ปาฏิหาริย์รักวันวาเลนไทน์ - นิยาย ปาฏิหาริย์รักวันวาเลนไทน์ : Dek-D.com - Writer
×

    ปาฏิหาริย์รักวันวาเลนไทน์

    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วเทพีแห่งดอกไม้ ผู้เป็นคนดูแลเหล่าดอกไม้ทั้งมวลได้ตกลงหลุมรักกับเทพแห่งสงคราม แต่ความรักระหว่างเป็นเรื่องที่ขัดต่อกฎของสวรรค์ ทั้งคู่จึงถูกเนรเทศให้ลงมาอยู่ในโลกมนุษย์ ......

    ผู้เข้าชมรวม

    49

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    49

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  15 ก.พ. 64 / 01:07 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ปาฏิหาริย์รักวันวาเลนไทน์    

     

                   กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วเทพีแห่งดอกไม้ ผู้เป็นคนดูแลเหล่าดอกไม้ทั้งมวลได้ตกลงหลุมรักกับเทพแห่งสงคราม แต่ความรักระหว่างเป็นเรื่องที่ขัดต่อกฎของสวรรค์ ทั้งคู่จึงถูกเนรเทศให้ลงมาอยู่ในโลกมนุษย์ และเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น โดยองค์ราชาแห่งสวรรค์ได้สาปความรักของทั้งคู่เอาไว้

                  

                   “โรสร้องไห้ทำไม” เสียง แก้ว แก้วกานต์ อณุโนทัย ถามเพื่อนรัก เมื่อเห็นเพื่อนรักที่นั่งฟังตำนานอันน่าเศร้าของเทพทั้งสององค์ผ่านวีทีอาร์จบ

                   “ไม่รู้สิ ฉันแค่รู้สึกเศร้าอยู่ ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาเอง” โรส หรือ อนิศรา นาคาเทพ ตอบเพื่อนรัก

                   “แกนะแกวันวาเลนไทน์ชวนเพื่อนมาดูเทพอกหัก ชาตินี้ฉันสมหวังในรักหรือเปล่าเนี่ย”

                   “แกก็คิดมาก ไปกันเถอะ ฉันอยากไปดูส่วนอื่น ๆ ของปราสาท” อนิศราจูงมือเพื่อนซี้เดินมาจนเกือบถึงประตูทางออกจากห้องอยู่ ๆ ก็มีเสียงดังแว่วมา

                   อนาคาเซีย อนาคาเซีย ข้าขอสาปเจ้า

                   ขนกายอนิศราทุกเส้นตั้งชูชัน ความเยือกเย็นเข้าปกคลุมกาย ความกลัวเริ่มเข้าปกคลุมจิตใจ แววตาเบิกโพลงอย่างตื่นตระหนก สองเท้าหยุดนิ่งอยู่กับที่ สติที่มีพลันเลือนราง

                   “โรส โรส ยัยโรส” เสียงแก้วกานต์เรียกเพื่อนสาวอีกครั้ง เมื่อเธอรู้สึกได้ว่ามือของอนิศราที่กำลังกุมมือเธออยู่นั้นเย็นยะเยือก และเริ่มสั่น

                   อนิศราหันกลับมามองแก้วกานต์ด้วยน้ำนองหน้า แต่อยู่ ๆ เธอก็เป็นลมหมดสติไปจนแก้วกานต์ตกใจ ร้องเสียงดังโวยวาย เรียกให้คนช่วย แต่วันนี้ช่างแปลกเหลือเกิน นอกจากพวกเธอสองคน เธอก็ยังไม่เห็นคนมาเยือนปราสาทแก้วสีรุ้ง ปราสาทที่ขึ้นชื่อว่าเป็นรอยต่อของโลกมนุษย์และสวรรค์เลย

                   แค่คิดแก้วกานต์ก็พลันขนลุกซู่ เธอคงไม่โดนผีหลอกตอนกลางวันแสก ๆ แบบนี้หรอกใช่ไหม แม้ภายในใจจะหวาดหวั่นแต่ปากก็ยังคงเรียกหาใครสักคนมาช่วยเพื่อน

                   “ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยเพื่อนฉันที ช่วยด้วย”

                   เพียงชั่วครู่มีชายสองคนห่างออกไปไม่ไกลมาก แต่เธอสัมผัสได้ว่าพวกเขาน่ากลัว แต่ตอนนี้แก้วกานต์ไม่มีทางเลือก เธอจึงตะโกนสุดเสียงเพื่อให้เขามาช่วย และแล้วก็เหมือนเขาได้ยิน ชายทั้งคู่รีบเดินมาตามทางที่ได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือ  

                   “ช่วยยัยโรสด้วยค่ะ ช่วยเพื่อนฉันด้วย” แก้วกานต์บอกชายทั้งสอง

                   “กรแกอุ้มเธอไปห้องพยาบาลก่อนเถอะ” ชายอีกคนที่เดินตามหลังเพื่อนที่หน้าดุเอ่ยขึ้น

                   ชายที่เพื่อนเรียกว่ากรก้มตัวลงอุ้มหญิงสาวที่สลบไสลไว้ในอ้อมกอด แก้วกานต์จึงลุกขึ้นและเดินตามเขาออกไป จากนั้นชายอีกคนที่เหลือจึงเดินตามออกไปเป็นคนสุดท้าย

                   ทั้งสามคนเดินตามกันไป เหลือทิ้งไว้เพียงห้องแห่งตำนานเบื้องหลัง ห้องที่มีเสียงดังกึกก้องเปล่งออกมาราวกับสะสมความแค้นเคืองมานับหลายร้อยปี ห้องที่มีเพียงความว่างเปล่ากับเสียงหัวเราะอันน่าสยดสยอง

    อนาคาเซีย เพลาคอป พวกเจ้าต้องชดใช้ต่อสิ่งที่พวกเจ้าทรยศข้า พวกเจ้าต้องชดใช้

     

    “กร ยังไงวะเนี่ย เดินมาสิบนาทีแล้วนะเว้ย ทางออกอยู่ไหนวะ ตอนเราเข้ามามันก็แค่แปปเดียวเองนี่หว่า” เสียง พล หรือ ขุนพล อินทเวท ถามเพื่อนรักอย่าง กร ทินกร บรมฉัตร

    ขุนพลพยายามยุยงเพื่อนรักหลายครั้งให้มาเที่ยวปราสาทแก้วสีรุ้งอเพธุดิสที่ประเทศออสิก้าสัก และครั้งนี้ก็ได้ผล ในเมื่อเพื่อนเขาสงสัยว่าทำไมเพื่อนเขาถึงฝันถึงที่นี่บ่อยมาก ดังนั้นจึงต้องมาหาคำตอบ ครั้นจะให้เพื่อนมาคนเดียวก็ใช่ที่ เขาเลยจำต้องติดสอยห้อยตามเพื่อนมาด้วย

    “เราคงหลงทางแล้วละ” ทินกรตอบขุนพล

    “หลงทาง เราหลงทางเหรอ” เสียงแก้วกานต์ดังขึ้น ก่อนจะก้มหยิบแผ่นกระดาษบางอย่างในกระเป๋าออกมา แล้วยื่นให้ขุนพลที่มือยังว่างเปิดออกดู

    “แต่ในแผนที่ปราสาทมันมีแค่สองห้องด้านข้างนะคะ แล้วก็ถึงประตูแต่นี่เราเดินไปมาเกือบสิบนาที เรายังไม่เห็นประตูห้องอีกห้องเลยนะคะ”

    “จริงวะกร” ขุนพลไล่เรียงดูตามแผนที่ และกางกระดาษออกให้เพื่อนรักดู

    ทินกรมองแผนที่ด้วยคิ้วที่ขมวดไปมา ที่ทั้งสองคนพูดมาก็ไม่ผิด แถมระยะทางที่เราเดินน่าจะมากกว่าในแผนที่ที่แสดงอีก

    “ยังไงวะกร ฉันขนลุกแล้วนะเว้ย” ขุนพลเอ่ย

    “นายพูดอะไรของนายเนี่ย” แก้วกานต์ได้ยินที่ขุนพลพูดก็พลอยให้ขนลุกตามไปด้วย

    “ใจเย็น ๆ ฉันว่าบางทีเราอาจจะหลง” ทินกรปลอบใจตัวเอง

    “หลงบ้าแกสิ นี่! แกแหกตาดูแผนที่ พื้นที่เท่านี้เราจะหลงได้ไงวะ” ขุนพลตอบ

    “เอาเถอะ ๆ เราลองเดินต่ออีกหน่อย” ทินกรตอบ

    “แล้วแกเดินไหวเหรอวะ อุ้มเธอมาตั้งนานแล้ว”  ขุนพลถาม

    “ฉันไหว ไปเถอะ” ทินกรเอ่ยจบก็ก้าวเดินต่อ หนทางไม่ได้คดเคี้ยวมากนัก แถมทางก็เป็นทางตรงตลอด แล้วพวกเขาจะหลงได้ยังไง แค่คิดทินกรก็อดสงสัยไม่ได้ แต่ตอนนี้คงทำได้เพียงเดินไปตามหนทางนี้เท่านั้น

    ทั้งสามคนเดินมาได้เพียงนิดขุนพลจำต้องวางหญิงสาวในอ้อมกอดลงกอด ตอนนี้เขารู้สึกเมื่อยมือไปหมด แก้วกานต์เห็นเพื่อนรักมีเหงื่อออกตามไรผมก็รู้สึกเป็นห่วง ขณะที่ทินกรก็ได้จ้องหน้าหญิงสาวนิ่ง อยู่ ๆ เขารู้สึกเหมือนเห็นภาพบางอย่างแวบขึ้นมาในหัว

    หญิงสาวในชุดเกาะอกสีขาวหันหลังให้ พร้อมกับเสียงที่ดังขึ้น ...

    เพลาคอป ...

    “เพลาคอป” ทินกรพูดขึ้นอย่างเหม่อลอย ชวนให้หญิงสาวอีกคนที่นั่งมองเพื่ออยู่หันไปทางเขาแทน

    “นายว่าอะไรนะ” แก้วกานต์ถามย้ำอีกครั้ง เธอได้ยินชื่อนี้จนชินหูไปแล้ว เพลาคอป เธอจำชื่อนี้ได้แม่นเพราะเพื่อนเธอนอนละเมอเป็นชื่อนี้ทุกคืน

    “เปล่านิ” ทินกรตอบแก้วกานต์

    “ไม่ใช่ เมื่อกี้นายพูดว่า เพลาคอป” แก้วกานต์ตอบ

    “เพลาคอป” ทินกรย้ำอีกครั้ง

    “อืม ใช่” แก้วกานต์ตอบ

    “ประตูนั่นไง ประตู” ขุนพลเรียกให้ทุกคนดูไปข้างหน้า

    แก้วกานต์นิ่วหน้าทันที เธอสาบานได้ว่า เมื่อครู่นี้เธอยังมองไม่เห็นประตูแม้แต่น้อย

    “ประตูมันมาได้ยังไง” แก้วกานต์เอ่ย

    “ฉันจะรู้เหรอ เอาเป็นว่าเราเข้าไปก่อนเถอะ” ขุนพลเอ่ย

    “ไม่เอาอะ ถ้าเข้าไปแล้วมีอะไรอยู่ในนั้นเราจะทำยังไง” แก้วกานต์ตอบ

    “ไม่ได้ยังไงก็ต้องเข้า” ขุนพลเอ่ยเสียงเข้ม จนทินกรต้องหันไปมองเพื่อนรัก ทำไมต้องโมโหขนาดนั้นด้วย

    “ไม่!” แก้วกานต์ยังคงยืนยันคำเดิม

    แก้วกานต์และขุนพลยังคงยืนเถียงกันอย่างเอาเป็นตาย แต่อยู่ ๆ เสียงก็เงียบลง เมื่อได้ยินทินกรเอ่ยเสียงดัง

    “คุณ คุณ” ทินกรเรียกอนิศราที่อยู่ ๆ เธอก็ลุกขึ้นอย่างเร็ว สายตามองตรงไปที่ประตูราวกันคนเหม่อลอย

    “โรส โรสตื่นแล้วเหรอ” แก้วกานต์รีบทิ้งความขุ่นเคืองที่เถียงกับขุนพลเมื่อครู่แล้วหันมาเรียกเพื่อน

    “โรส โรส...” แก้วกานต์เรียกซ้ำไปซ้ำมา แต่อนิศราก็ไม่ตอบโต้ใด เธอเพียงแต่เดินเหม่อลอยไปทางประตู

    “เพื่อนฉันเป็นอะไร” แก้วกานต์หันไปถามชายหนุ่มทั้งสอง ทินกรได้แต่ส่ายหัวไปมาเท่านั้น

    แก้วกานต์ตัดสินใจรั้งเพื่อนไว้สุดฤทธิ์ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล อนิศราตอนนี้เรี่ยวแรงดุจช้างสาร ต่อให้แก้วกานต์และทินกรรั้งไว้เท่าไหร่ก็ไม่สามารถรั้งไว้ได้ กลับกลายเป็นว่าอนิศราลากแก้วกานต์และทินกรมาด้วย ส่วนขุนพลได้แต่เดินตามหลังไป

    ยิ่งเข้าใกล้ประตูบานนั้นเท่านั้น ทั้งสามที่ยังคงรู้สึกตัวก็สัมผัสได้ถึงความหนาวเหน็บมากขึ้น

    เพียงชั่วครู่ที่ทั้งสี่เดินจนถึงหน้าประตู ประตูถูกเปิดออกอย่างเร็วพร้อมด้วยม่านหมอกสีดำที่ปกคลุม

    “โถ่เว้ย ไม่ทันได้ไงวะ” ขุนพลตะโกนเสียงดังจนทินกรและแก้วกานต์ต้องหันไปมอง

    “อะไรวะ” ทินกรถามเพื่อนรัก

    ขุนพลไม่ได้ตอบแต่เดินออกไปขวางหน้าทุกคนไว้ ขุนพลหันหน้าเข้าหาประตูยกมือขวาขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีก็ปรากฏดาบเล่มยาวอยู่ในมือ ขุนพลฟันดาบนั้นไปทางเมฆหมอกหนาสีดำที่กำลังปกคลุมประตูบานนั้นอยู่

    เพียงครู่เดียวเมฆหมอกก็หายไป พร้อมกับเสียงดังลั่น เสียงที่ฟังแล้วชวนขนลุก ราวกับผู้พูดโกรธโกรธาอย่างเหลือแสน

    “เจ้าคิดว่าขุนพลปลายแถวอย่างเจ้าจะหยุดข้าได้เหรอ อามาติคัส”

    “อามาติคัส” แก้วกานต์และทินกรตะโกนขึ้นพร้อมกัน

    อยู่ ๆ อนิศราก็เป็นลมล้มไปอีกครั้ง ยังดีที่ทินกรรับได้ทันและจับเธอนอนลงกับพื้น จากนั้นจึงหันหน้าไปหาเพื่อนรักอย่างขุนพลเพื่อรอคำตอบ

    “ข้าขอโทษที่ต้องโกหกพวกท่าน” ขุนพลที่บัดนี้ยืนถือดาบคู่กายในมือเอ่ยขึ้น

    “เกิดอะไรขึ้น ฉันงงไปหมดแล้ว” ทินกรเอ่ยถามเพื่อน แก้วกานต์ก็พยักหน้าเป็นเชิงอยากรู้เช่นกัน

    “นายคงรู้เรื่องเทพีแห่งดอกไม้กับเทพแห่งสงครามแล้ว” ขุนพลที่บัดนี้ได้เผยตัวตนที่แท้จริงออกมาแล้วว่าเขาคือ ขุนพลของสวรรค์ นามว่า อามาติคัส ได้เอ่ยขึ้น

    “ใช่ๆ” แก้วกานต์ชิงตอบ ตอนนี้ใจเธอสั่นราวกับกลอง

    “อ่อ หรือว่าเป็นนายกับ...” แก้วกานต์เอ่ยขึ้นพร้อมกับมองเพื่อนตัวเองที่กำลังสลบไหลอยู่

    “ไม่ใช่ ข้าเป็นเพียงขุนพลและน้องชายของเทพสงครามเท่านั้น” อามาติคัสเอ่ย

    “ถ้าอย่างนั้นก็เขา” แก้วกานต์พูดจบแล้วหันไปชี้ทินกร แต่คำตอบที่ได้มาจากอามาติคัสเป็นเพียงการส่ายหัวเพื่อปฏิเสธเท่านั้น

    “แล้วมันคืออะไร บอกฉันมาเลยนะ ฉันกับเพื่อนไม่มีทางเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่แน่” แก้วกานต์เอ่ย

    “มันคือเรื่องของนาง และหมอกดำเมื่อครู่ต่างหาก” อามาตัสชี้ไปทางอนิศราที่กำลังสลบอยู่

    “ยัยโรสเหรอ” แก้วกานต์อุทานอย่างตกใจ ก่อนอามาติคัสจะชี้นิ้วไปที่ทินกรอีกคน

    “และเขา”

    “ฉัน!” ทินกรอุทานเสียงดัง

    “ใช่ ท่านนั่นแหละเพลาคอป” อามาติคัสย้ำ

    “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย” แก้วกานต์สบถขึ้น ตั้งแต่เกิดมาเธอก็เคยเจอเรื่องนี้แต่ในนิยาย แต่นี่มันชีวิตจริงนะ และมันก็เป็นชีวิตเธอด้วย

    “ข้าก็ไม่รู้ว่าเหตุใดท่านถึงเข้ามาพัวพันเรื่องนี้ด้วย” อามาติคัสเอ่ยบอกแก้วกานต์ เรื่องเขาก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมมนุษย์ธรรมดาอย่างแก้วกานต์ถูกลาดเข้ามายุ่ง

    “เดี๋ยวนะ แล้วฉันเกี่ยวอะไรด้วย” ทินกรเอ่ยถาม

    “ท่านเกี่ยวเต็ม ๆ เลยละ เทพนิยายที่ท่านได้ฟังเมื่อครู่เป็นเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น” อามาติคัสเอ่ย

    “งั้นนาย เอ้ย! ท่านเล่ามาให้จบ” แก้วกานต์พูด

    เรื่องมีอยู่ว่า...

     

    หมื่นแปดพันปีก่อน หลังจากที่อนาคาเซียเทพีแห่งดอกไม้ และอาดิติคัสเทพีแห่งสงครามถูกเนรเทศลงมาอยู่ในโลกมนุษย์ด้วยกันก็หาได้อยู่เป็นสุขไม่ เนื่องด้วยอาดิติคัสแค้นเคืองราชาผู้ปกครองสวรรค์เป็นอย่างมาก เขาจึงเข่นฆ่ามนุษย์นับร้อย ไม่ว่าอนาคาเซียจะขอเขาปล่อยวางเรื่องนี้เพียงใด แต่อาดิติคัสก็หายอมไม่ จนเพลาคอปเทพแห่งพระอาทิตย์มิอาจทนดูเหล่ามนุษย์ถูกเข่นฆ่าได้อีกแล้ว เขาจึงนำทัพลงมาปราบอาดิติคัส ต่อให้เป็นเทพแห่งสงครามแต่ถูกเนรเทศก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา เขาจึงถูกเพลาคอปสังหาร ตอนนั้นอาดิติคัสเข้าใจผิดคิดว่าเพลาคอปและอนาคาเซียแอบคบชู้จึงฆ่าเขาทิ้ง อาดิติคัสจึงได้ตั้งสัตย์ปฏิญาณไว้ว่า เมื่อทั้งคู่เกิดมาครองคู่กันครบหนึ่งร้อยแปดชาติภพ อนาคาเซียจะหวนกลับคืนสู่ตน

     

    “แต่อาดิติคัสคงลืมไปแล้วว่า องค์ราชาแห่งสวรรค์ได้สาปความรักของเขากับอนาคาเซียไว้” อามาติคัสเอ่ยขึ้น

    “แล้วเพื่อนฉันจะเป็นอะไรมั้ย ตอนนี้เธอยังไม่ตื่นเลย” แก้วกานต์ได้ฟังเรื่องเล่าถึงกับน้ำตาซึม สงสารเพื่อนก็สงสาร สงสารเพลาคอปก็สงสาร แต่เดี๋ยวก่อน...

    “เมื่อกี้นาย เอ้ย! ท่านบอกว่าอาดิติคัสเข้าใจผิด ถ้าอย่างนั้นอาคาเซียกับเพลาคอปไม่ได้คู่กันเหรอ” แก้วกานต์เอ่ยถาม

    อามาติคัสส่ายหัวเป็นเชิงปฏิเสธ นั่นยิ่งทำให้แก้วกานต์งงไปใหญ่

    “ถ้าอย่างนั้น นายนี่มาเป็นคนได้ยังไง” แก้วกานต์ชี้ไปที่ทินกรที่นั่งนิ่ง

    “นายบ้าไปหรือเปล่าขุนพล” ทินกรเอ่ยถามเพื่อนรักอีกครั้ง

    อามาติคัสยิ้มแล้วชี้ดาบลงพื้น แล้วพลิกข้อมือขวาเพียงเล็กน้อย ชั่วพริบตาชุดที่อามาติคัสใส่ก็เป็นชุดขนพลทหารสีเงิน เส้นผมเปลี่ยนสีขาวรูปร่างดูสง่าผ่าเผยขึ้นมาทันที แก้วกานต์และทินกรเห็นก็รีบขยับตัวหนี

    “ทีนี้จะเชื่อข้าได้หรือยัง” อามาติคัสเอ่ยถาม

    “แล้ว แล้ว นายอยู่ฝั่งไหน” แก้วกานต์เอ่ยถามเสียงสั่น

    “ข้าถูกส่งลงมาตามบัญชาขององค์ราชาแห่งสวรรค์ ข้าไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด หน้าที่ของข้าคือ การส่งอนาคาเซียกลับสวรรค์เท่านั้น”  อามาคัสตอบ

    “แล้วกลับยังไง” ทินกรถามต่อ แม้ในใจจะเริ่มหวาดหวั่น

    “หลังประตูบานนั้นจะมีเนตรแห่งสวรรค์ที่เชื่อมต่อกับโลกมนุษย์อยู่” อามาติคัสตอบ

    “แต่พวกเจ้าไม่มีสิทธิไปไหนทั้งไหน” เสียงดังกร้าวจากด้านหลังเรียกให้ทั้งสามคนหันกลับมอง

    ร่างชายกำยำเป็นรูปเงาสีดำใหญ่ยืนอยู่ข้างอนิศราที่นอนอยู่ ตอนแก้วกานต์ได้แต่ใช้สมองอย่างสับสนว่าเธอควรจะทำอย่างไรเพื่อช่วยเพื่อนเธอไว้

    “พวกเจ้าเข้าไปในประตูบานนั้นก่อน” อามาติคัสพร้อมกับขึ้นมายืนอยู่เบื้องหน้าคนทั้งคู่

    “ไม่ได้ เราจะทิ้งยัยโรสไว้ไม่ได้” แก้วกานต์เอ่ย

    “มันไม่ทำอะไรเพื่อนเจ้าหรอก แต่ตัวเจ้าข้าไม่อาจรับประกันได้” อามาติคัสเอ่ย

    “อามาติคัส เจ้าหลบไป ข้าจะฆ่ามัน” อาดิติคัสกล่าว

    “ไม่ได้ ท่านเลิกทำผิดแล้วกลับไปกับข้าเถอะ” อามาติคัสเอ่ย

    “ไม่ นับต่อแต่นี้ข้าจะไม่ฟังคำสั่งใครอีกแล้ว” อาดิติคัสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกร้าวสายตาแดงกล่ำ

    “ท่านพี่ข้าขอละ” อามาติคัสพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน อามาติคัสยังจำได้เสมอว่าอาดิติคัสเคยสอนเขาฟันดาบตั้งแต่เด็ก ดังนั้นความฝันของทั้งคู่คือการเป็นเทพแห่งสงครามของสวรรค์ แต่ใครเลยจะนึกว่าเพื่อผู้หญิงอาดิติคัสถึงกลับต้องโดนปลดออกจากการเป็นเทพ และใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญชน

    “ส่งมันมาให้ข้า”

    “ไม่ได้ท่านพี่” อามาติคัสยืนกรานเสียงแข็ง

    อาดิติคัสย่างสามขุมเข้าใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ กลิ่นอายรอบตัวอาดิติคัสค่อย ๆ ทำให้เทพีแห่งดอกไม้ที่นอนหลับไหลอยู่นับหมื่นแปดพันปีค่อย ๆ ฟื้นขึ้น

    “โรส โรส” เสียงแก้วกานต์ที่ยืนอยู่เบื้องหลังอามาติคัสเรียกเพื่อนซี้ที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนเสียงดัง

    “โอ้ย แก้ว แก้วช่วยโรสด้วย” เสียงอนิศราร้องครวญเมื่ออยู่ ๆ เธอปวดศีรษะขึ้นอย่างแรง

    “ไม่ได้” อามาติคัสร้องห้ามแก้วกานต์ที่กำลังจะสาวเท้าเข้าไปหาเพื่อนรัก

    “แต่เพื่อนฉัน” แก้วกานต์เอ่ยไม่ทันจบอามาติคัสก็ขัดขึ้นเสียก่อน

    “เขาไม่ใช่เพื่อนเจ้าอีกแล้ว”

    อนิศราร้องโอดโอยด้วยความปวดศีรษะได้เพียงครู่ อยู่สีผมบนหัวก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีฟ้า พร้อมด้วยชุดที่เปลี่ยนเป็นเกาะอกกระโปรงสียาวและดอกไม่ที่รายล้อมอยู่รอบเอว

    “บัดนี้อนาคาเซียได้ตื่นขึ้นแล้ว” อามาติคัสเอ่ย

    “ท่านพี่หยุดเถอะ” อนาคาเซียที่อยู่ยืนอยู่เบื้องหลังอาดิติคัสเอ่ยขึ้น

    “อนาคาเซีย เจ้าทรยศข้า เจ้าทรยศความรักของข้า” อาดิติคัสเอ่ยเสียงสั่น แม้จะผ่านมากี่หมื่นปี อนาคาเซียก็ยังเป็นหญิงเดียวในใจเขาเสมอ ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลังจากโดนเพลาคอปฆ่า เขาต้องรวบรวมเศษเสี้ยววิญญาณตนเองเพื่อบำเพ็ญเพียรนับหมื่นปี แต่ก็ได้กลับมาแค่เพียงหมอกควันสีดำที่เต็มไปด้วยความแค้น

    “ท่านพี่นอกจากท่านแล้ว ข้าก็ไม่เคยมีชายใด” อนาคาเซียกล่าว

    “เจ้าโกหก เจ้าโกหก แล้วเหตุใดเพลาคอปถึงฆ่าข้า” อาดิติคัสกล่าว

    “เพราะเจ้ามันโหดร้ายอย่างไรเล่า” เสียงดังกึกก้องลอยอยู่ในอากาศ

    “ท่านพ่อ” เสียงอาดิติคัส และอามาติคัสเอ่ยขึ้นพร้อมกัน

    กลุ่มหมอกควันสีขาวหนาแน่นลอยเหนือฟ้าบนนั้นปรากฏเป็นร่างชายสูงเต็มไปด้วยหนวดเคราท่าทางน่าเกรงขาม

    อนาคาเซียน้อมกายก้มลงเพื่อทำความเคารพ พร้อมกับเอ่ยชื่อขึ้น

    “องค์ราชา”

    ทินกรและแก้วกานต์ต่างมีสีหน้าตกใจ ในชีวิตพวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เจอเทพ ยิ่งเป็นองค์มหาเทพด้วยแล้วมันเป็นไปไม่ได้

    “อาดิติคัส เจ้าเองก็บำเพ็ญเพียรมาไม่น้อยมิได้ถึงแก่นของมันเลยหรอกหรือ” องค์ราชาแห่งสวรรค์เอ่ย

    “ท่านพ่อ ท่านไม่ยุติธรรม” อาดิติคัสเอ่ย

    “อาดิติคัส เจ้าทำผิดซ้ำแล้วซ้ำโดยมิเคยได้ไตร่ตรองตนเองเลย วันนี้ข้าเองก็หมดหนทางที่จะพูดกับเจ้าแล้ว จากนี้ไปข้าจะไม่ขัดขวางความรักของเจ้าและอนาคาเซียอีก เพียงแต่เจ้าต้องชดใช้สิ่งที่เจ้าได้ทำไว้ และกลับไปอยู่ดินแดนเหนืออันเหน็บหนาวของเจ้านับจากนี้ไปชั่วนิรันดร์”

    องค์ราชาแห่งสวรรค์ทรงผายมือออก เพียงชั่วพริบตาหมอกควันสีดำกลับกลายเป็นม้าสีขาวที่มีเขาเกลียวขนาดใหญ่ยื่นออกมาจากหน้าผาก

    อนาคาเซียลูบหัวและเส้นขนสีขาวของม้าตัวนั้นด้วยความรัก นับจากนี้นางคงได้อยู่กับชายที่รักสมใจเสียที ไม่ว่าอาดิติคัสจะเป็นแบบใดนางก็รักเขาเสมอมิเคยเปลี่ยนเช่นกัน

    “โรส” เสียงแก้วกานต์เรียกเพื่อนซี้ที่ค่อย ๆ เลือนหายไปพร้อมกับม้าสีขาวตัวนั้น และสติของเธอที่ค่อย ๆ หลุดลอยไปเช่นกัน

    “คุณ คุณ” ทินกรรีบรับร่างของแก้วกานต์ไว้ ก่อนจะหันหน้าไปหาอามาติคัส

    “นางจะไม่เป็นไร” อามาติคัสเอ่ยตอบด้วยรู้ในคำถามอยู่แล้ว

    “ส่วนเจ้าเพลาคอป เจ้าสังหารเทพ เจ้ายังต้องไปชดใช้สิ่งที่เจ้าทำไว้ก่อน” องค์ราชาแห่งเทพกล่าวจากนั้นก็จางหายไป

    แม้ทินกรจะไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ แต่เขาเองก็ยินดีน้อมรับคำสั่งนั้น

    “ข้าขอบใจเจ้ามากเพลาคอป ข้าหวังว่ายามที่เจ้าได้กลับไปเป็นเทพอีกครั้ง เราคงจะได้เป็นเพื่อนกัน” อามาติคัสเอ่ยขึ้นพร้อมกับสติของทินกรที่ค่อยหลุดลอย จนสลบไป

     

    “คุณ คุณ” เสียงนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปมาเรียกหญิงชายที่กำลังนอนสลบอยู่บนพื้นให้ฟื้นขึ้น

    แก้วกานต์ค่อย ๆ ปรับสายตาให้คุ้นชินกับแสง จนกระทั่งสามารถมองเห็นทุกอย่างได้ชัดจึงหันไปมองข้าง ๆ เห็นทินกรนอนสลบอยู่ เธอจึงพยายามเรียกเขา

    “คุณ คุณ”

    “โอ้ย ผมเป็นอะไร” ทินกรเอ่ยถาม

    “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันอยู่ฉันก็สลบไป” แก้วกานต์เอ่ย

    “ฉันรู้จักคุณหรือเปล่า” แก้วกานต์เอ่ยถามอีกครั้ง เธอรู้สึกคุ้นหน้าเขามาก แต่เธอก็จำไม่ได้ว่าเคนเจอเขาที่ไหน

    “ผมทินกร เรีกว่า กร พอครับ” ทินกรตอบ

    “ฉันชื่อแก้วกานต์ เรียกแก้วเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ”

    “มาผมช่วยคุณให้ลุกก่อนดีกว่า มาคุยกันกลางทางแบบนี้คงไม่เหมาะเท่าไหร่” ทินกรเอ่ย พร้อมกับช่วยพยุงแก้วกานต์ให้ลุกขึ้น

    ทั้งคู่เดินคุยกันไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเดินพ้นประตูไป

     

    “ตกลงท่านได้ผูกด้ายแดงหรือป่าว” เสียงอามาติคัส เอ่ยถามเทพอแมรี่น่าผู้เป็นป้า

    “ข้าผูกให้แล้วน่าหายห่วง” เทพอแมรี่น่าเอ่ย

    “ต่อไปเพื่อนข้าคงสมหวังในความรักสักที” อามาติคัสพูด

    “เจ้านี่ก็ฉลาดที่ไม่ยอมบอกว่าแท้จริงแล้วอนาคาเซียตัดสัมพันธ์กับเพลาคอป จึงทำให้เพลาคอปแค้นมากและฆ่าอาคิติคัส”

    “ข้าแค่ไม่อยากให้เพลาคอปตื่นมาก่อนเวลาอันควร เมื่อถึงเวลาท่านพ่อคงจะหาทางออกไว้แล้ว” อามาติคัสเอ่ย

    “ข้าก็เชื่อแบบนั้น” อแมรีน่ากล่าว

      

    หมายเหตุ ตัวละครและโลกทั้งหมดนี้เป็นโลกสมมุติที่นักเขียนอ้างขึ้นไม่เกี่ยวกับตำนานใด ๆ ทั้งสิ้น

     

     ขอบคุณสำหรับการติดตาม 

    อย่าลืมเพิ่มเข้าชั้นหนังสือกัน และกดlove เพื่อรออัพเดตนะจ้า

    มาพูดกับไรท์ได้นะจ๊ะ ด่าได้ถ้าไรท์ทำร้ายตัวละครเกิน แต่อย่าแรงเดี๋ยวไรท์เจ็บนะจ๊ะ รีดที่รัก ....

    ฝากติดตามเพจในลิิ๊งค์ด้านล่าง หรือ คลิ๊กที่นี่

    https://www.facebook.com/ainkfanamtalay/

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น