NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บ่วงหัวใจในม่านหมอก! (วันไนท์สแตนด์)มีebook

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 2 ฝึกงาน (3)

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ย. 65


    ถ้าไม่มีแจกันดอกไม้เก่าตั้งอยู่สองจุดคงไม่แน่ใจจะวางแจกันใหม่ตรงไหนเพราะทุกมุมดูสวยเหมาะไปหมด เธอยกแจกันเก่ามาวางไว้บนโต๊ะใกล้ๆประตูทางออก แล้วยกแจกันใหม่ไปวางตรงจุดเดิมซึ่งเป็นส่วนห้องรับแขก และอีกจุดนึงเป็นส่วนห้องนั่งเล่นพักผ่อนชมวิววางแจกันใบสุดท้ายแล้วเดินถอยหลังมาเรื่อยๆตามองแจกันว่าตั้งสวยได้องศาพอดีมั้ย สำรวจจนพอใจแล้วจึงหันหน้ากลับ
            
            ว้าย!ร่างบางชนหน้าอกกว้างอย่างจังจนทำท่าจะหงายหลังลำแขนแกร่งจึงตวัดเอวบางเข้ามาหาตัวไว้ไม่ให้ล้ม สองร่างแนบชิดกันจนรับรู้ถึงร่างกายของกันและกัน คนตัวใหญ่รับรู้ว่าร่างเล็กๆบางๆ ที่ซ่อนอยู่ในชุดฟอร์มหลวมๆของแม่บ้านนี้ นุ่มนิ่มอวบอิ่มไม่เบาแถมได้กลิ่นหอม  อ่อนๆลอยมาแตะจมูกกรุ่นๆ ส่วนคนตัวเล็กรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของหน้าอกและลอนหน้าท้องของคนตัวใหญ่และรับรู้ว่าเขาตัวสูงมากประมาณพอๆกับพี่ชายเธอ ความสูงร้อยหกสิบเซ็นของเธอสูงพ้นไหล่เขาไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง

            ร่างบางในอ้อมแขนแกร่งรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน ตัวแข็งสตั๊นไปห้าวิ  ความไม่เคยโดนผู้ชายอื่นกอดนอกจากพี่ซัน ตั้งสติได้แล้วก็ลนลานผลักอกเขาออกเบาๆ ทำให้ชายหนุ่มได้สติเหมือนกันเลยรีบปล่อยมือจากเอวคอด
             
            "เอ่อ..หนู ขะ..ขอโทษค่ะที่ซุ่มซ่ามไม่ทันดู แค่เอาดอกไม้มาเปลี่ยนให้กำลังจะไปแล้วค่ะ"เธอรีบพูดเร็วๆเสียงสั่นนิดๆ มือประสานไว้ข้างหน้า ก้มหน้าทำท่าจะเดินออก
               
           "เดี๋ยว! เธอเป็นนักศึกษาฝึกงานหรือ"เขาถามเพราะเห็นป้ายติดตรงหน้าอกเสื้อของเธอ รู้สึกแปลกใจเพราะปกติโรงแรมเขาไม่รับเด็กฝึกงาน 
                
            "ค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วหนูขอตัวนะคะ"เธอเห็นชายหนุ่มถามแล้วเงียบไป เลยตอบรับแล้วทำท่าจะเดินก้มหน้าออกมา
                  
             "เดี๋ยว!..เวลาคุยกับคนอื่นกรุณามองหน้าคู่สนทนาด้วย" สายตามองมาที่หน้าสวยๆที่เอาแต่ก้มหน้างุด หญิงสาวจำใจเงยหน้าขึ้น ดวงตาคมโตของหญิงสาวซึ่งไม่ได้ใส่แว่นสายตาขณะฝึกงาน สบตาคมกริบของชายหนุ่มแบบเต็มๆแต่แค่แป๊บเดียวเธอก็หลบก้มหน้ามองพื้นอีกครั้งจึงไม่เห็นแววตาขำๆของชายหนุ่ม ที่ปรากฎอยู่บนใบหน้าเรียบเฉยจนดูเย็นชา
                 
            "ค่ะ.."เธอตอบรับคำตำหนิเบาๆ "งั้นหนูขอตัวนะคะ" ชายหนุ่มพยักหน้า ที่จริงเขาไม่ได้อยากตำหนิอะไรเธอแต่พอเห็นใบหน้าขึ้นริ้วแดงๆกับท่าทางลนลาน ก็แค่อยากแกล้งคนสวยเล่นและอยากเห็นหน้าชัดๆก็เท่านั้นเอง

            หญิงสาวลนลานจนรู้สึกเหมือนขาจะพันกัน ต้องพยายามบังคับตัวเองให้เดินออกมาโดยที่ไม่สะดุดล้มให้ขายหน้าอีก เธอเดินออกมาไกลแล้ว แต่ใจยังเต้นแรงไม่หาย ยังรู้สึกถึงความอุ่นของอ้อมกอดนั้นอยู่ นึกสงสัยกอดกับพี่ซันตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยรู้สึกแบบนี้ทั้งที่เป็นผู้ชายตัวโตเหมือนกัน รู้สึกแปลกๆสาบานกับตัวเองว่าจะหลบงานที่ต้องเกี่ยวข้องกับท่านรอง  แต่กลายเป็นว่าเพื่อนของเธอต้องรับหน้าแทน

             เพราะตอนเย็นเธอเห็น  พิมพ์สิตาคุยกับท่านรองอยู่เป็นสิบนาที  ตอนที่พิมพ์สิตาเดินผ่านวิลล่าหลังนั้น  เห็นจากไกลๆว่าท่านรองเรียกเพื่อนเธอ เป็นห่วงว่าเพื่อนจะโดนดุ แต่เพื่อนสาวยืนยันว่าท่านรองแค่ถามไถ่เรื่องฝึกงานเท่านั้น
               
             ถึงจะเป็นห่วงเพื่อนขนาดไหน กานต์รวีก็ขอเปลี่ยนงานกับพี่ๆที่ต้องเกี่ยวข้องกับการดูแลท่านรองอย่างที่สาบานกับตัวเองไว้จริงๆ เธอหลบอยู่สองวันท่านรองก็กลับกรุงเทพ เธอถอนหายใจโล่งด้วยความสบายใจ และครั้งนั้นก็เป็นครั้งเดียวที่เธอเจอท่านรองแต่คงเป็นครั้งเดียวที่จะจำไม่ลืม...
                
            "พวกแก...ฉันเสียใจอะ ชาติที่แล้วฉันทำบุญน้อยกว่านัง
    แซนกับนังนาวหรือไง"สองนางนั่นโชคดีสุดๆได้กระทบไหล่คนหล่อตลอดกีรติซึ่งช่วงนี้ฝึกงานในครัวแทบไม่เห็นเดือนเห็นตะวันและไม่รู้ว่าท่านรองมากินข้าวตอนไหน และพอช่วงที่รู้กลับยุ่งมากปลีกตัวมาแอบดูท่านรองไม่ได้เลย จึงเป็นคนเดียวที่ไม่ได้เห็นคนหล่อ มานั่งระบายกับอรไพลินและนิธิดา  สองสาวก็ไม่ได้เห็นท่านรองชัดๆใกล้ๆ แต่เห็นระยะไกลก็ยังรู้ว่าหล่อมาก สมคำร่ำลือ
                 
             ส่วนกานต์รวีก็เล่าแค่ว่าเอาดอกไม้ไปวางที่วิลล่าท่านรองและแค่บังเอิญเจอกันแป๊บนึง นี่ถ้าเล่าถึงว่าได้กอดท่านรอง เธอกลัวว่าเพื่อนสาวจะอกแตกตายไปกระโดดสะพานรักสารสินให้เป็นตำนานอีกรอบหรือเปล่า
              
             วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการฝึกงานไม่ต้องทำงานแล้วแต่มาเจอพี่ๆและรับฟังการประเมินผลฝึกงาน พร้อมใบประเมิน ซึ่งสาวๆทั้งห้าได้รับคำชมมากมายว่าเรียนรู้งานเร็ว หนักเอาเบาสู้ ภาษาคล่องปรื๋อ ทำงานเก่งเหมือนมืออาชีพ 

             ตอนแรกฝ่ายบุคคลมีความหนักใจที่จะรับเด็กฝึกงานแต่สายตรงจากใครบางคน ก็ทำให้ต้องรับในทันที และห้าสาวก็ไม่ทำให้ใครผิดหวัง โดยเฉพาะพี่ดาด้าชมแล้วชมอีกว่าน้องๆทั้งสวยทั้งเก่ง มนุษสัมพันธ์ดี ทำหน้าที่ต้อนรับและบริการแขกที่มาพักได้ดีมาก  หน้าฟร้อนท์พร้อมเคลียร์ที่ว่างให้น้องๆมาทำงานมาก


            หลังจากร่ำลาพี่ๆที่โรงแรมแล้ว สาวๆก็กลับไปจัดกระเป๋าเตรียมตัวบินกลับกรุงเทพในวันรุ่งขึ้น พี่ๆที่โรงแรมพาพวกเธอไปเลี้ยงส่งที่ร้านอาหารพื้นเมืองตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว วันนี้หลังจากกลับจากรับใบประเมินและจัดกระเป๋าเสร็จ แก๊งค์ฟ้ารั่วจึงมีเวลาว่างช่วงบ่ายเลยยืมมอเตอร์ไซด์พี่ที่โรงแรมขับกินลมชมหาด ร่ำลาภูเก็ตก่อนกลับ

            พวกเธอพากันไปถ่ายรูปจุดชมวิวสวยๆ ตรงไหนที่ใครบอกว่าถ้ามาภูเก็ตไม่ได้ถ่ายรูปตรงนั้นถือว่าผิด..พวกเธอก็ไม่พลาด และการได้นั่งทอดอารมณ์ชมตะวันตกน้ำถือว่าเป็นสิ่งที่ควรทำมากเมื่อมาทะเล จึงนั่งดื่มด่ำบรรยากาศกันที่บาร์เก๋ๆ    ชิลล์ๆแห่งหนึ่ง นั่งปะปนกับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างกลมกลืน
                
            "ฮือๆ..อิติ๊เสียใจ.."อยู่ๆกีรติก็ทำเสียงร้องให้ขึ้นดับความเงียบของเพื่อนๆที่กำลังดื่มด่ำความสวยงามของบรรยากาศทะเลยามเย็น
                
           "แกเป็นอะไรไปอีกละนังติ๊ แกเสียใจที่ได้นั่งกินลมชมวิวนั่งชิลล์ริมทะเลเนี่ยอะนะ"กานต์รวีถามขึ้นงงๆ
                    
           "ก็เสียใจที่แต้มบุญน้อยกว่าพวกแกสองคนอะดิ..ท่านรอง มาอยู่หกวันไม่ได้เจอสักวัน"
                     
            "โอ้ย...แกจะอิจฉาพวกฉันทำไมเนี่ย แกจะเจอได้ไงก็ท่านรองนะทำตัวยังกับแวมไพน์ สิงสถิตย์อยู่แต่ในถ้ำ แล้วบางทีก็ออกจากโรงแรมไปเกือบทั้งวันพอกลับมาก็อยู่แต่ในวิลล่า และที่สำคัญบุคลิกโคตรเย็นชาน่ากลัวเหมือนแวมไพน์อะแก แล้วจะอยากเห็นทำไม" 
                   
            "หืม..แซนแกก็พูดเกินไปปะ ตอนฉันได้คุยกับท่านรองก็ดูเขาปกติดีนี่ไม่เห็นน่ากลัวเลยท่าทางใจดีออก"พิมพ์สิตาแย้งเพื่อน
                     
            "โอ๊ย..ฉันจะเป็นบ้า..ตกลงท่านรองที่พวกแกพูดถึงนี่คนเดียวกันหรือเปล่าวะ พูดกันคนละเวอร์ชั่นเลย ไอ้แซนท่าทางจะมีปัญหากับท่านรองมาตั้งแต่ชาติที่แล้วมั้งแกอะ เห็นตั้งป้อมกับท่านรองตั้งแต่ยังไม่เจอตัว พอเจอยิ่งว่าหนักกว่าเดิม" นิธิดาว่าเพื่อนที่ดูๆจะไม่ชอบท่านรองเอาซะเลย
              
             "ฉันเปล่าซะหน่อยก็ฉันได้ยินมาแบบนั้นจริงๆ พูดเองเออเองที่ไหนกัน แล้วตอนที่ฉันเจอก็บรรยากาศ อย่างที่บอกไปนั่นแหละ"
              
            "พวกแกก็มัวเม้าท์กันอยู่นั่น ดูนังติ๊..มันบ้างไหนอะที่บ่นว่าแต้มบุญหน่อยกว่าเพื่อน ดูเหมือนมันกำลังจะได้ผู้..อะ"อรไพลินเบรคเพื่อนๆให้หันมามองกีรติที่ตอนนี้กำลังส่งสายตายกแก้วชูขึ้นให้กับหนุ่มฝรั่งตาข้าวหน้าตาดีแถมกล้ามแน่น และหนุ่มนั่นก็ยกแก้วชูขึ้นเหมือนกัน
              
            "นังแรด..ร้องให้อยู่เมื่อกี๊แป๊บๆมาแรงแซงทางโค้งไปอีกละ เรื่องอ่อยผู้ชายไว้ใจนังติ๊"พิมพ์สิตาว่าเพื่อนด้วยความหมั่นไส้
               
            และคืนนั้นจบลงตรงที่หนุ่มฝรั่งใจดีเลี้ยงดริ๊งพวกเธอคนละสองสามดริ๊งและเขายังแลกเฟสบุ๊คกับกีรติที่ตอนนี้นั่งหน้าระรื่นเหมือนดอกทานตะวันยามเช้าท่ามกลางความหมั่นไส้ของเพื่อนๆ
                 
             ห้าสาวบินกลับกรุงเทพแต่เช้าร่ำลาและแยกย้ายกันที่สนามบินต่างคนต่างกลับบ้าน เหลือเวลาอีกสิบวันกว่ามหาวิทยาลัยจะเปิด อรไพลินต่อเครื่องกลับบ้านไปลำปาง นิธิดาก็ต่อเครื่องกลับขอนแก่น ส่วนสามคนที่ต่อเครื่องไม่ได้ก็แยกย้ายกลับบ้านที่กรุงเทพก่อน


    #####################

    งุงิเค้าเจอกันแล้ว...แต่เจอกันครั้งต่อไปท่านรองจะจำน้องได้มั้ย แต่..น้องจำคนหล่อได้แน่นอน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×