คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : c h a p t e r ; 3 - S c h o o l -
School
ควันสีเทากำลังล่องลอยในอากาศ..เหมือนจิตใจของคนที่กำลังเสพมันนั้นละ
“สูบบุหรี่เป็นด้วยรึไง?”
ร่างบางเดินออกมาจากห้องครัวสังเกตุเห็นร่างสูงกำลังอัดบุหรี่ใส่ตัวเอง ดวงตาสีนิลดวงนั้นเหม่อยลอยและไร้วี่แววของความงัวเงียทั้งที่พึ่งตื่นนอน
“ก็กำลังสูบอยู่นี้ไง”
“มะเร็งจะกินเอานะ”
ร่างบางเอนตัวลงกับบานหน้าต่างอยู่ข้างหลังร่างสูงโดยทิ้งระยะห่างไว้พอกับช่วงตัว กอดอก มองดูร่างสูงในชุดเสื้อกล้ามสีขาวกำลังมือยันกับขอบระเบียง
“มันก็ร่างกายฉัน นายยุ่งอะไรด้วย”
“แต่ก่อนที่คุณจะตาย ผมก็จะตายก่อนนะสิ ไม่รู้รึไงว่าคนที่อยู่รอบข้างคนสูบจะมีอัตราเสี่ยงหลายเท่าในการเป็นมะเร็งมากกว่าคนที่สูบเองเสียอีกนะ”
“งั้นหรอ…”
ร่างสูงเลิกยันมือกับขอบระเบียงแล้วเดินตรงดิ่งมายังร่างบาง ควันสีเทาถูกพ่นใส่หน้าร่างบางจนคละคลุ้งแต่
ร่างบางไม่ได้เกิดอาการสำลักอย่างที่คาดไว้
“โอ๊ะ…ไม่ไอด้วย”
“ข้าวอยู่บนโต๊ะ”
ชางมินเดินให้ห่างออกมาจากแจจุง เพราะไม่อยากจะปะทะคารมด้วย
“คุณภรรยาที่น่ารัก ไม่เถียงสามี ไหนจะทำกับข้าวและงานบ้านอีก ห่วงสามีไม่ให้สูบบุหรี่ อย่างงี้มันน่ารักหนักๆสักรอบ ว่าไม?”
แจจุงขยี้มวนบุหรี่ลงกับที่เขี่ยบุหรี่แล้วย่อนตัวลงเป็นเก้าอี้ตรงข้ามกับร่างบาง
“ไร้สาระนะ แจจุง”
“ว้า…เขินแบบนี้ชักไม่น่ารักเลยนะ” แจจุงได้ทีก็แกล้งจีบปากจีบคอแกล้งคนตรงหน้าให้โมโหเล่น แต่กลับได้ผลตรงข้ามกับที่คิดอย่างเคย คือความเงียบ เมื่อเห็นดังนั้นก็คิดว่าคงไม่มีประโยชน์ที่จะทำต่อไปก็ลงมือทานอาหารตรงหน้าแทน
“ไม่มีหัวใจจริงๆเลยนะ ชางมิน”
“แล้วแค่จะคิดเถอะ”
ร่างบางลุกขึ้นจากโต๊ะ วางจานที่ว่างเปล่าไว้บนซิงค์ ขาเรียวยาวตัดสินใจเดินเข้าห้องนอนของตัวเองไป ทิ้งให้ร่างสูงอยู่กับตัวเองดังเช่นเคย
“ไม่มีหัวใจ…อย่างกับหุ่นยนต์เลยละ คิม ชางมิน”
.
.
.
.
.
.
.
วันเปิดเทอมวันแรก
ชางมินตื่นแต่เช้าและออกไปจากห้องโดยไร้การพูดคุยใดๆทั้งสิ้น มีเพียงอาหารเช้าง่ายๆที่วางไว้ให้แจจุงบนโต๊ะ ส่วนแจจุงยังจมอยู่ในห้วงนิทรา
ณ โรงเรียน
“ชางมิน เราได้อยู่ห้องเดียวกันละ!”
โจ คยูฮยอน เพื่อนสนิทของชางมิน ถึงชางมินจะเป็นคนเฉยชาต่อเกือบจะทุกๆสิ่งแต่ก็มีเพื่อนหลายแต่ถ้าพูดถึงเพื่อนสนิทกับชางมินก็คงจะมีไม่กี่คน
“อ่า…เข้าห้องเถอะ”
ชางมินรีบเดินนำเพื่อนตัวเองเข้าห้อง เลือกที่นั่งหน้าห้องที่ติดหน้าต่าง ส่วนโต๊ะข้างๆของชางมิน
คยูคยอนก็จัดการให้เป็นของตัวเองเรียบร้อย
เวลานี้ก็เป็นเวลาเกือบจะเข้าโฮมรูม ชางมินยังคงรับฟังคำพูดและประสบการ์ณของเพื่อนตัวแสบทั้งสองคนระหว่างคิม จุนซู กับ โจ คยูคยอน ทั้งสองคนทะเลาะกันบ้าง หัวเราะกันบ้าง ชางมินมองภาพนั้นเผลอคิดว่าตัวเองเป็นแค่นร.ม.ปลายปีสุดท้ายธรรมดา และตระหนักได้ในตอนท้ายเมื่อแอบเหลือบเห็นแหวนที่ใส่ไว้กับสร้อยคอเพื่อแอบสายตาเพื่อน ว่าตนเอง…แต่งงานแล้ว เรื่องทุกอย่างไม่ใช่ความฝัน
เสียงเลื่อนประตูดังขึ้น เรียกความสนใจจากคนทั้งห้องแจจุงในชุดนร.เรียบร้อยแต่ผมกับดูไม่เป็นทรง
สงสัยจะตื่นสาย ดวงตาสีนิลแอบหันไปค้อนให้ร่างบางที่ไม่ปลุกตนเองเหลือแต่อาหารเช้าไว้ดูต่างหน้า
ทำให้ตนเองต้องเสียภาพพจน์ในวันเปิดเทอมวันแรก
“เฮ้ ไม่ฟัดกับหมาแถวไหนมาแจจุง”
“เปล่าสะหน่อย”
แจจุงพยายามทำตัวเองให้ดูร่าเริง อ่อนโยน และเป็นมิตรในโรงเรียน ต่างจากสิ่งที่ชางมินพบเห็นก่อนหน้านี้
กระเป๋านร.ถูกวางไปบนเก้าอี้ที่วางข้างๆเพื่อนตนเอง แจจุงถูกจับให้นั่งท้ายห้องตามเพื่อนของตนเองไป เสียงหัวเราะครึกครื้น ชางมินเห็นแหวนที่เหมือนกับตนเองในนิ้วนางข้างขวาของแจจุง ที่ปกติมันต้องอยู่ข้างซ้าย
กริ่ง…
เสียงกริ่งแสดงว่าถึงเวลาเข้าเรียนดังขึ้น ชางมินมองออกนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย จนถูกอาจารย์ดุบ้างแต่ร่างบางเองก็ยังแอบเหลือบมองบรรยากาศข้างนอกไม่ละสายตา ต้นไม้ที่สูงใหญ่จนเห็นยอดบนชั้น 3 และอีกหลายๆต้น ท้องฟ้าสีอ่อนๆ
เค้าว่าสีเขียวจะทำให้ผ่อนคลาย…ท่าจะจริง…
แจจุงที่จดจ้องแผ่นหลังบางนั้นตลอดเวลา แต่มีหรือชางมินจะไม่รู้ตัว แต่กลับทำเฉยเมยเหมือนไม่มีอะไร เสียงสนธนาระหว่างคาบเริ่มขึ้น ชางมินขอตัวไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าเพื่อให้หมดจากอากาศง่วงนอน
ร่างสูงที่เห็นเช่นนั้นก็บอกเพื่อนของตนเองด้วยรอยยิ้มกว้าง แล้วเดินออกไปจากห้องตามร่างบางนั้นไป เรามีเรื่องต้องคุยกันหน่อยแล้วละมั้งชางมิน…
แจจุงเมื่อมาถึงห้องน้ำ เห็นร่างบางกำลังจ้องมองกระจกใบหน้าเปียกและเต็มไปด้วยหยดน้ำ ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตสังเกตุเห็นผู้มาใหม่ แต่ก็ไม่ได้มีปฏิกริยาอะไรตอบกลับไป ร่างสูงรีบดันร่างบางกึ่งบังคับให้เข้าห้องน้ำห้องเล็กไป ร่างบางเหมือนจะฝืนตอนแรก แต่พอคิดว่าสู้แรงไม่ได้ก็ได้แต่เดินตามแรงผลักไป
“มีอะไร”
“นี้คุณภรรยา ไม่คิดจะปลุกสามีหน่อยรึไง ดูสิคุณสามีต้องตื่นสายมารร.เกือบไม่ทันแน่ะ”
มือแกร่งเริ่มลูบไล้บนใบหน้าหวาน มันเนียนละเอียดจนยากจะถอนมือออกในความคิดของร่างสูงเอง ดวงตากลมโตมองไปที่มือแกร่งนั้น แล้วปัดทิ้ง
“บอกแล้วไม่ใช่รึไง ว่ามาถึงข้างนอกเราต้องไม่รู้จักกัน แล้วยังมาทำอะไรแบบนี้อีก ถ้าคนอื่นสงสัยจะทำยังไง”
“ก็บอกไปสิว่าฉันกับนายแต่งงานกันไง”
ร่างบางเริ่มไม่พอใจกับสิ่งที่คนตรงหน้าพูด แจจุงที่ไม่คิดว่าจะมีปฏิกริยาแบบนี้เกิดขึ้นก็ยกยิ้มมุมปากอย่างเริ่มสนใจในการกระทำต่อไป
“ก็ได้ ถ้าอยากให้ปลุกเดียวจะปลุก แค่นี้พอใจแล้วใช่ไม?”
ดวงตาสีตาลอ่อนตวัดมองฆ้อนคนที่กำลังคร่อมตัวเองกับประตูอยู่ด้วยความไม่พอใจ พอพูดจบก็ได้รอยยิ้มกว้างจากแจจุง
“กลัวใครมาเห็นรึไง?”
“….มันไม่ใช่เรื่องของนาย”
แจจุงอยากจะหัวเราะให้ดังลั่น ริมฝีปากร้อนแอบฉกแก้มหอมๆนั้นไปเพียงเสี้ยววินาที แล้วยิ้มอ่อนโยนให้ร่างตรงหน้า แต่ดวงตาที่เห็นกลับมีแต่ความสะใจ
“ขอบคุณนะที่จะปลุก ภรรยาที่น่ารักของฉัน”
แจจุงเปิดประตูห้องน้ำออกไป ทิ้งเหลือไว้เพียงความคับแค้นใจให้ชางมิน
กลัวใครมาเห็นงั้นหรอ…ไม่มีหรอก…ในเมื่อเค้าคนนั้นไม่อยู่แล้วนิ
ร่างบางเดินออกจากห้องน้ำ เดินกลับไปห้องของตนเอง เมื่อคิดถึงการกระทำของแจจุงเมื่อครู่ก็ได้แต่คิดวกวนกับตัวเองไปมา ไม่น่าหลวมตัวไปแต่งงานกับคนบ้าเลย…
พอถึงเวลาเลิกเรียนวันนั้น แน่นอนว่าทั้งคู่ไม่ได้กลับบ้านพร้อมกัน แจจุงเลือกที่จะเดินกลับบ้านเพราะไม่อยากเที่ยวที่ไหนต่อ แต่พอมาถึงก็ไม่พบร่างบางของใครอีกคน
“ไปไหนวะ…”
ส่วนร่างบางที่กำลังพูดถึงก็เข้าสู่สนามเบสบอล และเปลี่ยนเสื้อเพื่อเข้าชมรมที่ตัวเองอยู่มาตั้งแต่ปีหนึ่ง ทุกคนยอมรับในความสามารถของชางมินว่ามีพรสวรรค์ทางด้านเบสบอล ไม่ว่าตนเองจะอยู่ในตำแหน่งไหนก็สามารถทำได้ดี และมีช่วงขาที่ยาวทำให้วิ่งได้เร็ว
แต่เพราะอะไรหลายๆอย่างทำให้ไม่ได้รับตำแหน่งกัปตัน ซึ่งตนเองก็เห็นด้วยที่จะไม่รับมัน แถมยังสนับสนุนคนอื่นให้เป็นอีกต่างหาก
พอร่างบางอยู่ในชุดวอร์มก็เริ่มวิ่งรอบสนามเป็นการวอร์มร่างกาย ชเว มินโฮก็รีบวิ่งตามรุ่นพี่ของตนเองไปติดๆ
มินโฮเอ่ยทักชางมินด้วยรอยยิ้มกว้าง จนสาวๆแถวนี้ต้องยิ้มละลายตามเป็นแถว ชางมินหันมายิ้มให้อ่อนๆ เอ่ยทักด้วยน้ำเสียงไม่เบาไม่ดังเกินไป แต่ก็เรียกเสียงกรี๊ดเงียบๆจากข้างสนามได้เหมือนกัน
“หวัดดี คาริสม่ามินโฮ”
“อย่าเรียกผมอย่างงั้นสิครับ” มินโฮยิ้มเขินให้ชางมิน เพราะอายชื่อที่ชางมินเรียกไม่ว่าจะเรียกกี่ครั้งก็ไม่ชินสักที
“วันนี้จะเป็นวันรับเด็กใหม่ ใช่รึเปล่า?”
“ใช่ครับ ปีนี้จะมีคนสมัครเยอะกว่าปีก่อนอีกนะ”
“…อย่างงั้นหรอ”
ทั้งคู่วิ่งไปโดยไร้การสนธนาอะไรอีก เพราะอาการเหนื่อยหอบ ถึงจะวิ่งไม่เร็วนักแต่ก็นานเป็นสิบนาที ขืนพูดไปวิ่งไปจะหายใจไม่ทัน ชางมินยกน้ำขึ้นดื่ม ซีวอนเพื่อนร่วมรุ่นที่เป็นกัปตันเปิดประตูเข้ามาในสนาม พร้อมพ่วงด้วยรุ่นน้องที่จะสมัครเข้าชมรมเอ่ยทักชางมิน ชางมินเองก็ได้แต่ยกมือทักกลับไป แต่ไม่ได้พูดอะไร เพราะกำลังกินน้ำอยู่
“นี้เด็กใหม่ทั้งหมด…เราจะมาคัดกัน” ซีวอนชี้ไปที่พวกเด็กใหม่ทั้งหมด
“กี่คน…” ชางมินถามเสียงเรียบ อาการหอบหายไป หลังจากได้หยุดพักหายใจชั่วครู่
“ก็ประมาณ 50 แต่รับแค่ 20 คนน่ะ ชางมินนายช่วยคัดเด็กที่จะมาเป็นพิชเชอร์หน่อยสิ”
“แล้วแบทเตอร์ละ?”
“มินโฮจะเลือกเองน่ะ แล้วฉันก็จะเป็นคนคัดแคชเชอร์ ส่วนอื่นๆก็ให้พวกเยซองมันคัด”
“งั้นใครที่สมัครเป็นพิชเชอร์ก็มาทางนี้”
ชางมินเรียกพวกรุ่นน้องทั้งหลายให้ไปรวมตัวกันมุมใดมุมหนึ่งในสนาม ก่อนอื่นต้องให้วอร์มก่อน แล้วก็วิ่งแล้วยังมีอย่างอื่นอีกตั้งมากมาย รุ่นน้องที่ยืนตรงนี้มีประมาณ 15 คน มีคนอยากเป็นพิชเชอร์มากขนาดนี้เลยรึไง
แต่ก็ต้องยอมรับแหละนะ ว่ามันเป็นตำแหน่งสำคัญ
“ให้เวลา 10 นาทีเพื่อวอร์ม”
“พี่จะไม่ถามชื่อพวกผมหน่อยเลยหรอครับ?”
“…ไว้นายผ่านก่อนเถอะ”
ร่างบางเดินจากไป มองดูพวกรุ่นน้องที่กำลังวอร์มอัพอย่างพยายาม…มันเหมือนกับเค้าตอนพึ่งเข้าชมรมใหม่ๆ ที่เพราะเค้าเข้ามาก็เพราะคนๆนั้น…คนที่สอนเค้าทุกอย่าง…ที่ชมรมเป็นที่รู้จักมากขนนาดนี้ก็เพราะคนๆนั้น ถึงเค้าจะบอกว่าเป็นเพราะผมก็เถอะ…
“มายืนตรงนี้ ทิ้งให้รุ่นน้องผู้น่าสงสารต้องตากแดดตากลม ไม่สงสารรึไงชางมิน? ไหนจะท่าทางเย็นชาแบบนั้นอีก มันสร้างอคติตอนแรกพบรู้ไม”
“นายก็ทำไม่ใช่รึไง ซีวอน แล้วถ้าคิดว่าฉันเย็นชานัก ก็ตัดเพื่อนกันเลย” ชางมินไม่ได้แสดงสีหน้าแววเล่น แต่ก็ไม่ได้จริงจัง สายตามองตรงไปที่รุ่นน้อง ถ้าวอร์มหนักไปเวลาคัดก็หมดแรงพอดี เจ้าพวกบ้า…
“ฮ่าๆๆๆ ไม่แซวแล้วก็ได้ไอ้ปริ้นซ์ชิม ไปละ พวกรุ่นน้องเรียกฉันสะแล้ว”
ซีวอนผละออกไปจากที่พักนักกีฬา ทิ้งให้ชางมินนั่งลงกับเก้าอี้สีหม่นๆนั้น สายตาสังเกตุเห็นรุ่นน้องตัวสูงที่วิ่งมาหาตนเอง
“คือ พี่ชางมิน โทรศัพท์พี่มีเมลเข้านะครับ จากชื่อที่พี่เมมว่า ไอ้บ้า นะครับ”
“อ่า…ขอบคุณ คัดไปถึงไหนแล้วละ?”
ชางมินรับโทรศัพท์มาจากรุ่นน้อง แล้วเอ่ยถามถึงการคัด สายตาก็ก้มอ่านเมลที่พึ่งส่งมา
“ก็ไม่ไงหรอกครับ รุ่นน้องเค้าเก่งกันอยู่แล้ว แล้วพี่ละฮะ?”
“ฉันจะรับแค่ 2 คนเท่านั้น”
“เอ๋…น่าสงสารแย่เลยนะครับเนี้ย” มินโฮเหลียวหลังไปมองพวกรุ่นน้องที่สมัครมาเป็นพิชเชอร์
“พิชเชอร์ ถ้าไม่เก่งจริงก็เป็นไม่ได้หรอก”
“นั้นสินะครับ” มินโฮพูดไป พร้อมกับรอยยิ้มกว้างอีกครั้ง เค้านับถือรุ่นพี่คนนี้มาก
“ว่าแต่…ไอ้บ้า ที่พี่เมมนี้ใครหรอครับ?”
“ไอ้บ้าก็คือไอ้บ้า ไม่มีอะไรหรอกมินโฮ ไปเถอะ ฉันเองก็จะไปแล้วเหมือนกัน”
ไอ้บ้าที่ชางมินว่า…มันจะเป็นใครได้อีกนอกจากแจจุงที่กำลังนั่งยิ้มสะใจกับแมจเสจตัวเองที่ส่งไปให้คุณภรรยาที่รัก สงสัยป่านนี้จะทำอะไรอยู่นะ จะอาละวาดไปแล้วรึยัง แต่หารู้ไม่ว่าคุณภรรยาเองก็ไม่ได้สนใจแมสเสจนั้นสักนิด แถมยังตอบกลับด้วยประโยคที่ทำให้คนอ่านแทบนั่งไม่ติด
‘เมื่อไรจะกลับบ้านสักที คุณภรรยา
ผมหิวข้าวแล้วนะ…บู่บู่ - 3-
แจจุง’
‘ทำเองไม่เป็นรึไง ไอ้หง่อย
ฉันยังอยู่ที่รร. หากินเองแล้วกัน’
_________________________________________
talk ; โว๊ย! เริ่มแรง ๕๕๕๕
ชางมินเป็นนักกีฬาเบสบอลที่เก่งมากๆ
ความคิดเห็น