

    "เฮ้ย!เดี๋ยวก่อน!" หนุ่มไคท์จึงรีบกระโจนหวังจะตะครุบ วืด~ กลับคว้าได้อากาศธาตุ ลูกหมาตัวน้อยวิ่งเข้าป่าไปแล้วนั่น "เฮ้ยนั่นมันของข้า!" ผู้ล่าตามเข้าไปในป่าด้วยทันที "เฮ้ยหยุดเซ่ซซ!"

           หมาไม่หยุดคนก็ไล่กวด ลูกหมาตัวน้อยมุดเข้าไปในโพรงไม้ ไคท์ก็มุดเข้าไปในโพรงไม้ ลูกหมาตัวน้อยกระโดดข้ามธารน้ำ ไคท์ก็กระโดดข้ามธารน้ำ ลูกหมาตัวน้อยผ่าลอดดงหนาม ไคท์ก็ผ่าดงหนาม เป็นตายอย่างไรต้องเอาพู่ประดับทองแดงมาให้ได้ โอ้ย! กิ่งไม้บาดแขนไม่เป็นไร โอ้ย!ๆๆ หนามตำหน้าและร่างกายไม่เป็นไร ยิ่งตามก็ยิ่งลึก ยิ่งลึกป่ายิ่งรก แม้นพื้นจะเต็มไปด้วยหิมะและเห็นท้องฟ้าน้อยลง ที่สุดการไล่ล่าก็จบลงตรงที่

    "จับได้แล้ว นี่แหน่ะ" จากการคาดคะเนทิศทางวิ่งของเจ้าขนปุยล่วงหน้า หนุ่มไคท์คว้าหางได้ทันควัน พึงพอใจยิ่งนัก "ฮ่าฮ่าฮ่า! ต้มหรือย่าง!"

    งับ! โอ้ย!หมาบ้า! ลูกหมาหันมากัดมือไคท์ เจ้าหนุ่มตกใจสลัดมือออก และมันวิ่งหนีไปแล้ว...

    "อย่างน้อยข้าก็ได้ของละว้า~ หึหึหึ" หนุ่มไคท์หยิบพู่พวงแดงขึ้นมากำไว้ด้วยความหยิ่งผยองแม้ว่าแผลจะเต็มตัว เสื้อผ้าก็ขาดวิ่นไปหมด สักพักคำถามหนึ่งผุดขึ้นในใจเขา คำถามที่ทำให้ยิ้มกระหยิ่มหายไปจากใบหน้าโดยสิ้นเชิง "ที่นี่...ที่ไหน?"

           มองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้ลักษณะเหมือนกันเต็มไปหมด แวบ! ห๊ะ!เมื่อกี้มันตัวอะไร?

           มีตัวอะไรก็ไม่รู้เคลื่อนไหวอยู่ใกล้ๆนี่ และมันเห็นไคท์แล้ว กลางวันแสกๆคงไม่ใช่ผีหรอกมั้ง อื่ม... ตัวคนเดียวท่ามกลางป่าไร้ใบกับพื้นหิมะสีขาวโพลน บรรยากาศเงียบงันจนทำให้ประสาทเริ่มเสียแล้วสิ

    มนุษย์กินคน? ไม่หรอก จะมีมนุษย์กินคนอยู่ติดกับหมู่บ้านได้ไง บ้า โหดร้ายเกินไป

    ยักษ์เหรอ? ยักษ์แคระหรืออย่างไร ต้นไม้ยังสูงกว่าอีก

    แม่มด! อันนี้ไม่แน่ พวกนางอาจอยากกินตับของเรา เย้ย! ฟุ้งซ่านน่า

    อิ๋งๆ แล้วเสียงครางของมันก็แว่วให้ได้ยิน หนุ่มไคท์ตัดสินด้วยสติปัญญา หมา! เขาได้ยินเสียงร้องของหมา หมาอะไรจะอยู่ในป่า ...หมาป่า

    "หมาน้อยตัวขาวนั่น ลูกหมาป่าสินะ" น่าจะคิดได้ตั้งนานแล้ว "แบบนี้ก็ต้องมี เฮ้ย!พ่อแม่หมา!"

           แล้วหมาที่ไคท์กำลังคิดถึงก็ปรากฏกายยืนอยู่ไม่ไกลนัก เบื้องหน้าของเขาเลย ตัวใหญ่ขนสีขาวเหมือนสีของหิมะ รูปร่างปราดเปรียว ดวงตารีเล็กสีน้ำตาลแดง หูตั้งและหางลู่ลง หมาป่าตัวโตเต็มวัยย่อกายเตรียมพุ่งพรวดมาเลียหน้าไคท์เป็นแน่ ดูสิ น้ำลายไหลเชียว แหม~ไม่ต้องยิงฟันแยกเขี้ยวหรอกนะจ๊ะ

    กรรร กรรร~ อีกสองเสียงขู่ดังขึ้นด้านหลัง หนุ่มไคท์หันขวับไปมองดู โอเค ด้านนี้อีกสองตัว สูงกว่าเอวเราอีก เอาไงดีทีนี้

    เข้าไปลูบหัวดีไหม ไม่!

    แกล้งตาย หมานะไม่ใช่หมี จะได้ไม่กินของตายเหมือนในหนังสือเรียน

    ปีนต้นไม้เป็นไง ลำต้นก็เล็ก ลื่นอีกต่างหาก ปีนไม่รอดก็จบเห่

    งั้นเอาไงล่ะ! เร็วสิ มันเข้ามาใกล้แล้วนะ ไม่รู้ล่ะมาทางไหนเราควรกลับไปทางนั้น โอ๊ะโอ๋ ผุดมาอีกสาม รวมแล้วก็หกตัว หุหุหุ เล่นกันเป็นฝูงเลยนะครับคุณหมา

    เผ่นละค๊าบบบ! ว๊ากกกกกกกกก เร็วสุดยอด! ไคท์ออกตัวด้วยความเร่งเต็มเหยียด บุกตะลุยเข้าดงไปโดยไม่เกรงใจฝูงหมาป่าที่วิ่งกวดตามตูด เจ้าหนุ่มสามารถชนได้ทุกอย่าง! กระทั่งต้นไม้ลำเท่าแขนยังหักได้ ผวดยอดไปเลย!

    ว๊ากกก วิ่งไปแหกปากไป คงหวังว่าจะมีใครได้ยินแล้วรีบเข้ามาช่วย ว๊ากกกกกกกกกก

           ท่ามกลางป่าไร้ใบที่หนาแน่นบนผาสูงแห่งผาจิ้งจอกขาว เสียงร้องของชายคนหนึ่งทำเอานักเดินทางอีกหลายต่อหลายคนที่ได้ยินหวาดกลัวยิ่ง ที่คิดจะขึ้นไปก็หยุดอยู่กับที่ ที่เข้าไปในอาณาเขตแล้วก็ถอยออกมา ว๊ากกกกกก เสียงร้องอันตื่นตระหนกยังคงดังหลอกหลอนไม่ขาด ความโหยหวนของเสียงดังอื้ออึงเข้าไปในส่วนลึกของป่า หายลึกเข้าไปในป่า ... และค่อยๆเงียบไปในที่สุด



    หมู่บ้านอิว สิบแปดนาฬิกา



    โอ๊วะ!โอ๊ะ!อั๊ก! อะไรบางอย่างไวๆกลิ้งตกผามาใส่กะบะรถลาก โครม! ทำเอาเจ้าของรถตกอกตกใจ วิคตอเรียคว้าดาบคู่กายก็หมายใช้มันป้องกันตัว ทันทีที่สิ่งนั้นผงกหัวขึ้นและหอบหายใจ อุ้ย!เธอกลับต้องอมยิ้ม

    "แสดงว่าเจ้ามีกิจอันเร่งด่วน" วิคตอเรียกล่าวติดตลกพลางเก็บดาบใส่ฝัก "ไคท์เนื้อตัวเจ้ามีรอยแผลเต็มไปหมด"

           ร่างหัวผงกพลันสูดลมหายใจเข้ายาวแล้วพ่นออกก่อนจะต่อประโยคให้ด้วยสีหน้าอย่างเซ็ง

    "แต่ไม่ใช่รอยที่เกิดจากดาบ มันคือรอยของกิ่งไม้ ท่านจะพูดแบบนี้ใช่ไหม"

    "เจ้ารู้?"

    "ครับ ข้ารู้ และนี่คือของท่าน" ไคท์ก็ยื่นพู่ประดับทองแดงให้แก่วิคตอเรีย "ดีที่ข้ายังไม่ตาย"

    "เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเจ้าต้องใช้ทางลัด"

    "ฝูงหมาไล่สิ"

    "ถูกสุนัขจิ้งจอกไล่จนตกผาเหรอ ฮ่าฮ่าฮ่า แล้วฆ่าไปกี่ตัวล่ะ"

    "ฆ่าเคิ้ออะไรกัน ข้าไม่มีอาวุธ" หนุ่มไคท์รับสารภาพบาปต่อศีลข้อที่หนึ่ง ทว่าจริงหรือที่เขาไม่มีอาวุธ "กระสุนพลาสมาก็ห่วย ประโยชน์อย่างมากของมันก็แค่กรุยทางให้เท่านั้นเอง"

           ไคท์ลุกขึ้นแล้วค่อยๆลงจากรถ เนื้อตัวของเขาเป็นดั่งวิคตอเรียกล่าว คือมีรอยแผลขีดข่วนเต็มไปหมด ท่าจะแสบไม่น้อย อิอิ

    "ตามข้อตกลง รับไป" เธอก็โยนถุงผ้าสีน้ำตาลให้เป็นการตอบแทน "ยี่สิบห้ามินนิบลูคริสตัล ขอบคุณมากเลยนะ ไว้พรุ่งนี้ถ้าเจ้าสนใจรับงานจากข้าอีก ก็มาหาข้าได้หลังหกโมงเช้า ข้าจะอยู่แถวนี้แหละ"

    "อื้อ" น้ำเสียงเจ้าหนุ่มกลับไม่ดีใจเลยสักนิดที่สามารถทำภารกิจลุล่วง ตรงกันข้ามเขาดูเหนื่อยมาก

    "ไม่รู้ว่าเจ้ามีที่พักหรือยัง ข้าคิดว่าเจ้าควรจ่ายยี่สิบมินนิบลูคริสตัลสำหรับห้องพักระดับทั่วไป โน่น ที่กระท่อม ถามรายละเอียดการเช่าเข้าพักกับชายที่ชื่อ 'มู่จา' "

    "ครับ ข้าจะไปเช่า" พอรับปาก หนุ่มไคท์ก็เริ่มเดินกระปั้วกระเปี้ยไปยังกระท่อม "See you tomorrow ท่านวิคตอเรีย"






    "อ่าว เจ้ากลับมาแล้ว ? ทำไมสภาพเจ้าเป็นแบบนี้ล่ะไคท์" มู่จาเห็นก็ทักอย่างเป็นห่วง ชายชรามองเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เดินหมดอะไรตายอยากเข้ามาในกระท่อม ผู้กล้าในสมรภูมิสงครามหรือผู้เคราะห์ร้ายถูกรุมโทรมล่ะนั่น เสื้อผ้าเขาขาดวิ่นยับเยินสิ้นดี ไหนจะแก้มขวาที่ระบมคล้ายกับไปโดนอะไรฟาดมาอย่างแรง แผลเต็มไปหมดอีกต่างหาก "ทะเลาะวิวาทกับคนอื่นมาใช่ไหม"

    "เป็นงั้นก็ดี" ไคท์เดินมาถึงโต๊ะไม้สีมะกอก "ข้าอยากเช่าห้องพักครับท่านตา มีราคายี่สิบคริสตัลเหลือบ้างไหมครับ"

    "มี เหลืออยู่ห้องหนึ่ง ซึ่งเจ้าจะมองเห็นวิวกลางคืนของผาจิ้งจอกขาวได้เต็มตา ข้าเชื่อว่าเจ้าจะชอบ กลางคืนพระจันทร์สวยมากเลยขอบอก"

    "ไม่เอา" ใครจะอยากเห็นผาจิ้งจอก วันนี้กว่าสามชั่วโมงก็วิ่งหนีฝูงหมาป่าอยู่ในนั้น

    "ไม่ชอบพระจันทร์รึ?"

    "เปล่า ไว้ข้าจะเล่าให้ท่านตาฟัง ห้องราคาอื่นก็ได้ ที่ไม่เกินเจ็ดสิบห้าคริสตัลน่ะครับ"

    "มีห้องราคาหกสิบมินนิบลูคริสตัลว่างสามห้อง สนใจไหมล่ะ"

    "ครับ เอาหนึ่ง ห้องไหนก็ได้"

           คนอยากพักก็ตกลงจ่ายหกสิบมินนิบลูคริสตัลสำหรับการเช่าห้องพักหนึ่งคืน มู่จาก็อยากเอ่ยว่าราคานี้มันแพงเกินไปสำหรับนักเดินทางฝึกหัด นักเดินทางบางคนนอนใต้ต้นไม้ก็มี หรือที่มาเป็นกลุ่มก็จะก่อกองไฟแล้วซื้อกีตาร์มาร้องรำทำเพลงตามประสาเด็ก หนักสุดคือพวกไม่นอนกลางคืน เดินเที่ยวเข้าไปในป่าหาประสบการณ์ตื่นเต้น แต่ไหนๆนี่ก็เป็นความต้องการของลูกค้าซึ่งดูจะอิดโรยอย่างมาก ก็จัดให้

    "ห้องของเจ้าคือระดับเอ็กซ์ตร้ารูม เข้าพักได้จนกว่าจะถึงเวลาสิบแปดนาฬิกาสิบนาทีของวันพรุ่งนี้" ชายชราอธิบาย "เจ้าจงเดินไปตามกำแพงแล้วเลี้ยวซ้ายมุมนั้น เดินตรงไปจนสุดทางเจ้าจะพบกับบันได ซึ่งมีทั้งซ้ายและขวา ขึ้นบันไดขวา ห้องของเจ้าอยู่ซ้ายมือโดยนับจากห้องแรกไปเจ็ดห้อง เอาล่ะข้าจะไปส่ง"

    "ไม่ต้องหรอกท่านตา ข้าจำแม่น เลี้ยวตรงมุมนั้น" หนุ่มไคท์ชี้ไปด้วย "เดินไปสุดทางแล้วขึ้นบันไดทางขวา ห้องที่เจ็ดซ้ายมือ ข้าอยากพักแล้ว ท่านอยู่ทำหน้าที่ต่อไปเถอะ"

    "ก็ตามใจเจ้า เพราะห้องนั้นเจ้าจะเปิดได้คนเดียว คนอื่นๆจะไม่สามารถรบกวนเจ้าได้ แล้วข้าจะให้บริกรนำอาหารตามไปส่งในอีกหนึ่งชั่วโมง"

    "ครับ"

           แล้วไคท์ก็ลามู่จาไปพักผ่อน ทันใดหนุ่มไคท์ก็เดินสวนทางกับสาวแว่น เขาไม่ได้สนใจมากนักกระทั่งเดินขึ้นบันไดทางขวา สถานที่แห่งนี้จะว่าโอ่โถงก็ได้ แม้ด้านหน้าเป็นเพียงกระท่อมธรรมดา ทว่าด้านหลังกลับเป็นที่พักสองชั้นอย่างกับบ้านเศรษฐี ที่มองไม่เห็นแต่แรกเพราะมีต้นไม้ปลูกบดบังหรอก เอาเถอะ ถึงห้องจะได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เอนกายลงบนที่นอนนุ่มๆ อิอิ แค่คิดก็สุขใจแย้ว

           เจ้าหนุ่มหน้าใสหาทราบไม่ว่าบันไดทางขวาที่กำลังเดินขึ้นไปนี้มันดันวกไปทางซ้าย ส่วนบันไดทางซ้ายซึ่งอยู่ถัดไปดันวกไปทางขวา วิศวกรออกแบบมาอย่างนี้ก็เพื่อให้นักเดินทางได้มองเห็นกัน เผื่อว่าอยากจะทักทายกันขำๆระหว่างเดินขึ้นหรือลงบันได ความสนุกเช่นนี้ทำให้ไคท์ขึ้นบันไดผิดฝั่ง กรรม และห้องที่เจ็ดทางซ้ายในสมองของเขาก็อยู่ตรงหน้าแล้ว หนุ่มไคท์ก็หาทราบเป็นรอบสองว่าประตูห้องที่เจ็ดผิดฝั่งนี้มันปิดไม่สนิท เจ้าหนุ่มหมุนลูกบิดเปิดเข้าไปอย่างสะดวกแฮ

           พอปิดประตูลง ภาพตรงหน้าคือฝันหวาน ห้องกว้างสะอาดสะอ้านดีแท้ กลิ่นของห้องใหม่ในราคาหกสิบมินนิบลูคริสช่างคุ้มค่านัก ชอบเหลือเกิน อ่า ดูนั่นสิ! เตียงนอนกับผ้าปูสีเขียวยอดตอง ว้าว! ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ ว้าว! โต๊ะหนังสือทำจากไม้เนื้อดี ว้าว! ระเบียงกับผ้าม่านสีขาว สามว้าวสิ้นสุดไคท์ก็เหลือเพียงเสื้อกล้ามกับกางเกงในสีน้ำตาล ใครล่ะจะใส่ผ้าเน่า ขอนอนเล่นบนที่นอนก่อนแล้วกัน ว่าแล้วก็กระโดดใส่เป้าหมาย อิอิ อ่าหอมๆ อิอิอิ ม้วนตัวเองกับผ้าห่มผืนบางอย่างกับมัมมี่ ... สักพักเจ้าหนุ่มก็ผลอยหลับไปโดยไม่รู้ตัว



    หมู่บ้านอิว สิบเก้านาฬิกายี่สิบสองนาที



           เสียงฮัมเพลงของเด็กสาวดังขึ้นเรื่อย ... ขณะที่ลูกบิดประตูถูกมือน้อยจับหมุด กั๊ก เด็กสาวมัดผมแกละสองข้างน่ารักผู้ฮัมเพลงก็เปิดประตูห้องของตนแล้วก้าวเข้าไปภายใน เธอถอดรองเท้าผ้าสีน้ำตาลทรงเตี้ยไว้ข้างผนัง ลา~ลันลา~ วางกระเป๋าสะพายไว้กับพื้น เดินไปถอดเสื้อคลุมพาดไว้กับพนักเก้าอี้ จากนั้นจึงหันไปมองที่เตียง และได้เห็นว่าเพื่อนสาวแอบหลับไปก่อน

    " 'เชอรี่รีโน' ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง แอบหลับไปก่อนแบบนี้มันขี้โกงชัดๆ ตื่นเลยนะรีโน" เด็กสาวผมแกละในชุดกระโปรงกับกางกางขายาวรัดรูปสีดำตรงเข้าไปเขย่าเพื่อน เจ้าเพื่อนที่ม้วนตัวกับผ้าห่มสีครีมก็ไม่มีทีถ้าว่าจะตื่นเลย "รีโน หลับขี้เซาอยู่ได้ ฉันได้ตำราใหม่มา รีโนตื่นสิ"

    ...z Z

    "ก็ได้! ถ้าเธอจะนอนอย่างนี้ฉันก็จะนอนด้วย! ถ้าทักษะของฉันพัฒนาช้าแล้วคุณป๋ามาบ่นล่ะก็ เธอต้องรับผิดชอบนะ"

    อื้อ~

    "โอ้ยทำเสียง รับเป็นพี่เลี้ยงฉันมันเหนื่อยขนาดนั้นเลยเหรอ" คนหนึ่งพูดคนหนึ่งหลับ ไม่เข้าใจคู่นี้เลยจริงๆ "รีโน..."

           เด็กสาวผมแกละยืนมองเพื่อนคลุมโปงก็ยิ้มอย่างเข้าใจ ความเงียบของห้องกว้าง ความเหนื่อยล้าของวัน ... สักพักเธอก็หาวคำเล็กๆออกมา

    "จริงๆเราก็ง่วงเหมือนกันแฮะ" เปรยเสร็จเจ้าตัวก็ล้มตัวลงนอน เด็กสาวผมแกละหลับตาลง ไม่นานก็หลับไป

           เธอหาได้สังเกตไม่ว่ามีเสื้อผ้าขาดกองอยู่มุมห้องใกล้รับระเบียงด้านนอกนั่น






    "ไปเที่ยวไหนของเค้านะคิวเนี่ย หรือว่าแอบไปส่งของ" สาวแว่นพร่ำบ่นกับหิมะยามค่ำ ก่อนจะหันขวับไปที่กองไฟใกล้ๆ จ้ำไปอย่างไว "พวกนาย"

           เด็กผู้ชายหนึ่งในสี่คนเงยหน้ามาตอบคำเรียก

    "ว่าไงก๊าบเพ่ มีไรให้น้องรับช้าย"

    "พวกนายเห็นผู้หญิงที่สูงพอพอกับฉัน ใส่กระโปรงกับกางเกงขายาวสีดำเดินผ่านมาทางนี้บ้างไหม มัดผมแกละสองข้าง"

    "โหยเพ่~มัดแกละวันนี้เจอเป็นร้อยเพ่ ใส่กระโปรงมีถมถืดเพ่ ไม่ใส่หาง่ายกว่านะเพ่ ใช่มะ" แล้วเด็กผู้ชายอีกสามคนก็หัวเราะพร้อมเพรียงกัน ฮ่าฮ่าฮ่า

    "อย่ากวนทีน" สาวแว่นทำเสียงดุ

    "ไรพี่ โมโหเลยเหรอเพ่ แฟนหายก็ไปหากันเองดิเพ่ เกี่ยวไรกับพวกผม" พลางเย้าหยอก "เลสเบี้ยนป๊ะเพ่ ฮ่าฮ่าฮ่า"

    "พวกนายนี่มัน..."

           สาวแว่นชักเลือดขึ้นหน้า เพื่อนสาวออกไปข้างนอกนานเวอร์ยังไม่กลับก็วุ่นวายพออยู่แล้ว ยังแกว่งเท้าเจอเกรียนอีก ไปดีกว่าแบบนี้

    "อ่าว รับไม่ได้เหรอเพ่! มีงอนว่ะ ตูดบิดเชียว ฮ่าฮ่า พวกดูๆ"

           เกิดแสงสว่างวาววับบนแว่นตาบาง สาวแว่นหยุดกึกพร้อมกับขยับแว่นให้กระชับ

    เฮ้ยๆ พวกเด็กชายก็เหมือนจะรู้ตัว

           ทันใดสาวแว่นก็หมุนกายกลับ นิ้วชี้กับนิ้วกลางประกบเข้าหากัน เก็บนิ้วโป้งนิ้วนางนิ้วก้อย ทำท่าเหมือนจะยิงปืนด้วยมือ แล้วก็ยิง!

    ปั้ง! กระสุนพลังพลาสมาระดับไหนไม่ทราบยิงใส่กองไฟ เกิดสะเก็ดของไฟกระจุยใส่ร่างเด็กผู้ชายสองคนจนหงายหลัง โหวย!~

    ปั้ง!

    "Shield!" ติ้ง! อีกนัดถูกสกัดกั้น พลาสมาเปลี่ยนรูปเป็นโล่สีขาวขึ้นมาทานกระสุนพลังพลาสมาทันกาลพอดี "โหย!ล้อเล่นหรอกเพ่"

           แล้วสาวแว่นก็เชิดใส่ หันกายเดินกลับไปตามทางดินสู่กระท่อม ฝีไม้ลายมือที่แสดงไปสักครู่นับว่าจิ๊บจ๊อย ถ้าให้จัดหนักก็คงถึงขั้นปางตาย








    ในความฝันของไคท์ ต้นปีที่แล้ว...

           เสียงกริ่งโรงเรียนดังบอกลาคาบสุดท้ายของวันนี้ เด็กนักเรียนในห้องต่างเก็บปากกาดินสอ หนังสือและสัมภาระอื่นๆใส่กระเป๋าของใครของมันแล้วก็ของเพื่อน ? หนุ่มไคท์รูดซิปกระเป๋าสะพายใบเขียวเสร็จก็หันไปมองนักเรียนหญิงห้องเดียวกันที่นั่งอยู่ด้านหลัง ห่างออกไปสามโต๊ะ

           แสงตะวันยามบ่ายส่องลอดจากหน้าต่างเข้ากระทบแก้มของเธอ เด็กหญิงก้มหน้าแววตาเศร้าซึม ในห้องไม่เหลือใครอีกแล้วนอกจากเขากับเธอ

    "วันสุดท้ายที่จะได้เดินกลับบ้านด้วยกัน" ไคท์พูดติดยิ้ม "อย่างน้อยก็มีวันสุดท้ายจริงไหมล่ะ"

    "ไคท์..." เด็กหญิงกระชับกระเป๋าสีชมพูลายหมีเข้ากอดกับตัวเอง " จริงๆแล้ว 'เดรย์' ไม่อยากไป เดรย์อยากเรียนอยู่ที่นี่"

           ไคท์ถอนหายใจ ไม่รู้ต้องปลอบยังไง เขาก็เลยเปิดกระเป๋าแล้วหยิบสมุดเล่มหนึ่งขึ้นมา ตามด้วยปากกาน้ำเงิน ระหว่างเขียนบางอย่างลงในสมุด ไคท์ก็ว่า

    "อเมริกาน่าสนุกออก เรียนที่โน้นเดี๋ยวเดรย์ก็มีเพื่อน เราติดต่อกันทางโทรศัพท์หรือแชทก็ได้ ยังไงเสียเราก็ยังเป็นเพื่อนกัน ไม่ลืมกันอยู่แล้ว"

    "สัญญานะ!" เด็กสาวที่เรียกตัวเองว่า 'เดรย์' เดินมาหาไคท์ "มาเกี่ยวก้อยกัน"

    "ครับ ได้สิ" เจ้าหนุ่มก็ยื่นนิ้วก้อยซ้ายให้ เกี่ยวกับนิ้วก้อยซ้ายของเด็กสาว "เราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน"

    "ไม่"

    "เอ๋?"

    "ไคท์ห้ามมีแฟน ห้ามชอบผู้หญิงคนอื่น สัญญานะ"

           ผิดจากที่คาดคิด ได้ยินแบบนี้ถึงกับทำตัวไม่ถูก นิ้วก้อยยังคงเกี่ยวกันและจังหวะนั้นไคท์ก็ถูกดึงมากอด จุ๊บ! เจ้าหนุ่มอึ้งไปอีกเมื่อถูกหอมเข้าที่แก้มขวา เดรย์เอี้ยวตัวมาหอมเลยเหรอ~

    "(*///*)"

    "ป๊ะ กลับบ้าน" เด็กสาวยิ้มแป้น เธอเดินไปหยิบกระเป๋าที่โต๊ะจากนั้นก็มาจับมือไคท์ "จับมือกันเดินแบบนี้แหละ เพราะเป็นวันสุดท้ายหรอก เร็วสิ"

    "อื้อๆ" เจ้าหนุ่มตัวเคลิ้มก็รีบเก็บสมุดปากกาใส่กระเป๋าตามเดิม โดยลืมไปเลยว่าตั้งใจจะเขียนข้อความบางอย่างให้เดรย์

           ทั้งคู่เดินออกจากห้องเรียนไปด้วยกัน โดยที่มือของเดรย์ยังคงนิ่มจนเดี๋ยวนี้


           หนุ่มไคท์ละจากผ้าห่มก็ละเมอฝันหวานไปจับมือเด็กสาวคนนอนข้าง แต่นี่ไม่ใช่ฝัน มันคือในห้องพัก ห้องพักที่ไคท์เข้ามาผิด... ว้ายตายแล้ว~ แล้วเสียงประตูเปิดก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงของสาวแว่น

    "กลับมาก่อนก็ไม่บอกนะคิวเนี่ย ดีนะที่ฉันไปถามกับคุณตามู่จา ไม่อย่างนั้น-ห๊ะ!"
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×