I'm fallin' in love...with you?? [Baeri]
Taeyang x Seungri ฉลองไวท์เดย์
ผู้เข้าชมรวม
367
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
‘ I’m fallin’ in love…with you??
Cast # YB x SR
Note :: ฉลองวันไวท์เดย์ :D
“ฮยอง~”
เสียงเรียกเล็กๆ ของใครบางคนทำให้ร่างล่ำสันทัดต้องละสายตาจากหนังสือเล่มโปรดหันมามองต้นเสียงแทน ร่างบางวิ่งดุ๊กๆ ตรงมายังโซฟาที่อีกคนนั่งอยู่ก่อนหน้าพร้อมรอยยิ้มร่าอวดเขี้ยวสวย
“เรียกซะดัง มีอะไรอีกล่ะ”
“เปล่า... เรียกไปงั้นอะ ขอนอนนะ :D” ไม่ต้องรอให้อีกคนอนุญาต รีบทิ้งตัวนอนราบกับโซฟาตัวยาว หัวทุยหนุนลงบนตักกว้างของอีกฝ่าย
ทงยองเบ พ่อหนุ่มร่างล่ำสันทัด มีกล้ามมัดใหญ่หลายปล้องบนแขนกับซิกแพ็คหน้าท้องไว้กระชากใจชาววีไอพีเกาหัว(ที่มีผมอยู่น้อยนิด)งงๆ ไอ้คนบนตักมันมามุขแปลกๆ บทจะอ้อนก็อ้อนได้อ้อนดี บทจะดื้อก็หัวแข็งจนหลักกิโลเรียกพ่อ
“ง่วงก็ไปนอนในห้อง ฉันจะไปซ้อมเต้น”
“อื้อ...ไม่เอา อยากนอนใกล้ๆ ฮยอง” แขนยาวโอบรอบเอวหนุ่มล่ำ ยองเบส่ายหน้าเอือมพลางยิ้มกับนิสัยเด็กน้อยของมักเน่บิ๊กแบง เขาพิจารณาใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นอยู่นาน ดวงตากลมโตยามหลับพริ้ม แพขนตายาว โอะโมะ ! ห้ามคิดอะไรนะทงยองเบ อากาศคงร้อนไปหน่อยหัวใจเลยเต้นแรง ใช่แน่ๆ ...
“ยะโฮ้ววว~ ยอง อะ...อ้าว” ยองเบชู่ว์ปากสีหน้าจริงจังทำเอาผู้มาเยือนใหม่ตะครุบปากปิดแทบไม่ทัน ควอนจียง ลีดเดอร์แฟชั่นนิสต้าเดินเข้ามาพร้อมกับอวดแฟชั่นชุดใหม่ที่ตนเพิ่งไปถอยมาหมาดๆ ยองเบมองหน้าแหยพลางปัดมือไล่เพื่อนร่วมวงตัวดีให้ไปไกลๆ คนกำลังหวานกันสองต่อสอง เอ้ย ! น้องกำลังนอน อย่าป่วนสิวะ
“โหย แค่นี้ไล่ ไรว้า~”
“ซึงรินอนอยู่น่า”
ยองเบว่าก่อนจะก้มมองคนบนตักอย่างเอ็นดู ปากบางโค้งยิ้มจนอีกคนอดสงสัยไม่ได้ จียงฟาดเข้าบนแขนล่ำแรงๆ ทีหนึ่งจนเขาร้องโอ้ย
“ตีทำไมวะ ! เจ็บนะเว้ย” ยองเบหน้าเบ้
“แกรู้มั้ยเบ้ ว่าแกเป็นคนเก็บอารมณ์ไม่เป็นจริงๆ ว่ะ แกอยู่ใกล้มักเน่มากไปเปล่าวะ ฉันว่าแกติดนิสัยมักเน่มาแล้วแหละ ฮ่าๆๆ”
“พูดบ้าๆ น่ะ ฉันไปแสดงอารมณ์อะไรตอนไหนกัน อย่ามามั่ว” ยองเบเถียงสุดโต่ง คนหล่อตีหน้านิ่งแต่ในใจกลับเต้นไม่เป็นร่ำเป็นสัน เขาคงไม่ได้เป็นแบบที่จียงพูดหรอกนะ ไม่แน่นอน จียงมันบ้า~ ~
“ไม่รู้วุ้ย ไปหายัยหมวยดีกว่า อยู่แถวนี้มันกลิ่นหวานๆ อบอวลแปลกๆ ฮ่าๆๆ”
“ไปไกลตีนเลยไอ้ควอนจี !” จียงหัวเราะร่า กำลังจะหันหลังกลับไปหาน้องแชรินลีดเดอร์สาวหมวยแห่งทูเอนี่วันแต่ก็ไม่วายหันกลับมากวนเบื้องล่างเพื่อนซี้ร่างล่ำก่อนจะไป
“หุบยิ้มบ้างนะเฮ้ย เหงือกแห้งหมดแล่ว ฮ่าๆๆๆ”
“ไอ้ควอนจี ! พ่อจะให้น้องแชรินมาเพ่นกบาลแกแน่”
......................................................................
“จียงฮยอง ในยูทู้ปมีแต่แฟนเมดฮยองกะท็อปฮยองทั้งนั้นเลยอะ ซัมติงไรกันป่ะเนี่ย” คังแดซอง หนุ่มตาตี่พูดติดตลกกับสมาชิกรุ่นพี่ในวงทั้งสองซึ่งนอนกอดกันกลมอยู่บนโซฟาหน้าทีวี ก็จะไม่ให้วีไอพีทั่วโลกคิดได้ยังไง ดูมันทำกันแต่ละอย่าง นอนกอดกันเงี้ย หอมแก้มกันบ้างแหละ จูงมือกันเดินในที่สาธารณะงี้ กระตุกต่อมวายวีไอพีกันหมด
“คิด ...ไม่งั้นจะสวีทออกสื่อขนาดนี้เหรอ เน้อท็อปเน้อ~” หันไปขอความเห็นที่ไม่ต้องการคำตอบจากร่างสูงหน้าตายข้างกาย ชเวซึงฮยอนพยักหน้าหน้านิ่งตามสเต็ปก่อนจะกดหอมลงบนแก้มนิ่มฟอดใหญ่ เออ เอาเข้าไป แม้แต่ท็อปที่เปรียบเสมือนรูปปั้นเดินได้ก็ยังเล่นกะเค้า บิ๊กแบงจะมีสมประกอบสักคนมั้ย -...-
“เดี๋ยวเหอะไอ้ควอนจี เล่นงี้บ่อยๆ แชรินไม่เข้าใจผิดพอดีอ่อวะ” ยองเบถามขณะที่ปากก็ไม่หยุดกับการเคี้ยงต๊อกโบกีโดยมีซึงรินั่งจุ้มปุ๊กกินเอาๆ อยู่ข้างๆ ไม่สนใจคนรอบข้าง รอบปากเลอะเทอะไปหมดจนบางทีคนเห็นก็ยากที่จะอดใจ ยองเบหยิบกระดาษทิชชู่บนโต๊ะเช็ดให้เด็กน้อยไม่รู้ตัว ซึงริชะงักนิดนึงแต่ก็ปล่อยให้อีกฝ่ายทำ
จียงที่เพิ่งถูกแซวแอบลอบมองเพื่อนรักกับมักเน่ มุมปากยกยิ้มชอบใจก่อนจะตอบคำถามไร้คำตอบเมื่อครู่
“ก็ฉันไม่ได้คิดจริงนี่หว่าแชรินเค้าก็รู้ ...แต่ไม่เหมือนคนบางคนแถวนี้แม่งคิดแต่ดันโกหกตัวเอง” เหมือนเลือดลมทำงานดีเกิน ยองเบรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นหน้าและหูอย่างบอกไม่ถูก ซึงริซึ่งหันมาเห็นพอดีกลัวว่าพี่ชายร่วมวงจะป่วยเอาจึงลองยื่นหน้าเข้าไปชนกับหน้าผากอีกคนเหมือนในหนังที่เคยดูเพื่อวัดไข้ ยองเบนั่งนิ่ง ก้อนเนื้อข้างซ้ายทำงานเร็วผิดปกติจนเขาแทบจะหายใจไม่ทัน
“ก็ไม่มีไข้นี่ แล้วทำไมฮยองหน้าแดงแปร๋ดขนาดนี้อะ”
“ก็ใจมันสั่นไงมักเน่ หน้าเลยแดง ฮ่าๆ” จียงขำกร๊าก พลางหยิกแก้มท็อปที่นอนหน้าตายเป็นเสาหินเล่น ยองเบมองตาเขียว แต่ต้องหันกลับมาเพราะเสียงหวานๆ ตรงหน้า
“พักผ่อนบ้างก็ดีนะยองเบฮยอง”
“อะ...อื้ม”
ให้ตายเถอะ….
ใครก็ได้บอกทงยองเบทีว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับอีซึงฮยอน
ใครก็ได้ช่วยบอกทีว่าเขาไม่ใช่ โฮโม!! T^T
“จียงฮยอง เรากำลังจะไปไหนกันเหรอฮะ?” มักเน่น้อยสะกิดลีดเดอร์ที่เดินจูงมือนำหน้าตนอยู่กับชเวท็อปที่รัก (?) โดยมียองเบและแดซองเดินข้างร่างบาง จียงอมยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะชี้ไปยังป้ายชื่อร้านตัวโตซึ่งตั้งห่างจากจุดที่พวกเขากำลังเดินประมาณห้าหกเมตร ร้านพุลโกกี หรือเนื้อย่างเกาหลีเจ้าประจำของพ่อลีดเดอร์ตัวดี เจ้าตัวอ้างว่ามากินบ่อยๆ สมัยเป็นเด็กฝึก ซ้อมเสร็จก็กิน กินเสร็จก็นอน ช่วงนั้นเขาเลยดูอวบขึ้นนิดหน่อยพอเดบิวท์ก็ไม่ค่อยได้มาเพราะซ้อมหนักแถมยังถูกคุมน้ำหนักอีกต่างหาก วันนี้ควอนจีขอถือโอกาสพาพี่น้องร่วมวงมาแชร์ความอร่อยหน่อยละกันนะคร้าบบ
หลังจากอาจุมม่าประจำร้านเข้ามารับรายการเรียบร้อย เหล่าหนุ่มๆ ของเหล่าวีไอพีก็สลัดคราบหนุ่มน้อยเรียบร้อย (ตอนไหน?)กลายเป็นฝูงลิงขึ้นมาทันที แดซองเทโซจูแจกพี่ๆ น้องๆ คนละเท่าๆ กัน ซึงริหัวเราะเอิ๊กอ๊ากกับโจ๊กฮาๆ ของลีดเดอร์ ชเวท็อปเสาหินนั่งเคี้ยวเครื่องเคียงเล่นฆ่าเวลารอจานหลักมา หูก็ทำหน้าที่ฟังคนข้างกายเม้าอย่างออกรส ส่วนหนุ่มวายบี...
นั่งจ้องอีซึงฮยอนขำท้องแข็งไม่วางตา ...นี่ถ้าน้องซึ้งท้องได้คงผลิตทายาทได้จำนวนเท่ากับสมาชิกวายจีแฟมมิลี่แหงๆ
“เฮ้ยเบ้ ~ จ้องมายมักเน่ขนาดนั้น จับปล้ำเลยดีกว่าปะ” แน่นอนว่าไอ้คนปากเปราะแบบนี้มีคนเดียวเท่านั้นแหละ คุณควอนจียง กูอยู่ของกูดีๆ ลากไปเอี่ยวซะงั้น - -
“ฮยอง พี่คงไม่ทำอย่างนั้นหรอกใช่มั้ยฮะ T^T” บุคคลฝ่ายถูกกระทำในบทสนทนาแอบช็อกเบาเบา ทำไมน้องซึ้งของพี่เบ้ถึงได้หูเบาอย่างนี้ล่ะครับ เฮ้ย ! ไม่ใช่ของพี่เบ้ ของบิ๊กแบง ! ~
“อย่าไปฟังมันมากซึงริ รู้อยู่ว่าไอ้จีมันเพ้อเจ้อ ปิดหูๆ” รีบเอามือสองข้างปิดหูซึงริทันที เกิดน้องฟังมากๆ ละคิดขึ้นมา เขาก็ซวยสิ ทงยองเบบริสุทธิ์ใจจริงๆ นะครับท่านผู้อ่าน (ฉันไม่เชื่อ !)
เนื้อหมูสดชิ้นโตวางเต็มถาดขนาดไม่ใหญ่นัก กลิ่นหอมเครื่องเทศหมักโชยตลบเมื่อชิ้นเนื้อถูกวางลงบนตระแกรงร้อนๆ หนุ่มๆ ตามันวาวกับของกินตรงหน้า คนที่ลัลล้าที่สุดเห็นจะเป็นควอนจียงหัวโจก พุลโกกีเข้าปากเมื่อใด จียงตาเป็นประกายเมื่อนั้น แถมยังเผื่อแผ่ให้เพื่อนร่วมวงข้างกายงี้ส่งถึงปาก งานนี้ชเวท็อปสบ๊าย ไม่ต้องออกแรงอะไร แค่อ้าปากรอของอร่อยก็เข้ามาหา~ ~
“แดซอง มามะ ฮยองป้อน อ้าปากเร็ว...อะ อ้ามมม” พุลโกกีคำโตจากลีดเดอร์ลอยเข้าปากหนุ่มตาตี่ แดซองเคี้ยวจนตาปิด จียงยิ้มชอบอกชอบใจกับผลงานตัวเอง ก่อนจะชายตามองร่างล่ำจอมทะนงตัดชิ้นเนื้ออย่างทุกลักทุเล ตัวก็ใหญ่ แรงก็เยอะ ทำได้ทุกอย่าง แต่กะอีแค่ตัดเนื้อย่างแลดูลำบาก (555555+)
ร่างบางมองร่างล่ำข้างกายแล้วอนาถใจ ดึงข้าวของในมือมาจัดการเองอย่างคล่องแคล่ว สมาชิกที่เหลือพากันมองด้วยความทึ่ง ปกติเห็นออกจะคุณชาย ไม่ยักกะรู้ว่าทำเป็นแฮะ
อืมม... เวลาซึงริตั้งใจทำอะไรสักอย่างก็น่ารักไปอีกแบบแฮะ แม่ศรีเรือนชะมัด...
ไม่ ! ยองเบ นายคิดบ้าอะไรเนี้ย ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรทั้งนั้น ในกอไผ่ กอหญ้าป่าดงดิบมันต้องไม่มีอะไรทั้งนั้น แค่น้องชาย.... น้องชายยยยยย ย ย ยย ย ย
ยองเบสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆ ออกจากสมอง ซึงริเลิกคิ้วมองงงๆ มือเล็กบีบไหล่กว้างเบาๆ เรียกสติอีกคนให้กลับมา
“ฮยองเป็นอะไร”
“....”
“หน้าผมมีอะไรติดเหรอฮะ มองจัง”
“....”
“ถ้าอย่างนั้นผมป้อนนะฮะ” หยิบตะเกียบคีบนู่นนี่ห่อเข้าด้วยกันก่อนที่มันจะค่อยๆ เลื่อนเข้าใกล้ปากรูปสวย หุ่นยนต์ทงยองเบอ้าปากอัตโนมัติและเคี้ยวมันอย่างละเอียด แต่สติน่ะลอยหายไปไหนแล้วไม่รู้
แปะๆ
ฝ่ามือใครบางคนตบลงบนแก้มป่องอย่างจังจนเจ้าตัวร้องซี้ด ตาถลึงมองคนตรงข้ามเอาเรื่อง เชวท็อปฮยอง พี่คงอยากตายก่อนมีเมียสินะ
“ฮยอง ! ตบหน้าผมทำไมเนี่ย !?”
“ก็เห็นนายเงียบเป็นเป่าสากยังกะหุ่นกระป๋องเลยลองตบดู ...ก็คิดว่าจะไม่รู้สึกนี่หว่า”
“ฮยองอยากตายอ่อ?”
“เน่ะ ทงยองเบ กรุณาสุภาพกับสามีฉันด้วย”
โอ้ววว อึควอนจีเพื่อนยากกก ออกตัวแรงตลอดด ~ พ่อล่ะกลุ้มใจแทนน้องแชรินจริงๆ มีสามี(เกือบเป็น) ตุ๊ดเนี่ย
พ่อหัวตั้งส่ายหน้าเอือม หันกลับมารอพุลโกกีจากมักเน่ต่อดีฟร่า ~
แต่กลายเป็นว่า... มักเน่ไม่สนใจสักนิด กลับไปป้อนให้แดซองหน้าตาเฉย
ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กันอีก...
โอ้มายก็อดดด ยองเบประสาทจะเสีย~ T^T
แต่เอ๊ะ... ทำไมเขาต้องรู้สึกอะไรแบบนี้ด้วย
แต่ไม่รู้ล่ะ... !
“อีซึงฮยอน ! กลับมาป้อนให้ฉันเหมือนเดิมเดี๋ยวนี้ !”
++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ไอ้เบ้ ~” เจ้าของเสียงเรียกสะกิดเพื่อนซี้เบาๆ หลายวันมานี่ทำไมยองเบถึงได้ดูว้าวุ่นอย่างนี้น้า ถึงจะไม่พูด แต่ระดับปรมาจารย์เรื่องความรักอย่างจียงดูออกนะครับ ละแหม มานั่งสร้างบรรยากาศนอกระเบียงตอนกลางคืน ไอ้บ้า !
“มีอะไร”
“เป็นไรวะ ซีเรียสปะเนี่ย”
“ก็นิดหน่อยว่ะ” ตอบพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ...แอบสงสารมันเหมือนกันแฮะ
“มีไรอยากระบายกับฉันมะ”
“....”
“ถึงฉันจะปากโป้ง ปากเสีย ปากแมวไปบ้าง แต่เราเพื่อนกันนะเว้ย เล่ามาเถอะ” จียงว่าจากใจจริง เห็นแบบนี้เขาก็รักเพื่อนนะ
“ถ้าสมมุติแกรู้สึกดีกับใครสักคน แบบดีแบบมากๆ อะ แกแฮปปี้โครตๆ เวลาอยู่กับเค้าเงี้ย ละก็แบบอยากให้เค้าสนใจอะไรเทอกๆ เนี้ย มันหมายความว่าไงวะ”
“แกกำลังรู้สึกแบบนั้นเหรอ?”
“ตอบฉันมา !”
“ก็ชอบไงไอ้ทึ่ม เรื่องอื่นฉลาดดีนัก เรื่องแค่นี้โง่เชียว”
“ชอบ...เหรอ?”
“เออเด้ะ แต่ถ้าแกรู้สึกมากๆ จนอธิบายไม่ถูกฉันว่าแกคงถึงขั้นรักแล้วล่ะ”
“จริงดิ”
“เออ !” ฝ่ามือบางตบหน้าผากตัวเองทีนึง นึกอยากจะตบไอ้คนตรงหน้าหลายๆ ทีเผื่อมันจะฉลาดขึ้นมาบ้าง
“ฉันคิดว่า...ฉันเป็นอย่างหลังว่ะ”
“ตายห่า ! จริงจังดิ ?” จียงหน้าเหวอ
“โกหกได้เมียป่ะ - -”
ภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่กว้างนักอันประกอบด้วยเตียงนอนและข้าวของตกแต่งจิปาถะอีกมากมาย แสงแดดสาดส่องเข้ามาทางหน้าตาที่ถูกปิดไว้ไม่ให้ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศมุมห้องออกมายังบนเตียงกว้าง เด็กหนุ่มใต้ผ้าห่มผืนโตหยีตาทั้งยังหลับ แสงแดดแยงตาเขามากขึ้นเรื่อยๆ จนทนนอนต่อไปไม่ได้
ซึงริลุกพรวดขึ้นจากเตียงทั้งที่ยังงัวเงีย มือเล็กขยี้ตาให้มองอะไรชัดขึ้นก่อนจะเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัวเสร็จแล้วจึงออกจากห้องตรงดิ่งไปยังห้องครัว
ร่างบางที่กำลังจะเงื้อมือเปิดตู้เย็นชะงัก กระดาษโน้ตสีหวานถูกแปะบนประตูตู้เย็น เขาคงไม่อยากรู้ขนาดนี้ถ้าบนโน้ตแผ่นนั้นไม่ได้จ่าหน้าถึงเขา
‘ นมสดเย็นๆ ยามเช้าของนายฉันเอาแช่ในตู้เย็นไว้ให้แล้ว ตื่นมาก็ดื่มซะจะได้สดชื่น’
“ฉัน....แล้วฉันคนไหนล่ะ ไม่ระบุชื่ออีก ...ฮ้าวว” มือบางคว้าขวดนมสดสีขาวนวลในตู้ขึ้นดื่มรวดเดียวหมด ซึงริชอบการดื่มนมตอนเช้า มันทำให้เขามีพลังงานที่จะออกแรงในยามเช้าแบบนี้ และมันก็ทำให้เขาหายง่วงได้เปราะนึง มักเน่น้อยยังคงสงสัยกับช็อตโน้ตนี้ไม่หายว่าใครเป็นคนทิ้งมันไว้ให้เขา ปกติพี่ๆ ก็ไม่เคยทำอะไรแบบนี้ให้สักหน่อย
ซึงรินั่งหง่าวอยู่เพียงลำพังที่เก้าอี้นวมบริเวณระเบียงหอพัก วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขาต้องเฝ้าห้องคนเดียวเนื่องจากสมาชิกคนอื่นๆ มีคิวงานกันหมด อันที่จริงจียงฮยองก็ว่าง แต่ห่วงศรีภรรยาที่รักที่ต้องไปถ่ายทำเอ็มวีตัวใหม่จึงตามไปเฝ้าปรนิบัติ (บ้านเบิ้นไม่เคยจะเฝ้าหรอก - -)
“เฮ้อ...ยองเบฮยองเนี่ยน้า แต่งเพลงละก็ไม่ยอมเก็บ เดี๋ยวก็ปลิวหายหมด... เอ๊ะ....” กระดาษโน้ตเพลงแผ่นบางแผ่นหนึ่งทำให้ร่างบางอดจะอ่านมันไม่ได้ โน้ตเพลงหลากหลายตัวถูกเขียนลงบนนั้นประกอบกันจนเกิดบทเพลง เนื้อหาอันลึกซึ้งเขียนแนบไว้ใตโน้ตเหล่านั้น ซึงริกวาดตามองมันผ่านๆ แต่ก็พอจับใจความได้ว่ามันเป็นเพลงรักที่มีเนื้อหาซึ้งกินใจเลยทีเดียว ...เนื้อหามัน ....แอบรัก
แต่อะไรที่ทำให้ซึงริสะดุดใจมากกว่านั้นคือประโยคบอกเล่าซึ่งเหมือนจะเขียนระบายความในใจเสียมากกว่าด้านล่างเกือบสุดของกระดาษแผ่นนั้น
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมแอบมองเขาแบบนั้น
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ใจผมสั่นเช้า กลาง วัน เย็น ก่อนนอน และแทบจะทุกเวลาหายใจเข้าออก
อาการแบบนั้นจะเกิดเฉพาะตอนที่ ‘ผม’ กับ ‘เขา’ อยู่ด้วยกัน
ตอนแรกผมก็คิดว่าคงคิดมากไปเอง ไม่มีอะไรหรอก จนจียงเริ่มแซวให้ผมรู้ใจตัวเองมากขึ้น
กลับกลายเป็นว่าหน้าหวานๆ นั้นลอยอยู่ในหัวผมตลอดเวลา
ผมแทบบ้าที่รู้ว่าตัวเองเป็นโฮโม ! ....
แต่ผมไม่เสียใจหรอก เพราะผมคิดว่าผมรักเขา...รักมาก
ผมรัก อีซึงฮยอน ...
...................................................................
Rrrr...
“ว่าไงมักเน่”
ชายหนุ่มร่างสันทัดกรอกเสียงทุ้มอ่อนโยนใส่ในโทรศัพท์มือถือคู่ใจ วันนี้เขาโดนประธานลากมาธุระข้างนอกแต่เช้าจึงไม่ได้ไปปลุกมักเน่เหมือนปกติ
(ฮยอง... พี่เป็นคนเอานมแช่ไว้ให้ผมเมื่อเช้า.... ใช่หรือเปล่า?) ปลายสายถาม น้ำเสียงดูเรียบนิ่งจนคนฟังอดขนลุกไม่ได้
“อืม”
(ขอบคุณมากนะฮะ ...มันอร่อยมาก”
“ก็ปกตินายก็ดื่มทุกวัน เมื่อเช้าฉันเปิดตู้เย็นไปแล้วเห็นมันหมดพอดีเลยเอามาแช่ไว้ให้ แล้วก็...”
(ฮยอง ผมถามอะไรหน่อยได้มั้ยฮะ)
“....”
(การที่เราใจเต้นแรง หรือรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกจนแทบเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่แต่จำเป็นต้องทำเวลาอยู่ต่อหน้าอีกคน ...พี่ว่ามันหมายถึงอะไร)
“ก็...นายชอบเขา...” ยองเบตอนเสียงสั่น รู้สึกใจโหวงเหวง
(แล้วถ้าความรู้สึกนั้นมันมากขึ้นพร้อมจะระเบิดออกมาทุกเมื่อ มันหมายความว่าไงฮะ)
“นาย...ก็คงรักเขา มากๆ”
(จริงเหรอฮะ)
“อืม...”
(ยองเบฮยอง ....ผมรู้สึกทั้งหมดที่พูดมาตลอดเวลา) หัวใจกระตุกวูบเมื่อได้ยินคำสารภาพจากอีกคน ซึงริมีคนที่ชอบแล้ว... เขามีคนที่ครองหัวใจนั้นแล้ว
“น...นายก็น่าจะบอกเขา เก็บไว้มันจะทรมานนะ”
(ฮะ ผมกำลังจะบอกเขา)
“....”
(ยองเบฮยอง ผมรู้สึกทั้งหมดที่พูดมากับพี่ฮะ ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เวลาที่ผมอยู่กับพี่...พี่คงไม่โกรธใช่มั้ยฮะที่ผม...รักพี่ ...มากกว่าพี่ชาย) หัวใจดวงน้อยที่เพิ่งห่อเหี่ยวกลับมากระชุ่มกระชวยอีกครั้งหลังจากได้ยินเสียงหวานนั้นสารภาพความในใจทั้งหมดออกมาอย่างเคอะเขิน... หัวใจดวงนี้กำลังกระโดดโลดเต้นในอกทงยองเบ เขาไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย... อีซึงฮยอนก็มีใจให้เขาเหมือนกัน
“ซึงริ... นาย พูดจริง?”
(ผมไม่เคยล้อเล่นกับเรื่องแบบนี้)
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมนายถึงไม่บอกฉัน ?”
(ตั้งนานแล้ว ...ผมป้วนเปี้ยนกะฮยองทั้งวัน ทำนู่นนี่ให้บ่อยๆ แต่ฮยองไม่รู้เองต่างหาก ฮยองมันทึ่มทงยองเบ !)
“ซึงริ...ฉันรักนาย ฉันรักนายมากจริงๆ” แม้จะเป็นคำบอกรักผ่านทางโทรศัพท์ ไม่ได้เห็นตัวต่อตัว แต่ซึงริก็ดีใจที่ได้ยินคำนั้น ดีใจที่ความรู้สึกของเขาไม่มได้คิดไปเองคนเดียว ดีใจที่คนนั้นเป็นทงยองเบ..
(ฮะ ผมรู้แล้วล่ะ ผมอ่านที่พี่เขียนไว้ในโน้ตเพลงหมดแล้ว)
“นาย...เห็นแล้วเหรอ? นายชอบมันมั้ย”
(ถ้าไม่ชอบผมจะโทรหาพี่ทำไมเล่า คนบ้า !)
“ฮ่าๆ กลับไปคนบ้าคนนี้จะกอดคนรักให้แน่นเลยครับ” ปลายสายหน้าแดงแปร๋ดราวกับว่าใครเอาลูกตำลึงมามาร์กหน้าเขาไว้ อีซึงฮยอนชักจะไม่ไหวกับความหวานของทงยองเบ ...ใจเขาแทบจะหลุดออกจากอกอยู่แล้ว
(เลิกพูดเน่าๆ เหอะน่า... นี่ฮยอง รู้มั้ยว่าพรุ่งนี้เป็นวันอะไร)
“หืม?”
(พรุ่งนี้เป็นวันไวท์เดย์ ฝ่ายชายจะนำช็อกโกแลตมาคืนอีกฝ่ายด้วยความรักเป็นการตอบแทนที่อีกคนเคยให้ แต่ผม...ยังไม่มีช็อกโกแลตให้พี่มาก่อน เราก็คงไม่มีวันไวท์เดย์ใช่มั้ยฮะ) ปลายสายตอบหวั่นๆ แต่ก็ทำให้ยองเบถึงกับยิ้มออกมาก่อนจะตอบ
“แค่นี้มันก็หวานมากกว่าการที่นายเหมาช็อกโกแลตให้ฉันทั้งร้านแล้วอีซึงฮยอน และความรู้สึกทั้งหมดที่ฉันมีมันคือการตอบแทนความรักของนาย ไม่จำเป็นต้องมีช็อกโกแลตแค่ความรู้สึกของเราสองคนมันก็มากพอแล้วล่ะ”
(...ผม... ฮึก รักพี่นะทงยองเบ ไอ้บ้ากล้าม ผมรักพี่นะ ฮึก..)
“อย่าร้องไห้นะคนดี ฉันก็รักนาย รักมากกว่าใคร...”
.........................................................................
“นี่ ชเวท็อป นายว่าสองคนนั้นจะมีโอกาสได้มีวันไวท์เดย์มั้ยอะ” พ่อหนุ่มแฟชั่นนิสต้าเอ่ยถามเสาหินข้างกายที่แปลงร่างเป็นลิงนั่งกินกล้วยหอมหมดเป็นหวีๆ ถ้าชเวซึงฮยอนครองโลกได้คงปลูกต้นกล้วยเป็นต้นไม้ประจำชาติ
“ยองเบกับซึงริเหรอ?”
“อือ”
“มันต้องมีสักวันสิ ไม่แน่เค้าสองคนอาจจะมีไวท์เดย์กันตั้งแต่พรุ่งนี้เลยก็ได้”
“จริงเหรอ”
“อื้ม ว่าแต่นายไม่ไปหายัยหมวยเหรอวันนี้” ท็อปเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย ปกติเห็นตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ ไหงวันนี้ห่างกันได้
“ไม่อ่ะ แชรินบอกว่าฉันตามจนเขาจะเป็นง่อยอยู่แล้ว ถ้ายังตามอีกเขาจะไม่ให้ฉันเข้าไปหาที่ห้องทูเอนี่วันอะ”
“นายก็เลยเชื่อฟัง?”
“อืม ก็เมียฉันดุอะ T^T”
“ทำใจว่ะ มีเมียเด็ดขาด ... หรืออยากจะลองเปลี่ยนใจมีผัวดูบ้างดีมั้ย??” ประโยคหลังน้ำสียงดูเย้ายวน นัยต์ตาคมทอประกายระยิบระยับจ้องหน้าอีกคนไม่วางตา จียงขนลุกซู่ก่อนจะใช้ทั้งมือและเท้ายันไอ้เสาหินตัวโตนี่ออกห่างๆ แต่ไอ้เสาหินนี่มันแรงควาย งานนี้จียงคงต้องใส่ตีนหมาเผ่นอย่างเดียวแล้วคร้าบบบ
“ว้ากกก !! ไอ้หน้าลิง หยุดนะโว้ยยยยยยยย !! ฉันไม่อยากมีผัวววววว”
THE END
+++++++++++++++++++++++++++++++++
ปล. รักคนอ่านซางรังแฮคนเม้น หากผิดพลาดประการใด้ขออภัยมา ณ ทีนี้ ทั้งล้วนเกิดจากจินตนาการของไรท์เตอร์ โปรดคอมเม้นเพื่อการพัฒนาของไรท์เตอร์ในอนาคตด้วยนะคะ ฟิคเรื่องนี้มาแบบเมาๆ มาก ขออภัยย ย -/\-
ผลงานอื่นๆ ของ Phachii ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Phachii
ความคิดเห็น