คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
.....ในเวลาหนึ่งของหัวใจ มีใครบางคนเดินเข้ามาโดยที่เธอเองยังไม่รู้ตัว.......
เฮ้อ.. เสียงถอนหายใจของหญิงสาวร่างบาง ความสุงไม่เกิน160 คนนี้ค่อนข้างดังพอควรเพราะสิ่งที่เธอคิดในใจคงไม่ใช่ใครนอกจากเขาคนนั้นคนที่ทำให้เธอกินไม่ได้นอนไม่หลับไปหลายวัน เป็นเพราะอะไรนะเหรอ เหตุผลนี้เธอต้องตอบตัวเองหลายครั้งอยู่เหมือนกันว่าทำไม
......" ลงมากินข้าวได้แล้ว" เสียงใส ๆ ของใครคนหนึ่งที่คุ้นหู
"ค่า กำลังลงไปแล้ว" ได้ยินเสียงนี้ทีไรทำให้เธอต้องหยุดคิดถึงเขาทุกทีแต่ก็ดีเหมือนกันนะเธอคิด
"เป็นอะไรไปสองสามวันมานี้เห็นชอบเหม่อลอย" พี่ชายที่แสนจะน่ารักที่สุดได้เอ่ยถามขึ้นมา นั่นเป็นคำถามที่เธอเจอมาเกือบทุกวันหลังจากที่เธอได้.... เฮ้อเอาอีกแล้ว
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะคงเพราะช่วงนี้ใกล้สอบมั้ง" ตอบส่ง ๆ ไปแต่ในใจตรงกันข้าม "ไม่เป็นไรอะไรกันพี่เห็นเราเหม่อลอยมาหลายวันแล้วนะ"
"พี่ก็จะจับผิดอะไรน้องนักหนาล่ะ"ฉันตอบไปแบบมีอารมณ์เพราะทนมานานแล้ว "อ้าวก็เพราะห่วงหรอกนะที่ถามนะ วุ้ย ไม่ถามก็ได้" เฮ้อโล่งอกไปทีนี่ถ้าพี่กายรู้ว่ากันย์เลิกกับอู๋ก็คงไปแหกอกนายนั่นแน่ ๆ เลย เฮ้อ นึกแล้วก็เศร้าใจจัง กินข้าวต่อดีกว่า
...."พี่กายยยย กันย์ไปเรียนก่อนนะคะ" ฉันตะโกนบอกพี่ชายที่แสนดีคนนี้ก่อนออกไปเผชิญโลกภายนอก
"กลับบ้านเร็ว ๆ นะไม่งั้นพี่จะไปรับที่โรงเรียน" เฮ้อพี่ทำตัวหน้าเบื่ออีกแล้วนี่เราอายุเท่าไรแล้วนะอืม 15 เห็นจะได้ ทำไมยังต้องห่วงอยู่อีกละ
"ไง กันย์ สวัสดีจ้ะ" เสียงใสๆ ที่คุ้นหูทุกเช้าไม่ใช่ใคร ยายหมิวนั้นเอง
"อืม หวัดดีจะ หมิว มานานยัง" ฉันทักทายไปตามประสาเพื่อนกัน "มานานแล้วล่ะ และนานพอจะเห็นอะไรดี ๆ ด้วยล่ะ" ยายหมิวบอกท่าทางเหมือนเด็กได้ไอติมมากินยังไงยังงั้นเลย "เรื่องอะไรอีกละ หวังว่าคงไม่คอขาดบาดตายหรอกนะ" ฉันพูดไปโดยที่ไม่คิด "ใครบอกล่ะฉันว่าถ้าเธอรู้เรื่องนี้ล่ะก็ได้ตายกันไปข้างหนึ่งแหละน่า" ฉันแปลกใจในคำพูดอยู่บ้างแต่ก็ไม่คิดอะไร "แล้วเรื่องอะไรกันละ บอกมาซะทีซิ"ฉันเร่งเร้า "ก็นายอู๋สุดที่รักของเธอนะสิ เมื่อเช้าอะนะฉันเห็นเขาเดินมากลับใครก็ไม่รู้น่ารักด้วยนะ เธอหึงอะเปล่าล่ะ" ฉันใจหายวาบไปนิดนึง ก่อนจะทำสีหน้าปกติ แล้วกัดฟันพูดตอบไปว่า" ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยก็มันสิทธิ์ของเขาเราไปห้ามไม่ได้หรอกนะ" ฉันพูดออกไปแต่น้ำตาเริ่มคลอออกมาแล้ว "เฮ้อ เธอมันก็อย่างเนี้ยสักวัน เธอจะเสียใจกับการกระทำของตนเองนะ" ยายหมิวบอกด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายสุด ๆ "ฉันไม่เสียใจหรอกเพราะฉันเสียใจมามากพอแล้ว" ฉันพูดออกไป เพราะใครจะรู้ว่าฉันกับอู๋เราเลิกกันแล้ว ด้วยเหตุผลอะไรนะเหรอ ฮึๆๆ เพียงเพราะว่าฉันบอกรักเขาช้าไปแค่วันเดียวเอง ทั้งๆที่รู้หัวใจตัวเองแล้วแท้ ๆ ว่ารักเขาแล้ว แต่ปากเจ้ากรรมดันไม่ยอมทำตามที่ใจคิด แต่พอปากกล้าพอจะพูดคำว่า"รัก" ออกไปมันกลับเป็นเวลาเดียวกับที่เขา ได้กล่าวคำว่า"ขอให้เราเป็นเพื่อนกันเหมือนเดินนะ" เพียงแค่คำนั้นคำเดียวมันทำให้ฉันกินไม่ได้นอนไม่หลับ ไปหลายวันเลย เพราะอะไรนะเหรอ ก็เพราะทุกอย่างมันเป็นความผิดของฉันเองทั้งนั้น "นี่ยายกันย์ ฟังฉันอยู่รึเปล่า ฮึ รึว่าช็อคไปแล้ว เฮ้อ..เพื่อน" ฉันตื่นจากภวังค์เพราะเสียงเรียกของเจ้าเพื่อนแสนดีคนนี้แหละเฮ้อ.. "ก็เฉย ๆ นะ เขาจะไปทำอะไรมันก็เรื่องของเขาสิ" โอ้ยๆๆ น้ำตาจะไหลอยู่แล้วเมื่อไหร่จะเลิกถามสักที่ล่ะ ฉันคิดในใจ "อ่ะ ไม่พูดก็ได้รู้ว่าเธอนะใจแข็งอย่างกะอะไร เธอคงไม่สะทกสะท้านกับเรื่องแค่นี้หรอกนะ ฉันไม่น่าเอามาบอกเธอเลย ว้า ไม่สนุกเลย"
ฉันมองเพื่อนตัวดีของฉันพูด ใครบอกล่ะว่าไม่รู้สึกอะไรน่ะ ฉันรู้สึกจนมันชาไปหมดแล้ว เฮ้อ คิดแล้วกลุ้มไปเรียนดีกว่า
......ติ๊งต่อง...... เสียงสัญญาณบอกเวลาเลิกเรียนแล้ว ช่างเป็นเวลาที่วิเศษที่สุดสำหรับฉันเลยล่ะ เพราะอีกไม่นาน สอบปลายภาคก็จะจบแล้ว ฉันจะได้ไปจากโรงเรียนนี้สักที่ โรงเรียนที่มีแต่คนหลอกลวง
เหลืออีกกี่วันนะ กว่าเราจะสอบเสร็จเพราะฉันได้ไปสมัครสอบที่โรงเรียนพาณิชย์แห่งหนึ่งที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงด้วยล่ะ และถ้าฉันสามารถเข้าได้ก็จะเป็นการดีทีเดียวที่จะได้ไม่เจอหน้าเขา... คนนั้นอีก
"นี่ยายกันย์ เธอแน่ใจแล้วเหรอที่จะไปเรียนต่อที่อื่นน่ะ" เพื่อนสุดเลิฟเอ่ยถามออกมา
"ทำไมล่ะก็ฉันอยากไปเจอคนใหม่ๆ นี่นา" ฉันตอบไปตามที่คิด "คนใหม่ ๆ ของเธอที่ว่านี้คือใครกันล่ะ หาเพื่อน หรือหาแฟน" "ฉันไม่ใช่เธอนะที่คิดจะทำแบบนั้นนะ"
"จ้า ฉันรู้แล้วแม่คนใจแข็ง" ในระหว่างที่เรากำลังหยอกล้อกันไปนั้น พลันสายตาเจ้ากรรมก็มองไปเห็นผู้ชายคนนึง ตัวสูง ขาว หน้าตาเทห์ ๆ คนนึง คนนั้นคือคนที่ทำให้ฉันไม่เป็นอันกินอันนอนมาหลายวัน เขากำลังเดินเข้ามาหาฉัน ด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าต้องมีอะไรสักอย่างแน่ ๆ วันนี้ "หมิวเรารีบไปกันเถอะ นะ ฉันอยากกลับบ้าน" ฉันรีบพูดหลังจากที่แน่ใจว่าเขาคงต้องเดินเข้ามาหาฉันแน่ ฉันยังไม่อยากร้องไห้ตอนนี้หรอกนะ "เดี๋ยวก่อนสิ กันย์" เสียงคุ้นหูนั้นดังมาจากข้างหลังของฉัน "ขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ" แล้วเหมือนยายหมิวเป็นใจ เธอได้หายไปในกอหญ้าอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าหายไปใหน ปล่อยให้ฉันกับอู๋อยู่ด้วยกันสองคน "เอ่อ.. มีอะไรจะคุยเหรอ รีบ ๆคุยนะเรารีบกลับบ้าน เดี๋ยวพี่กายว่าเอา นายก็รู้ว่าพี่กายเป็นยังไง" "เราขอรบกวนเวลากันย์ไม่นานหรอกนะ" "คือว่าเรามีเรื่องอยากจะถามกันย์หน่อย" เขาเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก "ก็ถามมาสิ ถ้าเราตอบได้เราก็จะตอบนะ" ฉันตอบไปพยายามทำเสียงไม่ให้เครือที่สุด โอยน้ำตาจะไหลอีกแล้ว ทำไงดี ให้อู๋เห็นน้ำตาของเราไม่ได้หรอกนะ "คือ ตลอดเวลาที่เราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมา กันย์เคยรักอู๋บ้างไหม หรือมีเพียงอู๋เท่านั้นที่รักกันย์เพียงข้างเดียว ช่วยตอบได้ไหม" และแล้วน้ำตาที่สะสมมานานก็ได้พังทะลายลงมา เพียงเพราะคำถามที่เขาถามมาเท่านั้น
ตอนนี้ฉันพูดอะไรไม่ออกแล้ว ความรู้สึกที่ผ่านมาทั้งหมดเขาไม่เคยรับรู้เลย เขาไม่เคยสนใจเลยสักครั้ง "ฮือ.....อย่าถามอีกได้ไหมเราไม่อยากตอบ" ฉันกลัวที่จะพูดออกไปฉันยอมเจ็บดีกว่า ที่จะให้คำว่ารักมันทำร้ายฉันอีกครั้ง
ฉันรู้สึกได้ถึงมือที่อุ่น ที่เช็ดน้ำตาให้ฉัน แล้วอู๋ก็รวบตัวฉันซึ่งไม่มีแม้กำลังจะขัดขืนเข้าไปกอด แต่ไวเท่าความคิดฉันดันตัวออกจากอกของเขาทันที ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ทำให้ฉันรู้สึกได้ว่าเขาเสียใจกับการกระทำของฉัน ซึ่งเป็นการตอกย้ำให้รู้ว่าฉันไม่ได้รักเขาเลย แต่สิ่งที่เขาคิดตอนนี้มันกำลังตรงกันข้ามกับหัวใจของฉัน ที่อยากจะกอดตอบเขา แต่ไม่รู้ทำไมจึงทำแบบนั้นไม่ได้ และแล้วอู๋ก็เดินจากฉันไป โดยที่ฉันไม่สามารถแม้แต่จะเรียกชื่อเขาได้เลย ฉันนั่งร้องไห้อยู่อย่างนั้นนานพอสมควร จนมีเสียง ๆหนึ่งพูดขึ้นมาว่า" มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ " ฉันเงยหน้าขึ้นมาพบกับเจ้าของเสียงที่ตัวสูงประมาณ170 ผิวขาว แต่หน้าตาเหมือนอาตี๋ขายข้าวต้มกุ้ย ก้มลงมาถามฉันซึ่งนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว "เอ่อเปล่าค่ะ ไม่เป็นอะไรฉันทำของหายน่ะคะ" "เอ่อแล้วไปนึกว่าเลิกกับแฟน" คำพูดของเขาช่างโดนใจฉันอะไรอย่างนี้ มันทำให้บ่อน้ำตาที่แห้งแล้ว กำลังมีน้ำเพิ่มขึ้น "ฉันขอตัวก่อนนะคะ" ฉันหันกลับไปมองเขาให้เต็มตาอีกที ดู ๆ ไปนายนี่ก็หน้าตาดีเหมือนกันนะ เวลาที่เห็นหน้าตรง ๆ ก็น่ารักดี แถมหุ่นก็ยังสมาร์ทอีกต่างหาก ไม่เหมือนกับ......เฮ้อ ห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้นเด็ดขาด...............
ความคิดเห็น