NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บ่วงหัวใจในม่านหมอก! (วันไนท์สแตนด์)มีebook

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 1 แก๊งเพื่อนสาว (3)

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ย. 65


              หลังจากตกลงเรื่องฝึกงานกับเพื่อนๆแล้วสองสาวกานต์รวีและพิมพ์สิตาก็เดินกลับหอพัก  ส่วนเพื่อนทั้งสามพักกันข้างนอก  พวกเธอทั้งคู่สนิทกันตั้งแต่เรียนเกรดเจ็ดที่โรงเรียนนานาชาติด้วยกันที่หัวหินแล้ว ครอบครัวของทั้งคู่ก็อยู่ที่นั่น จนมาเข้ามหาวิทยาลัยก็สอบได้ที่เดียวกันอีกเลยตกลงอยู่หอของมหาวิทยาลัยด้วยกัน  ความจริงพิมพ์สิตามีบ้านที่กรุงเทพด้วย แต่ไกลจากมหาวิทยาลัยเธอขี้เกียจฝ่ารถติดทุกวัน เลยขอที่บ้านอยู่หอของมหาวิทยาลัยแทน 

            พิมพ์สิตาเป็นลูกคุณหนูบ้านรวยแต่ใช้ชีวิตติดดินเลยสนิทสนมกลมเกลียวกับกานต์รวีได้อย่างไม่มีอะไรติดขัด เพราะบ้านของกานต์รวีฐานะปานกลางพ่อเป็นวิศวกรไฟฟ้าทำงานอยู่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแต่เสียชีวิตตั้งแต่เธอเรียนอยู่เกรดสิบ แม่เป็นอาจารย์สอนคหกรรมที่วิทยาลัยแห่งหนึ่งกำลังจะเกษียรอายุต้นปีหน้า 

           แต่กานต์รวีและพี่ชายได้เรียนโรงเรียนนานาชาติที่ค่าเทอมแสนแพงเพราะความเก่งความฉลาดสอบชิงทุนสกอล่าชิปของโรงเรียนได้เรียนฟรีจนจบไฮสคูลทั้งคู่  พอมาเข้ามหาวิทยาลัยเธอก็สอบชิงทุนได้อีกเช่นเคย  แต่หลังจากที่พี่ชายสุดหล่อแสนเก่งและฉลาดเรียนจบปริญญาโทด้านสถาปัตย์จากเมืองนอกมา ก็กลายเป็นเสาหลักให้ครอบครัวทันทีสร้างฐานะตั้งตัวได้อย่างรวดเร็ว
     
           "มะนาวมานั่งเล่นห้องฉันก่อนซิ"ทุกวันศุกร์เย็นรูมเมทจะกลับบ้าน เธอจึงอยู่คนเดียว  พวกเธอไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันเพราะต้องจับฉลากเลือกรูมเมท แต่ยังดีที่ห้องของพิมพ์สิตาอยู่ถัดไปอีกแค่สองห้อง

            "แกไม่รีบอ่านหนังสือเหรอวันจันทร์ก็ต้องไปสอบแล้วนี่"
              
            "ไม่ละเม้าท์มอยท์ดีกว่านี่ก็เย็นมากแล้วเดี๋ยวออกไปกินข้าวกลับมาค่อยอ่านซัดยาวเลย โชคดีจังเลยที่แกติดงานฉันเลยไม่ต้องอยู่โยงเฝ้าหอคนเดียว"
              
            "เออ..ก็อย่างที่บอกนั่นแหละซ้อมเต้นให้น้องๆถึงวันพุธหน้าแต่เสาร์อาทิตย์นี้ไม่ต้องซ้อม วันพฤหัสพักวันนึงแล้ววันศุกร์พวกเราก็บินไปภูเก็ตกันเลย"
               
             เนื่องจากมหาวิทยาลัยให้นักศึกษาปีสี่ที่จะไปฝึกงานได้หยุดพักเตรียมตัวหนึ่งอาทิตย์ เพื่อนๆทั้งสามกลับบ้านกัน แต่พวกเธอติดงานและติดสอบจึงไม่ได้กลับบ้าน
               
            "แกติดซ้อมอย่างนี้ แล้วไปฝึกงานต่อเลยไม่ได้กลับบ้าน พ่อแม่แกไม่บ่นแย่เหรอไม่ได้เจอกันอีกสามเดือน"
              "บ่น..ซิแต่แม่ว่าจะขึ้นมาหาฉันวันจันทร์อะ แล้วแกละปกติที่บ้านห่วงหวงยิ่งกว่าไข่ในหิน เยอะกว่าบ้านฉันอีก ไม่โดนบ่นบ้างหรือ"
              
             "ก็บ่นๆแต่เข้าใจแหละก็อยากให้ลูกสาวได้ทุนอะ แล้วแม่ไม่ว่างขึ้นมาหาด้วย วันปกติติดสอน เสาร์อาทิตย์นี้ว่าจะให้พี่ซันพามาแต่ติดทำขนมส่งงานเลี้ยงล็อตใหญ่อีก เห็นว่าพี่ซันจะมาหาพรุ่งนี้แต่ยังไม่คอนเฟิร์มอะ"
                 
            พอเพื่อนเอ่ยถึงพี่ชาย พิมพ์สิตาก็นั่งเงียบ เผลอคิด...เธอรู้จักเขามาตั้งเกรดเจ็ด ตอนนั้นเขาอยู่เกรดสิบสอง ปีสุดท้ายกำลังจะจบมัธยมแล้ว ที่จริงถ้าไม่เรียนก่อนอายุก็คงไม่ทันเห็นความฮอตของพี่ชายเพื่อนช่วงมัธยม แต่เธอไม่คุ้นเคยกับเขาหรอกเพราะอายุห่างกันหลายปี
            
            ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย เคยเจอเขาแค่ครั้งเดียวตอนขึ้นปีหนึ่งใหม่ๆแค่นั้น  ถึงเคยมารับเพื่อนหลายครั้ง แต่เป็นช่วงที่คลาดกันทุกทีแต่ก็ดีแล้วเจอกันทีไรรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง คนอะไรน่ากลัวจัง ไม่เคยเห็นเขายิ้ม แต่เวลาเขามองมาหน่อยถึงไม่ตั้งใจมองก็เหอะ เธอมือไม้เกะกะเกายุ่งได้ในทันทีอะ ทั้งที่ปกติมะนาวก็เปรี้ยวสมชื่อละซ่าส์จนผู้ชายกลัว  บางคนมาจีบเธอตื๊อไม่เลิก รำคาญก็ทำเบลอทำรั่วใส่หนุ่มๆพวกนั้น แล้วไม่สนด้วยว่าพวกเขาจะมองเธอยังไง ไม่เขินไม่อาย คงเพราะพี่ชายเพื่อนขรึมจนน่ากลัวแหละ ไม่ใช่เฉพาะเธอที่รู้สึกเพื่อนๆในกลุ่มก็บอกเป็นเสียงเดียวกัน

            "มะนาว..มะนาว!!.ไอ้นาว!" เสียงเรียกชื่อทำให้เจ้าตัวสะดุ้งและหันมาต่อว่าเพื่อน
               
             "ไอ้แซน..อยู่ใกล้กันแค่นี้แกจะตะโกนทำไมเนี่ย ฉันไม่ได้หูหนวกสักหน่อย"ค้อนเพื่อนเบาๆ
                 
            "จ้ะ..แม่ดาวค้างฟ้าหูไม่หนวกแต่ใจลอยไปติดอยู่คณะไหน..ค๊า.. วิศวะเหมือนไอ้ติ๊มันหรือเปล่า ไม่ใช่ซิ..แกแบไต๋มาแล้วแกชอบหนุ่มสถาปัตย์ว่าแต่ต้องเซอร์ๆมีหนวกรกรุงรัง ด้วยหรือเปล่าฮ่า..ฮ่า..เรียกตั้งนานไม่ได้ยิน แอบคิดถึงใครอยู่บอกมาเลย"
            
            "กำลังคิดว่าถ้าเป็นติ่งเกาหลีตอนจะจบปีสี่จะแก่ไปมั้ย เพิ่งรู้ว่าวงการติ่งเข้าแล้วออกยาก แก..ฉันติดหนักมาก ซีรี่ย์สนุกมาก" เห็นเพื่อนไม่ติดใจอะไรอีก ก็เปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องแฟชั่น หนังดัง เพลงฮิตไปเรื่อยเปื่อย สักพักก็ชวนกันไปหาข้าวกิน  
            
           "นาว..แกว่าวันนี้มันเงียบๆ มั้ยวะ"กานต์รวีปกติเป็นคนคิดมากขี้ระแวง กลัวผีป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เปิดบทสนทนาระหว่างเดินลงไป กินข้าวที่โรงอาหารใกล้ๆ หอพัก
                 
             "แซนแกอย่ามาชวนปอดแหกตอนจะจบปีสี่ซิวะวันศุกร์เย็นปกติเด็กก็น้อยเงียบๆอยู่แล้ว เพิ่งจะมาไม่ชินตอนจะจบเหรอ หรือว่าเราจะไปหาข้าวกินแถวๆ ใกล้หอชายจะได้ครึกครื้น"ทำหน้าทะเล้นใส่เพื่อน
                 
             "หืม..เก่ง ปากดีตลอด.. ปากกล้าขาสั่น โรคแพ้ความหล่ออย่างแก ไปกินใกล้ๆนี่แหละ" หันมามองแรงให้เพื่อนยิ้มเยาะกับความเก่งแต่ปากของนาง

           หลังจากกินข้าวเสร็จระหว่างเดินกลับหอกันเพลินๆพอจะเลี้ยวตรงมุมตึกของชั้นตัวเอง
                  
             "แบร๊"…...หน้าขาววอกโผล่มา ดักพวกเธอตรงหัวมุมทางเลี้ยวไปห้อง
             "กรี๊ด..ตาเถรตกกระโถน" พร้อมกับร่างบางที่กระโดดถอยหลังดึ๋งๆในท่าแปลกๆอีกนิดเดียวจะรำไทเก็กละ และจบลงด้วยการสะดุดขาตัวเองลงกองกับพื้น
                
             "ว้าย..พระเจ้าช่วยกล้วยทอด...ฉันเป็นเมีย..ลีมินโฮ…"ทำตาโตยกมือปิดปากตกใจ ท่าเดียวกับนางงามตอนได้ตำแหน่ง เสียงอุทานพร้อมกันแต่เป็นคนเรื่อง  คนละแอคชั่น ส่งผลให้คนที่แกล้งหัวเราะชอบใจ
       
             "ยัย..บอลลูน..บ้า..เล่นอะไรของแกวะเนี่ย..ตกใจหมด"เลยกานต์รวีที่ยังนั่งอยู่บนพื้นบ่นด้วยความหัวเสียในความขี้แกล้งของรุ่นน้องปีสามที่สนิทกัน
                  
            "โห...เจ๊แซน..หยอกเล่นนิดเดียวอย่าโกรธน้องน๊ะ…ดีกัน..รักหรอกจึงหยอกเล่น" ยื่นมือไปดึงมือรุ่นพี่ให้ลุกขึ้น

             "ส่วนเจ๊นาวถ้ารู้ว่าจะอุทานได้น่าหมั่นไส้ขนาดนี้ ฉันไม่เสียเวลาแกล้งหรอก"แทนที่จะสำนึกนึกผิดที่แกล้งพี่ เธอกลับเอามือกอดอกแล้วค้อนรุ่นพี่คนสวยเบาๆโทษฐานที่อุทานว่าเป็น เมียลีมินโฮ...
              
            "เอ๊ะ..นางคนนี้..แกล้งอุทานที่ไหนกันเล่าก็มันอยู่ใต้จิตสำนึกว่าฉันเป็นเมียลีมินโฮ..อิ..อิ.." พูดด้วยความลอยหน้าลอยตาและบ้าซีรี่ย์เข้าเส้นส่งผลให้สองสาวที่ยืนฟังถึงกับมองบน...

            "แล้วแกละบอลลูนไม่กลับบ้านเหรออาทิตย์นี้ ดูซิพอกหน้าวอกยังกับตกถังแป้ง ยิ่งเงียบๆอยู่ แล้วรูมเมทไม่อยู่เหรอถึงได้มาป่วนชาวบ้านได้เนี่ย" 
            
            "อยู่จ้ะ..แต่มันดูซีรี่ย์ขี้เกียจกวนแกล้งเจ๊แซนสนุกว่าเวลาตกใจมีท่าแปลกๆตลอด"เธอพูดไปหัวเราะไป เลยได้ค้อนวงใหญ่เป็นรางวัล
                
             กลับเข้าห้องปิดประตูปุ๊บ กานต์รวีหยิบหนังสืออ่านทันทีเธอมีความคาดหวังกับทุนเรียนต่อปริญญาโทด้านการโรงแรมที่สวิตเซอร์แลนด์มาก และมีความเป็นไปได้ว่าเธอน่าจะได้ทุนนี้เพราะเรียนเก่งที่สุดในชั้นปี
                  
             เช้าวันเสาร์ยังไม่ได้รับสายใดๆจากพี่ชาย ไม่แน่ใจว่าจะมาหาหรือเปล่า จึงชวนเพื่อนสาว ออกไปกินข้าวเช้าที่โรงอาหารเช่นเคยและกลับมาซักผ้าด้วยกันทั้งคู่ตามวิถีเด็กหอ เสร็จก็อ่านหนังสือ ส่วนเพื่อนสาวก็ดูซีรี่ย์วนไป

              สิบโมงเช้าขณะนอนพักสายตา เสียงมือถือดังตึ๊ง..หยิบขึ้นมาดูปรากฎว่าเป็นพี่ชาย ไลน์บอกว่าจะเข้ามาหาตอนสิบเอ็ดโมง พอถึงเวลาไม่ขาดไม่เกินเสียงมือถือดังอีกรอบ พี่ชายคงมาแล้ว จึงลุกขึ้นรวบผมลวกๆใส่กางขาสั้นลากรองเท้าแตะเดินลงไปข้างล่าง  เห็นร่างสูงใหญ่ของพี่ชายนั่งหันหลังให้  เธอจึงเข้าไปแตะไหล่พี่ชายไม่เบานักหวังให้ตกใจแต่เปล่าเลย ร่างสูงใหญ่หันมายิ้มให้ 
                
            "พี่ไม่ใช่กระต่ายตื่นตูมเหมือนเรานะตัวเล็ก"เธอยกมือไหว้พี่ชายแล้วไปนั่งข้างๆกอดแขนพี่ เอาแก้มแนบแขนกำยำอย่างอ้อนๆ
                
            "ว้า..ไม่สนุกเลยไม่เคยแกล้งพี่ซันได้สักครั้งอะ"น้องสาวพูดเสียงใส
                 
              "มาถึงอ้อนแบบนี้จะเอาอะไรหืม.."พี่ชายถามด้วยเสียงเอ็นดูอย่างรู้ทัน
                   
             "พาไปกินข้าวหน่อยค่ะเบื่ออาหารที่นี่จะแย่แล้ว กินแต่ผัดกระเพราของป้านวล จนหน้าจะเหมือนป้านวลอยู่แล้วอะ"
                  
            "ก็ไปซิ..พี่มาเพื่อให้เราล้มทับอยู่แล้วนี่ แต่จะไปสภาพนี้หรือแล้วดูซิกางเกงขาสั้นแบบนี้ทีหลังอย่าใส่ลงมา"
                     
            "โอ้ย..พี่ซันคะนี่หอหญิงนะคะ แล้วแซนแค่ลงมาหาพี่เองไม่ได้มาหาผู้ชายคนอื่นสักหน่อย หวงจริงขึ้นคานอยู่รอมร่อเนี่ย.."
                      
             "อืม..นั่นแหละก็บอกไว้ งั้นไปเปลี่ยนชุดซิเอาขนมที่แม่ฝากมา ไปเก็บด้วย เยอะจนกินได้สักร้อยคนมั้ง"พี่ชายบ่นแม่ที่ไม่ว่างมาหาลูกสาวสุดรักสุดหวง แต่ฝากขนมมาเยอะแยะมากมายแทบหิ้วไม่หมด
            
             "งั้นแซนเอาขนมไปเก็บก่อน แต่..แซนขอพาเพื่อนไปด้วยสองคนได้มั้ยคะ"พี่ชายพยักหน้าแทนคำตอบ เธอเลยรีบขึ้นห้อง เอาของไปเก็บ แล้วไปเคาะห้องเพื่อน เพื่อนสาวเปิดประตูออกมาด้วยหัวยุ่งๆใส่เสื้อยืดย้วยๆบางๆแถมไม่ใส่บราเห็นเต้าอวบพุ่งดันเสื้อชัดเจนแต่พวกเธอก็ชินกันซะแล้วเห็นกันประจำเป็นเรื่องปกติ
             "ไอ้นาว..สภาพแกเหมือนเพิ่งไปตีกับวัยรุ่นปากซอยมา..เพิ่งตื่นเหรอ"เพื่อนสาวพยักหน้าแล้วพูดว่าหลังจากกลับจากกินข้าวเช้าก็กลับมาซีรีย์ต่อแต่ดูไปดูมากลายเป็นซีรี่ย์ดูเธอแทนซะงั้น 
                
            "ดูซิยืนชี้หน้าฉันอยู่ได้โกรธอะไรกันนักหนาวะ"
                   
             "หืม..แกละเมอเหรอไอ้แซน ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย"
                 
             "มือแกไม่ได้ชี้แต่นมแกนะชี้หน้าฉันเต็มๆ"พูดล้อเพื่อนยิ้มๆ
                  
              "โอ๊ย..ยัยบ้า..คนยิ่งงัวเงียอยู่พูดซะงง..จะกินมั้ยละ!!?
                   
           "ขอบใจย่ะ..พอดีไม่ค่อยหิวนม..แต่หิวข้าว อะ"
                   
            "งั้นแกไปล้างหน้าแต่งตัวสวยๆเลยออกไปกินข้าวเที่ยงกับฉัน มีหนุ่มหล่อมาให้ล้มทับถึงที่ อย่ามาทำตัวเป็นนกฮูกแถวนี้ไปๆ เร็วๆนะ" ไม่เปิดโอกาสให้เพื่อนสาวถามว่าหนุ่มที่ว่านั้นเป็นใคร  แล้วจะไปไหน
             
            ส่วนพิมพ์สิตาเพิ่งตื่นยังรู้สึกงงๆก็ไม่ว่าอะไรไปอาบน้ำใหม่ลวกๆอีกรอบให้สดชื่นแล้วแต่งตัวแปลงร่างใหม่ สวยสมศักดิ์ศรีอดีตดาวมหาลัยคนดัง แล้วเดินมาเคาะห้องเพื่อนที่เปิดประตูออกมาเพราะเสร็จพอดี กานต์รวีเองก็สวยไม่น้อยหน้าเพื่อน วันนี้เธอใส่คอนเทคเลนท์แทนแว่นที่ใส่ประจำ
              
           "ฉันว่าจะชวนบอลลูนไปด้วยแต่ไปเคาะห้องแล้วเงียบสงสัยไม่อยู่เราไปกันเถอะ เดี๋ยวหนุ่มหล่อคอยนานพาลจะอารมณ์เสีย"

            "พี่ซันคะ..เสร็จแล้วค่ะไปกันเถอะ"น้องสาวเรียกทำให้ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงร้อยแปดสิบเจ็ดเซนติเมตรหันกลับมาทางเสียงพูด
            "สวัสดีค่ะ..พี่ซัน.."พิมพ์สิตายกมือไหว้พี่ชายเพื่อน แล้วถอยไปยืนข้างหลัง
               
            "สวัสดีครับมะนาว.."ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงราบเรียบไม่แสดงอารมณ์  แล้วถามถึงเพื่อนอีกคน ได้คำตอบว่าไม่อยู่จึงพยักหน้าให้น้องสาวกับเพื่อนเดินตามออกมา 
                  
           "ไอ้แซน..ไหนแกบอกว่ามีหนุ่มหล่อมาให้ล้มทับไง..ฉันว่าฉันไม่ไปก็ได้ปะ..เกรงใจพี่ซัน"
                  
            "ไอ้นาวแกจะไม่ไปเพราะคิดว่าพี่ชายฉันไม่หล่อเหรอ"เพื่อนตัวแสบแกล้งพูดเสียงดังเมื่อเห็นเพื่อนสาวออกอาการกลัวความขรึมของพี่ชายเธอพิมพ์สิตารีบล็อคคอเพื่อนดึงตัวเข้ามาใกล้เอามือปิดปากเพื่อนไว้
                  
            "ไอ้บ้า..แซน..แกจะเสียงดังทำไมเนี่ย.." เพื่อนสาวแสดงอาการตกใจกลัวพี่ชายเพื่อนได้ยินถึงรถ พอดีชายหนุ่มจึงหันมามอง แล้วถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเคยว่ามีอะไรกันหรือเปล่าเห็นท่าทางยุกยิกเหมือนเด็กๆของสองสาว ก็เลยแกล้งถามทั้งๆที่ได้ยินหมดแล้ว
              
             "ปะ..เปล่า..ค่ะ..ไม่มีอะไรค่ะ" พิมพ์สิตารีบตอบแล้วหันไปถลึงตาใส่เพื่อนที่ยืนอมยิ้ม อย่างไม่รู้สึกรู้สา

            "งั้นไปกันเถอะ นี่ก็เกือบเที่ยงแล้ว"ชายหนุ่มพูดหลังจากยกข้อมือดูเวลาจากนาฬิกาเรือนสวยแล้วเดินขึ้นรถ กานต์รวีนั่งคู่คนขับ เพื่อนสาวนั่งข้างหลังเธอ
               
            "ว่าแต่อยากกินอะไรกันละพี่ให้เราสองคนเลือก" 
                 
             "นาว..แกอยากกินอะไรอะ"
                
             "เอ่อ..โยนมาให้ฉันทำไมฉันกินได้หมดแล้วแต่แก"
               
              "งั้นกินอาหารญี่ปุ่นเนอะฉันรู้ว่าแกชอบอาหารญี่ปุ่น"
         
              "เอ้ย..ไม่ต้องตามใจฉัน ถามพี่ซันด้วยดิ.."
                   
              "ไม่ต้องถาม..เพราะพี่ซันก็ชอบกินอาหารญี่ปุ่นเหมือนแก" กานต์รวีพูดด้วยน้ำเสียงปกติแต่คนฟังทั้งคู่กลับรู้สึกไม่ปกติ เพื่อนสาวใจกระตุกขึ้นมาเฉยๆ ส่วนคนเป็นพี่ชายเงยหน้าขึ้นมองกระจกหลังทันทีที่ได้ยินน้องสาวพูดแบบนี้ จังหวะมันได้ หญิงสาวที่บังเอิญเหลือบไปมองกระจกหลังอย่างไม่ตั้งใจ ตาโตๆสบกับตาคมๆ ผ่านกระจก เธอรีบหลบวูบอย่างรวดเร็ว แค่เพียงแว็บเดียวก็ใจสั่นระรัว จึงไม่มีโอกาสเห็นพี่ชายเพื่อน กดยิ้มมุมปากให้


    ##################

    ไรท์ลำเอียงเนอะเปิดตัวพี่ชายนางเอกก่อนเฉย..บ้าคนหล่อแหละ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×